กรรมของแม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 21 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    เมื่อปีที่แล้วดิฉันและคณะได้ไปสอนวิปัสสนากรรมฐาน หลักสูตรสำหรับเด็กเล็ก ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง แถวสุขุมวิท มีเด็กๆทั้งชายหญิงตัวเล็กๆ ที่พวกเราจะต้องสอนครั้งนี้ราว 60 คน แต่ละคนก็ซุกซนตามประสาเด็ก พวกเราต้องใช้วิทยายุทธ์ทุกกระบวนท่ามาปราบให้นิ่ง ขณะนั้นดิฉันสังเกตเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 8-9 ขวบ แต่งกายดี สวยงาม ใส่แว่นตาหนาเตอะ ใส่หูฟัง นั่งอยู่บนตักแม่ ดูพวกเรากับเพื่อนๆของแก ดังนั้นด้วยความปรารถนาดี อยากให้แกมาเข้าร่วมด้วย ดิฉันจึงได้ตรงเข้าไปจะจูง มือแกให้เข้ามาเล่นกับเพื่อนๆ แต่คุณแม่รีบปัดมือดิฉันเต็มแรงก่อนที่มือจะถึงลูกสาว

    แรกๆ ดิฉันก็งงต่อปฏิกิริยาอย่างนั้นของแม่เด็ก แต่ก็ไม่ได้พูดไถ่ถามอะไร จนกระทั่งแม่เด็กนึกขึ้นได้จึงเอ่ยปากขอโทษ และเปิดเสื้อของเด็กให้ดูภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ดิฉันถึงกับนิ่งอึ้งพูดไม่ถูก มันเป็นภาพที่ยากแก่การบรรยายจริงๆ นั่นก็คือผิวหนังทั้งตัวของเด็กหญิงคนนี้ ซึ่งทราบ ต่อมาว่าชื่อน้องปูเป้เป็นรอยถลอกสีแดงช้ำ เป็นหย่อมๆ บางตอนผิวหนังก็เลิกเปิดออกมาเห็นผิวใสๆ และเลือดออกมาตามแผล

    คุณแม่เล่าว่าผิวหนังของน้องปูเป้เป็นเรื่องที่น่าหนักใจมาก เพราะมีความเปราะบางมากที่สุด หากถูกผ้าหรือวัตถุอะไรมาเสียด สีผิวหนังก็จะเปิดออกมาทันที น้องปูเป้ก็จะร้องไห้อย่างน่าสงสาร ด้วยความเจ็บปวด นอกจากนั้นหากอากาศหนาวเกินไป หรือร้อนเกินไป ผิวหนังก็จะเปิดออกมาจนได้รับความเจ็บปวดเช่นกัน และไม่เพียงแต่ อากาศจะเป็นผลร้ายเท่านั้น แต่น้องปูเป้ยังแพ้หมดทุกอย่าง ถึงขนาดที่คุณแม่บอกว่าต้องนำตัวน้องปูเป้เข้าไปอยู่มุ้ง เพื่อป้องกันอาการแพ้ และใช้ผ้า(ซึ่งเป็นผ้าพิเศษ)คอยชุบพอกตัวน้องปูเป้ตลอดเวลา ไม่ให้ผ้าแห้ง ถ้าผ้าแห้งปูเป้ก็จะร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดน่าเวทนา เมื่อต้องออกมาเรียนหนังสือหรือออกมาข้างนอก คุณแม่ก็ต้องนำผ้าใส่กระติกมาด้วย พอลูกผิวจะแห้ง ก็ใช้ผ้าชุบโปะตลอด คุณแม่ทำอยู่อย่างนี้ตลอดวันตลอดคืน ไม่ค่อยได้หลับได้นอน จนร่างกายซูบผอม จากการเฝ้าประคบประหงมลูกน้อยที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ นับว่าเธอได้รับความทุกขเวทนาไม่แพ้ลูกเลย ส่วนสามีซึ่งเป็นนายธนาคาร แห่งหนึ่งก็ต้องผลัดกับคุณแม่มาช่วยดูแลลูกด้วย

    นอกจากแผลทางกายแล้ว น้องปูเป้ยังมีอาการ ของโรคประสาทอ่อนๆ มีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียวง่าย หน้าตาแก่เกินอายุไปประมาณ 3-4 ปี แถมยังมีอาการบกพร่องทางการได้ยิน ต้องใช้เครื่องช่วยฟังทั้งสองข้าง อีกทั้งสายตาก็ไม่ดี มีปัญหาต่อการมองเห็น รวมทั้งการพูดด้วย เพราะเวลาที่แกพูดออกมาเสียงจะห้าวและฟังยาก คุณแม่ต้องเป็นล่ามแปลให้ฟัง ทั้งๆที่แกอยากจะคุย อยากจะพูดอย่างเด็กๆทั้งหลาย แต่ก็ไม่สามารถทำได้เหมือนคนอื่นๆ

    คุณแม่เล่าให้ฟังว่าเธอทำงานเป็นผู้จัดการทรัสต์แห่งหนึ่ง แต่งงานกับคุณพ่อซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวมาหลายปี แต่ไม่มีลูก คุณแม่ของสามีและญาติๆต้องการให้มีลูกเสียที เพื่อไว้สืบสกุล ทั้งคู่ก็พยายามทำทุกวิถีทาง จนกระทั่งต่อมาเธอก็แพ้ท้อง และมีอา การแพ้ที่ไม่เหมือนใคร คือตลอดระยะเวลา 9 เดือน จะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ นอนก็ลำบาก จนร่างกายผ่ายผอม และอ่อน เพลียมาก ต้องฉีดยา กินยาบำรุง ให้น้ำเกลือช่วย ฯลฯ ได้รับความทุกขเวทนาอย่างยิ่ง จนกระทั่งเธอคลอดลูกออกมาด้วยการผ่าตัด และแพทย์บอกว่าจะมีลูกได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

    ดังนั้น เมื่อลูกตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เธอจึงจำต้องลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก พยายามประคบ ประหงมดูแลลูกอย่างใกล้ชิดทั้งยามหลับและยาม ตื่น ทั้งนี้ก็เพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อลูกนั่นเอง

    ต่อมาเธอได้พยายามหาเวลามาเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยหวังว่าบุญกุศลที่เกิดจาก การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะช่วยส่งผลให้ความเจ็บป่วยของลูกทุเลาเบาบางลงได้บ้าง และหวังว่าเจ้ากรรมนายเวรคงจะสงสารและอโหสิกรรมให้กับเธอและลูกสาว

    ด้วยผลของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเข้มข้นทำให้เธอเกิดนิมิตเห็นภาพในอดีตว่าเธอเคยเป็นแม่ทัพใหญ่ของพม่าสมัยกรุงศรีอยุธยา ทำทารุณกรรมแก่คนไทยที่ตกเป็นเชลยด้วยกรรมวิธีต่างๆนานา ไม่เพียงแต่เท่านั้นยังตัดเศียรพระพุทธรูปในพระอุโบสถ และลอกเอาทองไป

    ส่วนในชาติปัจจุบันนี้ เธอเล่าว่าช่วงที่ตอนท้องแก่ มีอยู่วันหนึ่งเธอไปนั่งดูปลาที่บ่อเลี้ยงปลาที่บ้าน พอเห็นปลาบู่เผือกที่เลี้ยงเอาไว้ ก็เกิดนึกอยากรับประทานขึ้นมา ทั้งๆที่ตลอดเวลาตั้งท้องที่ผ่านมาเธอกินอะไรแทบไม่ค่อยได้เลย เธอจึงให้คนใช้ไปจับ แล้วขอดเกล็ดทั้งเป็นๆ ปลาก็ดิ้นทุรนทุราย จากนั้นก็เอาไม้แหลมๆแทงปลาตั้งแต่ปากปลา จนถึงหางย่างรับประทาน (เคยมีคนพูดกันว่าปลาบู่เป็นปลาของพระพุทธเจ้า และเป็นปลาบู่เผือกที่หายากจึงไม่มีใครกล้ารับประทาน)

    บัดนี้ เธอได้รับรู้ถึงผลกรรมที่เธอได้ทำไว้ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบัน ซึ่งถ่ายทอดมาทางสายเลือดของเธอ ได้แก่ลูกอันเป็นที่รักดั่งดวงใจ จึงเสมือนหนึ่งว่าเธอได้รับผลกรรมนั้นเอง เพราะเมื่อลูกเจ็บ เธอก็เจ็บ ยามลูกปวดรวดร้าวแสนสาหัส เธอก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากลูกเลย

    ผลกรรมที่ได้รับนี้ เธอรู้แล้วว่าบาปบุญคุณ โทษมีจริง กรรมมีจริง ทำให้เธอตั้งใจว่าจะพยายามทำแต่ความดีตลอดไป

    .........................................
    คัดลอกจาก
    http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9480000100384
     
  2. countdown

    countdown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +3,165
    อยากมั่งละลึกชาติได้งับ อนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...