ขอเชิญร่วมทำบุญ หล่อรูปเหมือนใหญ่เท่าครึ่งองค์จริง พระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อประดิษฐาน ณ วัดละหารไร่

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย mahalap, 30 ธันวาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    ขอเชิญร่วมทำบุญ หล่อรูปเหมือนใหญ่เท่าครึ่งองค์จริง พระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อประดิษฐาน

    ขอเชิญชวนร่วมสร้างอานิสงฆ์บุญกุศล หล่อรูปเหมือนใหญ่เท่าครึ่งองค์จริง พระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อประดิษฐาน ณ วังสามพระยา วัดละหารไร่ ( หลวงปู่ทิม อิสริโก) บ้านค่าย จ.ระยอง ช่วงตรุษจีน พ.ศ. 2552
    โดยวัตถุมงคลที่มีเหลือให้บูชา มีรายการดังต่อไปนี้
    ๑. หนุมานครองเมือง หรือหนุมานผ่านศึก เนื้อทองแดงสร้าง๒,๑๐๐ ตัว บูชา ๕๐๐บาท,
    /
    เนื้อนวะโลหะฉีดสร้าง๑,๑๐๐ ตัว บูชา ๗๐๐บาท,
    /
    เนื้อนวะโลหะหล่อโบราณ สร้าง๑,๔๐๐ตัว บูชา ๑,๐๐๐ บาท,
    เนื้อเงินสร้าง๒๑๔ตัว หมดแล้ว,/ และเนื้อผงหนุมานเข้มข้น มีเพียง ๖๙ ตัว บูชา ๑,๕๐๐ บาท (เหลืออีกราว ๔-๕ตน)
    เนื้อโลหะทุกองค์ตอกโค๊ต เจาะก้นอุดผงหนุมานเก่า,ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม อิสริโก
    ๒. เหรียญหลวงปู่ผาด หลังหนุมาน เนื้อผงพรายกุมาร สร้างเนื้อขาว และเนื้อดำ รวมจำนวน ๓,๐๐๐ องค์บูชาองค์ละ ๑๐๐ บาท,
    /
    เนื้อทองแดง สร้าง ๒,๐๐๐ องค์ บูชา ๓๐๐บาท,/ เนื้อนวะ สร้าง ๒๑๙ เหรียญบูชา ๕๐๐ บาท,/ เนื้อเงินสร้าง ๑๐๕ เหรียญ บูชา ๑,๕๐๐ บาท,
    นอกจากนั้นมีเหรียญกลมเจริญพรสร้างปี ๒๕๔๙เนื้อทองแดงรมดำ ด้านหน้าหลวงปู่ผาด หลังยันต์ประจำตัวท่าน เข้าพิธีเสาร์ห้าปี ๒๕๕๐ บูชาเหรียญละ ๓๐๐ บาท
    ๓. พระนาคปรกใบมะขามรุ่นแรกหลวงปู่ผาด เนื้อทองแดงรมดำ ปี ๒๕๔๙ บูชาองค์ละ ๑๐๐ บาท
    ๔. พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลังยันต์หงษ์ทองคู่ บูชาองค์ละ ๑๐๐บาท,/ พระขุนแผนผงอาถรรพ์หลังหุ่นพยนต์ สร้าง ๒,๐๐๐ องค์ บูชาองค์ละ ๒๐๐ บาท
    ๕. พระสมเด็จผงพรายกุมารเสาร์ห้า หลังยันต์แดง สร้างต้นปี ๒๕๕๐ นำเข้าเสกพิธีเสาร์ ๕ ที่พระอุโบสถวัดบ้านกรวด บุรีรัมย์ อันมีหลวงปู่ผาด เป็นประธานปลุกเสก ... ทั้งยังนำเข้าพิธีปลุกเสกเรื่อยมาอย่างเช่น พิธีจตุคามรามเทพรุ่นมนต์มหาจินดามณี ณ วัดละหารไร่,
    พิธีไหว้ครูหลวงปู่ทิม ปี๒๕๕๐ (หลวงปู่กาหลง, หลวงพ่อชำนาญ, หลวงพ่อฟู ร่วมปลุกเสก) , และขอเมตตาหลวงปู่ผาดปลุกเสกเดี่ยว อีกหลายวาระ บูชาองค์ละ ๕๐๐ บาท
    ๖. พระฉิมพลี ล้อพิมพ์หลวงปู่ทิม อิสริโก แก่ผงพรายกุมาร, ผงพระกรุ, ผงสัตตะมาส, ผงพระฉิมพลีเก่าหลวงปู่ทิม อิสริโก, ว่านเครือให้, ผงบรรจุพระเศรษฐีนวะโกฏิ, เถ้าธนบัตรแสนล้าน, ด้ายสายสิญจน์ ทุกองค์กดมือ สร้างได้ ๗๐๐ องค์ หลวงปู่ผาดปลุกเสกเดี่ยว ๒ วาระ ทั้งยังนำเข้ากลางประรำพิธีบวงสรวงปลุกเสกวัตถุมงคล ณ วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง เมื่อ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๑ พระฉิมพลีที่เหลืออยู่บรรจุ ตะกรุดลูกปืนเสก บูชาองค์ละ ๘๐๐ บาท (เหลือน้อยมาก)
    ๗. พระบรมรูปลอยองค์ขนาดห้อยคอ เจ้าตากออกศึก เนื้อทองแดงรมดำ สร้าง ๒,๐๐๐องค์ บูชา ๕๐๐ บาท,/ เนื้อนวะหล่อโบราณ สร้าง๔๕๐องค์ บูชาองค์ละ ๘๐๐ บาท, เนื้อเงิน สร้าง ๓๐ องค์ หมดแล้ว ทุกองค์ตอกโค๊ตเจาะฐานอุดผง
    ๘. ตะกรุดอ้อป่อง (ปัญญาไว) ตำรับพระอาจารย์ใหญ่กรรมฐาน หลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ เนื้อทองแดงจารมือ (ขนาด ๑ นิ้ว) มีจำนวน ๕๙๙ ดอก บูชาดอกละ ๒๐๐ บาท,
    ๙. ตะกรุดมหารูด ครอบจักรวาล ยาวราว ๓ นิ้ว จารมือ มีจำนวน ๓๙๙ ดอก บูชา ๗๐๐ บาท
    ๑๐.ตะกรุดนิทรา-มหาระงับ ๑๒ ราศี หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด เสก ๑ พรรษาเต็มตลอดไตรมาสปี ๒แกนกลางบรรจุผงว่าน ๑๐๘, ผงพุทธคุณ-จีวร-เกศา หลวงปู่ผาด ม้วนบรรจุหลอดพร้อมห้อยคอ บรรจุผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม อิสริโก แล้วขอเมตตาหลวงปู่ผาด
    เสกเป็นพิเศษปิดท้ายอีกครั้ง ทางมูลนิธิฯ มีเพียง ๑๓๙ ดอก บูชาดอกละ ๘๐๐ บาท มีพุทธคุณ แคล้วคลาด คุ้มครองป้องกันภัย เสริมบารมี ตลอด ๑๒ ราศี
    ๑๑. ปิดตานางพราย (กุมารดูดรก) แกะจากไม้เทพทาโร่ฟ้าผ่า ยืนต้นตายในป่าเพชรบูรณ์ แกะมือ ปั๊มโค๊ตทุกองค์ พร้อมเจาะก้นอุดผงพราย เสกในน้ำมันเหล็กไหล,น้ำมันพราย เสกเดี่ยวโดยหลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด บูชาตัวละ ,๒๐๐ บาท (สร้างเพียง ๑๘๔ตน)
    ๑๒.กระดาษยันต์ หลังยันต์หุ่นพยนต์ (ด้านหน้ามี๓ แบบ คือ เจ้าตาก, หลวงปู่ทิม, หลวงปู่ผาด) บูชา แผ่นละ ๒๐ บาทรุ่นทอดกฐินสามัคคี 2 พ.ย. พ.ศ.2551 หลวงปู่ผาด อายุ 97ปี<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เพื่องานกฐินนี้ปลุกเสกหลายรอบ<o:p></o:p>
    * วันเสาร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๑ หลวงปู่ผาดปลุกเสกเดี่ยว ณ วัดบ้านกรวด<o:p></o:p>
    **วันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมาเป็นวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งถือเป็นวันแรงเหมาะแก่การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง พระครูบุญญาภินันท์ หรือ ท่านเจ้าหรีด วัดปาโมกข์ อำเภอกะปง จังหวัดพังงา ทำพิธีไหว้ครูประจำปี พร้อมทั้งปลุกเสกเดี่ยวเครื่องรางของขลัง ตามตำรับเขาอ้อ ที่ยังไม่มีวัดใดทางใต้สร้างมาก่อน ในฐานะศิษย์ของท่านเจ้าหรีด คุณชินพร สุขสถิตย์, คุณเพียรวิทย์ จารุสถิติ นำคณะศิษย์หลวงปู่ทิม อิสริโก จำนวนหนึ่งไปร่วมพิธีครอบครูพร้อมทั้งได้นำหนุมานผ่านศึก และรูปเหมือนขนาดห้อยคอสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, ตะกรุดอ้อป่อง(ปัญญาไว), ตะกรุดมหารูด จารมือ ที่ทำขึ้นเป็นของสมนาคุณกฐินบ้านกรวด ไปร่วมพิธีปลุกเสกเดี่ยวในครั้งนี้ด้วย เจ้าหรีด ไหว้ครู สร้างสุดยอดเครื่องราง ผานไถ, ตะกรุดกระบือชนเสือ, ลูกไฟปะลัยกัลป์ ... เจ้าตาก, หลวงปู่ทิม ก็มาร่วมด้วย<o:p></o:p>
    ***วันอาทิตย์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๑ หลวงปู่ผาดปลุกเสกเดี่ยว ณ วัดบ้านกรวด<o:p></o:p>
    ****วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๑ยังนำเข้ากลางประรำพิธีบวงสรวงปลุกเสกวัตถุมงคล ณ วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เนื่องด้วยหลวงปู่ผาดปลุกเสกหลายรอบและท่านเสกเต็มสูตร เต็มๆเลย ครับ จนครั้งหลังสุดบอกว่าพอแล้วเต็มแล้ว แรงเหลือเกิน<o:p></o:p>
    พุทธคุณ หนุมานครองเมือง มาทาง หน้าที่การงาน ความเจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้า ราบรื่น แต่ด้วย มีจารหัวใจหนุมานใต้ฐานและสำคัญอุดผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม ตรงนี้สำคัญ เพราะเป็นเมตตามหานิยมและโชคลาภ จะ จะ เจ๋ง ยอดสุดๆ (เคล็ด(ไม่)ลับ มีอยู่ว่า สมควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แด่หนุมานก่อนจะได้ผลดังที่กล่าวมา ทั้งหมด ขอให้ ขอและหมั่นสังเกตุ ก็จะทราบดีว่า จริงไหม)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การทำบุญทำกุศลนั้น สามารถทำได้หลายอย่างหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นทำบุญใส่บาตรหรือถือศีลกินเจก็เป็นอานิสงฆ์บุญกุศลทั้งสิ้น สำคัญคือ จิต เจตนา (กาย-วาจา-ใจ) และบุญที่ได้ดีและเหมาะคือทำบุญกับตัวเอง ก็คือเริ่มที่ สติ และ ในการรักษาศีล<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อมีอานิสงฆ์บุญกุศลแล้ว จะอุทิศหรือแผ่ให้นั้น ก็เปรียบดังมีเงินจะให้ใครอย่างไรก็ได้เพราะบุญนั้นเป็นของเรา (ได้เขียนอธิบายการอุทิศบุญกุศลไว้ช่วงท้าย)

    <o:p></o:p>
    ในปีหนึ่งๆ ที่ผ่านไปนั้นเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายต้องตกเป็นอาหารของมนุษย์เราอย่างนับไม่ถ้วน นั่นคือ การเบียดเบียนเข่นฆ่าผู้ที่อ่อนแอกว่า โดยถือคตินิยมว่าเนื้อสัตว์เป็นอาหารที่มีรสชาดอันโอชะของปวงมนุษย์ ดังนั้นจึงเปรียบเสมือนกับว่า มนุษย์เราทุกๆ ผู้เป็นผู้ที่มีป่าช้าอยู่ในตัวเองทุกผู้ เพราะมีซากสัตว์ตกลงสู่กระเพาะของเราอย่างมากมาย ซึ่งนับว่าเป็นป่าช้าที่กว้างใหญ่ไพศาล ยิ่งกว่ามหาสมุทรที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเต็มและไม่มีขอบเขตจำกัด ทั้งๆ ที่การเบียดเบียนสัตว์นี้เป็นเรื่องของการก่อหนี้กรรม ทั้งสิ้น เพราะหากยิ่งกินเนื้อสัตว์มากเท่าใดก็ยิ่งเพิ่มการประกอบกรรมมากขึ้น และจะเป็นเหตุให้เหล่าดวงวิญญาณของสรรพสัตว์ทั้งหลายมีความอาฆาตแค้นสะสมมากขึ้นเท่านั้น<o:p></o:p>
    มนุษย์เราทุกคนจึงควรที่จะทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ถึงเรื่องการเบียดเบียนและเรื่องจิตวิญญาณ เพราะ มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายต่างก็มีจิตวิญญาณ เช่นเดียวกัน ต่างกันแต่ว่ามนุษย์นั้นแสดงออกให้เห็นถึงความโลภ โกรธ หลง อย่างเด่นชัด และเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกยกย่องจากเหล่ามนุษย์ด้วยกันเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ กล่าวคือ มีสติปัญญา มีความรู้และความเฉลียวฉลาดที่จะสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการกระทำของแต่ละผู้ได้ ส่วนสัตว์ทั้งหลายนั้นถูกเรียกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะ ขาดสติปัญญาในการพิจารณา ซึ่งเป็นข้อแตกต่างสำคัญที่ไม่เหมือนมนุษย์นั่นเอง<o:p></o:p>
    มนุษย์มีสมองในการที่จะพิจารณาเลือกการกระทำของตนเองได้ ซึ่งจิตวิญญาณของเหล่าสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายก็มีความต้องการเลือกการกระทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีโอกาสที่จะทำได้ และต้องปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมที่ได้กระทำไว้ตามกรรมของตน ในขณะที่มนุษย์เราทั้งหลายมีโอกาสจะประกอบกรรมดีหรือกรรมชั่วที่สามารถทำให้จิตวิญญาณได้ขึ้นสวรรค์ ลงนรก หรือหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ ซึ่งเท่ากับว่า มนุษย์เป็นผู้มีโอกาสเลือกการกระทำของตน <o:p></o:p>
    ฉะนั้น มนุษย์จึงควรที่จะรักษาความประเสริฐและรักษาโอกาสของตนไว้โดยการ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และไม่เบียดเบียนสัตว์ เพราะการเบียดเบียนสัตว์นั้นเป็นการสร้างความอาฆาตพยาบาท ซึ่งมีผลผูกพันไปถึงครอบครัวและลูกหลานของเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกส่วนหนึ่งด้วย เพราะมนุษย์เราไปพรากเขาจากครอบครัวที่มีสื่อสัมพันธ์ในด้านความรักและการสืบสายเลือดเช่นเดียวกับมนุษย์<o:p></o:p>
    มนุษย์เราบางผู้อาจจะคิดว่าในเมื่อเรามิได้เป็นผู้ลงมือกระทำการเบียดเบียนชีวิตด้วยตัวเราเอง เราเพียงแต่เป็นผู้ไปซื้อเนื้อสัตว์มาประกอบเป็นอาหารเท่านั้นเราจะมีบาปด้วยหรือ ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้ก็จงใช้สติปัญญาพิจารณาอย่างเป็นธรรมดูเถิดว่า การที่ผู้อื่นประกอบกรรมในการฆ่าสัตว์นั้น เขาก็ย่อมหวังที่จะทำการค้าโดยหวังผลกำไรจากการที่เราไปซื้อเนื้อสัตว์นั้นๆ เพราะฉะนั้น การที่เราไป ซื้อเนื้อสัตว์ก็เท่ากับเราเป็นผู้ส่งเสริมให้มีการฆ่าสัตว์นั่นเอง <o:p></o:p>
    และหากแม้นเป็นกรณีที่ผู้อ่านบางท่านอาจอ้างว่าการซื้อเนื้อมาบริโภคโดยที่มิได้ลักขโมยมานั้นจะเป็นบาปด้วยหรือ ก็ขอให้เราได้พิจารณาต่อไปด้วยใจเป็นธรรมและมีความเป็นกลางอย่างแท้จริง โดยตรองให้ลึกซึ้งเถิดว่าเรานั้นเป็นผู้ที่ส่งเสริมการกระทำบาปให้เกิดขึ้นโดยทางอ้อมหรือไม่ หรือเรา เปรียบเสมือนเป็นผู้สั่งฆ่าหรือไม่ เพราะผู้ที่กระทำการฆ่าก็เปรียบเสมือนกับเพชฌฆาตที่เป็นลูกจ้างของผู้สั่งฆ่านั่นเอง ฉะนั้นผู้ที่เป็นเพชฌฆาตย่อมจะมีความผิดที่ต้องได้รับโทษอย่างมหันต์ และผู้ที่สั่งฆ่าก็ย่อมจะต้องมีความผิดด้วยเช่นเดียวกัน <o:p></o:p>
    จงตรองดูเถิดว่าจิตวิญญาณของสัตว์ทั้งหลายก็มีความอาฆาตแค้น มีความผูกพันอยู่กับครอบครัวหรือสิ่งที่ตนรักและหวงแหน ก็ย่อมที่จะต้อง ตามล้างตามผลาญเพื่อชดใช้หนี้กรรมสืบต่อกันไป ดังนั้นถึงแม้ว่ามนุษย์เราจะหลงติดอยู่ในรสชาดของเนื้อสัตว์ว่าเป็นอาหารอันโอชะและสามารถบำรุงร่างกายของมนุษย์ให้มีความเจริญเติบโตเพื่อให้เกิดมีพลังในการประกอบสัมมาอาชีพก็ตาม แต่มนุษย์เราพิจารณากันบ้างหรือไม่ว่า พืชผักที่มีอยู่มากมายเหลือคณานับอันเป็นสิ่งที่ไม่มีจิตวิญญาณ และไม่มีจิตอาฆาตแค้น ก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าอย่างมหาศาลในการบำรุงร่างกายให้เจริญเติบโตได้เช่นเดียวกัน <o:p></o:p>
    ฉะนั้น มนุษย์เราจะนำพืชผักเหล่านี้มาเป็นอาหารเพื่อจะเป็นการทดแทนอาหารที่ทำขึ้นจากเนื้อสัตว์ไม่ได้เชียวหรือ เพราะ การละจากการบริโภคเนื้อสัตว์ก็เป็นการหยุดก่อหนี้กรรม และ หยุดการสะสมนำซากสัตว์เข้าสู่ป่าช้าในร่างกายของเรา หากมนุษย์เราสามารถละจากการบริโภคเนื้อสัตว์ได้มากเท่าใดก็ยิ่งเป็นกุศลต่อตัวเราเองที่ไม่เบียดเบียนสัตว์มากเท่านั้น<o:p></o:p>
    &middot; การเบียดเบียน ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีการ ตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจ คือ<o:p></o:p>
    - ตั้งใจ หมายถึง การกระทำด้วยความเต็มใจ หรือสั่งให้ทำด้วย จิตที่มุ่งมั่นในการสั่งให้ทำ<o:p></o:p>
    - ไม่ตั้งใจ หมายถึง การกระทำที่ขาดเจตนาในการทำ หรือหากแม้นทำลงไปแล้วเกิดความเดือดร้อน แต่ผลทั้งหลายก็ยังเบาบางอยู่บ้าง เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ตั้งใจ<o:p></o:p>
    ในกรณีที่มีการทำบุญทำกุศลในการจัดทำอาหารเพื่อการถวายภัตตาหาร โดยที่มีการกระทำที่ดีที่สุดที่เรียกว่าไม่มีการเบียดเบียน แต่เกิดการเบียดเบียนชีวิตสัตว์เล็กๆ โดยที่มีความตั้งใจจะฆ่า หรือไม่เจตนาที่จะฆ่านั้น พระมหาโพธิสัตว์ได้มีการกำหนดจิตอธิษฐานในข้ออภัยทานที่ถูกต้องไว้แล้ว<o:p></o:p>
    ฉะนั้น สัตว์เล็กสัตว์น้อย เช่นมด หรือแมลงทั้งหลายที่เราไม่ได้มีเจตนาทำร้ายให้ตาย แต่เป็นการกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือกระทำด้วยความปราณีตแล้ว จงอย่าได้นำจิตไปผูกพันกับสิ่งที่เกิดขึ้น และให้ถือเสียว่าเป็นวาระที่สัตว์เหล่านั้นหมดอายุขัย จิตเราก็จะเกิดความสบายใจได้ และหากตั้งใจกระทำด้วยความปราณีตสืบต่อไป เหตุทั้งหลายก็จะเกิดน้อยที่สุด <o:p></o:p>
    จุดเริ่มต้นของพระมหาโพธิสัตว์ที่อธิษฐานจิตอยู่คู่โลก คือ การสอนให้มนุษย์ไม่เบียดเบียนผู้ที่อ่อนแอกว่าโดยการไม่บริโภคเนื้อสัตว์เป็นอาหาร และให้รู้ถึงบาป บุญ คุณ โทษ ที่เอาเนื้อเขามากินเพื่อบำรุงบำเรอความสุขของตน โดยที่มนุษย์ทั้งหลายตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองว่าหากมนุษย์เราขาดเนื้อสัตว์แล้วร่างกายจะเจริญเติบโตไปไม่ได้ แต่ครั้งดึกดำบรรพ์มานั้นมนุษย์เราทุกผู้ทุกนามก็อยู่กันมาแบบสัตว์ด้วยกันทุกผู้จนเกิดการพัฒนามาถึงขั้นที่เรียกตัวเองว่า สัตว์ประเสริฐ และเรียกสรรพสัตว์ทั้งหลายว่า สัตว์เดรัจฉาน <o:p></o:p>
    ในความจริงแล้วเราก็เป็น สัตว์โลก ด้วยกันทั้งสิ้น แต่มนุษย์เรามีการพัฒนาตัวเองให้สูงขึ้นกว่าสัตว์ทั้งหลาย คือมีมันสมองเพื่อนำมาใช้ในทางที่ถูกที่ควรก็ดี เพื่อการยังชีพอยู่ก็ดี หรือแม้แต่เพื่อการข่มเหงรังแกผู้อื่น และเป็นปัญหาต่างๆ ขึ้นมา จนกลายเป็นที่ยอมรับกันอย่างผิดๆ ว่าสัตว์ประเสริฐสามารถรังแกสัตว์เดรัจฉานที่มีสติปัญญาด้อยกว่า หรือมีกำลังน้อยกว่า หรือในบางโอกาสสัตว์เดรัจฉานอาจจะมีกำลังมากกว่าแต่ก็ย่อมแพ้ภัยต่อผู้มีปัญญาเหนือกว่าฉันใดฉันนั้น<o:p></o:p>
    พระมหาโพธิสัตว์ได้บัญญัติว่า สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ที่มีความอ่อนแอด้วยสติปัญญาก็ดี หรือด้วยกำลังก็ดี มนุษย์เราจึงควรจะ มีเมตตาจิต ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเนื้อสัตว์มาบริโภคเป็นอาหาร เพราะเนื้อสัตว์แต่ละชิ้นก็เปรียบเสมือนเนื้อมนุษย์แต่ละชิ้น เช่นเดียวกัน จงลองพิจารณาดูว่าหากเราเสียขาไปข้างหนึ่งเราจะมีความเสียดายอาลัยอาวรณ์หรือไม่ เพราะขาข้างนั้นก็มีเนื้อของเราติดอยู่ เช่นกัน<o:p></o:p>
    หากมนุษย์เราเข้าใจถึงการเปรียบเทียบนี้เราก็จะสามารถมองเห็นทุกข์ของตัวเองว่า การเบียดเบียนผู้อื่นผู้นั้นย่อมมีทุกข์ เราเบียดเบียนเขาจิตของเราก็ย่อมมีทุกข์ แต่หากเรา ละจากการเบียดเบียนได้ จิตของเราก็จะผ่องใส ไม่มัวหมอง ไม่ติดอยู่ในกิเลสของการเข่นฆ่าเบียดเบียนซึ่งกันและกัน อันจะเป็นอานิสงส์บารมีเกิดขึ้นที่จิต เพราะหากจิตของเราสะอาดคือไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือไม่เบียดเบียนตนเอง จิตของเราก็มิต้องไปกังวลถึงบาป บุญ คุณ โทษ ก็ย่อมที่จะได้ประโยชน์ ได้บุญกุศลกับผู้อื่นและกับตนเองอย่างแน่นอน<o:p></o:p>
    ส่วน ผู้ที่ยังติดรสการบริโภคเนื้อสัตว์ คือยังต้องการที่จะกินเนื้อ สัตว์อยู่นั้น อาจ มีจิตที่เข้าข้างตัวเอง และค้านขึ้นมาว่ากินเข้าไปแล้วก็ไม่เห็นมีโทษอะไร เวลากินก็อร่อย แล้วจะไปเกิดความสังเวชตามที่กล่าวมานี้ได้อย่างไร นี่คือจิตของผู้ที่ มิได้มีการพิจารณาถึงบาป บุญ คุณ โทษ เลย และ มัวแต่คำนึงถึงความต้องการในรสอร่อยที่ตนพอใจ แต่เพียงฝ่ายเดียว โดย ไม่ยอมรับรู้ในความทุกข์ของผู้อื่น ซึ่งจิตของผู้ที่มิได้มีการประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่ในขั้นกลางหรือขั้นสูงจะมีลักษณะเช่นนี้ เพราะ ผู้ที่มีจิตขั้นกลางจะเกิดความสังเวชต่อเนื้อสัตว์ ที่ตนกินเข้าไป และบางโอกาสก็มีความเพิกเฉย นั่นก็คือ ไม่เห็นถึงความเอร็ดอร่อยของเนื้อสัตว์ ที่จะบำรุงบำเรอกระเพาะและลิ้นของตนเอง <o:p></o:p>
    สำหรับ ผู้ที่มีจิตขั้นสูงจะไม่บริโภคเนื้อสัตว์เลย เพราะว่าสามารถตระหนักถึง บาป บุญ คุณ โทษ ของการบริโภคเนื้อสัตว์ ได้ดี เปรียบเสมือนกับ คำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่เปรียบมนุษย์เป็นบัว ๔ เหล่านั่นเอง เหล่าบัวที่กำลังจะพ้นจากน้ำก็ย่อมเล็งเห็นโทษของการเบียดเบียนสัตว์ แต่ผู้ที่ยังอยู่ในโคลนตมก็ย่อมจะเห็นพระธรรมคำสั่งสอนเป็นเรื่องตลกขบขันว่านรกสวรรค์ไม่มีจริง เห็นเพียงแต่ว่ามนุษย์เราเกิดขึ้นแล้วก็สูญไปเท่านั้นเอง <o:p></o:p>
    ฉะนั้น หากเราไม่เห็นว่าเนื้อของสัตว์เป็นสิ่งที่น่าเอร็ดอร่อย จิตของเราก็ย่อมจะสูงขึ้นเปรียบดัง ดอกบัวที่กำลังจะพ้นน้ำ และหากเรามีสติปัญญาหมั่นเพียรศึกษาประพฤติปฏิบัติในคำสอนของพระพุทธองค์ จิตของเราก็ย่อมจะสูงขึ้นถึงขีดสุด และย่อมที่จะมีโอกาสหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้อย่างแน่นอน<o:p></o:p>
    การอุทิศอานิสงส์บุญกุศล<o:p></o:p>
    คำว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ebd9ef72f95d1b.jpg
      ebd9ef72f95d1b.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.8 KB
      เปิดดู:
      197
    • hnNVf.jpg
      hnNVf.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.3 KB
      เปิดดู:
      131
    • hnSVf.jpg
      hnSVf.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.3 KB
      เปิดดู:
      129
    • hnTDf.jpg
      hnTDf.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.4 KB
      เปิดดู:
      135
    • lpTIM.jpg
      lpTIM.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58 KB
      เปิดดู:
      250
    • LPpad1.jpg
      LPpad1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.2 KB
      เปิดดู:
      146
    • tk1.jpg
      tk1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.3 KB
      เปิดดู:
      173
    • tkAA.jpg
      tkAA.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.5 KB
      เปิดดู:
      157
    • tkF.jpg
      tkF.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.8 KB
      เปิดดู:
      256
    • tkF1.jpg
      tkF1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.7 KB
      เปิดดู:
      129
  2. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    สนใจร่วมทำบุญ ติดต่อ 34 อินทามระ1 พญาไท กทม 10400 02-616-6887,02-270-0169, 08-6622-1934 ค่าส่ง50.-/ครั้ง
    e-mail: mahalap@hotmail.com www.dbdmart.com/intramara1
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...