ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ดังนั้น ที่พี่สุดใจ เป็นผู้แจ้งรายชื่อผู้เข้าร่วมทำงานตามที่ระบบได้ส่งข้อมูลมานั้น ก็เพราะพี่สุดใจทำหน้าที่เป็น ผู้รับผิดชอบแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต ตามที่ระบบได้มอบหมายหน้าที่ให้ ดังนั้น เมื่อพี่สุดใจได้รับข้อมูลจากระบบ ให้ทำหน้าที่เป็นผู้แจ้งให้ผู้เข้าร่วมทำงานกับระบบ ท่านนั้น ๆ ได้รับทราบ นั่นก็หมายความว่า บุคคลที่ระบบประกาศรับเข้าทำงานกับมนุษย์ต่างดาวท่านนั้น ก็ต้องเป็นบุคคลที่ทำงานในแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต หรือเกี่ยวเนื่องกับแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต ซึ่งอยู่ในส่วนที่ระบบมอบหมายหน้าที่มาให้เท่านั้น<O</O
<O</O
ดังนั้น ระบบได้กล่าวไว้ว่า จริง ๆ แล้ว มีคนของระบบจำนวนมาก ที่ส่งมาเพื่อทำงานเรื่องของภัยพิบัติ ซึ่งส่วนมากจะอยู่ในแผนกประชาสัมพันธ์เสียเป็นส่วนใหญ่ <O</O
<O</O
คนของระบบที่ทำงานแผนกประชาสัมพันธ์นั้น หมายถึง บุคคลที่ทำเรื่องของภัยพิบัติ ซึ่งงานที่ทำเป็นทั้งเรื่องของการเตรียมการ เรื่องของการกระจายข่าวสารข้อมูลภัยพิบัติต่าง ๆ ให้สาธารณชนได้รับทราบ งานที่ทำในเรื่องของการประสานงานกับกลุ่มภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่น ๆ เป็นหลัก <O</O
<O</O
จะเห็นได้ว่า ระบบ ได้มีการวางตัวผู้ทำงานไว้แล้วยังจุดต่าง ๆ มากมาย ถึงท่านจะทราบหรือไม่ทราบ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับระบบ เมื่อถึงเวลาท่านต้องได้รับการสื่อสารข้อมูลจากระบบอยู่แล้ว เพราะท่านจะต้องเป็นผู้ที่ช่วยเหลือคนอื่น ๆ ยังจุดนั้น ๆ
<O</O
ซึ่งตอนนี้ ก็มีการฝึกซ้อมการรับข่าวสารจากมนุษย์ต่างดาวกันอยู่แล้วในหลาย ๆ ท่าน มีทั้งทางความฝันบ้าง ทางสมาธิบ้าง มองเห็นด้วยตาเนื้อบ้าง หรือทางอายตนะอื่น ๆ บ้าง ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้นก็ชำนาญ รับได้เองโดยตรงและใช้อุปกรณ์ไฮเทคได้เลย<O</O
<O</O
สำหรับแผนกประชาสัมพันธ์นี้จึงมีบุคคลทำงานประจำแผนกนี้จำนวนมาก ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในสายของเรื่องภัยพิบัติ แต่คนที่เป็นบุคคลที่พอจะรู้ตัวก็จะเริ่มทราบว่า เรามีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ เหมือนมีการคอนโทรลจากอะไรบางอย่าง มีการเตรียมการไว้ให้ วางช่องทางไว้หมด เหมือนการได้อะไรที่บังเอิญบ่อย ๆ หรือขาดอะไรก็จะมีมาแบบคาดไม่ถึง มีการเชื่อมต่อกับจุดอื่น ๆ ได้ง่าย มีการไว้วางใจกันโดยไม่ต้องอาศัยเวลา เห็นหน้าพูดคุยแล้วไว้ใจกันเลย ไม่เหมือนทางโลกต้องทำความคุ้นเคยกันนานกว่าจะไว้ใจ เพราะระบบได้กล่าวไว้ว่า คนของระบบจะมีการเตรียมการ ทำความคุ้นเคยซึ่งกันและกันไว้ให้ก่อนแล้ว <O</O
<O</O
ดังนั้น บางคนพบเจอกันครั้งแรกก็เหมือนคุ้นเคยกันมาก่อน เหมือนเคยเห็นที่ไหน เหมือนเคยรู้จักมาก่อน หรือคล้ายคนรู้จัก หรือคล้ายญาติ ยิ่งพูดคุยกันไม่เท่าไรจะสนิทกันง่ายไว้ใจกันได้ และร่วมงานกันเลย <O</O
<O</O
นี่เป็นการเตรียมการของระบบงานหนึ่ง ที่มีการวางไว้มานานแล้ว เพราะไม่มีเวลาที่จะต้องให้มานั่งทำความคุ้นเคยเป็นปี 2 ปี เหมือนทางโลก เพราะจะไม่ทันเวลา <O</O
<O</O
ดังนั้น ในบางส่วนของ 100 ครอบครัว ที่ระบบเคยบอกไว้นานแล้วนั้น เท่าที่ทราบก็มีจำนวนค่อนข้างมาก ซึ่งในส่วนนี้ ครอบครัวของคุณ mead คุณอลงกรณ์ คุณอนุ

 

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2550 (วันที่กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติได้ขึ้นไปบนเขากะลาจำนวน 4 ท่าน ) และเห็นยานใหญ่ บังทับมิติเดิมบนท้องฟ้าในวันนั้น จึงมี 2 ท่าน เข้าร่วมงานกับระบบ ในจำนวน 2 ท่านนั้น คือคุณ Falkman (ซึ่งเคยเห็นจานบินและร่างมนุษย์ต่างดาวเข้ามาหาในบ้านตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และยังถ่ายภาพจานบินได้ที่มาเลเซีย เป็นคนระบบแน่นอนค่ะ ) และคุณอ๊อด ส่วนอีก 2 ท่านทำงานกับระบบมามากกว่า 10 ปีแล้ว ก็คือคุณ mead และคุณคณานันท์ อยู่ในแผนกประชาสัมพันธ์ ( ผู้ที่ขึ้นไปในวันนั้น เป็นคนของระบบทั้งหมดค่ะ) ซึ่งทุกท่านมิได้อยู่ในแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต พี่สุดใจจึงมิได้เป็นผู้แจ้งให้ทราบค่ะ
<O</O
ซึ่งในส่วนนี้ ผู้รับผิดชอบแผนกขับเคลื่อนระบบ และ maintenance ระบบ เป็นผู้ได้รับข้อมูลจากระบบ และเป็นผู้แจ้งในผู้เข้าร่วมทำงานกับระบบเพิ่มเติมในแผนกอื่น ๆ อีก 3 แผนกนั้น และยังมีอีกจำนวนหลายท่านที่มิได้เป็นครอบครัว แต่เป็นหนึ่งใน 5,000 คนที่ทำงานแล้ว รวมทั้งไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีแจ้งเพิ่มอีก <O</O
<O</O
ซึ่งในส่วนนี้ แผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต ก็ได้แต่เพียงรับทราบ เพราะท่านนั้น ๆ มิได้ร่วมทำงานในแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต ดังนั้น พี่สุดใจ และผู้ร่วมแผนกจึงเพียงรับทราบไว้เท่านั้น<O</O
<O</O
ดังนั้น ท่านที่อ่านข้อความนี้ หรือท่านที่อยู่ในเวปไซด์พลังจิตแห่งนี้ มีหลายท่านที่ระบบได้เคยแจ้งไว้แต่อยู่ในแผนกอื่น ๆ และทำงานให้กับระบบแล้ว ซึ่งท่านจะทราบหรือไม่ทราบ หรือท่านจะคิดอย่างไรก็ตาม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปตามที่ระบบได้วางไว้อยู่นั่นเอง
<O</O
ดังนั้น พี่สุดใจจึงขออธิบายข้อความที่คุณชยุตได้กล่าวมา เพื่อให้หลาย ๆ ท่านได้รับทราบด้วย ซึ่งท่านอื่น ๆ นั้น หลายท่านมีการเข้าทำงานกับระบบแล้ว เพียงแต่จะรู้หรือไม่เท่านั้น ถ้าท่านสังเกต ท่านก็จะรู้<O</O
<O</O
ส่วนแผนกพื้นที่ ก็มีบุคคลจำนวนมากที่เข้าประจำอยู่พื้นที่นั้น ๆ ซึ่งก็จะมีจำนวนมากเช่นกัน ทั้งภายใน และต่างประเทศ เพียงแต่ระบบทยอยแจ้งชื่อเข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งท่านเหล่านั้นจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม<O</O
<O</O
สิ่งที่กล่าวมานี้ แล้วแต่ท่านจะพิจารณา ซึ่งทางเรามิได้มุ่งหมายให้ท่านเชื่อหรือไม่ เพราะเป็นข้อมูลเฉพาะกลุ่ม แต่ขอให้ท่านลองสังเกตดูว่า สิ่งที่ท่านพบเจอ สิ่งที่ท่านสัมผัส หรือสิ่งที่ท่านได้เห็นนั้น มันมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนในเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้ ซึ่งในหลาย ๆ ท่านที่มีประสบการณ์พบเจอวัตถุแปลก ๆ ปรากฏการณ์แปลก ๆ หรืออาจจะฝันแปลก ๆ ซ้ำ ๆ แล้วก็เกิดขึ้นจริง อาจจะพอเปิดใจรับฟังและนำไปเทียบเคียงได้ แต่ท่านที่ยังไม่พบเจออะไรนั้น ก็ลองศึกษาจากประสบการณ์ของท่านอื่น ๆ ไปก่อนนะคะ เพราะหากพบเจอเมื่อใด จึงค่อยเชื่อก็ได้ค่ะ เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นพี่สุดใจทำเองไม่ได้ มนุษย์ต่างดาวต้องทำเอง ไม่ว่าจะเป็นการนำจานบินไปให้เห็น การทำมิติให้เห็น ไปฉายภาพในฝัน หรือไปทำปรากฏการณ์บางอย่างให้ฉุกใจคิดเหล่านี้ นอกเหนือความรับผิดชอบของพี่สุดใจแล้ว มนุษย์ต่างดาวต้องทำเอง

พี่สุดใจ เป็นผู้รับผิดชอบแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต จึงทำหน้าที่แจ้งรายชื่อเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมในแผนก และเกี่ยวเนื่องกับแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิตเท่านั้นค่ะ ซึ่งก็ยังมีอีกหลายท่านในแผนกนี้ ที่จะได้เข้าร่วมงานกัน คงต้องรอระบบแจ้งมาในโอกาสต่อไปค่ะ<O</O
<O</O
<O</O
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามข้อมูลมาตลอด และขออนุโมทนาล่วงหน้ากับผู้ร่วมงานคนใหม่ที่กำลังจะตามมาค่ะ.<O</O

 

ความจริงแล้ว มิใช่ว่าการที่ใคร ๆ มาพบเจอ หรือรู้จักกับพี่สุดใจ หรือกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) แล้ว จะเป็นคนของระบบทุก ๆ คน มิใช่เช่นนั้นนะคะ

พี่สุดใจคงต้องขออธิบายสักเล็กน้อย

ความจริงแล้ว เขากะลา เป็นจุดที่มีบุคคลจำนวนมากได้ขึ้นไปที่นั่น ได้พบเห็นยานอวกาศ ได้มีการรับทราบเรื่องราวของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) อย่างละเอียดก็จริง แต่การที่จะเป็นคนที่ระบบได้จัดวางไว้นั้น ไม่ได้หมายความว่าต้องรู้จักมาก่อนนานแล้ว หรือเพิ่งรู้จัก แต่เพราะว่าทุกคนมีการถูกฝึกมาเฉพาะตนในแต่ละบุคคล แต่ละที่ ทั่วโลกด้วยซ้ำ ดังนั้น การที่จะมีการมาพบเจอ มารู้จัก มาเข้าใจเรื่องราวของระบบ จะมีจำนวนน้อยมาก ซึ่งความจริงเรียกได้ว่าไม่ถึง 1 % ด้วยซ้ำในขณะนี้<O</O
<O</O
นั่นก็เพราะว่า ทุกคนทำงานได้โดยไม่ต้องรู้ระบบ เพราะก็จะได้ประโยชน์ตนใน 30% อยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องทำงานในระดับผู้ที่รับรู้โครงการทั้งหมดนั้น ก็จะเป็นจุดที่มนุษย์ต่างดาวเป็นผู้เลือกไว้สำหรับเป็นผู้ที่ต้องประสานงานกับกลุ่มอื่น ๆ คณะอื่น ๆ และต้องให้ข้อมูลจากจุดนี้ไปยังทั่วโลก ในเมื่อข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ต้องออกสู่สาธารณะในระดับสากล ดังนั้นการรับทราบข้อมูล จึงต้องทราบในระดับลึก ในระดับโครงการ เพราะต้องร่วมงานในระดับสากล<O</O
<O</O
แต่หากจะคิดว่า ทำไม ? เพิ่งมาพบเจอไม่เท่าไร จึงรับเข้าร่วมงานกับมนุษย์ต่างดาวเลย ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น แต่ละคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมงานนั้น เป็นการคัดเลือกมาอยู่แล้ว แม้จะอยู่คนละสถานที่ คนละงาน แต่มีการฝึกเดี่ยวในรูปแบบคล้ายกัน มีเหตุการณ์ที่หาคำตอบไม่ได้คล้ายกัน มีไฟฟ้าในตัวมากเกินไปคล้ายกัน มีปรากฏการณ์แปลก ๆ ที่พบเจอคล้ายกัน เมื่อมาเจอกัน ได้สนทนากัน ก็เลยมีการรับรู้ที่ไม่ยากจนเกินไปนักที่จะเชื่อเพราะพบเจอมาแล้ว และทุกท่านที่พี่สุดใจได้รับข้อมูลให้แจ้งเข้าทำงานก็มิใช่ว่าเจอกันแล้วระบบรับเลย แต่ทุกท่านก็ยังต้องมีการทดสอบอยู่ดี<O</O
<O</O
พี่สุดใจจะไม่พูดถึง 60 บุคคลที่รับการฝึกโดยตรง<O</O
<O</O
จะไม่พูดถึง 100 ครอบครัว ที่ได้มีการพบเจอนับ 10 ปี ที่ยังติดต่อและร่วมงานกันอยู่<O</O
<O</O
แต่จะขอพูดถึงเฉพาะในส่วนที่พี่สุดใจรับผิดชอบ แจ้งเข้าร่วมงานในแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิตเท่านั้น<O</O
<O</O
รุ่น 49 คือคุณ ณพงษ์ หรือ ukrin ได้มีความสนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นพื้นฐานมานานแล้ว ติดตามเรื่องราวจาก ดร.เทพนม มาหลายปี จนเมื่อปี 2548 ได้มาพบพี่สุดใจและกลุ่มประสานงานฯ ที่ไปจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 10 ที่ราชมงคลฯ ดินแดง จากนั้นก็ได้ไปเขากะลา และติดตามมาตลอดก็เป็นระยะเวลา 2 ปีก่อนมีการประกาศรับเข้าทำงาน<O</O
<O</O
รุ่น 50 คุณณภัทร หรือคุณ Astro Neemo ไม่ได้เป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน มาเพื่อที่จะสัมภาษณ์เขียนหนังสือ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2549 ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 11 ที่ราชมงคลฯ ดินแดง และสนใจข้อมูล จนได้เดินทางไปเขากะลา เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 พร้อมกัน 4 ท่านในวันนั้น<O</O
<O</O
คุณชยุต รุ่น 51 ลำดับที่ 1 ซึ่งเป็นคนที่ระบบวางไว้ ได้เจอครั้งแรกที่สวนลุมพินี ที่กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติประชุมกันและเชิญพี่สุดใจไปร่วมสนทนาด้วย ก็เป็นคนบันทึกข้อความที่พี่สุดใจพูดในวันนั้น แต่พี่สุดใจจำใครไม่ได้เลย และเพิ่งได้เจอกันในวันรวมพลคนพลังจิตติดต่อ UFO ในวันนั้นระบบให้นำพระพุทธรูปซึ่งเป็นของกลุ่มเขากะลาเดิมในช่วงที่ฝึกติดไปด้วย และในวันนั้น มีหนุ่ม ๆ คนหนึ่งเดินมาไหว้และบอกว่า ผมชยุตครับ พี่สุดใจรับไหว้ และได้หยิบพระพุทธรูปซึ่งใส่ไว้ในกล่องให้ไปทันที ซึ่งพี่สุดใจก็ไม่ทราบว่าทำไมจึงให้คนนี้ เพราะมีคนมาไหว้มากมาย แต่ในวันนั้นระบบได้มอบให้ 3 - 4 ท่าน ดังนั้น ในช่วงหลังจึงได้รู้ว่า ระบบเขามีการมาร์กไว้แล้วนั่นเอง <O</O
พี่สุดใจจำไม่ได้ว่าได้ให้ใครบ้าง แต่เท่าที่จำได้ มีครอบครัวคุณ ZZ คุณคณานันท์ คุณ Zeus@ สำหรับคุณ Falkman ได้ให้ก่อนหน้านั้นหลายวัน<O</O
<O</O
ส่วนคุณ อภิสิทธิ์ หรือคุณ O.A.T. รุ่น 51 ลำดับที่ 2 ความจริงเจอกันตั้งแต่ปี 2549 พร้อมคุณ Neemo และได้มีการพบเจอกันหลายครั้ง และมีการมอบพระพุทธรูปของเขากะลาให้ไปในช่วงที่ได้เดินทางมาพบพี่สุดใจที่หอพักในกรุงเทพฯ ซึ่งก็ได้มีประสบการณ์เห็นยานอวกาศด้วยตนเองมาแล้ว เลยสนใจและติดตามเรื่อยมา<O</O
<O</O
คุณรวิช หรือคุณปาฏิหาริย์ รุ่น 51 ลำดับที่ 3 พบเจอพี่สุดใจที่งานวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 11 พร้อมกับคุณ Neemo และคุณ O.A.T. และมีประสบการณ์มากมายด้านพลังงานที่สัมผัสได้ และมีความเข้าใจในเรื่องนี้มาก ได้เดินทางไปเขากะลา เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 พร้อมกับคุณ Neemo คุณ ufo no.356 และคุณแดง (ซึ่งระบบแจ้งว่าอยู่แผนกประชาสัมพันธ์)<O</O
<O</O
คุณธนิตศักดิ์ หรือคุณ ufo no.356 รุ่น 51 ลำดับที่ 4 ตอนนี้อยู่อิตาลี ในช่วงที่อยู่เมืองไทย เจอพี่สุดใจที่สวนลุมฯ พร้อมกับคุณชยุต และคุณ ZZ ในวันนั้น และได้เดินทางไปเขากะลาพร้อมกันในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 เช่นกัน



ภาพล่าง รถจำนวน 4 คัน ที่มีบุคคลภายนอกจำนวน 4 ท่านเดินทางไป ซึ่งคันหน้า BMW. ของคุณNeemo ก็ยินดีลุยเข้าไป จอดรถแล้วถ่ายภาพก่อนเดินขึ้นเขา (ภาพจากกล้องคุณNeemo)
4 ท่านนั้นก็คือ คุณณภัทร - Neemo คุณรวิช -ปาฏิหารย์ (อยู่หลังสุดเห็นแต่แว่นตาค่ะ) คุณธนิตศักดิ์ - ufo no.356 และคุณแดง<O</O

 

เพิ่งจะเข้ามาวนเวียนในเวปนี้ได้ไม่นาน
วันนี้เข้ามาศึกษาธรรมะจากพี่สุดใจค่ะ...
อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ คงเพราะมีการยกตัวอย่างที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน

ส่วนเรื่องระบบนั้น...เป็นเรื่องใหม่ที่ได้รับรู้เพื่อเปิดหูเปิดตาดีค่ะ ถ้ามีเจตนารมย์เพื่อมวลชน...จะมาในรูปแบบใดก็ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน...


อนุโมทนาบุญจากธรรมทานของทุกท่านค่ะ

 

ทั้งหมดนี้ เป็นผู้ที่พี่สุดใจไม่ได้รู้จัก ต่างคนต่างมา แต่ว่าแต่ละท่านมีประสบการณ์คล้ายกัน พูดถึงประสบการณ์ที่พบเจอในสิ่งที่คล้ายกัน และมีตัวอย่างที่เหมือนกันในหลาย ๆ เรื่อง จนหลังจากกลับจากเขากะลาแล้ว ได้พบเจอสิ่งแปลก ๆ กับตัวเองหลายอย่าง และบางท่านเริ่มรับข้อมูลได้ จึงมีความเชื่อในเรื่องของระบบมนุษย์ต่างดาวเพิ่มขึ้น และที่สำคัญเมื่อรู้ว่าเขามาเพื่ออะไร? เพื่อช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีความพร้อมที่จะร่วมงานเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์บนโลกเรานี้</O
</O
<Oจะเห็นได้ว่า ทุกท่านมีการศึกษาธรรมะมามาก มีการพิจารณาไตร่ตรองที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน มิใช่เจอปุ๊ปจะรับปั๊บเช่นนั้น แม้แต่คุณชยุต เจอเมื่อต้นปี 2550 ก็จริง แต่ก็ต้องเข้ามาอ่าน เข้ามาศึกษาข้อความจากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)อย่างต่อเนื่องมาเป็นปี จึงพอมีพื้นฐานสามารถเข้าใจในเรื่องของระบบได้<O</O
<O</O
ดังนั้น การที่แต่ละท่านเข้ามานั้น มนุษย์ต่างดาวที่ได้จัดวางไว้นั้น ต้องดำเนินการนำแต่ละท่านมาพบเจอกับกลุ่มประสานงานฯ เอง เพราะแต่ละท่านที่มาเจอก็มาแบบไม่ได้ตั้งใจบ้าง ไม่ได้สนใจบ้าง หรือสนใจติดตามและไปพบเห็นจานบินเองบ้าง แตกต่างกันไป<O</O
<O</O
พี่สุดใจจึงมิใช่ผู้ที่รับผิดชอบไปติดตาม ไปค้นหา ไปบังคับใด ๆ เพียงแต่มีหน้าที่ให้ข้อมูลในส่วนที่แต่ละท่านสนใจเท่านั้น ที่เหลือท่านก็ต้องได้รับการยืนยันจากมนุษย์ต่างดาวเอง จะในรูปแบบใดก็แล้วแต่ ที่ทำให้ท่านสามารถพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าเชื่อนั่นเอง
<O</O</O
พี่สุดใจก็คงมา

 

เรียนคุณสุดใจ ได้ติดตาม เวปพลังจิตมานามพอสมควร 1- 2ปี หลังจากมีคนสกิดให้มาศึกษาธรรมะ ซึ่งเดิมนับถือพุทธศาสนาแค่เปลือกจริงๆไ ม่เคยศึกษาถึงแก่นแท้ของศาสนาเลย และทำให้ได้เข้ามาที่ เวปนี้และได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง ได้ไปร่วมฟังตอนมีสัมมนา UFO ด้วย(ไปคนเดียวไม่รู้จะชวนใครไปเพราะดูคนรอบข้างไม่มีใครเขาสนใจกันเลย )พยายามศึกษาแนวดูจิต ซึ่ง อ. ที่สอนหลักการเหมือนที่คุณสุดใจฝึกมาเลยค่ะคืออันดับแรกให้ตามดูจิตและดูกายแยกจิตกับความคิดให้ได้ ตัวเองเป็นที่ ค่อนข้างเหมือนคุณสุดใจเลยค่ะพี่สุดใจเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง หงุดหงิดง่าย อะไรก็ไม่ค่อยจะถูกใจสักอย่าง ขนาดเปิดแอร์เย็น ๆ แต่เย็นไม่ทันใจก็หงุดหงิด ข้างบ้านเปิดเพลงเสียงดังก็หงุดหงิด ไปซื้อของคนขายหยิบให้ช้าก็หงุดหงิด จึงมีแต่เรื่องไม่พอใจ ได้ copy ทีคุณสุดใจ เขียนเรื่องการแยกขันธ์ห้าไว้ใน เวปชอบมากเลยและได้ ส่งต่อให้เพื่อน ๆ ที่คาดว่าเขาจะสนใจได้อ่านแต่ตัวเองยังปฎิบัติไม่ถึงไหนเลยค่ะ มีเรื่องจะถามนิดหนึ่งค่ะ ถ้าหากเราไม่ได้เป็น 1 ใน 5000 คน เราควรจะปฎิบัติอย่างไรให้พ้นภัยพิบัติได้ค่ะ

 

ตัวอักษรใหญ่ไปหน่อยนะครับ :d

ผมเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบบหรอกนะครับ และก็ไม่คิดด้วยว่าเป็นหนึ่งในนั้น เพียงแค่เห็นคำถามแล้วอยากจะตอบน่ะครับ

ถามว่าควรปฏิบัติอย่างไร ก็ควรปฏิบัติเพื่อเป็นการยกระดับจิตใจเราให้สูงขึ้นเท่าที่จะทำได้ เพราะถึงแม้จะไม่สามารถข้ามผ่านยุคภัยพิบัติที่จะเกิดนี้ได้ แต่จุดหมายที่ได้ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าสุคติภูมิครับ

แล้วถ้าถามต่อว่าจะให้ปฏิบัติอย่างไร คิดว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้ก็นับว่ามาถูกทางแล้วละครับ คือ การปฏิบัติที่จิตของตัวเองให้ละวางจากการยึดมั่นถือมั่นในความคิดและตัวตนครับ สิ่งที่ควรทำเพิ่มเติมก็หมั่นเสริมสร้างบุญกุศลของตัวเองในด้านต่างๆเท่าที่กำลังจะทำได้ครับ เพราะสิ่งเหล่านี้ที่ทำไปจะไม่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ผู้ที่ทำย่อมได้รับผลตอบแทนของการกระทำแน่นอนครับ และถ้าเป็นไปได้ก็โน้มน้าวบุคคลรอบๆตัวเราให้หมั่นกระทำแต่สิ่งที่ดีๆด้วยครับ

 

ถึงจะไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือกให้ทำงานกับระบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าโอกาสของเราไม่มี
แต่อยู่ที่เมื่อเราเชื่อและปฏิบัติตนยกจิตตนให้สูงขึ้นก็เป็นสิ่งเป็นประโยชน์มาก
อาจโชคดีด้วยซ้ำที่ไม่ต้องแบกภาระอะไรจะเกิดก็เกิด
ขอให้ใจเราสะอาดสว่างสงบก็สุดยอดแล้วละ
ไม่ได้หวังเป็นคนที่จะรอดหรือไม่รอด
แต่หวังให้ได้ไปสู่สุคติยังไม่อาจเอื้อมนิพพาน
เพราะรู้ตัวดีว่าความดีบารมีจิตยังไม่ตั้งมั่นพอ
ขอสะสมบุญบารมีไปเรื่อยก่อน
อย่าเผลอไปตกในที่ไม่ดีก่อนเพราะจะเสียเวลาไปนานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

ใช่เลยครับ จะรอดหรือไม่คงไม่มีความหมายถ้าหากเราไม่สามารถพัฒนาจิตใจของเราได้

 

ขอส่งรูปขึ้นเว็ปตามคำแนะนำ
ได้ผลอย่างไรลองดู
เป็นรูปที่ถ่ายจากวัดไทยกุสินาราเฉลิมราช
ตรงพระมหาเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
และเส้นผมของในหลวง
ถ่ายเมื่อวันที่1ธ.ค.2550

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่ที่ผมไม่เชื่ออยู่อย่างหนึ่งก็คือ
ผมไม่เชื่อว่าพวกท่านทั้งหลายจะ "แค่บังเอิญผ่านมา" เท่านั้น
มีคนอยู่ 6 พันกว่าล้านคนบนโลกนี้ แต่สมาชิกเวปนี้มีแค่หลักแสน
คิดดูเป็นแค่กี่ % เองครับ และไอ้หลักแสนที่ว่านี้ จะมีกี่ % กัน
ที่จะติดตามอ่านกระทู้นี้มาตลอด แบบเข้าใจและสนใจจริงๆ

บางทีคนที่เจอ "ความบังเอิญ" บ่อยๆนี่ ก็ต้องพิจารณาตัวเองแล้วหละครับ
ว่าท่านอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อมีชีวิตอยู่ หากิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ตัวเอง
และครอบครัวไปวันๆ อย่างคนทั่วๆไปก็ได้ แม้เป้าหมายท่านอาจจะยังไม่ใช่
การอุทิศตนเพื่อคนอื่นอย่างเต็มตัว "ในขณะนี้" (แค่ในขณะนี้เฉยๆนะ..
ต่อไปก็อาจจะไม่แน่) เพราะท่านก็ปฏิบัติจิต ปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว
จิตใจท่านสูงส่งกว่าคนอีกนับล้าน

ฉะนั้นแม้ท่านจะถูกระบบวางตัวเอาไว้ช่วยงานนี้ หรือไม่ก็ตาม แต่ตัวท่านเอง
และครูบาอาจารย์ของท่านก็คงไม่พลาดที่จะเต็มใจร่วมสร้างบารมีนี้ด้วย
อย่างแน่นอน ใช่ไหมครับ

ผมเชื่อว่าอย่างนั้นนะ และก็เชื่อว่า ในยุกต์สมัยกึ่งพุทธกาลนี้ มีหน่อเนื้อพุทธภูมิ
มีผู้ที่อาสาลงมาเกิดเพื่อค้ำจุนพระศาสนาให้ครบ 5 พันปี และมีคนในระบบฯอีกมากมาย
ที่ลงมาเกิด และจะได้ประสานงานกัน ร่วมสร้างบุญบารมีของตน ตามแต่เหตุปัจจัย
จะอำนวย และตามความถนัด ความสามารถของตนเอง

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ Chayutt หลายๆๆๆๆ คนในนี้ไม่ได้บังเอิญมาเกิด หรือหมดบุญแล้วมาเกิด แต่มาตามหน้าที่

 

ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำมาค่ะ จะพยายามปฎิบัติธรรมให้มากขึ้นค่ะ ตอนนี้ทฤษฎีเริ่มศึกษาไปได้เยอะแล้วหลังจากกระหายอยากรู้พยายามไปค้นคว้า ตำรา และไปฟังเวลามี วิทยากรหรือพระมาเทศน์ให้ฟังตอนนี้เหลือแต่ภาคปฎิบัติกำลังเข็นอยู่ค่ะ และ ต้องขอโทษที่ โพสท์ครั้งที่แล้วตัวใหญ่ไปหน่อยคือว่ายังไม่คุ้นเคยกับการ โพสท์ค่ะ

 

มีแสงออกจากหน้าผากพี่สุดใจด้วย
คนอื่นก็มี คืออะไรคะ

 

อาการแบบนี้เป็นเหมือนกัน ทุกวันนี้ปิดประตูรถต้องจับที่กระจกแทน
การระบายพลังออก คือ ตดออก มันเป็นเองโดยอัตโนมัติ ลมร้อนๆ
วันไหนนั่งสมาธินานๆ พลังเกินมันเยอะ ออกทั้งวันเลย ที่บ้านไม่มีดิน
ให้ถ่ายลง ใครเป็นแบบนี้บ้าง (เล่าแล้วก็อายนะเนี่ยะ) ^-^

 

อายทำไมหละครับ..คนเยอะแยะ !!

แหะ แหะ ล้อเล่นนะ

 

พักนี้พี่สุดใจคงยังไม่ว่าง
เดี๋ยวผมจะโซโล่เล่าเรื่องของตัวเองบ้างดีไหม๊เนี่ย..

ไม่รู้หละ รู้แต่ว่า..จะต้องเล่าทิ้งไว้สักวันแหละ..
เผื่อมีใครที่มีประสบการณ์คล้ายๆกันนี้
จะได้เอาไปเทียบเคียงได้บ้าง..เชื่อว่าต้องมีเยอะทีเดียว
เพราะพี่สุดใจบอกเสมอเลยว่า "สายฝัน" มีเยอะมากเลย..

เอ่อ..เริ่มตรงไหนดี.??

.....นึกก่อนนะ....

 

เอาเลยครับอยากฟัง

ยังไม่เห็นพี่ไปลงชื่อยืนยันฝึกพลังยูเรอัสเลยน่ะครับ

 

เริ่มนะครับ..

ตามที่พี่สุดใจเคยเล่าให้ฟังว่า..ใครก็ตาม..ที่เป็นคนในระบบ
ระบบ เขาจะวางตัวเอาไว้ "ตั้งแต่ก่อนเกิด" เลยทีเดียว
คือ..วางผู้ที่มีกรรมที่เกี่ยวพันธ์หรือสอดคล้องกับเรื่องนั้นๆเอาไว้แล้ว
วางบุคคลิกลักษณะเอาไว้แล้ว วางแนวทางต่างๆในชีวิตเอาไว้ให้แล้ว

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรา แต่เป็นคนอื่นแทน ก็จะต้องมีบุคคลิกลักษณะ
และคุณสมบัติอย่างไรนี่แหละ..เพราะนี่คือสิ่งที่จะได้เหมาะเจาะ พอดีกับงานที่ต้องทำครับ

ผมเอง..เกิดมาก็เป็นเด็กขี้สงสัยมาแต่เด็กแล้ว
เรียนเก่ง..ได้ที่ 1 ของชั้นเรียนมาตลอดตั้งแต่ปฐมแล้ว
จนถึงมัธยมต้น แต่พอมามัธยมปลาย และ มหาวิทยาลัย
ก็จะเริ่มมีอะไรหนักๆแทรกเข้ามาอย่างชัดเจน จนผลการเรียนทางโลก
ไม่ได้เป็นที่ 1 อีกต่อไป..

สมัยเป็นเด็ก ผมจะร่างกายอ่อนแอมาก ผอม...มาตลอดชีวิต
ครั้งหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อน ได้อ่านหนังสือของใครสักคน
ที่กล่าวถึงคนที่มาจากต่างดาว ที่มาเกิดบนโลกเรานี้
(น่าจะเป็นหนังสือของอาจารย์ปริญญา ตันสกุลนะ ไม่แน่ใจ)
เขาว่าคนพวกนี้จะมีร่างกายที่ออกจะผอมแห้งกว่าคนทั่วไป
มีลักษณะดวงตาที่แปลกกว่าคนทั่วไป และมีพลังจิตสูงกว่าคนทั่วไป
นอกจากนี้ คนเหล่านี้ ยังจะมีสำนึกอะไรบางอย่างที่ทำให้ตระหนัก
ถึงภาระกิจบางอย่างอยู่เสมอ คือมีคำถามกับตัวเองเสมอว่า
"คนเราเกิดมาทำไม" อะไรทำนองนั้น..
ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไรมาก ลองเทียบเคียงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน
แต่ก็คิดว่าคงบังเอิญมากกว่าหน่า...

เดี๋ยวต่อนะครับ...

 

แต่ ณ.วันนี้ ก็พอจะมีคำตอบบ้างแล้วครับ
เพราะเหมือนกับว่า..อะไร อะไร ก็เริ่มถูกเฉลยออกมาเรื่อยๆแล้ว

เมื่อสมัยเป็นเด็กๆซัก 5-10 ขวบ (ไม่แน่ใจ) แต่จำได้ว่า
พอนั่งอยู่หน้าบ้าน (บ้านนอกแถบชนบท) ก็เห็นคนไล่ต้อนวัว ต้อนควาย
ออกไปทำไร่ไถนากัน ซึ่งบางคนก็เป็นคนที่เราเคยเล่นด้วยกัน
สมัยที่เขายังไม่โตเป็นหนุ่ม เป็นสาวมาก แต่ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว
ก็เลยต้องมาไล่ต้อนวัว ต้อนควาย ออกไปทำไร่ไถนาแบบนี้

ผมก็ถามคุณแม่ว่า.."แม่..ผมโตขึ้น ผมต้องเป็นอย่างเขาหรือเปล่า?"
"ที่ต้องแต่งงาน มีลูก มีเมีย แล้วก็ต้องมาต้อนวัว ต้อนควายออกไปทำไร่ไถนาแบบนี้"
"และพอแก่มา ผมก็จะเป็นเหมือนคนแก่ๆที่ผมเห็น แบบนี้หรือเปล่า"
"ผมจะไม่เป็นแบบนี้ได้ไหม๊?? ผมไม่ชอบเลย ชีวิตคนเรามันมีความหมายแค่นี้เองหรือ??"
อะไรแบบนี้ครับ

และบางครั้งเวลาพ่อแม่พาผมเข้าไปเที่ยวในตัวจังหวัด
ผมก็จะสงสัยว่าคนที่นี่ทำไมเยอะแยะจัง ซึ่งเป็นคนที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
และพอผมจากสถานที่นี้ไปแล้ว คนเหล่านี้ยังจะมีตัวตนอยู่ต่อไปไหม๊
หรือว่าคนเหล่านี้ จะปรากฎขึ้นเฉพาะเวลาที่ผมเดินทางมาเจอเขาเท่านั้นใช่หรือไม่
หรือว่าพอผมจากไปแล้ว พวกเขาเหล่านั้นจะหยุดนิ่งกันหมด รอให้ผมมาเจอก่อน
พวกเขาถึงจะเคลื่อนไหวต่อไปอีก..คือ..ผมเป็นจุดศูนย์กลางของสิ่งที่เห็นใช่ไหม๊??

หรือว่า ถ้าหากไม่ใช่!! ถ้าพวกเขายังมีวิถีชีวิตต่อไป ตามวิถีทางของพวกเขาเอง
ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวผม ว่าจะมาเห็น หรือไม่มาเห็นพวกเขาหรือไม่
พวกเขาก็จะยังคงเคลื่อนไหว และมีกิจกรรมต่างๆอยู่ต่อไป ??

นั่นก็แสดงว่า ..โลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก !! สิ่งที่ผมยังไม่รู้ !! ยังไม่เห็น !!
ยังมีอีกมากมายนัก !!

ใช่ไหม๊ ???