กรรมของพระพุทธเจ้าสมณโคดม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NUI, 17 กรกฎาคม 2005.

  1. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    กรรมของพระพุทธเจ้าสมณโคดม
    พระพุทธเจ้าของเราทรงเผยพระประวัติกรรมและผลของกรรมของพระองค์ กับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ขณะประทับเหนือพระศิลาอันน่ารื่นรมย์ใกล้สระอโนดาด

    ทรงกล่าวว่าครั้งหนึ่ง เห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูปหนึ่งจึงได้ถวายผ้าท่อนเก่า โดยตั้งปารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จในความเป็นพระพุทธเจ้า

    ครั้งหนึ่งเคยเป็นนายโคบาล ต้อนแม่โคไปสู่ที่หากิน เห็นแม่โคดื่มน้ำขุ่นจึงห้ามไว้ ด้วยผลแห่งกรรมนั้นในภพสุดท้ายนี้ พระองค์กระหายน้ำ จึงไม่ได้ดื่มตามต้องการ เพราะเคยให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย พระอานนท์ไปแล้วไม่ตักมาบอกว่าน้ำขุ่น ต้องตรัสย้ำให้ไปตักใหม่เป็นครั้งที่สอง จึงได้น้ำใสกลับมาเพราะน้ำขุ่นนั้นกลับใส

    ชาติหนึ่งเคยเป็นนักเลงชื่อปุนาลี ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้า พระนามว่าสุรภิผู้มิได้ประทุษร้าย ด้วยผลแห่งกรรมนั้นต้องไปท่องนรกสิ้นกาลนาน เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปี ด้วยกรรมที่เหลือในภพสุดท้ายก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา ซึ่งเป็นนักบวชหญิงถูกพวกเดียรถีย์ใช้ให้ทำเป็นไปค้างคืนกับพระสมณโคดม ให้ใครต่อใครหลงผิดทั้งที่นางค้างที่อื่น แต่รุ่งเช้าก็ทำท่าโผเผมาจากเชตวนาราม อีกสองสามวันที่มีคนโจษจันกัน พวกเดียรถีย์ก็จ้างนักเลงไปฆ่านาง ป้ายความผิดว่านางถูกฆ่าปิดปาก คนสงสัยว่าอาจจะจริง ร้อนถึงพระราชาส่งราชบุรุษไปสืบดูตามร้านสุรา ก็จับนักเลงที่ฆ่ากับเดียรถีย์ที่จ้างฆ่ามาลงโทษทั้งหมด

    อีกชาติหนึ่งเป็นพราหมณ์ผู้มีความรู้ มีผู้เคารพสักการะ สอนมนต์แก่มานพ 500 ได้ใส่ความภีมฤษีผู้มีอภิญญา มีฤทธิ์มาก หาว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม มานพทั้งหลายก็พลอยชื่นชม เมื่อไปภิกขาจารในสกุลก็เที่ยวกล่าวแก่มหาชนว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม ผลของกรรมนั้นภิกษุ500 เหล่านี้ทั้งหมดก็พลอยถูกใส่ความด้วย เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกาทีถูกนักเลงฆ่าป้ายความผิดให้พระพุทธองค์ ภิกษุทั้งหลายที่อยู่ในเชตวนาราม พลอยถูกหาว่าร่วมกันฆ่าปิดปากนางสุนทริกา และถูกด่าว่า กระทั่งพระราชาจับนักเลงและเดียรถีย์ที่ร่วมกันฆ่านาง จึงสงบ

    อีกชาติหนึ่งไปกล่าวใส่ความพระสาวกของพระสัพพาภิภูพุทธเจ้า มีนามว่านันทะ จึงต้องท่องไปในนรกหลายหมื่นปี เมื่อเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ถูกใส่ความมาก และด้วยกรรมที่เหลือ ชาติสุดท้ายนี้จึงถูกนาง
    จิณจมาณวิกา ใส่ความว่าพระองค์ทำให้นางตั้งครรภ์

    ชาติหนึ่งเคยฆ่าน้องชายต่างมารดาเพราะเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงในซอกเขา เอาหินทุ่ม ด้วยผลแห่งกรรมนั้นจึงถูกพระเทวทัตเอาหินทุ่มที่เขาคิชกูฏ จนสะเก็ดหินกระเด็นถูกหัวแม่เท้า ห้อพระโลหิตในชาติสุดท้าย

    อีกชาติหนึ่งเป็นเด็กเล่นอยู่ในทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเผาสิ่งต่างๆขวางทางไว้ ผลกรรมนั้น ในภพสุดท้ายจึงถูกพระเทวทัตส่งคนตามล่า

    ชาติหนึ่งเป็นนายควาญช้าง ไสช้างไล่กวดพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เที่ยวไปเพื่อบิณฑบาต ผลแห่งกรรมนั้น ชาติสุดท้ายถูกช้างนาฬาคิรีดุร้ายเมามัน วิ่งเข้ามาเพื่อทำร้ายในนครอันประเสริฐมีภูเขาเป็นคอกคือกรุงราชคฤห์ ซึ่งมีภูเขาห้าลูกแวดล้อม

    อีกชาติหนึ่งเป็นพระราชา เป็นหัวหน้าทหารเดินเท้า ฆ่าบุรุษหลายคนด้วยหอก ผลแห่งกรรมนั้น
    ต้องหมกไหม้อย่างหนักในนรก ด้วยผลที่เหลือแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้าย สะเก็ดแผลที่เท้ากลับกำเริบ กรรมยังไม่หมด

    ชาติหนึ่งเคยเป็นเด็กชาวประมง ในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลาก็มีความชื่นชม ด้วยผลของกรรมนั้นจึงเกิดเจ็บที่ศรีษะ ในขณะที่วิทูฑภะฆ่าพวกศากยะในกรุงกบิลพัสด์

    อีกชาติหนึ่งเคยเป็นบริภาษพระสาวกในพระธรรมวินัยของพระผุสสพุทธเจ้า ว่าท่านจงเคี้ยว จงกินข้าวเหนียวเถิด อย่ากินข้าวสาลีเลย ผลแห่งกรรมนั้นในชาติสุดท้ายนี้ ต้องบริโภคข้าวเหนียวอยู่สามเดือน เมื่อพราหมณ์นิมนต์ไปอยู่เมืองเนรัญชา แล้วลืมถวายอาหาร ได้อาศัยพ่อค้ามาถวายข้าวเหนียวแดงที่มีไว้ให้ม้ากิน

    ชาติหนึ่งสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้า เคยทำร้ายบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยผลแห่งกรรมนั้นจึงเจ็บที่หลังเรื่อย

    ชาติหนึ่งเคยเป็นหมอ แกล้งให้ยาถ่ายแก่บุตรเศรษฐี เป็นยาถ่ายอย่างแรง ถึงแก่ชีวิต ผลแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้ายนี้ จึงเป็นโรคปักขันทิกะลงพระโลหิต

    อีกชาติหนึ่งได้ชื่อว่าโชติปาละ เคยกล่าวกับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า การตรัสรู้เป็นของได้โดยยาก ท่านจะได้จากควงไม้โพธิ์ที่ไหนกัน ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้ายนี้ต้องบำเพ็ญ
    ทุกกรกริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลาถึงหกปี ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้
     
  2. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    ช่องทางที่ใช้ก่อกรรมได้แก่ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กรรมที่สร้างทาง กาย วาจา ใจ บางทีเราก็ค่อนข้างมองข้ามกรรมทางมโนกรรมไป เช่นชอบตำหนิ มองคนอื่นในแง่ลบ ในแง่ร้าย นินทาในใจ อิจฉาริษยา ใส่ร้ายป้ายสีในใจ มีอคติ เข้าใจผู้อื่นผิด เป็นต้น แม้ว่าจะคิดอยู่ในใจเพียงลำพังก็ตาม ไม่ได้ไปทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ไม่ได้ทำให้ผู้อื่นรู้เห็นเพราะมันอยู่ในใจ ไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดชักดิ้นชักงอต่อหน้าต่อตาก็ตาม แต่นั่นก็เป็นการสร้างกรรมทางใจ เป็นตราบาปเก็บไว้ในใจของเราเอง

    สิ่งเหล่านี้เราอาจคิดว่าไม่ได้เป็นกรรมอะไรมากมายนักหนาคงไม่มีผลอะไร เพราะเพียงแค่คิดไม่ได้ลงมือกระทำ หรือบางคนอาจคิดว่าไม่เป็นกรรมด้วยซ้ำไป เพราะเข้าใจว่ากรรมนั้นจะต้องกระทำด้วยกายหรือวาจา ส่วนกรรมทางใจนั้นมีผลน้อย แต่จริงๆแล้วกรรมทางใจนั้น มีผลร้ายแรงไม่แพ้กรรมทางกายกับทางวาจาเลยทีเดียว โดยเฉพาะถ้าได้ทำกับผู้ที่มีศีลสูง ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อย่างพระภิกษุสงฆ์ เป็นต้น และผู้มีพระคุณเช่น พ่อแม่ เป็นต้น และเพียงแค่เราเห็นผิดไป เช่น ไปเห็นชอบเข้าข้างคนทำผิด ชื่นชมยินดีกับคนกระทำผิด เป็นต้น ก็ทำให้เรามีส่วนที่จะต้องรับผลของกรรมนั้นไปด้วย ความที่เราไม่รู้เท่าทันการก่อกรรมทางใจนี้จึงมีผลทำให้เกิดวิบากกรรมกับเรา

    แต่เมื่อเราได้มีโอกาสรับรู้เช่นนี้แล้ว เราควรต้องระมัดระวัง กาย วาจา ใจ ของเราอย่างมีสติ
    การฝึกสติจึงมีผลช่วยในเรื่องการมีสติในการระงับยับยั้งการก่อกรรมไม่ดีทาง กาย วาจา ใจ นี้มากทีเดียว
     
  3. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    505
    ค่าพลัง:
    +433
    อืมมม....เรื่องกรรมนี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริง ๆ (b-2love)
     
  4. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    บางครั้งมา..ก็พูดไม่ชัด.. บางครั้งมา..ก็พูดติดอ่าง.. ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วหรือ?

    ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่บ่อยเหมือนกัน..แต่ไม่ยักกะเจอคุณเลย ไปหลบอยู่ที่ไหน? สงสัยจะเมารักอยู่ ( มีหัวใจวิ่งรอบหัวเลย )
    ดีใจนะ..ที่มีมิตรธรรมอย่างคุณอิสระเข้ามาอ่านธรรมะ และมาคุยด้วย ขอให้เจริญในธรรมนะคะ...
     
  5. :-)

    :-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +151
  6. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    คุณอิสระ คะ, คุณ:) คะ
    ได้คัดหาบทความธรรมะที่น่าสนใจมาให้อ่าน ติดตามดูได้ในห้องอภิญญาและห้องพระพุทธศาสนาด้วยนะคะ
     
  7. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    505
    ค่าพลัง:
    +433
    อาการดีขึ้นแล้วล่ะครับ (rose) เผอิญเชียงใหม่เป็นเมืองสวยงาม ไอ่ครั้นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างผมจะไปเพ่นพานนอกบ้านบ่อย ๆ ชาวเมืองเค้าก้อบอกว่าออกมาทำลายทัศนียภาพของเมือง เลยต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่กับบ้าน (b-cry)
    ติดตามอ่านของคุณ NUI เกือบทุกกระทู้ครับ (b-love2u) ขอให้เจร์ญในธรรมเช่นกัน
    ป.ล. ผมชื่อว่า อิศรา ครับผม (^)
     
  8. eakachaiii

    eakachaiii สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +22
    3 ทาง กาย วาจา ใจ
     
  9. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    ..................................ผ๋มก่อยู่เจียงใหม่ เหมื๋อนกั๋นนะคั๋บ..............
    ......................................(ผมก็อยู่เชียงใหม่ เหมือนกันนะครับ)...............


    ยิ๊นดี ตี้ได้ปปกั๋บคนบ้านเดียวกั๋น......(ยินดีที่ได้พบกับคนบ้านเดียวกัน)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    505
    ค่าพลัง:
    +433
    โอ้...คนร่วมเมือง ยินดีเช่นกันครับ (b-flower)
     
  11. Golf_Kung

    Golf_Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +146
    หุหุ ผมก็คนเชียงใหม่อ่า อยู่ในเมือง ขอเสริมนิดหนึ่งละกาน ผมเคยสนทนาธรรมกับพระรูปหนึ่ง ท่านกล่าวว่า การสมน้ำหน้า หรือการยินดีในความชั่วนั้น มันก็เหมือนกะการโมทนาบาป คือยินดีกับความชั่วเหล่านั้น แล้วมันก็จะมาสู่เราทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้กระทำ เช่นเดียวกะการโมทนาบุญ บุญที่เราได้รับก็จะเท่ากับบุญที่คนที่เราโมทนาทำ แต่จะได้เต็มหรือไม่ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์และจิตของเรา(การรักษาศีล) เหมือนกะเครื่องวิทยุที่เชื่อมสัญญาณกัน บางครั้งก็ชัด บางครั้งก็มีเสียงซ่า ๆ บ้าง(อันนี้แต่งเอาเอง เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น) สรุป เอาง่าย ๆ น่ะครับ ในเมื่อการโมทนาบุญก็ได้ซึ่งบุญ แล้วใยการโมทนาบาปจะไม่ได้ซึ่งบาป ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำก็ตามเหอะ เช่นคำว่า สมน้ำหน้า สมควรละ ฯลฯ ประมาณนี้
     
  12. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    ..................................สมาชิกจาวเหนือ เพิ่มแห๋มคนแล๊ว..........................
    ( สมาชิกชาวเหนือ เพิ่มอีกคนแล้ว )
     
  13. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    ที่คุณeakachaiii ว่ามีสามทาง คือ กาย วาจา ใจ นั่นแหละเป็นช่องทางก่อกรรมของมนุษย์เราเลย ทางกายนั้น เราๆก็ระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่ที่พลาดไปขาดความระมัดระวังขาดสติการยับยั้งง่ายสุด ก็คงหนีไม่พ้นทางวาจา ทางใจ โดยเฉพาะทางใจ นั่นแหละ เป็นอะไรที่พลาดง่ายมากที่สุดเลย สมมติแค่เรามองเห็นกริยาของพระเณรบางรูปท่านดูไม่ค่อยสำรวม เราคิดตำหนิในใจ ก็เกิดเป็นกรรมกับเราแล้ว เมื่อก่อนเป็นบ่อยเพราะเห็นบ่อย เดี๋ยวนี้จึงต้องระมัดระวังและสำรวมขึ้นมาก มองโลกในแง่ดีขึ้นปรับเปลี่ยนความคิดใหม่หลายประการ เพราะกลัววิบากกรรม

    ขอบคุณ คุณ Golf Kung ค่ะที่มาอธิบายกรรมทางใจให้กระจ่างขึ้น

    คุณโอมพุทโธกิเตศวร ฝึกโยคะหรือพลังจักรวาลค่ะ ถึงนำภาพจักรนี้มาให้ชม เป็นภาพจักรในมนุษย์ที่สวยงามภาพหนึ่งเชียว
    ดีใจกับคุณโอมพุทโธกิเตศวรด้วยนะค่ะ ที่ได้เจอะเจอมิตรธรรมเป็นคนจาวเจียงใหม่ด้วยกันนะจ้าว ถ้าเขียนไม่ถูกก็ต้องขอโทษด้วยนะจ้าว เพราะไม่ใช่คนชาวเหนือ แต่ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่บ่อย ตอนซื้อของแม่ค้าบอกซาวบาท ฟังครั้งแรกงง..ค่ะ เค้าคงเห็นหน้าตาละม้ายคล้ายคนเหนือมั๊ง เขาเลยส่งภาษาเหนือด้วย สรุปได้ว่ายี่สิบบาทล่ะจ้าว
     

แชร์หน้านี้

Loading...