ความดีที่ไม่สูญ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 28 มกราคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    เทศกาลตรุษจีนตรงกับวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นวันถือ เป็นประเพณีเดิมซึ่งถือกันตลอดมา และเป็นวันหยุดของห้างร้านทั้งจีน และชาวต่างประเทศที่เกี่ยวกับกิจการค้า แม้แต่ธนาคารพาณิชย์ซึ่งปีก่อนไม่หยุด แต่ปีนี้ก็หยุดไปตามกัน

    ข้าพเจ้าถือโอกาสในวันหยุดนัดหมายไว้ว่า จะไปพักผ่อนที่ชายหาดทะเลพัทยาพร้อมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ฉะนั้นย่ำรุ่งวันที่ ๑๕ ข้าพเจ้าก็ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งตรงไปจุดหมายปลายทางคือ พัทยา แต่วันนี้รู้สึกว่าโชคไม่สู้จะดี ฝนโปรยมาแต่เช้า ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมื่อรถผ่านด่านเก็บค่าทางบางปู ไปได้ไม่ไกลนัก รถก็หยุดลงเครื่องยนต์ไม่ยอมทำงานต่อไป

    ข้าพเจ้านำรถเข้าข้างทางแล้วก็ลงมือตรวจแก้ เครื่องมือก็มีไขควงเพียงอันเดียว นี่เป็นความบกพร่องอันหนึ่งที่ข้าพเจ้านึกตำหนิตัวเอง ที่ไม่ได้ตรวจดูเครื่องมือให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางไกล และข้าพเจ้ายังหย่อนความชำนาญในทางเครื่องยนต์

    ฉะนั้นหลังจากแก้ไขไปพักหนึ่งอย่างงูๆ ปลาๆ ก็หมดปัญญา และนึกขำแต่ในใจว่ารถเจ้ากรรมแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเสีย เมื่อจะเสียก็เสียเอาวันสำคัญคือวันตรุษจีน ทุกหนทุกแห่งเขาหยุดงานหมดตามช่างที่ไหนมาแก้ ซ้ำมาเสียห่างจากกรุงเทพฯ เกือบ ๔๐ กิโลเมตร

    คิดแล้วก็ไม่เห็นมีทางอื่นจะดีเท่าโดยสารรถเข้ากรุงเทพฯ แล้วก็เที่ยวหาช่าง และก็นึกท้อใจเพราะอู่และช่างที่เคยใช้เป็นประจำก็เคยบอกว่าตรุษจีนปีนี้จะไปเที่ยวพระพุทธบาท ฉะนั้นช่างที่ประจำก็หมดหวังแน่ ช่างอื่นๆ ไม่เห็นเลยในวันตรุษเทศกาลสำคัญเช่นนี้เขาหยุด แม้จะพบก็คงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาเป็นแน่ นี่เป็นข้อที่น่าหนักใจมาก

    แต่ถึงอย่างไรก็ดี ก่อนอื่นจำเป็นจะต้องเข้ากรุงเทพฯ แล้วไปขบปัญหาเอาข้างหน้า ข้อแรกก็หารถโดยสาร ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงสั่งคนในรถข้าพเจ้าว่าจะไปกรุงเทพฯ และกว่าจะกลับมาก็เห็นจะหลายชั่วโมงบางทีอาจค่ำก็ได้ เพราะยังนึกไม่ออกว่าจะตามช่างได้ที่ไหน เคราะห์ดีหน่อยที่ยังมีอาหารและน้ำอยู่ในรถ พอจะแบ่งกันรับประทานกันหิวไปได้

    ครั้นเห็นรถบัสโดยสารกำลังผ่านมา ข้าพเจ้าก็ออกมายืนโบกมือเป็นสัญญาณให้หยุดและจะขอโดยสารไปด้วย ครั้นแล้วรถที่ผ่านมาก็ผ่านไปโดยไม่เบาเครื่องและบอกสาเหตุที่ไม่ยอมรับ ข้าพเจ้าบอกตัวเองว่ารถคันนี้คนคงเต็มจึงไม่หยุดรับ และก็มองไม่เห็นคนในรถเพราะเอาผ้าใบลงกันฝนทั้งสองข้าง

    แต่แล้วคันหลังๆ ก็เหมือนกับคันแรก โดยผ่านมาแล้วก็ผ่านไปโดยไม่ยอมเบาเครื่อง และข้าพเจ้าก็บอกตัวเองว่าเราคงจะขึ้นผิดที่เสียแล้ว เห็นจะเป็นเพราะไม่มีป้ายบอกหยุดรับส่งผู้โดยสาร รถส่วนบุคคลที่ผ่านเข้ากรุงเทพฯ ก็มีคนนั่งเต็ม บางคันก็เป็นรถรับจ้าง ซึ่งมีผู้เช่าเดินทางไกลก็มีคนนั่งเต็มเหมือนกัน

    รถส่วนบุคคลบางคันที่ผ่านมาจะเข้ากรุงเทพฯ พอดีจะอาศัยนั่งได้บ้างก็ไม่ยอมหยุด หันมาหัวเราะเหมือนข้าพเจ้าเป็นตัวตลกเต้นอยู่กลางฝนเช่นนั้น แต่แล้วฝนก็ลงหนาเม็ดขึ้น ข้าพเจ้าจึงต้องรีบขึ้นไปนั่งหลบฝนอยู่บนรถ นั่งมองดูน้ำฝนไหลตามกระจก นึกขันตัวเองที่รถบัสโดยสารไม่ยอมรับข้าพเจ้าก็ดี รถส่วนบุคคลที่ไม่ยอมรับและหัวเราะเหมือนข้าพเจ้าเป็นตัวตลกก็ดี ข้าพเจ้าไม่ได้โกรธและไม่เคยนึกโกรธ เพราะความโกรธคือความทุกข์ ธุระอะไรที่ข้าพเจ้าจะเอาความทุกข์มาใส่ตัว ข้าพเจ้าได้แต่ขำตัวเอง

    บัดนี้ฝนหนาเม็ดขึ้น ได้แต่นั่งจับเจ่าอยู่ในรถไปไหนไม่ได้ แล้วก็หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประเทศไทยกำลังขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาน้ำมันเบนซินแพงต้องปันส่วนตลาดมืดมีขายก็ราคาสูง รถยนต์วิ่งตามถนนน้อยลงอย่างผิดตา ค่าโดยสารและค่าขนส่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว ผ่านคลองด่านมาได้ไม่กี่กิโลเมตรก็เห็นผู้คนพลุกพล่านผิดปกติ

    ข้าพเจ้าเป็นคนอยากรู้อยากเห็นจึงหยุดรถที่หน้าบ้านครูเที่ยง ซึ่งเป็นครูใหญ่โรงเรียนประชาบาลแถวนั้น เมื่อถามดูก็ได้ความว่า เมื่อบ่ายโมงมีรถยนต์โดยสารจากศรีราชาจะเข้ากรุงเทพฯ ได้มาหยุดลงที่หน้าบ้านครูเที่ยง ครั้นแล้วก็มีผู้คนพยุงหญิงสาวผู้หนึ่งลงจากรถ ผู้หญิงนั้นแสดงว่าเจ็บปวดมากไม่สามารถจะเดินทางต่อไปได้ คนรถจึงนำลงทั้งๆ ที่ผู้หญิงไม่รู้จักใครในตำบลนี้เลย เป็นการเดินทางมาคนเดียว

    ครูเที่ยงกับภรรยาเป็นผู้มีใจดีได้จัดการให้เข้าพักในบ้าน ปรากฏว่าครรภ์แก่คงจะคลอดบุตร ครูเที่ยงจัดการกั้นม่านให้ลับตาคน แต่แล้วก็ไม่คลอด การเจ็บปวดทวีมากขึ้น ฉะนั้นชาวบ้านจึงวิ่งวุ่นหายากลางบ้านมาช่วยตามมีตามเกิด ส่วนมากเป็นยาแผนโบราณ แต่ไม่ได้ผลหรือทำให้ดีขึ้น ครูเที่ยงแสดงความวิตกทุกข์ร้อน จะหาหมอแผนใหม่และแผนโบราณก็ไม่มีในตำบลนี้หรือใกล้เคียง จะถามถึงชื่อเสียงและญาติพี่น้องของหญิงนั้นว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้เรื่อง เพราะแกเจ็บปวดจนไม่ได้สติ ข้าพเจ้าสงสารและเห็นอกเห็นใจ

    ครูเที่ยงเป็นผู้ที่มีมนุษยธรรมดีสงเคราะห์ผู้ที่อยู่ในยามเจ็บไข้ได้ทุกข์ และตนเองก็ต้องหนักอกเป็นทุกข์เป็นร้อน เพราะผู้ป่วยมีอาการหนักขึ้น และชาวบ้านแถวนั้นก็มีจิตใจสูงที่ได้ ช่วยเพื่อนมนุษย์ตาดำๆ ด้วยกันอย่างเต็มอกเต็มใจ

    ข้าพเจ้าเองก็มีทางที่จะช่วยได้บ้างและสงสารเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ข้าพเจ้าจึงบอกครูเที่ยงว่า ข้าพเจ้าจะเข้ากรุงเทพฯ รีบไปรับหมอมาโดยเร็ว แม้จะเสียเวลานานหน่อยแต่ก็แน่นอน ครูเที่ยงแสดงความดีใจและมีหวังขึ้นมา ข้าพเจ้ามิได้รอช้ารีบขึ้นรถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทันที ตรงไปที่นเรศพยาบาล ถนนนเรศสี่พระยา ซึ่งนายแพทย์ประวัติฯ เป็นผู้อำนวยการ

    พอจอดรถที่หน้าตึก ข้าพเจ้ารีบไปด่วนและร้องเรียกหมอตั้งแต่ขึ้นบันได แต่บังเอิญวันนั้นหมอไม่ได้ไปไหน ข้าพเจ้าโล่งใจเพราะกลัวว่าจะไม่พบหมอ ข้าพเจ้าบอกว่าเร็วด่วนหมอ มีคนป่วย...
     

แชร์หน้านี้

Loading...