ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมยกเลิกการอยู่อาศัยใต้ดิน
    .
    หลายท่านคงเคยดูภาพยนตร์เรื่องพาราไซต์ที่ครอบครัวของตัวเอกอยู่ในพื้นที่ใต้ดิน ว่ากันตามจริงในเรื่องมีฉากน้ำท่วมและทั้งครอบครัวก็รอดชีวิตจากน้ำท่วม
    .
    แต่หลังจากน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 80 ปีจนมีคนตายจากการอาศัยอยู่พื้นที่ใต้ดินแบบในภาพยนตร์ ล่าสุดทางรัฐบาลและทางกรุงโซลเตรียมออกประกาศเพื่อให้พื้นที่ใต้ดินไม่สามารถใช้อยู่อาศัยได้อีกต่อไป
    O71wJKYbz3MRPHTS-0S0Q3U-PhWsqg20YYnr6GnSGPa&_nc_ohc=z92v0p9li3cAX-Gx535&_nc_ht=scontent.fbkk22-7.jpg

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มันคือแว่นกันแดด อายุ 2000 ปี
    .
    ที่เห็นคือแว่นกันแดดโบราณของชาวเอสกิโมที่สามารถย้อนประวัติกลับไปได้ถึง 2000 ปี
    โดยตัวแว่นทำให้หน้ากรองแสงแดดที่รุนแรงท่ามกลางหิมะ.........
    ในความเข้าใจแบบคนเมืองร้อนอากาศเย็นน่าจะไม่มีปัญหา แต่จริงๆแล้วแสงเมื่อกระทบหิมะสีขาวมันจะสะท้อนขึ้นมาทำให้พวกเขาต้องรับแสงจากท้องฟ้าและพื้นหิมะ แล้วหากสังเกตดีๆที่เอสกิโมอยู่ไม่มีต้นไม้นะครับ ดังนั้นโดนแดดเต็มๆ
    แต่ก็อย่างที่เห็น งานออกแบบเมื่อ 2000 ปีที่แล้วก็ล้ำหน้าใช้ย่อย

    eHjq2bZAIecPC3MbFiHqTBWwUs0uQN0HVp8SJ7BgmZG&_nc_ohc=ltasLXfjmaUAX-B3Xw4&_nc_ht=scontent.fbkk22-7.png

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะลาออก
    น่าจะช่วยทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น (มั้ง)

    Iww7c-_qpiCPIQvj0NQhFdh&_nc_ohc=G6ZUnErcZaEAX-N7eor&tn=GK18O24Jqos0_U84&_nc_ht=scontent.fbkk22-3.jpg

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐฯขโมยน้ำมัน ซีเรีย
    .
    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา #ซีเรีย กล่าวหาว่าสหรัฐฯ ลักลอบนำน้ำมันออกนอกประเทศพวกเขา โดยผ่านการข้ามแดนไปยังเคอร์ดิสถานอิรักอย่างผิดกฎหมาย
    กระทรวงทรัพยากรน้ำมันและแร่ของซีเรียรายงานว่าน้ำมันมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ถูกปล้นโดยกองกำลังสหรัฐฯ
    ตามข้อมูลจากกระทรวงน้ำมันและทรัพยากรแร่ซีเรีย กล่าวว่าประเทศฯผลิตน้ำมันได้ประมาณ 80300 บาร์เรลต่อวันในปี 2565 โดยส่งเพียง 14200 บาร์เรลไปยังโรงกลั่นน้ำมันของประเทศ ซึ่งหมายความว่ามากกว่า 83 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตน้ำมันของซีเรียหายไป
    สำนักข่าวอาหรับซีเรียรายงานอย่างน้อย 7 ครั้งที่ขบวนเรือบรรทุกขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ขโมยน้ำมันของ #Syrianoil ในปี 2565
    Bouthaina Shaaban ที่ปรึกษาสื่อของประธานาธิบดีซีเรียกล่าวว่าสหรัฐฯ ทำให้ #Syria ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันต้องทนทุกข์ทรมาน จากการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เนรเทศให้ไปรบกัลรัสเซีย
    .
    นายกเทศมนตรีกรุงมาดริด Jose Luis Martinez-Almeida ในการให้สัมภาษณ์รายการทีวีของยูเครนว่าเขาจะ เนรเทศผู้ลี้ภัยชาวยูเครน(ส่งกลับ)เพื่อให้มีชาวยูเครนไปรบยังแนวหน้า
    หนึ่งในวาทะตอนสัมภาษณ์คือ

    (ผู้ลี้ภัย)ไม่ควรพักผ่อนบนชายหาดของสเปน. ตอนนี้งานของพวกเขาคือการตายในสนามรบ
    .
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผู้ร่วมก่อตั้งแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ลาออก หลังมีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับกองทัพยูเครน

    Per Wastberg ผู้ร่วมก่อตั้งสำนักงานแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลของสวีเดน ลาออกจากตำแหน่ง เขาประกาศเรื่องนี้ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Svenska Dagbladet Wastberg ระบุว่าเขาลาออก
    เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับการตำหนิและบังคับให้ แอมเนสตี้ ออกมาขอโทษจากการรายงานอื้อฉาวเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นจริงโดยทหารยูเครน


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นายกฯหญิงของ #เอสโตเนีย “Kaja Kallas” สั่งให้รื้ออนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานที่เกี่ยวข้องกับ #โซเวียต ซึ่งมีอยู่ราว 400 ชิ้น ออกจากพื้นที่สาธารณะ เพื่อลบประวัติศาสตร์ที่เจ็บช้ำในยุคที่โซเวียตมาปกครองเอสโตเนียอย่างเหี้ยมโหด
    นายกฯหญิง #เอสโตเนีย ยังเรียกร้องให้ #EU เลิกออกวีซ่านักท่องเที่ยวให้กับชาวรัสเซียสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวใน #สหภาพยุโรป เพราะการให้ชาวรัสเซียมาเที่ยวยุโรปถือเป็นการให้สิทธิพิเศษ

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ลูกชายยิงพนักงานของ McDonald หลังจากแม่บ่นว่า
    'แฟรนฟรายทอดเย็น'
    .
    เรื่องเกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเริ่มเริ่มจาก ผู้หญิงที่เป็นแม่บ่นกับพนักงานร้านว่าเฟรนช์ฟรายของเธอเย็น
    เป็นผลให้แม่ท่านดังกล่าวและพนักงานเถียงกัน จนผู้เป็นแม่โทรหาลูกชายของเธอมาที่ร้านแล้วถกเถียงก่อนจะออกจากร้านไป

    แต่ไม่จบ ตามข่าวคือแม่มอบปืนให้ลูกดักยิงพนักงานตอนออกจากร้าน พนักงานบาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตใน 2 วันถัดมา และแม่ลูกหลบหนีไปก่อนจะถูกตำรวจจับกุมในที่สุด


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐฯขโมยน้ำมัน ซีเรีย
    .
    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา #ซีเรีย กล่าวหาว่าสหรัฐฯ ลักลอบนำน้ำมันออกนอกประเทศพวกเขา โดยผ่านการข้ามแดนไปยังเคอร์ดิสถานอิรักอย่างผิดกฎหมาย
    กระทรวงทรัพยากรน้ำมันและแร่ของซีเรียรายงานว่าน้ำมันมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ถูกปล้นโดยกองกำลังสหรัฐฯ
    ตามข้อมูลจากกระทรวงน้ำมันและทรัพยากรแร่ซีเรีย กล่าวว่าประเทศฯผลิตน้ำมันได้ประมาณ 80300 บาร์เรลต่อวันในปี 2565 โดยส่งเพียง 14200 บาร์เรลไปยังโรงกลั่นน้ำมันของประเทศ ซึ่งหมายความว่ามากกว่า 83 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตน้ำมันของซีเรียหายไป
    สำนักข่าวอาหรับซีเรียรายงานอย่างน้อย 7 ครั้งที่ขบวนเรือบรรทุกขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ขโมยน้ำมันของ #Syrianoil ในปี 2565
    Bouthaina Shaaban ที่ปรึกษาสื่อของประธานาธิบดีซีเรียกล่าวว่าสหรัฐฯ ทำให้ #Syria ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันต้องทนทุกข์ทรมาน จากการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐ เอาไงดี! จีนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพียบ และเฮงจัดค้นพบแหล่งน้ำมันใหม่อื้อ
    สิ่งที่สหรัฐ วิตกมากที่สุดคือกลัวจีนจะมีเศรษฐกิจแซงหน้าไปทำให้เร่งเวลา "เกิดไฮเวย์ทางด่วน" จัดระเบียบโลกใหม่ นำไปสู่การล่มสลายของระเบียบโลกเก่า และเงินตราดอลลาร์ครองโลก นั่นย่อมทำให้สหรัฐ อังกฤษ ไม่อาจไปปล้นสดมป์ ขโมย ทรัพยากรชาติอื่น และต้องไปประกอบสัมมาอาชีพเหมือนชาวโลก เสียสถานะผู้คุมกฎระเบียบโลก ไม่อาจไปรุกราน เอารัดเอาเปรียบใครได้อีก และปัจจัยที่จะพัฒนาประเทศเพิ่มมูลค่าการค้าได้คือ "พลังงานและอาหาร" ปัจจุบันจีนผลิตอาหารธัญพืชใช้เพียงพอในประเทศกว่า 650 ล้านตัน ปีนี้มากถึงกว่า 800 ล้านตัน ที่เหลือจึงส่งออกในเอเซีย
    จีนมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากถึง 54 แห่ง และกำลังสร้างใหม่เพิ่มอีก 34 แห่ง หน่วยงานบริหารความปลอดภัยนิวเคลียร์แห่งชาติจีน ระบุว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์จะมากถึง 70 ล้านกิโลวัตต์ ภายในปี 2025 เพื่อให้ความมั่นใจว่าจีนจะมีพลังงานไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ ควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อม ความเป็นกลางทางคาร์บอน , ส่วนพลังงานก๊าซ จีนก็ผลิตใช้เองส่วนหนึ่ง ส่วนที่ขาดนำเข้ามาจากรัสเซีย ผ่านท่อส่งก๊าซไซบีเรีย และกำลังทำท่อส่งก๊าซใหม่เพิ่มอีกเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีการนำเข้าก๊าซ LNG ทางเรือจากออสเตรเลีย และการ์ตา อีกด้วย
    ด้านพลังงานน้ำมัน จีนจะใช้น้ำมันราว 800 ล้านตัน/ปี ( 5,824 ล้านบาร์เรล) โดยจีนผลิตใช้ได้เองราว 50% ส่วนที่เหลือนำเข้าจากรัสเซีย , ซาอุฯ , UAE ฯลฯ โดยเฉพาะอิหร่านนั้นใช้วิธีแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยไม่ต้องใช้เงินระหว่างเครื่องบินรบ ระบบจรวดจีน กับน้ำมันอิหร่าน , ล่าสุด บริษัท ซิโนเปค บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของจีน ค้นพบน้ำมันสำรอง 1,700 ล้านตัน ระหว่างโครงการสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซชุนเป่ย ที่ตั้งอยู่ในแอ่งทาริม ภูมิภาคซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดย Lin Boqiang ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์พลังงานแห่งประเทศจีน มหาวิทยาลัยเซียะเหมิน ระบุว่า ปริมาณสำรองมากระดับนี้สามารถตอบสนองความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศจีนได้ประมาณ 2 ปี
    แหล่งน้ำมันแห่งใหม่นี้เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำมันและก๊าซเชิงพาณิชย์ที่ลึกที่สุดในโลก โดยมีความลึกเฉลี่ยถึง 7,300 เมตร โครงการสำรวจครอบคลุม 41 หลุมที่ความลึกมากกว่า 8,000 เมตร , อีก 76 หลุมในระยะ 7,500 - 8,000 เมตร และหลุมความลึกสุด 9,300 เมตร เรียกว่า "โคโมลังมาใต้ดิน" , Sinopec ได้ขุดเจาะแหล่งน้ำมันและก๊าซ 4 แห่งโดยแต่ละแหล่งรวมกันมากกว่า 100 ล้านตันในลุ่มน้ำทาริม และได้ว่าจ้างใหม่อีก 15 หลุม โดยมีผลผลิตต่อวันเกิน 1,000 ตันที่ความลึก 8,000 เมตร
    ลุ่มน้ำทาริม มีน้ำมันและก๊าซสำรองมากมาย แหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ตั้งอยู่ใต้ดิน 6,000 เมตร ในสัดส่วน 83.2% และความลึก 10,000 เมตร คิดเป็น 63.9% ของแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติโดยรวมของจีน แหล่งน้ำมันและก๊าซจากลุ่มน้ำนี้สามารถตอบสนองความต้องการของประเทศได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า..จุดต่างของจีนคือ มีความเป็นธรรมไม่ไปปล้นและขโมยน้ำมันชาติอื่นเหมือนสหรัฐ แต่จีนจะแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรงไม่จำเป็นต้องใช้เงินจ่ายเสมอไป และจีนยังเฮงที่สำรวจพบแหล่งก๊าซ และน้ำมันใหม่เรื่อยๆ แต่สหรัฐ ไม่พบแหล่งใหม่ๆ ในประเทศมานานแล้ว อีกทั้งน้ำมันสำรองสหรัฐ จะถูกสูบหมดเกลี้ยงทุกบ่อในราว 10 ปีเท่านั้น..สหรัฐ สู้ต่อไป ชนะล้าหลังจีนแน่นอน

    ที่มา : Global Times , China Media Group , กระทรวงต่างประเทศจีน
    #WorldUpdate

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเฉียด 95 ดอลลาร์ หลังความตึงเครียดยูเครน ไต้หวันเสี่ยงลากยาว แต่ตลาดหุ้นโลกก็ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังหลายคนเริ่มมองว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง
    #WorldMaker
    FB_IMG_1660228908458.jpg
    นอกจากน้ำมันดิบแล้ว ราคา commodity โลกต่างปรับตัวสูงขึ้นวันนี้ มารอดูกันว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงจริงหรือแค่สับขาหลอก?

    ตลาดหุ้นสหรัฐ ส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น หลังคนส่วนใหญ่คาดว่า fed จะขึ้นดอกเบี้ยได้แบบไม่เข้มงวด เพราะเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัว แต่จะจริงหรือไม่? รอดูกัน !

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    FB_IMG_1660229011405.jpg

    NEED TO KNOW !!: ไข่ไก่อเมริกาพุ่งหนัก !!! เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่แท้จริงคือ +8.5% จริงหรือ ?? เพราะล่าสุดพบว่าราคาไข่ไก่แพงขึ้นถึง +47% ในเดือนก.ค. และอาหารอีกหลายอย่างก็ดีดตัวมากกว่า +20% เลยทีเดียว ! งานนี้ชาวโลกเริ่มไม่แน่ใจว่าเงินเฟ้อในชีวิตจริงที่ไม่ใช่ตัวเลขมันเท่าไหร่กันแน่ ??
    .
    ⚠️หลังจากสหรัฐฯ พึ่งประกาศ CPI ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 8.5% ไม่นานนี้ แต่ปัจจุบันหลายคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าจริง ๆ เงินเฟ้อของสหรัฐฯ เป็นเท่าไหร่กันแน่ ?? เพราะล่าสุดมีรายงานออกมาว่าราคาไข่ไก่ในร้านขายของชำของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นถึง +47% เมื่อเทียบจากเดือน ก.ค. ปีก่อน
    .
    ยิ่งไปกว่านั้น พบว่าราคาสินค้าอีกหลายอย่างพุ่งขึ้นมากกว่า +20% ยกตัวอย่างเช่น ส้มสด (+27%), เนย (+26%), อาหารกลางวัน (24%), อาหารแช่แข็ง (23%)
    .
    ราคาสินค้าต่าง ๆ พุ่งขึ้นจากปัญหาทางด้าน Supply Chain โดยเฉพาะหลังจากมีปัจจัยกดดันเรื่องการระบาดของไข้หวัดนกครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของหสรัฐฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้
    .
    ⚠️ราคาอาหารโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย +14% เมื่อเทียบเป็นรายปีตลอดเดือนนี้ ซึ่งดูจะสวนทางกับตัวเลข CPI ที่ออกมาเพียง +8.5% เท่านั้น ! จึงเกิดเป็นคำถามมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตอนนี้เป็นเท่าไหร่กันแน่ ? จะตรงตาม CPI หรือจริง ๆ สูงกว่านั้นเยอะ ??
    .
    ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและการเงินโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป ทาง World Maker ก็จะคอยเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และจะนำข้อมูลมาอัปเดตให้ท่านทราบกันแบบ Real Time อย่างแน่นอน ! ใครไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญแบบนี้ก็ติดตามเพจเราไว้ได้เลยครับ !
    --------------------------------------------------------------
    ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสาร อย่างแท้จริงไปกับ #WorldMaker
    .
    แนะนำให้ทุกท่าน #เปิดกระดิ่ง ตั้งค่า #รายการโปรด หรือ #Favourite ไว้ได้เลยครับ เพราะบางที Facebook อาจไม่แสดงโพสต์ของเราในหน้าฟีด หรืออาจแสดงช้าไปบ้าง ซึ่งอาจทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญจากทาง World Maker ได้ครับ
    .
    ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
    --------------------------------------------------------------
    #เศรษฐกิจ #การเงิน #ลงทุน #หุ้น #ข่าวหุ้น #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวรอบโลก #เศรษฐกิจโลก #จีน #ข่าวหุ้น #หุ้นจีน #สหรัฐ #การเมือง #การเมืองโลก

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    BREAKING!!: ก๊าซยุโรปยังพุ่งต่อ !!! ล่าสุดดีดอีก +7% ทะลุ 205 ยูโร/mwh ไปแล้ว ใลก้ระดับ All Time High นิดเดียวเท่านั้น !! รอดูเงินเฟ้อในยูโรโซนจะชะลอตัวลงตามสหรัฐฯ ในครั้งล่าสุดได้หรือไม่ ? หรือจะยังคงพุ่งต่อไปอีกถึงตัวเลข 2 หลักกันแน่ ? มีหลายคนมองว่าเงินเฟ้อจะร่วง เพราะ Commodity หลายอย่างปรับตัวลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญแล้ว !
    .
    ⚠️ล่าสุดดัชนี Ice Dutch TTF ปรับตัวสูงขึ้นอีกไปถึง 205 ยูโร/mwh เข้าไปแล้ว ซึ่งถือว่าใกล้ระดับ All Time High ที่ราว ๆ 225 ยูโร/mwh มาก ๆ ซึ่งทำให้หลายคนกำลังลุ้นว่าราคาก๊าซยุโรปจะพุ่งไปทำระดับสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์หรือไม่ ?
    .
    ขณะเดียวกัน ทางฝั่งนักลงทุนก็กำลังจับตามองว่าเงินเฟ้อในยูโรโซนจะเป็นอย่างไรต่อไปกันแน่ ? จะชะลอตัวลงตามสหรัฐฯ ที่พึ่งประกาศ CPI ออกมา 8.5% ต่ำกว่าคาดที่ 8.7% หรือไม่ ? เพราะตอนนี้ยุโรปนั้นเผชิญปัจจัยกดดันหลายด้านมากกว่าสหรัฐฯ เสียอีก
    .
    ตอนนี้รัสเซียตัดการจ่ายก๊าซผ่านท่อส่ง Nord Stream 1 ไปราว ๆ -80% ในขณะที่หน้าหนาวก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้เกิดความตึงเครียดว่า Demand ก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ? เพราะหาก Supplier ขาดแคลนมาก ๆ ก็จะส่งผลต่อราคาได้เช่นกัน
    .
    นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเกี่ยวกับวิกฤตสภาพอากาศที่แห้งแล้งหรือร้อนผิดปกติในหลายประเทศทางยุโรป ทำให้ตลาดพลังงานมีปัจจัยที่เข้ามาสร้างความปั่นป่วนเพิ่มขึ้นไปอีก
    .
    ⚠️อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่างได้ปรับตัวลดลงบ้างแล้ว และทำให้หลายคนยังมีความหวังว่าเงินเฟ้อในยูโรโซนอาจชะลอตัวลงได้เช่นกัน แม้ข่าวภายนอกจะมีแรงกดดันสูง
    .
    แน่นอนว่าการประกาศเงินเฟ้อของยูโรโซนจะส่งผลต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB ไม่ต่างจาก FED ดังนั้นคงต้องมารอดูกันอย่างใกล้ชิดเลยว่าตัวเลขต่าง ๆ ที่จะประกาศออกมาในเดือนนี้ จะทำให้คนส่วนใหญ่โล่งใจขึ้นได้บ้างหรือไม่ ?
    .
    ในส่วนของนักลงทุนนั้น World Maker ย้ำอยู่เสมอว่าเราไม่ควรไปยึดติดว่า เศรษฐกิจดี หมายถึงหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้น หรือเศรษฐกิจแย่ แล้วหุ้นจะปรับตัวลดลง เพราะหลายครั้งราคาหุ้นก็เคลื่อนไหวส่วนทางกับข่าวที่ออกมาในตลาด ดังนั้นการลงทุนหรือเก็งกำไรควรใช้หลักบริหารความเสี่ยง มากกว่าการยึดติดหลักการตรง ๆ ตามธรรมดาทั่วไป
    .
    ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและการเงินโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป ทาง World Maker ก็จะคอยเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และจะนำข้อมูลมาอัปเดตให้ท่านทราบกันแบบ Real Time อย่างแน่นอน ! ใครไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญแบบนี้ก็ติดตามเพจเราไว้ได้เลยครับ !
    --------------------------------------------------------------
    ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสาร อย่างแท้จริงไปกับ #WorldMaker
    .
    แนะนำให้ทุกท่าน #เปิดกระดิ่ง ตั้งค่า #รายการโปรด หรือ #Favourite ไว้ได้เลยครับ เพราะบางที Facebook อาจไม่แสดงโพสต์ของเราในหน้าฟีด หรืออาจแสดงช้าไปบ้าง ซึ่งอาจทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญจากทาง World Maker ได้ครับ
    .
    ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
    --------------------------------------------------------------
    #เศรษฐกิจ #การเงิน #ลงทุน #หุ้น #ข่าวหุ้น #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวรอบโลก #เศรษฐกิจโลก #จีน #ข่าวหุ้น #หุ้นจีน #สหรัฐ #การเมือง #การเมืองโลก #พลังงาน #น้ำมัน #ก๊าซธรรมชาติ

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (Aug 11) เมืองผู้ดีระส่ำส่อภาวะถดถอยยาว นักเศรษฐศาสตร์มองสหราชอาณาจักร ไม่ต่างจาก 'ตลาดเกิดใหม่' - ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง การค้าที่ยุ่งเหยิง วิกฤตพลังงาน และเงินเฟ้อที่ทะยานขึ้นสูง กำลังบั่นทอนสถานะของสหราชอาณาจักรลงสู่การเป็น ประเทศตลาดเกิดใหม่’

    ธนาคารกลางอังกฤษกล่าวเตือนไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะเข้าสู่ภาวะถดถอยที่มีระยะเวลานานที่สุดนับตั้งแต่การเกิดวิกฤตการเงิน เมื่อปี 2551 โดยจะเริ่มขึ้นในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะพุ่งสู่จุดสูงสุดเกิน 13% ในเดือนตุลาคมนี้

    ที่สำคัญ ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่าจะยังไม่เห็นการรีบาวด์อย่างชัดเจนจากภาวะถดถอย ซึ่งผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ หรือ จีดีพี ในช่วงกลางปี 2568 จะอยู่ในระดับต่ำกว่าปัจจุบัน 1.75%

    สหราชอาณาจักรจะประกาศชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 5 กันยายน 2565 หลังจากที่ นายบอริส จอห์นสัน ลาออก โดยมี ลิซ ทรัสส์ และ ริชี ซูนัค จากพรรคอนุรักษ์นิยมเป็นสองผู้ท้าชิงตำแหน่งท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตค่าครองชีพที่สูง และมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ร่วงลงแรงเป็นประวัติการณ์

    ทั้งนี้ เพดานราคาพลังงานในสหราชอาณาจักรยังจะมีการปรับขึ้นอีก 70% ในเดือนตุลาคม ซึ่งจะทำให้บิลค่าพลังงานสูงขึ้นเหนือระดับ 3,400 ปอนด์ต่อปี ส่งผลให้หลายล้านครัวเรือนเข้าสู่สถานะยากจน ในขณะที่เพดานราคาพลังงานยังถูกคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอีกในปีหน้า

    นอกจากนั้นแล้ว สหราชอาณาจักรยังต้องสู้กับการค้าที่ถูกแบ่งแยกหลังการทำเบร็กซิต (Brexit) และสถานการณ์เกี่ยวเนื่องจากโควิด-19 ที่ทำให้เกิดภาวะคอขวด

    นายคริสโตเฟอร์ เดมบิก หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาคของ Saxo Bank ระบุในงานวิจัยว่า สหราชอาณาจักรเริ่มดูเหมือนประเทศตลาดเกิดใหม่เข้าไปทุกที โดยสิ่งเดียวที่สร้างความแตกต่างให้กับสหราชอาณาจักรจากประเทศเกิดใหม่ก็คือวิกฤตค่าเงิน ซึ่งเงินปอนด์ของอังกฤษยังคงความแข็งแกร่งได้อยู่เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

    เงินปอนด์ปรับตัวลดลงเพียง 0.70% ต่อยูโร และ 1.50% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา โดย Saxo Bank มองว่าหลังจากเบร็กซิตแล้วยังไม่เห็นถึงปัจจัยด้านไหนที่จะสามารถทำให้เงินปอนด์ร่วงลงแรงได้

    อย่างไรก็ตาม เดมบิก ระบุว่า ทุกตัวชี้วัดบ่งบอกว่าสหราชอาณาจักรจะเผชิญกับความย่ำแย่ทางเศรษฐกิจในอนาคต เช่น ตัวชี้วัดสำคัญของคุณภาพเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างการจดทะเบียนรถใหม่ แสดงให้เห็นถึงตัวเลขที่ปรับลดลงจาก 1.835 ล้านคันในเดือนกรกฎาคม ปี 2564 มาสู่ระดับ 1.528 ล้านคันในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

    นักเศรษฐศาสตร์จาก Saxo Bank ยังระบุว่า นอกจากเศรษฐกิจที่พังแล้ว สังคมของสหราชอาณาจักรยังพังลงด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ปัจจุบันไปในระยะยาว โดยชี้ให้เห็นว่าผู้ที่จบการศึกษาใหม่ และกำลังเข้าทำงานจะต้องเผชิญกับเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจากค่าจ้าง ไม่มีโอกาสซื้อที่อยู่อาศัย ความสัมพันธ์ทางสังคมที่หายไปถึงสองปีจากการปิดเมืองช่วงโควิด-19 ค่าพลังงาน และค่าเช่าบ้านที่สูง รวมถึงภาวะถดถอยอย่างยาวนานที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุเหล่านี้จะนำไปสู่ความยากจน และความสิ้นหวังที่เพิ่มมากขึ้น

    ธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ว่า รายได้หลังหักภาษีของครัวเรือนจะลดลง 3.7% ในปี 2565 และ 2566 โดยที่ครัวเรือนที่มีรายได้ในระดับต่ำจะได้รับผลกระทบสูงสุด โดยที่ เดมบิก ยังยกรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ที่ระบุว่า ครอบครัวที่ยากจนที่สุดในสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในยุโรป

    Source: ข่าวหุ้น

    เพิ่มเติม
    - Britain is becoming an ‘emerging market country,’ analyst says - https://www.cnbc.com/2022/08/09/britain-is-becoming-an-emerging-market-country-analyst-says.html
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (Aug 11) เศรษฐกิจสหรัฐ ปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง : ในฐานะที่สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย (สัดส่วนมูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์เท่ากับร้อยละ 15.4 จีนเป็นอันดับ 2 ที่ร้อยละ 13.7) หากจะบอกว่า ฝน (เศรษฐกิจ) ที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ก็คงจะไม่ผิดนัก

    ปลายเดือนที่แล้ว ผมเชื่อว่าหลายคนคงตื่นเต้นกับตัวเลขอัตราการขยายตัวแบบไตรมาสต่อไตรมาสของเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ออกมาติดลบติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2

    แม้ NBER ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ประกาศภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐอย่างเป็นทางการ จะออกมาบอกว่าเครื่องชี้รายเดือนหลักที่ NBER ใช้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจถดถอย เช่น การผลิตภาคอุตสาหกรรม การบริโภคภาคเอกชน และการจ้างงานนอกภาคเกษตร จะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังห่างไกลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย

    แต่ด้วยความที่ทุกครั้งในอดีตที่จีดีพีแบบไตรมาสต่อไตรมาสของสหรัฐหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่สุดท้ายแล้ว NBER จะไม่ระบุว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลายคนจึงยังไม่มั่นใจนักว่า พอเวลาผ่านไปสักระยะ NBER อาจจะกลับคำให้การก็ได้

    อย่างไรก็ดี สำหรับเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยไปแล้วหรือยัง ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยไปสหรัฐขยายตัวร้อยละ 20.1 สูงกว่าการขยายตัวของส่งออกรวมที่ร้อยละ 12.7

    และคาดกันว่าครึ่งหลังของปี น่าจะยังขยายตัวได้สองหลักอยู่ ซึ่งถ้าเราส่งออกไปสหรัฐได้ดีขนาดนี้ ผมว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยก็ถดถอยไป

    ที่ผมคิดว่าเป็นประเด็นมากกว่าคือ เศรษฐกิจสหรัฐในปีหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะกระทั่งคนที่มองโลกในแง่ดีที่สุด คือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ยังมองว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐปีหน้าจะไม่ถึงขั้นถดถอย แต่ก็จะชะลอลงจากปีนี้อย่างมีนัย (Soft landing)

    ซึ่งในกรณีแรกนี้ เศรษฐกิจไทยน่าจะยังชิลๆ เพราะปัจจัยหลักที่หนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปีนี้และในปีหน้ามาจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งรวมกันแล้วมีขนาดของแรงส่งทางเศรษฐกิจใหญ่กว่าส่งออกไทยไปสหรัฐมาก

    กรณีที่สองซึ่งเป็นกรณีที่คนส่วนใหญ่เชื่อกันคือ เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างอ่อนๆ (Mild recession) ในปีหน้า จากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟด

    โดยตลาดมองว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 2.25-2.50 ต่อปีในปัจจุบัน ไปอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.50 ต่อปีภายในสิ้นปีนี้ ก่อนที่เฟดจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายในครึ่งแรกของปีหน้าหลังจากพบว่าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

    อย่างไรก็ดี ในกรณีนี้ แม้การถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยพอสมควร แต่ไม่น่าถึงกับทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต้องสะดุดลง ด้วยผมยังเชื่อว่าการใช้จ่ายในประเทศและการท่องเที่ยวน่าจะยังพอเอาชนะปัจจัยลบจากสหรัฐได้

    กรณีสุดท้าย ซึ่ง ณ ตอนนี้ผมยังมองว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่สุด แต่เป็นกรณีที่ผมกังวลที่สุดคือ เศรษฐกิจสหรัฐประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง (Deep recession) จากการที่เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยไปสูงกว่าที่ตลาดคาดมาก เนื่องจากเงินเฟ้อในปีหน้าจะไม่ลงมามากตามที่เฟดคาดการณ์

    ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญที่เชื่อกรณีนี้มาก คือ Lawrence Summers อดีตรัฐมนตรีคลังของสหรัฐ

    ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งมากเมื่อต้นเดือนนี้ แม้จะเป็นข่าวดีว่าเศรษฐกิจสหรัฐในครึ่งแรกของปีไม่น่าจะเข้านิยามเศรษฐกิจถดถอย ตอกย้ำสมมติฐานของ Summers ว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐนั้นร้อนแรงเกินไป โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวของค่าจ้างที่ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง

    Summers มองว่า เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนถึงระดับที่ทำให้อัตราการว่างงานของสหรัฐไปอยู่ที่ร้อยละ 6.9 (จากปัจจุบันร้อยละ 3.5) จึงจะสามารถกดเงินเฟ้อที่มาจากค่าจ้างแรงงาน (Wage inflation) ให้ลงมาเท่าค่าเฉลี่ยในอดีตได้ (ตัวเลขจากบทความ A Labor Market View on the Risks of a U.S. Hard Landing โดย Alex Domash และ Lawrence Summers)

    ในกรณีหลังนี้ เศรษฐกิจไทยจะเจอกับปัจจัยลบสองเด้ง เด้งแรกจากการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ (ซึ่งถ้าสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อ ธนาคารกลางจำนวนมากในโลกคงขึ้นต่อด้วย ส่วนหนึ่งตามเทรนด์ Reverse currency war) และเด้งที่สองจากการถดถอยรุนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐ และเผลอๆ เศรษฐกิจโลกด้วย

    ทำให้ที่หลายคน (รวมถึงผม) มองกันไว้ว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 คงลืมกันไปได้เลย ดีไม่ดี เศรษฐกิจไทยอาจถูกเศรษฐกิจสหรัฐฉุดตามไปด้วย ดังนั้น นอกจากจะภาวนาว่ากรณีเลวร้ายนี้จะไม่เกิดขึ้น คงต้องเตรียมแผนฉุกเฉินไว้รองรับกันด้วยครับ.

    ดร.ดอน นาครทรรพ

    บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคลซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย

    Source: การเงินธนาคารออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/columnist/columnist/1020255

    FB_IMG_1660229819815.jpg
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (Aug 11) Update : ผู้ว่าฯ ธปท.ยันไม่ต้องขึ้นเร่งขึ้นดอกเบี้ยแรง
    .
    ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไม่จำเป็นที่ธนาคารกลางจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงมาก เนื่องจาก กว่าที่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดก็จะเป็นในช่วงปลายปี
    .
    เมื่อวันพุธ (10 ส.ค.)ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
    .
    ผู้ว่าฯเศรษฐพุฒิ กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ CNBC เมื่อวันพฤหัสบดี(11 ส.ค.)ว่า การปรับขึ้น 0.25 % เป็น 0.75% เป็นแนวทางที่ค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากประเทศอยู่ในวัฏจักรเศรษฐกิจที่แตกต่างกันมากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการเร่งปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นสูง
    .
    ด้านเชรยา โสดานี Shreya Sodhani นักเศรษฐศาสตร์ระดับภูมิภาคของธนาคารบาร์คเลย์ส Barclays กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงซบเซา โดยในไตรมาสแรกเติบโตเพียง 2.2% จากปีก่อน และการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลงได้
    Sodhani สนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อยของธนาคารกลางไทย โดยกล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น "ไม่สามารถที่จะแบกรับการเพิ่มขึ้น 0.5 % ถึงกระนั้น Barclays คาดว่า ธปท.จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25 % อีกสองครั้งในปีนี้
    .
    ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ในขณะที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ก้าวกำลังดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นและในอัตราที่เร็วขึ้น แต่วิธีการที่ค่อยเป็นค่อยไปและวัดผลได้ของไทยจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศจะดำเนินต่อไปไม่สะดุด
    .
    "[เศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว]กำลังมองหาทางลงอย่างนุ่มนวล แต่เรากำลังพยายามทำให้การฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่น" เขากล่าวเสริม
    .
    พยากรณ์เงินเฟ้อ
    .
    ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดปี 2022 ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อน ก่อนที่จะค่อย ๆ ลดลงสู่ช่วงเป้าหมายในปี 2023 เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อด้านอุปทานบรรเทาลง"
    .
    อัตราเงินเฟ้อของประเทศแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 7.66% ในเดือนมิถุนายน แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคมที่ 7.61% แต่ก็ยังเหนือเป้าหมายที่ 1-3% ของธนาคารกลาง
    .
    “อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับค่อนข้างสูง” ผู้ว่าฯธปท.เศรษฐพุฒิ กล่าว “แต่เราไม่เห็นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากอุปสงค์แต่อย่างใด ทั้งหมดได้รับแรงหนุนจากด้านอุปทาน”
    .
    เขากล่าวว่าธนาคารกลางคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะสูงสุดในช่วงไตรมาสที่สาม ธนาคาร Barclays เห็นคล้ายๆกัน โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะสูงสุดในเดือนสิงหาคม
    .
    แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่ามากในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา แต่ Sodhaniจาก Barclays กล่าวว่าการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของธนาคารกลางในปี 2022 ที่ 6.2% "ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 7% สำหรับปีนี้มาก"
    .
    การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
    .
    มองในอนาคตข้างหน้า ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เศรษฐกิจของประเทศต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และน่าจะได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุม Covid-19 และการยกเว้นข้อกำหนดวีซ่า
    .
    “ก่อนโควิด เรามีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนเดินทางมาประเทศไทย ปีที่แล้วเรามี 400,000” เขากล่าว

    “การฟื้นตัวของเราส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวขึ้นของภาคการท่องเที่ยว”

    ธนาคารกลางคาดว่า จะมีนักท่องเที่ยว 8 ล้านคนในปีนี้

    “เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องด้วยโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้เนื่องมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามามากกว่าที่คาดไว้ ภายหลังการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศและความมั่นใจในการเดินทางที่ดีขึ้น” ธปท. กล่าว
    Sodhani จาก Barclays กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษกิจอย่างมากมายนัก หากนักท่องเที่ยวที่มาใช้จ่ายไม่มากพอ”
    .
    เธออธิบายว่านักท่องเที่ยวยุโรปมักเดินทางมาไทยในไตรมาสแรก ขณะที่นักท่องเที่ยวจากประเทศในกลุ่มอาเซียนและอินเดียมาในไตรมาสที่สองและสาม Sodhani กล่าวว่านักเดินทางที่มาจากภูมิภาคหลังนี้มักจะจองทริปสั้นกว่า ดังนั้นจึงใช้จ่ายน้อยลง
    .
    “การท่องเที่ยวโดยรวมจะยังคงช่วยกระตุ้นการเติบโต แต่ไม่ใช่ในสัดส่วนเดียวกับจำนวนนักท่องเที่ยว” Sodhaniกล่าวเสริม

    #ธปท #ดอกเบี้ย #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจ

    Source: JKN-CNBC


    **************************
    CNBC สัมภาษณ์พิเศษ ผว. ธปท. : เช้าวันนี้ CNBC ได้สัมภาษณ์ ผว. ธปท. ภายหลัง กนง. มีมติ 6:1 ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 0.50 เป็นร้อยละ 0.75 ต่อปี โดยให้มีผลทันที โดยมีกรรมการ 1 เสียงเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.50 ต่อปี พรัอมย้ำ statement กนง. ดังนี้

    - เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น โดยคาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนการระบาดของ COVID-19 ได้ภายในสิ้นปีนี้และจะขยายตัวต่อเนื่องในระยะต่อไป

    - อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2565 มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้เดิม โดยคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง ก่อนที่จะทยอยปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566

    - ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่บางกลุ่มยังเปราะบางโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ในสาขาธุรกิจที่ฟื้นตัวช้าและครัวเรือนรายได้น้อยที่มีความอ่อนไหวต่อค่าครองชีพ

    - คณะกรรมการฯ เห็นว่าควรดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเห็นความสำคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง

    - ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลายแต่มีความผันผวนสูง โดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. ปรับอ่อนค่าลงตามการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. เป็นหลัก

    - การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายกลับเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ควรดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    เพิ่มเติม
    - ข่าว ธปท. : https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Press/2022/Pages/n4065.aspx

    -There’s no need for Thailand’s central bank to implement ‘heroically large rate hikes,’ says chief : https://www.cnbc.com/video/2022/08/...usses-interest-rates-and-monetary-policy.html

    -Thai central bank governor says there’s no need to ‘undertake heroically large rate hikes’ : https://www.cnbc.com/2022/08/11/tha...to-undertake-heroically-large-rate-hikes.html

    FB_IMG_1660229886195.jpg
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (Aug 11) นักเศรษฐศาสตร์ ชี้กนง.ขึ้นดอกเบี้ย แรงส่งไม่ถึงแบงก์ หวั่นต้องอัดยาแรง : หลังผลประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ออกมาเป็นที่ชัดเจน โดยมีมติขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.25 % ถึง 6 เสียง และ 1 เสียงโหวตขึ้นดอกเบี้ย 0.50 % เพราะมองว่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยแรงในระยะข้างหน้าได้

    โดยรวมผลประชุม กนง.ออกมาเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด ที่คาดว่า กนง.จะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25 % ครั้งแรก แบบค่อยเป็นค่อยไป และติดตามสถานการณ์ ดูการส่งผ่าน และพัฒนาการเงินเฟ้อ ก่อนจะมีการปรับขึ้นครั้งถัดไปในอีก 2 ครั้งที่เหลือปีนี้ ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยของกนง.ครั้งนี้ ถือเป็นการขึ้นในรอบเกือบ 4 ปี นับตั้งแต่ 19 ธ.ค. 2561

    “อมรเทพ จาวะลา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT)เชื่อว่า ผลการประชุมกนง.ที่ออกมา ถือว่าไม่ต่างกับที่คาดไว้ จาก“เงินเฟ้อ”สูง และยังสร้างปัญหาในระยะข้างหน้า ดังนั้นการ “ขึ้นดอกเบี้ย”ก็เพื่อลดการคาดการณ์เงินเฟ้อไม่ให้ไปไกล

    แต่ระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยก็ยังมีความเสี่ยง แม้ฟื้นตัวได้ดีจากภาคท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมา แต่การกระจายตัวยังไม่เกิด ดังนั้นสิ่งที่ห่วง คือกำลังซื้อระดับล่าง ภาคเกษตร เอสเอ็มอีที่ยังอ่อนแอ การขึ้นดอกเบี้ยจึงต้องขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

    ที่เดายากคือการประชุมรอบหน้าก.ย.ที่จะเป็นตัวชี้ชะตา “ทิศทางดอกเบี้ย”ว่าจะเป็นอย่างไร เอาเงินเฟ้ออยู่หรือไม่ จะเปิดโอกาสให้ขึ้นดอกเบี้ยไปสู่ 0.50 % มากน้อยขนาดไหน เพราะแม้เงินเฟ้อจะมีโอกาสลดลงจากราคาพลังงานที่ดลง แต่อย่าลืมว่า การส่งผ่านเงินเฟ้อไปสู่ ราคาผู้บริโภคจะมีมากขึ้น!

    เพราะวันนี้เห็นดีมานด์ฝั่งอุปสงค์มากขึ้น บวกกับแรงกดดันที่จะมาจากการปรับขึ้นค่าจ้าง ทำให้การส่งผ่านด้านราคาไปสู่ผู้บริโภคมีสูงขึ้น

    และที่ห่วงจริงๆ คือ แรงกดดันที่ทำให้แบงก์พาณิชย์ขึ้นดอกเบี้ยได้น้อย แม้จะเป็นเรื่องที่ดี ที่ช่วยเหลือทุกกลุ่มไม่ให้มีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น แต่ต้องระวังด้วย เพราะการปิดกั้นการส่งผ่านนโยบายการเงินไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่แท้จริงแบบนี้ จะไม่ทำให้เศรษฐกิจลดความร้อนแรงลง

    สุดท้าย กงล้อ อาจกลับมาที่ กนง. ให้ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อให้การส่งผ่านดอกเบี้ยไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่เร็วขึ้น ดังนั้นกงล้ออาจย้อนกลับไปที่กนง.ต้องอัดยาแรงรอบหน้ามากขึ้น ภายใต้เงินเฟ้อที่ยังสูงต่อเนื่อง

    “รอบหน้าเราไม่ได้ปิดกั้นโอกาสที่คาดว่ากนง.จะขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50 % อาจต้องเตรียมใจไว้ และต้องดูสถานการณ์เงินเฟ้อ การฟื้นตัวเศรษฐกิจกันต่อ เพราะแม้จะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปถึง 0.50 % ก็เชื่อว่าจะไม่ทำให้เศรษฐกิจชะงักงัน”

    “พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการประชุมกนง.ถือเป็นไปตามคาด สะท้อนว่าแบงก์ชาติกังวล การขึ้นดอกเบี้ยมาก อาจกระทบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ กระทบทำให้เกิดหนี้เสียครัวเรือนและในระบบที่เพิ่มขึ้น

    ที่น่าสนใจ และกลับไปตั้งคำถามคือ คนจะคิดว่าแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยทำไม? แต่ไม่สามารถส่งผ่านดอกเบี้ยได้ เหมือนแบงก์ชาติพยายามแยกตลาด แยกส่วนการส่งผ่านของดอกเบี้ย หลักๆก็เพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อ

    แต่ไม่อยากให้ส่งผ่านไปสู่แบงก์ ดังนั้นมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยของกนง.รอบนี้ แบงก์อาจไม่ขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 0.25 % หรือชะลอการขึ้นดอกเบี้ยด้วยซ้ำ และไปขึ้นรอบหน้ามากกว่า

    หากมองไปในระยะข้างหน้า มองว่าแบงก์ชาติจะยังขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.25% เรื่อยๆ ยกเว้นเงินเฟ้อขึ้นแรง เงินบาทอ่อนค่าค่อนข้างมาก สองแรงกดดันนี้อาจกดดันแบงก์ชาติให้ต้องขึ้นดอกเบี้ยแรงได้ และอย่างน้อย จะเห็นอัตราดอกเบี้ยไปสู่ระดับ 2 % ได้ ในไตรมาส 1 ปี 2566

    “ดูแบบนี้เหมือนแบงก์ชาติคิดว่า แบงก์ชาติสามารถแยกตลาดได้ การขอให้แบงก์พาณิชย์ช่วย โดยไม่ขึ้นดอกเบี้ยทันที ขณะที่ดอกเบี้ยในตลาด ต้นทุนทางการเงินต่างๆปรับขึ้น NIMของแบงก์ในระยะข้างหน้าอาจลดลงได้”

    “ทิม ลีฬหะพันธุ์” นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) กล่าวว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า ผลการประชุมกนง.ออกมา ถือว่ามีโทนเดียวกับตลาดที่มอง

    แต่สิ่งที่ตลาดจับตา คือการประชุม 28 ก.ย. 2565 แม้กรณีพื้นฐานจะมองว่าแบงก์ชาติมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.25 % แต่ก็มีความเสี่ยง ที่ 28 ก.ย.นี้ แบงก์ชาติอาจขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50 % ได้

    เพราะอย่าลืมว่า การประชุมครั้งถัดไป อยุ่ระหว่างการประชุมของเฟด ที่คาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50-0.75 % ดังนั้นเราอาจเจอแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้

    ภายใต้การเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง การท่องเที่ยว การส่งออก การบริโภคเอกชน ที่ยังเติบโตดี บวกกับเศรษฐกิจไตรมาส 2 ที่ออกมาดีเกินคาด โดยคาดว่า จะออกมาขยายตัว 3.3 % ดีกว่าไตรมาสแรกที่ 2.2 % ดังนั้นเหล่านี้คือความเสี่ยง ว่าทำไม การขี้นดอกเบี้ยที่ 0.50 % ถึงมีความเป็นไปได้

    “หากดูประชุมครั้งถัดไป 28 ก.ย.จากโทนแบงก์ชาติคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.25% และยังขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่เราก็ยังตามดู เพราะก็มีความเสี่ยงที่จะขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50%ได้ เพราะอย่าลืมว่าระหว่าง2เดือนนี้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกอาจ 0.50-0.75%ที่เป็นแรงกดดันสำคัญ ตอนนั้นค่อยมาดูว่า เศรษฐกิจที่ออกมาตรองแค่ไหน"

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/business/business_finance/1020314

    FB_IMG_1660229964112.jpg
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (Aug 11) PBOC เตือนศก.จีนอาจเผชิญความเสี่ยงเงินเฟ้อ ให้คำมั่นปกป้องศก.ประเทศ : สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) กล่าวเตือนว่า เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ หลังอัตราเงินเฟ้อของจีนได้เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากราคาเนื้อหมูภายในประเทศได้เพิ่มขึ้น 20% และมีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อของจีนจะเพิ่มขึ้นทะลุระดับ 3% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

    PBOC กล่าวว่า เศรษฐกิจประเทศกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเชิงโครงสร้างที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ PBOC ยังเชื่อว่าแรงกดดันเงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยจากต่างประเทศยังคงมีอยู่ และทำให้ทางธนาคารยังคงต้องใช้มาตรการทางการเงินที่มีความรัดกุมต่อไป

    PBOC ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องปกติที่การเติบโตของสินเชื่อภายในประเทศจะลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจเผชิญกับการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ธนาคารได้เพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้ภาคส่วนใหม่ๆอย่างการลงทุนที่เป็นมิตรกับสิ่งแว้ดล้อมเพื่อให้เศรษฐกิจประเทศแข็งแกร่งขึ้น

    นอกจากนี้ PBOC ยังได้ให้คำมั่นว่า จะปกป้องเศรษฐกิจของประเทศจากภัยคุกคามด้านเงินเฟ้อ โดยจะไม่มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่หรือพิมพ์ธนบัตรออกมามากเกินไปเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ

    ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ โกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า มีแนวโน้มที่ PBOC จะคงอัตราส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมต่อไป แต่จะให้ความสำคัญกับนโยบายการเงินแทน ไม่ว่าจะเป็นโครงการปล่อยเงินกู้ หรือการให้เงินสนับสนุนกับธนาคารพาณิชย์เพื่อกระตุ้นปล่อยสินเชื่อภายในประเทศ

    Source: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
    https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=cUdub0kxbmxaODg9

    เพิ่มเติม
    - China’s Inflation Warning Raises Bar for Further PBOC Easing : https://www.bloomberg.com/news/arti...ns-of-inflation-risks-as-cpi-climbs#xj4y7vzkg
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไฟป่าลุกลาม-คลื่นความร้อน ยังคงแผ่ปกคลุมหลายประเทศทั่วโลก
    .
    วันนี้ (11 สิงหาคม) หลายประเทศในประชาคมโลกยังคงรับมือกับปัญหาไฟป่าที่ยังคงลุกลามต่อเนื่อง รวมถึงสภาวะที่อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น หลายพื้นที่มีอุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ บางพื้นที่ประสบภัยแล้งหลังคลื่นความร้อนยังคงแผ่ปกคลุมยาวนานหลายสัปดาห์ ประชาชนในหลายพื้นที่จึงต้องออกมาทำกิจกรรมคลายร้อน
    .
    ทางด้าน ลอเรนโซ ลาบราดอร์ เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ประกาศเตือน คลื่นความร้อนจะรุนแรงขึ้นอีก หลังพบหลักฐานที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าคลื่นความร้อนจะเกิดบ่อยครั้งขึ้น ครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้างมากขึ้น และอุณหภูมิก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอีกหลายๆ ปีที่กำลังจะมาถึง เป็นสัญญาณเตือนสีแดงจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโลก
    .
    #TheStandardNews #ไฟป่า

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,975
    ค่าพลัง:
    +97,149
    UPDATE: ตำรวจยึดชุดตรวจ ATK ปลอม รวมมูลค่า 2 ล้านบาท มีนายทุนจีนนำเข้าอุปกรณ์และน้ำยา จำหน่ายผ่านเพจถึงมือประชาชนโดยตรง
    .
    วันนี้ (11 สิงหาคม) พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการตรวจค้นและยึดชุดตรวจ ATK ปลอมหลายยี่ห้อ มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
    .
    พล.ต.ท. จิรภพกล่าวว่า การตรวจค้นที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากมีประชาชนซึ่งติดโควิดและได้ซื้อชุดตรวจ ATK ยี่ห้อเดียวกันมา 4 กล่อง มาทำการตรวจ ปรากฏว่าผลที่ได้ออกมามีความแตกต่างกันคือ 3 ชุดแรก ตรวจแล้วผลตรวจเป็นลบ และอีก 1 ชุด ตรวจแล้วผลตรวจเป็นบวก จึงต้องไปหาซื้อชุดตรวจยี่ห้ออื่นมาตรวจซ้ำ ซึ่งพบว่าผลเป็นบวกทั้งสิ้น จึงตัดสินใจนำชุดตรวจ 4 ชุดแรกมาตรวจสอบด้วยตัวเองเพื่อตรวจความผิดปกติ ปรากฏว่าวันเดือนปีที่ผลิตกับวันหมดอายุของ ATK ยี่ห้อดังกล่าวมีลักษณะไม่ตรงกันและมีความผิดปกติ
    .
    เมื่อรักษาตัวจนพ้นระยะปลอดภัยแล้วจึงได้ตัดสินใจนำชุดตรวจทั้งหมดมาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบของตำรวจพบว่า ATK ดังกล่าวเป็นของปลอมจริง จึงทำการขยายผลแหล่งที่ซื้อและขยายผลต่อเนื่องไปยังแหล่งผลิตจนสามารถขอหมายศาลให้ตรวจค้นโรงงานที่ผลิตในจังหวัดนครปฐมและนนทบุรี เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา จนสามารถตรวจยึดชุดตรวจ ATK TESTSEALAB® GICA สุขสบาย จำนวน 7,800 กล่อง ชุดตรวจโควิด TESTSEALAB® NEX รวมถึงกล่อง ATK น้ำยาตรวจ ไม้แยงจมูก และหลอดเก็บตัวอย่าง อีกจำนวนมากกว่าแสนชิ้น
    .
    ด้าน พ.ต.อ. เนติ วงษ์กุหลาบ ผู้กำกับการ 4 บก.ปคบ. ระบุว่า จากการสืบสวนพบว่าขบวนการปลอม ATK นี้มีผู้ร่วมขบวนการไม่ต่ำกว่า 4 คน โดยมีนายทุนเป็นคนจีน น้ำยาตรวจรวมถึงอุปกรณ์ส่วนใหญ่ก็ถูกนำเข้ามาจากประเทศจีนทั้งสิ้น และจากการตรวจสอบข้อมูลการผลิตและกระจายสินค้าของสองโรงงาน ทั้งในจังหวัดนครปฐมและนนทบุรี พบว่าเริ่มทำการผลิตในเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้นมีการกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊กของเจ้าของโรงงาน รวมถึงขายผ่านช่องทางออนไลน์สู่มือประชาชนโดยตรง
    .
    ด้าน นพ.ไพศาลกล่าวว่า ATK ปลอมสามารถตรวจสอบได้โดยหาซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ร้านเภสัชกรรมที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการตามกฎหมาย และเมื่อซื้อแล้วให้ทำการแกะกล่องเพื่อดูวันผลิตและหมดอายุจากกล่องกับซองบรรจุตลับตรวจโควิดว่าตรงกันหรือไม่ หากไม่ตรงกัน ให้อนุมานได้ว่าเป็นของปลอม อีกทั้งให้ตรวจสอบตัวผลิตภัณฑ์และยี่ห้อว่าใช่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ และสามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ของ อย.
    .
    พร้อมฝากเตือนสำหรับคนที่คิดจะเอาเปรียบผู้บริโภคโดยการเห็นแก่ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ระวังหากถูกจับได้จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และ พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 คือขายเครื่องมือแพทย์ปลอม มาตรา 46 (1) ประกอบมาตรา 47 (1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 46/1 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับใบจดแจ้ง มาตรา 46/1 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 17 (1) มีโทษตามมาตรา 91 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขายงานผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ 58 (4) ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    .
    #TheStandardNews

     

แชร์หน้านี้

Loading...