ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    มุมมองของธรรมชาติ เป็นมุมมองที่สอนให้เราเข้าใจธรรมชาติที่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่ตามสิ่งที่มันเป็น ไม่ได้สอนให้ไปเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้เป็นอย่างที่เราต้องการสิ่งที่เราต้องการ
    </O:p
    ทฤษฎีแห่งความสัมพันธ์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  2. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ธรรมชาติมีเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีการแบ่งแยก มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ตามกลไกที่มาปรุงแต่ง ดังนั้น การที่เรามองเห็นของสองสิ่งไม่เท่ากันนั้น ก็มีผลให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่าง ของสองสิ่งเสมอ จึงมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงเกิดขึ้นเสมอ มีการเปรียบเทียบเรื่อยไป คืออันนี้ดีกว่าอันนี้ อันนี้สวยกว่าอันนี้ อันนี้แย่กว่าอันนี้ อยู่ร่ำไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ธรรมะก็สอนว่าอย่าไปเปรียบเทียบว่า เราดีกว่าเขา เขาดีกว่าเรา หรือเราเสมอเขา

    เพราะจะเกิดการนำไปเปรียบเทียบระหว่างของสองสิ่งนั่นเอง เมื่อเขาดีกว่าเราก็ไม่พอใจ เมื่อเราดีกว่า เราก็เกิดความหยิ่งยโสโอหัง หรือถ้าเรากับเขาใกล้เคียงกัน หรือเสมอกัน เราก็จะอยากมีให้มากกว่าให้ดีกว่าอยู่นั่นเอง

    ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันไม่มีการเปรียบเทียบหรอก ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล ตามเหตุปัจจัยของเขาเท่านั้นเอง มันจึงไม่มีคนรวย ไม่มีคนจน ไม่มีคนพอมีพอกินเกิดขึ้นจริง ๆ แต่มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละคนที่ผลักดันไปตามกลไกนั่นเอง

    ธรรมชาติก็เช่นกัน ต้นดาวเรืองกับต้นหญ้า มันก็เป็นธรรมชาติเหมือนกัน ต้นมะม่วงกับต้นประดู่ก็เป็นธรรมชาติเหมือนกัน ชาวสวนชอบต้นมะม่วง นักอนุรักษ์ชอบต้นประดู่ นักท่องเที่ยวชอบดอกไม้สวยงาม แล้วแต่ใครชอบสิ่งไหน ในภูเขาทั้งลูก มีต้นไม้เต็มไปหมด ต้นสัก ต้นยาง ต้นเต็ง ต้นรัง ต้นมะม่วง พุทรา ต้นไม้ใบหญ้ามากมาย ทุกต้นก็ขึ้นอยู่กันเองตามธรรมชาติ แต่ผู้ที่เข้าไปในป่านั้นต่างหาก ที่ต้องกระทบกระทั่งกับภาวะอารมณ์ของตนเอง ถ้านักท่องเที่ยวเดินเข้าไปในป่า เห็นดอกกล้วยไม้ก็ชอบใจ เห็นต้นหนามก็ไม่พอใจ นักอนุรักษ์ไปเห็นต้นสักก็พอใจ คนหาหน่อไม้เห็นต้นกอไผ่ก็พอใจเพราะเก็บหน่อไม้ได้ มันจึงอยู่ที่เหตุปัจจัยแต่ละคน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เด็กดูหนังการ์ตูนก็พอใจ แม่บ้านดูรายการอาหารก็พอใจ พ่อบ้านดูข่าวการเมืองก็พอใจ ในบ้านหลังเดียวกันยังมีความพอใจไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเหตุปัจจัยของแต่ละบุคคล ไม่มีใครผิดใครถูก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ถ้าเราเห็นทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียว เป็นธรรมชาติ ก็จะไม่มีการแบ่งแยก จะเห็นว่ามันเป็นของมันอย่างนั้นเอง ไปเที่ยวป่าหน้าฝนก็ต้องมีต้นไม้สีเขียวชุ่มชื่น เข้าป่าหน้าแล้งก็ต้องเห็นต้นไม้ยืนแห้งสีน้ำตาลเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไปครั้งแรกสวย ครั้งหลังแห้งแล้ง รู้สึกผิดหวัง เบื่อหน่าย ก็ต้องเห็นอารมณ์เบื่อหน่ายเป็นธรรมดาของการปรุงแต่งตามความคิดนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น ถ้าเราสามารถมองเห็นความเป็นเช่นนั้นเองของธรรมชาติในสังคมยุคปัจจุบันได้ ก็จะทำให้สิ่งที่จะมากระทบอารมณ์ปรุงแต่งน้อยลง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดอกกุหลาบสีแดง กับสีชมพูก็เหมือนกันตามธรรมชาติ แต่ความรู้สึกเราชอบสีชมพู ดังนั้นเมื่อหาซื้อสีขมพูไม่ได้ มีแต่สีแดง ก็ไม่ชอบใจ หงุดหงิดใจ เพราะมีอุปาทานกับสีชมพูมากกว่า แต่ความจริงกุหลาบก็คือกุหลาบ จะสีอะไรมันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นเอง ตัวดอกกุหลาบเองสักแต่ว่าขึ้นมาตามเหตุปัจจัย มันไม่เคยสุขทุกข์ แต่คนไปอุปาทานกับมันต่างหากที่สุขได้ ทุกข์ได้ ถ้าเห็นว่ามันก็เป็นของมันอย่างนั้นแหละ ก็จะเห็นความเป็นธรรมชาติมากขึ้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เรามีโอกาสจะสุข ทุกข์กับสิ่งรอบข้างได้ตลอดเวลา รถมาช้าก็หงุดหงิด คนแน่นก็หงุดหงิด แดดร้อนก็หงุดหงิด ไปกินข้าวคนเยอะก็หงุดหงิด ถ้าเราเข้าใจว่า อ๋อ มันเลิกงานคนก็เยอะอย่างนี้แหละ ถนนสายนี้มันเล็กก็ติดอย่างนี้แหละ แดดออกมันก็ต้องร้อนอย่างนี้แหละ อย่างนี้เป็นต้น อย่าไปคิดว่ามีสองสิ่ง คือรถน่าจะติดน้อยกว่านี้ คนน่าจะน้อยกว่านี้ แดดน่าจะอ่อนกว่านี้ ความจริงมันก็เป็นของมันอย่างนี้ตามเหตุปัจจัย วันหยุดรถก็ไม่ติด คนบนรถก็ไม่แน่น เพราะเหตุปัจจัยมันเป็นวันหยุดที่ไม่มีคนอยากออกจากบ้านนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ก็เป็นมุมมองของธรรมชาติอีกมุมมองหนึ่ง ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่มีการแบ่งแยกออกเป็นสอง เป็นสาม เพียงแต่มีสิ่งอื่นมาปรุงแต่ง จึงแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยเท่านั้นเอง <O:p</O:p
    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  3. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    คุณ ufo no.356 หรือธนิตศักดิ์ ได้โทรจากประเทศอิตาลีมาคุยกับพี่สุดใจ เมื่อคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา พอดีพี่สุดใจติดงานอยู่เลยไม่ได้เข้ามาโพสต์ให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบกันก็สนทนากันนานพอสมควร เพราะมีหลายเรื่องที่จะสอบถาม จึงอธิบายให้ฟัง หลังจากที่คุณธนิตศักดิ์เริ่มพบเจอพลังงานรูปแบบแปลก ๆ และประสบมาด้วยตัวเองในช่วงนี้ และบอกว่าปวดศีรษะมา 2 วันแล้ว เลยโทรหาพี่สุดใจเพื่อปรึกษาด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คุณ ufo no.356 เล่าว่า ในระยะนี้ มีพลังงานบางอย่างส่งเข้ามาที่แกนสมอง ทำให้รู้สึกว่ามีพลังงานในตัวเองเพิ่มขึ้นมาก และเริ่มที่จะมองเห็นบางสิ่งบางอย่างชัดเจนขึ้น และมีข้อมูลว่า จะต้องรวบรวมกลุ่มผู้ที่มีพลังงานคล้ายกันมารวมกันเพื่อฝึกพลังงานเหล่านั้นเพิ่มเติม และนำมาใช้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งคุณธนิตศักดิ์จะเดินทางกลับประเทศไทยในเดือน ตุลาคม 2551 นี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    และได้เล่าว่า ในช่วงนี้นอนหลับอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมานั่งสมาธิ ลุกขึ้นมานั่งทบทวน บทฝึกด้านพลังต่าง ๆ ที่ได้ไปเรียนมายังกลุ่มต่าง ๆ ทั้งหมด เช่นด้านพลังจักรวาล ที่ไปเรียนในระดับ 4 มาแล้ว ต้องมานั่งทบทวน ทั้ง ๆ ที่ได้วางไปแล้ว ไม่อยากได้อีกแล้ว และ ด้านพลังอื่น ๆ ที่ได้เคยไปเรียนรู้มา ก็ต้องเอากลับมาทบทวนอีกครั้ง และรู้สึกว่าได้มีการเพิ่มเติมพลังงานด้านนั้น ๆ ให้อีก จึงรู้สึกว่าช่วงนี้จะรู้เห็นเรื่องอื่น ๆ มากขึ้นเป็นลำดับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อย่างเช่น เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ จะสัมผัสได้ว่าใครเป็นอย่างไร ใครคิดอย่างไร ใครเป็นคนที่ระบบวางไว้บ้าง จะมองเห็นผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งคุณธนิตศักดิ์ก็แปลกใจว่ารู้เห็นได้อย่างไร แต่มันก็เป็นอย่างนั้นแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    น่าเสียดายที่ufo no.356 ไม่สามารถพิมพ์ภาษาไทยได้ จึงไม่ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นก็จะมีข้อมูลมาเล่าให้เพื่อน ๆ ได้ฟังมากกว่านี้ พี่สุดใจก็เล่าได้คร่าว ๆ เท่าที่ตัวเองจะจำได้ค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อ้อ ... ก่อนวางสาย คุณ ufo no.356 บอกว่าปวดศีรษะมา 2 วันแล้ว เลยโทรมาหาพี่สุดใจเพื่อสอบถามวิธีปรับคลื่นที่ได้รับมาใหม่ให้สมดุลย์ แต่หลังจากคุยเสร็จก่อนวางสาย คุณ ufo no.356 ก็บอกว่า ผมหายปวดหัวแล้วเป็นปลิดทิ้งเลย สงสัยจะให้ผมโทรหาพี่นี่เอง.. <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ค่ะ ... ก็ขอบคุณนะคะ ที่แจ้งข่าวให้ทราบ กลับมาเมืองไทยแล้ว แจ้งข่าวให้พี่สุดใจทราบด้วยนะคะ จะแวะไปทักทายค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  4. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    <TABLE class=tborder id=post966393 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 08-02-2008, 01:52 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1166 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>หนุ่ม นว.<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_966393", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 08-02-2008 01:52 AM
    วันที่สมัคร: Feb 2008
    ข้อความ: 1 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนาบุญ 23 ครั้ง ใน [ARG:2 UNDEFINED] โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]







    </TD><TD class=alt1 id=td_post_966393 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG] สวัสดีครับทุกท่านและพี่สุดใจ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->สวัสดีครับ พี่สุดใจ พี่ no.9 และเพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน
    แนะนำตัวก่อน ผมชื่อ หนุ่ม หลายๆคนอาจไม่รู้จัก เพราะไม่เคยแสดงตัวหรือตอบกระทู้เลยสักครั้งเดียว นี่เป็นการลงกระทู้ครั้งแรกหลังจากที่ได้อ่านมาอย่างเดียว แต่พี่สุดใจรู้จักผมเพราะคุยกันอยู่เพราะบ้านเดียวกัน (อยู่ข้างๆบ้านเลยแต่เพิ่งมารู้จักที่งาน UFO) เข้าเรื่องเลยละกัน พี่สุดใจเคยบอกผมว่าผมเป็นการถูกฝึกเดี่ยว จากที่ผมอ่านประสบการณ์ของหลายๆท่าน และได้นำมาเทียบเคียงกับประสบการณ์ของผมที่ได้พบมาและได้ฟังคำอธิบายจากพี่สุดใจ คิดว่าคงโดนฝึกมาตั้งแต่ ปี 2542 เจอสารพัดเรื่อง โดนโกงเงินบ้าง ทำงานเสร็จจะส่งมอบลูกค้าพรุ่งนี้ วันนี้มีเหตุให้ต้องสะดุด ไม่สามารถส่งมอบงานได้ทุกที ทุกข์มากไม่ว่าเรื่องครอบครัว สารพัด ตกงานไม่มีเงินใช้ แต่สังเกตุได้ช่วงที่เงินในกระเป๋าใกล้หมด จะมีช่องทางให้ได้เงินมาตลอด ไม่มากแค่พอใช้ ถ้าเหลือ 20 บาทก็จะเหลือแค่นั้นถ้าเราคิดว่าพอ แต่ถ้าคิดว่าไม่พอจะมีมาให้ใช้ตลอดเงินไม่ขาดมือ แต่ไม่มาก เป็นแบบนี้มาเรื่อยจนถึงสงกรานต์ปีที่แล้วที่รู้สึกว่า ไม่ไหวแล้วชีวิต เลยจะไปบวช พอไปขอบวชที่วัดแห่งหนึ่งที่นครสวรรค์ พระท่านบอกผมว่า "เอ็งนะบวชไม่ได้หรอก บวชใจก็พอ" คำว่า (บวชใจก็พอ ตรงกับคำพูดของพี่สุดใจ และพระท่านที่วัดเขาพนมเศษ บอกผมเลย) พอพระท่านบอกแบบนั้นก็เลยคิดว่าไม่เป็นไรบวชพราหมณ์ ถือศีล 8 ก็ได้ (ลืมบอกไป ช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 42 มา จะมีความรู้สึกเหมือนว่า กำลังค้นหา ต้องค้นหาอะไรสักอย่าง จนมาหนักเข้าช่วงเดือนที่ผ่านมา แล้วจะเขียนให้อ่านภายหลัง)​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ข้อความส่วนหนึ่งของคุณ หนุ่ม นว. ที่โพสไว้ค่อนข้างยาว และหาอ่านได้ทั้งหมดที่โพสต์ 1166 ค่ะ

    วันนี้พี่สุดใจได้รับโทรศัพท์จากคุณหนุ่ม นว. ที่ได้เคยมาโพสต์ประสบการณ์ที่น่าสนใจไว้แล้วนั้น

    จากการที่ได้พูดคุยกันในวันนี้ ประมาณ 40 นาที ได้ทราบว่า คุณหนุ่ม นว. ได้เริ่มมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องการมีคลื่นไฟฟ้าเข้ามาในร่างกาย จับอะไรเริ่มที่จะมีกระแสไฟฟ้าแลบออกมาจากมือด้วย เพิ่งเป็นไม่กี่วันมานี้เอง เลยโทรมาปรึกษาและมีประสบการณ์อีกหลายอย่างที่เข้ามาในช่วงนี้ ซึ่งก็ได้อธิบายให้ฟังไปหลายเรื่อง ซึ่งหากคุณหนุ่ม นว. มีโอกาสได้เข้ามาเล่าให้ฟังในกระทู้นี้ ทุก ๆ ท่านที่เริ่มพบเจอปรากฏการณ์คล้าย ๆ กัน ก็จะรับทราบด้วย

    ค่ะ คุณหนุ่ม นว. ไม่ต้องกังวลนะคะ พี่สุดใจ และหลาย ๆ คนก็เคยมีในช่วงแรก ๆ คงกำลังมีการปรับจูนคลื่นไฟฟ้าในร่างกายของคุณให้อยู่ในสภาพสมดุลย์ในขณะนี้ ซึ่งหลาย ๆ ท่านที่มีพลังงานไฟฟ้าเกินในร่างกาย ก็ได้มีการปรับจูนจนปกติกันไปแล้ว ซึ่งคลื่นไฟฟ้านี้ก็เป็นคลื่นพลังงานชนิดหนึ่งสามารถปรับเข้ากับร่างกายได้โดยไม่มีอันตราย

    ในช่วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติ คลื่นไฟฟ้าเหล่านี้จำเป็นต้องใช้งานจริงในการต่อเชื่อมกับเทคโนโลยีจากต่างดาว เหมือนคุณเป็นแบตเตอรี่เคลื่อนที่น่ะแหละค่ะ ต้องมีพลังงานขับเคลื่อนอุปกรณ์ไฮเทคอื่น ๆ ที่มาต่อเชื่อมด้วย อีกไม่นานก็จะเป็นปกติ อย่ากังวลนะคะ

    และเท่าที่สนทนากันรู้สึกว่าคุณหนุ่ม นว. จะเริ่มรับข้อมูลได้เอง และเริ่มเข้าสู่กระบวนการแยกข้อมูล ซึ่งช่วงนี้ก็พอเข้าใจบ้างแล้วว่าสิ่งไหนคือความคิดเรา สิ่งไหนคือข้อมูลที่ถูกส่งมา ซึ่งตอนนี้อาจจะยังไม่ค่อยชำนาญ แต่อีกระยะหนึ่งคุณจะรับข้อมูลได้เองโดยตรงค่ะ

    ในวันข้างหน้า ช่วงเกิดภัยพิบัติ คุณก็จะเป็นคนหนึ่งที่ต้องทำงานร่วมกับเทคโนโลยีจากต่างดาวแน่นอน

    ขอบคุณค่ะ ที่นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2008
  5. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2551 กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้เดินทางไปร่วมนั่งสมาธิ และร่วมในพิธีไหว้ครูของอาจารย์บูรพา ผดุงไทย (อาจารย์แอ๊ด) และคณะฯ ที่ อาศรมบูรพาป่าละอู ดังที่ได้นำภาพมาให้ชมไปแล้วในโพสก่อนหน้าที่ผ่านมานั้น

    ได้มีโอกาสสนทนากับปู่จำลอง ซึ่งท่านได้อยู่ในพิธีร่วมกับอาจารย์บูรพาที่อาศรมบูรพาป่าละอูนั้น และได้สนทนากับท่านก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2008
  6. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมานี้ ปู่จำลอง ได้เดินทางมาเยือน สำนักงาน UFOTHAILAND ที่อาคารฝักข้าวโพดชั้นที่ 12 โดยมีพี่สุดใจ คุณ Astro Neemo คุณ ukrin คุณดา คุณนิชาภา และช่างภาพของ AFCTV ร่วมให้การต้อนรับด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2008
  7. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    พี่สุดใจได้กล่าวถึงเรื่องของธรรมะมาค่อนข้างมาก กับประสบการณ์จริงที่ได้พบเจอมาด้วยตนเอง ทำให้มีความรู้สึกว่า การปล่อยวางเป็นแนวทางที่ดับทุกข์จากอุปาทานได้จริง ถ้าสามารถปฏิบัติได้จริง ก็จะเห็นความว่าง ความเบาสบายของจิต และอุปาทานขันธ์ห้าจะน้อยลง ตัวตนจะน้อยลง และสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นความทุกข์ของเรานั้น ก็จะไม่มี เพราะไม่มีตัวใครเป็นผู้ทุกข์นั่นเอง<O:p</O:p
    </O:p
    ในตอนนี้ คงขอกล่าวถึงเรื่องอุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวกันบ้าง ว่ามีรูปแบบอย่างไร และมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน จะเชื่อได้หรือไม่?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เทคโนโลยีที่มนุษย์ต่างดาวจะนำมาช่วยเหลือมนุษย์นั้น ก็จะมีหลายรูปแบบ แต่การที่จะเห็นว่านำมาใช้ได้จริงนั้น ก็ต้องมีการทดสอบ ทดลอง เพื่อที่จะแน่ใจว่าสามารถนำมาเชื่อมต่อกับพลังงานของมนุษย์โลกได้ และใช้ได้จริงในสถานการณ์วิกฤติดังกล่าว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น การทดสอบทดลองใช้อุปกรณ์เหล่านั้น ก็ต้องเริ่มใช้กับผู้ที่รับการฝึกกับมนุษย์ต่างดาวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะจะเข้าใจจากการเรียนด้านทฤษฎีก่อน ว่าระบบจะเป็นผู้นำเทคโนโลยีนั้นมาเชื่อมต่อกับเรา ก็ไม่ได้ตกอกตกใจอะไร ก็เห็นสักแต่ว่าเห็นไปตามกลไกของอุปกรณ์นั้น เพราะถึงมีประสิทธิภาพอย่างไร ก็ไม่ใช่ของเราอยู่ดี เหมือนเรามีโทรศัพท์มือถือที่เป็นอุปกรณ์ของโลกเรา เราก็เห็นว่ามันเป็นโทรศัพท์ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานได้เท่านั้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พี่สุดใจก็จะขอเล่าในส่วนที่พบเจอมาเองกับตัว สำหรับของท่านอื่น ๆ ที่ฝึกด้วยกันนั้น ก็จะนำมาเทียบเคียงให้ฟังบ้างเป็นรายบุคคลค่ะ
    <O:p</O:p
    ในช่วงแรก ๆ ที่พี่สุดใจมีไฟฟ้าในตัวเองมากเกินไปนั้น (เคยเล่าไว้อย่างละเอียดในโพสก่อน ๆ ) คำว่ามากก็คือเข้าไปใกล้เครื่องไฟฟ้าไม่ได้เลย ครั้งแรกที่เกิดขึ้นตอนที่จะเข้าไปกดอัดวีดีโอที่วางอยู่กับทีวี ไฟดับพรึบลงทันที เครื่องตัดไฟตัดทันทีเลย ก็ยังไม่สงสัย พอจะเข้าไปครั้งที่ สอง เอื้อมมือเข้าไปใกล้ยังไม่ทันจะถึงทีวีเลย ไฟก็ตัดอีก ยังไม่เอะใจเท่าไร จนครั้งที่สาม เอื้อมมือเข้าไป คราวนี้ห่างจากครั้งแรกและครั้งที่สองมาก ไฟก็ตัดอีก จนสงสัย ในตอนนั้นคุณพ่อ จ.ส.อ.เชิด ยังมีชีวิตอยู่ ก็เลยโทรไปถาม คุณพ่อเชิดก็สื่อสารถามมนุษย์ต่างดาว ก็ทราบว่า

    "ช่วงนี้มีการส่งพลังงานเข้ามายังร่างของพี่สุดใจ แต่คลื่นที่ส่งลงมานั้นเป็นคลื่นพลังงานจากดวงดาวของเขา ดังนั้นจึงยังไม่เข้ากันกับพลังงานไฟฟ้าของโลกมนุษย์ และ กำลังปรับจูนอยู่เพื่อให้เข้ากับพลังงานบนโลกมนุษย์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ จึงไปทำปฏิกิริยากับเครื่องไฟฟ้า ช่วงนี้ให้อยู่ห่างเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนจนกว่าจะปรับจูนเรียบร้อย"<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในช่วงนั้น พี่สุดใจเข้าใกล้เครื่องไฟฟ้าไม่ได้เลย ทีวีจะดับ คอมพิวเตอร์ที่ทำงานก็วูบวาบตลอดเหมือนไฟตก ไฟเกินอย่างนั้น ไฟฟ้าจะพรึบพรั่บตลอด เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวหรี่อยู่อย่างนั้น แต่เป็นประมาณ 3 วันก็ปรับจูนเข้าที่ และก็ไม่เป็นอีกเลย ยกเว้นบางครั้งคุยโทรศัพท์กับคนอื่น ปลายสายบอกว่ามีพลังงานแรงมากผ่านสายเข้าไปถึงเขา บางคนขนลุกชันบ้าง หรือบางครั้งเหมือนมีไฟช็อตบ้าง หรือบางครั้งมีไอเย็นใหลผ่านโทรศัพท์ไปสัมผัสตัวเขาบ้าง อันนี้พี่สุดใจก็ไม่รู้ เพราะตัวพี่สุดใจเองปกติดี ไม่ได้รู้สึกอะไร<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น กรณีนี้ หลายท่านเริ่มพบเจอเรื่องไฟฟ้าเกินในตัวเองกันบ้างแล้ว ไม่ต้องวิตกกังวลอะไร เดี๋ยวจะค่อย ๆ ปรับจูนได้เอง เพราะพลังงานเช่นนี้คงจะเป็นฐานสำหรับการทำงานเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฮเทคอื่น ๆ ข้างหน้าก็เป็นได้
    <O:p</O:p
    หลังจากที่มีไฟฟ้าเกินในตัวในอันดับแรกแล้ว หลังจากนั้น อุปกรณ์อื่น ๆ เริ่มที่จะโผล่มาให้เห็นทีละชิ้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อย่างอุปกรณ์ที่นำมาใช้กับรูปขันธ์ ก็มีแตั้งแต่ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตาที่มองเห็นวัตถุชิ้นนั้น ไม่เหมือนวัตถุชิ้นนั้น แต่มีความแตกต่างออกไป หรือวัตถุที่วางอยู่ตรงนี้แต่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่มีอยู่จริง หรือแม้กระทั่งมองเห็นสิ่งเดียวกัน พร้อมกันแต่ไม่เหมือนกัน หรือสิ่งที่สัมผัสได้ ขึ้นไปนั่งได้ (เก้าอี้ ที่ได้เคยเล่าไว้แล้วในโพสก่อน ๆ ) แต่เก้าอี้นั้นไม่ได้มีอยู่จริง ดังนั้นคนที่นั่งเก้าอี้ก็นั่งบนอากาศแต่นั่งอยู่ได้(ความจริงเก้าอี้นั้นอยู่อีกมิติ) หรือเห็นสิ่งของที่จะต้องมีอยู่ตรงนี้ล่วงหน้า พออีกวัน สิ่งที่เห็นเมื่อวาน เพิ่งจะได้นำมาวางไว้ตรงจุดนี้ วันนี้ เป็นต้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สิ่งเหล่านี้พี่สุดใจพบเจอมามาก จนเห็นสักแต่ว่าเห็นแล้ว เพราะไม่รู้ภาพไหนจริงภาพไหนปลอม และการเห็นการพบเจอนี้ มีทั้งเจอคนเดียว สองคน หรือแม้กระทั่งหลายคนพร้อมกัน <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งก็ได้เกิดขึ้นกับคนอื่น ๆ หลายคนพร้อม ๆ กันด้วย แม้แต่มองทะลุกำแพงปูนที่กั้นไว้เห็นอีกฝั่งหนึ่งชัดเจนเหมือนไม่มีอะไรบัง(แฟนคุณ no.9) หรืออยู่ตึก 5 ชั้น นอนอยู่ชั้น 3 พอนอนหงายบนเตียง แทนที่จะมองเห็นเพดานห้อง แต่กลับมองเห็นท้องฟ้าเลย ไม่เห็นเพดานปูนของตึก ชั้น 4 ชั้น 5 ที่กั้นอยู่(คุณสุทัศน์)
    <O:p</O:p
    มนุษย์ต่างดาวเปรียบเทียบให้ฟังว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเทคโนโลยี ที่นำมาเชื่อมต่อกับตาของเราเพื่อทดลองใช้ แต่อุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นวัตถุ แต่เป็นรูปแบบพลังงาน ดังนั้นมันจึงไม่มีข้อจำกัดของการกั้นขวางของวัตถุ ซึ่งได้เปรียบเทียบกับคลื่นโทรศัพท์ของมนุษย์ แม้เราอยู่ในอาคารคอนกรีต อยู่ในลิฟ หรืออยู่ในรถไฟใต้ดิน คลื่นโทรศัพท์ก็ยังทะลุกำแพงปูนเข้าไปได้ ดังนั้น อุปกรณ์ที่นำมาประกอบกับตาของมนุษย์นั้น จึงมีความละเอียดสามารถทะลุผ่านวัตถุที่เป็นของหยาบได้ไม่มีขีดจำกัด พี่สุดใจพบเจอมาหลายตัวอย่างเลยรู้ว่า เทคโนโลยีของเขานั้นเจริญกว่าที่จะใช้ในรูปแบบวัตถุแล้ว

    สิ่งที่พบเจอกันมานี้ เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งตัวผู้ฝึกเองก็ไม่เคยเชื่อในครั้งแรก ๆ จนกระทั่งเกิดหลาย ๆ ครั้ง จนแน่ใจว่าเทคโนโลยีของเขานั้นมีจริง และสามารถนำมาใช้ได้จริง

    ดังนั้นการที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ จึงเป็นการนำมา "แจ้งเพื่อทราบ"ไว้ก่อน เพราะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก ซึ่งในระยะหลังนี้เริ่มมีผู้พบเจอเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยตัวเองกันมากขึ้น ก็จะได้นำไปเทียบเคียง และจะได้ไม่ต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมีคนพบเจอมาก่อนแล้วนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อุปกรณ์อื่น ๆ จะเล่าต่อในโพสถัดไปค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2008
  8. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    พี่สุดใจเป็นคนที่เชื่ออะไรยาก ดังนั้นแม้จะเข้าสู่ระบบการฝึกแล้ว ก็ต้องเจอกับตัวเองบ่อย ๆ หลาย ๆ ครั้ง ก่อนที่จะยอมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำงานได้จริง จึงต้องถูกฝึกเดี่ยวมากกว่าคนอื่น ๆ ที่ฝึกพร้อมกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ช่วงก่อนที่จะเข้าระบบทำงาน 1 เมษายน 2547 เป็นช่วงที่ฝึกเกี่ยวกับการพบเจออุปกรณ์หลายรูปแบบเลยทีเดียว
    <O:p</O:p
    ครั้งแรกที่เจออุปกรณ์นี้ ก็คือตอนนอน คือเข้าห้องเตรียมจะนอน พอล้มตัวลงนอน หลับตาปุ๊บ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังใหลไปเลื่อนไปตามท่อ และรอบ ๆ ท่อนั้นจะเป็นแสงสว่างหลายสีวูบวาบเต็มไปหมด สีเขียว สีแดง สีน้ำเงิน เหลือง มากมายอยู่รอบ ๆ ท่อแสงนั้น เหมือนตัวเราไหลไปเรื่อย ๆ ตามท่อแสงนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ครั้งแรก ๆ พอหลับตาแล้วใหลไป ก็รีบลืมตาขึ้นเลย มองไปรอบ ๆ ก็ปกติดีไม่เห็นมีอะไร ตัวเราก็ไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน ก็ลองหลับตาใหม่ พอหลับตาก็เริ่มใหลไปตามท่อแสงอีกแล้ว ก็ลืมตาใหม่ มองไปรอบ ๆ พิจารณาดูว่าเราฝันหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ก็ลองลุกขึ้นไปเปิดไฟแล้วเดินไปเดินมาว่าเรางัวเงียเพราะง่วงหรือเปล่า ก็ไม่ใช่<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ก็เลยลงนอนอีก ตั้งสติรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น พอหลับตาก็ใหลไปตามท่อแสงอีกแล้ว ท่อนั้นสว่างมาก แล้วก็มีหลายสีรอบ ๆ ด้วย ไม่เห็นอะไรนะ เห็นแต่แสงหลาย ๆ สีเท่านั้น ก็ลืมตา หลับตา อยู่อย่างนั้นน่าจะเป็นชั่วโมงได้ จึงหายไป และก็นอนได้ตามปกติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คืนวันถัดมา ก็เป็นอย่างเดิมอีก หลับตาไม่ได้ หลับตาแล้วคอยแต่จะใหลไปตามท่อแสงนั้น แต่ครั้งหลังก็เริ่มชิน ก็หลับตานานขึ้น ลืมตาเพื่อหยุดการใหลไปตามท่อแสงเป็นช่วง ๆ แต่ครั้งนี้น่าจะชั่วโมงกว่า เพราะดูเหมือนนานกว่าครั้งที่แล้ว หลังจากนั้นก็นอนตามปกติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    วันถัดมาก็เป็นอีก คราวนี้ขึ้เกียจลืมตา อยากใหลก็ใหลไป ลองดูว่าจะไปถึงไหน ตัวเราก็ใหลไปเรื่อย ๆ คำว่าตัวเรานี่ก็คือในช่วงนั้นยังไม่ได้เรียนแยกอุปาทานในขั้นละเอียด จึงยังคิดว่ามีตัวเราอยู่ ก็ห่วงตัวเราเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ใหลไปตามท่อแสงนั้น มีแต่ความรู้สึกว่าเราใหลไป ไม่ได้มองเห็นว่ามีภาพตัวเองกำลังใหลไปนะ เป็นเพียงรู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่ในตัวเอง ออกจากตัวเองแล้วใหลไปไหนก็ไม่รู้ แต่สรุปว่าก็ไม่รู้ว่าไปไหน ใหลไปตามท่อแสง ระยะเวลาก็ใกล้เคียงกับคืนที่สอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จากนั้นก็เลิกสนใจ ไม่กลัว ไม่รู้สึกแปลกอะไร อยากไปไหนก็ไป เป็นอยู่ทุกคืนเลย เกือบเดือนได้ละมั้ง ก็หยุดการเดินทางตามท่อแสงนั้น<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2008
  9. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451

    มีอีกครั้งหนึ่ง ก็เหมือนเดิม พอเริ่มนอนหลับตาลง ก็เลื่อนไปอีกแล้ว คราวนี้ไม่ได้เป็นท่อแสง แต่เลื่อนไปคล้ายอยู่บนกระดานเลื่อนที่ลอยเหนือพื้น เลื่อนไปเสมอพื้น (ด้านบนที่ใช้คำว่าใหลไปตามท่อแสงเพราะว่า จุดที่ใหลมานั้นจะสูงกว่าส่วนอื่น ๆ เหมือนเล่นสกีจากยอดเขาแล้วปล่อยให้ใหลลงมา) ครั้งนี้เป็นการเลื่อนระนาบไปกับพื้น ลักษณะคล้ายช่องทางเดินเล็ก ๆ รอบ ๆ เป็นกำแพง เหมือนเข้าไปในตรอกแคบ ๆ แต่กำแพงจะเก่า ๆ นะ ไม่ใช่กำแพงใหม่ เราก็รีบลืมตา การเคลื่อนที่ก็หยุดไป พอหลับตาใหม่ก็เลื่อนไปตามกำแพงอีก และพอสุดกำแพงก็จะเห็นเป็นที่กว้าง ๆ ไม่คุ้นตา ต้นไม้แปลกตา วิว ทิวทัศน์ไม่เหมือนเมืองไทย คล้ายเมืองจีนเก่า ๆ แต่ไม่เห็นมีคนเลยสักคน ตอนนั้นลืมตาขึ้นกลัวว่าเราจะฝันไปหรือเหล่า ก็ไม่ได้ฝันเพราะยังมีสติครบถ้วน ก็เลยหลับตาใหม่ ก็เห็นภาพเดิม เลื่อนไปรอบ ๆ บริเวณนั้น ต้นไม้ใหญ่ ๆ มีที่ราบกว้าง ๆ แต่ดูเหมือนเก่า ๆ (คำว่าเก่าในที่นี้อาจจะเป็นเพราะว่าสีของภาพที่เห็นมันไม่สดใสก็เป็นได้) ก็เป็นอยู่ครั้งแรกไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คืนถัดมาก็เป็นอย่างนี้อีก หลับตาแล้วก็เลื่อนไปตามทางแคบ ๆ นั้น คราวนี้ไปโผล่อีกที่หนึ่ง ไม่คุ้นตาอีกเหมือนกัน แต่มีน้ำด้วย มีเหมือนหนองน้ำกว้าง ๆ ต้นไม้ใหญ่ ๆ และไม่เห็นคนเช่นเคย ก็เลื่อนไปรอบ ๆ หนองน้ำนั้น ก็ไม่มีอะไรนอกจากนั้น (อ้อ.. ลืมบอกไปว่าเห็นแต่ภาพแต่ไม่มีเสียง ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดเลยเหมือนดูทีวีไม่ได้เปิดลำโพง)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ยังมีอีกหลายครั้ง หลายสถานที่ และมีอยู่ครั้งหนึ่ง พอผ่านจากทางแคบที่มีกำแพงออกมาแล้ว ก็มาอยู่ที่ทางเดินแคบ ๆ คล้ายถนน และเห็นกำแพงบ้านติด ๆ กันหลาย ๆ หลัง แต่กำแพงจะสูงมากเลย มองเข้าไปไม่เห็นบ้าน กำแพงสีขาว ๆ และดูใหม่กว่ากำแพงช่องทางที่เราเลื่อนออกมา คราวนี้เลื่อนผ่านบ้านเหล่านั้นไปเรื่อย ๆ ไม่เห็นคนอีกเช่นเคย แต่กำแพงก็ไม่เหมือนบ้านเรา เหมือนเมืองโบราณมากกว่า เพราะแน่น ทึบ และหนากว่าสมัยนี้ ไม่มีอ่อนช้อยเลย เป็นแผ่นยาวติดกันตลอดแนว ก็สังเกตไปเรื่อย <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ช่วงหลังขี้เกียจลืมตาแล้ว เพราะลืมตาแล้วหลับใหม่ก็เหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าภาพนั้นจะหายไป ก็ยังเป็นต่อเนื่องจนจบตอนนั่นเอง เลยคิดว่า ก็ดีเหมือนกันได้ไปเที่ยวไม่เสียค่ารถ ค่าเครื่องบิน ช่วงหลังก็เลยปล่อยให้มันจบไปเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เป็นอยู่ไม่ถึงครึ่งเดือน น้อยกว่าอันแรก แต่ก็เริ่มปรับตัวได้แล้วว่า อะไรจะเข้ามาให้เรียนก็เรียนไป เพราะถึงไม่อยากให้เข้ามา มันก็ต้องเข้ามาอยู่ดี ก็เลยปล่อยไปตามเรื่องที่เขาจะให้เห็นนั่นเอง เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้า กลไกที่เรียนนี้จะต้องนำไปใช้อะไรบ้าง ในวิกฤตการณ์ข้างหน้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คนที่พบเจออุปกรณ์รูปแบบนี้ อย่ากังวลนะคะ เป็นช่วง ๆ เท่านั้น หรืออาจนานหน่อยก็คิดเสียว่า ไปเที่ยวที่ต่าง ๆ แบบไม่เสียตังค์ก็แล้วกันค่ะ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ยังไม่หมดค่ะ พี่สุดใจเคยบอกไว้แล้วว่าพบเจออุปกรณ์มาเยอะ แต่จะเล่าต่อในโอกาสต่อไปค่ะ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2008
  10. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จินตวดีคล้าย ๆ กัน ช่วงนี้ บางครั้งแค่หลับตา เห็นเป็นภาพคล้ายจอโทรทัศน์ที่กำลังจูนหาคลื่น แล้วเริ่มเห็นภาพลาง ๆ พอตั้งใจมอง ก็เห็นชัดเลย บางทีเป็นห้องทำงานใครไม่รู้ บางทีเห็นเป็นสถานที่ บางทีเป็นหน้าคน พอลืมตาดู ก็รู้ว่าจริง ๆ ไม่ได้ฝัน เลยหลับตาใหม่ สักพักจะเป็นเสียงคลื่นวิทยุที่หู พอตั้งใจฟังก็ได้ยินเป็นเสียงพูดเลย บอกถึงเหตุการณ์บางอย่าง ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจริง ๆ พอได้อ่านข้อความคุณสุดใจ เริ่มเข้าใจแล้ว บางครั้งเห็นเป็นประกายวิบ ๆ ช่วงนี้มีพลังงานอะไรไม่ทราบมาอยู่เหนือศรีษะบ่อยมาก ๆ
     
  11. littlelucky

    littlelucky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,938
    <table id="post988375" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;"> วันนี้, 09:41 AM <!-- / status icon and date --> </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #6318 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> เกษม <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_988375", true); </script>
    สมาชิก กิตติมศักดิ์

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:20 AM
    วันที่สมัคร: Nov 2004
    ข้อความ: 2,196 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 7,941 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 28,037 ครั้ง ใน 1,992 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3138 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_988375" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- message --> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ MegaFM [​IMG]
    ผมว่าเขตอิสานนี่ปลอดภัยที่สุดแล้วครับ
    </td> </tr> </tbody></table>
    [​IMG]

    </td></tr></tbody></table>.................

    ภาคตะวันอกเฉียงเหนือ
    จะพบภัยพิบัติน้อยกว่าภาคอื่น ๆ เพราะว่าภาคนี้ประสบ
    เคราะห์กรรมอยู่เสมอ เป็นการใช้หนี้กรรมอยู่เป็นประจำ.
    โดยภาคนี้จะพบลมพายุและแผ่นดินไหวบ้างเล็กน้อย
    จังหวัดที่ปลอดภัย ก็มี อุดรธานี อุบลราชธานี ศรีสะเกษ
    ขอนแก่น ชัยภูมิ เป็นต้น แต่ปัญหาสำหรับภาคนี้ก็คือ
    ผู้คนที่รอดตายจะต้องพบกับโรคระบาดและอดอยาก
    เพราะพืชพันธุ์ธัญญาหารจะถูกภัยธรรมชาติทำลาย

    <table style="width: 902px; height: 1070px;" id="post987346" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;" id="currentPost">[​IMG] เมื่อวานนี้, 06:31 PM <!-- / status icon and date --> </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #1 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> เฮียปอ ตำมะลัง <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_987346", true); </script>
    สมาชิก
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:08 AM
    วันที่สมัคร: Mar 2007
    สถานที่: ตำมะลัง ไม่ใช่ ประตูน้ำ
    ข้อความ: 4,112 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 13,752 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 24,245 ครั้ง ใน 3,882 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2840 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_987346" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- icon and title --> [​IMG] ชาวบ้านขอนแก่นตื่น! อ้างเห็นจานบินมนุษย์ต่างดาว
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message --> <center>ชาวบ้านขอนแก่นตื่น! อ้างเห็นจานบินมุนษย์ต่างดาว </center>
    <!--detail--><!--images--><!--images--><!--images-->




    <center>
    [​IMG]

    </center><!--images-->
    ชาวบ้านต.หนองแวง อ.พล จ.ขอนแก่นตื่น หลังชาวบ้านกว่า 20 คน สามารถจับภาพวัตถุลึกลับสีส้ม ที่อาจจะเป็นจานบิน ของมุนษย์ต่างดาวได้
    ชาวบ้านในตำบลหนองแวง อ.พล จ.ขอนแก่น จำนวน 20 คน ต่างพากันจับกลุ่มพูดคุยและแสดงภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือและกล้องวีดีโอที่สามารถบันทึกได้ในเวลา ไม่ถึง 1 นาทีหลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมากลุ่มชาวบ้านดังกล่าวต่างพากันนั่งรอเพื่อดูปรากฏการณ์มหัศจรรย์ หลังพบลูกไฟขนาดใหญ่บินลอยอยู่เหนือน่านฟ้าในเวลาประมาณ 24.00 น. ไปจนถึงเวลา 24.15 น. นางสุภามาศ มากบริบูรณ์ ผู้ที่สามารถบันทึกภาพได้ว่าเป็นเวลากว่า 3 วัน ที่ได้พบเห็นลูกไฟประหลาด จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นจานบินของมนุษย์ต่างดาว
    ขณะที่เมื่อคืนนี้จึงได้ชักชวนเพื่อนบ้านมาร่วมชม และรอบันทึกภาพจนกระทั่งพบลูกไฟที่มีแสงสีขาวสีส้มและเมื่อนำภาพถ่ายที่บันทึกภาพได้มาดูใกล้ๆ ก็พบลำแสงสีๆ มากมายจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นจานบินของมนุษย์ต่างดาว อย่างไรก็ตามในคืนวันนี้จะยังคงนำชาวบ้านมารอชมปรากฏการณ์ดังกล่าวเพื่อหาความชัดเจนต่อไป


    ที่มาจากINNNEWS

    http://www.innnews.co.th/local.php?nid=89974
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กุมภาพันธ์ 2008
  12. naw

    naw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +243
    วันนี้เวลา19.40 ณ.มุมประมาณ 30 องศา หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
    จะเห็นคล้ายลูกไฟสีส้ม วิ่งจากทิศดังกล่าวไปทางทิศทิศตะวันออกเฉียงใต้
    วิ่งไล่กัน 2 ดวง ไม่ใช่ufo แต่เป็นยานบินอวกาศกำลังกลับโลกส่วนที่ตามหลังน่าจะเป็นสถานีอวกาศ อีกไม่นานคงดูรูปได้ที่ www.siriran.com เป้นผู้แจ้งให้สังเกตุการณ์วันนี้ (น่าจะเห็นมาหลายวันแล้ว)
     
  13. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    387
    ค่าพลัง:
    +847
    ้อ่านของพี่สุดใจแล้วรู้สึกเหมือนฟังเทศน์ยังไงก็ไม่รู้ครับ
    เน้นการปล่อยวางก็ถูกนะถ้าปล่อยวางได้แล้วทีนี้เรื่องอะไรเข้ามามันก็ไม่ทุกข์แล้วล่ะ
    จริงๆแฮะ
     
  14. ukrin

    ukrin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +1,463
    ไทยรัฐ
    ปีที่ 59 ฉบับที่ 18291 วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 ราคา 10.00 บาท
    วัตถุปริศนา
    เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 18 ก.พ. ผ้สื่อข่าวได้เข้าพบ พ.ต.ท.วีระวุฒิ เสียงใส สว.สส.สภ.เมืองขอนแก่น หลังทราบว่าสามารถบันทึกภาพวัตถุประหลาดบนท้องฟ้าไว้ได้ และกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะเป็น "จานผีหรือยานอวกาศ" ของมนุษย์ต่างดาวโดย พ.ต.ท.วีระวุฒิเผยว่า ได้รับแจ้งจากนางศุภมาส มากบริบูรณ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 6 บ้านวังจาน ต.เก่างิ้ว อ.พล จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นญาติว่า พบวัตถุประหลาดลอยอยู่บนท้องฟ้า สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บริเวณกลางทุ่งนาหลังบ้าน จึงชวนกันไปพิสูจน์โดยนำกล้องไปบันทึกภาพด้วย เมื่อคืนวันที่ 21 ม.ค. ต่อด้วยคืนวันที่ 22 ม.ค. และคืนวันที่ 24 ม.ค. พบวัตถุประหลาดเป็นแสงไฟรูปทรงกลมรวม 3 ลูก ลูกแรกเป็นลูกไฟเรืองแสงดวงใหญ่สุดอยู่ตรงกลาง มีลูกไฟดวงเล็กๆ อีก 2 ดวงหมุนวนเวียนอยู่รอบๆ เคลื่อนไหววนเวียนไปมาไม่มีทิศทางที่แน่นอนนานประมาณ 10 นาทีก็จะวูบดับหายไปเฉยๆ สามารถบันทึกภาพไว้ได้แต่มีขนาดเล็กมาก เบื้องต้นยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นอะไร แต่อยากจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง.: bat:(บังเอิญให้ จะต้องไปเจอข่าวแบบนี้อยู่บ่อยๆและก่อนที่ จะมาโพส จานบิน บินมาให้เห็น คาดว่าคงเป็นงานประจำของเรา ปล. คห. ส่วนตัว) [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2008
  15. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    " ธรรมะก็สอนว่าอย่าไปเปรียบเทียบว่า เราดีกว่าเขา เขาดีกว่าเรา หรือเราเสมอเขา "


    " ซึ่งจริงๆ แล้ว มันไม่มีการเปรียบเทียบหรอก ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล "

    :cool:


    ********************
    สรุป: เราต้องไม่พิพากษาใคร

    ******************** (f)
     
  16. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    <TABLE class=tborder id=post984978 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] 17-02-2008, 12:10 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1243 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>แม่นายมล<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_984978", true); </SCRIPT>



    สมาชิก​




    [​IMG]











    </TD><TD class=alt1 id=td_post_984978 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->"ธรรมะ ก็คือธรรมชาติ" การมองเห็นความเป็นธรรมชาติของขันธ์ห้า


    เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการที่จะปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า ​


    ก็เพราะเข้าใจในกลไกของมันนั่นเอง​



    ***************************​



    นี่แหละคือหัวใจเลยค่ะ พี่สุดใจ (good)​


    <!-- / message -->​



    </TD></TR></TBODY></TABLE>




    ขออนุโมทนา และขอขอบคุณด้วยนะคะที่ได้ติดตามอย่างต่อเนื่องตลอดมา

    ค่ะ ... บางครั้ง การมองเห็นธรรมชาติตามความเป็นจริงนั้น ก็สามารถทำให้เราเข้าใจถึงกลไกของการธรรมชาติ และไม่อยากที่จะไปบังคับบัญชาให้ธรรมชาติเป็นไปอย่างที่เราต้องการ

    ธรรมชาติย่อมปรุงแต่งให้แต่ละบุคคล เป็นไปตามแต่ละเหตุปัจจัยนั้น ๆ ที่เขาได้สะสมมา ไม่ได้มีใครจะหยากเป็นหรือไม่อยากเป็นเช่นนั้น

    ดังนั้น การเกิดมาตามกรรม ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฏของธรรมชาติ เพราะเมื่อยังมีตัวตนของตนอยู่ สิ่งที่กระทำย่อมถูกเก็บไว้เพื่อประมวลผลต่อไป

    เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อตั้งโปรแกรมบวกเลขไว้ แล้วเราก็ใส่ตัวเลขไปเรื่อย ๆ +15 -28 +32 -16 +88 +90 -43 -2 +17 +343 -51 +8 .......... และบันทึกต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อกดให้คำนวณยอดสุทธิของข้อมูล ตัวเลขที่ประมวลผลออกมาได้เท่าไร จะเป็นบวก หรือติดลบ เครื่องคอมพิวเตอร์ก็รายงานออกมาถูกต้องตามนั้น เราก็เช่นกัน เมื่อยังมีความเป็นตัวเรา ของเราอยู่ การบันทึกกุศล หรืออกุศลเข้าไว้ เมื่อประมวลผลออกมาอย่างไร กลไกของธรรมชาติก็ย่อมจัดสรรให้ไปอยู่ในแบบฟอร์มขันธ์ห้านั้น ๆ ตามการประมวลผลออกมานั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แบบฟอร์มอะไร ? ทำไมต้องมีแบบฟอร์มขันธ์ห้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แบบฟอร์มขันธ์ห้า เป็นภาษาเรียกที่อาจจะไม่คุ้นเคย แต่ระบบที่ได้มาอธิบายกลไกของธรรมชาติได้นำมากล่าวไว้ ซึ่งเมื่อฟังแล้วก็สามารถเข้าใจในกลไกของธรรมชาติในอีกรูปแบบหนึ่ง ก็ขอนำมาเล่าเพิ่มเติม เพื่อบางท่านที่ได้สนใจเรื่องของขันธ์ห้า จะได้นำไปเทียบเคียงกับธรรมะที่ว่า การเกิดมาตามกรรม นั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ขอเล่าต่อในโพสถัดไปนะคะ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2008
  17. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ขอร่วมวงสนทนาด้วยนะคะ
    พี่สุดใจคะ ระยะเวลาอันน้อยนิดที่หนู
    เพิ่งที่ได้มารับรู้เรื่องราวในเวปไซท์นี้
    กับปริมาณข้อมูลที่เยอะจนล้นทำเอาซะงง
    ทำให้ยิ่งต้องเก็บต้องอ่าน เพราะรู้สึกว่า
    เวลาชักจะน้อยมากแล้ว
    หนูไม่ได้มีญานพิเศษ หรืออะไรๆอย่างที่ท่านอื่นๆ
    เป็นกันหรอกนะคะ แต่ช่วงนี้ ใจคอไม่ค่อยดี
    รู้สึกไม่ปกติ อากาศมันแปลกๆ ลมก็แรง
    หดหู่พิกล พอดีอ่านเจอข่าวแล้วมันสะกิดใจ
    เรื่องดาวเทียมจารกรรม ที่หลุดวงโคจร
    แล้วกำลังจะตกลงสู่พื้นโลกอีกไม่กี่วัน
    ซึ่งตามข่าว ทางสหรัฐฯเขาตัดสินใจ
    ที่จะยิงขีปนาวุธขึ้นไปทำลายกลางอากาศ
    เขาว่าไม่เป็นอันตราย แต่...หนูกลับกังวล
    เอ...เลยจะถามพี่สุดใจว่า ทางระบบที่พี่
    ติดต่ออยู่ เค้าไม่ได้แจ้งให้ระวังเกี่ยวกับ
    เหตุการณ์นี้ใช่มั้ยคะ
    เอ่อ...สงสัยจะกังวลไปเอง...
    แต่ก็ติดตามอ่านกระทู้นี้อยู่เป็นระยะๆนะคะ
    ขออนุโมทนากับธรรมที่พี่สอนด้วยนะคะ
     
  18. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    แบบฟอร์มขันธ์ห้า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    กลไกของธรรมชาติก็มีการจัดสรร กำหนดกฏเกณฑ์เป็นแบบฟอร์มขันธ์ห้าขึ้นมา แบบฟอร์มแต่ละแบบฟอร์มนั้น จะมีความเหมือนกันในแต่ละแบบฟอร์ม<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อย่างเช่นแบบฟอร์มขันธ์ห้าของนกแก้ว แบบฟอร์มนี้มีสองขา มีปีก สีเขียว จะมีลักษณะบินได้ และพูดได้ถ้ามีการสอนให้พูด
    <O:p</O:p
    แบบฟอร์มของนกยูง มีปีกแต่บินไม่ได้ มีสีสรรสดใส หางลำแพนสวยงาม ถึงจะสอนก็พูดไม่ได้
    <O:p</O:p
    แบบฟอร์มของปลาฉลาม จะมีลักษณะดุร้าย กินปลาเล็ก ๆ เป็นอาหาร
    <O:p</O:p
    แบบฟอร์มของปลาทู จะไม่ดุร้าย จะตกเป็นอาหารของปลาต่าง ๆ จึงมีการอยู่กันเป็นฝูงใหญ่ การว่าย การแสดงออกจะเหมือน ๆ กัน
    <O:p</O:p
    แบบฟอร์มของลิง ของแมว ของเต่า ของกระต่าย ของอะไรก็ตาม ก็จะมีลักษณะเฉพาะของแต่ละแบบฟอร์มแตกต่างกันไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น เมื่อการประมวลผลของการบันทึกไว้ออกมาเป็นเช่นไร ถ้าผลของการประมวลผลออกมาไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่เข้าได้กับแบบฟอร์มไหน ก็จะต้องไปยังแบบฟอร์มนั้น
    <O:p</O:p</O:p
    สมมุติว่า สร้างอกุศลมากกว่า แล้วได้แบบฟอร์มปลาทู เมื่อเข้าไปอยู่ในแบบฟอร์มนั้นแล้ว ก็ต้องคิดรู้ทำไปตามแบบฟอร์มนั้นเลย เพราะมันมีแค่ชั้นเดียว คือมีแค่การทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น เมื่อออกมาเป็นลูกปลา ก็ต้องเอาตัวรอดตามสัญชาตญาณ เมื่อโตขึ้นมาก็เข้าไปในฝูงแหวกว่ายไปหาอาหารตามกลุ่มของปลา เมื่อฉลามมาสัญชาตญาณเอาตัวรอดก็ว่ายหนี แล้วมารวมฝูงกันใหม่ ก็เป็นอยู่อย่างนี้ตามแบบฟอร์ม จะไม่มีการคิดได้ว่า จะรวมกันสู้ฉลาม จะฉลาดรู้เท่าทันไม่ว่ายไปเข้าอวนที่มนุษย์วางไว้ เพราะแบบฟอร์มนี้ไม่ได้มีไว้ให้คิดซับซ้อนได้ จึงมีการคิดได้แค่ชั้นเดียว คือเป็นไปตามสัญชาตญาณของแบบฟอร์มนั้น ๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น ถ้าตอนเป็นมนุษย์ แม้คน ๆ นั้นจะเก่งกล้าสามารถ เป็นใหญ่เป็นโตไม่กลัวใคร สร้างสิ่งไม่ดีไว้มากมาย แต่ถ้าผลที่ส่งไปลงแบบฟอร์มของปลาทูแล้ว แบบฟอร์มนั้นคิดรู้ได้ตามแต่สัญชาตญาณเท่านั้น แบบฟอร์มปลาทูขี้กลัว เมื่อไปอยู่ในแบบฟอร์มนั้นก็ต้องขี้กลัวไปด้วยตามแบบฟอร์มที่ธรรมชาติออกแบบไว้แล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มดที่เราเห็นเดินกันเป็นแถว ๆ นั้น เมื่อไปเกิดในแบบฟอร์มนั้น ก็ต้องเดินเป็นแถว ๆ ตามกันไป ไม่มีการที่จะคิดว่าฉันนอนดีกว่าจะเดินตามเขาไปทำไม จึงคิดรู้ได้ตามสัญชาตญาณของแบบฟอร์มเท่านั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แม้ก่อนตายจะเป็นคนรวดเร็วว่องไว ทำงานเก่ง แต่มีด้านอกุศลมากกว่า หากเมื่อละขันธ์มนุษย์ไป การประมวลผลส่งไปอยู่ในแบบฟอร์มของเต่า แบบฟอร์มนั้นเชื่องช้า คลานไปเรื่อย ๆ ต้วมเตี้ยม ๆ เขาก็ต้องต้วมเตี้ยมตามแบบฟอร์มนั้น ตามสัญชาตญาณของเต่านั่นเอง จะไม่มีการคิดได้ว่า ไม่เอาแล้ววิ่งดีกว่า เบื่อเดินช้า ๆ เบื่อนอนในน้ำ เบื่อ ฯลฯ ไม่สามารถคิดรู้ได้ ซึ่งก็เป็นไปตามแบบฟอร์มนั้นในส่วนมาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แต่สำหรับมนุษย์ ก็เป็นแบบฟอร์มขันธ์ห้าเช่นกัน แต่แบบฟอร์มนี้มีลักษณะพิเศษมากกว่าแบบฟอร์มอื่น ๆ มีความซับซ้อน มีคุณสมบัติคิดรู้ได้เอง ดังนั้น จึงเรียกว่า สัตว์ประเสริฐ เพราะเป็นแบบฟอร์มที่นอกจากจะมีสัญชาตญาณตามธรรมชาติแล้ว ยังสามารถมีปัญญาคิดรู้ได้ ที่นอกเหนือไปจากแบบฟอร์มอื่น ๆ คือมีสติยั้งคิด มีการพิจารณา มีการไตร่ตรอง มีการควบคุมอารมณ์ที่เกิดตามสัญชาตญาณ ดังนั้น จึงสามารถที่จะพิจารณาธรรม และบรรลุธรรมได้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น การที่จะเกิดมาได้แบบฟอร์มของมนุษย์นั้น จึงเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การมองให้เห็นกลไกตามธรรมชาตินั้น ก็ต้องมองให้รอบ มองให้เห็นความเป็นธรรมดาของกลไกของสัตว์เหล่านั้นด้วย จิ้งจกมันก็เกิดมาอยู่ในแบบฟอร์มของมัน มันต้องกินแมลง มันต้องอยู่ตามบ้านเราเพราะรอกินแมลง เรารำคาญอยากไล่มันเราก็ทำได้ แต่ถ้ามันมาอีกเราก็ไล่อีก มันมาอีก เราโมโห ความทุกข์ก็เป็นของเรา ความพยาบาทที่จะทำร้ายมันก็ถูกบันทึกไว้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำ ก็บันทึกไปเรียบร้อยแล้วตามเจตนา ตามความคิดที่เรายึดว่าเราเป็นผู้คิดนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แมลงเม่า เมื่อมีไฟที่ไหนมันก็พากันบันเข้าไป แล้วมันก็ตายกันเป็นฝูง ๆ เมื่อเรามองดูเราก็ปลงสังเวชที่มันพากันบินเข้าไปตาย แต่เมื่อมันอยู่ในแบบฟอร์มนั้น มันไม่สามารถคิดได้ว่าอย่าเข้าไปในไฟเลยเดี๋ยวตาย แต่แบบฟอร์มนั้นมันก็ทำตามสัญชาตญาณของแบบฟอร์มเท่านั้น เกิดปัญญาคิดรู้ไม่ได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น การที่ไปเกิดเป็นสัตว์ต่าง ๆ นั้น ก็เป็นการเกิดมาใช้กรรม <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ที่ว่า เกิดมาใช้กรรม ก็เพราะ ไม่สามารถที่จะคิดรู้ พาตัวเองออกจากความทุกข์ได้ ก็ทำไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น เป็นนก ออกจากไข่แล้ว ก็หัดบิน ออกไปหากิน มีสัญชาตญาณเอาตัวรอดจากภัย สืบพันธุ์ ออกไข่ เลี้ยงลูก แล้วก็ตาย
    <O:p</O:p
    ถ้าเกิดมาในแบบฟอร์มนกอีก ก็ออกจากไข่แล้ว ก็หัดบิน ออกไปหากิน มีสัญชาตญาณเอาตัวรอดจากภัย สืบพันธุ์ ออกไข่ เลี้ยงลูก ถูกคนยิง บาดเจ็บ แล้วก็ตาย
    <O:p</O:p
    วัฏฏะจักรของนกก็มีแค่นี้ เกิดมาแต่ละชาติก็เท่าเดิม ก็คือเกิดแค่ไหน ก็ตายแค่นั้น เพราะไม่มีความคิดซับซ้อนให้เกิดปัญญาได้ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแบบฟอร์มไปยังแบบฟอร์มอื่น ๆ ที่มีกลไกซับซ้อนมากขึ้นไปอีกเท่านั้น
    <O:p</O:p
    (หมายเหตุ ที่กล่าวมานี้เป็นแบบฟอร์มขันธ์ห้าของสัตว์ตามธรรมชาติที่เห็นกันทั่ว ๆ ไป มิได้กล่าวรวมถึงการอธิฐานจิตมาสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาติภพที่ผ่านมา ที่ท่านมีปัญญาไตร่ตรองและคิดรู้ได้ตามการอธิฐานจิตนั้นๆ )<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2008
  19. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ดังนั้น การที่จะมองเห็นธรรมชาติ แล้วปล่อยวางตามความเป็นจริงนั้น ต้องเข้าใจในหลาย ๆ เรื่อง และมองเห็นความเป็นเช่นนั้นเองของทุกสรรพสิ่ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แบบฟอร์มของเสือ เกิดมาต้องดุร้าย กินสัตว์เป็นอาหาร เมื่อจิตที่เข้ามาอยู่ในแบบฟอร์มนี้ คิดอะไร ก็ทำไปตามนั้น เมื่อหิว สัญชาตญาณก็ต้องหาอาหาร ก็ต้องไปล่าสัตว์ เมื่อเห็นกวาง ก็ต้องคิดจะฆ่ากวางตามสัญชาตญาณ แล้วดำเนินการตามที่คิด นั่นคือสัญชาตญาณหากินตามธรรมชาติ
    <O:p</O:p
    แบบฟอร์มของมนุษย์ เมื่อหิว หันไปเห็นคนกำลังกินข้าวในร้าน อยากเข้าไปแย่งอาหารนั้น แต่มีสติยั้งคิด มีการไตร่ตรองก่อน ดังนั้น ความหิวจึงไม่สามารถผลักดันให้มนุษย์ทำในสิ่งที่เห็นว่าไม่ถูกต้องได้ เพราะมีความคิดอีกด้านหนึ่งที่ซับซ้อนกว่าสัญชาตญาณ มาคอยขวางกั้นการทำตามอารมณ์นั้น ๆ อีกชั้นหนึ่งนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แต่ไม่ใช่ไปมองว่าเสือผิด ที่คิดแล้วก็ไปล่ากวางกินเป็นอาหาร แต่เพราะเป็นสัญชาตญาณที่มีอยู่ในแบบฟอร์มนั้น กวางก็อยู่ในแบบฟอร์มที่ต้องคอยระวังตัว คอยหนีตลอดเวลา เมื่อแบบฟอร์มนั้นมีสัญชาตญาณหนีอย่างเดียว ตอนเป็นมนุษย์เคยกล้าไม่กลัวใคร ถ้าไปอยู่แบบฟอร์มกวางก็จำไม่ได้ ก็ต้องคิดไปตามกลไกของแบบฟอร์มนั้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น การมองเห็นว่าหมาน่ารัก แมวน่ากอด หนูน่าเกลียด จิ้งจกน่าเบื่อ งูน่ากลัว ไส้เดือนน่าขยะแขยง นั้น ก็เป็นการมองที่ไม่เข้าใจในความเป็นจริงของธรรมชาติ จึงมีความเห็นที่ไม่เท่าเทียมกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สัตว์ต่าง ๆ มันก็ไม่สามารถเลือกเองได้ มันไม่อยากเป็นหมา ไม่อยากเป็นแมว ไม่อยากเป็นหนู ไม่อยากเป็นกิ้งกือไส้เดือน แต่เมื่อวิบากส่งไปลงในแบบฟอร์มขันธ์ห้านั้นแล้ว เขาก็ต้องไปตามแบบฟอร์มนั้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แบบฟอร์มแมวน่ารัก ขี้ประจบ เขาก็เล่นไปตามกลไกของแบบฟอร์มนั้น แบบฟอร์มนั้นจึงมีขนสวย น่ารัก สะอาด ประจบเก่ง<O:p</O:p
    แบบฟอร์มหนู ชอบลักขโมย ชอบคุ้ยเศษอาหาร สกปรก เแบบฟอร์มนั้นจึงมีขนสีดำหรือทึม ๆ หางแหลมน่าเกลียด เพราะต้องอยู่ในท่อสกปรก เราเห็นก็รังเกียจเหมือนกันหมด
    <O:p</O:p
    มดชอบขึ้นอาหาร มดกี่ตัวกี่ตัวเดินเรียงแถว จะมารุมกินแต่เศษอาหารที่ทิ้งไว้ ก็เพราะแบบฟอร์มเขาเป็นอย่างนั้น จมูกได้กลิ่นไกลมากและมาเป็นขบวน ซึ่งเขาอยู่ในแบบฟอร์มนั้น ๆ ก็ไม่สามารถเลือกได้ ต้องเป็นไปตามกลไกของแบบฟอร์มนั้น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แม้แต่มนุษย์ก็ไม่สามารถเลือกเองได้เช่นกัน ดังนั้น ทำไมจึงต้องสร้างกุศล สร้างบารมีไปเรื่อย ๆ เพราะในขั้นที่ไม่สามารถปล่อยวางขันธ์ห้าได้ ยังมีตัวตนของตนอยู่นั้น การที่จะบันทึกสิ่งใดเข้าไป ก็ควรที่จะบันทึกในสิ่งที่เป็นกุศลดีกว่า เพื่อป้องกันการไปอยู่ในแบบฟอร์มที่ไม่สามารถคิดรู้ได้เองเหล่านั้น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:pความจริงทุกสิ่งมันก็เป็นของมันอย่างนั้นแหละตามกลไกของธรรมชาติ แต่เราก็เลือกที่จะอยู่กับสิ่งใด ๆ ก็ได้ แต่อย่าได้ไปยึดว่าสิ่งนี้ดีกว่าสิ่งนี้ เรารักแมวก็อยู่กับแมวไป แต่อย่างไปว่าคนที่เขารักสุนัข ถ้าสุนัขมันวิ่งไล่แมวเรา ก็ต้องรู้ว่าสัญชาตญาณของสุนัขมันเป็นอย่างนั้นเอง เราก็ช่วยแมวไปตามเรื่อง ตามความเมตตาเท่าที่ทำได้ แต่การที่จะไปขุ่นแค้น อาฆาต แล้วฆ่าสุนัขตัวนั้น ก็เพราะเราเห็นว่าสิ่งนี้เรารัก สิ่งนี้เราเกลียด เราต้องกำจัดสิ่งที่เราเกลียดไป แต่ถ้าแมวเราไปไล่จับหนูก็ต้องรู้ว่าสัญชาตญาณมันเป็นอย่างนั้นเอง เราก็ช่วยหนูไปตามเรื่องตามความเมตตาที่เรามี ไม่ใช่ไปโกรธแค้นแมวเราเพิ่มอีก หาว่าเราก็เลี้ยงอาหารอย่างดีแล้วก็ยังไปกินหนูอีก ซึ่งสิ่งนี้เป็นกลไกของแบบฟอร์มของมัน ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดอะไรถูกเช่นกัน เพราะมันเป็นธรรมชาติของแต่ละแบบฟอร์มนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นกต้องจิกกินหนอน ไก่ต้องกินไส้เดือน งูก็ต้องกินกบกินเขียด เราไม่สามารถไปช่วยสัตว์เหล่านั้นได้ทั้งโลก แต่ถ้าสิ่งนั้นเราสามารถช่วยเหลือได้ มาเกิดตรงหน้าเรา เรามองเห็น ก็ช่วยกันไปตามธรรมดา ตามความเมตตากรุณาที่มีอยู่ แต่บางสิ่งที่ไม่สามารถช่วยได้ ก็ต้องปล่อยวาง ต้องเห็นความเป็นไปของธรรมชาติ จิตจะได้ไม่ไปหดหู่เศร้าหมองกับธรรมชาติเหล่านั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:pก็เป็นมุมมองอีกมุมหนึ่งของการเห็นความเป็นเช่นนั้นเองของธรรมชาติ เราจะได้ไม่ไปมีอคติกับสิ่งใด ๆรอบตัว ที่อันนี้ชอบ อันนี้ไม่ชอบ รักแมว เกลียดหมา รักนก เกลียดหนู หรือมองเห็นสิ่งนี้ ดีกว่าสิ่งนี้ ทำให้จิตของเราโอนไหวไปตามความเห็นที่เอียงไปในด้านใดด้านหนึ่งนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2008
  20. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451

    ขอขอบคุณมากเลยนะคะ ที่กรุณานำประสบการณ์ที่พบเจอมาเล่าให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับฟังด้วย น่าสนใจ และมีหลายเรื่องที่คล้ายกันกับที่กลุ่มผู้ฝึกได้พบเจอมาแล้ว และก็ได้รับการยืนยันจากระบบว่า ทั้งหมดที่พบเจอ เป็นอุปกรณ์เทคโนโลยี ที่ต้องนำมาใช้เพื่อบอกข่าวสาร และใช้งานในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ

    ความจริงวันนี้อยากจะเล่ารายละเอียดเรื่องเทคโนโลยีต่อ เพื่อที่จะให้หลาย ๆ ท่านที่เริ่มพบเจอมากขึ้นได้มีความเข้าใจ และไม่ต้องวิตกกังวลใด ๆ เพราะสิ่งที่พบเจอนี้ เป็นการวางแนวทางไว้เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เทคโนโลยี ในการส่งสัญญาณภาพ ส่งสัญญาณเสียง ที่จะต้องมีความชัดเจนในการใช้ได้จริงวันข้างหน้านั่นเอง

    พี่สุดใจขอไว้เล่าเรื่องอุปกรณ์ต่อในโอกาสหน้านะคะ เพราะวันนี้ ได้เล่าเรื่องของแบบฟอร์มขันธ์ห้าไปแล้วนานพอสมควร แต่ก็เพื่อเป็นการเปิดมุมมองให้เห็นความเป็นเช่นนั้นเองของธรรมชาติให้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

    ขออนุโมทนาค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...