" จะทุกข์ไปทำไม ไม่เห็นจะมีเหตุให้ต้องทุกข์!!! "

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ใฝ่ธรรมดี, 28 มกราคม 2014.

  1. ใฝ่ธรรมดี

    ใฝ่ธรรมดี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2014
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +14
    นั่นคือประโยคที่เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งมักใช้พูดปลอบใจอยู่เสมอ เรื่องราวมีอยู่ว่า...ผมอายุย่าง 42 สถานภาพโสด ไม่มีภาระหนี้สิน อาศัยอยู่ต่างจังหวัด มีทรัพย์สินเป็นตึกแถวเล็กๆ 1 ห้อง รถเก่าๆที่ยังพอใช้งานได้ 1 คัน มีเงินเก็บ(จากการทำงานที่ ตปท.)อยู่ครึ่งล้านที่นำไปลงทุนในหุ้น(พอร์ตแดงทุกตัวเลย - -") และเปิดร้านขายเครื่องดนตรีเล็กๆอยู่ที่บ้านมาได้ 4 ปี มีคุณแม่มาอาศัยอยู่ด้วยบ้างในบางโอกาส ด้วยนิสัยที่เป็นคนเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ทะเยอทะยาน ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ ไม่มีแฟน (เพิ่งโดนหักอกมา เฮ้ออออ!!) ศึกษาธรรมะจากการอ่านมาได้หลายปีแต่เพิ่งมาปฏิบัติธรรมเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา การได้ทำในสิ่งที่เรารัก สร้างความพึงพอใจและมีความสุข ทั้งๆที่รายได้ก็ไม่ดีนัก เพียงแค่พอประคับประคองและรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่เคยต้องไปเดือดร้อนพ่อแม่ในเรื่องการเงิน แต่ช่วงสองปีที่ผ่านมา กิจการซบเซาเงียบเหงามากๆ รายได้หายไปกว่าครึ่ง (ซึ่งปกติก็แค่เพียงพอค่าใช้จ่ายรายเดือน) บ่อยครั้งที่ไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลยติดต่อกันหลายวัน เมื่อมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงินก็ต้องนำเอาเงินออมออกมาใช้จ่าย คุณพ่อก็ป่วยเป็นมะเร็ง ส่วนคุณแม่แม้ยังแข็งแรงดีอยู่แต่ก็รู้สึกว่าเรายังดูแลท่านได้ไม่ดีนัก ทำให้ผมต้องหันกลับมาทบทวนกับชีวิตของตัวเองว่านอกจากเราจะดูแลรับผิดชอบชีวิตของตัวเองแล้ว เราดูแลคุณพ่อคุณแม่ของเราได้ดีพอหรือยัง ผมให้คำตอบกับตัวเองได้ทันทีว่า ยังไม่ดีพอ!! ทำให้ผมเกิดความเครียด ความวิตกกังวลอย่างยิ่ง พยายามคิดหาหนทางสร้างรายได้ให้มากยิ่งขึ้น คิดหากิจการลงทุนเล็กๆที่พอจะทำให้มีรายได้เพิ่งขึ้นบ้าง แต่ก็ยังคิดอะไรไม่ออก ด้วยความที่เป็นคนที่ไม่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องทางธุรกิจ ต้องคิดต้องทำอะไรคนเดียวมาตลอด ไม่ค่อยจะมีความมั่นใจในตัวเองนัก ยอดขายที่ร้านก็ทรงๆทรุดๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด คิดอะไรไม่ออกก็ยิ่งกดดันตัวเอง เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์มากมายเหลือเกิน กลัวและวิตกกังวลไปถึงความไม่มั่นคงของชีวิตในอนาคต ชีวิตไม่อยู่กับปัจจุบัน สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น เดินจงกรม ก็ยังคิดฟุ้งซ่านแทบจะตลอดเวลา หมั่นทำบุญทำทาน รักษาศีล 5 ไปวัดปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิทุกวันพระก็ยังรู้สึกว่าชีวิตยังไม่ก้าวหน้า แม้ว่าจะมีความรู้ความเข้าใจถึงกฎไตรลักษณ์อยู่บ้าง แต่ก็ยังปล่อยวางไม่ได้ (คงยังไม่ใช่ปัญญาที่รู้เห็นตามความเป็นจริง) คิดค้นหาคำตอบมาตลอดว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร? ความสุขทางโลกอยู่แห่งหนไหนกันหนอ? พยายามหาความสมดุลให้กับชีวิตของตัวเองให้มีความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม รู้สึกเสมอว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะใช้ชีวิตทางโลกได้อย่างมีความสุข เบื่อหน่ายกับการเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร ทุกครั้งที่ไปทำบุญปฏิบัติธรรมที่วัด รู้สึกถึงความสงบของจิตใจยิ่งนัก แต่เมื่อกลับมาใช้ชีวิตตามปุถุชนคนปกติ ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน โดนปรุงแต่งจนทุกข์ทับถมจนแทบเอาตัวไม่รอด ตำหนิตัวเองเสมอๆว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าแต่ก็ยังปล่อยให้กิเลส ตัณหา อุปทาน มันเล่นงานซ้ำแล้วซ้ำอีก บางครั้งก็นึกอยากจะบวชตลอดชีวิตอุทิศกายถวายชีวิตให้กับพระพุทธศาสนาแสวงหาพระนิพพาน จะได้ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎนี้อีกต่อไป แต่ตอนนี้จิตใจยังไม่มุ่งมั่นแน่วแน่เพียงพอ
    จึงอยากจะเรียนถามกัลยาณมิตร " พลังจิต" ทุกท่าน ที่เคยมีประสบการณ์หรือเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน มีคำแนะนำหรือมีอุบายเช่นไรที่จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้โดยที่ทำให้เราทุกข์น้อยที่สุด ขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ครับ _/|\_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2014
  2. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ทุกข์เพราะกลัว..กลัวเพราะไม่รู้จริง..?
     
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ถ้าเข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้วเวิร์ค แต่ออกห่างวัดแล้ว กลายเป็นไม่เวิร์ค
    แสดงว่าแฏิบัติมาถูกทางแล้ว แต่กุศลดันไม่ตามออกมา
    ยังอยู่ในวัด แนะนพให้เอาภาพถ่ายของวัดมา ดู่บ่อยๆ
    ผมแนะนำคาถาจักรพรรด์มีวิธีสวด อยู่ในเวบ วัดถ้ำเมืองนะ
    ลองไปที่วัดนั้นๆที่คุณใจสงบ ภาวนาคาถาจัดรพรรด์จนใจสงบ
    แล้วก็ลองถ่ายรูปตัวเอง กับวัดนั้นๆ ตอนที่ใจสงบ

    กลับบ้านแล้วเวลาภาวนา ก็เอารูปนั้นๆมาดู
    บางทีเราเข้าไม่ถึงศักยภาพสูงสุด เท่าที่เราควรจะสามารถ
    เพราะมีอกุศลกรรมที่เกินกำลัง ในทุกมิติดล ส่งผลอยู่
    การที่เราพยายามจะไปหาต้นตอของเกตุที่ดลให้เรามีสภาพ
    ถดถอยทางศักยภาพอย่างนี้
    จะยิ่งเป็นปัจจัย ชักพาเราถดถอยทางศักยภาพ ขึ้นไปอีก

    คาถาจัดรพรรดิ์จะช่วยเรา ละลึกถึงถพภูมิที่เราสงบสวัดได้
    เผื่อว่าท่านจะสามารถเข้าถึงศักยภาพสูงสุดเท่าที่จะทำได้อีกครั้ง
    ด้วยอานุภาพของคาถาจัดรพรรดิ์

    เช่นผมลองภาวนาคาถาชินปัญชร เก้าจบ ศัพท์นักภาวนา
    เค้าว่าภาวนาเก้าจนในอาสนะเดียว พอลุกออกจากอาสนะนั้นอานุภาพหมดต้องภาวนาอีกเก้าจบ

    พอใช้คาถาจักรพรรดิ์ ช่วยกลับสามารถลุกออกจากอาสนะนั้นได้
    โดยที่อานุภาพของคาถาชินแัญชรเก้าจบในหนึ่งอาสนะยังมีอานุภาพ
     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ท่านอื่นๆลองปลุกวัตถุมงคลด้วยคาถาจักรพรรดิ์ดูสิครับ
    ปรุกจนใจสงบเท่าที่ทำได้ แล้วท่องที่ภาวนาว่า พุทธังอธิษฐามิ
    ท่อนนี้แหละ ลองเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายภาพตัวเอง
    แล้วลองดูรูปตนเองตนภาวนา
     
  5. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    ปัญหาของท่าน น่าจะเป็นเรื่องการหารายได้
    เบื้องต้น การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สมถะ ใช้ให้น้อยกว่าที่หามา
    ก็ถือได้ว่าพอประคองตัวได้อยู่. อันนี้ก็ถือว่่าดีนะครับ

    ส่วนถ้าต้องการจะเพิ่มรายได้ ก็อาจจะต้องแก้ที่เหตุ คืออาจจะต้องขยันทำเพิ่มมากขึ้น
    เช่น เปิดสอนดนตรีด้วย เป็นต้น
    และอาจจะสร้างกลุ่มเล่นกิจกรรม ให้เกิดกระแสชวนกันมาเล่นดนตรี
    และหรือ ต่อไปจะเป็นอาจารย์สอนดนตรี ตามโรงเรียน แบบเฉพาะกิจ เป็นต้น
    สำคัญที่ว่าทำแล้วต้องมีความสุขไปด้วย ได้มากได้น้อยถือเป็นกำไร
    ส่วนที่กำไรมากอาจจะเป็นความสุขที่มีคนได้ฟังและมีคนมาเล่นดนตรี
    ทั้งนี้เพราะว่างานส่วนเสริมนี้เป็นส่วนของการใช้แรงกายแรงใจ เป็นต้น

    ระหว่างนี้ที่ท่านปฏิบัติธรรมไปด้วยนั้น ถือว่าไม่เสียประโยชน์ที่ได้เกิดเป็นลูกชาวพุทธ

    อย่างไรก็ตาม ผมก็ขอเอาใจช่วยให้ท่านหายจากทุกข์และสมความปรารถนา
    และขอบุญที่ท่านได้ทำหนุนให้ท่านมีความสุขในการต่อสู้ชีวิตต่อไปและผ่านไปได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2014
  6. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,038
    เคยเหมือนกันค่ะที่รู้สึกไม่มั่นใจ ในการดำรงชีวิต

    คือ เป็นการกังวลไปล่วงหน้า กลัวจะไม่มี กลัวจะนั่น จะนี่

    ยิ่งคิด ก็ยิ่งกลุ้มมาก

    แต่พอมาถึง จุดๆหนึ่งก็คิดได้ค่ะว่า ถ้ามันเป็นมาเช่นนี้แล้ว เราทำเต็มที่แล้ว

    คงต้องใช้ หลักที่ว่าปล่อยไปตามที่จะเป็น แต่ไม่ได้หมายถึง การไม่คิดหาทางที่ดีๆนะคะ

    คิดแต่ไม่เครียด มองดูความเป็นอยู่ตอนนี้ ทุกข์มากเพียงใดเชียวหนอ

    คิดว่า ยังมีสิ่งดีๆ ที่อยู่แวดล้อมตัวคุณค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่

    และกิจการเล็กๆที่คุณเป็นเจ้าของ

    ขอให้มีใจตั้งมั่น ใจเข้มแข็งค่ะ วันนี้ก็ดีแล้ว วันข้างหน้าก็ต้องดีกว่านี้

    ชีวิตคนเรา มีทุกข์กันแทบทุกคนค่ะ แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง

    ต้องหาทางดับทุกข์ในใจตนค่ะ
     
  7. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    น่า อนุโมทนาในความที่ท่านจขกท มีใจฝักใฝ่ในพระธรรม สามารถน้อมนำไปประพฤติแลปฏิบัติได้ตามกำลัง ทั้งยังเป็นผู้มีความกตัญญูเลี้ยงดูมารดาบิดาด้วยความตั้งใจ เอาใจใส่อย่างยิ่ง นับว่าเป็นบุคคลที่่หาได้ยากในปัจจุบัน...ควรแต่จะยังปีติปราโมทย์ให้ แล่นไปเนืองๆ นะครับ..


    ส่วน ความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นแล้วนั้น เป็นเรื่องปรกติ ของบุคคลผู้ประกอบอาชีพทั้งหลาย เมื่อและหากรายได้ลดลงหรือขาดลูกค้ามาสนับสนุน ย่อมเป็นที่มาของความกังวลโดยถ้วนหน้าแต่อย่าปล่อยให้ใจถูกความกังวลครอบงำ อยู่ต่อเนื่องยาวนานเกินไปเพราะมีแต่ความเสียหาย ไม่มีประโยชน์ ..ด้วยว่าความกังวลฟุ้งซ่านเป็นธรรมฝ่ายบาป..


    ท่าน จขกท ทราบชัดอยู่ว่าสิ่งทั้งปวงเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ ดังนั้น ในเวลานี้ที่ธุรกิจเกิดอาการชะงักหรือสะดุดก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็น เช่นนี้ตลอดไป .. ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านคงทราบแล้วว่าบางทีก็มีขึ้น บางทีก็มีลง.เป็นธรรมดา.เช่นกัน..เมื่อท่านดูสถานการณ์เศรษฐกิจของบ้านเมือง ในยามนี้...ท่านย่อมทราบว่า ย่อมมีผลด้านลบกระทบกับผู้ทำกิจการในวงกว้าง ไม่เฉพาะท่านเท่านั้น หากท่านจขกท สามารถ ก็อาจหาลู่ทางอื่นในการเสริมรายได้ ตามที่ท่านถนัดหรือเห็นว่าเหมาะกับตน..


    สำหรับ ความกังวลว่าท่านยังดูแลพ่อแม่ยังไม่ดีนั้น ท่านพึงยุติความกังวลตรงนี้ลงก่อน เพราะจะกลายเป็นความกดดันที่เพิ่มขึ้นโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด ...ท่านจขกท หากมีพี่น้องอื่นๆ ก็ลองคุยกับพี่น้องเพื่อหาความร่วมมือกันในการจุนเจือดูแลพ่อแม่ ในยามฉุกเฉิน ที่ท่านจขกท ไม่อาจทำได้เพียงลำพังตนคนเดียว เข้าใจว่าพี่น้องคงยินดีร่วมมือสนับสนุนช่วยเหลือ อย่าเพิ่งคิดอะไรๆไปเองคนเดียวล่วงหน้า..อันจะเป็นการพาตนให้ทุรนทุกข์โดย ไม่เกิดประโยชน์..


    การ รักษาใจ มิให้ระส่ำระสายในยามที่ธุรกิจตกต่ำ เป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งยวด เพราะเมื่อใดหวั่นไหวเสียแล้วสติสัมปชัญญะย่อมบกพร่องไป ปัญญาที่เคยดีสามารถแก้ไขปัญหาจะเสียหายไปด้วย...


    ท่าน พึงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด...เต็มความสามารถ... มาตรว่าท่านล้มเหลวจนถึงกับหมดตัว ท่่านก็ยังได้ืชื่อว่าเป็นผู้เพียรสู้จนถึงที่สุดไม่ได้ย่อท้อหรือเลิกรา อะไร ความน่าตำหนิไรๆของท่านย่อมไม่ปรากฏ แม้ชนผู้ได้ทราบย่อมเข้าถึงความเห็นใจกันโดยทั่ว..


    อนึ่ง ความเป็นผู้ประพฤติกุศลอันยิ่ง มีการเลี้ยงดูพ่อแม่ด้วยความกตัญญูนั้น ผลหรืออานิสงค์ย่อมปรากฏตั้งขึ้นสนับสนุนประคับประคองท่านได้ไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้น ขอให้ท่านรักษาใจของตนไว้ในความสงบ มีสติย่อมเป็นปัจจัยให้บุญอันดีที่ท่านหมั่นทำอยู่ได้ช่องมาส่งผลเบียดเอา วิบากเลวให้ตกไปได้ ..


    .เป็นกำลังใจให้ครับ..
     
  8. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    ชอบคอมเม้นท์ของคุณ The visionMind มากคะ มีทั้งการแนะนำการดำเนินอาชีพให้เป็นไปอย่างไร และการแนะนำทางธรรมด้วย ดีมากคะ นำไปใช้ดูนะคะ ขอให้สมหวังคะ
     
  9. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    [​IMG]
     
  10. ใฝ่ธรรมดี

    ใฝ่ธรรมดี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2014
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +14
    ผมต้องขอขอบคุณสำหรับไมตรีจิตและคำแนะนำของกัลยาณมิตร"พลังจิต"ทุกๆท่านที่ให้มา ถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามีความหมายสำหรับผมยิ่งนัก คำแนะนำเหล่านี้สะท้อนให้ผมมองเห็นถึงวิธีจัดการ(ทั้งทางโลกและทางธรรม)กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ชัดยิ่งขึ้น และถึงแม้จะยังเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง ท้อบ้าง แต่ก็จะยังคงไม่ละความเพียรในการปฏิบัติธรรมเพื่อให้รู้เท่าทันและปล่อยวาง"ความทุกข์" ได้ดียิ่งๆขึ้นไป ขอกุศลผลบุญจงมีแด่กัลยามิตร"พลังจิต"ทุกท่านนะครับ
    ป.ล.นอกจากสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็นเป็นประจำอยู่แล้ว เพิ่งเริ่มสวด "คาถาเงินล้าน"เพิ่มเติมไปเมื่อไม่กี่วันนี้เองครับ ^^
     
  11. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    แปลกแต่จริง....! ! ! คาถาเงินล้านไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ช่างกล้าพูดเนอะ แต่เป็นพระพุทธเจ้าท่านเมตตาประทานมา ให้ครูบาอาจารย์เพื่อสงเคราะห์บรรเทาความทุกข์ยากของลูกหลาน อีกอย่างพุทธคุณไม่ว่าบทไหนสวดแล้วก็เป็นมงคลแก่ตัวเองทั้งนั้น ชักสงสัยแล้วซิว่า คุณ โลโป นี่ รู้จริงหรือเปล่า อย่าสักแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านไม่ลืมหูลืมตา อัพเกรดซะมั้ง มีใครไม่รู้จักคาถาเงินล้านและที่มาที่ไปเป็นอย่างไรบ้าง ศึกษาค้นคว้าให้รู้แจ้งก่อน แล้วค่อยแย้งก็ได้ แบบนี้หน้าแหกแล้วยังทำคนอื่นสับสนอีก
     
  12. Kramthong

    Kramthong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +13
    ทุกข์เกิดที่ใจทั้งน้านน รู้สึกไม่ดีก้ใจ สนุกสนานก็ใจ ...วิธีตัดทุกข์ คือตัดที่ใจ

    ผมขอแชร์วิธีที่ผมใช้หน่อยนะครับ
    ทางธรรมที่ผมใช้ก็เพียง แยกก่ายกับจิต ใช้เรียกสติเวลาหลงไปนู้นไปนี้ เอามันกลับมาที่ตัวเราก่อน พอมันกลับมาจนรู้สึกดีว่างไม่คิดอะไร ก็นึกถึงเวลาเราไปทำบุญนู้นนี้นั้นนึกให้เป็นภาพเลยนะครับ และก้อความรู้สึกตอนทำบุญด้วย(อันนี้สำคัญ) ...พอมีของครบแล้วก้อกำหนดจิตไปที่ส่วนใดส่วนนึงของกายที่ผมใช้บ่อยๆก็มีที่มือกับที่หัวใจ หายใจเข้าลึกๆสมมุติสติตอนนี้อยู่ที่มือนะ นึกถึงความรู้สึกเมื่อได้ทำบุญตอนนั้นเก็บมันไว้ในมือของเราปล่อยกายสบายๆ ไม่ต้องไปคิดเอะทำทำไมทำเพื่ออะไร นึกถึงแต่ความรู้สึกตอนได้ทำบุญ ความปิติยินดี คว่ามเมตตาต่างๆนาๆ หากเราทำตอนที่มีสติมากๆ ความรุ้สึกนั้นจะถูกบันทึกในจิตใต้สำนึกของเรา ตัวจิตใต้สำนึกคือตัวบันทึกกรรมของเรานะครับมันจะบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดืที่เราทำอยู่ตลอดเวลา .. มาต่อกันดีกว่า พอเราเก็บความรู้สึกปิติ ความยินดีไว้ที่มือเราเรียบร้อย ...มาถึงวิธีใช้มัน พอเรารู้ตัวว่าทุกข์ปุ๊บ กำหนดจิตกำหนดสติมาไว้ที่มือเราเลยนะครับ แล้วนึกถึงภาพตอนืเราทำบุญต่างๆ ความรู้สึกดีๆ ก็จัะมาไล่ความรุ้สึกทุกข์ให้แพ้พ่ายไปในที่สุด ทำบ่อยๆจิตจะสอนตัวมันเองเวลาเราทุกข์ครับ ปลงได่เยอะ อันนี้วิธีนี้ผมทำคนเดียวนะครับ ถ้าผิดพลาดหรือไม่ถูกใจใครให้อภัยผมด้วยนะครับ

    ส่วนวิธีทางโลก
    ผมจะใช้วิธีขอบคุณ เช่น เด็กน้อยยิ้มให้คุณแล้วคุณมีความสุข ผมก็จะนึกขอบคุณเด็กน้อยสำหรับรอยยิ้มที่ทำให้ผมมีความสุข ขอบคุณทุกอย่างเลยครับ ถนนที่ให้เราเดิน รถที่เราใช้ คิดแต่สิ่งดีๆ สิ่งดีๆก็จะมาหาคุณเอง ..อีกอย่างครับหาสิ่งที่ศรัทธาหลวงพ่อสักองค์ ของผมเป็นภาพสมเด็จพระพุฒจารย์โต ขนาด3นิ้วมีคาถาบูชาด้านหลัง ไม่จำเป็นต้องเก่ามีราคา ขอแค่ชอบและศรัทธาก็พอครับ ...หากผมรู้สึกไม่มั่นใจ ผมก็จะสวดคาถาบูชาแล้วอาราธนาบารมีสมเด็จพระพุฒจารย์โต ให้ท่านมอบความกล้าให้ข้าพเจ้าด้วย ผมใช้ในการเจรจาที่ต้องหวังผลระดับนึง ขณะที่เจรจาสิ่งที่ต้องการนำเสนอครบทุกอย่าง พอผมมาคิดย้อนกลับช่วงที่พูดผมไม่เหลือซึ่งความกังวลแม้สักนิดและได้ผลที่น่ายินดีเลยทีเดียว

    ขอบคุณพื้นที่และผู้ที่แวะอ่านแม้เพียงผ่านตามากครับ
     
  13. homesmile

    homesmile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2014
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +178
    ผมพยายามจะไม่ทุกข์ แต่บางครั้งก็อยากปล่อยวางจะได้ไม่ทุกข์
    แต่บางเรื่องก็ทำให้ทุกข์มาก และ กระทบจิตใจ จนท้อเลยครับ
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,645
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +70,133
    อนุโมทนา ที่คุณกตัญญู เลี้ยงดู รับผิดชอบ ตอบแทนคุณบิดา-มารดาครับ

    ผมเชือว่า ด้วยสติ-ปัญญา คุณความดี และ พลังแห่งความดีที่มองเห็นคุณธรรมของคุณ
    จะไม่ทำให้คุณตกต่ำหรอกครับ


    ....เป็นธรรมดาของโลก ที่เรา ผู้แบกภาระ ต้องวิตกกังวลเรื่องอนาคตบ้าง




    ถ้าจะวิตก ในเรื่องตอบแทนท่านผู้มีพระคุณ ในระยะเวลาที่เหลือของชีวิตมนุษย์

    เราควร ตอบแทน ....ด้วยการให้ท่านได้มีโอกาสทำบุญไว้กับเนื้อนาบุญอันยอด( พาท่านไป )


    ควรทำให้ท่านเป็นผู้ศรัทธาไม่เสื่อมถอยในพระรัตนตรัย( หาสื่อที่ดี ให้ท่านได้ศึกษา และสัมผัสพระที่ดี เป็นสมณะแท้ ในพระศาสนา )

    สูงขึ้นมา คือ ให้ท่านตั้งมั่นในศีลห้า เป็นต้น


    สิ่งเหล่านี้ จะทำให้ชีวิตของบิดา-มารดา ผู้มีคุณ ของท่านนับแต่ชาตินี้ไป จะมีที่พึ่งอันประเสริฐติดไปทุกชาติ


    ...เรื่องเงินทอง ถ้ายังมีสมอง มือ เท้า สติปัญญา ฯลฯ ก็ไม่อดอยากอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลมาก.


    ด้วยคุณธรรมพื้นฐานของมนุษย์ที่เป็นคนดี ขอให้คุณเจริญยิ่งขึ้นไปทั้งโลกและธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กุมภาพันธ์ 2014
  15. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    นั่นแหละ แปลว่ายังทุกข์ไม่มากพอ
     
  16. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    " ผมพยายามไม่ทุกข์ แต่บางครั้งยากที่จะปล่อยวางที่จะไม่ทุกข์ " ผู้ที่ไม่มีทุกข์อีกคือ พระอรหันต์เท่านั้น ส่วนพวกเรายังหันไปหันมาอยู่ เลยยังมีทุกข์กันอยู่ แต่รับรองเชื่อในคำสั่งและคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะทุกข์น้อยลง นั้นคือ ไม่ยึดติดมากเกินไป เรามีกินมีใช้ก็แต่ชาตินี้แหละ ตายแล้วก็หมดเรื่องกัน เอาอะไรไปไม่ได้ซักกะอย่าง นอกจากบุญกุศลที่เราสร้างสะสมเอาไว้เท่านั้น สร้างแต่บุญกุศลเถิดนะคะ อกุศลไม่เอา ขอให้มีจิตเห็นธรรมทุกท่านคะ
     
  17. ubon2555

    ubon2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,585
    ค่าพลัง:
    +3,520
    พยายามปล่อยวางอย่ายึดติดค่ะ
     
  18. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    นี่คือ การ เอาบุญกุศลที่เราได้ทำเอาไว้ มาใช้ ในปัจจุบันนั่นเองครับ คุณทำได้ดีแล้วครับ เอาบุญนี้ มาแผ่เมตตา จะทำให้ ไม่มีศรัตรู ครับ ที่คุณทำอยู่นั้นดีแล้ว แต่เป็นการทำเพื่อ ตนเอง แต่ถ้าคุญสามารถทำแบบนี้ กับ คนอื่น คนในครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง หรือ จิตอื่น ได้หมดเลยนะครับ เป้นการให้ทานด้วยบุญครับ บุญเราไม่หมดหรอกครับ แต่จะเหมือน การจุดแสงสว่าง มันก็จะสว่างมากกว่า อยู่ที่เราคนเดียว ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...