ทำอานาปานสติ สลับกับ วิปัสสนาญาณ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 22 พฤษภาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,391
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,368
    CFC671BE-59FA-4B87-9E44-371530D87D86.jpeg

    ถาม : แต่ก่อนหนูปฏิบัติแบบยกมือของหลวงปู่เทียน ตอนนี้หนูเลิกแล้ว หันมาดูลมแบบอานาปานสติ ทำ ๆ ไปเหมือนสมถะก็ไม่แน่น ภาวนาไปแล้วก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วก็จะฟุ้ง คราวนี้พอฟุ้งก็รับมือกับมันไม่ถูกเหมือนแต่ก่อน ไม่เคยเห็นว่าความคิดมาเยอะขนาดนี้ อารมณ์ก็เยอะ กลายเป็นว่าเห็นว่าเราเลวแบบที่เราไม่เคยเห็น รู้สึกว่ากิเลสหยาบ ๆ เราก็เอาชนะไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าเราทำผิดหรือเราทำถูกค่ะ ?
    ตอบ : การปฏิบัติ ถ้าเห็นความเลวของตัวเอง จริง ๆ แล้วก็คือความก้าวหน้า ถ้าหากว่าความก้าวหน้าไม่มี เราจะไม่เห็นโทษตรงนี้ ก็แปลว่าจริง ๆ แล้วดีมากกว่า เพียงแต่ว่าเราอย่าไปฟุ้งซ่านตาม ให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกตามปกติ ถ้าเราสามารถรักษาความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ รัก โลภ โกรธ หลง จะโดนดับไปชั่วคราว

    จริง ๆ แล้วก็คือความก้าวหน้า เพียงแต่ว่าก้าวหน้าโดยที่เราเห็นตัวเรามีความชั่วมากขึ้นเรื่อย ๆ การเห็นลักษณะนี้แหละที่จะทำให้เราเบื่อหน่าย พอเบื่อแล้วเราก็ไม่อยากได้ใคร่ดี ไม่อยากเกิดมามีร่างกายอย่างนี้ ไม่ต้องการเกิดมาในโลกนี้ ก็จะได้กำลังใจในส่วนที่เหลือ เหมือนอย่างกับว่าพร้อมที่จะสลัดหลุดไปทุกเวลา

    ถาม : ถ้าบางทีเราดูลม เหมือนกับเผลอบังคับมากไป จนรู้สึกอึดอัด จนทำต่อไปไม่ได้ เหมือนจิตพยศ ควรทำอย่างไรดีคะ ?
    ตอบ : เปลี่ยนอิริยาบถ ไปเดินไปทำงานทำการอะไรก็ได้ แต่เอาสติรับรู้ตามไป ลักษณะเหมือนอย่างกับชาร์จแบตฯ จนเต็มแล้ว หม้อแบตฯ จะระเบิด คือทำเกินแล้วก็ไม่รู้จักใช้ ปกติแล้วถ้าทำลักษณะนั้นให้คลายกำลังใจออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ

    ถาม : คำว่าพิจารณาวิปัสสนาญาณหมายความว่าอย่างไรคะ ?
    ตอบ : ดูให้เห็นว่าสภาพร่างกายเราก็ดี คนอื่นก็ดี ทุกอย่างในโลกนี้ก็ดี มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้เป็นปกติ พอกำลังใจเราไปคิดด้านนั้น ก็เหมือนกับเราเอากำลังไปใช้ ก็เท่ากับใช้กำลังไฟเรื่อย ๆ พอจะหมดก็ชาร์จใหม่ ต้องสลับไปสลับมา เราไปชาร์จไฟอย่างเดียว เดี๋ยวหม้อระเบิด..!

    ถาม : ตอนนี้เวลาหนูมีความฟุ้งซ่าน ความรู้สึกเหมือนกับกระชากความรู้สึกมาไว้ให้กับลม แรงเกินไปไหมคะ ?
    ตอบ : ทำได้...แต่ว่าบางทีพอโดนมาก ๆ เข้าจิตก็ดื้อ เพราะฉะนั้น..เราเปลี่ยนไปทำอิริยาบถอื่น ไปอ่านหนังสือก็ได้ ไปทำการทำงานก็ได้ ไปเดินจงกรมก็ได้ ให้พ้นจากตรงนั้นไปสักพักหนึ่ง พอสภาพจิตหายดื้อแล้วเราค่อยมาว่ากันใหม่ เหมือนอย่างกับเลี้ยงเด็กดื้อ แล้วเราก็ไปปะทะกันตรง ๆ ต้องมีเทคนิคพลิกแพลงบ้าง ไม่อย่างนั้นเหนื่อยตาย..!

    ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมเวลาปฏิบัติมักจะมีปัญหาทั้งนั้น แต่มีแล้วไม่กล้าถาม อายบ้าง อะไรบ้าง ก็เลยเสียประโยชน์ของตัวเอง การถามปัญหาเป็นการเรียนลัด การเรียนลัดทำให้เราไม่ต้องไปเสียเวลานาน โบราณถึงบอกได้ว่า อายครูบ่รู้วิชา มัวแต่อายอยู่ กลัวคนจะรู้ว่าเรามีความเลวแบบไหน

    นักปฏิบัตินี่เขาจะอายถ้าคิดว่าตัวเองมีความดี แต่ถ้าความเลวนี่ต้องรีบขนออกมาเลย กำจัดได้ ต้องรีบกำจัด ฆ่าทิ้งได้ต้องรีบฆ่าทิ้ง ถึงเวลารีบหาความเลวให้เจอ หลายต่อหลายคนพอถึงเวลาจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก โอ๊ย...ตะเกียกตะกายอยู่เป็นเดือนเป็นปี ไม่กล้ามาหา...อาย รู้สึกว่าตัวเองเลว พยายามตะกายอยู่จนเกือบจะหมดสภาพ

    กำลังใจดีขึ้นมาหน่อยแล้วค่อยมาหา โดยที่ลืมไปว่าตอนที่ตัวเองแย่ที่สุด จำเป็นต้องไป เพื่อให้ครูบาอาจารย์ท่านช่วยเหลือ ตอนดีแล้วไปทำอะไร ? จะไปอวดท่านว่าดีแล้วเราจะได้อะไร ?

    พระท่านไม่ได้ดูว่าใครดีใครเลว พระท่านดูแค่ว่าจะสงเคราะห์ให้ดีอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วก็กลัวกัน อีกพวกหนึ่งก็อยากรู้อยากเห็น ถึงเวลาอธิษฐานมาตั้งแต่บ้าน ผมคิดเรื่องอย่างนี้ไว้ ถึงเวลาพระอาจารย์ต้องทักให้ตรงกับที่ผมคิด กินอิ่มไปหรืออย่างไร ? ดูความผิดความชั่วของตัวเองก็ดูไม่หวาดไม่ไหวแล้ว จะให้ไปดูคนอื่นอีก

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...