กลับชาติ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 1 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    เมื่อครั้งประเทศสยาม ยังมีจังหวัดนครเขื่อนขันธ์อยู่ในขอบขันธเสมาของมณฑลกรุงเทพฯ ก่อนที่ยุบลงเป็นอำเภอ และประเทศสยามจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นประเทศไทยนั้น ข้าพเจ้ายังอยู่ในวัยรุ่น จังหวัดนครเขื่อนขันธ์เป็นที่อยู่ของชาวรามัญ สมัยนั้นชาวพระนครจะเดินทางเข้าไปในเขตนครเขื่อนขันธ์มีทางเดียวคือ ทางเรือ มีเรือแดง หรือเรียกว่า บริษัทแม่น้ำมอเตอร์โบ๊ท ลงเรือที่ท่าถนนตก แล้วเราก็ต้องไปขึ้นต่อรถมอเตอร์รางที่ปากคลองลัดผ่านไปถึงท่าหิน

    การเดินทางไปมาก็ต้องเสียเวลานานไม่สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบันนี้ แต่เมื่อเข้าไปในเขตนครเขื่อนขันธ์ บรรยากาศก็จะเปลี่ยนแปลงไป คล้ายกับเราไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง บางครั้งทำให้เราลืมไปว่าเราอยู่เมืองไทย เพราะคนพื้นเมืองเหล่านั้นไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่คนแก่คนเฒ่า ต่างก็พูดภาษามอญกันตลอดทั้งตำบล แม้จะหันมาพูดไทยกับเราบ้างสำเนียงก็แปร่งๆ หนักๆ เป็นสำเนียงมอญ บางคนที่มีอายุมากก็พูดไทยไม่ได้เสียเลย เพราะคนพื้นเมืองทั้งตำบลเป็นเขตที่อยู่ของชาวรามัญ ไม่มีชาติอื่นปะปน

    ฉะนั้น ชาวรามัญจึงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไว้ได้ แม้แต่คนจีนที่เข้าไปทำการค้าขายในหมู่บ้านชาวรามัญ ก็ต้องพูดมอญเป็น สมัยนั้นข้าพเจ้ามีเพื่อนเป็นชาวรามัญ ฉะนั้น ถึงปียามตรุษสงกรานต์ เพื่อนจะต้องมาชวนพวกเราหลายคนไปค้างแรมที่บ้าน ในเขตจึงหวัดนครเขื่อนขันธ์ ชาวรามัญที่ข้าพเจ้าพบในยุคนั้น เป็นผู้มีนิสัยดี ใจคอกว้างขวางโอบอ้อมอารี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต้อนรับผู้ไปเที่ยวอย่างดี ตลอดทั้งที่พักและอาหารชาวรามัญ ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่มีจิตใจร่าเริงสนุกสนานเป็นกันเองรู้จักง่ายไม่ถือตัว

    เวลานั้นเสียอย่างเดียว ที่ข้าพเจ้าพูดภาษามอญไม่ได้ ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ต้องอาศัยเพื่อนเป็นล่ามแปลให้ฟัง แม้บางท่านจะพูดไทยได้ ก็น้อยคนนักจะพูดได้ชัดอย่างไทยแท้ๆ ส่วนมากสำเนียงเป็นมอญ ข้าพเจ้าจึงฟังไม่ค่อยออก แม้จะพูดไทย หูเราก็ฟังเป็นภาษามอญเสียหมด หลายครั้งต้องขำขันเพราะการพูดมอญปนไทยของชาวบ้าน ทำให้ข้าพเจ้าแปลความหมายผิดๆ เลยเปิ่นๆ แต่ชาวรามัญเป็นคนอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน เลยเห็นเป็นสนุก

    เมื่อพูดถึงการนับถือศาสนา ข้าพเจ้ารู้สึกว่าชาวรามัญนั้นเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก การบุญการกุศลเป็นเรื่องใหญ่ เวลาตรุษสงกรานต์ก็จะเห็นชาวบ้านทุกบ้าน พร้อมใจกันไปวัดด้วยจิตศรัทธา ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จากนั้นยังมีความสามัคคีในหมู่คณะ รักใคร่ปรองดองกันฉันพี่น้อง ทั้งชายหญิงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีผู้อื่นกล้าเข้าไปลองดีในหมู่บ้านชาวรามัญ หรือแสดงโอ้อวดยะโส ข้าพเจ้าอดชมชาวรามัญมีความสุภาพจิตใจกว้างขวางของชาวรามัญไม่ได้ ทุกบ้านทุกเรือนยินดีต้อนรับพวกเรา ในเมื่อเพื่อนได้พาไปแนะนำให้รู้จักตามบ้านพี่บ้านน้อง

    เมื่อพูดถึงอาหารการกินที่เขานำมาต้อนรับนั้น มากมายจนกินไม่ไหว ทุกบ้านทำขนมหวานต่างๆ ขนมจีน อื่นๆ เช่น ข้าวแช่ และอีกมากมาย ข้าพเจ้าจำได้ไม่หมด เราก็มีแต่เที่ยวเตร่ เล่นสะบ้ากับพวกสาวๆ ชาวรามัญซึ่งแต่งตัวตามประเพณีล้วนแต่จิ้มลิ้ม เสียแต่พวกเธอพูดมอญมากกว่าพูดไทย แต่ที่เราพูดหล่อนก็รู้หมดทุกคำ แต่หล่อนพูดมาเราไม่รู้ นึกแล้วก็อดขำไม่ได้เวลาพวกเราผู้ชายแพ้สะบ้า ถูกพวกผู้หญิงบังคับให้รำ

    เวลานั้นข้าพเจ้ายังรักพวกเครื่องดองของเมาอยู่ ได้อาศัยพวกน้ำตาลเมา น้ำขาวลูกทุ่ง ทั้งๆ ที่ไม่เคยรำมาก่อนในชีวิต แต่พอตึงๆ หน้าก็สนุกสนานเต้นแร้งเต้นการำ ควักกะปิส่ายไปส่ายมา พูดภาษารามัญผิดๆ ถูกๆ ฟังไม่ออก ทั้งคนมอญ คนไทย รวมทั้งข้าพเจ้าผู้พูดเอง ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรเหมือนกัน ทำให้คนไทยคนมอญหัวเราะจนน้ำตาไหล

    เมื่อพูดถึงเที่ยวงานสงกรานต์ สมัยเมืองนครเขื่อนขันธ์ มีการทำบุญตามวัด สาวๆ ชาวรามัญแต่งตัวงดงามตามประเพณี มีการปล่อยนกปล่อยปลาเป็นพวกเป็นหมู่ สรงน้ำพระ เล่นสาดน้ำ กลางคืนก็มีบ่อนสะบ้า เล่นอย่างมีระเบียบที่งดงาม ที่บ่อนสะบ้าสร้างปะรำตกแต่งธงทิวสว่างไสวไปด้วยตะเกียงเจ้าพายุ พวกหนุ่มๆ ก็จองสาวเป็นคู่เล่นของตน เราเล่นไม่เป็น หล่อนก็สอนให้ นับว่าเป็นสวรรค์ของหนุ่มสาว สนุกสนานที่สุดในสมัยนั้น

    ชาวรามัญที่อยู่ในประเทศไทยเป็นที่น่าเคารพ มีกิริยาวาจาเรียบร้อยน่ารัก ที่ยังอุตส่าห์รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีมาแต่โบราณ และยังรักษาคำพูดไว้ได้ดี แต่ก็เป็นที่น่าเศร้าใจที่ได้ทราบว่า แม้แต่ทางเมืองหลวงหงสาวดีซึ่งเป็นเมืองแม่ของชาวรามัญ บัดนี้คำพูดภาษารามัญได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว เพราะชาวรามัญในปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นพม่า พูดภาษาพม่า ลืมภาษาดั้งเดิมของชาติตนเองมาแต่โบราณเสียสิ้น ตลอดทั้งหัวเมืองมอญอื่นๆ ทั้งน้อยใหญ่ ภาษารามัญไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครพูดอีก

    พวกรามัญและภาษามอญกำลังจะสูญสิ้นไปจากโลก คงยังเหลือชาวรามัญที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ที่ยังคงรักษาคำพูดและขนบธรรมเนียมประเพณีและสำเนียงภาษาอยู่ได้ แต่ก็ไม่แน่ถ้าไม่ช่วยกันรักษาไว้ ก็จะเป็นเรื่องเศร้าที่พวกรามัญรุ่นสุดท้ายที่ยังอยู่ในประเทศไทย หากปล่อยตามบุญตามกรรมให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ก็คงจะค่อยๆ จางลง ที่สุดก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ไม่ช้าพวกรามัญในประเทศไทยรุ่นท้ายที่อยู่ในโลก ก็จะสูญสิ้นไปพร้อมกับภาษาสำเนียงคำพูด ตลอดทั้งขนบประเพณี เช่นเดียวกับชาวรามัญที่ประเทศมอญ และเมืองหงสาวดี ที่เคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมาแล้วแต่อดีต

    เด็กรุ่นหลังคงจะไม่มีโอกาสที่จะรู้จักชาวรามัญ หรือภาษามอญอันมีวัฒนธรรมอันดีงาม เสมือนไม่มีชาวรามัญซึ่งหงสาวดีเป็นเมืองหลวง มีภาษาคำพูดเป็นของชาติตนเองก็จะถูกลืมไปจากโลก เหมือนไม่เคยมีชาติและชาวรามัญอยู่ในโลกมาก่อน การที่ข้าพเจ้ารื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ทั้งขนบประเพณีที่ดีงามของชาวรามัญขึ้นมาเขียนนี้ ข้าพเจ้ายังนึกยกย่องชมเชยว่า ชาวรามัญแม้จะมีประเพณีบางอย่างที่ผิดแปลกไปบ้าง เช่น มีการถือผีเป็นต้น แต่ชาวรามัญก็เป็นชาวพุทธที่ดี เพราะเท่าที่ข้าพเจ้ารู้ ยังไม่เคยเห็นชาวรามัญคนใดละทิ้งศาสนาพุทธไปเข้าศาสนาอื่นเลย

    ความจริง การที่ข้าพเจ้าขึ้นต้นเขียนเรื่องเก่าๆ ของชาวรามัญครั้งนี้ เพราะเหตุบังเอิญ มีท่านผู้นับถือเคยส่งเรื่องนี้มาให้ข้าพเจ้าเขียน ได้นำเอาเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของครอบครัวหนึ่ง เรื่องนี้เกิดขึ้นในเขตจังหวัดนครเขื่อนขันธ์ ก่อนที่จะยุบเป็นอำเภอ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของชาวไทยและต่างประเทศ คือ เรื่อง
     

แชร์หน้านี้

Loading...