:-:กลกำหลาบกาม:-:

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ปุจฉา
แย่งคนรักเป็นบาปไหม

กราบนมัสการหลวงปู่ที่เคารพ

1. หลังจากที่ใส่บาตรตอนเช้าทุกวัน แล้วอุทิศส่วนกุศลให้หลวงปู่พุทธะอิสระ แต่ไม่ได้กรวดน้ำ เพียงแต่กำหนดจิตระลึกถึง แล้วนั่งหลับตาไป ในรถ หลวงปู่ได้รับหรือเปล่าคะ

2. ผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยและผู้ชายที่มีเมียน้อย ถือว่าการกระทำของคนทั้งสองเป็นบาปหรือเปล่าคะ เพราะทำ ให้เมียหลวงทุกข์ทรมานใจมาก และการแย่งคนรักของคนอื่น ถือว่าเป็นบาปหรือเปล่าคะ

วิสัชนา

1. ได้รับแล้ว ขอบใจที่อุทิศบุญให้ ฉันมิใช่ผีนะ

2. บาปซิคุณ เพราะอย่างน้อยก็ผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจารฯยังไงล่ะ ก็ต้อง บาปแน่ละ ทำกรรมกับใครไว้อย่างไร เราก็ต้องได้รับผลอย่างนั้นในที่สุด

ปุจฉา
ขอกลกำหลาบกาม

มีวิธีการใด หรือใช้ธรรมข้อใด ที่จะใช้ในการกำหลาบ กำจัด อารมณ์ ความรู้สึกที่เป็นกามราคะ ได้ครับ

วิสัชนา

พยายามอยู่ห่างๆ ของหรือคนสวยๆงามๆ และพยายามอยู่ใกล้ของ หรือคนที่ไม่สวยไม่งาม มีสติเจริญอสุภกรรมฐาน หรือปฏิกูลสัญญา คือ กรรมฐานที่ควรปฏิบัติ คือมองดูซากศพ ด้วยการใช้สติพิจารณาหา ความสวยจากซากศพให้เจอ หรือไม่ ก็เจริญปฏิกูลสัญญา คือ มีสติพิจารณาสิ่งปฏิกูล พึงรังเกียจทั้งในกายตน และกายผู้อื่น ว่ามีอยู่เป็นธรรมดา เหล่านี้เป็นวิธีกำจัดกามราคะ

ปุจฉา
เวรกรรมตามทัน

ผมเป็นคนที่สนใจพุทธศาสนาอยู่บ้าง แต่มีข้อสงสัยดังนี้

1. การเรียนรู้และปฎิบัติตามคำสอนของพุทธศาสนาแก่เด็กและเยาวชนให้เห็นภาพและข้อเท็จจริงควรสอนด้วยการใช้วิธีการอย่างไร

2. ทำอย่างไรจึงจะทำให้ เวรกรรมตามทันคนที่ประพฤติชั่วในชาตินี้

3. ทำอย่างไรให้จิตสงบไม่คิดมาก ทำอย่างไรให้อีกฝ่ายได้รับผลกรรมที่ก่อกับเราไว้

วิสัชนา

1. สอนให้เค้าเห็นว่า พระพุทธศาสนา มีอยู่ในชีวิตเค้าตั้งแต่เกิดยันตาย เช่น ชี้ให้เค้าเห็นว่า การที่น้องหนูรักพ่อรักแม่ ทำตามที่พ่อแม่อบรมสั่งสอน นี่ก็เป็นพุทธศาสนา ข้อว่า กตัญญู คือรู้บุญคุณท่าน พร้อม กับทำตามให้ท่านสบายใจ จัดว่าเป็น การตอบแทนพระคุณ เรียกว่า กตเวทิตา ชี้ให้เขาเห็นว่าการที่น้องหนูขยันหมั่นเพียร ศึกษาเล่าเรียนก็จัดว่าเป็นพุทธศาสนาข้อที่ว่า วิริยะ คือ ความเพียร น้องหนูอดทนอดกลั้นต่อ ความยากลำบาก ต่อความไม่พอใจ อดทนอดกลั้นต่อความยั่วยวนได้ โดยไม่ตกเป็นทาสของสิ่งนั้นๆ นั่นก็แสดงว่า น้องหนูมีขันติ ความอดทน

เหล่านี้เป็นวิธีสอนพุทธศาสนาทั้งนั้นแหละคุณ ขึ้นอยู่กับว่าคุณผู้สอนจะมองเห็นพุทธศาสนาหรือไม่เท่านั้นแหละ

2. ฉันคิดว่า คนที่ลงมือทำชั่ว เขาก็ทำด้วยความยากลำบากอยู่แล้ว เมื่อลงมือทำก็ยิ่งไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ซึ่งเขาก็ต้องได้รับไม่มากก็น้อย ก่อนทำก็คิดหนักวางแผนมาก ขณะทำก็ทำด้วยความยากลำบาก กลัวผู้อื่นจะเห็น ครั้นทำแล้วก็ไม่สบายใจ เผลอๆ เป็นโทษทางกายอีก ต่างหาก คุณไม่ต้องไปสาปแช่งเขาหรอก ไม่งั้นเดี๋ยวคุณจะชั่วเสียเอง

3. การทำจิตให้สงบ อันดับแรก ต้องดูว่า ไม่สงบเพราะอะไร ถ้าไม่สงบเพราะความผูกโกรธ ก็ต้องเจริญ เมตตาด้วยการท่องในใจทุกครั้งที่นึกได้ว่า 'ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข' ถ้าไม่สงบเพราะความฟุ้งซ่าน ก็เจริญ สติระลึกรู้ลมหายใจว่า เข้าอย่างไร ออกอย่างไร

ปุจฉา
วินัยในตัวเอง

ผมขอเรียนถามหลวงปู่ว่า วินัยในตัวเองคืออะไร

วิสัชนา

วินัยในตัวเองมันเริ่มต้นด้วยคุณคิดอย่างไร ก็พูดอย่างนั้น พูดอย่างไร ก็ทำ อย่างเดียวกัน ด้วยความ ไม่ขัด ไม่เขิน ไม่ทำให้ตน และคนอื่นเดือดร้อน วินัยในตนเองนี้ต้องรวมไปถึงการมีสัมพันธภาพอันดีต่อกัน และแม้แต่ในตนและคนอื่น

ปุจฉา
โลกของพุทธะ

กราบนมัสการองค์หลวงปู่พุทธอิสระที่เคารพอย่างสูงในโลกของพุทธะจะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไร ลูกขอความเมตตาด้วยครับ

วิสัชนา

เริ่มต้นจากการมีน้ำใจ รู้จักให้ เมตตา อาทรต่อเพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายเพียรพยายามรักษากาย วาจา ให้เป็นปกติ รักษาใจให้สงบ ปลอดจากอารมณ์และมลภาวะทั้งปวง

ทำทุกวิถีเพื่อให้เขาถึงความรู้เห็น ตามความเป็นจริง ของสรรพสิ่ง สรรพสัตว์ สรรพชีวิต มีความขยันหมั่นเพียร ที่จะประกอบคุณงามความรู้ และละความชั่ว

ทำการทุกอย่างดังกล่าวมาแล้ว ด้วยความอดทน อดกลั้น มีความจริงใจต่อเรื่องที่เราทำ คำที่เราพูด สูตรที่เราคิด ทั้งกับตนและคนอื่น

มีความตั้งมั่นในการกระทำคุณงามความดี อย่างไม่ย่นย่อ ไม่ท้อถอย รู้จักวางเฉยในอารมณ์ที่มากระทบ จากตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส อย่าให้เกิดอารมณ์ใดๆ กับใจ ทุกอย่างนี้ทำด้วยสติตั้งมั่น

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>