ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี-ผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งหลายด้านการให้ทาน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย พระวัดหัวเขา, 31 สิงหาคม 2009.

  1. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +4,805
    [​IMG]


    ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี-
    ผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งหลายด้านการให้ทาน

    <O:p</O:p

    พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายล้วนตรัสไว้เสมอว่าผู้รู้กาล รู้เวลา รู้ตน รู้บุคคล รู้ประชุมชน นั้นคือ .... เป็นผู้รู้โดยแท้จริง ......
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตามเรื่องราวในสวรรค์ชั้นดุสิตได้เคยนำเสนอในคราวก่อนนั้น ได้กล่าวไว้ถึงบุคคลที่ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ว่ามีหลายต่อหลายท่านที่ไปเกิดในสวรรค์ชั้นนี้ แต่ไม่ได้นำมากล่าวทั้งหมด...... ในที่นี้ ก็ขอยกเอาท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มากล่าวเป็นพอ<O:p</O:p

    ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จัดเป็นบุคคลตัวอย่างในเรื่อง การให้ทาน เป็นตัวอย่างในการเข้าถึงพระรัตนตรัย มีศรัทธามาก ท่านเป็นอุบาสกที่มีชื่อเสียงมาก จัดเป็นมหาอุบาสกก็ว่าได้ เพราะท่านมีศรัทธา ในทาน ในศีลในธรรม <O:p</O:p

    ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีนั้น ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทมากในการบำรุงพระพุทธเจ้าและพระศาสนา ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าทรงยกย่อง ท่านว่า

    “เป็นเลิศกว่าบรรดาอุบาสกและบุคคลทั้งหลาย ในด้านการให้ทาน”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้น ควรที่จะกล่าวไว้เป็นเครื่องระลึก และเป็นแบบอย่างแก่พุทธศาสนิกชน ในที่นี้จะกล่าวเพียงบางตอนต่อไป........



    ประวัติท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี<O:p</O:p



    ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมีนามเดิมว่า “สุทัตตะเศรษฐี” เป็นบุตรของ “ท่านสุมนเศรษฐี" อยู่ในกรุงสาวัตถี ท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนตกยาก ทำให้ท่านถูกเรียกจากชาวเมืองสาวัตถีว่า “อนาถบิณฑิกเศรษฐี” แปลว่า เศรษฐีผู้เป็นที่พึ่งของคนยาก <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ท่านอนาถบิณฑิกะมีภรรยาชื่อว่า “บุญญลักษณา” ซึ่งเป็นน้องสาวของเศรษฐีในกรุงราชคฤห์ ที่มีชื่อว่า “ราชคฤหเศรษฐี” ส่วนน้องสาวของท่านอนาถบิณฑิกะก็เป็นภรรยาของราชคฤหเศรษฐีเช่นกัน ทั้งสองท่านจึงเป็นสหายกันด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จัดเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยมีกองเกวียนมาก และมักเดินทางไปค้าขายในต่างเมืองเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่ง ท่านได้เดินทางไปค้าขายที่กรุงราชคฤห์ และได้ไปพักอยู่ที่บ้านของท่านราชคฤหเศรษฐี ซึ่งเป็นพี่เขยนั้น จัดเป็นเศรษฐีคนหนึ่งในกรุงราชคฤห์

    ในขณะที่พักอยู่นั้นก็ได้เห็น ท่านราชคฤหเศรษฐีตระเตรียมทานเป็นอันมาก จึงเกิดสงสัยว่า ที่บ้านจะมีพระราชาเสด็จ หรือมีงานมงคลอย่างใดอย่างหนึ่ง<O:p</O:p

    ดังนั้น จึงกล่าวถามท่านราชคฤหเศรษฐีว่า "ที่บ้านท่านจะมีงานอะไรหรือ " ก็ได้รับคำตอบว่า"พระพุทธเจ้าจะเสด็จมา รับพระกระยาหารที่บ้านเราในตอนรุ่งเช้า"

    เมื่อท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ฟังว่า"พระพุทธเจ้า" เท่านั้นก็ดีใจ เบิกบานใจอย่างบอกไม่ถูก.... ในคืนนั้นท่านนอนไม่หลับ เพราะอยากไปเฝ้าพระพุทธเจ้า จึงตื่นถึงสามครั้งในคืนนั้น พอใกล้รุ่งแล้วตนเองทนไม่ไหวจึงออกเดินไปเฝ้าพระพุทธเจ้า.....

    ในตอนนั้นพระพุทธเจ้าพักอยู่ที่ "สีตวัน" เมื่อทรงเห็นท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีแล้ว ก็ทรงตรัสเรียกชื่อท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีว่า "ท่านสุทัตตะ เชิญเข้าม" ท่านอนาถบิณฑิกะ ปลื้มใจมาก ที่พระพุทธเจ้าเรียกชื่อเดิมตน โดยไม่มีใครเคยเรียกเลย

    เมื่อพูดคุยถามแล้วพระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงอนุปุพพิกถา ที่พรรณนาเรื่องทาน ศีล สวรรค์ โทษของกาม และอานิสงส์การออกบวช แล้วก็จบลงด้วยอริยสัจ 4 เมื่อฟังแล้ว ท่านก็สำเร็จเป็นพระโสดาบัน .......

    ต่อมาท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้อาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมเหล่าพระสาวกไปกรุงสาวัตถี แต่พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    "ตถาคตเจ้าทั้งหลาย ย่อมยินดีในที่ที่สงบเงียบ"<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จากนั้นท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็เข้าใจ จึงเดินทางกลับกรุงสาวัตถีก่อน ที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จมา <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ในตำรากล่าวว่า ในระหว่างที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเดินทางกลับนั้น ท่านได้ให้คนสร้างศาลาที่พักไว้ ทุก ๆ ๑ โยชน์ และทุก ๆ ศาลาก็ให้จัดอาหารไว้ เพื่อถวายแด่พระพุทธเจ้าด้วย คิดรวมระยะทางแล้วประมาณ ๕๔ โยชน์

    เมื่อตนกลับไปถึงแล้วก็เที่ยวแสวงหาสวนที่มีความสงบเงียบ ก็ไปเห็นสวนที่สงบเงียบ อยู่ห่างจากเมืองประมาณ ๑ กิโลเมตร จึงตัดสินใจซื้อด้วยเงินที่มากมายเลยเกิน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เพราะเจ้าของที่ คือ เจ้าเชต บอกว่า ต้องเอาเงินทองมาปูพื้นที่ที่จะสร้างวัดให้เต็ม เจ้าของที่จึงจะยอมขายให้ ตามตำรากล่าวว่า การสร้างวัดเชตวันนั้น ใช้เงินไปมากกว่า ๕๔ โกฏิ ...... ในการสร้างวัดและรวมทั้งทำบุญด้วย.....เห็นได้ว่า เป็นเงินจำนวนมากมายมหาศาล การสละเงินจำนวนมากเช่นนี้ ย่อมใช้กำลังใจเสียสละในการให้ทานเป็นอย่างมาก ท่านจึงเป็นบุคคลคนที่หาได้ยากยิ่ง

    <O:p</O:p
    ในการสร้างวัดพระเชตวันที่ยิ่งใหญ่ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ถวายแด่พระพุทธเจ้านั้น พระพุทธองค์ได้ทรงได้ประทับอยู่ในวัดพระเชตวัน นานถึง ๑๙ พรรษา ในจำนวน ๔๕ พรรษาในการที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศศาสนาของพระองค์...<O:p</O:p

    wel lcome_dog
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 สิงหาคม 2009
  2. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +4,805
    ผลแห่งความมั่นคงในพระรัตนตรัย

    <O:p</O:p

    เรื่องราวของท่านอนาถบิณฑิกะนั้น มีอยู่ตอนหนึ่งที่น่าสนใจ เกี่ยวกับเรื่องเงิน เรื่องทอง ทรัพย์สมบัติที่หมดไปของท่านอนาถบิณฑิกะ แต่ก็ได้กลับมาด้วยผลแห่งความมั่นคงในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติแก่พุทธศาสนิกชนต่อไป....

    <O:p
    เรื่องมีอยู่ว่า ... ทรัพย์เงินทองของท่านอนาถบิณฑิกะที่หมดไปนั้น หมดไปในการให้ทาน หมดไปในการลงทุนค้าขาย และเพื่อนที่ร่วมลงทุนได้กู้เงินไป ๑๘ โกฏิ แล้วก็ไม่คืน ส่วนทรัพย์ที่ฝังไว้ในแผ่นดินนั้น ก็ถูกน้ำเซาะพังไปทรัพย์ก็หายไปในแม่น้ำอีกกว่า ๑๘ โกฎิ .... นี้คือเหตุของการสิ้นทรัพย์

    แต่นั้นก็ไม่ทำให้ท่านอนาถบิณฑิกะหยุดให้ทาน ท่านก็ยังคงนิมนต์พระพุทธเจ้า และเหล่าสาวก มารับภัตตาหารเหมือนเดิม ไม่เคยขาด ... แม้อาหารของท่านจะไม่ดี ประณีตเหมือนเคยก็ตาม ... ท่านอนาถบิณฑิกะก็สังเกตพระพุทธเจ้าดูแล้ว พระพุทธเจ้าก็ไม่ห้ามในการให้ทานของท่านอนาถบิณฑิกะเลย กับรับนิมนต์แต่โดยดี.....

    แม้ทรัพย์ของท่านอนาถบิณฑิกะหมดไป แต่ศรัทธาในใจไม่ตก ....... เราท่านทั้งหลายจงดูแบบอย่างไว้......
    <O:p</O:p


    ....เทวดามิจฉาทิฐิ (ผู้มีความเห็นผิด) <O:p</O:p

    กล่าวกันว่าในหมู่สรรพสัตว์อันได้แก่ คน สัตว์ กายทิพย์ อื่น ๆ อีก คนก็เป็นพวก สัตว์ก็แบบเป็นชนิด กายทิพย์ก็แบบเป็นชั้น..... ในแต่ละอย่างยอมมีดี เลวประปนกันไปไม่ว่าจะเป็นนิสัย ความคิดดี ชั่วล้วนมีในสรรพสัตว์ ที่มีกิเลสทั้งสิ้น....
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ทั้งนี้ ล้วนกล่าวได้ว่า ทุก ๆ บุคคลย่อมมีใจ ความคิดที่ต่างๆกัน.... ดังที่พุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "นานาจิตตัง" จิตคนเราไม่เหมือนกัน ดังนี้ ตัวอย่างเช่น เทวดาองค์ที่เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องนี้ ดังที่จะกล่าวต่อไป......

    ในครั้งนั้นในบ้านของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้มีเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิองค์หนึ่ง ได้อาศัยอยู่ในซุ้มประตู ที่ ๔ ในขณะที่อยู่ในซุุ้มประตูนั้น เทวดาองค์นี้ มักมีความคิดและก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่า ..
    <O:p</O:p

    “เมื่อใดท่านอนาถบิณฑิกะ ได้อาราธนาพระพุทธเจ้ามารับบิณฑบาตที่บ้านเมื่อใด ตัว(เทวดา)ก็ไม่สามารถอยู่ที่ซุ้มประตูได้ เพราะอานุภาพของพระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวก จึงทำให้ตนอยู่ไม่ได้เกิดความลำบากและก็รำคาญใจมาก”


    จึงไม่อยากให้พระพุทธเจ้าเสด็จมา

    แต่เทวดาก็ไม่กล้าบอกแก่ท่านอนาถบิณฑิกะ เพราะบอกอย่างไรก็ไม่เชื่อแน่นอน เพราะในตอนนั้น ท่านอนาถบิณฑิกะยังคงมีความมั่นคงในพระรัตนตรัย และมีเงินทองอยู่มาก ในความคิดของเทวดานั้น ก็คิดในเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา และ ยังคอยโอกาสที่จะนำเรื่องความลำบากของตนไปบอกท่านอนาถบิณฑิกะ

    ในที่สุดก็มีเหตุประจวบเหมาะ เมื่อทรัพย์สมบัติของท่านอนาถบิณฑิกะเริ่มหมดไป เทวดาจึงได้โอกาสเข้าไปบอกท่านอนาถบิณฑิกะ ในเรื่องความลำบากให้ท่านอนาถบิณฑิกะได้รับรู้ และ คงเชื่อตนแน่นอน เพราะเงินทองเริ่มเหลือน้อยแล้ว.....

    นิยามความไม่รู้จักพอ..... คนเราเมื่อมีความเห็นผิด ย่อมกระทำในสิ่งที่ผิดเสมอ เหมือนคนพาล อย่างไรเสียก็เป็นคนพาล แม้จะอยู่ดีมีสุขอย่างไร ก็ไม่พอใจในการเป็นอยู่ เทวดาองค์นี้ ก็เป็นอีกตัวอย่างในความไม่รู้จักพอในที่ ๆ ควร ทั้ง ๆ ที่มาอาศัยสถานที่ของผู้อื่นอยู่แท้ ๆ

    ในคืนนั้นเอง เทวดาตนนั้น ก็เข้าไปปรากฏกายลอยอยู่ในอากาศ ที่ในห้องนอนของท่านอนาถบิณฑิกะ เมื่อการปรากฏกายของเทวดาที่ลอยอยู่นั้น

    ท่านเศรษฐีก็ได้เห็นแล้วก็ถามไปว่า... "ท่านเป็นใคร"

    เทวดาตอบโดยเร็ว ... "เราคือ เทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่ซุุ้มประตูที่ ๔ ในบ้านของท่าน"

    ส่วนท่านอนาถบิณฑิกะ เมื่อเห็นเทวดาก็ไม่ตกใจ กลับถามออกไปอีกว่า ....... <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    "ท่านเข้ามาทำไมในยามวิกาล ท่านต้องการอะไร"....

    "เรามาเพื่อจะเตือนสติท่าน" เทวดาตอบ ....<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ท่านอนาถบิณฑิกะกล่าวว่า ... "เอาเถอะ ท่านจงเตือนเรามา จะเตือนเรื่องใดก็เตือนมา เพราะหัวใจเราเปิดกว้างพร้อมที่รับคำเตือนจากท่าน จงแนะนำเราได้เลย" <O:p</O:p

    ครั้งนั้นเมื่อเทวดาได้ฟังท่านอนาถบิณฑิกะ กล่าวเปิดใจให้แล้ว เมื่อเทวดาได้ฟังทั้งนั้น จึงเป็นโอกาสที่จะกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ในความเห็นของตน...แล้วก็กล่าวแนะนำไปว่า .......<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    " ท่านเศรษฐี ท่านจำได้หรือเปล่าว่า แต่ก่อนนั้น ท่านร่ำรวยมากมีเงินทองมาก สมบัติก็มหาศาลแต่ ท่านกลับทุ่มเทไปในพระพุทธศาสนามากมาย จนเดี๋ยวนี้ ท่านยากจนลง แต่ก็ยังไม่เลิกให้ทานอีก เราว่าต่อไปท่านต้องไม่มีข้าวกินแน่นอน แม้เสื้อผ้าก็จะไม่มีห่ม ประโยชน์อะไรในการให้ทานแก่พระสมณโคดม ท่านจงเลิกให้ทานเสียเถิด"

    หลังจากเทวดากล่าวจบ ท่านอนาถบิณฑิกะก็ถามไปว่า "นี้หรือคือคำแนะนำของท่าน"<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เทวดาก็ตอบว่า "ใช่" ...

    เมื่อท่านอนาถบิณฑิกะ ได้ฟังแล้วก็ไล่เทวดานั้นทันที " โน่น... จงออกจากเรือนเราไปเดี๋ยวนี้... แต่เดี๋ยวก่อน... แล้วจงฟังนะท่านเทวดา ต่อให้มีเทวดาอย่างท่านเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่นหรือจะเป็นแสนก็ตาม แล้วมาพูดจาแบบนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เราคลายความมั่นคงจากพระรัตนตรัยลงได้ ในคำพูดของท่านจัดไม่เป็นมงคลเลย แล้วประโยชน์อะไรจะมาอาศัยเรือนเราอยู่ จงไปซะ.. ไปจากเรือนเราเดี๋ยวนี้"

    ... จากนั้นเทวดาก็พากันออกจากไปทั้งลูกเมีย ไปกันทั้งครอบครัวเลยทีเดียว.. และก็ไม่รู้จะพากันไปอยู่ที่ใด เพราะไม่มีเรือนจะอยู่ เพราะบุญไม่เคยทำกรรมดีไม่เคยสร้าง

    การเป็นเทวดานั้น ไม่ใช่จะไปสร้างบ้านเรือนเองได้ แต่อาศัยมีได้เพราะแรงแห่งบุญ (สำเร็จได้ด้วยบุญ) ไม่ใช้สร้างได้เหมือมนุษย์ ... แม้ตามป่าเขาก็เช่นกัน แม้เห็นต้นไม้คิดจะอยู่ก็อยู่ไม่ได้ จะไปบ้านไหน ๆ ก็ ล้วนมีเจ้าของที่สิงอยู่ก่อนแล้ว เมื่อไม่มีที่อยู่ก็เลยกลายเป็นเทวดาจรจัด ... จึงมีคำกล่าวว่า “พูดดี เป็นศรีแก่ปาก พูดมาก พูดในสิ่งที่ไม่ดีก็นำทุกข์มาให้"

    หลังจากถูกไล่แล้ว เทวดาองค์นั้นก็พาลูกเมีย เดินคอตกออกจากเรือนไป ...... แม้จะลอยได้ ก็คอตกเป็นเหมือนกัน จะอาศัยการเนรมิตบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ก็ใช้ไม่ได้ เพราะไม่มีบุญ( กลายเป็นเทวดาตกกระป๋อง) <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    บุญที่มีอยู่นั้น ก็เริ่มหรี่ลงไปเรื่อย ๆ ความลำบากเริ่มหนักเข้าหนักเข้า จึงเกิดความสำนึกผิด คิดถึงวาทกรรมของตน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    "ในวจีคำพูดที่ไม่เป็นมงคลนั้น นำทุกข์มาให้จริงๆ ไม่ใช่แต่ตัวเรา ครอบครัวก็ลำบากไปด้วย... เห็นที่ต้องไปขอโทษท่านเศรษฐีแน่แล้วเรา... แต่จู่ๆเราไปขอโทษเลยนั้นคงไม่ได้แน่ เราต้องเข้าหาผู้ใหญ่ก่อน แล้วยกเอาผู้ใหญ่เข้าอ้างอิง ตามโบราณว่า "เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด"<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เมื่อมีความสำนึกในความผิดแห่งตนแล้ว ก็เข้าไปหาเทพบุตรผู้รักษาเมือง เพื่อให้ช่วยเจรจากับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีให้ยกโทษให้ แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เทวดาก็เข้าไปหาเทพที่มียศสูงกว่าอีก

    ตอนนี้ก็เลยเข้าไปหาท้าวมหาราชทั้งสี่ ผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองนาค ยักษ์ คนธรรพ์ และครุฑ ท้าวมหาราชทั้งสี่ก็กล่าวเช่นเดียวกันกับเทพบุตรผู้รักษาเมืองว่า

    "เราไม่อาจช่วยท่านได้ เพราะท่านได้กล่าวคำอันไม่สมควร"

    เมื่อไม่ได้รับการช่วยเหลืออีก ก็เดินทางต่อไปหาเทพผู้มีระดับสูงกว่าต่อไป ดังนั้น จึงเข้าไปหาท้าวสักกะเทวราช หรือพระอินทร์ พร้อมกราบทูลเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ได้ทราบ และก็ทูลวิงวอนอย่างน่าสงสารว่า

    "ข้าพระองค์และครอบครัวไม่มีที่อยู่แล้ว ต้องเที่ยวพาลูกเมียระหกระเหินหาที่พึ่งไม่ได้ ขอพระองค์โปรดช่วย ข้าพระองค์ด้วยเถิด"

    ท้าวสักกะเทวราช เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าวิงวอนที่น่าสงสารแล้ว ก็ตรัสว่า..

    " เราช่วยท่านไม่ได้หรอก เพราะท่านกล่าวคำอันไม่สมควร แต่เรามีวิธีการที่จะช่วยท่านได้ คือ
    ท่านต้องแปลงร่างเป็นเสมียนของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี แล้วก็เข้าไปเอาสัญญากู้เงินจากท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ซึ่งเป็นสัญญาที่เพื่อนท่านเศรษฐี ทำการกู้เงินไป แล้วเอาสัญญานั้นไปทวงหนี้คืนมาให้หมดทั้ง ๑๘ โกฏิ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อได้มาแล้วก็นำไปเก็บไว้ในคลังของท่านอนาถบิณฑิกะ จากนั้นให้ท่านไปขนทรัพย์อีก ๑๘ โกฏิที่ถูกน้ำเซาะหายไป เอากลับคืนมาไว้ในคลัง เท่านั้นยังไม่พอท่านต้องไปหาทรัพย์ที่ไม่มีเจ้าของอีก ๑๘ โกฏิมาเพิ่มให้ท่านอนาถบิณฑกะอีก ให้ถือว่าเป็นดอกเบี้ยในทรัพย์ที่สูญหายไป
    แล้วก็นำไปไว้ในคลัง ด้วยอานุภาพฤทธิ์แห่งท่าน ท่านจงทำคลังของท่านอนาถบิณฑกะให้เต็มไปด้วยทรัพย์ เมื่อท่านทำได้ตามเราบอกแล้วก็เข้าไปสารภาพผิด"

    ..... จากนั้นเทวดาก็ไปปฏิบัติตามคำแนะนำ หาทรัพย์มาจงเต็มคลังของท่านอนาถบิณฑิกะ ด้วยอานุภาพบุญของท่านอนาถบิณฑกะกอปรกับบุญฤทธิ์ และเทวานุภาพ .... จากนั้นก็เข้าไปขอขมา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เมื่อท่านอนาถบิณฑิกะเห็นเช่นนั้นก็ทราบว่า เทวดาคงรู้สำนึกแล้ว แต่ท่านอนาถบิณฑกะยังไม่อภัย กลับพาไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า โดยบอกว่า ถ้าพระพุทธเจ้ายกโทษให้ เราก็เช่นกัน เมื่อไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วก็ได้ฟังโอวาท จากพระพุทธเจ้าแล้ว เมื่อจบโอวาทเทวดาก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล .....<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เราจะเห็นได้ว่า ท่านอนาถบิณฑิกะนั้นมีคุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]ต่อเทวดา องค์นี้มาก</st1:personName> ทำให้เปลี่ยนจากความเป็นผู้มีมิจฉาทิฐิ มาเป็นสัมมาทิฐิ ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน.....

    ต่อมาในภายหลังท่านป่วยหนัก ก็ให้คนไปทูลพระพุทธเจ้า และนิมนต์พระสารีบุตรมาด้วย พระสารีบุตรก็แสดงธรรมให้ฟัง จากนั้นไม่นานท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็เสียชีวิตลง และไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตตามที่ได้กล่าวมาแล้ว... <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ขอเล่าเรื่องราวของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีแต่เพียงนี้ เอวัง ..... จบแล้ว....

    ขอเจริญในธรรม ....

    ...พระวัดหัวเขา ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2009
  3. hamstertaro

    hamstertaro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +406
    อนุโมทนา สาธุกับบทความดีๆครับ

    ผมชอบกระทู้ที่ท่านตั้ง อ่านแล้วรู้สึกดี
     
  4. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    อนุโมทนาครับ

    การได้สำเร็จเป็นพระโสดาบันของอนาถบิณฑิกเศรษฐีนั้น จัดเป็นกรณีพิเศษ เพราะเมื่อสิ้นชีวิตลงในมนุษยภูมิแล้ว จะไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก แต่เป็นพระโสดาบันที่เรียกว่าวัฏฏภิรติ คือ ผู้ยินดีในวัฏฏะ จะเกิดวนเวียนในสวรรค์ชั้นต่ำสุดจนถึงสูงสุด จะได้เสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นต่างๆจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    โมทนาสาธุบุญกับบทความบุคคลตัวอย่าง....ที่พระคุณเจ้าเมตตายกมาครับ........
     
  6. สิงหนาท

    สิงหนาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    673
    ค่าพลัง:
    +4,805
    อนุโมทนา สาธุ

    อิทัง ทานะ กัมมัง นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ โน
     
  7. pmorrpcm

    pmorrpcm Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +76
    ขออนุโมทนาเจ้สของกระทู้ ที่นำเรื่องดีดีมาให้อ่านครับ
     
  8. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญค่ะ

    " เมื่อเราทำกรรมที่ดีแล้ว กรรมดีนั้นแหละคือพรอันประเสริฐที่จะทำให้ชีวิตของเรา

    มีแต่ความเจริญก้าวหน้า ดีกว่าพรจากผู้อื่นเป็นร้อยเท่าพันเท่า "

    สาธุบุญ
     
  9. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,726
    ชอบประโยคนี้จัง

    อนุโมทนาครับ
     
  10. nun_cup

    nun_cup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +51
  11. Francis_NY

    Francis_NY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +585
    ขอบคุณครับ
     
  12. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    เอ้อ เกร็ดความรู้เล็กน้อยนะครับ
    ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร อนาถบิณฑิกเศรษฐีเกิดเป็นอำมาตย์ผู้จัดสัตสดกมหาทาน(การทำทานด้วยสิ่งของ 7 อย่าง อย่างละ 700)ให้พระเวสสันดรก่อนที่พระเวสสันดรจะออกเดินทางไปสู่ป่าวงกตด้วยเหตุที่ถูกชาวเมืองเนรเทศ
     
  13. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +4,805

    <> สาธุ.... สาธุ... อนุโมทามิ.....
    <><>พระวัดหัวเขา..... นาโพธิ์...
     
  14. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +4,805
    สาธุๆๆ
     
  15. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +4,805
    สาธุๆๆ
     
  16. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +4,805
    1663460445831.jpg
     
  17. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +4,805
    สาธุ
     
  18. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +4,805
    เชิญร่วมบุญกันน่ะ 1664893685994.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...