ชีวิตลิขิตเอง หรือกรรมลิขิตชีวิต

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย อิตัง, 8 มิถุนายน 2020.

  1. อิตัง

    อิตัง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +2
    *ชีวิตลิขิตเอง หรือ กรรมลิขิตชีวิต ....ผู้รู้จริงจึ่งรู้
    *บุญและกรรมนำพา...เบื้องหลังม่านมายาบังตาในสังสาร

    จักรวาลนี้มีความลับมากมายซ่อนอยู่ภายใต้มายาของความไม่รู้ในมวลมนุษย์

    “เหตุบังเอิญใดในโลกนั้นแท้จริงไม่มี การที่ใครจะพบเจอใครอีกคน ความทุกข์สูญเสียแม้นรวมถึงความสุขความสำเร็จอันเกิดแก่บุคคลย่อมมีสาเหตุมาจากบุพกรรมทั้งดีร้ายเหล่านั้นของเขายังผลวิบากแล้วในเวลานั้น ๆ “

    >> หลายคนรู้มาแต่ต้นคล้ายมีภาพหนทางแห่งความสำเร็จอยู่ใต้จิตสำนึกให้เดินไปหา กับอีกหลายคนส่วนใหญ่ที่ยังอาจต้องใช้วันเวลาค้นหาตัวตน บนเส้นทางสายที่เราเลือก ความพยายามที่จะไขว่คว้าความสำเร็จ ก้าวไปหาฝัน แก่งแย่งแข่งขัน

    ในจำนวนนี้คนส่วนน้อยที่จะประสพความสำเร็จได้สมตามความคาดหมาย เขาเหล่านี้มักพยายามอย่างยิ่ง หาทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคและดิ้นรนไป บากบั่นไม่ย่อท้อแม้จะลำบากเพียงใดจนได้คว้าดาวดังฝัน เมื่อประสพความสำเร็จแล้ว ย่อมเชื่อมั่นสำคัญว่า

    “คนเราจะสำเร็จด้วยความพยายาม ด้วยการลงมือทำ ด้วยความมุ่งมั่น ชีวิตของเรา เราลิขิตด้วยตัวเราเอง สร้างและสำเร็จด้วยตัวเอง ไม่ยินยอมให้ชะตากรรมนำพา”

    >> กลายเป็นว่าคนที่เชื่อโชคชะตาคือยอมก้มหัวให้ชะตากรรม ยินยอมให้โชคชะตากำหนดเส้นทางชีวิตตนเอง ย่อมประสพความสำเร็จได้ยากอย่างนั้น??

    ขณะที่คนประสพความสำเร็จแล้วยืนอยู่เหนือโชคชะตา อีกหลายคน ก้าวเดินตามฝัน ออกไขว่คว้าหนทางที่จะกุมชะตาชีวิตของตนเองเหมือนกัน

    หลาย ๆ คนในนี้ล้วนมีความพยายาม มีน้ำอดน้ำทนที่จะทนต่อสู้ความลำบาก และความโชคร้ายที่คาดว่าน่าจะเป็นโชคชะตาถาโถมโบยใส่เส้นทางชีวิตอย่างไม่ยอมแพ้ แก้ไขปัญหาแล้ว ๆ เล่า ๆ ใช้สติปัญญาทั้งของตนและผู้รู้ แต่กลับพ่ายแพ้ในที่สุด

    เมื่อเวลาคนเราล้มลุกคลุกคลานรอบแล้วรอบเล่าบนทางชีวิต หลายครั้งที่เราจะเริ่มลังเลสับสน หรือในทางชีวิตที่เดินมาเลือกเดินผิด สับสนว่าตนเองทำสิ่งใดผิดพลาด หากตรองแล้วตรองอีก ไม่พบความผิดพลาดร้ายแรง ความโง่เขลาที่เราอาจไม่รู้ในบางสิ่ง หรือโชคชะตาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมีจริง
    มีอีกหลายคนเพียงใช้ชีวิตไปตามวันเวลา ไม่ต้องพยายามมาก ไม่ต้องเค้นสติปัญญาใดใดออกมาเพื่อเป็นราวยึดไปสู่บันไดแห่งความสำเร็จนั้น มีความสุขดี จับพลัดจับผลูมีคนมาช่วยประเคนหนทางแห่งความร่ำรวยความสุขที่หลายคนบากบั่นแต่ไม่มีแม้แต่โอกาสเฉียดใกล้เอาเสียเลย นี่ไม่เรียกว่าความยุติธรรมไม่มีจริง หรือเขาเหล่านี้มีอะไรพิเศษอยู่เบื้องหลัง

    >> โชคชะตา บุญกรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์

    คนที่ยังไขว่คว้าหาทางไปไม่เจอ กับคนที่ยืนบนหอคอยแล้วปริวิตกกลัวหอคอยงาช้างนั้นจะล้ม เป็นเหตุให้ต่างออกตามหาทางแห่งความยั่งยืน มีคนมากมายหันหน้าเข้าหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์น่าจะมีอยู่จริงแล้ว และจะเป็นผู้มีฤทธิ์บันดาลสุข ปัดเป่าทุกข์ให้สมปรารถนาได้ตามคำวิงวอนร้องขอ เมื่อนั้นกรรมลิขิตชีวิต นั้นน่าจะมีจริงเป็นจริงเสียแล้ว

    เช่นนั้น บุคคลที่ประสพความสำเร็จที่เขาเหล่านั้นเชื่อในตนเองว่า ตนเองเป็นผู้ลิขิตชีวิตตน ผู้ที่ไม่ยอมแพ้ก้มหัวให้โชคชะตา ใช้สติปัญญาและความพยายามต่างหากจึงนำมาซึ่งความสำเร็จอันภาคภูมิของตน แลกมาด้วยเลือดและหยาดน้ำตา ใช่มาด้วยบุญกรรมต่างหาก <<< แต่ในพุทธธรรมนั้น มีกล่าวไว้อีกว่า “บุคคลใดหากมีความพยายาม ความขยันหมั่นเพียร ความดำริตรึกตรองในกิจนั้น ๆ การใส่ใจแก้ปัญหาและพัฒนาในกิจนั้น ๆ แม้จะมีความเขลาอยู่ อาจใช้เวลาเนิ่นช้า แต่สุดท้ายย่อมต้องประสพความสำเร็จด้วยความเพียรอันตรึกดีแล้วนั้น ในที่สุด”

    ครั้นคำตอบที่จักรวาลแอบซ่อนไว้ภายใต้มายาแห่งความสำเร็จได้เปิดออก แน่นอนว่าแม้ภายในสังสารวัฎอันเต็มไปด้วยมายาที่เหมือนมีเหมือนรู้ แต่แท้นั้นไม่รู้ มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายล้วนดำรงอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมนั้น บุพกรรมเมื่อให้ผลเป็นวิบากแก่ผู้ใด มักจะเกิดความโง่ ความทึบสับสน ความหลง ที่เคยฉลาดกลับพลั้งพลาด ที่เคยได้กลับเสีย ที่มีความสามารถกลับมาไร้เสียซึ่งกำลังจะจัดการปัญหาอุปสรรคใดใดนั้น

    แต่เมื่อวิบากนั้นคลาย หรือให้ผลสิ้นสุด ความฉลาด ความสว่าง ความมีปัญญา ความมีความสามารถจะกลับหวนคืนแก่บุคคลนั้นอีกครั้ง เหมือนว่าก่อนหน้านี้ที่เคยมีปัญหาติดขัดเช่นนี้ คิดอย่างไรหาทางออกไม่เจอไม่มี มาวันนี้ที่วิบากกรรมชั่วนั้นสุดสิ้นลงแล้ว กลับพบเจอหนทาง ฟ้าเปิดทางให้ คนดีดีมีความสามารถมีกำลังเข้ามาช่วยเหลือ ช่วยชี้แนะนำทาง พลิกผันกลับมายืนผงาดได้อีกครั้งหนึ่ง

    >> ก็บุญกิริยานั้นมีความเพียรอันตรึกดีแล้ว พยายามและแก้ไขแล้ว ๆ เล่า ๆ จนสำเร็จในที่สุด นั่นคือกรรมดีอันมีเจตนาที่แน่วแน่มั่นคงเป็นที่ตั้ง เข้าสู่กฎแห่งกรรม ที่ว่ากรรมปัจจุบันย่อมยังผลให้แก่ผู้กระทำมากที่สุด อันมีอิทธิบาทสี่ดังพุทธองค์ดำรัส เหตุอะไรจึงจะไม่เข้าเหตุแห่งกรรมลิขิตเล่าถ้าเช่นนั้น...

    กรรมนั้น แท้จริงแล้วคือ การกระทำ กรรมแต่หนหลัง กรรมในวัยเยาว์ กรรมในปัจจุบัน กรรมดีกรรมชั่ว กรรมขาวกรรมดำ แท้จริงย่อมส่งผลสืบ ๆ กันไปเช่นนั้น ๆ เอง กลเกมบุญกรรม ในจักรวาลอันไพศาลที่เราทั้งหลายถูกล่อหลอกให้มัวหลงโดยไม่รู้ตัวและไม่รู้จุดหมายสิ้นสุด หมุนเวียนเปลี่ยนผันจากเกมหนึ่งไปสู่กลเกมหนึ่งแล้วเล่าร่ำไป จนลืมหลงว่าตนเป็นเพียงผู้อยู่ใต้ตาข่ายแหกรรม ใช่เป็นผู้ลิขิตชะตาเองแท้จริงไม่

    ** อนาคตมาจากปัจจุบัน ปัจจุบันก็ดำเนินมาจากอดีต เรื่องเช่นนี้มีแต่ผู้รู้จริงปฏิบัติจริงเท่านั้นที่จะรู้ โดยแน่ชัด ไม่ลังเลสงสัย สับสนกับมายากรรมทั้งกระแสที่สาดซัดจนหลงไปจากสัจธรรม

    #สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
    #ชีวิตลิขิตเองหรือกรรมลิขิต
    #ความหลงในสงสาร

    Facebook: https://www.facebook.com/NutYantip/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...