[IMG] หมาบ้าง ควายบ้าง แต่ เขาพึ่งพิงกันได้ไม่เห็นต้องแบ่งพวกเลย [IMG] ความเสียใจกับนํ้าตา คือสิ่งคู่กัน เมื่อมันไหลออกมาเสียบ้าง จะได้เบาบางลง [IMG] ขอแค่ความอบอุ่นบ้าง บางเวลา นํ้าใจ อย่าให้ขาดหาย [IMG] บั้นปลายไม่ต้องรวยล้นฟ้า แต่ อยากเห็นทุกคนเหมือนภาพนี้
ทั้งความสุข และความทุกข์ ทั้งหลาย ก็คืออารมณ์จร ที่มากระทบ เรา ชั่วครั้ง ชั่วคราว แล้วมันก็จากไป เราจะหลงยีดมั่น ถือมั่น กับมัน เพื่อประโยชน์อะไร ทุกข์วันนี้ เราอยู่กับทุกข์ จนชินชา จนไม่สามารถ แยกแยะได้ว่า อันใหน คือทุกข์ ทุกข์คืออะไร เราคิดว่าเราพร้อมหรือยัง ที่จะมาค้นหามัน
ดัง คำตรัสสอนของ สมเด็จพระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธองค์ ที่ว่า.. "..ผู้ใด เห็นทุกข์ ผู้นั้น เห็นธรรมะ.. ผู้ใดเห็นธรรมะ ผู้นั้น เห็นตถาคต.." ดังนี้ แล.
บีบคั้นให้กำลังใจ เพียรต่อสู้ (กรรมดีรวมตัว สนองผล) เพื่อการปลอยวาง ในทุกข์ เบื่อทุกข์ เบื่อร่างกาย เบื่อเกิด เบื่อตาย เป็นสังขารุเบกขาญาณ.. ช่างมัน มีความรักพระนิพพานเป็นอารมณ์
สรุปคือ.. ณ เบื้องปลาย ก่อนที่จะสามารถตัดกิเลส เป็นสมุทเฉทปหาน ได้เข้าซึ่งพระนิพพาน กรรมเลวนานา(ของเราที่เคยก่อไว้ในอดีต) จะส่งผล ก่อให้เกิด เป็น ความทุกข์
กรรมเลว จะส่งผลให้เป็นทุกข์ทั้งทางกาย และจิตใจ (จริงๆ แล้ว ก็ใจอย่างเดียว) กรรมดี ที่สะสมเรื่อย ๆ จนเตี่ยมเปี่ยม ก็จะสามารถ มองเห็น ในความทุกข์ สามารถ เข้าถึง เข้าใจ ปล่อยวางได้ ในความทุกข์ (เมื่อถึงซึ่งปรมัตถบารมี) นำปัญญาที่มี พิจารณา ความทุกข์.. สามารถสานสร้างให้ ทุกข์ เป็นความสุขใจได้
การที่เราได้พบทั้งความสุข และความทุกข์ในชีวิต (ในปัจจุบัน) อันนี้ เป็นเพียง เศษ ๆ ของกรรมดี และกรรมเลว เท่านั้นเอง
กรรมเลวหนัก ๆ ก็ใช้หนี้ ในแดนอบายภูมิ.. กรรมดี ก็เสวยผลที่ สุขคติภูมิ อันเป็นไป ตามกฏแห่งกรรม ตามหลักพระธรรม คำตรัสสอน ของพระพุทธองค์