ขอรับคำชี้แนะ วัดผลการปฏิบัติ

ผม นั่งสมาธิอย่างจริงจังได้เกือบ 4 เดือนแล้วครับ ส่วนใหญ่ก็หาความรู้
จากเว็ป พลังจิต นี่หละครับ ไม่ได้ฝึกกับท่านผู้ใดเป็นพิเศษ แต่จะนึกถึง
ครูอาจารย์ ทุกท่าน ที่ชาวเว็ป นำธรรมะ ของท่านมาเผยแพร่ ครับ

จากการปฎิบัติ ผลที่ได้รับมีดังนี้

1. ด้านปฏิบัติ
- เข้าสมาธิไดเร็วขึ้น
- ฝุ้งซ่านน้อยลง (ความต้องการ น้อยลงด้วย)
- เวลาเข้าสมาธิ สงบมาก แต่ ยังเห็นภาพต่างคล้ายนิมิต หรืออาจไม่ใช่ แต่ไม่คอยสนใจ มีอาการ เหมือนดิ่งลงลึกเข้าไปในสมาธิ บางครั้งรู้สึกเหมือน เครียด หรือมีอะไรมา บีบตัวเรา แล้วไม่รู้สึกถึงลมหายใจ ชั่วขณะหนึ่ง ก็จะคลายออก

2. ด้านจิตใจ
- มีความ สงบ อยากทำบุญทุกวัน ไม่ค่อยเสียดายเงิน และ เมตตามากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ อยากช่วยเหลือไปซะทุกอย่าง ไม่เว้นแม้ผี เปรต เทวดา (ถ้ามาขอบคุณกันละก็ คงเผ่นละครับ)
- ปลงในชีวิต และซาบซึ้ง ใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่อยากมาเกิดอีกบางครั้ง อ่าน ธรรมะ หรือ สวดมนต์ แล้ว นำตาไหลก็เคย (ไม่อายด้วยนะครับ เพราะคิดว่า ทำคีไม่ ควรอายใคร)

จึงอยาก ขอรับคำชี้แนะ วัดผลการปฏิบัติ หรือจะติก็ดีครับ

ขอบคุณ เว็ปดีๆ ที่ชื่อว่า เว็ปพลังจิต และผู้จัดทำด้วย ความเคารพ และ อนูโมทนา ครับ

 

โมทนาด้วย

ละชั่วทุกอย่างเท่าทีทำได้
ทำดีทุกอย่างเท่าทีทำได้
ชำระจิตใจให้บริสุทธ์ ปราสจากเครื่องเศร้าหมอง ( เหนือบุญ-เหนือบาป )

ทานมีแล้ว ศีลมีแล้ว บำเพ็ญด้านสมาธิแล้ว ต้องควบปัญญาจากวิปัสสนาเข้าไปด้วย
ต่อให้พุทธภูมิหรือสาวกภูมิก็ต้องเดินวิปัสสนา
เพราะพุทธภูมิก็ต้องสั่งสมปัญญาบารมีหวังตรัสรู้ ช่วยเหลือสัตว์โลก
สาวกภูมิสั่งสมปัญญาหวังพ้นทุกข์

 

อนุโมทนา.........สาธุ
อายุของมนุษย์นี้น้อยนัก คนดีไม่พึงดูหมิ่นอายุนั้น พึงรีบประพฤติความดีเพราะความตายจะไม่มาถึงไม่มี หากผู้ใดได้ตระหนักถึงความจริงแห่งชีวิตหรืออายุตามที่กล่าว จะเกิดความไม่ประมาทแล้วเร่งรีบบำเพ็ญเพียร สร้างเกาะอันเป็นที่พึ่งสำหรับตน(smile)

 

หลักคิดที่อยากแนะนำเสริมให้คุณ จขกท.อีกนิดครับ

คือลองพิจารณากาย ในแง่ที่มาของกายองค์ประกอบของกาย
ไล่จาก อวัยวะไปเซลล์ เซลล์ไปโมเลกุล โมเลกุลไปอะตอมธาตุ
อะตอมธาตุไปอณูธาตุ(โปรตรอน-อิเลกตรอน-นิวตรอน) อณูธาตุไปฮิกซ์
ฮิกซ์ไปสู่ความว่าง

ความรับรู้สึกหรือความมีตัวตนของเรา มีปัจจัยมาจากส่วนผสมที่ลงตัวเหล่านั้น
ก่อเกิดเป็นภาคี จากอณูกายอณูจิตเล็กๆที่ต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ต่างเกิดต่างตาย
โดยอิสระ แต่กลับมาเชื่อมต่อกัน ถักทอด้วยใยประสาท จนเกิดเป็นสาย เป็นกระแส

คือกระแสจิต

คือตัวเรา

มีความหิวเพื่อยังชีพ มีทุกข์-สุขเวทนาต่างๆเพื่อความอยู่รอด มีราคะเพื่อสืบเผ่าพันธ์

พิจารณาจนกว่าจะเห็นว่า จริงๆแล้ว ตัวเรา ไม่มี
มีแต่การคลื่อนไป ของ ความว่าง

ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

คุณได้เข้าถึงพระรัตนตรัยแล้ว รู้แล้วว่า ธรรมะนั้นจับต้องได้
คุณลองพิจารณาว่า ทุกสิ่งล้วนแล้วสมมุติเท่านั้น อย่ายึดติด ลองดูนะครับ แล้วมันจะไปลง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เอง พิจารณาดูในทุกๆสิ่ง ให้เห็นตามความเป็นจริงที่เป็นไป

อนุโมทนานะครับ...

 

อนุโมทนา ด้วยค่ะ ไม่ต้องอยากรู้หรอกว่าเป็นอย่างไรทำไปๆเรื่อยๆ ปัญญาเกิด สาธุ..

 

ผมแนะนำให้ศึกษาธรรมะของหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต
วัดร่มโพธิธรรม
บ้านหลัก 160 กิ่ง อ.หนองหิน จ.เลย

ในหัวข้อ

ธรรมบรรลุ (ไม่ติดไม่ขัดไม่ข้องไม่คา)

ท่านสามารถโหลดธรรมะหลวงพ่อเพิ่มเติมได้ที่

http://www.rombodhidharma.com/index.htm
http://web.nkc.kku.ac.th/manit/watromphothitham.htm


หากโหลดไม่ได้ขอรับจากผมได้ที่ลิงค์ข้างล่างครับ


ขออนุโมทนา






ณ.โอกาศนี้ ขอน้อมองค์คุณ
พระพุทธะอรหันต์ พระมหาพุทธะอรหันต์
พระอรหันต์ พระมหาอรหันต์
พระโพธิสัตว์ พระมหาโพธิสัตว์
จงบันดาลให้ทุกท่าน
ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา
ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามพุทธะประสงค์ ตรงต่อพระนิพพาน
ในชาติปัจจุบันกาลนี้ด้วยเทอญ​

<!-- / message --><!-- sig -->

 

ขออนุโมทนาครับ ดีแล้วครับทำต่อไปครับ แต่ให้ใช้วิปัสสนาเข้าควบคู่ได้เลยครับ โดยแบ่งเวลาลง จากที่สมมุติว่าท่านนั่งครั้งละ 1 ชั่วโมง ก็แบ่งมาใช้วิปัสสนา ครึ่ง ชั่วโมง ส่วนอีก ครึ่ง ก็นั่งแบบผ่อนคลายสบายๆ ปัญญาในขั้นวิปัสสนาในขั้นหยาบนี้ ก็จะเกิดตามไปด้วยครับ ยกตัวอย่างว่าร่างกายเราตั้งแต่หัวจดเท้ามีอะไรบ้าง ไล่ขึ้นไล่ลงเป็นลำดับไปครับ หรือจะหาดูในหลายกระทู้แล้วลองพิจารณาตามแต่ที่สะดวกครับ สาธุครับ

 

ถือว่าร่วมสนทนากับผู้ที่เดินร่วมทางธรรมด้วยกันนะครับ

เรื่องการปฏิบัติทำสมาธิดีขึ้นเรื่อย ๆนะครับ เห็นเหลือแต่นิวรณ์ตัวอุททัจจะกุกกุจจะที่ยังคงปล่อยออกไม่หมด ถ้านิวรณ์ตัวนี้หมดเมื่อไหร่จะได้สัมผัสองค์ฌานแล้วนะครับ จวนเจียน ๆ ใกล้แค่ปลายจมูกแล้วครับ

ด้านวิปัสนา คงมีติดปลายนวมได้มาบ้างแล้วเพราะได้ซาบซึ้งในพระรัตนไตรซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้อันหนึ่งของการเข้าสู่ธรรมครับ

สมาธิที่ดีขึ้นนี้สามารถนำมาใช้ในการวิปัสนาให้เกิดปัญญาได้ดีกว่าตอนที่เราไม่มีสมาธิ เมื่อเราถอนออกจากสมาธิไม่อยากให้ถอนออกมาเฉย ๆ เสียดายครับ ควรน้อมพิจารณาธรรม โดยเฉพาะแยกแยะขันธ์ทั้ง ๕ ออกมาให้ชัดเจน ให้เห็นการเกิดดับของขันธ์ ๕ ให้เข้าใจ ให้อารมณ์จดจ่ออยู่ในไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง และไม่มีตัวตนอนัตตา ถ้าพิจารณาตรงนี้ได้เห็นชัดเจนดี ความรู้ความเข้าใจในธรรมจะกระจ่างชัดกว่าปุถุชนมากแล้วครับ

ด้านจิตใจ ถือว่าอยู่ในความเจริญทางธรรมดีอยู่แล้วครับ ความเจริญใด ๆ จะเจริญกว่าเจริญปัญญาเป็นไม่มี การเจริญในทางรู้ตามจริง เห็นตามจริง รู้แล้วนำไปใช้ละได้จริง ๆ จะก่อให้เกิดกรรมและวิบากแต่ในทางดีทางกุศลครับ ผิดจากการเจริญทางกิเลศ ซึ่งจริง ๆแล้วเป็นความเสื่อมนั่นเอง แต่ผู้ที่ยังมัวเมาอยู่ในกิเลศจะเห็นว่ามันเจริญ อันกิเลศถ้าได้พอกพูนขึ้นกับใครโดยไม่มีสติยับยั้งเพียงพอแล้ว กิเลศจะเติบโตขึ้นๆ จนวันหนึ่งเมื่อถึงที่สุดก็จะก่อให้เกิดการก่อกรรมตามมาเสมอ ๆ

ขออนุโมทนากับท่าน และท่านทั้งหลายที่อ่านและร่วมตอบกระทู้นี้ด้วยนะครับ เพราะในขณะที่บุคคลส่วนใหญ่ของโลกยังมีความหลงกันอยู่มากและยังต้องทุกข์ทนอยู่ในวัฏฏะสงสารอีกนานเหลือเกิน แต่ยังมีคนกลุ่มน้อย ๆ กลุ่มหนึ่งที่ยังวนเวียนอยู่บนกระแสธรรม และกำลังพยายามเพื่อให้ก้าวล่วงต่อสังสารวัฏให้ได้ครับ

 

คุณ คีตเสวี สามารถตอบ ได้เหมือนกับคุณรู้สถาวะจิตของผมเลยครับ ผมจะน้อมนำไปปฏิบัติครับ ขอบพระคุณมากๆ

การที่ผมได้ post กระทู้ลักษณะนี้เนื่องจาก ผมได้เห็นว่า ปัจจุบันมีผู้ปฏิบัติดีมาก แต่ส่วนใหญ่ปฏิบัติโดยที่ไม่มีผู้แนะนำที่ถูกต้อง จึงต้องเรียนรู้เอง จึงทำให้การปฏิบัติไม่คืบหน้าหรือไม่ก็ผิดทางไปเลยทั้งๆที่ ผู้ปฏิบัติมีจุดประสงค์ที่ดีก็ตาม

ดังนั้นการนำผลการปฏิบัติมาเล่าสู่กันฟัง แล้วมีการแลกเปลี่ยนความรู้ กับผู้ที่รู้จริงและได้ปฏิบัตฺมาแล้ว จึงเป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่ง สำหรับผู้เริ่มปฏิบัติอย่างพวกผมครับ