กรรมตามทัน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 25 มีนาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องกรรมไว้ว่า... สัตว์ทั้งหลายเกิดมาก็เพราะกรรม เป็นผู้รับมรดกกรรม ดำเนินชีวิตไปตามกรรม สัตว์เหล่าใดทำกรรมใดไว้ดีหรือเลวก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น สุดแต่ว่าจะช้าหรือเร็ว กรรมนั้นทำด้วยเจตนาก็มี ไม่มีเจตนาก็มี ถ้าทำด้วยเจตนาเป็นกรรมเล็กน้อย ผลดีก็น้อย ชั่วก็น้อย ถ้ามีเจตนาในกรรมใหญ่ ผลดีก็ได้รับมาก ผลชั่วก็ได้รับมาก การยอมรับผลกรรมทำให้เกิดปัญญา บางทีกรรมให้ผลเพียงกายแต่ไม่ให้ผลต่อจิต เช่นกรรมของพระอรหันต์ ดังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้

    เมื่อครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ครั้งนั้น มีพระอรหันต์รูปหนึ่ง ท่านมีนามว่า
     
  2. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    ยายผู้นี้มีนัยน์ตาเกือบบอด เมื่อรู้ว่าหมอตาทิพย์สามารถรักษาให้หายได้ ด้วยความดีใจบวกกับความหวัง จึงได้พูดขึ้นว่า...

    หมอจ๋า...ช่วยข้าด้วย ข้าเจ็บป่วยตาสองข้าง
    ตัวข้าร้องครวญคราง ตาฝ้าฟางลงทุกที
    ถ้าท่านรักษาหาย ถึงชีพวายตายเป็นผี
    เป็นทาสบาทธุลี รับใช้ท่านจนวันตาย

    หมอตาทิพย์ได้ฟังเช่นนั้นแล้ว จึงหยอดยาให้แล้วเอาผ้าปิดตาไว้ บอกว่าเพียงสองสามวัน ก็จะหายเป็นปกติ แต่หมอตาทิพย์ได้สั่งไว้ว่า ขอให้ยายผู้นี้พักผ่อนให้มากๆ และถ้ายังไม่ถึงเวลาก็อย่าปิดผ้าที่ตาออก ขอให้ปฏิบัติตามคำสั่งหมออย่างเคร่งครัดและอย่าลืมกินอาหารเผ็ดจัด อย่าก้มลงหยิบของหนัก อย่าร้องไห้ อย่าให้ควันไฟเข้ากระทบตาและอย่ากินของแสลง เช่น หน่อไม้ ข้าวเหนียว และของเปรี้ยว อันเป็นของแสลงสั่งแล้วหมอตาทิพย์ก็ออกไป เมื่อถึงเวลากำหนด ลูกสาวของยายแก้ผ้าผูกตาออก โรคนัยน์ตาก็หายเป็นปกติ ยายผู้นี้เมื่อตาดีเป็นปกติก็นึกถึงคำที่รับปากกะหมอว่าจะต้องไปเป็นหญิงรับใช้ บังเกิดความเห็นแก่ตัวและกลัวว่าต้องทำตามสัญญาจึงคิดโกหกหมอ หลายวันต่อมา หมอตาทิพย์ก็เดินทางมาถึงบ้านยายเฒ่า เมื่อเดินทางมาถึงแล้วจึงถามอาการของยายเฒ่าว่าเป็นอย่างไร แต่ยายเฒ่าก็ทำเล่ห์เพทุบาย ทำเป็นตาบอดตาใส แล้วโกหกหมอว่ายังไม่สามารถมองเห็นได้เลย เมื่อยายเฒ่าบอกเช่นนี้ หมอตาทิพย์ก็ตรวจดูนัยน์ตาของยายเฒ่าแล้วก็รู้ว่านัยน์ตาของแกหายเป็นปกติดีแล้ว แต่ชะรอยยายเฒ่านี้ต้องโกหก หมอตาทิพย์รู้ความจริงเช่นนี้แล้ว จึงลำพึงในใจว่า

    ยายเฒ่านี้เจ้าเล่ห์ ทำโยเยยึกยักย้าย
    ตาเห็นบอกไม่หาย คงเสียดายเงินค่ายา
    ต้องแสร้งแกล้งยายเฒ่า ให้ตาเน่าบอดเถิดหนา
    สมโทษโคตรมุสา หลอกลวงข้าหมอตาทิพย์

    เมื่อหมอตาทิพย์ลำพึงในใจแล้ว จึงได้ปรุงยาชนิดหนึ่งแล้วบอกยายเฒ่าผู้นี้ว่า..."ขอให้ยายหยอดยานี้อีกสักครั้ง เพื่อจะได้รักษาดวงตาของยายให้หายเป็นปกติ หยอดยาแล้วยายจงนอนหลับให้สบาย อีกไม่นาน ดวงตาของยายก็จักหาย"

    คำว่า "จักหาย" นั้นเป็นคำที่บ่งถึงความแค้นใจของหมอที่โกหก

    ยายเฒ่ายอมให้หมอตาทิพย์หยอดยา แล้วหมอก็รีบเดินทางจากไป แต่เมื่อหมอเดินหายลับไปแล้วยาเริ่มออกฤทธิ์ ยายเฒ่าปวดแสบตาเป็นยิ่งนัก น้ำตาไหลพรากๆ และแล้วยานั้นก็ทำลายตาของยายเฒ่า จนตาแหก บอดสนิททั้งสองข้าง ยายเฒ่าได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส และไม่สามารถกลับมาเห็นได้ดังเดิม

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเล่าแล้ว จึงสรุปเรื่องราวว่า หมอตาทิพย์คนนั้นเกิดในชาตินี้เป็นพระจักขุบาล ด้วยกรรมที่มีเจตนาทำให้ยายผู้นั้นตาบอด จึงดลจิตให้สมาทานกัมมัฏฐาน 3 อิริยาบถ จนตาบอด แต่ด้วยบุญอันเป็นอานิสงส์ที่รักษาคนทั้งหลายให้ตาดี จึงได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์สิ้นกิเลส

    กรรมดีและกรรมชั่ว ตัวของตัวนั่นแหละทำ
    มีจิตเป็นตัวนำ ทั้งดึงชักทั้งผลักดัน
    กรรมดีที่ทำไว้ สุขและได้ไปสวรรค์
    กรรมดีที่สร้างสรรค์ ดุจดั่งเงาเฝ้าตามตัว
    ส่วนใจที่ใฝ่ต่ำ สั่งให้ทำแต่กรรมชั่ว
    ภัยพิษมิคิดกลัว จิตหาญกล้าบ้าทำไป
    ผลทรามตามผจญ ต้องร้อนรนดุจไฟไหม้
    มิเว้นว่าเป็นใคร กรรมซ้ำสาปบาปซ้ำเติม
    จงเว้นจากบาปกรรม อย่าล่วงล้ำระห่ำเหิม
    ทำบุญหนุนส่งเสริม เพื่อหลุดพ้นวังวนกรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...