ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    1. “ฟ็อกซ์คอนน์” บริษัทรับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นามกระเดื่อง
    ลือชื่อเพียงใด … เอาแค่ว่า ผลิต “ไอโฟน” ให้ “แอปเปิล” นี่ก็ตอบทุกคำถามแล้ว!
    ฟ็อกซ์คอนน์ มีสัญชาติไต้หวัน
    2. เดือนที่แล้ว ฟ็อกซ์คอนน์เพิ่งแถลงว่า ได้โดดเข้าเป็น “ผู้ถือหุ้น” ใน “ชิงหัว ยูนิกรุ๊ป” --- ซื้อ “หุ้นส่วน” มูลค่า 5.38 พันล้านหยวน (ตีคร่าวๆ 800 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.8 หมื่นล้านบาท)
    นี่ดันเป็นบริษัทชิปของจีน! (บริษัททำระบบคลาวด์ด้วย)
    ตอนนั้น ยังไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ เป็น!
    3. ล่าสุด แว่วว่ารัฐบาลไต้หวันจะสอดเข้าไปขวาง --- อ้างประเด็น “ความมั่นคงแห่งชาติ”
    จำต้องป้องกันเข้มงวดรัดกุม มิให้จีน “ขโมย” เทคโนโลยีชิปอันเลิศล้ำสุดหวงแหนของไต้หวัน
    (ที่จริง ตั้งแต่ครานั้น รัฐบาลไต้หวันก็ออกมา “ดักคอ” นะครับท่าน --- เตือนแล้วนะ! ว่ามันต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากทางการก่อน …)
    ฟ็อกซ์คอนน์ ชี้แจงแค่ว่า “เป็นไปตามกฎระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว”
    หมายเหตุ รัฐบาลห้ามบริษัทชิปไต้หวัน มิให้แผ่ไป “สร้างโรงงานผลิตชิป” ในแผ่นดินจีน ทว่ามิได้มีข้อใดห้ามไป “ถือหุ้นส่วน” บริษัทชิปจีน
    .
    ปัจจุบันสถานการณ์แปรผัน --- “คุกรุ่น” หลัง แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา ย่ำถิ่นไต้หวันเมื่อสัปดาห์ก่อน
    ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ … ไต้หวันเหลียวหลังแลหน้า เห็นอะไรแว้บ ยินเสียงอะไรหน่อย ก็เกิดหวาดระแวง
    ระยะนี้ ความสัมพันธ์จีนกับไต้หวัน ยากจะ “ลงรอย”
    ทริปนี้ของ แนนซี เพโลซี กล่าวได้ไหม ว่าคือความสำเร็จ?
    https://www.reuters.com/technology/...n-drop-stake-chinese-chipmaker-ft-2022-08-10/
    https://www.reuters.com/technology/...al-any-china-chip-firm-investment-2022-07-14/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ความเป็นมาของเลขหมายแบบสั้น 3หลัก และ 4 หลัก
    โดย: กิตตินันท์ นาคทอง
    นอกจากเบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน ที่แต่ละหน่วยงานหรือบริษัทจะขอเลขหมายไว้แล้ว “เลขหมายแบบสั้น” 4 หลัก ก็ถูกนำมาใช้ เพื่อให้ลูกค้าจำง่าย สร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กร ให้ดูน่าเชื่อถือ นอกเหนือจากติดต่อเจ้าหน้าที่ได้สะดวกรวดเร็ว
    สมัยก่อน องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.)
    ซึ่งรับผิดชอบเรื่องโทรศัพท์พื้นฐาน เป็นหน่วยงานที่อนุมัติเลขหมายแบบสั้น 3 หลัก และ 4 หลัก ซึ่งในยุคนั้นมีเพียงหน่วยงานราชการ และผู้ให้บริการวิทยุติดตามตัวเท่านั้นที่ได้ใช้กระทั่งปี 2537 พันเอก วินัย สมพงษ์ รมว.คมนาคม ในรัฐบาล ชวน หลีกภัย อนุมัติให้องค์การโทรศัพท์ฯ นำเลขหมายพิเศษ 4 หลัก ไปใช้บริการในเชิงพาณิชย์ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มเติมจากการให้เช่าคู่สาย
    นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็เริ่มมีภาคธุรกิจใหญ่ๆ ใช้เลขหมายแบบสั้น 4 หลักให้บริการลูกค้า กระทั่งช่องทางคอลเซ็นเตอร์กำลังบูม กลายเป็นที่ต้องการของภาคธุรกิจจำนวนมาก ยิ่งถ้าเป็นเลขหมายสวยๆ ถึงกับต้องประมูลเลยทีเดียว
    ปัญหาก็คือ ที่ผ่านมามีการขอเลขหมายแบบสั้น และอนุมัติให้ใช้กันได้ง่าย ไม่ได้กลั่นกรองความจำเป็นและเหมาะสม ขณะที่ทีโอทีเรียกเก็บแค่ค่าเชื่อมโยงโครงข่าย เพราะต้องเปิดรูทให้กับเลขหมายแบบสั้นเหล่านี้
    ในปี 2548 คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้จัดทำแผนเลขหมายโทรคมนาคม โดยกำหนดให้เลขหมายแบบสั้น 3 หลัก สงวนไว้เพื่อแจ้งข่าวอาชญากรรม เหตุด่วน เหตุร้ายเท่านั้น
    ส่วนเลขหมายแบบสั้น 4 หลัก ใช้เพื่อให้บริการสอบถามข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ
    กระทั่งในปี 2551 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำกับดูแลแทนทีโอที ถึงได้เริ่มแจ้งให้หน่วยงานที่ใช้เลขหมายแบบสั้น 3 หลัก เปลี่ยนมาใช้ 4 หลักแทน
    เช่น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) เดิมใช้หมายเลข 184 ให้บริการสอบถามเส้นทางรถเมล์มาตั้งแต่ปี 2531 แต่เมื่อปี 2554 กสทช. ส่งหนังสือให้เปลี่ยนเป็น 4 หลัก อ้างว่าใช้งานผิดประเภท ต้องจ่ายเดือนละ 1 แสนบาท
    ทีแรกจะขอเป็นหมายเลข 1184 แต่ก็มีเจ้าของ สุดท้ายได้หมายเลข 1348 ใช้มาตั้งแต่ 29 สิงหาคม 2555 ถึงปัจจุบัน
    ส่วนหน่วยงานตำรวจบางแห่ง ก็เปลี่ยนมาใช้เลขหมายแบบสั้น 4 หลัก เช่น กองบังคับการตำรวจทางหลวง จาก 193 เป็น 1193, กองบังคับการปราบปราม จาก 195 เป็น 1195 และกองบังคับการตำรวจจราจร จาก 197 เป็น 1197
    ปัจจุบัน เลขหมายแบบสั้น 3 หลัก มีเพียง 5 รายที่ได้ใช้ อาทิ หมายเลข 191 กองกำกับการศูนย์รวมข่าว กองบัญชาการตำรวจนครบาล (เหตุด่วน-เหตุร้าย), 199 กองบังคับการตำรวจดับเพลิง สังกัดกรุงเทพมหานคร (ดับเพลิง)
    หมายเลข 192 กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศและการสื่อสาร (ศูนย์ประสานงานเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ), 194 กรมสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทหารอากาศ กองทัพอากาศ และ 198 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย
    ส่วนเลขหมายแบบสั้น 4 หลัก กสทช. จัดสรรไปแล้ว 409 เลขหมาย ยังเหลือว่างอยู่ 385 เลขหมาย โดยมีส่วนงานเลขหมายโทรศัพท์แบบสั้น สำนักบริหารและจัดการเลขหมายโทรคมนาคม เป็นผู้รับผิดชอบ
    โดยพบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือครองเลขหมายแบบสั้น 4 หลักมากที่สุดถึง 20 เลขหมาย ถ้าเป็นหน่วยงานความมั่นคง กสทช. มักจะยกเว้นค่าธรรมเนียม เพราะเห็นว่าใช้ในราชการความมั่นคงของรัฐ และรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน
    เลขหมายโทรศัพท์แบบสั้น ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติถือครองอยู่ มีทั้งสิ้น 21 เลขหมาย มีอยู่ 3 เลขหมาย ที่หน่วยงานขอรับการจัดสรรโอนไปให้หน่วยงานอื่น และมีอยู่ 2 เลขหมาย ตรวจสอบแล้วพบว่าปัจจุบันไม่ได้ใช้งาน

    https://mgronline.com/columnist/detail/9610000107686
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 10, 2022 กระทบชิ่ง! ค่าแรงขั้นต่ำจ่อขึ้น 5-8% กระทบ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมในตลาดหุ้นไทย
    .
    บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส หรือ APS เปิดเผยบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก 5-8% พบว่ากระทรวงแรงงานจะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงไตรมาส 4 ราว 5 – 8% เมื่อย้อนไปดูข้อมูลในอดีต 12 – 13 ปีที่ผ่านมา พบว่า กระทรวงแรงงานมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมาแล้ว 6 ครั้ง หากไม่นับปี 2554 มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ในช่วง 3 – 15 บาท/วัน หรือมีการปรับขึ้น 1% - 5% เป็นต้น จึงเป็นการยืนยันได้ว่า เป็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปี 2565 ที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับในอดีต
    .
    ฝ่ายวิจัยฯ บล. APS ได้รวบรวมผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยอุตสาหกรรมที่น่าจะเสียประโยชน์ คือ อุตสาหกรรมที่มีโครงสร้างต้นทุนแรงงานในสัดส่วนสูง ได้แก่อุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง เกษตรอาหาร พัฒนาที่อยู่อาศัย ชิ้นส่วน ค้าปลีก โดยมีรายละเอียด ดังนี้
    .
    กลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง พบว่า จะเป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้แรงงานจำนวนมาก ทั้งรูปแบบการจ้างงานโดยตรงและการจ้างผ่านผู้รับเหมาช่วง โดยต้นทุนค่าแรงที่อิงกับค่าแรงขั้นต่ำจะอยู่ในส่วนของคนงานก่อสร้างที่มีทั้งการจ้างโดยตรงและการจ้างผ่านผู้รับเหมาช่วง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20-30% ของต้นทุนทั้งหมด โดยเงินที่จ้างผ่านผู้รับเหมาช่วงจะมีการรวมทั้งค่าแรงงานและค่าวัสดุก่อสร้างเข้าไปด้วย หากตั้งสมมุติฐานว่าค่าแรงอย่างเดียวคิดเป็นสัดส่วน 50% ของค่าจ้างเหมาช่วง เท่ากับว่าต้นทุนที่อิงกับค่าแรงขั้นต่ำน่าจะมีสัดส่วนประมาณ 10-15% ของต้นทุนทั้งหมด
    .
    ดังนั้น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุก 1% จะกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้าง 0.10-0.15% แต่ในทางปฏิบัติ หากมีการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจริงบริษัทรับเหมาก่อสร้างและบริษัทที่รับเหมาช่วง จะแบ่งกันรับภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้นไปคนละส่วน อีกทั้งบริษัทรับเหมางานภาครัฐ จะมีเงินชดเชยจากค่า K ซึ่งมี เงินเฟ้อ เป็นองค์ประกอบในการคำนวณด้วย ดังนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุก 1% ฝ่ายวิจัยประเมินว่าจะกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างไม่เกิน 0.1%
    .
    กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร-อาหาร พบว่ามีโครงสร้างค่าแรง (DL) ในไทยเฉลี่ยราว 1.5-8% ของต้นทุนรวม แม้ว่าปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะจ่ายค่าแรงสูงกว่า ค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้วแต่หากมีการปรับเพิ่มค่าแรงขึ้นต่ำ ผู้ประกอบการก็ต้องปรับเพิ่มค่าแรงให้พนักงานด้วยเช่นกัน โดยฝ่ายวิจัยทำ Sensitivity หากผู้ประกอบการปรับเพิ่มค่าแรงขึ้น 5% โดยสมมติฐานอื่นไม่เปลี่ยนแปลง จะส่งกระทบแนวโน้มกำไรสุทธิกลุ่มเกษตร-อาหารปี 2566 ราว 4.7% จากปัจจุบัน
    .
    กลุ่มอุตสาหกรรมพัฒนาที่อยู่อาศัย พบว่าเนื่องจากโครงสร้างต้นทุนสัดส่วนหลัก 30-40% มาจากต้นทุนที่ดิน ตามด้วยต้นทุนก่อสร้างและแรงงานราว 40-50% ที่เหลือเป็นงานโครงสร้างและอื่น ๆ และหากพิจารณาแยกเฉพาะต้นทุนค่าแรงงานที่อิงกับค่าแรงขั้นต่ำ จะอยู่ในงานก่อสร้างที่ส่วนใหญ่ผ่านการจ้างงานกับผู้รับเหมา คาดคิดเป็น 20% ของต้นทุนรวม หรือราว 13% ของยอดขาย (อิง Gross Margin ขายฯ เฉลี่ย 33%) ภายใต้สมมติฐานการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5% จะกระทบต่อต้นทุนรวมเพิ่มขึ้น 1%
    .
    อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติผลกระทบการขึ้นค่าแรงส่วนใหญ่จะอยู่กับกลุ่มบริษัทผู้รับเหมาที่ได้ว่าจ้างในการจัดการงานก่อสร้าง เนื่องจากใช้วิธีการ Outsource กับผู้รับเหมาฯ และปกติงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยมีการทำสัญญาล่วงหน้า และต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างเพื่อส่งมอบ
    .
    ดังนั้นจึงไม่กระทบต่อโครงการเดิมที่สร้างเสร็จแล้ว ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ปกติในสินค้ากลุ่มคอนโดฯ มีการกำหนดต้นทุนเรียบร้อย และบางบริษัท ทำสัญญากับผู้รับเหมาแบบTurnkey กล่าวคือผู้รับเหมาเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนแนวราบอาจมีการเจรจาต่อรองเรื่องต้นทุน ขณะที่โครงการใหม่ จะถูกส่งผ่านไปยังราคาขายใหม่ตามต้นทุนใหม่
    .
    นอกจากนี้ปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาฯ มีการนำเทคโนโลยีเข้าช่วยในงานก่อสร้าง เช่นPrecast สามารถลดแรงงานคนได้พอสมควร รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนอื่น เพื่อไม่ให้dระทบต่อมาร์จิ้นอย่างมีนัยฯ ทั้งนี้จากการศึกษาข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพทำกำไรตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2551-2564) พบว่า ผู้ประกอบการยังสามารถรักษา Gross Margin ในกรอบ 32-34% และ Norm Profit ในกรอบ 13-15% แม้เผชิญกับวัฏจักรเรื่องต้นทุนก่อสร้างและแรงงานที่ปรับขึ้นก็ตาม (ยกเว้นปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดและส่วนใหญ่เน้นขายสต๊อก พร้อมลดราคา ทำให้ GP ปีดังกล่าวลงมาอยู่ที่ 31% และ Norm Profit อยู่ที่ 12.5% ก่อนเห็นการฟื้นตัวขึ้นในปีถัดไป)
    .
    กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ พบว่า มีสัดส่วนค่าแรงงานเฉลี่ย 5-8% ของต้นทุนรวม โดยฝ่ายวิจัยทำSensitivity หากผู้ประกอบการปรับเพิ่มค่าแรงขึ้น 5% โดยสมมติฐานอื่นไม่เปลี่ยนแปลง จะส่งกระทบแนวโน้มกำไรสุทธิกลุ่มชิ้นส่วนปี 2566 ราว 2.2% จากปัจจุบัน โดยผู้ประกอบการชิ้นส่วนในไทยจ่ายค่าแรงให้ลูกจ้างรายวันสูงกว่าค่าแรงขึ้นต่ำอยู่แล้ว แต่มีโอกาสขึ้นค่าแรงอีกเพื่อป้องกันการย้ายงานในอนาคตได้
    .
    ส่วนกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมา ICT : แรงงานส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นลูกจ้างรายวันในบริษัท แต่จะเป็นการจัดหาแรงงานภายนอก (Outsource) ทำให้ภาระการจ่ายค่าแรงส่วนใหญ่ตกไปอยู่กับผู้รับเหมาช่วงที่มารับงานแทน ทั้งนี้หากผู้ประกอบการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขึ้น 5% โดยสมมติฐานอื่นไม่เปลี่ยนแปลง คาดจะส่งกระทบแนวโน้มกำไรสุทธิน้อยกว่า 4.1% จากปัจจุบัน

    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก
    .
    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/

    #ขึ้นค่าแรง #อุตสาหกรรมอาหาร #อุตสาหกรรม #ค่าแรง #รับเหมาก่อสร้าง #แรงงาน #BTimes #What's Up #ข่าวอัปเดต

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐฯ ป่วย ‘โรคฝีดาษลิง’ เพิ่ม 3 เท่าใน 15 วัน

    สหรัฐฯ ยืนยันพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสะสมมากที่สุดในโลกที่ 8,934 ราย เมื่อนับถึงวันจันทร์ (8 ส.ค.) และมีแนวโน้มว่าตัวเลขนี้อาจต่ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจากไม่มีการตรวจโรคอย่างทั่วถึง

    จำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่ยืนยันผลในสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 30 ของยอดรวมผู้ป่วยทั้ง 30,189 รายทั่วโลก แม้สหรัฐฯ มีประชากรน้อยกว่าร้อยละ 5 ของประชากรโลก โดยคณะผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการระบาดครั้งนี้จะทวีความรุนแรงในไม่ช้า ขณะปีการศึกษาใหม่ใกล้เริ่มต้นอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าแล้ว

    เมื่อวันจันทร์ (8 ส.ค.) นิตยสารฟอร์จูน (Fortune) อ้างอิงดร. อเล็กซานดรา บรูกเลอร์ ยอนต์ส ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อประจำโรงพยาบาลเด็กแห่งชาติในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่าโรคฝีดาษลิงมีโอกาสแพร่ระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียน วิทยาเขตของวิทยาลัย เรือนจำ และสถานที่อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันอย่างแน่นอน

    ยอนต์สเผยความคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะสามารถควบคุมการระบาดของโรคฝีดาษลิงในระดับท้องถิ่นได้มากขึ้น แม้เธอคิดว่ามันจะระบาดมากกว่าเดิม เนื่องจากผู้คนยังคงเดินทาง เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และโรงเรียนจะเริ่มเปิดเรียนอีกไม่นานนี้ โดยตอนนี้สหรัฐฯ พบผู้ป่วยในเกือบทุกรัฐแล้ว

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ฯ เผยกับผู้สื่อข่าวว่าทางการได้ประมาณการว่าชายในสหรัฐฯ ราว 1.7 ล้านคนที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันกำลังเผชิญความเสี่ยงจากโรคฝีดาษลิงมากที่สุด

    #ฝีดาษลิง #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29 #worldnews
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อัปเดตสถานการณ์ #ฝีดาษลิง - 11 ส.ค. 65

    ยอดผู้ป่วยยืนยันทั่วโลกในวันนี้ เพิ่มขึ้น 461 ราย รวมสะสม 32,810 ราย โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นประเทศในยุโรป-อเมริกาเหนือ ซึ่งในขณะนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่พบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิงทะลุ 1 หมื่นรายแล้ว

    ในขณะที่บราซิล แนวโน้มผู้ป่วยยืนยัน และผู้ต้องสงสัยยังมีทิศทางที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีรายงานการทำร้ายลิงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความเชื่อที่ผิดว่า เชื้อโรคฝีดาษลิงนั้นติดจากลิง

    สำหรับการระบาดของโรคฝีดาษลิงในขณะนี้ เป็นการติดเชื้อระหว่างคนสู่คน ผ่านการสัมผัสใกล้ชิด แตะเนื้อต้องตัวกันเป็นหลัก โดยเฉพาะในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์กัน

    ทางด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป รายงานว่า ในขณะนี้ ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงในยุโรปมีอยู่ทั้งหมดกว่า 1.7 หมื่นราย โดย..
    - ผู้ป่วยที่รักษาตัวในรพ. 455 ราย , ICU 3 ราย
    - ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 31 - 40 ปี
    - ผู้ป่วย 99% เป็นเพศชาย
    - มีผู้ป่วยที่เป็น HIV-Positive จำนวน 2,911 ราย

    ในเยอรมนี รายงานพบผู้ป่วยเด็กรายแรก เป็นเด็กหญิง อายุ 4 ขวบ โดยพบว่า มีผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้ใหญ่อาศัยอยู่ด้วยจำนวน 2 ราย ทำให้ในขณะนี้ พบผู้ป่วยเด็กที่มีอายุไม่เกิน 4 ขวบทั่วโลกราว 25 ราย อยู่ในสหรัฐฯ ฝรั่งเศส เนเธอแลนด์ และสเปน

    #MonoNews
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เตือน “พายุมู่หลาน” ทำฝนตกหนัก 24 จว.เตรียมรับมือ

    กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุมู่หลาน ซึ่งคาดว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเวียดนามตอนบน ในวันนี้ (11 ส.ค.) ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก บางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก รวม 24 จังหวัด ขอให้ประชาชนระวังอันตราย ซึ่งอาจทำให้เกิด น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

    https://www.facebook.com/Mono29News/posts/pfbid0dRSrV1gHM1RRf1ZCku1w18jHymJGcwbYQ4vxiGKp1Eq6Xihdv7u2X8g9Q86hJdDbl

    #พายุโซนร้อนมู่หลาน #ฝนตก #น้ำท่วม #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    North Korea: "คิม จองอึน" ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศชัยชนะเหนือโควิด-19 "คิม โยจอง" น้องสาวโทษเกาหลีใต้ปล่อยลูกโป่งเข้าไปในเกาหลีเหนือ ทำให้เกิดการระบาดของโควิด-19 ในเกาหลีเหนือ

    สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นสื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือ รายงานในวันนี้ (10 สิงหาคม) คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศชัยชนะเหนือโควิด-19 แล้ว สั่งยกเลิกมาตรการสูงสุดในการต่อต้านการระบาดของโควิด ที่เริ่มใช้มานาน 3 เดือนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และสั่งให้กลับคืนสู่มาตรการป้องกันโควิดในระดับปกติ ทั้งนี้ ผู้นำคิมเตือนให้ประชาชนยังคงต้องเฝ้าระวัง และจะควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวดต่อไป เนื่องจากยังเกิดโควิดกลายพันธ์ุตัวใหม่และการระบาดของฝีดาษลิง

    ผู้นำคิม ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากโรคระบาดอยู่ที่เพียง 74 คนเท่านั้น เป็นความมหัศจรรย์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์สาธารณสุขโลก ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญนอกเกาหลีเหนือตั้งคำถามต่ออัตราการตายที่ต่ำมากดังกล่าว เนื่องจากชาวเกาหลีเหนือแทบไม่มีใครได้ฉีดวัคซีนต้านโควิดเลย

    ส่วนยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิดสะสมในเกาหลีเหนือที่รายงานล่าสุด หยุดอยู่ที่ประมาณ 4.8 ล้านคนในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากประชากรทั้งหมดของเกาหลีเหนือ 26 ล้านคน อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เกาหลีเหนือยืนยันนั้น มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น สาเหตุเนื่องจากขาดแคลนชุดตรวจโควิด เกาหลีเหนือใช้คำว่า "ผู้ป่วยเป็นไข้" ในการรายงานการระบาดของโควิดตลอดการระบาด 3 เดือนที่ผ่านมา

    ด้าน "คิม โยจอง" น้องสาวหมายเลขหนึ่งของผู้นำเกาหลีเหนือผู้ทรงอิทธิพล กล่าวโทษเกาหลีใต้ปล่อยลูกโป่งที่บรรจุ "วัตถุสกปรก" เข้าไปในเกาหลีเหนือ เป็นสาเหตุให้เกิดวิกฤตโรคระบาดในเกาหลีเหนือ และขู่จะใช้มาตรการตอบโต้เกาหลีใต้อย่างหนัก

    ทั้งนี้ นักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ที่ต่อต้านเกาหลีเหนือ มักส่งลูกโป่งบรรจุใบปลิวต่อต้านคิม จองอึน ให้ลอยข้ามพรมแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือหลายต่อหลายครั้ง

    การประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการเหนือโควิดของผู้นำเกาหลีเหนือ นับเป็นการสิ้นสุดการระบาดของโควิด-19 ที่เกาหลีเหนืออ้างว่า เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศ นับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดในโลกเมื่อกว่า 2 ปีก่อน โดยใช้เวลาควบคุมเพียง 3 เดือนเท่านั้น หลังจากเกาหลีเหนือยอมรับว่าโควิดระบาดเป็นครั้งแรกในวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #เกาหลีเหนือ #โควิด19
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
    ————
    1f4f2.png อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    South Korea: ยอดผู้เสียชีวิตน้ำท่วมใหญ่กรุงโซล เพิ่มเป็น 11 คน สูญหาย 8 คน บ้านเรือนถูกน้ำท่วมเกือบ 3,800 หลัง แต่ยกเลิกประกาศเตือนฝนตกหนักในโซลและปริมณฑลแล้ว

    สำนักงานใหญ่ศูนย์รับมือภัยพิบัติและความปลอดภัยกลางเกาหลีใต้ รายงานยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากน้ำท่วมใหญ่กรุงโซล เมืองหลวงเกาหลีใต้และหลายเมืองปริมณฑล เพิ่มเป็น 11 คน โซลมีผู้เสียชีวิตมากสุด 6 คน ยังสูญหายอีก 8 คน เจ้าหน้าที่ยังไม่หยุดค้นหาผู้สูญหาย

    ประชาชนอพยพไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 5,000 คน แบ่งเป็นในโซลและปริมณฑลอพยพกว่า 980 คนจาก 548 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือทั่วประเทศอพยพ 4,297 คนจาก 2,042 ครัวเรือน อาคารบ้านเรือนประชาชน 3,775 หลังถูกน้ำท่วม ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงโซล

    เมื่อวานนี้ (10 สิงหาคม) ด้านอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้ยกเลิกประกาศเตือนภัยฝนตกหนักในกรุงโซลและปริมณฑล รวมถึงเมืองอินชอน ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวง 27 กิโลเมตรแล้ว แต่ยังไม่ยกเลิกประกาศเตือนภัยฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลางและในจังหวัดชุงช็อง ทางใต้ ซึ่งคาดว่าจะเกิดฝนตกหนักอีก

    ชาวกรุงโซลเปรียบฝนตกหนักน้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ว่า เหมือนกับฉากในภาพยนตร์ไททานิกและชนชั้นปรสิต ภาพยนต์รางวัลออสการ์ของเกาหลีใต้ หลังเกิดฝนตกหนักที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ในรอบ 115 ปีในกรุงโซลและเมืองปริมณฑล และเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงเกาหลีใต้ ทุกหนทุกแห่งทั่วกรุงโซลจมบาดาล ทั้งอาคารบ้านเรือน ถนนหนทาง สถานีรถไฟใต้ดินและรางรถไฟ และอุโมงค์ลอดถนน รถยนต์เสียหายนับไม่ถ้วน
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #เกาหลีใต้ #น้ำท่วม
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
    ————
    1f4f2.png อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    China: เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย ระบุ สหรัฐฯ เป็น "ผู้ยุยงส่งเสริมหลัก" จนนำไปสู่วิกฤตยูเครน กล่าวหากรณี "แนนซี เพโลซี" เยือนไต้หวัน เป็นลูกไม้เก่า ๆ ของสหรัฐฯ ในการฟื้นสงครามเย็นกลับคืนมาเพื่อคุมจีนกับรัสเซีย

    จาง ฮั่นฮุย เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าว Tass News ของรัฐบาลรัสเซีย เผยแพร่เมื่อวานนี้ (10 สิงหาคม) ระบุว่า สหรัฐฯ คือ "ผู้ยุยงส่งเสริมหลัก" จนทำให้เกิดวิกฤตการณ์ในยูเครน และยังส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้แก่ยูเครนไม่หยุด

    จาง ระบุต่อไปว่า สหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการลงโทษรัสเซียอย่างรอบด้าน ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือ "บดขยี้" รัสเซีย ทำให้รัสเซียหมดสิ้นกำลัง ด้วยการทำให้วิกฤตการสู้รบในยูเครนลากยาว และกระหน่ำตีรัสเซียด้วยมาตรการคว่ำบาตรอย่างหนัก

    จาง กล่าวหาสหรัฐฯ ต้องการไล่ต้อนรัสเซียให้จนมุม ด้วยการขยายสมาชิกองค์การนาโตอย่างไม่หยุดยั้ง และยังสนับสนุนการใช้กำลัง เพื่อทำให้ยูเครนไปอยู่ในแนวทางเดียวกับสหภาพยุโรป หรือ อียู แทนที่จะเป็นรัสเซีย

    จางกล่าวถึงความสัมพันธ์จีนและรัสเซียด้วยว่า ก้าวเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันในระดับสูงสุด มีปฏิสัมพันธ์กันในระดับสูงสุด และมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

    เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซียยังกล่าวคัดค้านกรณี แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ เยือนไต้หวันเมื่อสัปดาห์ก่อน และกล่าวหาสหรัฐฯ ในกรณีเพโลซีว่า คือความพยายามที่จะใช้ลูกไม้เดิม ๆ กับยูเครนและไต้หวัน เพื่อจะฟื้นสงครามเย็นกลับคืนมาเพื่อควบคุมจีนกับรัสเซีย และยุยงให้เกิดการความเป็นศัตรูกันและการเผชิญหน้ากันครั้งใหญ่

    จาง ย้ำว่า การไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น คือหลักการพื้นฐานที่สุดในการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพโลก
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #จีน #สหรัฐฯ #รัสเซีย #ยูเครน
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
    ————
    1f4f2.png อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    America-China: แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แถลงในวันพุธ (10 สิงหาคม) ว่า สหรัฐฯ ไม่อาจยอมให้จีนปรับระดับความกดดันใหม่ต่อไต้หวันให้เป็นความปกติได้ ซึ่งอ้างถึงการซ้อมรบหลายวันหลังเธอเดินทางเยือนเกาะไต้หวัน

    เพโลซี แถลงข่าวพร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครตอีก 4 คน ที่ร่วมเดินทางเยือนเอเชียกับเธอว่า สิ่งที่เราเห็นกับจีน คือพวกเขากำลังพยายามที่จะสร้างรูปแบบของความปกติใหม่ และเราไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้

    ด้านจีนแถลงในวันพุธ (10 สิงหาคม) ว่า “ได้เสร็จสิ้นภารกิจต่าง ๆ” รอบเกาะไต้หวันแล้ว แต่จะยังคงเดินหน้าลาดตระเวนตามปกติต่อไป ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณยุติการซ้อมรบครั้งใหญ่หลายวัน เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อไต้หวัน โดยจีนแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการเยือนไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของเพโลซี ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในรอบหลายสิบปี จีนได้ขยายการซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะไต้หวัน ที่จีนอ้างว่ายังเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน ออกไปอีกนานกว่า 4 วันที่กำหนดไว้เดิม

    เพโลซี กล่าวว่า เราเดินทางไปที่นั่นเพื่อยกย่องไต้หวัน เพื่อแสดงความเป็นมิตรภาพ เพื่อที่จะบอกให้จีนรู้ว่า ไม่สามารถโดดเดี่ยวไต้หวันได้
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #สหรัฐฯ #จีน #ไต้หวัน #Taiwan
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
    ————
    1f4f2.png อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Russia-Ukraine War: ยูเครนคาดว่าจะสามารถส่งออกธัญพืชได้เดือนละ 6 ล้านตัน หลังจากที่ท่าเรือทางตอนใต้กลับมาเปิดใช้งาน และเรือขนส่งธัญพืชกลับมาแล่นผ่านทะเลดำได้อีกครั้ง

    ทางการยูเครน ระบุว่า หลังจากที่ท่าเรือทางตอนใต้ของประเทศกลับมาเปิดใช้งานอีกครั้ง เช่นเดียวกับเส้นทางส่งออกธัญพืชในทะเลดำ คาดว่า ยูเครนจะกลับมาส่งออกธัญพืชได้เดือนละประมาณ 6 ล้านตัน

    มีข้อมูลว่า นับตั้งแต่ที่ปิดท่าเรือทางตอนใต้ของยูเครนจนถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยูเครนต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งทางเลือกอื่นแทน ซึ่งทำให้สามารถส่งออกธัญพืชได้เพียงเดือนละประมาณ 2 ล้านตันเท่านั้น แต่แล้วสถานการณ์ก็ดีขึ้นหลังจากที่มีการลงนามข้อตกลงการส่งออกธัญพืชรัสเซียและยูเครน ทำให้การส่งออกธัญพืชทางเรือ ที่ต้องแล่นผ่านทะเลดำกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง จนถึงขณะนี้ก็ดูเหมือนว่ากระบวนการต่าง ๆ ก็จะลุล่วงด้วยดี

    ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของยูเครน ระบุว่า การกลับมาส่งออกธัญพืชทางทะเลได้อีกครั้ง ถือเป็นสิ่งสำคัญกับยูเครนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจยูเครนต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ ที่ยูเครนมีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศไม่เพียงพอ รวมถึงไม่มีเงินพอที่จะรักษาสมดุลการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #รัสเซีย #ยูเครน #ธัญพืช
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
    ————
    1f4f2.png อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    America: บรรดาผู้นำระดับสูงในพรรครีพับลิกันหลายคน แสดงการสนับสนุน ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) บุกเข้าตรวจค้นคฤหาสน์หรูของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา และทำให้เกิดการโต้เถียงทางการเมืองในสหรัฐฯ ซึ่งมีความเห็นทางการเมืองแตกแยกกันอยูแล้ว

    บรรดาผู้นำในพรรครีพับลิกันหลายคน ต่างออกมาสนับสนุนทรัมป์ ซึ่งไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ในมาร์อะลาโก เขตปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ในขณะที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอบุกเข้าตรวจค้น โดย ‘ไมค์ เพนซ์’ อดีตรองประธานาธิบดีในสมัยทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐฯ กล่าวแสดงความกังวลต่อเหตุการณ์นี้

    ในขณะที่ ‘เควิน แม็คคาร์ธี’ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร หากพรรครีพับลิกัน ชนะการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนนี้ กล่าวหาการกระทำของกระทรวงยุติธรรมว่าเป็นเรื่องการเมือง ‘เอลิซ สเตฟานิก’ สมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เป็นวันแห่งความมืดมนในประวัติศาสตร์อเมริกัน เธอกล่าวด้วยว่า หาก FBI สามารถบุกค้นบ้านประธานาธิบดีได้ แล้วประชาชนคนธรรมดาจะต้องเจอกับอะไร ในขณะที่ ‘แนนซี เพโลซี’ ประธานสภาผู้แทนราษฏรจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย

    ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การบุกเข้าตรวจค้นบ้านอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พร้อมประณามการกระทำของ FBI และว่าสมาชิกพรรคเดโมแครตที่มีแนวคิดรุนแรงอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่ต้องการให้เขาสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024

    ด้านโฆษกประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ ไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการบุกค้นคฤหาสน์หรูของทรัมป์ที่ฟลอริดา ขณะที่ FBI ปฎิเสธที่จะแจ้งเหตุผลที่ต้องมีการบุกค้นครั้งนี้ แต่สื่อหลายสำนักในสหรัฐฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานตรวจค้นตามคำสั่งศาล ซึ่งเป็นการหาหลักฐานความเป็นไปได้ว่า ทรัมป์จะจัดการเอกสารลับของทางการอย่างไม่ถูกต้อง เอกสารลับบางอย่างถูกส่งมาที่มาร์อะลาโก หลังจากที่ทรัมป์ออกจากทำเนียบขาวในเดือนมกราคม 2021 โดยขณะนี้ ทรัมป์กำลังอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย จากการที่เขาพยายามจะล้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 และการที่ผู้สนับสนุนเขาบุกจู่โจมอาคารรัฐสภาในวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา

    ความเคลื่อนไหวของ FBI ในครั้งนี้ ทำให้เกิดความสงสัยช่วงที่ทรัมป์กำลังอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย และเกิดขึ้นในขณะที่ทรัมป์ วัย 76 ปี กำลังชั่งใจว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมับหรือไม่ บรรดดาที่ปรึกษาของเขาหลายคนเรียกร้องให้เขาประกาศยืนยันว่า จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #ทรัมป์ #FBI #รีพับลิกัน #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
    ————
    1f4f2.png อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    China-Taiwan: หลังการเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซี จนทำให้จีนไม่พอใจอย่างมาก ล่าสุดจีนออก 'สมุดปกขาว' เดินหน้ารวมชาติไต้หวันอย่างสันติ โดยย้ำว่าการรวมชาติเป็นเรื่องที่ "หยุดยั้งไม่ได้"

    จีนได้แถลงเน้นย้ำถึง "ความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" สำหรับการรวมชาติกับไต้หวันอย่างสันติ และจะไม่อดทนต่อกิจการใด ๆ ที่ต้องการจะแยกประเทศ ท่ามกลางการเดินหน้าซ้อมรบอย่างต่อเนื่องรอบเกาะไต้หวัน หลังแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    เมื่อวันพุธ (9 สิงหาคม) สำนักงานกิจการไต้หวัน และสำนักงานข่าวสาร ซึ่งอยู่ภายใต้คณะรัฐมนตรี ได้ร่วมกันออก ‘สมุดปกขาว’ หรือแนวทางต่อไต้หวัน ที่ชื่อว่า "ประเด็นไต้หวัน และการรวมชาติของจีนในยุคใหม่" (The Taiwan Issue and China’s Reunification in the New Era) เพื่อตอกย้ำว่า ไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีน และประณามทุกความพยายามที่จะทำให้ "ไต้หวันเป็นอิสระ"

    ‘สมุดปกขาวรวมชาติ’ ดังกล่าว มีเนื้อหา 5 ส่วน เน้นเรื่องการรวมชาติ แต่จะใช้แนวทางที่ค่อนข้างเป็นมิตร โดยเน้นที่การสื่อสารข้ามช่องแคบมากขึ้น เนื้อหาทั้ง 5 ส่วน ประกอบด้วย

    1. ไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีน
    2. ความพยายามอันแน่วแน่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการบรรลุการรวมชาติอย่างสมบูรณ์
    3. การรวมชาติอย่างสมบูรณ์ของจีน เป็นกระบวนการที่หยุดยั้งไม่ได้
    4. การรวมชาติในยุคใหม่
    5. อนาคตที่สดใสสำหรับการรวมชาติอย่างสันติ

    เนื้อหาสาระในสมุดปกขาวนี้ ย้ำว่า เราจะทำงานร่วมกันอย่างจริงใจที่สุด และจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดการรวมชาติอย่างสันติ แต่เราก็จะไม่ละทิ้งการใช้กำลัง โดยจะขอสงวนสิทธิ์ในการใช้มาตรการจำเป็นทั้งหมด เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากภายนอก และกิจกรรมแบ่งแยกทุกประเภท โดยจะไม่พุ่งเป้าไปยังเพื่อชาวจีนในไต้หวัน

    "เราถูกบีบให้ต้องใช้ความรุนแรง ก็เพื่อตอบโต้ต่อการยั่วยุของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน หรือกำลังจากภายนอก ที่พวกเขาไม่ควรจะก้าวข้ามเส้นแดงที่เราขีดแบ่งไว้"

    สมุดปกขาว ยังระบุด้วยว่า สหรัฐฯ ใช้ “กำลังบางอย่าง” ในความพยายามที่จะใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือต่อต้านจีน

    โดย "กำลังบางอย่าง" ที่ว่า น่าจะหมายถึง "แนนซี เพโลซี" ที่เดินทางมายังไต้หวัน และกลับออกไปในเวลาเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมงดี ที่ยกระดับอุณหภูมิที่ช่องแคบไต้หวันไปถึงจุดเดือด และยังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ให้แย่ลงไปอีก

    ไม่เพียงเท่านี้ สมุดปกขาว ยังเรียกร้องเรื่องการปกครองไต้หวันภายใต้ "1 ประเทศ 2 ระบบ" เหมือนที่ใช้กับฮ่องกงอีกด้วย

    นอกจากนี้ ยังระบุว่า ประเทศต่าง ๆ ควรเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมกับไต้หวันต่อไป ภายหลังการรวมชาติ และประเทศเหล่านั้นควรตั้ง "สถานกงสุล" หรือ "หน่วยงานกึ่งทางการ" ในไต้หวัน ขณะที่ องค์กรระหว่างประเทศควรจัดตั้งสำนักงานบนเกาะไต้หวัน โดยต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลจีนก่อน

    โดยจีนให้คำมั่นว่า ภายหลังการรวมชาติ ไต้หวันจะมีเศรษฐกิจที่รุ่งเรือง, มีความมั่นคงและศักดิ์ศรีที่มากขึ้น

    และนี่เป็นการออก ‘สมุดปกขาว’ ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2000 โดยนับตั้งแต่ยุคปี 19990 เป็นต้นมา เกาะไต้หวันได้เปลี่ยนจากระบอบเผด็จการเป็นประชาธิปไตย และความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันย่ำแย่ลง นับตั้งแต่ไช่ อิงเหวิน ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ในปี 2016 ที่ไม่ต้องการให้ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #จีน #ไต้หวัน #Taiwan
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
    ————
    1f4f2.png อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    South Korea: ประธานาธิบดี ‘ยุน ซ็อกยอล’ ของเกาหลีใต้ขอโทษประชาชนทั้งประเทศที่ได้รับความไม่สะดวกจากเหตุฝนตกหนักติดต่อกันในสัปดาห์นี้ ขณะที่สถานการณ์ในกรุงโซลล่าสุด ฝนตกน้อยลงแล้ว และเริ่มมีการทำความสะอาดอาคารบ้านเรือน ท้องถนนและเส้นทางเดินรถไฟใต้ดิน

    ประธานาธิบดี ‘ยุน ซ็อกยอล’ กล่าวขณะประชุมคณะรัฐมนตรีเรื่องการรับมือกับเหตุน้ำท่วมใหญ่ในกรุงโซลและปริมณฑล ที่มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 คน สูญหายและบาดเจ็บกว่า 20 คน อาคารบ้านเรือนอย่างน้อย 2,800 หลังได้รับความเสียหาย จนทำให้ชาวบ้านกว่า 1,100 ครอบครัวต้องอาศัยในที่พักพิง ว่า ขอสวดภาวนาให้แก่ผู้ได้รับความเดือดร้อน และขอโทษในนามรัฐบาลต่อประชาชนที่ได้รับความไม่สะดวก

    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดียุนได้สั่งการระหว่างการประชุมรัฐบาล กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลกลุ่มเปราะบางให้ได้รับการดูแลจากเหตุฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ เพราะกลุ่มที่มีปัญหาทางการเงินหรือมีความบกพร่องทางร่างกายมักเสี่ยงภัยมากที่สุดเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ หวังว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอย่างแข็งขันในเรื่องนี้
    ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ซึ่งไปเยี่ยมอพาร์ตเมนต์กึ่งใต้ดินในกรุงโซลที่ถูกน้ำท่วมคร่าชีวิตหมดทั้งครอบครัว 3 คน โดยมีสตรีที่มีความบกพร่องด้านพัฒนาการรวมอยู่ด้วย ย้ำว่า สภาพอากาศในขณะนี้มีความผิดปกติ ฝนที่ตกในช่วงนี้หนักที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการบันทึกสภาพอากาศเมื่อ 115 ปีก่อน จึงไม่สามารถรับมือโดยอ้างอิงตามสถานการณ์ในอดีต แต่ต้องคิดไปถึงกรณีเลวร้ายที่สุดที่เกินจะคาดคิดได้ ขอให้ข้าราชการทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้ในการปกป้องดูแลประชาชน

    ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมประกันภัยเกาหลี ระบุว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 8 สิงหาคม ถึงเย็นวันที่ 9 สิงหาคม ได้รับแจ้งเคลมประกันรถยนต์ถูกน้ำท่วมหรือได้รับความเสียหาย 4,791 คัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1,776 ล้านบาท แต่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเนื่องจากคาดว่าจะยังมีฝนตกตลอดสัปดาห์ โดยรถอย่างน้อย 946 คันเป็นรถนำเข้าและรถยนต์หรูราคาแพง ที่จอดตายจมน้ำท่วมสูงมิดคันบนถนนหลายสายในกรุงโซล โดยเฉพาะในย่านกังนัม

    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม หลายพื้นที่ในกรุงโซล เมืองอินชอน และจังหวัดคยองกี ที่อยู่รอบกรุงโซล มีปริมาณฝนวัดได้กว่า 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง โดยเฉพาะเขตทงจักวัดได้สูงถึง 141.5 มิลลิเมตร แต่ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว แม้คาดว่าจะมีฝนตกลงมาอีกแต่ปริมาณน้อยลง ถนนสายหลักต่าง ๆ และ รถไฟใต้ดินในกรุงโซลเริ่มกลับมาให้บริการ เจ้าหน้าที่เทศบาลเริ่มทำความสะอาดท้องถนนและเส้นทางเดินรถไฟใต้ดิน ส่วนย่านกังนัมยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ขณะที่สถานีรถไฟ และถนนหลายสายยังคงเป็นอัมพาต
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #เกาหลีใต้ #น้ำท่วม #ฝนตกหนัก #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
    ————
    1f4f2.png อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    BREAKING!!
    Pelosi ห้าวต่อ !!! สหรัฐฯ 'จะไม่อนุญาต' ให้จีนสร้าง New Normal ในไต้หวัน !! งานนี้ปั่นด้วยใจแม้ตัวอยู่ไกล !
    #WorldMaker

    ⚠️ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่นี้ ล่าสุดทางป้า Pelosi ได้ออกมาเฉิดฉายแสงต่อชาวโลกอีกครั้ง !!! แม้ตัวอยู่ไกลแต่ใจพร้อมปั่นเต็ม 100% ! โดยเธอได้กล่าวว่า 'สหรัฐฯ จะปล่อยให้จีนสร้าง New Normal ให้ไต้หวันไม่ได้เด็ดขาด'
    .
    หลายชั่วโมงหลังจากที่ปักกิ่งประกาศแผนลาดตระเวนทางทหารรอบไต้หวันเป็นประจำอย่างต่อเนื่องตลอดหลังจากนี้ ทาง Pelosi ก็ออกมาตอบโต้ทันทีว่าผู้นำจีน 'กำลังพยายามผลักดันไปสู่เป้าหมายของจีน(หมายถึงการรวมชาติ)' ตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเยือนไต้หวันแล้ว
    .
    ตามรายงานของ Bloomberg ระบุอีกว่าตั้งแต่ Pelosi ไปเยือนไต้หวัน มีเครื่องบินรบของจีนกว่า 180 ลำแล้วที่เคลื่อนตัวเข้ามายังเขตน่านฟ้าของไต้หวัน (ซึ่งจีนถือว่าเป็นของจีน)
    .
    แน่นอนว่าการเดินทางครั้งนี้ทำให้ความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยกระดับขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย โดยทางจีนได้ประกาศระงับการเจรจากับสหรัฐฯ ในหลายมิติเลยทีเดียว ซึ่งรวมถึงทางการทหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    การตัดสินใจของไบเดนเรื่องการยกเลิกภาษีสินค้าจากจีนมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก ทำให้ตอนนี้กลายเป็นความไม่แน่นอนเข้ามาปกคลุมตลาดมากกว่าเดิม
    .
    ทั้งนี้ Pelosi ปฏิสเธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับคำพูดของพี่เสือไบ ซึ่งออกมากล่าวว่าฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ไม่ได้เห็นด้วยกับการเยือนไต้หวันของ Pelosi เลย
    .
    ⚠️มารอติดตามไปพร้อม ๆ กับ World Maker ได้เลยว่าหมากการเมืองโลกจะเป็นอย่างไรต่อไปกันแน่ ? ตอนนี้ยังมีเรื่องราวออกมาให้กองเชียร์ได้เดือดกันทุกวันจริง ๆ แต่สิ่งที่ต้องตระหนักคืออย่าไปอินกับการเมืองมาก เราควรจับจุดให้ดีว่าจะหาโอกาสทางการเงินจากหมากการเมืองโลกอย่างไรได้บ้าง โดยเฉพาะนักธุรกิจและนักลงทุน
    .
    (ที่มารูป : Bloomberg)

    References : https://www.bloomberg.com/news/arti...an-t-let-china-establish-new-normal-on-taiwan

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 11, 2022 นัดแรก! บิ๊กตู่นั่งหัวโต๊ะประชุมวอร์รูมเฉพาะกิจแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ย้ำรัฐบาลจะทำงานแก้ไขสถานการณ์ให้ดีที่สุด
    .
    วันนี้ (11 ส.ค. 65) เวลา 10.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2565 ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง และผู้ที่เกี่ยวข้อง เห็นชอบแนวทางเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในระดับวิกฤตเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการระยะเร่งด่วน (Quick win) และมาตรการที่ต้องเร่งดำเนินการต่อเนื่อง (Follow-up Urgent Policy) เพื่อรองรับสถานการณ์ในระดับวิกฤตเศรษฐกิจ
    .
    นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มาตรการระยะเร่งด่วนว่า ขอให้แต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้เน้นว่าจะทำอะไรได้มากกว่าเดิมบ้าง ให้พิจารณาดำเนินการไปตามห้วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งมาตรการบางอย่างอาจจะดำเนินการต่อไป บางอย่างอาจจะต้องลดหรือเพิ่ม ต้องพิจารณาเตรียมการอย่างรอบคอบ ให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่
    .
    นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ในการทำงานบริหารสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะมีประเด็นหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง และมีผลกระทบกับหลายด้าน วันนี้รัฐบาลกำลังบริหารสถานการณ์วิกฤตที่มีความเสี่ยงสูง โดยมีการติดตามประเมินสถานการณ์ และมีวิธีการทำงานแก้ไขสถานการณ์เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด
    .
    ที่ประชุมมีข้อสรุปได้ดังนี้
    .
    1. จากการติดตามเครื่องบ่งชี้ที่อาจก่อให้วิกฤตล่าสุด 4 ด้าน ได้แก่ (1) วิกฤตต้นทุนพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ (2) วิกฤตการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและการขาดแคลนวัตถุดิบด้านการเกษตร (3) วิกฤตการเงินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ SMEs และ (4) วิกฤตเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและการลดลงของขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยพบว่าปริมาณน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า และสินค้าที่จำเป็นยังไม่ขาดแคลน แต่มีราคาสูงขึ้น และรัฐบาลได้มาตรการช่วยเหลือ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขาดสภาพคล่อง นอกจากนี้วัตถุดิบด้านการเกษตร อาทิ ปุ๋ยและอาหารสัตว์ก็ไม่ขาดแคลน แต่มีราคาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สินค้าเกษตรบางรายการ มีราคาขายที่ต่ำกว่าต้นทุน สำหรับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ SMEs พบว่าหนี้ครัวเรือนเริ่มลดลง ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ แต่รายจ่ายครัวเรือนยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหมวดค่าโดยสาร ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วน SMEs ในภาพรวมค่อย ๆ ฟื้นตัว แต่ในบางสาขายังไม่กลับสู่ระดับปกติ นอกจากนี้ผู้ประกอบการ SMEs ยังมีความกังวลเรื่องต้นทุนและกำไร ในส่วนของโครงสร้างเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการรองรับวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคต ที่ประชุมเห็นว่ายังควรเร่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง
    .
    2. ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ได้แก่ (1) มาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ การลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล การตรึงราคาก๊าซ NGV การตรึงราคาน้ำมันดีเซล ตลอดจนการออกมาตรการรักษากำลังซื้อให้แก่ประชาชนต่าง ๆ รวมถึงการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (2) มาตรการเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและการขาดแคลนวัตถุดิบด้านการเกษตร อาทิ โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) ระยะที่ 2 มาตรการเสริมสภาพคล่องผ่านโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยของ ธ.ก.ส. (3) มาตรการเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการเงินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ SMEs อาทิ จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) ภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2565 (พ.ร.ก. ฟื้นฟูฯ) และ (4) มาตรการเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและการลดลงของขีดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ เร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับคู่ค้าที่มีศักยภาพ การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน การลงทุนในโครงสร้างภายในประเทศ โดยเฉพาะระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เชื่อมแนวเหนือ ใต้ ตะวันตก และตะวันออก เป็นต้น
    .
    3. สำหรับมาตรการที่จะดำเนินการต่อไป ประกอบด้วย 1) มาตรการระยะเร่งด่วน (Quick win) ได้แก่ กลุ่มมาตรการประหยัดพลังงาน มาตรการระยะเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและการขาดแคลนวัตถุดิบด้านการเกษตร อาทิ โครงการบริหารจัดการปุ๋ย โครงการส่งเสริมการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์ มาตรการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs มาตรการบูรณาการฐานข้อมูลเกษตรกรในหลายมิติ และมาตรการทางการเงินเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 2) มาตรการที่ต้องเร่งดำเนินการต่อเนื่อง (Follow-up Urgent Policy) ได้แก่ มาตรการต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ มาตรการประหยัดพลังงาน อาทิ ส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และลดต้นทุนและปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง โดยมุ่งเน้นการขนส่งทางราง มาตรการต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและการขาดแคลนวัตถุดิบด้านการเกษตร เช่น ศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุน/ร่วมทุน ในการจัดตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยโปแทส เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ มาตรการต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการเงินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ SMEs อาทิ การพัฒนาทักษะทางการเงินในทุกช่วงวัย การดำเนินการของคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และมาตรการต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและการลดลงของขีดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ มาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก 1f449.png https://bit.ly/3zOwN27
    .
    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
    .
    #นายก #ประยุทธ์ #วิกฤตเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจไทย #เงินเฟ้อ #พลังงาน #หนี้ #ค่าครองชีพ #BTimes
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 11, 2022 ตรึงให้นาน! ธนาคารเอ็กซ์ซิมแบงก์จะตรึงดอกเบี้ยกู้ให้นานที่สุด
    .
    นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 0.50% เป็น 0.75% ต่อปีนั้น ทางธนาคาร EXIM BANK พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ให้นานที่สุด ในอัตรา Prime Rate 5.75% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เพื่อแบ่งเบาภาระลูกค้าและผู้ประกอบการไทย รวมทั้งพัฒนาโปรโมชันพิเศษสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า Prime Rate อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้อยู่รอดและขยายธุรกิจในตลาดการค้าโลกได้ท่ามกลางปัจจัยท้าทายที่อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางธุรกิจของผู้ประกอบการในปีนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก 1f449.png https://bit.ly/3CeC1aj
    .
    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
    .
    #เอ็กซ์ซิมแบงก์ #EXIMBANK #ดอกเบี้ย #เงินกู้ #สินเชื่อ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจ #BTimes
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 11, 2022 ช่วยเต็มที่! กสิกรไทยยังทนได้อยู่ ลั่นไม่ขึ้นดอกเบี้ยทั้งฝากและกู้ ชี้อั้นได้อีกไม่นาน
    .
    นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ยังลำบากอยู่ เป็นผลกระทบจากโควิด-19 และเมื่อธนาคารไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็จะเป็นการไม่ปรับทั้ง 2 ขา ทั้งดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้เกิดความสมดุล
    .
    การขึ้นดอกเบี้ย กนง.ในรอบนี้ ธนาคารยังทนได้และจะยังคงไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่หาก กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบ ธนาคารคงอั้นไม่ไหว นอกจากนั้นหากต้องการให้ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากก็ต้องขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย
    .
    นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารสมาชิกพร้อมช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษ และช่วยประคับประคองชะลอการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นไปตามกลไกของตลาด ซึ่งต้องติดตามผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากโครงสร้างการเงินของธนาคารแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ของลูกค้ารายใหญ่นั้นจะปรับขึ้นตามต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น
    .
    การให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ ให้ความสำคัญกับการดูแลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อชะลอผลกระทบกับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่อยู่ระหว่างการปรับตัวให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ค่อยๆ กลับมาสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้สามารถมีรายได้สมดุลกับรายจ่ายมากขึ้น
    .
    สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่ธนาคารสมาชิกเข้ามาดูแลเป็นพิเศษ จะเป็นไปตามมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ณ เดือน พ.ค. 65 ลูกค้าภายใต้มาตรการลดลงเหลือ 1.6 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้เกือบ 2 ล้านล้านบาท มีการเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจเอสเอ็มอีผ่านสินเชื่อฟื้นฟูและสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) 320,000 ล้านบาทช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบไม่สูงขึ้นมาก และคุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มดีขึ้นสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจน
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก 1f449.png https://bit.ly/3Aedi4r
    .
    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
    .
    #กสิกรไทย #ดอกเบี้ย #เงินฝาก #เงินกู้ #สินเชื่อ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจ #BTimes
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 11, 2022 ขึ้นถึงสิ้นปี! ไทยพาณิชย์มองแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งติดกัน
    .
    ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC เปิดเผยว่า EIC คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ธนาคารแห่งประเทศไทย จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง แต่การปรับขึ้นจะยังเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ ณ สิ้นปี 2022 จะอยู่ที่ระดับ 1.25%
    .
    กนง. มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ 0.25% ในทุกการประชุมที่เหลือของปีนี้ในเดือนกันยายน และพฤศจิกายน 2022 เนื่องจาก
    .
    1. อัตราเงินเฟ้อไทยมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ในระยะต่อไปเงินเฟ้อจะไม่ปรับลดลงเร็วนัก โดยตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกรกฎาคม 2022 อยู่ที่ 7.61% ปรับลดลงจากเดือนก่อนที่ 7.66% และต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 8% อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปคาดว่าเงินเฟ้อจะไม่ปรับลดลงเร็วนัก เพราะถึงแม้ราคาน้ามันโลกจะเริ่มลดลงแล้ว แต่ราคาน้ำมันในประเทศอาจไม่ลดลงเร็วนักโดยเฉพาะราคาขายปลีกดีเซล
    .
    เนื่องจากกองทุนน้ำมันยังขาดดุลอยู่มากทำให้อาจต้องมีการจัดเก็บส่วนแบ่งเพื่อชดเชยการขาดทุน อีกทั้ง ค่าไฟฟ้าในช่วง 4 เดือนหลังของปีจะปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในประเทศ และแรงกดดันจากฝั่งอุปสงค์ (Demand-pull inflation) ที่จะมีมากขึ้นในช่วงปลายปี จึงทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อไทยแม้จะชะลอลง แต่ยังอยู่ในระดับสูง
    .
    2. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีกว่าคาดเล็กน้อย โดยล่าสุด EIC ได้ปรับประมาณการจานวนนักท่องเที่ยว ต่างชาติที่จะเข้ามาไทยในปีนี้ขึ้นจาก 7.4 ล้านคน เป็น 10 ล้านคน ขณะที่การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศก็มี แนวโน้มดีขึ้นตามการเปิดเมืองและการเปิดประเทศ รวมถึงภาคการเกษตรยังได้รับอานิสงส์จากทั้งปัจจัยทางด้านปริมาณจากน้ำฝนและน้ำในเขื่อนที่ดี และด้านราคาจากความต้องการในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง (ยกเว้นข้าว) อีกทั้ง ยังมีแรงส่งจากอุปสงค์คงค้าง (pent-up demand) ทำให้การบริโภคภาคเอกชนจะดีขึ้น นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (purchasing managers index : PMI) เดือนล่าสุดก็สะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดย PMI manufacturing เดือนกรกฎาคมปรับสูงขึ้นมาสู่ระดับ 52.4 ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกือบที่สุดนับตั้งแต่มีการสำรวจ
    .
    3. ธปท. จะใช้มาตรการทางการเงินอื่นๆ ในการเข้ามาดูแลครัวเรือนและธุรกิจกลุ่มเปราะบางที่อาจได้รับ ผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจะทาให้ครัวเรือนกลุ่มรายได้น้อยมีความ เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น ขณะที่กลุ่มรายได้ปานกลางอาจฟื้นตัวไม่ทันเงินเฟ้อ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจหลายภาคส่วนที่การฟื้นตัวยังคงเปราะบาง เช่น การบิน รถยนต์ และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์
    .
    ทั้งนี้ EIC มองว่า ธปท. จะเลือกใช้มาตรการทางการเงินอื่นๆ เพื่อเข้ามาดูแลกลุ่มเปราะบางเหล่านี้ เช่น การคงการลดอัตราการผ่อน ชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่าที่ 5% การคงการขยายระยะเวลาชาระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลไปจนถึงปี 2023 และการปรับปรุงโปรแกรมการจ่ายหนี้ของคลินิกแก้หนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกการผ่อนชำระมากขึ้น
    .
    อย่างไรก็ดี EIC ประเมินว่า แม้การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการปรับขึ้นจะเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไปครั้งละ 0.25% เนื่องจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ของไทยยังไม่แข็งแกร่งเท่าในประเทศอื่นที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลให้ประเทศเหล่านั้นสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เร็วกว่าไทย สะท้อนจากอัตราเงิน เฟ้อพื้นฐานท่ียังไม่เร่งสูงมากเหมือนประเทศอื่นในภูมิภาค และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
    .
    นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (Headwind) จากโอกาสในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่มากขึ้นในเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และอังกฤษ ซึ่งจะกดดันอุปสงค์โลก และอาจมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก (Geopolitics) ที่สูงขึ้น ทำให้การดาเนินนโยบายการเงินจาเป็นต้องคำนึงถึงความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น และจำเป็นต้องดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    .
    อีกประเด็นที่จะทำให้ กนง. ไม่จำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว คือการที่เงินบาทกลับมา แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา โดยได้แข็งค่าสู่ระดับ 35.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2022 นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลาง สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอัตราที่ช้าลง ส่งผลให้สินทรัพย์ทั่วโลกปรับสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง จึงทำให้เงินบาทรวมถึงค่าเงินสกุลอื่นปรับแข็งค่าขึ้น
    .
    EIC คาดว่า ค่าเงินบาท ในระยะต่อไปมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อย จากปัจจัยดังนี้
    .
    1. ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราที่น้อยลงในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะช่วย ลดแรงกดดันด้านแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกต่อเนื่อง ทำให้แรงกดดันด้านอ่อนค่าของเงินบาทปรับลดลงด้วย
    .
    2. มุมมองต่อการลงทุน (Sentiment) ของนักลงทุนเริ่มปรับดีขึ้น หลังภาวะการเงินโลกมีแนวโน้มตึงตัวน้อยลง ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk-on) ทาให้เงินทุนเคลื่อนย้ายมีแนวโน้มไหลเข้าตลาด การเงินไทยมากขึ้น
    .
    3. แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและดุลบัญชีเดินสะพัด ที่คาดว่าจะปรับดีขึ้นต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของ อุปสงค์ในประเทศตามการเปิดเมือง รวมถึงราคาน้ำมันและค่าขนส่งที่ปรับลดลง และการฟื้นตัวของภาคการ ท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเป็นบวกและช่วยกระตุ้นเงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติ
    .
    ด้วยเงินบาทที่มีแนวโน้มปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ความจำเป็นในการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดูแล ค่าเงินบาทปรับลดลง โดยการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมเงินเฟ้อคาดการณ์ ของภาคครัวเรือนและธุรกิจ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะเงินเฟ้อฝังลึก (Wage-price sprital) ที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงจนยากต่อการควบคุม อีกทั้งการขึ้นดอกเบี้ยจะช่วยชะลอการเร่งตัวของราคาในฝั่งอุปสงค์ (Demand-pull inflation) ที่คาดว่าจะปรับสูงขึ้นในช่วงปลายปี
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก 1f449.png https://bit.ly/3QfS8s1
    .
    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
    .
    #EIC #แบงก์ชาติ #ดอกเบี้ย #เศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจถดถอย #BTimes
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 11, 2022 เอ็นด์อัพ! ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยขาลง พบเกินครึ่งไปไม่ถึงฝัน
    .
    นายยุทธนา ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย หรือ “THAI STARTUP” และผู้ร่วมก่อตั้ง iTAX เปิดเผยผลการสำรวจสมาชิกของสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยและพันธมิตรกว่า 100 ราย พบว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา มีมูลค่าธุรกิจสตาร์ทอัพรวมกันกว่า 11,558 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีมูลค่า 7,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54% ซึ่งถือว่าธุรกิจสตาร์ทอัพของไทยสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างชัดเจน และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
    .
    อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยประสบปัญหาหลายๆ ด้าน โดยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าธุรกิจไม่ถึง 10 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 53.1% ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ตามด้วยสตาร์ทอัพที่มียอดธุรกิจ 10-30 ล้านบาทต่อปี เป็นสัดส่วน 22.4% และมีมูลค่า 30-100 ล้านบาท มีสัดส่วน 11.2% และมูลค่าธุรกิจเกิน 100 ล้านบาท มีสัดส่วน 12.6%
    .
    ธุรกิจสตาร์ทอัพในไทยที่ประสบปัญหา หรือข้อจำกัด พบว่า 70.1% ขาดแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ ต่อมา 40.2% ขาดผู้มีทักษะด้านเทคโนโลยี เช่น software engineer , UX/UI Designer ถัดมา 35.5% ขาดการวางโมเดลธุรกิจที่ดี และ 34.6% ผู้บริหารทำหลายบทบาท ทำให้เรียนรู้ทักษะต่างๆ ไม่ทันการเติบโต และไม่มีเงินทุนจ้างคนเก่งมาร่วมงาน
    .
    นอกจากนี้ 31.8% ติดปัญหาเรื่องกฎระเบียบต่างๆ 30.8% พบปัญหาการทำงานร่วมกับภาครัฐด้านการจัดซื้อจัดจ้าง มี 27.1% ติดปัญหาการขยายตลาด และยังพบปัญหาเรื่องของคนไทยขาดความเชื่อใจผู้ประกอบการหรือสตาร์ทอัพคนไทยด้วยกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก 1f449.png https://bit.ly/3bHl25C
    .
    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
    .
    #สตาร์ทอัพ #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ลงทุน #ทักษะ #สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย #BTimes
     

แชร์หน้านี้

Loading...