กะหล่ำปลียักษ์ปลอดสารพิษ 3 กก./หัวที่พิจิตร

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 11 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,491
    'กะหล่ำปลียักษ์ปลอดสารพิษ 3 กก./หัว'ที่พิจิตร

    <TABLE id=Table8 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD align=left width=155 height=42><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TR><TD class=message-copyright vAlign=top align=middle height=10>คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR><TR><TD style="HEIGHT: 2px" vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=message-normal vAlign=top align=middle height=10><SCRIPT>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/col_img/s_16564_1.jpg','http://ads.dailynews.co.th/col_img/s_16564_2.jpg','http://ads.dailynews.co.th/col_img/s_16564_3.jpg') ;// Comments displayed below the slidesvar slidecomment = new Array('','','');var i;var j;var picturecontent=''function poppic(ncId,NewsType,picNum){window.open('/dailynews/pages/front_th/popup_news/popup_news_popuppic.aspx?ncId=' + ncId + '&NewsType=' + NewsType + '&picNum='+picNum,'','menubar=no,toolbar=no,location=no,directories=no,status=no,scrollbars=no,resizable=yes,dependent,width=500,height=410');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '[​IMG]' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td bgcolor=#fbe5f2 class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;hlblTable.innerHTML=''+picturecontent+'';}</SCRIPT>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top align=left width=11 background=/dailynews/images/front_th/bkk_local/bg_dot_up.gif height=42></TD><TD class=messageblack width="100%" height=42><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD class=headline-normal>[​IMG] 'กะหล่ำปลียักษ์ปลอดสารพิษ 3 กก./หัว' ที่พิจิตร</TD></TR><TR vAlign=top align=left><TD class=messageblack>หากจะว่าไปแล้วการปลูกผักก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยาก แต่ปัจจุบันการจะทำให้ผักปลอดสารพิษก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนักต้องศึกษาวิธีการและขั้นตอนมากมาย บวกกับความขยัน อดทนที่จะให้ได้มาซึ่งผักปลอดสารเป็นที่ไว้วางใจแก่ผู้บริโภคได้และก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้โดยทั่วไป

    ยกตัวอย่าง “กะหล่ำปลี” ผักคู่ครัวคนไทยที่แม้จะไม่มั่นใจว่าปลอดภัยจากสารเคมีตกค้างหรือไม่กะหล่ำปลีเป็นพืชเมืองหนาว ซึ่งระยะหลังมีการนำมาส่งเสริมให้ปลูกในพื้นที่จังหวัดพิจิตรด้วยแต่ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จนัก เพราะเกษตรกรไม่คุ้นเคยกับกรรมวิธีการปลูกและการดูแลที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการเตรียมดินหรือการใช้ปุ๋ย ยาบำรุงต่าง ๆ อีกทั้งยังแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับพืชผักที่ปลูกอยู่เดิมซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชอายุสั้นระหว่าง 45-60 วัน เช่น ผักกาด ผักชี พริกขี้หนู ผักคะน้า เป็นต้น ขณะที่กะหล่ำปลีมีอายุถึง 120-140 วัน

    ด้วยเวลาไม่นานกับการเป็นนักเรียนรู้และค้นคว้าทดลองของปราชญ์ชาวบ้านพิจิตรอย่างลุงอินทร์ สงคราม อายุกว่า 60 ปี แต่ยังดูสุขภาพดีกว่าวัย สามารถปลูกกะหล่ำปลีให้หัวใหญ่ขนาดหัวละ 3 กิโลกรัม และเป็นผลผลิตจากกระบวนการปลูกที่ปลอดสารพิษร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ลุงอินทร์และกลุ่มสมาชิกเครือข่ายผักปลอดสารพิษท้าพิสูจน์ว่าหากไม่เชื่อก็ไปดูด้วยตาที่แปลงผักของแกได้เลย ด้วยเหตุนี้ “กะหล่ำปลีฤดูหนาว หัวใหญ่ไร้สารพิษ” จึงมาปรากฏในขบวนผักปลอดสารพิษเพื่อสุขภาพซึ่งคนพิจิตรกำลังตื่นตัวในขณะนี้

    ลุงอินทร์ สงคราม เป็นปราชญ์ชาวบ้านแถวที่ 2 ในตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร และเป็นแกนนำปลูกผักปลอดสารในอำเภอสามง่ามซึ่งในกลุ่มมักมีการนำผักไปขายรวมกันในตลาดนัดชุมชนเป็นประจำทุกสัปดาห์แต่เดิมลุงอินทร์ก็ปลูกผักปลอดสารมาตลอด แต่ทำไม่มากปลูกไว้กินเอง จนเมื่อปี 2545 มีโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน (ลุงอินทร์มีที่ดินส่วนหนึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.)) ให้ปลูกไม้ผล ไร่นาสวนผสม ฯลฯ ซึ่งมีการให้อุปกรณ์สูบน้ำมาช่วยในการทำเกษตรกับสวนของลุงอินทร์ใน เวลานั้น

    ต่อมามีเพื่อนบ้านไปอบรมที่โรงเรียนวิทยากรกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสู่การพึ่งตนเองและพึ่งพากันเอง (วปอ.) กับมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตรซึ่งมีการเรียนการสอนเกี่ยวกับการทำน้ำหมักชีวภาพและการทำเกษตรปลอดสารอย่างครบวงจร ลุงอินทร์สนใจจึงส่งลูกสาวไปเรียนบ้างจึงได้ความรู้ที่นำมาใช้ในการปลูกผักปลอดสารอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นและด้วยกระบวนเรียนรู้ที่ใช้การแลกเปลี่ยนและทำจริง ก็ยิ่งทำให้มั่นใจในความรู้ที่ใช้ได้จริงและมั่นใจว่าเดินมาถูกทางแล้ว

    โดยเฉพาะองค์ความรู้เรื่องน้ำหมักชีวภาพของเพื่อนบ้านและองค์ความรู้เรื่องการปลูกผักของลุงอินทร์ที่มีความชำนาญไม่แพ้กันทำให้ลุงอินทร์เกิดแนวคิดว่า ควรมีการรวมกลุ่มกันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันและกันเพื่อจะช่วยเหลือเพื่อนเกษตรกรในการลดการใช้สารเคมีมากขึ้นและหันมาใช้น้ำหมักชีวภาพแทนโดยมีจำนวนเกษตรกรให้ความสนใจรวมกลุ่มกัน 30 ราย และมีการระดมทุนกันคนละ 50 บาท ทำน้ำหมักไว้ใช้เองในกลุ่ม ซึ่งได้ลุงบุญมา ศรีทองคำ เป็นหัวหน้าในการพัฒนาเรื่องน้ำหมักชีวภาพขึ้นมาเมื่อลุงอินทร์ลองเอาน้ำหมักของกลุ่มไปใช้กับ “ถั่วมัน” ทำให้เห็นได้ชัดว่า ผลผลิต ดก-งาม ซึ่งสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้สารเคมีในการเร่งการเจริญเติบโตแต่อย่างใด

    คุณวิสันต์ ทองเต่ามก ผู้ประสานงานเครือข่ายผักจังหวัดพิจิตร กล่าวว่าการปลูกกะหล่ำปลีให้ได้งามในฤดูหนาวนั้นก็เป็นประเด็นใหม่ที่กลุ่มผักหนองโสนได้สร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่มผักทั้งจังหวัดพิจิตรเป็นอย่างมาก เพราะกะหล่ำปลีปกติในพื้นที่พิจิตรจะปลูกไม่ค่อยได้นอกจากหัวจะไม่ห่อเป็นหัวกะหล่ำปลีแล้ว ยังเป็นเหมือนต้นผักกาดธรรมดาแต่องค์ความรู้เหล่านี้ชาวบ้าน ก็ไม่มีและไม่เคยทำได้ เมื่อมีการจัดกลุ่มผักขึ้นมา และได้พบกับลุงอินทร์เมื่อปีกลายแกก็ให้ผักกะหล่ำปลีมาขายในกลุ่ม เมื่อชาวบ้านในกลุ่มรู้ ก็ให้ความสนใจจึงชักชวนให้ ลุงอินทร์รวบรวมองค์ความรู้เหล่านี้ว่าการปลูกกะหล่ำปลีมีปัจจัยอะไรที่เอื้อต่อการปลูกบ้างเพื่อเป็นความรู้ให้กับกลุ่มเครือข่าย

    ลุงอินทร์ ให้เหตุผลว่าโดยปกติแล้วกะหล่ำปลีจะเป็นพืชที่มีอายุยาว ประมาณ 120 -140 วัน ซึ่งสาเหตุที่เกษตรกรไม่สามารถปลูกติดเป็นหัวกะหล่ำปลีได้นั้นอาจจะเป็นเพราะใจร้อนเกินไป ซึ่งหากเทียบกับผักกาดขาว ผักชีและผักอื่น ๆ ที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นแค่ 45-60 วัน จะมีความแตกต่างกันมากในเรื่องระยะเวลาการเก็บเกี่ยวซึ่งเทคนิคการปลูกกะหล่ำปลีก็เหมือนการปลูกผักทั่วไป คือต้องมีการเตรียมแปลงให้พร้อม หรือเตรียมดินให้ดีนั่นเอง

    ลุงอินทร์ เล่าต่อว่า “ครั้งแรกเริ่มปลูกตั้งแต่เดือน พ.ย. 2547 และมาได้ผลตัดขายได้ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ซึ่งมีผลผลิตที่ให้น้ำหนักมากถึง 3 กิโลกรัม/หัว เคล็ดลับที่ช่วยให้ปลูกได้หัวใหญ่ขนาดนั้นนอกจากการเตรียมดินให้ดีแล้วการกำหนดระยะห่างของการปลูกที่ห่างกัน 50x50 ซม.ต่อต้น ก็นับว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ประสบผลสำเร็จ เมื่อทดลองทำแล้วได้ผลก็ทดลองปลูกรุ่นต่อ ๆ มา ตามที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้”

    ลุงอินทร์อธิบายพร้อมกับบอกถึงแรงจูงใจที่ทำให้ทดลองปลูกกะหล่ำปลีว่า “ลุงเห็นวิธีการปลูกจากทางทีวี ที่อำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เขาปลูกกันได้ ใหญ่โต ลุงก็มีความสนใจว่าพื้นที่สภาพภูมิอากาศน่าจะคล้ายคลึงกันกับบ้านลุงจึงนำมาทดลองปลูกดู โดยมีความเชื่อเพียงอย่างเดียวว่าพืชจะดีได้ดินต้องดีก่อน เมื่อดินดีแล้วไม่ว่าเราจะนำพืชอะไรมาปลูกก็งอกงามได้ทั้งนั้น”

    นอกจากนี้กะหล่ำปลีที่เป็นผักที่โดดเด่นของสวนลุงอินทร์แล้วในสวนยังมีผักที่ปลูกไว้อีกมากมาย เช่น ผักกาดขาว, ผักชี, ต้นหอม, กวางตุ้ง, ขึ้นฉ่าย, พริกขี้หนู,บวบ, ฟักทอง, แตงกวา, คะน้า ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ 4 ไร่ ด้วยการศึกษาและเรียนรู้ของลุงอินทร์ทั้งยังนำสิ่งที่เรียนรู้มาทดลองให้เห็นผลเป็นที่ประจักษ์แก่คนอื่น ๆ นี้เอง ทำให้สวนผักปลอดสารของลุงอินทร์ เป็นที่สนใจของเพื่อนบ้านทั้งในและนอกเครือข่ายให้ความสนใจศึกษาและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์กับลุงอินทร์มากขึ้นเป็นผลดีต่อลุงอินทร์และเพื่อนบ้านที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆและเป็นความรู้ภายในตัวคนที่สามารถนำไปใช้ได้โดยตรง

    การเรียนรู้เพิ่มเติมของลุงอินทร์ ยังไม่ใช่แค่เรียนรู้จากเพื่อนบ้านแต่ในทุกครั้งที่ไปร่วมประชุมในหลายเครือข่าย ลุงอินทร์ได้นำความรู้จากทุก ๆ เวที และนำมาพัฒนาปรับใช้กับตัวเองในการทำน้ำหมักชีวภาพ สารไล่แมลง เช่น เอาฝักคูณสด ๆ มาต้มกับตะไคร้หอมนำมาไล่แมลงกัดกินพืชผักได้ดี หรือจะเป็นตำราที่ศึกษาในเรื่องการทำจุลินทรีย์ ใช้ในพื้นที่ของกลุ่มตนเองซึ่งทำจากตาสับปะรด+กากน้ำตาล+น้ำมะพร้าว นำมาหมักไว้และมีการเพิ่มขยายโดยร่วมกันทำ และเอาไว้ใช้หมุนเวียนในกลุ่ม ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรช่วยย่อยสลายวัชพืช เพื่อการเตรียมดิน ซึ่งมีวิธีการใช้โดยเอาน้ำหมัก 1 ส่วน ผสมน้ำ 3 ส่วน แล้วเอามาเทหมักไว้ในแปลงจะช่วยย่อยสลายวัชพืช และช่วยบำรุงดินเพื่อเตรียมแปลงในการปลูกผักรุ่นต่อ ๆ ไป

    ลุงอินทร์ บอกว่า ที่ทำกันอยู่ก็คือ การทำเกษตรบนพื้นฐานความรู้ที่เรามีอยู่หากจะพัฒนากลุ่มก็คิดว่าจะพัฒนาการปลูกผักพื้นบ้านที่มีอายุยืน เช่น การปลูกผักหวานบ้าน ที่วิถีโบราณเขากินเขาใช้กันซึ่งก็เริ่มมีการปลูกกันบ้างแล้วแม้กลุ่มผู้ปลูกจะมีจำนวนไม่มากนักแต่การรวมกลุ่มกันนำผักไปขายในตลาดนัดชุมชน ทุกวันอาทิตย์ วัน อังคารและวันพฤหัสบดีของสัปดาห์ ลุงอินทร์บอกว่าเราขาย 3 วันต่อสัปดาห์แต่คนกินก็กินทุกวัน เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรซึ่งทำให้เห็นได้ว่าจำนวนผักที่ปลูกยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคบางรายถึงขนาดเข้าไปซื้อถึงในสวนก็มี

    ลุงอินทร์ ยังฝากถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องว่า อยากให้ช่วยกันรณรงค์ให้ผู้บริโภคได้หันมาบริโภคผักปลอดสารพิษที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและเรื่องของราคาก็เป็นอีกปัจจัยที่ควรช่วยกันสนับสนุน เพราะผักปลอดสารเป็นผักที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนการผลิตก็อยากให้มีความแตกต่างกันในด้านราคาของผักปลอดสารพิษและผักที่ไม่ปลอดสารพิษ

    ทั้งนี้ลุงอินทร์ บอกว่ารู้สึกภูมิใจที่ผักของลุงเป็นที่ยอมรับของครู นายอำเภอ ฯลฯ และให้การสนับสนุนในสิ่งที่ตนทำนอกจากนี้ยังมีการขยายองค์ความรู้ไปสู่โรงเรียนบ้านหนองโสนให้ครูสนับสนุนให้เด็กเรียนรู้เรื่องการบริโภคอาหารปลอดสารพิษซึ่งนักเรียนก็เริ่มปลูกผักกินกันเองในโรงเรียนแล้วขยายผลสู่ครัวเรือนกันบ้างแล้ว


    ผู้สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ ลุงอินทร์ สงคราม (ปราชญ์ชาวบ้าน แถว 2)1/2 หมู่ 2 ตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร โทร. 0-6199-6378.
    ที่มา : dailynews.co.th
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    หูยยยย....ท่าทางจะกรอบอร่อยเหาะ ไปเลยอ่ะ...
     
  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,491
    รินจะเหาะไปไหน (ทำท่าทางไก๋..เหมือนไม่เข้าใจ อิอิ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...