บุคคลที่ปฏิบัติธรรม ยิ่งทำจะยิ่งไม่อยากสุงสิงกับใคร

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 กรกฎาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,370
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,921
    74C8FF63-AA03-4BD7-B6F2-0C9008945DB4.jpeg

    บุคคลที่ปฏิบัติธรรมมา สิ่งที่คิด คำที่พูด กายที่ทำ จะอยู่ในกรอบที่พอเหมาะพอดี ยิ่งถ้าหากว่าอยู่ในระดับที่ปฏิบัติแล้วเข้าถึงอารมณ์ใจใหม่ ๆ บางคนเหมือนกับเป็นใบ้ ไม่อยากสุงสิงเสวนากับใครทั้งนั้น เพราะว่าเสียเวลาในการรักษาอารมณ์ใจของตนเอง

    ตัวกระผม/อาตมภาพเอง เริ่มทุ่มเทให้กับการปฏิบัติธรรมตอนอายุ ๑๖ ปี เก้าปีผ่านไป ถึงอายุ ๒๕ แทบจะไม่พูดไม่จากับใครเลย เพราะว่าต้องคอยรักษาอารมณ์ในการปฏิบัติธรรมเอาไว้ให้ต่อเนื่อง

    ยิ่งในช่วงที่ฝึกกสิณต่าง ๆ ยิ่งจำเป็น เพราะว่าการรักษาภาพกสิณเอาไว้นั้น จะหลับ จะตื่น จะยืน จะนั่ง ภาพกสิณต้องปรากฏชัดอยู่ในห้วงนึก เผลอเมื่อไรก็หลุดหายไป สภาพจิตที่ระมัดระวังตอนนั้นเหมือนกับเลี้ยงลูกแก้วบนปลายเข็ม เผลอเมื่อไร ลูกแก้วก็ตกแตก เราต้องมาเริ่มต้นใหม่

    แต่พอมาฝึกมโนมยิทธิได้ ตอนอายุ ๑๙ ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ พยายามฝึกฝนทบทวน จนกระทั่งโดนครูบาอาจารย์ไล่ออกมาจากวงฝึก เพราะว่าไปทำเขาเสียหมด เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าครูฝึกเอ่ยปากคำแรก กระผม/อาตมภาพจะรู้แล้วว่าทั้งประโยคนั้นคืออะไร แล้วก็ชิงตอบก่อน ขณะที่คนอื่นก็ "เอ๋อรับประทาน" กันหมด ทำให้การฝึกของผู้ร่วมวงเสียหายหมด เพราะคนอื่นยังไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร กระผม/อาตมภาพจึงโดนครูฝึกไล่ออกมา พร้อมกับข้อหาว่า "มาลองดี" เดินหน้าเหี่ยวออกจากห้องฝึกมา

    ความจริงกระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ต้องการอะไร ต้องการแค่ความคล่องตัวและชัดเจน ยิ่งต้องการความคล่องตัวและชัดเจนมากเท่าไร ก็ต้องยิ่งฝึกซ้อมให้มากเท่านั้น แล้วการซักซ้อมนั้น เราจะรู้ว่าถูกหรือผิด ก็ต้องมีครูคอยบอก เดินออกมาข้างนอก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านรับสังฆทานช่วงบ่ายอยู่ ท่านก็หัวเราะแล้วบอกว่า "คล่องตัวขนาดนั้น ไปเป็นครูฝึกเขาได้แล้วลูก"

    กระผม/อาตมภาพก็ยังไม่มีความมั่นใจอยู่ดี คือรู้สึกว่ายังไม่ดีพอ แต่ในเมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่าไปเป็นครูฝึกได้ เดือนต่อไปก็เข้าไปสอน ปรากฏว่าการสอนนั้นก็ไปเจอลูกศิษย์มหัศจรรย์ เพราะว่าครูฝึกมักจะเลี่ยงวงที่มีผู้สูงอายุอยู่ เนื่องจากว่าส่วนใหญ่แล้วไปไม่รอด แต่กระผม/อาตมภาพกลับโชคดี ไปเจอผู้สูงอายุแบบมหัศจรรย์ คือมีความคล่องตัวมาก ไม่ว่าจะหลอกล่อแบบไหนก็ ไม่สามารถที่จะหลอกได้ ถามอะไรไปก็ตอบถูกหมด

    เมื่อนำทุกคนไปพระนิพพานได้แล้ว ก็ให้รักษาใจเอาไว้ตรงจุดนั้น มีอะไรอยากรู้ก็กราบเรียนถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาเอง ตัวเองก็ไปสอนกลุ่มอื่นต่อ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มที่โดนทอดทิ้งเหมือนเดิม ปรากฏว่าทุกกลุ่มที่เข้าไป สามารถที่จะยกใจของตนเองขึ้นสู่พระนิพพานได้ อาจจะเป็นเพราะว่ากระผม/อาตมภาพรู้ว่า ตอนนี้กำลังใจของเขาอยู่ในระดับไหน จึงสามารถที่จะบอกได้ถูกต้อง

    โดยเฉพาะมีอยู่ท่านหนึ่ง ฝึกกรรมฐานสายอื่นมา คือฝึกมาในสายธรรมกาย ไม่ได้มาเริ่มด้วยมโนมยิทธิ ขณะที่คนอื่นตอบคำถามตามที่กระผม/อาตมภาพตะล่อมกำลังใจเพื่อจะให้ยกจิตขึ้นไปสู่พระนิพพาน เขามีความสุขอยู่กับการกำหนดภาพพระในลูกแก้วของตนเอง ไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับใคร จนกระทั่งอีก ๔ คนไปรออยู่ที่พระนิพพานหมดแล้ว ถึงมีโอกาสหันมาถามเขาว่า "ภาพพระในลูกแก้วยังชัดเจนแจ่มใสดีใช่ไหม ?" เขาถึงได้หลุดปากออกมาคำแรกว่า "ใช่"

    กระผม/อาตมภาพถึงได้บอกว่า "พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหน นอกจากอยู่บนพระนิพพาน เมื่อเห็นพระองค์ท่านคือคุณอยู่กับพระองค์ท่าน เมื่อคุณอยู่กับพระองค์ท่าน คือคุณอยู่บนพระนิพพาน ให้ตั้งใจน้อมจิตกราบลงไปตรงนั้น" เขาร้องไห้โฮอยู่ตรงนั้นเอง ก็ไม่นึกว่าการไปพระนิพพานจะง่ายแบบนี้

    แต่เมื่อไปรายงานยอดว่าวันนี้สอนไปพระนิพพานได้ ๑๙ คน โดนบรรดารุ่นพี่ดุเอาว่า "จะเก่งเกินไปไหม ?" เพราะแต่ละคนสอนได้ ๒ คน ๓ คนก็เก่งมากแล้ว พอการสอนครั้งต่อไปก็เลยมีรุ่นพี่รุ่นป้ามาแอบฟัง แล้วก็ไปสรุปกันเองว่า "ไอ้ตี๋เล็กมันสอนโดยที่ไม่ตัดขันธ์ ๕ เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาคนไปพระนิพพานได้" กระผม/อาตมภาพก็มานั่งคิดว่า การที่เราบอกเขาว่า "ต่อให้ตายลงไปตอนนี้เราก็ยอม เพื่อแลกกับพระนิพพาน" ถ้าไม่ใช่การตัดขันธ์ ๕ กูก็ไม่รู้ว่าจะตัดอย่างไร !?

    พอเวลาลูกศิษย์มีปัญหาสงสัย ก็มักจะไปสอบถามบรรดาครูฝึกผู้ใหญ่ กระผม/อาตมภาพนั่งฟังอยู่ บางทีได้ยินคำตอบที่ผิด มีความรู้สึกว่า "เราจะไม่พูดกับคนไม่ได้แล้ว เพราะว่าถ้าหากว่าเราไม่พูด คนไม่กล้าเข้าใกล้ เขาจะเสียประโยชน์เอง โดยเฉพาะท่านที่ได้รับคำตอบผิด ๆ ไป อาจจะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิไปเลย"

    ดังนั้น...จึงเริ่มตอบปัญหาธรรมตั้งแต่ตอนช่วงอายุ ๒๕ ปี คือปี พ.ศ. ๒๕๒๗ แล้วก็ลากยาวมาจนทุกวันนี้ นี่คือสาเหตุที่ว่าจากคนที่ไม่พูดเลย ทำไมมาพูด แล้วไม่ค่อยอยากจะหยุด..!

    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕
    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=8772

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun.
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...