กรรมจำแนกสัตว์ให้ปราณีตและเลวทราม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 15 มกราคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    ในข้อนี้มีเรื่องปรากฏอยู่ในคัมภีร์อรรถกถาของคัมภีร์พระสูตรนี้ ซึ่งในที่นี้จะนำมากล่าวแต่โดยย่อว่า ทำไม คนเราจึงเกิดมาแตกต่างกัน
    กล่าวกันว่า ในสมัยที่พระพุทธเจ้าของเรายังทรงพระชนม์อยู่นั้น ณ เมืองสาวัตถี อันเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล มีพราหมณ์คนหนึ่งร่ำรวยมาก เป็นถึงขั้นเศรษฐีทีเดียว พราหมณ์คนนั้นคือ โตเทยยพราหมณ์ เขามีบุตรชายคนเดียวชื่อ สุภมาณพ พราหมณ์คนนี้มีทรัพย์มหาศาล คือมีถึง ๘๗ โกฏิ ก็นับว่าร่ำรวย เป็นพราหมณ์มหาศาล แต่พราหมณ์คนนี้ไม่เคยทำบุญเลย บ้านอยู่ไม่ไกลจากวัดพระเชตวันนัก เขาไม่เคยใส่บาตรเลยแม้แต่ทัพพีเดียว ไม่เคยยกมือไหว้พระสงฆ์เลย แม้พระพุทธเจ้าเขาก็ไม่นับถือ ดอกไม้สักกำมือหนึ่งก็ไม่เคยถวายพระ เขาเป็นคนประหยัดมาก
    เป็นที่น่าสังเกตว่าคนประหยัดมักจะรวย คือ คนขึ้เหนียวนั้นรายจ่ายไม่ค่อยเอา เอารายรับอย่างเดียว บางคนจึงพูดว่า รายได้ไม่สำคัญ สำคัญที่รายเหลือ คือแม้ได้มากแล้วแต่ถ้าไม่เหลือก็ไม่สำคัญ
    เพราะฉะนั้น โตเทยยพราหมณ์ ได้สอนลูกถึงวิธีที่จะทำให้ร่ำรวย โดยกล่าวไว้ว่า
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=3 width="80%" align=center bgColor=#ffff99 border=0><TBODY><TR><TD>
    อญฺชนานํ ขยํ ทิสฺวา อุปจิกานญฺจ อาจยํ
    </TD></TR><TR><TD>
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]มธูนญฺจ สมาหารํ ปณฺฑิโต ฆรมาวเส.[/FONT]​
    </TD></TR><TR><TD>
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]ซึ่งแปลว่า [/FONT]​
    </TD></TR><TR><TD>
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=BrowalliaUPC, CordiaUPC, AngsanaUPC]"คนฉลาดเห็นความสิ้นไปของยาหยอดตา
    ความก่อขึ้นของตัวปลวกทั้งหลาย และการประมวลมาซึ่งน้ำผึ้งของตัวผึ้งทั้งหลาย แล้วพึงอยู่ครองเรือน"
    [/FONT]
    [/FONT]​
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#00cc99>[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, AngsanaUPC][​IMG] อ่านว่า => อัญ-ชะ-นา-นัง- ขะ-ยัง- ทิสฺ-วา- อุ-ปะ-จิ-กา-นัญ-จะ- อา-จะ-ยัง- [/FONT][FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, AngsanaUPC]มะ-ธู-นัญ-จะ- สะ-มา-หา-รัง- ปัณ-ฑิ-โต- ฆะ-ระ-มา-วะ-เส.[/FONT][/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC] พราหมณ์นี้สอนลูกว่า "ลูกเอ๋ย เจ้าจงดูตัวอย่างยาหยอดตานะลูก ยาหยอดตานี้มันลงทีละหยด ๆ ในที่สุดก็หมดได้ ทรัพย์ของเราก็เหมือนกันจ่ายไปทีละกากนิก ทีละกหาปณะ ในที่สุดก็หมดถ้ามันไม่เพิ่มเข้ามา" แล้วสอนต่อไปว่า "เจ้าจงดูตัวอย่างปลวกซิลูก ปลวกนั้นนำดินมาด้วยปากทีละนิด ๆ ในที่สุดก็มีมากได้ และเจ้าจงดูตัวอย่างผึ้งซิลูก ตัวผึ้งนั้นมันขยัน มันนำน้ำผึ้งมาจากเกษรดอกไม้ทีละนิด ๆ แล้วทำเป็นน้ำผึ้งในรังได้มาก เจ้าจงเอาตัวอย่างผึ้ง"
    การสอนแบบนี้เขาสอนดีมาก โดยทั่วไปคนอินเดียเขาขี้เหนียว สอนกันอย่างนี้ แต่ว่าพราหมณ์นี้ไม่ทำบุญเลย เรื่องทำบุญไม่เอา เขาขี้เหนียว แต่เขาอาจจะทำบุญในศาสนาพราหมณ์ของเขาบ้างก็ได้
    วันหนึ่ง พราหมณ์นั้นป่วยหนักแล้วก็ตายไป เมื่อจะตายนั้นเขาหวงทรัพย์มาก เพราะมีทรัพย์สมบัติมาก เขาบอกลูกชายไม่ทัน มีทรัพย์สมบัติบางส่วนที่ฝังไว้ บอกลูกไม่ทัน คนในสมัยโบราณโดยเฉพาะในอินเดียนั้นโดยมากเขาฝังทรัพย์ไว้ เรียกว่า นิธิ = ขุมทรัพย์ เพราะกลัวโจรปล้นหรือขโมย เมื่อฝังไว้แล้วโจรก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ปล้นในบ้านก็เอาไปไม่ได้ พราหมณ์นี้ก็ฝังทรัพย์เอาไว้แต่ลืมบอกลูก เมื่อใกล้ตาย ด้วยอำนาจความเป็นห่วงทรัพย์ เมื่อตายแล้วจึงไปเกิดเป็นลูกหมาอยู่ในบ้านนั้น
    ลูกหมานั้นโตขึ้นตามลำดับ สุภมาณพเห็นลูกหมาเกิดใหม่เป็นลูกหมาน่ารัก ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเองเกิดเป็นหมา ก็เอามาเลี้ยงไว้ด้วยความรัก คือ คนที่เคยเป็พ่อเป็นลูกกันในชาติก่อนนั้นย่อมเกิดความรักกันได้ง่าย เพราะลูกหมาเป็นสัตว์น่ารักอยู่แล้ว เขาเลี้ยงอย่างพิเศษ คือเลี้ยงลูกหมาตัวนี้อย่างดี ให้กินน้ำนมคลุกน้ำผึ้ง เวลานอนก็ไม่ให้นอนบนที่นอนธรรมดา แต่ยกไปนอนบนที่นอนอันเป็นศิริ ที่ตัวเองนอนทีเดียว ให้คนเลี้ยงดูอย่างดี (แบบคนในปัจจุบันเลี้ยงหมาฝรั่ง) หมดเงินไปเท่าไร สุภมาณพก็ยอม
    วันหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงตรวจดูสัตว์โลกเพื่อจะแสดงธรรม เมื่อทรงตรวจดูไปในตอนใกล้รุ่ง พระญาณของพระองค์ก็แผ่ไป สุภมาณพนี้เข้าไปในข่ายพระญาณของพระองค์ว่า ถ้าพระองค์มายังบ้านสุภมาณพนี้จะเกิดอะไรขึ้น พระองค์ก็ย้อนดูไปว่ามีเรื่องนั้นๆ จะเกิดขึ้น แล้วสุภมาณพนี้จะได้นับถือพระพุทธศาสนา ส่วนพราหมณ์ซึ่งไปเกิดเป็นหมานั้นจะต้องตายไปตกนรกเพราะกรรมของตน
    ปกติพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จไปบินฑบาต จะต้องมีพระอานนท์ตามเสด็จ แต่ในวันนั้นไม่มีพระอานนท์ เสด็จแต่ผู้เดียว ออกไปบิณฑบาตไปประทับยืนอยู่หน้าบ้านของสุภมาณพนั้น วันนั้นสุภมาณพไม่อยู่ออกไปนอกบ้านด้วยธุระบางอย่าง เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับยืนอยู่หน้าบ้านของสุภมาณพนั้นก็ไม่มีใครเขาใส่บาตร เพราะเขาไม่นับถือพุทธศาสนา พระพุทธองค์เสด็จไปประทับยืนอยู่ที่หน้าบ้าน ทรงถือบาตร ก็ไม่ได้ทรงมุ่งหมายว่าจะบิณฑบาต มุ่งแต่แสดงธรรมเท่านั้น
    ในบ้านนั้น ลูกหมานั้นเห็นพระพุทธเจ้ามาประทับยืนอยู่ ก็เห่า แสดงความไม่พอใจที่มีพระมายืนอยู่หน้าบ้าน พระพุทธเจ้าเมื่อทอดพระเนตรเห็นลูกหมานั้นเข้ามา ก็ตรัสว่า "โตเทยยพราหมณ์ เจ้าเมื่อชาติก่อนดูหมิ่นเราจึงเกิดเป็นลูกสุนัข ชาตินี้เจ้ามาดูหมิ่นเราอีก เจ้าตายจากที่นี้แล้วจะไปเกิดในนรก"
    ลูกหมานั้นฟังเสียงพระพุทธเจ้า ฟังเข้าใจ จึงได้วิ่งคอตกเข้าไปในบ้าน แทนที่จะไปนอนที่นอนอันสวยงามของตนที่สุภมาณพผู้เป็นนายจัดให้ แต่กลับไปนอนบนกองขี้เถ้าที่กลางเตาไฟ คนใช้พยายามดึงจับขึ้นไปนอนที่บนเตียงพิเศษที่นายจัดไว้ก็ไม่ยอม ได้ไปนอนที่เดิมนั่นเอง
    พระพุทธเจ้าตรัสแล้วก็เสด็จไปยังวัดพระเชตวัน สุภมาณพกลับมาจากธุระ มาเห็นลูกหมาของตนไปนอนอยู่บนกองขี้เถ้าในเตาไฟก็ดุคนใช้ ไม่พอใจพูดว่า "ทำไม ใครเอาลูกหมาของฉันมาอยู่บนกองขี้เถ้าในเตาไฟนี่ ?"
    [/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]คนไช้บอกว่า "มันมานอนเอง พยายามยกขึ้นมันก็ไม่ไป"
    สุภมาณพ ถามว่า "เพราะเหตุใด ?"
    คนใช้บอกว่า "วันนี้พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับยืนอยู่หน้าบ้าน ลูกหมานี้ไปเห่า พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้น ๆ แล้ว ลูกหมานี้พอฟังเข้า ก็มานอนบนกองขี้เถ้านี้ ยกขึ้นไปเท่าไรก็ไม่กลับไปที่เดิม"
    [/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC] สุภมาณพ พอได้ฟังคนใช้รายงานอย่างนั้นก็โกรธทันที หาว่าพระพุทธเจ้าดูหมิ่นพ่อของตนว่าพ่อของตนเกิดเป็นหมา แท้ที่จริงพ่อของตนนั้น พวกพราหมณ์ทายว่าไปเกิดในพรหมโลกขณะนี้ ไม่ใช่เกิดเป็นหมา พระพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพ่อของตนเกิดเป็นหมา
    สุภมาณพ เมื่อโกรธแล้วก็ไปวัดพระเชตวัน ไปต่อว่าพระพุทธองค์ทีเดียว เมื่อไปถึงก็ยืนไม่ไหว้ ได้ทูลถามว่า "พระองค์ไปที่บ้านของข้าพระองค์ใช่ไหมวันนี้ ?" พระพุทธเจ้าบอกว่า "ใช่"
    สุภมาณพ แล้วพระองค์ทรงทราบได้อย่างไรว่าบิดาของข้าพระองค์ไปเกิดเป็นหมา รู้ได้อย่างไร ? เป็นการดูถูกบิดาของข้าพระองค์ พวกพราหมณ์บอกว่าบิดาของข้าพองค์นี้เกิดในพรหมโลก ไม่ใช่เกิดเป็นหมาอย่างนี้"
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สุภมาณพ ถ้าเธอต้องการจะรู้ มีข้อพิสูจน์จะเอาไหม ?" ทูลตอบว่า "เอา" พระพุทธเจ้าถามว่า "มีทรัพย์สมบัติของบิดาอยู่บ้างไหมที่บิดาของเธอเมื่อใกล้ตายนั้นไม่ได้บอกเอาไว้ ?" สุภมาณพทูลว่า "มี"
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ถ้าเธอต้องการพิสูจน์เรื่องนี้ ทดสอบก็ได้ วันนี้เธอกลับไป จากนี้แล้วให้เอาลูกสุนัขของเธอกินอาหารให้อิ่มด้วยข้าวมธุปายาส มีน้ำน้อย เมื่ออิ่มแล้วให้มันนอนสักครู่หนี่ง พอนอนแล้วจงไปกระซิบที่ใกล้หู ถามว่า นี่ พ่อ ทรัพย์สมบัติที่ฝังไว้นั้น ฝังไว้ที่ไหน ? แล้วสุนัขตัวนี้จะวิ่งไปที่ฝังทรัพย์ แล้วเอาเท้าหน้าตะกายที่ฝังทรัพย์ เจ้าก็จงให้คนขุดลงไปเถิด จะรู้เองว่าจริงหรือไม่จริง"
    สุภมาณพ ได้ฟังดังนั้นก็นึกกระหยิ่มอยู่ในใจว่า "เออ ทีนี้ละถ้าเราพิสูจน์แล้วไม่จริง เราจะโพนทะนาให้ทั่วเมืองเลยว่า สมณะองค์นี้พูดโกหก แต่ถ้าเกิดจริงขึ้นมาเราก็ได้ทรัพย์ ไม่ได้ขาดทุนตรงไหน เพราะฉะนั้นเขารีบกลับไปบ้าน ไปทำตามที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้ คือ ให้ลูกสุนัขของตนกินข้าวมธุปายาสมีน้ำน้อย อิ่มแล้วให้นอน พอนอนแล้วไปกระซิบที่หูถามว่า ทรัพย์ฝังไว้ที่ยังไม่ได้บอกอยู่ที่ไหน สุนัขนั้นพอถูกถามอย่างนั้นก็รู้ทันทีเลยว่า "โอ้ ลูกของเรานี้รู้แล้วว่าเรามาเกิดเป็นสุนัข" ก็หอนขึ้นแล้ววิ่งไปที่ฝังทรัพย์ เอาเท้าหน้าทั้งสองตะกายไปที่ฝังทรัพย์ เพราะการที่ตัวเองมาเกิดเป็นหมานี้เพราะเป็นห่วงทรัพย์นั่นเอง เป็นห่วงอยู่มาก (เป็นที่น่าสังเกตว่าคนที่ตายแล้วเป็นห่วงทรัพย์บางคนเกิดเป็นงู บางคนเกิดเป็นหมาอยู่ในบ้านนั้น บางคนไปเกิดเป็นคนใช้ หรือเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่บุญแต่กรรม ไม่ได้ไปเกิดไกลเพราะเป็นห่วงทรัพย์)
    เมื่อสุนัขไปตะกายที่นั้น สุภมาณพก็ให้คนขุดลงไปตรงนั้น พอขุดลงไป น่าพิศวงแท้ของที่พบนั้นของมีค่าทั้งสิ้น คือ จานทองคำมีค่าหนึ่งแสนกหาปณะ รองเท้าทองคำค่าหนึ่งแสนกหาปณะ พวงมาลัย พวงดอกไม้ทองคำมีค่าหนึ่งแสนกหาปณะ แล้วเงินเหรียญอีกหนึ่งแสนกหาปณะ สุภมาณพพอเห็นเข้าอย่างนั้นก็อุทานในใจทันทีเลย "อื้อฮือ พระพุทธเจ้าทรงทราบได้อย่างไร สิ่งที่ภพชาติปิดไว้ก็ยังทรงทราบได้ ฉะนั้น พระองค์ไม่ใช่พระธรรมดาแน่แล้ว ต้องเป็นผู้ตรัสรู้แน่นอน เพราะสิ่งที่ภพชาติปิดบังไว้ก็ยังทรงทราบได้" ทีนี้ ชักเลื่อมใสแล้ว
    สุภมาณพ จึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับ ทีนี้ยกมือไหว้แล้วทูลถามว่า "ถ้าความดีความชั่วมีจริงอย่างนี้ ทำไมคนเราเกิดมาจึงไม่เหมือนกัน" ปัญหาที่สุภมาณพถามนั้นเป็น ๑๔ ข้อ แต่จัดเป็น ๗ คู่ เขาทูลถามปัญหาเกี่ยวกับกฏแห่งกรรมทั้งสิ้น[/FONT]
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="80%" align=center bgColor=#ffff99 border=0><TBODY><TR><TD width="20%">
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]คู่ที่ ๑ ถามว่า[/FONT]​
    </TD><TD>
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]ทำไมคนบางคนเกิดมาอายุสั้น บางคนอายุยืน ?[/FONT]​
    </TD></TR><TR><TD width="20%">
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]คู่ที่ ๒ ถามว่า[/FONT][/FONT]​
    </TD><TD>
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]ทำไมบางคนมีโรคภัยไข้เจ็บมาก บางคนไม่ค่อยมีโรคภัยไข้เจ็บ ?[/FONT]​
    </TD></TR><TR><TD width="20%">[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]คู่ที่ ๓ ถามว่า[/FONT][/FONT]</TD><TD>[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]ทำไมบางคนรูปไม่สวยผิวพรรณทราม แต่บางคนเกิดมามีรูปสวย ?[/FONT]</TD></TR><TR><TD width="20%">[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]คู่ที่ ๔ ถามว่า[/FONT][/FONT] [/FONT]</TD><TD>[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]ทำไมบางคนมีศักดิ์ต่ำหรือไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ แต่บางคนเกิดมามีศักดิ์สูงคือมียศตำแหน่งสูง ? [/FONT]</TD></TR><TR><TD width="20%">[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]คู่ที่ ๕ ถามว่า[/FONT][/FONT] [/FONT]</TD><TD>[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]ทำไมบางคนยากจน บางคนร่ำรวย ?[/FONT]</TD></TR><TR><TD width="20%">[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]คู่ที่ ๖ ถามว่า[/FONT][/FONT] [/FONT]</TD><TD>[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]ทำไมบางคนเกิดในสกุลต่ำ บางคนเกิดในสกุลสูง ?[/FONT]</TD></TR><TR><TD width="20%">[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC][FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]คู่ที่ ๗ ถามว่า[/FONT][/FONT] [/FONT]</TD><TD>[FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]ทำไมบางคนเกิดมาโง่ บางคนเกิดมาฉลาด ?[/FONT]</TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    [FONT=AngsanaUPC, BrowalliaUPC, CordiaUPC]เป็นปัญหา ๗ คู่ รวม ๑๔ ข้อ[/FONT]​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [FONT=CordiaUPC, AngsanaUPC, BrowalliaUPC]พระพุทธเจ้าก็ตรัสตอบสุภมาณพ โดยทรงขยายความกฏแห่งกรรมไว้ในจูฬกัมมวิภังคสูตรค่อนข้างยาว แต่ในที่นี้ขอกล่าวเพียงโดยย่อ
    คู่ที่ ๑ การที่คนเราเกิดมามีอายุสั้น ก็เพราะเมื่อชาติปางก่อนเป็นคนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่มีศีล ๕ ด้วยอำนาจผลของการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ทำให้เขาไปตกนรกหมกไหม้ เสวยทุกข์อยู่ เมื่อหมดกรรมนั้นก็มาเกิดเป็นมนุษย์ เศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ทำให้เขาอายุสั้น เพราะเขาเคยฆ่าสัตว์
    ส่วนคนที่เกิดมาอายุยืนก็เพราะเมื่อชาติก่อนโน้นเขาเป็นคนมีศีล ๕ มีศีลธรรม เมื่อเขาตายจากมนุษย์โลกก็ไปเกิดที่ดีมีความสุข เช่นไปเกิดในสวรรค์ เมื่อพ้นจากภูมินั้นแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ บุญของเขายังหนุนอยู่ทำให้เขาอายุยืน
    คู่ที่ ๒ การที่บางคนเกิดมามีโรคภัยไข้เจ็บมาก ก็เพราะเมื่อชาติก่อนนั้นเป็นคนชอบเบียดเบียนสัตว์ ทรมานสัตว์ กักขังสัตว์ คือทำร้ายคนอื่น สัตว์อื่นให้เดือดร้อนให้ทรมาน ให้เจ็บให้ป่วย เมื่อเขาตายไปก็ไปตกนรก เมื่อพ้นจากนรกแล้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เศษกรรมนั้นยังมีอยู่ทำให้เขาเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่ค่อยมีความสุข
    ส่วนคนที่เกิดมาไม่ค่อยมีโรคภัยไข้เจ็บ หรือไม่มี ก็เพราะชาติก่อนนั้นเขาเป็นคนมีเมตตาต่อสัตว์ไม่เบียดเบียนสัตว์ เอ็นดูสัตว์ทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลาย มีศีลธรรม มีเมตตากรุณา เมื่อเขาตายจากไปก็ไปเกิดในที่ดีมีความสุข เช่นเกิดในสวรรค์ เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์เขาจึงมีสุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
    คู่ที่ ๓ ถามว่าทำไมบางคนเกิดมารูปไม่สวยพระองค์ตรัสว่า คนบางคนขี้โกรธ มีความโกรธเป็นเจ้าเรือน เมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิดในสถานที่ลำบาก เมื่อกลับจากสถานที่นั้นมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นคนหน้าตาไม่สวยงาม เป็นคนขี้เหร่ เพราะชาติก่อนเป็นคนขี้โกรธ
    ส่วนคนที่เกิดมารูปสวย เพราะชาติก่อนเป็นคนมีเมตตากรุณา ไม่ขี้โกรธ เมื่อเขาไปเกิดในสวรรค์แล้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เขาจึงมีหน้าตาสวยงาม รูปหล่อ รูปสวย เพราะมีเมตตา เป็นคนไม่ขี้โกรธ
    คู่ที่ ๔ ถามว่า ทำไมคนบางคนเกิดมามีวาสนาน้อย ไม่มียศมีตำแหน่งกับเขา เป็นคนต่ำต้อย ก็ตอบว่า เพราะเมื่อชาติก่อนเขาเป็นคนริษยาคนอื่นเขา เมื่อใครเขาได้ดีทนอยู่ไม่ได้ ริษยาเขา เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดมาในชาติปัจจุบันจึงเป็นคนมีศักดิ์ต่ำ ไม่ค่อยมียศ ไม่ค่อยมีตำแหน่ง ถ้ามียศตำแหน่งก็มักจะอยู่ในตำแหน่งต่ำอยู่เสมอ เพราะเป็นคนริษยาเขา
    ส่วนคนที่เกิดมาได้รับตำแหน่งสูง เพราะเมื่อชาติก่อนนั้นไม่ริษยาคนอื่นเขา ใครได้ดีก็พลอยยินดีกับเขา จึงเกิดมาได้ตำแหน่งสูง เพราะไม่ริษยาเขา
    คู่ที่ ๕ ถามว่า ทำไมคนบางคนเกิดมายากจน ก็ตอบว่า เพราะชาติก่อนเขาเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่รู้จักบริจาคทาน จึงเกิดมายากจน ส่วนคนที่เกิดมาร่ำรวย ได้พ่อแม่ร่ำรวย เกิดมาในสกุลที่ร่ำรวย ก็เพราะว่าชาติก่อนนั้นเขาเป็นคนที่บริจาคทาน ยินดีในการบริจาค ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว
    คู่ที่ ๖ ถามว่า ทำไมคนบางคนเกิดในสกุลต่ำ ก็ตอบว่า เพราะชาติก่อนคนประเภทนี้เป็นคนไม่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ เป็นคนแข็งกระด้าง เมื่อตายไปก็ไปเกิดในสถานที่ลำบาก เช่นนรก เป็นต้น เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วจึงเกิดในสกุลต่ำ เช่นในสกุลจัณฑาล หรือเป็นพวกชาวประมง เป็นพวกที่แร้นแค้น ลำบากเดือดร้อน
    ส่วนคนที่เกิดในสกุลสูงนั้นตรงกันข้าม เขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ต่อสมณพราหมณ์ ต่อผู้ประพฤติดี เมื่อตายไปก็ไปเกิดในที่ดี มีสวรรค์ เป็นต้น เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นคนที่เกิดในสกุลสูง เช่น สกุลกษัตริย์ สกุลเศรษฐี หรือสกุลเจ้านาย เป็นต้น
    คู่ที่ ๗ ถามว่า ทำไมคนบางคนจึงเกิดมาโง่ ก็ตอบว่า เพราะเมื่อชาติก่อนนั้นเป็นคนไม่เข้าไปไต่ถามหาความรู้ต่อสมณพราหมณ์ ต่อผู้ประพฤติดี ผู้รู้คุณธรรม จึงเป็นคนโง่ ชาติปัจจุบันจึงเป็นอย่างนั้น
    ส่วนคนที่เกิดมามีปัญญาฉลาด เพราะเข้าไปไต่ถามหาความรู้ต่อสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดี ถามถึงบาปบุญคุณโทษ เป็นต้น เพราะฉะนั้น เขาจึงเกิดมามีปัญญา
    นี้คือปัญหา ๑๔ ข้อ ๗ คู่ ที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบสุภมาณพ สุภมาณพได้ฟังแล้วก็เลื่อมใส ได้ประกาศตัวนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ส่วนสุนัขนั้นเมื่อตายแล้วไปเกิดในนรก
    จากเรื่องนี้จะชี้ให้เห็นว่า คนเราแต่ละคนที่เกิดมาไม่เหมือนกันนี้ เพราะกรรมเป็นตัวบันดาล ไม่ใช่พระเจ้าบันดาล ไม่ใช่อำนาจดวงดาว แต่บางคนบอกว่าเพราะดวงไม่ดี กลับไปเชื่อดวง แท้ที่จริง กรรมที่เราทำไว้เองในอดีตต่างหากมันดลบันดาลมา แล้วเราจะแก้จะแก้กรรมเหล่านี้โดยเฉพาะในด้านไม่ดีได้อย่างไร คำตอบก็คือ
    ทำกรรมดีเข้าไปมากๆ ในที่สุดกรรมที่ไม่ดีทั้งหมดก็จะจางแล้วหายไป แล้วก็สามารถจะพบความสุขได้ในที่สุด
    [/FONT]
     
  2. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    แต่บางคนบุญกรรมที่ทำมา กับกรรมที่ทำในปัจจุบันนั้น แลดูขัดไปคนละทางก็มี จึงเห็นว่าบางทีทำไมรวยจังแต่ทำไมก็เลวจัง เพราะว่าเขาทำแต่บุญให้ทานมาแต่ว่าไม่ได้พยายามเพียรรักษาจิตของตัวเอง เมื่อจิตเรารักษาดีแล้ว จิตที่รักษาดีแล้วย่อมนำสุขทั้งปวงมาให้
     

แชร์หน้านี้

Loading...