กรรมที่เถียงแม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย mnkeyjibjib, 10 มกราคม 2013.

  1. mnkeyjibjib

    mnkeyjibjib สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +11
    นี่เป็นเรื่องราวชีวิตจริง นะคะ
    ขออนุญาตเล่า เพื่อขอคำชี้แนะจากผู้รู้และอยากฟังความเห็นจากผู้อื่นด้วยค่ะ ก่อนหน้าที่จะมาเจอแฟน ชีวิตมีความลำบากมาก ทำหาเงินมาก็ไม่พอใช้ หาได้ก็ส่งให้ลูก กับแม่และเก็บไว้ใช้บ้าง จนสิ้นเดือนไม่มีเงินจะให้ค่าหอเพราะงานที่ทำเป็นอาชีพอิสระรายได้ไม่แน่นอน ในช่วงนั้นเจอแฟนชาวต่างชาติเขามีครอบครัว แต่นิสัยเขาเป็นคนดี และเขาก็ให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินบ้างจนที่สุดตัดสินใจไปอยู่กับเขา คอยดูแลซักผ้ารีดผ้า หาขนม กาแฟ ใ้กินตอนตี5 ก่อนเขาไปทำงาน จนเขาไว้ใจ ให้เงินเดือน ส่วนเรื่องครอบครัวเขาก็รักเอาใจใส่ ให้ได้ตามกำลัง เซ้งร้านให้ ราคาสองแสนกว่า ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ แต่ก็เอาไปให้แม่ขี่ แต่เขาไม่ให้บ้าน กับรถยนต์ เพราะเขาบอกให้ร้านแล้วก็พยายามหาเงินซื้อเอง ส่วนทางครอบครัวก็จะว่าบ่อยครั้งว่า ราคาค่าตัวยังไม่เท่ากับ กระห...พวกนั้นยังราคาแพงกว่าอีก เหมือนกับเอาฟรีแถมไม่พอต้องทำงานให้มันอีก จากเรื่องนี้จะเป็นประเด็นทุกกครั้งที่เอามาด่ากัน หากทำอะไรไม่ถูกใจแม่ถ้าเถียง เขาก็ว่าสอนไม่ได้มึงจำไว้ กรรมจะสนอง ถ้าวางโทรศัพท์หนีก็จะคอยโทรตามมาด่าต่อ ไม่รู้จะทำยังไงบาปก็กลัวแต่ไม่เถียงก็ทนไม่ได้ แค่เป็นเมียน้อยเขาก็บาปพอ แถมยังต้องทะเลาะกับแม่อีก ทุกทีที่มีปัญหาเขาจะ ไล่ให้เอาลูกไปเลี้ยงเอง ก็คิดเสมอว่าไม่อยากเถียงมากเพราะถ้าเอามาเลี้ยงเองก็ไม่สามารถหาเงินส่งแม่ได้ เขาอยากให้เลิกกับแฟน ให้ไปหาฝรั่งที่เขารวยๆๆที่ให้ได้ทั้งบ้านทั้งรถ เอาเงินมากองได้ หนักใจมากค่ะ เพราะคิดเสมอว่า แฟนเขาก็มีบุญคุณที่ช่วยตอนที่ลำบาก เขาจะอยู่ที่เมืองไทยอีกแค่ 2ปีก็ต้องกลับบ้านแล้ว อยากทดแทนแค่นี้ เคยกรายขอขมาแม่แล้ว แต่ก็คิดเสมอว่าถ้าเราไม่หยุดเถียงบาปก็ไม่ไปไหน และตอนที่ขอขมาแม่ก็ว่ามึงไม่ต้องมาขอขมา กรรมจะตามสนองมึงเอง แต่แม่ก็รับไหว้และร้องไห้ด้วย ตอนนี้มีเรื่องใหม่ค่ะ เซ้งร้านแล้วไม่ได้เงินแกก็พยายามบังคับจะให้บอกแฟน ไม่ได้ถามว่าทำไมอยากให้บอกนักหนา ส่วเงินถ้าได้มาก็อยากเอาไปปรับปรุงบ้านใหม่ แต่ดิฉันอยากเก็บไว้ตั้งตัวใหม่อีกครั้ง เหนื่อยจังค่ะ ต้องร้องไห้คนเดียวตลอดอยากฆ่าตัวตายมั่ง แต่ก็ตายไม่ได้กลัวแม่กับลูกเขาอยู่ไม่ได้ ขอโทษที่เขียนซะยาวเลย ไม่รู้จะทำอย่างไรดีค่ะ อยากรู้ว่าเราเป็นอย่างนี้เราบาปแล้วแม่ทำกับเราอย่างนี้จะบาปไหม จะทำอย่างไรให้ดีขี้น เพราะถ้าไม่มีเงินส่งให้ใช้ หรือถ้าแกอยากได้แล้วไม่ได้ ก็ต้องทะเลาะกันเป็นประจำ จริงๆแม่เป็นคนเข้าวัดสวดมนต์นะคะ แต่ไม่ปลง เรื่องยังอีกเยอะค่ะ แต่นี่คือที่สุดของหัวใจค่ะบาปทั้งสองทาง พยายามไม่เถียงแล้วแต่แม่ก็ไม่เลิก ช่วยชี้ทางหน่อยค่ะ ว่าต้องทำไงดี ขอบคุณค่ะ
     
  2. chayapin

    chayapin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,115
    เป็นกำลังใจให้ค่ะ อยากบอกว่าให้อดทนกันต่อไป เกิดมาเป็นแม่ลูกกันได้ เพราะกรรมสัมพันธ์กัน หมั่นสวดมนต์แผ่เมตตาและความปรารถนาดีไปให้แม่ทุกวันนะคะ วันละหลายๆครั้ง ซักวันปัญหานี้จะคลี่คลายไปในระดับหนึ่ง อยากแนะนำให้อยู่ห่างๆแม่ และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ค่ะ เพื่อลดความทุกข์ความเศร้าของคุณนะค่ะ ดิฉันเข้าใจปัญหาของคุณได้ดี เพราะแม่ดิฉันก็เป็นแบบแม่คุณ ถ้าเราปฏิบัติธรรมเราก็จะรู้ว่าเราทำกรรมร่วมกันในลักษณะนี้มาก่อนในอดีต ให้นึกเสียว่า มันเป็นอนิจจัง ทุกชัง อนัตตา เป็นทุกข์ของการเกิด
    มามีร่างกาย (ขันธ์ห้า) มีเกิดขึ้น ปรวนแปรในท่ามกลาง และดับสลายในที่สุด ขอให้คุณเข้มแข็ง และพิจารณาทุกอย่างล้วนมาจากเหตุทั้งนั้น ขอให้ผ่านไปอย่างราบรื่นค่ะ เป็นกำลังใจให้
     
  3. caring

    caring เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +199
    เห็นใจคุณจังที่ต้องอยู่กับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดและเป็นทุกข์แบบนี้
    กรรมไม่ดีใครทำก็บาปทั้งนั้นนะเราว่า ถึงจะเป็นพ่อ-แม่ถ้าทำไม่ดีกับลูกก็คงไม่มีข้อยกเว้น
    พ่อ-แม่ที่ทำร้ายลูกก็เท่ากับสร้างวงจรกรรมให้ตัวเองต้องไปเกิดกับพ่อ-แม่ในแบบที่ตัวเองเป็นเช่นกัน ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณเอาชนะความโกรธ ความน้อยเนื้อต่ำใจ อภัยให้คุณแม่ ของคุณ และทำหน้าที่เลี้ยงดูท่านตามหน้าที่ของลูกที่ดี เราเชื่อว่าชีวิตคุณจะไม่ตกต่ำอย่างแน่นอน
     
  4. mnkeyjibjib

    mnkeyjibjib สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอบคุณนะคะ
    ได้คำเดียวจริงๆ แค่นี้ก็เกินคำบรรยาย เพียงแค่กำลังใจโลกก็สดใสขึ้นเยอะค่ะ
    คิดว่าที่เป็นอยู่นี่ก็กรรมที่ทำกับท่านแล้วทั้งนั้น ก็ต้องชอใช้กันต่อไปใช่ไหมคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2013
  5. caring

    caring เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +199
    ลองอ่านบทความนี้ของคุณดังตฤณดูนะคะ เผื่อจะช่วยคลี่คลายปมในใจของคุณได้บ้าง

    ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ซึ่งสงสัยอยู่ว่าอกตัญญูไหมที่ไม่รักพ่อ? เนรคุณไหมที่เกลียดแม่? ผิดไหมถ้ารักพ่อมากกว่าแม่? บาปไหมที่ดีใจเมื่อรู้ว่าแม่กำลังจะตาย?

    วันนี้เรามาดูกันว่าจะสบายใจขึ้นได้อย่างไร หรือดีกว่านั้นคือเปลี่ยนใจตัวเองได้ด้วยวิธีไหน

    ก่อนอื่นให้มองตามจริงว่าความรู้สึกเป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้ คนเรามีหูตาอยู่อย่างนี้ ถ้ากระทบเข้าภาพแย่ๆ เสียงแย่ๆ ความรู้สึกก็ต้องแย่ตาม มิใช่วิสัยที่จะสั่งห้ามใจไม่ให้แย่ไปด้วย
    ฉะนั้น ถ้าตัดคำว่าพ่อ
    ตัดคำว่าแม่ออกไป เหลือแต่ความกระทบกระทั่งระหว่างคนกับคน ก็อย่าแปลกใจถ้าจะมีอารมณ์ต่อกัน
    เป็นความขัดเคืองบ้าง ความโกรธบ้าง ความแหนงหน่ายไม่อยากรักบ้าง หรือกระทั่งความชิงชัง รังเกียจเดียดฉันท์บ้าง

    ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับใครแล้วรักกันนั้นง่าย แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะรักคนให้ทุกข์ให้โทษกับเราถ่ายเดียว!

    ถ้าจะกล่าวโทษ ก็ต้องโทษธรรมชาติที่บีบให้คนเราต้องอยู่ร่วมกัน กระทบกระทั่งได้ เกิดความขัดเคืองได้ สะสมความรู้สึกไม่ดีต่อกันได้ ไม่ยอมให้เราเกิดเอง โตเอง สบายเอง

    มิฉะนั้นก็คงเลือกได้ตามอิสระ เห็นใครอยู่ในฐานะอะไร ควรรักเขามากน้อยแค่ไหน

    ขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่ความผิดของสังคม ที่คนส่วนใหญ่พากันชื่นชม รำลึกนึกถึงพระคุณของพ่อแม่ ถึงขนาดที่เกือบทุกชาติทุกภาษา จัดให้มีวันพ่อ วันแม่ เป็นประจำทุกปี
    สะท้อนให้เห็นว่าโลกของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงนั้น เขามองกันว่าพ่อแม่เป็นผู้มีบุญคุณยิ่งใหญ่ ขนาดสมควรที่จะไม่ลืมจัดวันพิเศษเพื่อบูชาพวกท่าน


    พ่อแม่มีชีวิตต่อได้ถ้าไม่มีคุณ แต่คุณมีชีวิตขึ้นมาไม่ได้ถ้าขาดพ่อแม่!


    กล่าวแบบรวบรัด ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนกำหนดให้ต้องนึกถึงบุญคุณพ่อแม่ ก็ต้องตอบว่าธรรมชาตินั่นแหละที่กำหนด และฝังไว้ในสำนึกว่าการรู้คุณพ่อแม่เป็นคุณสมบัติของผู้มีใจสูง
    คนเราจะทราบว่าตนมีใจสูงหรือใจต่ำ ก็ดูง่ายๆว่าจำได้หรือเปล่าว่าพ่อแม่สำคัญแค่ไหน

    ถึงตรงนี้สรุปได้สั้นๆว่า อย่ารู้สึกผิดถ้าไม่รักพ่อแม่ แต่จะแย่มากถ้าไม่คิดตอบแทนบุญคุณพวกท่านเลย!

    ต่อให้เป็นโจรชั่ว เมื่อได้รับพระราชทานอภัยโทษประหารจากองค์ราชา ก็ยังสำนึกคุณ ทุ่มกายถวายชีวิตรับใช้องค์ราชาได้ แม้ต่อมาภายหลังจะถูกกดขี่ข่มเหงอย่างไรก็ก้มหน้าก้มตายอมรับ

    เพราะจดจำอยู่ว่ามีชีวิตต่อก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม


    แล้วใครจะอ้างได้เต็มปากเล่า ว่าตัวเองย่ำแย่แค่ไหน เกินกว่าจะทำใจรับพ่อแม่อย่างไร จึงนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ไม่ออก ที่ให้ชีวิตมาทั้งชีวิตตั้งแต่แรก
    เห็นได้ชัดเจนว่ายิ่งกว่าพระราชาประทานชีวิตแก่นักโทษประหารไม่รู้กี่ร้อยเท่า
    หาค่าของชีวิตให้เจอ แล้วคุณจะได้ตระหนักว่า คุณมีชีวิตขึ้นมาหาค่าของชีวิตไม่ได้ ถ้าปราศจากพ่อแม่


    เมื่อเห็นค่าของพ่อแม่ แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะตอบแทนอย่างไร อย่างน้อยก็รู้จักความหมายของคำว่า "กตัญญู" ให้ได้ก่อน
    ความกตัญญูเป็นอาการของใจที่มีความสามารถรู้คุณคน ทราบว่าใครมีอุปการคุณต่อเราไว้อย่างไร กล่าวโดยย่นย่อที่สุดคือนึกออก บอกถูก และทำไว้ในใจว่าผู้นั้นผู้นี้ มีบุญคุณกับเราไว้เมื่อครั้งไหน

    ถ้ากตัญญูเป็น ก็เหมือนจุดพลุ จุดชนวนให้เกิด "กตเวที" ตามมาเอง เพราะความมีใจสูงของมนุษย์ ย่อมเกิดแรงดันให้อยากตอบแทนคุณ โดยไม่ต้องมีใครเอาหอกดาบมาบังคับ


    สำหรับคนเกลียดพ่อแม่ แค่มีแก่ใจ ทำความเข้าใจที่มาที่ไปของพ่อแม่ ให้อภัยในความร้ายกาจของพวกท่านได้ ก็นับว่าปรับใจเข้ากับความประเสริฐแบบมนุษย์ อันเป็นธาตุแท้ของคุณได้แล้ว

    สำหรับคนรักพ่อแม่ไม่เท่ากัน แค่มีแก่ใจ นึกสงสารท่านที่ได้รับความรักจากเราน้อยกว่าอีกท่าน เห็นค่าว่าครึ่งหนึ่งที่ประกอบขึ้นเป็นเรา ได้มาจากท่าน หาใช่รับเต็มตัวมาจากฝ่ายไหน

    ก็จะก่อให้เกิดกำลังใจในการคิดตอบแทนท่าน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอีกท่านหนึ่ง ความคิดอยากตอบแทนเท่าๆกัน จะค่อยๆปรับความรู้สึกรักไม่ให้ทิ้งระดับห่างจากกันเกินไปนัก


    สำหรับคนรักพ่อแม่มากอยู่แล้ว ควรมีแก่ใจ ดูตามจริงว่าพวกท่านมีที่พึ่งให้ตนเองหรือยัง ในทางพุทธ หากชักชวนโดยละม่อม ให้พวกท่านมีใจยินดี ตั้งมั่นในการให้ทาน รักษาศีล
    ปลูกศรัทธาในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้หยั่งรากลึกมั่นคงพอ จะนับเป็นการตอบแทนอย่างแท้จริง สมน้ำสมเนื้อ เพราะพวกท่านจะมีหลักประกันให้ตนเองได้ไปดี ไปสว่าง ตลอดจนไปถึงที่สุดทุกข์ได้เป็นแน่แท้

    อย่าเค้นใจให้รักพ่อแม่ เพราะจะเหนื่อยเปล่า และยิ่งทรมานใจขึ้น แต่เข้าใจเพื่อเห็นค่าพ่อแม่ แล้ววันหนึ่งจะเข้าถึงความรู้สึกที่ถูกต้อง เป็นสุขที่ได้เป็นมนุษย์เต็มตัว สมเกียรติภูมิกัน




    ที่มา : ธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ฉบับวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓‏ (ดังตฤณ)
    __________________
     
  6. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ท่านจขกท. มีจิตที่ดี เป็นกตัญญูกตเวทีบุคคลน่าสรรเสริญยิ่งนัก..ความขวนขวายเพื่อส่งเงินให้แม่นั้นเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนา ..แต่ในบัดนี้ ท่านจขกท. ขวนขวายโดยอาการที่ไม่ถูกศีลธรรม เพราะยุ่งเกี่ยวกับชายผู้มีเจ้าของแล้ว..


    เรื่องนี้ ท่านจขกท. พึงพิจารณาตามควรว่า การกระทำที่ล่วงศีลและผิดธรรมนั้น หาใช่สิ่งที่จะเกื้อกูลตนให้ได้รับความสุขเกษมในภายหน้าไม่..ท่านกำลังร่วมมือกับชายที่ไม่รู้จักศีล ทำร้่ายจิตใจภรรยาเขา..ที่ไม่มีความผิดอันใดอยู่...ท่านจขกท ลองพิจารณาถามตนเองว่า ..หากท่านอยู่ในฐานะภรรยาของชายผู้ไม่รู้จักบาปเช่นนี้...ท่านจะยินดีชอบใจหรือไม่?...หรือท่านอาจลองถามเขา(ชายคนนี้)ดูว่า หากภรรยาของเขา กำลังบันเทิงอยู่ในการคบชู้ลับหลัง เมื่อสามีอยู่ห่างไกล เขาจะรู้สึกแฮปปี้ดีหรือเปล่า?...?ลองถามดู นะครับ..เผื่อเขาอาจได้คิดว่าพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่เหมาะไม่ควร ..และอาจยุติการร่วมทำบาปกรรมคือการล่วงศีลกับท่านจขกท.ลงได้..

    ท่านจขกท พึงพยายามพึ่งตนเองให้ได้โดยเร็ว และยุติการเกี่ยวข้องกับชายเจ้าชู้นี้เสีย เพราะการยุติบาปกรรมโดยเร็วย่อมช่วยลดระยะเวลาในการเสวยทุกข์อันเผ็ดร้อนในภายหน้า..การปรารภว่าจะตอบแทนคุณเขาที่ช่วยเรื่องเงินและสิ่งอื่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่การตอบแทนด้วยการที่ตนต้องล่วงศีลนั้น ไม่ถูกเสียแล้ว เรื่องนี้ น่าหนักใจในทางเลือก เพราะความอยู่รอด กับศีลธรรมนั้นหากไม่พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ช่างขัดแย้งกันเสียจริงๆ...แต่หากใช้ปัญญาช่วยในการตัดสินแล้ว ย่อมได้ทางเลือกที่ถูกต้องเสมอ...เอาใจช่วยครับ..


    สำหรับเรื่องมีปากเสียงกับแม่นั้น ท่านจขกท. พึงทราบว่าหากท่านโต้แย้งไปด้วยความโกรธ นั้นเป็นบาปแน่นอน แต่หากท่านบอกเล่าเหตุผลที่สมควรให้แม่ทราบ และเหตุผลนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดศีลธรรม ท่านจขกท.ไม่ได้ทำบาปอะไรนะครับ..

    เมื่อท่านจขกท.สำนึกผิดว่าได้ล่วงเกินแม่แล้วกราบขออโหสิกรรมแล้ว ท่านก็ควรยุติความเดือดร้อนใจใดๆลงเสีย...ท่านทำในสิ่งที่ประเสริฐอย่างยิ่งแล้วโดยอาการนั้น .. ส่วนแม่จะรู้สึกอย่างไร หรือจะด่าทอสาปแช่งท่าน..ก็หาได้มีผลอันใดที่ท่านควรจะพึงกังวลไม่..เพราะ..

    บุคคลใดทำความดีอยู่ ..แม้พระพรหม..หรือผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่า จะมาสาปแช่ง... ก็ไม่อาจเปลี่ยนผลของความดีให้กลาย เป็นเลวได้ ..บุคคลนั้นย่อมได้รับแต่ผลที่ดีตามมาเท่านั้น..เพราะกฏแห่งกรรมไม่ได้ขึ้นอยู่ในอำนาจสาปแช่งอะไรของใคร..

    ท่านจขกท. พึงกระทำตัวเหมือนอากาศ คือปล่อยให้เสียงผ่านไปไม่ต้องรับรู้....เมื่อใดแม่โทรมาด่าหรือพูดร้ายๆให้ฟัง ท่านพึงวางโทรศัพท์ไว้ที่ไกลหู ท่านพึงสงบเงียบรอจนแม่พูดจบแล้ว หากแม่ยังพูดต่อ ก็แค่ฟัง ไม่ตอบโต้อะไรๆ ไม่นานแม่จะเบื่อไปเอง .. ท่านพึงตั้งสติให้มั่น บอกตนเองว่า หากแม่ด่ามา ก็คิดว่าแม่ด่าอากาศ อย่าเอาใจเราไปรับ ไม่งั้นจะทำให้โทสะกำเริบ ..ต่อเมื่อแม่พูดธุระอื่นๆจึงตอบไปด้วยอาการปกติ..ทำเช่นนี้เนืองๆในที่สุด แม่อาจแปลกใจว่าทำไมท่านจึงไม่ตอบกลับเหมือนเคย ..ท่านก็เลิกสนุกกับการพยายามเอาชนะด้วยการก่นด่าท่าน เพราะท่านไม่โต้กลับ....คนที่นิยมด่าใครๆนั้น เขาจะชอบใจมากหากคนอื่นโต้ตอบ ..เพราะเหมือนได้ช่องที่จะด่าใครๆได้อย่างเต็มที่...เหมือนไฟได้เชื้อฉะนั้น..


    ท่านจขกท. พึงจัดสรรค์เงินไปตามที่เหมาะสมเถิด ท่านคิดไกลและถูกต้องแล้ว ว่าต้องเก็บไว้ต่อทุน เพราะนี่จะเป็นโอกาสให้ท่านอยู่รอดและเกื่อกูลแม่ได้ในระยะยาว..ท่านจขกท. เป็นคนฉลาด..เพราะคิดไกลเป็น...น่าชื่นชมยิ่งนัก

    ร้องเถิดครับหากน้ำตาจะช่วยลดความเครียดลงได้บ้าง ..แต่อย่าทำความเคยชินกับการมีน้ำตาเป็นเพื่อน..เพราะไม่ช่วยจรรโลงใจ มีแต่เป็นเรื่องตอกย้ำช้ำใจให้หดหู่แต่ถ่ายเดียว...

    .ส่วนการฆ่าตัวตาย เป็นวิสัยของคนเขลาเท่านั้น เพราะการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยากยิ่ง..หากตายลงในขณะจิตเศร้าหมอง ย่อมเข้าถึงอบายภูมิ และที่จะได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก ก็ยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้ .. แม้ทุกข์ในโลกนี้ดูจะหนักหนาสาหัส ก็เทียบไม่ได้แม้ส่วนเสี้ยวของทุกข์ในอบายภูมิ..ขอให้ลบความคิดนี้ออกไปทันที อย่าสั่งสมไว้ให้รกใจเลยครับ..



    นี้คือจิตใจที่วิเศษสวยงามเหลือเกิน ที่ท่านจขกท ควรภูมิใจ..ท่านมีอุปนิสสัยสั่งสมมาในการเป็นผู้รู้คุณคน...เกิดมาเพื่อทำตนให้เป็นที่พึ่งของคนอื่น... มีความเสียสละในใจตลอดเวลา....บุคคลเช่นท่าน หาได้ยากในกาลปัจจุบัน..


    เชื่อว่า..คนจำนวนไม่น้อยที่ได้มาอ่านเรื่องราวของท่าน...ย่อมเห็นประจักษ์ในความจริงที่ว่า..พ่อแม่ที่มีบุญ เท่านั้นจึงสามารถได้ลูกเช่นท่าน.. ผู้มีความคิดแต่จะตอบแทนคุณพ่อแม่จนถึงที่สุดได้ถึงเพียงนี้..พึงทราบคุณค่าที่ดีงามนี้ในตน ด้วยความภาคภูมิใจเถิด..อย่าได้ท้อแท้อีกเลย..ความดีย่อมตามรักษาท่านให้เจริญรุ่งเรืองได้ในไม่ช้า ..เมื่อถึงเวลานั้น อย่าลืมแวะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังบ้างเพื่อเป็นกำลังใจให้คนดีที่กำลังท้อแท้ด้วย..นะครับ
     
  7. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    เลิกเถียงแม่ก่อนแล้วกันครับ
    คืออย่าสวน อย่าค้าน ค่ะๆๆๆ ไปเลย
    ค่ะของเราคือ รับทราบที่ท่านว่ามา จะเห็นด้วยไม่เห็นด้วย ทดไว้ในใจ
    ทำใจไม่ได้ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า
     
  8. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ให้กำลังใจนะคะ

    คุณเป็นคนดีมากๆ แล้ว

    ขอให้พ้นทุกข์พ้นโศกโดยไวนะคะ
     
  9. bank5811

    bank5811 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +236
    แม่ของผมก็มีนิสัยเหมือน จขกท. นะ หาเรื่องทะเลาะแบบไร้สาระ จนบานปลายไปเรื่องอื่นเรื่อยๆ จนด่าว่าเนรคุณ แต่เขาก็ชอบสวดมนต์ ถือศีลที่วัด เข้าวัด ฟังธรรม

    ผมชอบใช้วิธีแบบ เถียงแบบมีเหตุผล ความจริงมันเป็นสิ่งไม่ตาย ถ้ายอมรับไม่ได้แล้วจะปฏิบัติธรรมไปเพื่ออะไร พูดแบบนี้บ่อยๆ จนทุกวันนี้ ผมกับแม่ไม่ค่อยทะเลาะกันละ นานๆที หลีกเลี่ยงบ้างก็ดีถ้าไม่จำเป็น

    เป็นกำลังใจให้คับ จขกท ไม่มีใครไม่เคยทุกข์
     

แชร์หน้านี้

Loading...