การกระทำความชั่วบางอย่าง บาปมหันต์ อาจต้องรับกรรมความชั่วอย่างทันตาเห็น ไม่จำต้องรอไปถึงชาติหน้าก็มี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 19 เมษายน 2016.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]

    “มนุษย์และสัตว์โลก ล้วนถูกลิขิตให้เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมจากในอดีตชาติทั้งสิ้น ใครทำกรรมดีมา ก็ได้เกิดมาเสวยสุข และใครทำกรรมชั่วก็ต้องชดใช้กรรมชั่วนั้นๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนเกิดมาแล้ว หากได้สร้างแต่คุณงามความดี ก็จะไปได้รับส่วนกุศลผลบุญตอบสนองเอาในชาติหน้า เหมือนเช่นคนที่เริ่มปลูกมะม่วงในขณะนี้ ก็จะได้ไปกินผลมะม่วงในอีก ๕-๖ปีข้างหน้านั่นแหละ ส่วนผู้ใดแม้ร่ำรวย มั่งมีศรีสุข หากประกอบกรรมชั่วไว้ในชาตินี้ ก็จะต้องไปชดใช้กรรมชั่วในชาติหน้า เช่นกันนะ ด้วยเหตุนี้ องค์สมเด็จพระศาสดา จึงจำแนกผู้คนออกไว้เป็น ๔ จำพวกด้วยกันคือ

    ๑. มาสว่างไปมืด ได้แก่ บุคคลประเภทที่คุณได้เล่า มา คือในอดีตชาติสั่งสมบุญไว้มาก พอเกิดมาในชาตินี้ก็มั่งมีศรีสุข และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่มิได้สร้างสมบุญกุศลเพิ่มเติม หรือกระทำแต่กรรมชั่วในชาตินี้ เมื่อตายไปแล้วก็จะต้องไปชดใช้กรรมในอบายภูมิทั้ง๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน หรือแม้หากเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะยากจนข้นแค้นแสนสาหัสนะ

    ๒. มามืดไปมืด ได้แก่ บุคคลที่ เกิดมาชดใช้กรรมชั่วที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติ มิหนำซ้ำเกิดมาแล้ว กลับกระทำความชั่วอีก เมื่อตายไปก็จะต้องไปชดใช้กรรมชั่วในอบายภูมิสถานเดียว

    ๓. มามืดไปสว่าง ได้แก่ บุคคลที่เกิดมาชดใช้กรรม ชั่วที่ได้กระทำมาแล้วในอดีตชาติ และแม้เมื่อเกิดมาในชาตินี้ จะมีฐานะความเป็นอยู่ที่ยากจนข่นแค้นแสนสาหัสสักเพียงไร หรือประสบแต่ความผิดหวังล้มเหลวซ้าแล้วซ้าเล่าสักเพียงไหน ก็ตั้งหน้าตั้งตาประกอบแต่คุณงามความดีโดยไม่ท้อถอย เมื่อตายก็จักได้ไปเสวยสุขตามกุศลผลบุญที่ได้กระทำนั้น ดังเช่นเจ้าแดง สุนัขของฉัน ซึ่งถูกรถบรรทุกทรายทับตาย แล้วไปเกิดเป็นเทวดานั่นแหละ จำได้ไหม?

    ๔. มาสว่างไปสว่าง ได้แก่ บุคคลที่ในอดีตชาติ สั่งสมบุญไว้มากเมื่อมาเกิดในชาตินี้ก็มั่งมีศรีสุขและประสบความสำเร็จใน หน้าที่การงานมิหนำซ้ำ กลับตั้งหน้าตั้งตาประกอบแต่คุณงามความดี เพิ่มเติมโดยไม่หยุดยั้งเมื่อตายไปก็จักไปเสวยสุขในภพภูมิที่สูงกว่ามนุษย์ นะ หรือแม้นเกิดเป็นมนุษย์ก็ร่ำรวย มั่งมีศรีสุขยิ่งกว่าเก่า ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานยิ่งกว่าเก่านะ เข้าใจหรือยัง?

    “รวมความว่า ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่าที่ได้กระทำมาแต่ในอดีตชาติทั้งสิ้น หากทำดีมากก็ได้เสวยสุข หากทำชั่วในชาตินี้ ก็ต้องว่ากันในชาติหน้าใช่ไหมครับ” ข้าพเจ้าเน้นถามเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง “ถูกต้องแล้ว แต่ยังไม่ถูกต้องเสียทั้งหมดทีเดียวนะ เพราะการกระทำความชั่วบางอย่าง เป็นบาปมหันต์ อาจต้องรับกรรมความชั่วอย่างทันตาเห็น โดยไม่จำเป็นต้องรอไปถึงชาติหน้าก็มี

    เช่น เถนเทวทัต ถูกธรณี สูบเป็นต้น ขอให้จำไว้นะ ของสูงเช่นพระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี พระอริยสงฆ์ก็ดี อย่าได้ไปลบหลู่ดูหมิ่นเป็นอันขาดนะเพราะเป็นบาปมหันต์ รับผลทันตาเห็นในชาตินี้ทันที และแม้ตายแล้ว บาปนั้นก็ยังจะติดตามไปถึงชาติหน้าภพหน้าอีกด้วยนะ” หลวงพ่ออธิบายย้ำแล้วพูดต่อว่า

    “ความจริง ชีวิตของมนุษย์นั้นสั้นนัก ตามสถิติแล้ว เขาเฉลี่ยอายุของคนไทยทั่วประเทศก็แค่ ๕๕-๖๐ปีตายมิใช่หรือ? ดังนั้นถ้าหากเอาเวลาในสวรรค์ชั้นดาวดึง(สวรรค์ชั้นที่ ๒)มาเทียบคือ๑วันในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งเท่ากับ ๑๐๐ปีของมนุษย์แล้ว ก็จะเห็นได้ชัดว่า

    ในชั่วชีวิตหนึ่งๆของพวกคุณนั้น มีความยาวนานเพียงแค่ครึ่งวันของสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่านั้นเองนะ คราวนี้ถ้าสมมติว่าก่อนเกิดมาเป็นมนุษย์ คุณอยู่ในสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาก่อน ก็หมายความว่าคุณหนีเที่ยวในโลกมนุษย์เพียงแค่ครึ่งวันเทานั้นนะ และถ้าครึ่งวันนั้นเอาแต่กอบโกย ใฝ่หาแต่ความสุขทุกรูปแบบโดยไม่คำนึงถึงความถูก ความควร หรือความเดือดร้อนของผู้อื่นด้วยการฆ่าก็ดี แย่งชิงทรัพย์สินก็ดี ผิดลูกผิดเมียก็ดี หรือกล่าวาจาเท็จก็ดี หรือเสพสุรายาเมา ก่อความเดือดร้อนรบกวนชาวบ้านก็ดี คุณจะต้องไปรับผลแห่งกรรมชั่วที่คุณได้กระทำอีกไม่รู้กี่กัลป์ กี่ภพ กี่ชาติ

    เปรียบเสมือนเช่นในวันรับเงินเดือน หากคุณรำเงินเดือนนั้นไปเที่ยวเตร่ หากความสนุกสนานอย่างเต็มที่ด้วยการตั้งวงเสพสุรา เที่ยวบาร์ เที่ยวคลับ เล่นการพนันหรือหลับนอนอย่างเต็มที่ด้วยการตั้งวงเสพสุรา เที่ยวบาร์ เที่ยวคลับ เล่นการพนันหรือหลับนอนกับผู้หญิงโสเภณี จนเงินเดือนหมด คุณก็สนุกของคุณเพียงแค่วันเดียวนะ แต่อีก ๒๘ วันที่เหลือคุณจะต้องเกิดความทุกข์ใช่ไหม?

    แต่ในทางตรงข้าม หากคุณใช้เวลาครึ่งวันนี้ ตั้งหน้าปฏิบัติแต่คุณงามความดี โดยไม่ท้อถอย แม้จะยากดีมีจน ประสบแต่ความทุกข์เข็ญปานใด ก็ยึดมั่นในทาน ศีล ภาวนา ให้ได้ตลอดไปแล้ว คุณก็จะได้ไปเสวยผลแห่งกรรมดีอีกหลายภพหลายชาติ เช่นกันนะ ในขณะนี้คุณก็โชคดีแล้วที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ดังนั้ จงใช้ระยะเวลาอันสั้นของชีวิตนี้ ประกอบแต่กุศลผลบุญเถิด” หลวงพ่ออธิบายอย่างละเอียด

    “หลวงพ่อครับสมมติว่า หากผมได้สร้างกรรมชั่วมาแต่อดีตชาติและเมื่อได้เกิดในชาตินี้ ผมรีบบวชทันทีเมื่อมีอายุครบควรบวช แล้วเร่งปฏิบัติแต่คุณงามความดี ด้วยการให้ทาน ศีล ภาวนา อย่างครบถ้วนโดยมีขาดตกบกพร่องเลย ผมยังจะต้องชดใช้กรรมชั่วที่ได้กระทำมาแต่ในอดีตชาติหรือไม่ครับ?” ข้าพเจ้าถามเพราะยังติดใจสงสัย

    “ถ้าคุณยืมเงินจากคนอื่นเขามาสัก ๑๐ราย แต่ยังไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ ให้เขาได้เลยสักรายเดียว แล้วคุณใช้วีธีทำดีกับเขาด้วยวีธีอื่นในทุกวิถีทาง เช่น คอยรับใช้ช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกต่างๆ ให้เขาและลูกเมียที่เขารักบ้าง โดยคุณไม่ต้องใช้เงินใช้ทองมากนักมาให้บ้าง หรือเอาตัวคุณเข้าเสี่ยงภัยปกป้องคุ้มครองเขาบ้าง คุณคิดว่าเจ้าหนี้ทั้ง ๑๐รายของคุณนั้น เขาจะเห็นอกเห็นใจ เห็นในคุณงามความดีของคุณ แล้วยอมยกหนี้สินทั้งหมดให้คุณ โดยที่คุณไม่ต้องหาเงินมาชดใช้เขาเลยไม่ล่ะ?” หลวงพ่อถามยิ้มๆ เล่นเอาข้าพเจ้าต้องคิดหนักสักครู่หนึ่ง จึงตอบไปว่า

    “ก็คงมีเจ้าหนี้บางราย ที่มีจิตกรุณา แล้วเห็นในคุณงามความดีของผมบ้าง แล้วยอมยกหนี้สินให้ แต่ก็ต้องขึ้นกับจำนวนเงินที่ผมยืมเขามาว่า มากน้อยแค่ไหน ส่วนบรรดาเจ้าหนี้บางรายที่ทั้งงก ทั้งหน้าเลือดแล้ว ผมคิดว่าแม้ผมจะทำดีกับเขาสักเพียงไร เขาก็คงไม่ยกหนี้สินให้ผมหรอกครับ คงต้องตามทวงเช้าทวงเย็น เอาเงินของผมจนได้ ”

    “เออ!..ตอบตรงดีนี่” หลวงพ่อชม แล้วพูดต่อว่า

    “บรรดาเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่คุณไปก่อกรรมทำเข็นกับเขาไว้ในอดีตชาติ ก็เหมือนเจ้าหนี้ที่คุณผูกมานั่นแหละนะ แม้คุณจะถือบวชบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้เขาอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เขาอยู่ดี มีสุขขึ้นก็ตามที เจ้ากรรมนายเวรบางรายที่เขารู้คุณ เขาก็อาจอภัยไม่คิดตามทวงหนี้กรรมจากคุณอีก แต่เจ้ากรรมนายเวรบางราย แม้คุณจะทำดีสักปานใด เขาก็ยังผูกพยาบาท อาฆาตจองเวรกับคุณ ติดตามจองล้างจองผลาญคุณไม่รู้จบสิ้นก็มีนะ แม้ตามทวงหนี้กรรมจากคุณไม่ได้ในชาตินี้เขาก็จะติดตามทวงหนี้กรรมจากคุณต่อ ไปในชาติหน้า ภพหน้า ไม่มีสิ้นสุด

    ยิ่งคุณไปก่อบาปมหันต์ ด้วยการลบหลู่ดูหมิ่น หรือกระทำความชั่วร้ายต่อพระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี พระอริยสงฆ์ก็ดี บิดา มารดาก็ดี ครูบาอาจารย์ ตลอดจนมีผู้มีพระคุณทั้งหลายก็ดี แม้ท่านจะอภัยให้ก็ตาม

    แต่กฎของกรรมจะไม่มีการอภัยให้เป็นอันขาดนะ คุณต้องชดใช้กรรมชั่วที่คุณได้กระทำมาอย่างแน่นอน หลบเลี่ยงไม่ได้เลยนะ แม้แต่พระโมคคัลลาน์ ซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า ซึ่งได้รับสมญาว่า”เลิศด้วยอิทธิฤทธิ์” ท่านก็ยังต้องชดใช้กรรมที่ได้ก่อมาแล้วในอดีตชาติโดยยอมให้โจรทุบตาย ในชาติสุดท้ายนั่นเอง” หลวงพ่ออธิบายอย่างละเอียดและกระจ่างชัดยิ่งนัก.

    ข้าพเจ้ากราบหลวงพ่อกลับบ้าน ด้วยจิตที่ปลอดโปร่ง ความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องของกรรมดี กรรมชั่วหมดไปโดยสิ้นเชิง อีกทั้งเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าได้ประสบพบเห็นในกาลต่อมาก็ยิ่งประจักษ์ชัดใน จิตเห็นถึงผลแห่งกรรมยิ่งขึ้น

    คัดมาจากหนังสือของ พล.อ.ต. มนูญ ชมภูทีป




    คนที่ตั้งหน้าทำแต่ความดี ทำไมจึงไม่ได้ดีเหมือนคนชั่วบางคน
     
  2. เสี่ยกานต์

    เสี่ยกานต์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    เสี่ยกาน คือ องคุลีมาล
     

แชร์หน้านี้

Loading...