งานล้านนามหาจุลกฐิน วัดปันเสา จ.เชียงใหม่ 30-31 ต.ค 53

วัดปันเสา (พันเส่า) ตั้งอยู่บนถนนบุญเรืองฤทธิ์ ตําบลสุเทพ อําเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแต่เดิมเป็นวัดร้างมาเป็นระยะเวลา ๒๐๐ กว่าปีมาแล้ว

ซึ่งปัจจบันกําลังมีพระภิกษุสามเณรมาจําพรรษาอยู่ได้เพียง ๒ พรรษา
และมีเพียงองค์เจดีย์โบราณเพียงองค์เดียวเท่านั้นในการบูรณปฏิสังขรณ์ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ อีกประการหนึ่ง วัดปันเสา (พันเส่า)อยู่ติดกับโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ซึ่งจะมีพระภิกษุสงฆ์มารักษาพยาบาลเป็นจํานวนมาก และไม่มีที่พักจําวัด

ดังนั้นวัดปันเสาจึงเป็นสถานที่สําหรับรองรับพระสงฆ์เหล่านี้จึงได้มีโครงการสร้างอาคารรับรองพระสงฆ์อาพาธอาคันตุกะที่มารอรับการรักษาพยาบาลที่ตึกสงฆ์ของโรงพยาบาลมาหาราชนครเชียงใหม่ (โรงพยาบาลสวนดอก
พร้อมทั้งจะสร้างไว้สําหรับใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของคณะศรัทธาประชาชนโดยทั่วไป

ในปัจจุบันกําลังมีการสร้างอุโบสถและกําลังมีการออกแบบอาคารที่พักรับรองสงฆ์ และศาลาการเปรียญ ห้องน้ำห้องสุขากําแพงแก้ว เขตสังฆาวาส
เขตฆราวาส และจะได้เริ่มดําเนินการก่อสร้างต่อไปซึ่งจะต้องใช้ทุนทรัพย์ในการก่อสร้างเป็นจํานวนมาก

ในงานนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ได้ทรงมีพระเมตตาประทานมหากฐินหลวง ร่วมถักทอผ้ามหาจุลกฐินเทิดไท้องค์ภูมินทร์มหาราชา ประจําปี ๒๕๕๓

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ซึ่งปัจจัยที่ได้ทั้งหมดจะนํามาสร้างถาวรวัตถุภายในวัดจึงขอเจริญพรเชิญทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพงานล้านนามหาจุลกฐินในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน

และบัดนี้งานล้านนามหาจุลกฐินได้ลุล่วงลงแล้วด้วยความร่วมมือร่วมใจของศรัทธาสาธุชนจำนวนมาก
รวมยอดกฐิน ณ วันที่ 31 ต.ค 53 (ยังไม่เป็นทางการ) ประมาณ 1,146,364 บาท
จึงขอเอาภาพบรรยากาศงานในวันที่ 30-31 ต.ค 53 มาให้ทุกท่านได้รับชมโดยทั่วกันเพื่อร่วมอนุโมทนาบุญไปด้วยกันนะคะ

สำหรับงานนี้เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่และเจ้าแม่เขมรัศมี ขุนศึกเม็งรายได้มาร่วมงานบุญในครั้งนี้ด้วยค่ะ

วิหารลวดลายแบบล้านนาวัดปันเสา




ด้านข้างวิหารจะมีการขึ้นท้าวทั้ง4ตามพิธีกรรมทางเหนือ
เพื่อบอกกล่าวแก่ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง4ทิศ และทำสะตวงบอกกล่าวแก่พระแม่ธรณีเพื่อให้งานบุญสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและเพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่วมอนุโมทนาบุญ



ในวิหาร ประดิษฐานพระเจ้าแสงคำเมือง


ประดิษฐานบนแท่นแก้วโดยฝีมือช่างล้านนา


ศรัทธาสาธุชนมาช่วยงานกันตั้งแต่เช้าของวันที่ 30 ต.ค 53


นำกระปุกออมบุญมาถวาย กระปุกนี้หยอดเหรียญจ่อมเงินวันละเล็กวันละน้อยตามกำลังศรัทธาจนเต็มกระปุกแล้วจึงนำมาถวายในช่วงงานจุลกฐิน เรียกว่า กระปุกออมบุญ

 

ด้านหน้าวิหาร ตุ๊เจ้าพระเณรและสาธุชนช่วยกันเตรียมรถบุษบกเพื่อเชิญผ้าไตรประทานโดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก


บ้างก็เตรียมความพร้อมของฝ้ายที่จะใช้ประกอบพิธีและทอผ้าในยามค่ำคืน(เริ่มทำตั้งแต่เที่ยงวันของวันที่ 30 ให้เสร็จและถวายภายในเที่ยงวันของวันที่ 31 ใช้เวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง)


เริ่มตั้งแต่การอีดฝ้ายเพื่อเอาเมล็ดออกให้เหลือแต่ปุยฝ้ายสีขาวบริสุทธิ์ จากนั้นตีฝ้ายให้ฟูเป็นปุยนุ่น แล้วนำฝ้ายมาม้วนพันไม้เป็นแท่ง แล้วนำไปปั่นโดยดึงฝ้ายจากเส้นฝ้ายที่พันไม้ให้กลายเป็นเส้นฝ้ายเส้นเล็กๆ จากนั้นนำไปกรอจัดระเบียบเส้นฝ้าย แล้วนำไปกวักให้ฝ้ายตึงแล้วนำขึงพาดกี่เพื่อเริ่มถักทอเป็นผืน เมื่อทอเสร็จก็จะนำไปย้อมเป็นสีกรัก และสีเหลืองโดยขมิ้น(ทุกขั้นตอนให้เสร็จภายใน24ชั่วโมง)ก็ต้องโต้รุ่งไปตามระเบียบซึ่งต้องใช้กำลังใจสูงมาก ง่วงก็ต้องทน ตั้งกำลังใจไว้จะถักทอผ้าเพื่อถวายแด่พระพุทธศาสนาด้วยจิตใจที่ตั้งมั่น




อายุเป็นเพียงตัวเลข สังขารไม่เที่ยงหนอ แต่จิตใจ ตั้งมั่นหนอ


กี่สำหรับทอผ้า

 

พี่ว่าน เจ้าภาพเก๊า(หลัก)พร้อมข้าเจ้าถวายผ้าห่มองค์พระ พร้อมพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม พระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระธาตุข้าวบิณฑ์ที่ได้รับมาจากคณะของอาจารย์คณานันท์(พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ)และคณะชุมชนมโนมยิทธิ ศิษย์หลวงพ่อฤาษี ถวายแด่พระมหาอาวรณ์ เจ้าอาวาสวัดปันเสา

นอกจากนี้ท่านอาจารย์ชนะ สิริไพโรจน์ผู้ดูแลห้องหลวงพ่อฤาษีเว็บพลังจิต และสมาชิกเว็บพลังจิตลูกหลานหลวงพ่อฤาษีหลายท่านได้ร่วมทำบุญงานล้านนามหาจุลกฐินในครั้งนี้ด้วย โดยรวบรวมได้ดังนี้

ท่านอาจารย์ชนะ สิริไพโรจน์ จำนวน 1000 บาท
คุณก้อยวิภาวี ลิมปิวรรณพร้อมครอบครัว จำนวน 1000 บาท
นางสมบูรณ์ พิทาคำ นางสาวจุฑามาส พิทาคำ และชาวอำเภอแม่แจ่ม จำนวน 13000 บาท
พ่อสุพจน์ ชัยดารา พร้อมครอบครัว คณะชุมชนมโนมยิทธิศิษย์หลวงพ่อฤาษี และคณะพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ จำนวน 2000 บาท
นางสาวมาลี เรืองชัยกุล(พี่ลี) จำนวน 1000 บาท

 

พิธีบวงสรวงบูรพกษัตริย์ล้านนาและเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ จัดที่หน้าเจดีย์โบราณค่ะ












เตรียมสถานที่สำหรับจัดขันโตกยามเย็น


บรรยากาศ กาดหมั้วครัวฮอม




เวลาผ่านไปเร็ว เผลอแปบเดียว มืดซะแล้ว


เริ่มจัดขันโตก


ไข่ป่ามค่ะ เอาไข่ไก่เหยาะเกลือนิดนึงเทใส่กระทงใบตองย่างไฟ ส่วนฝาครอบนั่น ขนมครกค่ะ

 

ช่วงค่ำคืน มีการแสดง แสง สี เสียง ตำนานจุลกฐิน








บรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองล้านนา


อีกบรรยากาศในมุมมองเดียวกัน




อากาศกำลังพอดี


เปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อยๆ


การแสดงแสง สี เสียง กำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้ ขอเชิญรับชมไปพร้อมๆกันค่ะ

 

ตำนาน จุลกฐิน แสงไฟทุกดวงเริ่มดับลง เหลือไว้แต่เพียงโคมน้ำมันก๊าซและเทียนส่องสว่างหน้าพระธาตุจำลอง


ดรุณีออกมาร่ายรำ


อ่อนช้อย สะกดสายตาคนดูได้ไม่น้อยทีเดียว


เทพบุตรลงมาร่ายรำ






ตำนานผ้าจุลกฐิน กำลังเริ่มถ่ายทอดสู่สายตาสาธุชน


ปล.อาจจะจำได้ไม่หมดนะคะ แต่จะพยายามบรรยายภาพเท่าที่พอจะจำได้ค่ะ

 

กล่าวถึงเจ้าฟ้าเมืองๆหนึ่ง เสด็จประพาสนอกเมืองพร้อมมเหสีและเหล่าทหาร








ขบวนช่างฟ้อน ฟ้อนรับเสด็จเจ้าฟ้า

 

ณ กลางป่าใหญ่ มีภิกษุรูปหนึ่งปักกลดธุดงค์อยู่


ระหว่างกวาดลานธุดงค์ยามเช้ามืด พิจารณาว่า วันนี้แล้วสิหนอ กำหนดสุดท้ายของการถวายผ้ากฐิน อันตัวเราอยู่ในป่าดงลึก จะมีผู้ใดมาถวายผ้าบ้างหนอ จำเราจะได้โปรดสัตว์หรือไม่หนอ


ตั้งจิตอธิษฐานด้วยแรงศรัทธา หากแม้นมีบุญจะได้รับผ้ากฐินในวันนี้ ขอให้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นเถิด

 

บัดนั้น นางอัปสรจากสรวงสวรรค์ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยทิพยญาณ







เหล่านางฟ้าล้วนรับรู้คำอธิษฐาน


ด้วยแรงอธิษฐานของภิกษุรูปนั้นทำให้วิมานเบื้องบนของนางอัปสรสะเืทือนเลือนลั่น ด้วยเหตุเพราะชาติปางก่อนได้เคยเกื้อหนุนกันระหว่างภิกษุรูปนั้นและนางอัปสร นางอัปสรจึงเข้าญาณเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตชาติ

 

ยังมีการรักษาขนบธรรมเนียมการทอผ้า เพื่อถวายในกรานกฐินอยู่เลย

ขออนุโมทนากับบุญอลังการกับคุณอ้อย และคณะค่ะ..สาธุ ๆ ๆ

 

สวัสดีค่ะคุณเจง วันนี้ถ้าอ้อยโพสรูปเสร็จ จะส่งไฟล์รูปพร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับการบริจาคไปให้นะคะ พอดีเพิ่งได้ข้อมูลมาเมื่อวานค่ะ ^_^

 

ย้อนไปเมื่ออดีตชาติที่ผ่านมา
จะขอกล่าวถึง มานพน้อยผู้ใฝ่ธรรมผู้หนึ่งและดรุณีนางหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่กัน ได้ชักชวนกันไปถวายผ้าที่องค์พระธาตุด้วยจิตที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธา


ทั้งสองดั้นด้นเดินทางไปถวายผ้าห่มองค์พระธาตุในป่า เมื่อนั้นเหล่านางฟ้าต่างแซ่ซ้องยินดีและร่วมอนุโมทนาด้วย


ฝ่ายชายตั้งจิตอธิษฐานขอให้ถึงซึ่งธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ฝ่ายหญิงตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้เกื้อกูลเป็นคู่บุญผู้สามีทุกชาติ


นางอัปสรรับรู้ แลเห็นเหตุการณ์ในอดีตอย่างชัดแจ้ง
เหตุเพราะตัวนางอัปสร ในอดีตก็คือแม่ญิงคนนั้น นั่นเอง


เมื่อสิ้นคำอธิษฐานของมานพ เหล่าทวยเทพเทวาต่างร่วมอนุโมทนาบุญพร้อมกัน




ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เหล่าสาวงามช่างฟ้อน กำลังซ้อมฟ้อนกันอยู่ โดยมีแม่ครูฝึกสอนให้


เนื่องด้วยเจ้าฟ้าองค์หนึ่งจะเสด็จผ่านมา


ขบวนของเจ้าฟ้าแลมเหสีชมการร่ายรำขับฟ้อนของเหล่าแม่ญิงงาม


คู่มานพแลแม่ญิงงามกลับจากการถวายผ้าห่มองค์ธาตุ เดินผ่านมายังจุดซึ่งขบวนเจ้าฟ้าเสด็จ


โอ้มนุษย์ลุ่มฟ้าเมืองคน ผู้ห่างไกลจากพระธรรม ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ เจ้าฟ้าหนุ่มองค์นั้น ครั้นแลเห็นแม่ญิงงามผ่านมา ก็ต้องมนต์ จึงคิดคดจักแย่งชิง สั่งให้ทหารไปฉุดคร่านางมาจากมานพผู้นั้น

 

แม่ญิงถูกฉุดคร่าไป จักเต็มใจก็หาไม่ จิตหวนคิดถึงมานพผู้สามี ป่านฉะนี้จักเป็นฉันใดเล่า


นางตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้พบผู้สามีขอให้ได้เกื้อกูลกันเถิด สยายผมลงแนบแม่พระธรณีตั้งสัจจะวาจา ผู้ข้าไท้จักขอจงรักภักดีแด่สามีเพียงผู้เดียว นางร่ำไห้ดวงจิตถอดถอนจากกายา ณ บัดนั้น


เทวาจากสรวงสวรรค์มารับดวงจิตของนาง นางได้จุติเป็นนางอัปสรด้วยแรงบุญ

 

จักขอกล่าวถึงมานพหนุ่มผู้นั้น เมื่อนางแก้วตาดวงใจถูกฉุดคร่าไป หะแรกความเสียใจพึงจักมี แต่เมื่อนานไปครั้นได้สติ เหตุเพราะฝักใฝ่ในธรรม จิตไม่คิดเคืองแค้น ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้พบพระธรรม ในที่สุด มานพก็เข้าสู่ร่มกาวเสาวพักตร์

 

เมื่อบวชเป็นภิกษุแล้ว ก็ตั้งมั่นปฏิบัติพระธรรมด้วยดวงจิตที่ผ่องใส
เช้ามืดของวันนั้น รำพึงว่าวันนี้แล้วสิหนอ เป็นวันสุดท้ายของการถวายผ้ากฐิน


ฝ่ายแม่ญิงงามผู้ดวงจิตไปจุติเป็นนางอัปสร จึงได้แปลงกายลงมาเป็นดรุณีนางหนึ่ง

 

เริ่มถักทอ ทำผ้ากฐิน ให้แล้วเสร็จภายใน24ชั่วโมง เรียกว่า จุลกฐิน คือใช้เวลาไม่มาก
เริ่มตั้งแต่เก็บฝ้ายจากต้น




นำดอกฝ้ายที่เก็บได้ ไปอีดเอาเมล็ดออก นำไปตี ไปปั่น ไปกรอ ไปกวัก หลากหลายขั้นตอน จากนั้นนำไปขึงเพื่อถักทอ แลย้อมสี




สำเร็จเสร็จดี พร้อมนำไปถวาย เป็นผ้า จุลกฐิน






เมื่อได้ถวายแล้ว เหล่าทวยเทพเทวาต่างสาธุการร่วมอนุโมทนาบุญ


ทั้งเมืองบน แลเมืองลุ่ม สวรรค์ชั้นฟ้า แลมนุษย์เมืองคน ต่างปิติยินดี












อานิสงส์ของการถวายผ้าจุลกฐิน ขอคำว่าไม่ได้ ไม่มีจุ่งอย่าบังเกิด ขอให้ดวงจิตสว่างสุกใสเหมือนดั่งอยู่บนเมืองแก้วเนรปาน ขอให้ถึงซึ่งพระนิพพานเทอญ


คณะนักแสดงกว่าร้อยชีวิต

 

การแสดง แสง สี เสียงจบลง
คณะศรัทธาสาธุชนทยอยเข้าไปในวิหาร บ้างก็นั่งภาวนากันต่อ




หลายท่าน อาจจะเคยได้ยิน ได้ฟังมาบ้าง วิหารแห่งนี้ ประดิษฐานพระเจ้าแสงคำเมือง วันที่ทำการหล่อพระเจ้าแสงคำเมือง พระธาตุเสด็จเป็นจำนวนมาก

หากจิตตั้งมั่น น้อมจิตถึงเบื้องบน ทำจิตให้ใสสว่าง พุทโธอัปมาโน ธัมโมอัปมาโน แล สังโฆอัปมาโน จุ่งบังเกิด

พระธาตุที่คณะเราอันหมายมีข้าเจ้า พี่ว่าน น้องทราย น้องพุทธรวบรวมไว้ได้


ได้มาตอนนั่งสมาธิ ท่านเสด็จมาบนแขนบ้าง บนหัวบ้าง เบื้องหน้าบ้าง ข้างๆตัวบ้าง แต่ไม่เคยมีใครทับเถงไว้ ท่านจะมาในที่ๆเหมาะสมเสมอ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตนค่ะ บางท่านพระธาตุตกอยู่เบื้องหน้า กำลังจะเอื้อมมือคว้า ท่านหายไปเฉยๆต่อหน้าต่อตา บางครา เราไม่นึก ท่านก็มาตกอยู่เบื้องหน้ามาอยู่ในมือเรา อยากให้ทุกท่านได้มาพิสูจน์ตามหลักกาลามสูตรก่อนค่ะ

 

ออกจากสมาธิ เสร็จจากการนั่งภาวนา เป็นเวลาค่อนข้างดึก
ท่านมหาอาวรณ์ให้กำลังใจคนที่อยู่ถักทอผ้าโต้รุ่ง


ส่วนพวกเราก็เดินจงกลมทำการประทักษิณรอบเจดีย์ 3 รอบ


จากนั้นพวกเราก็ช่วยกันเสริฟน้ำให้คนที่ถักทอผ้ากฐินค่ะ ทอไม่เป็น ขอทำอย่างอื่นเอาเน๊าะ ^^ ให้กำลังใจช่วยเล็กๆน้อยๆก็ยังดี ^^





เห็นเส้นสีขาวไหมคะ ต้องทอให้ได้ความยาวเท่านั้น นี่เพิ่งจะเริ่มเองค่ะ


คนทอก็เริ่มง่วง คนถ่ายก็เริ่มง่วง








เวลาเคลื่อนคล้อยเข้าสู่วันใหม่ ผ้าที่ถักทอเริ่มยาวขึ้น
มีองค์พระธาตุเจดีย์เป็นขวัญแลกำลังใจ

 

ตัดไปยังจุดที่กวนข้าวทิพย์ หรือข้าวมธุปายาส












การเตรียมของทุกอย่างไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า มีการบอกบุญด่วนกันบัดนั้น ก็มีคนร่วมบุญค่ากะทิ น้ำผึ้ง นม ข้าว ฯลฯ กันมา คณะของเราก็ได้ร่วมด้วย แต่ตอนดึกบางหม้อของไม่พอ ก็ประกาศกันอีกก็ร่วมบุญกันอีก(น่าจะเป็นกุศโลบายที่ไม่ทำให้ง่วงอ่ะ) เอาละหว่าดึกแล้ว จะไปซื้อกันที่ไหนเนี่ย โชคดีมี7 11 อยู่ใกล้ๆ เลยกลายเป็นข้าวมธุปายาสรูปแบบใหม่ ^^

 

ตอนดึก ยังมีการเตรียมงานกันเรื่อยๆค่ะ เตรียมรถบุษบกเพื่อเชิญผ้าไตรประทาน


ท่านมหาอาวรณ์ให้กำลังใจทุกจุด