กินเจกับคนทรงเจ้าลวงโลก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 28 กันยายน 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ด้วยประสบการณ์ ที่ผมได้เข้ามารับรู้เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการถือศีล กินเจ และการเข้าทรงลงพระที่ศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ยที่จังหวัดระนองผมถึงได้รู้ว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าศึกษา และน่าสนใจที่จะนำเสนอให้กับสังคมได้รับรู้ มันมีทั้งเรื่องอาถรรย์ที่ผมควรจะจดจำไปชั่วชีวิต และ เรื่องราวของ"ม้าทรง" หรือคนทรงเจ้าที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันว่ามีองค์เทพหรือพระมาจับ มาลง "จริง" หรือ "ไม่จริง" หรือเป็นการแสดงละครหลอกลวง
    การเข้าทรง ลงพระ ดังที่กล่าวมาเป็นประเพณีปฎิบัติของชาวจีนเชื้อสายฮกเกี้ยนที่เป็นประเพณีที่ดีที่ควรยึดถือปฎิบัติ รักษาไว้เพราะเป็นพิธีกรรมโบราณ แต่ปัจจุบันพิธีกรรมดังกล่าวกำลังจะถูกคนรุ่นใหม่ที่ไม่เข้าใจพิธีจริงๆคิดว่าเป็นของสนุกสนาน เป็นม้าทรงแล้วคนจะเข้ามากราบ เข้ามาไหว้ จนเป็นค่านิยมที่ผิดๆ เป็นแฟชั่น ถ้าใครได้เป็นแล้วเท่ห์ หรือ โก้อะไรประมาณนั้น จากการที่ผมได้รับรู้เรื่องราวจากผู้ใหญ่ที่เชื่อถือได้ในศาลเจ้าฯ และที่สำคัญข้อมูลจาก (ฮวดกั้ว) หรือผู้ประกอบพิธีฯที่บอกกล่าวเล่าว่า วัยรุ่นของที่นี่จะจับกลุ่มจับก๊วนขึ้นมา แล้วเดินทางไปที่จังหวัดภูเก็ต อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของการกินผัก หรือ กินเจ เพื่อจะไปดูและศึกษาลักษณะท่าทางของม้าทรงองค์พระต่างๆที่เขาลงกันจริงๆ ใครชอบพระองค์ไหน ก็ไปเอาท่าทางของพระองค์นั้นมา แล้วมาหัดเต้นกันที่บ้าน หรือที่ศาลฯ จนเกิดความชำนาญแล้วพอถึงงานถึงเวลาพิธีกรรมฯก็ทำเป็นลงเป็นทรงกัน โดยจะมี(ฮวดกั้ว) และผู้ใหญ่บางคน เป็นคนคอยกำกับการแสดง แล้วบอกว่าจะให้แสดงเป็นพระองค์ไหน ซึ่งเป็นระบบภายในที่คนนอกไม่มีสิทธิ์ที่จะรับรู้ และจะเป็นข้อห้ามข้อบังคับสำหรับม้าทรงที่จะต้องเก็บเป็นความลับอย่างที่สุด ส่วนภาษาจีนบางคนที่ขยันหน่อยก็ไปเรียนเขียน เรียนอ่านกันมาจากต่างจังหวัดเช่นภูเก็ต ที่มีชาวจีนฮกเกี้ยนมากๆส่วนที่พูดไม่ได้ก็ใช้พูดไทยไปเลย ซึ่งจากที่ผมฟังพระบางองค์ที่พูดจีนแล้วรู้ได้เพราะ จะพูดจีนฮกเกี้ยนบ้าง แต้จิ๋วบ้าง หรือที่เข้าใจง่ายๆ คือพูดกรุงเทพบ้าง พูดใต้บ้างนะแหละ ซึงภาษาจีนแต้จิ๋วจะมีเรียนมีเขียนอ่าน แต่ภาษาฮกเกี้ยนไม่มีซึ่งถ้าเป็นพระที่มาจับจริงจะต้องพูดฮกเกี้ยนเท่านั้นเพราะเป็นพิธีของชาวจีนเชื้อสายฮกเกี้ยน แล้วนอกจากนั้นที่ผมพบมาและน่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นการแสดงไม่ใช่การประทับทรงจริงๆก็มีอีกหลายเรื่องเช่น มีการทะเลาะวิวาทผลักอกชกต่อยกันหน้าโต๊ะพระขณะประทับทรงซึ่งเป็นนิสัยของวัยรุ่นที่ต้องการแสดงอำนาจความเป็นเจ้าของตั๋วหรือโต๊ะพระ และพระที่นี่จะไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการใช้เหล็กแหลมหรือของมีคมทิ่มแทงร่างกายอย่างที่เคยเห็นมาจากประเพณีปฎิบัติของชาวภูเก็ตและตะกั่วป่าซึ่งเขาถือว่าถ้าเป็นพระสายฮกเกี่ยนจะต้องกล้าทำถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะไม่เชื่อและไม่ศรัทธา และที่เห็นมาล่าสุด
    เมื่อปี 2547 ในขณะที่ขบวนกำลังแห่ในตลาดม้าประทับทรงหนุ่มสองคนก็ใช้มีด ใช้ขวาน ฟันกันจนหลังเหวาะเลือดออกไม่หยุดจนเกือบจะช็อคตายคาขบวน จนเจ้าหน้าที่ศาลเจ้าต้องนำไปให้หมอเย็บแผลที่โรงพยาบาลซึ่งต่อมาผมถึงทราบได้ว่าคนทรงเจ้าทะเลาะกัน และที่สำคัญถ้าเป็นการทรงจริงๆจะไม่เป็นเช่นนั้นแต่นี่คงจะด้วยความคึกคะนอง นี่คือเรื่องราวในส่วนของ"ม้าทรง" หรือคนทรงเจ้า ซึ่งผมก็ยังเชื่อว่ามีจริง แต่บางคนบางกลุ่มทำให้เป็นเรื่องโกหกจนทำให้คนที่เขาปฎิบัติกันจริงๆเสื่อมเสีย นี่ยังไม่รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ผู้หญิงร่างท้วมคนหนึ่งซึ่งผมต้องใช้คำว่าอุปโหลกตัวเองว่าเป็นร่างทรงเจ้าแม่กวนอิมแล้วแสดงอำนาจบาดใหญ่ด้วยการจับกดกระชาก ลากเด็กสาวคนหนึ่งเข้าไปในศาลเจ้าแล้วทั้งทุบทั้ง ตบ ทั้งดึงและทึ้งผม จนเด็กสาวคนนั้นร้องให้ด้วยความเจ็บปวด อากัปกิริยาที่ร่างทรงคนนั้นแสดงท่านคิดว่าเป็นเจ้าแม่กวนอิมมาประทับทรงจริงหรือเปล่า เท่าที่ผมนับถือท่านและศึกษาประวัติท่านมาองค์เจ้าแม่กวนอิมเป็นพระที่มีบารมี จิตใจดี มีความเมตตากรุณาแต่ภาพที่ปรากฎข้างหน้าที่ผมเห็นผมว่าไม่ใช่ท่านมาประทับทรงแน่นอน หรือคุณคิดว่าอย่างไร? และคนที่เข้าไปกราบเข้าไปไหว้อายุบางคนก็ 60-70-80 ผมขาวๆ ไม่รู้เขารู้หรือเปล่าว่าไม่ได้ทรงกันจริงๆ เป็นการแสดง และบางคนบากว่าตัวเองลงเจ้าแม่กวนอิมแต่พอลงแล้วเลิกกับสามีบ้าง ไปมีสามีใหม่บ้าง ครอบครัวแตกแยก ผมว่าถ้าเป็นเจ้าแม่กวนอิมลงมาประทับจริง ๆ ท่านไม่ทำความเดือดร้อนให้คนแบบนี้หรอกนี่มันกวนเองมากกว่า หรือท่านอ่านแล้วคิดว่าอย่างไร?
     
  2. ganesha

    ganesha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +201
    ผมเป็นคนภูเก็ต ของจริงมีเยอะแต่พูดไปสองไพเบี้ย อยากรู้ต้องเข้าไปร่วมพิสูจน์กันเอง ศาลเจ้าที่ภูเก็ตไม่ปิดกั้นหากคนนอกปรารถนาจะเข้าไปศึกษาหรือทดสอบ ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมาประเพณีนี้ถูกทดสอบมาโดยคนภายนอกตลอดเป็นเวลาหลายสิบปีแล้วเพราะมันแปลกจากพิธีอื่น ทั้งคนไทยชาวต่างชาติ ฝรั่งที่มาท่องเที่ยว แต่พิธีก็อยู่ได้ แสดงว่ามันคงต้องมีดีอยู่ หากอยากทดสอบเชิญร่วมงานปีนี้ช่วง 22-30 ต.ค 49
     

แชร์หน้านี้

Loading...