อีกหนึ่งเรื่องราวของหลวงพ่อชาญณรงค์ ศิริสมบัติ เปิดจองรูปหล่อหลวงพ่อชาญณรงค์ วัดอัมพวัน อ.ท่าบ่อ

ขอบคุณครับ มีรุ่นไหนบ้างหรือครับที่อยู่ในชุดต้องคำสาบน่ะครับ และมีวิธีระวังยังไงบ้างน่ะครับ

 

ขออภัยครับ..คำถามและคำตอบเรื่องนี้สุ่มเสี่ยงต่อการกระทบกับบุคคลอื่นในวงกว้าง..เพราะเราไม่รู้จริง..ไม่ใช่ตัวละครที่อยู่ในเหตุการณ์..ไม่มีหลักฐาน..การจะโทษฝ่ายใดผิดดูจะไม่ค่อยยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาเท่าใด

ผมขอพูดในมุมของผมที่ได้ประสบมาดีกว่า..เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวผม..อันนี้ผมสามารถพูดได้เต็มปาก..ถือว่าเป็นแค่ความเห็นส่วนบุคคล..นานาจิตตัง

ผมได้ไปหาพระอาจารย์ผมและผมเชื่อว่าท่านมีฌาณหยั่งรู้เพราะได้พิสูจน์มากับตัวเอง..ได้เคยถามท่านถึงพระชุดต้องคำสาปว่ามีจริงมั้ย...ท่านบอกว่ามีจริง..หลวงพ่อท่านสาปไว้เพราะที่มาไม่ดี..แต่ผมไม่ได้ถามว่าท่านสาปว่ายังไงและไม่ได้ถามว่าถ้าห้อยคอแล้วจะมีผลยังไง..แต่พอได้ยินว่าต้องคำสาปก้อรู้สึกไม่ดีแล้ว

ผมจึงหยิบพระของหลวงพ่อที่ผมสงสัยแล้วถามท่านว่าองค์นี้ล่ะ..โดนมั้ย..ท่านบอกว่าโดน...ขอความกรุณาไม่ต้องถามผมว่าเช่ามาจากไหนเพราะผมจะไม่บอก

ผมถามถึงวิธีแก้..ถามว่าพระอาจารย์แก้ได้มั้ย..ท่านบอกว่าได้..แต่ยุ่งยาก..ต้องสวดถอนคำสาป..วิธีแก้ของท่านคือ..ให้ผมเอาพระที่โดนมาเช้าวันพฤหัสบดีเพรทะเป็นวันครู..แต่งขันธ์ 5 มาด้วย 2 ขันธ์...ไม่ใช่ขันธ์ 5 ธรรมดานะครับ..หมายถึงแบบกรวยบายศรี..เสร็จแล้วท่านถึงได้ทำพิธีสวดถอน

ฉะนั้น..คำถามที่ว่ามีรุ่นไหนบ้างที่ต้องคำสาป..คำตอบคือไม่ทราบครับ..ลองตรวจสอบต้นทางของพระที่ท่านมีถ้าสามารถตรวจสอบได้จริง..แต่ท่านจะรู้จริงเหรอนี่คือคำถามที่ทุกคนต่างสงสัย..อีกวิธีคือหาคนที่รู้จริง..และพูดความจริง...ท่านก้อจะได้คำตอบที่จริง

อีกคำถาม..เราจะมีวิธีป้องกันอย่างไร..ลองไล่อ่านย้อนดู..ท่านจะได้คำตอบเองครับ

 

ขอบคุณครับท่าน

 

และแล้วก้อเป็นประเด็น..ในการบอกความคิดเห็นส่วนตัวของผมเกี่ยวกับพระชุดต้องคำสาป

เรียนให้ทราบอย่างหนึ่ง..ว่าผมไม่รู้หรอกครับว่าพระที่ท่านเช่ามาจากคนนั้นคนนี้เป็นพระชุดต้องคำสาปมั้ย..เพราะผมไม่มีฌาณหยั่งรู้..ที่บอกให้ไปหาคำตอบจากคนที่รู้จริง นั่นหมายถึง..พระภิกษุสงฆ์ที่มีฌาณหยั่งรู้ เพราะท่านจะไม่โกหกให้ผิดศีลแน่ๆ..ซึ่งท่านจะได้คำตอบที่จริงแท้แน่นอน

ท่านอาจจะมองว่า..อ้าว..ไอ้นี่..มาพูดให้กังวลแล้วไม่รับผิดชอบ..จิตตกเปล่าๆ..ไม่รับผิดชอบคำพูดตัวเอง

เอางี้ครับ..ผมก้อลูกผู้ชายคนหนึ่งและไม่กลัวในการรับผิดชอบในสิ่งที่พูดไป..ผมชื่อ ธนากร เบอร์โทร .......... ตอนนี้ทำงานอยู่อุดรธานี..อีกไม่นานจะย้ายไปทำงานพิษณุโลก..เป็นคนมีตัวตน

ใครอยากถามอะไร..โทรมาครับ..จะบอกให้ในสิ่งที่ตัวเองรู้..จะไม่ตอบทาง PM หรืออีเมล์ เพราะสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งผูกมัดในคำพูดผม..ขออนุญาตตรงนี้เพราะปัจจุบันเราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร..คิดว่าการเปิดเผยตัวตนขนาดนี้น่าจะเป็นการรับผิดชอบในข้อเขียนของผมได้นะครับ

หมายเหตุ..ผมจะลงชื่อและเบอร์โทรสักพักใหญ่ๆ แล้วขออนุญาตลบออกนะครับ..ส่วนท่านใดถ้าอ้างอิงข้อความผมแล้วมีเบอร์โทรศัพท์ติดไป..หลังจากผมลบเบอร์โทรแล้ว..รบกวนมาแก้ไขข้อความที่อ้างอิงด้วยนะครับ

 

หมายเลข EMS ที่จัดส่งวันพุธนะครับ

Munkong95 พระชุดเดิมหมายเลข 34 ชุดเนื้อแดงหมายเลข 4...EJ829940620TH
ฦาชา....EJ829940616TH
narrong....EJ829940602TH

ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ

 

ขออนุญาตจัดส่งวันจันทร์นะครับ อนุโมทนาด้วยครับ

 

รับทราบครับ สำรองอันดับ 3

 

องค์นี้แต่แรกตั้งใจว่าจะเก็บไว้เอง สุดท้ายเปลี่ยนใจให้เจ้าของตัวจริงมารับไปดีกว่า เนื่องจากเป็นเนื้อเดียวกับองค์ที่ผมมีอยู่แล้ว พิจารณาดูแล้วเป็นเนื้ออมน้ำมันออกโทนเขียวเทา ผมเองไม่ทราบว่าเรียกว่าเนื้ออะไรแต่เนื้อแบบนี้มีน้อยมากๆ เท่าที่เห็นมีไม่เกิน 5 องค์ ยินดีด้วยครับ ขออนุโมทนาด้วย

 

รับทราบครับ จององค์ที่ 19 ครับ

 

สรุปยอดจองและรายชื่อสำรองครับ ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ

องค์ที่ 1 = Sanguank
องค์ที่ 2 = Catper1986
องค์ที่ 3 = ปึ๋ง
องค์ที่ 4 = Pinyosin
องค์ที่ 5 = dharmachak
องค์ที่ 6 = Cubota
องค์ที่ 7 = Deawtpong
องค์ที่ 8 = มะฬำมะฬอย
องค์ที่ 9 = Optimus Prime
องค์ที่ 10 = ฦาชา
องค์ที่ 11 = Big_tool
องค์ที่ 12 = สามบาท
องค์ที่ 13 = เว็บบอรด์
องค์ที่ 14 = narrong
องค์ที่ 15 = nookylaw
องค์ที่ 16 = Pairojr
องค์ที่ 17 = พ่อน้องแพร
องค์ที่ 18 = Pinyosin
องค์ที่ 19 = Mrchainarong (แทนคุณธัญญ์นิธิ)
องค์ที่ 20 = ชัยชโย
องค์ที่ 21 = Calamuz
องค์ที่ 22 = Calamuz
องค์ที่ 23 = ชัยชโย
องค์ที่ 24 = inkpan
องค์ที่ 25 = tanakorn1
องค์ที่ 26 = Smilerider
องค์ที่ 27 = Sayank
องค์ที่ 28 = วิถีเพชรVTP
องค์ที่ 29 = williamboy
องค์ที่ 30 = Shortterm

สำรอง 1.dumairport 2.ชาญชิต 3.nuns 4.Somchainoiy 5.chchai

 

ขอสำรองด้วยคนครับ

 

วันนี้โอนเงินแล้วครับ 40100 บาท ขอบคุณครับ

 

โอนเงินบูชาพระสมเด็จฯ องค์ที่ 27 แล้วครับ
เมื่อ 30/07/15 เวลา 14.32 น.
จำนวนเงิน 20,000.27 บาท
ที่จัดส่งใน pm ครับ

 

รับทราบครับ สำรองอันดับ 3

 

หมายเลข 4 และ 18 จัดส่งวันจันทร์นะครับ อนุโมทนาด้วยครับ

 

หมายเลข 27 อนุโมทนาด้วย จัดส่งวันจันทร์ครับ

 

รับทราบครับท่าน

 

ผมได้รับพระเรียบร้อยแล้ว สวยมาก ขอขอบคุณคุณ ARUNNO และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านมากครับ

 

ข้อมูลดีๆที่หาอ่านยาก และหลายท่านสนใจครับ

Cr.

ขอนำเรื่องหลวงพ่อดำ ที่เขียนโดยคุณดวงธรรม โชนเชิดประทีป เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๗มาเล่าสู่กันฟัง




เมื่อประมาณ ๗๒ ปีมาแล้ว [ ๓๐ปี(๒๕๐๗) + ๔๒ (๒๕๔๙)]

มีข่าวเล่าลือ แพร่สพัดกันทั่วไปว่า ผู้ใดที่ได้ทำบุญตักบาตรตอนเช้านั้น จงพิจารณาพระภิกษุที่กำลังรับบาตรให้ดี ถ้าผู้ใดพบพระภิกษุรูปนั้น มีชายจีวรเป็นสีดำสนิทอยู่ขนาดประมาณ หัวแม่มือ นั่นแหละเป็นเครื่องหมายบ่งแสดงให้ทราบได้ละว่า ท่านคือ หลวงพ่อดำ

หลวงพ่อดำ เป็นพระภิกษุชรารูปหนึ่ง เป็นพระอรัญวาสี ชายชีวรของท่านเป็นสีดำสนิทอยู่ขนาดหัวแม่มือนั่นแหละเป็นเครื่องหมายของท่าน ข่าวโจทย์จันกันว่า ท่านมีวิชา "ย่นระยะทาง " ทุกเช้าท่านจะออกบิณฑบาต มีข่าวเสมอว่า บางวันมีผู้พบท่านบิณฑบาตอยู่ ณ จังหวัดลพบุรี บางคราวก็มาบิณฑบาต ที่จังหวัดพระนคร และจังหวัดต่าง ๆ อยู่เสมอทั้งนี้เพราะท่านมีวิชา "ย่นระยะทาง" หรือ "ล่องหน"

ผู้ที่มีโอกาสพบหลวงพ่อดำ และได้รับการถ่ายทอดวิชาการทางจิต ก็คือท่านอภิชิโตภิกขุแห่ง วัดลาดบัวขาว ถนนตก พระนคร

เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๕ ขณะที่ท่านอภิชิโตภิกขุ ยังเป็นสามเณรอยู่นั้น ได้เดินทางไป ณ จังหวัดนครปฐม ได้พบปะเพื่อนเด็ก ๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งเป็นลูกเจ้าของไร่ และชักชวนกันไปเที่ยวขุดมันขุดเผือกในไร่ จู่ ๆ พระภิกุชรารูปหนึ่งก็มาปรากฎตัวให้เห็น แล้วถามว่า จะขุดเอาอะไรกัน พระภิกษุรูปนั้นหัวเราะ แล้วกล่าวว่า เผือกมันนั่นมันสุกดีแล้ว จะเอาไปต้มทำไม

สามเณรและเพื่อน ๆ จึงปอกมันสำปะหลังขนาดใหญ่หัวหนึ่งดุ ปรากฏว่ามันสูกจริง ๆ ตามคำบอกของพระภิกษุชรารูปนั้น และเมื่อลองขุดดูต่อไป ก็พบว่ามันเผือกแต่ละหัวที่ขุดขึ้นมาจากพื้นดิน เป็นเผือกสุกแล้วทุกหัว

หลังจากนั้นพระภิกษุรูปนั้น หรือเรียกเสียเลยในที่นี้ว่า หลวงพ่อดำ ก็ได้อธิบายว่าเป็นเพราะอำนาจดวงจิต ดวงจิตที่ฝึกดีแล้วจะทำสิ่งมหัศจรรย์ได้ต่าง ๆ ถ้าเณรและเพื่อนไม่เชื่อก็ลองเอาท่อนไม้ทุบตีท่านแรง ๆ ดูก็ได้ ท่านไม่เจ็บไม่ปวดอะไรดอก

สามเณรและเพื่อนใคร่จะทดลองดูให้ประจักษ์ตา หลวงพ่อดำจึงเปลื้องจีวรออก แล้วอนุญาตให้ลงมือทุบตี สามเณรและเพื่อน ๆ ได้ฉวยท่อนไม้ระดมกันทุบตีหลวงพ่อดำเป็นการใหญ่จนเหนื่อยหอบ แต่หลวงพ่อดำหาได้มีอาการเจ็บปวดอย่างใดไม่ สามเณรและเพื่อน ๆ เมื่อเห็นอภินิหาร ของหลวงพ่อดำดังนั้น จึงก้มลงกราบขอขมาลาโทษแก่ท่าน

หลวงพ่อดำจึงถามว่า เณรอยากเรียนบ้างไหม ถ้าจะเรียนละก้อให้ไปพบท่านในป่ากาญจน์บุรี ตามวันกำหนดนัด ให้ไปคนเดียว อย่าเอาใครไปด้วยเป็นอันขาด

ต่อจากนั้นทุก ๆ ปี สามเณรเมื่อเปลี่ยนภาวะเป็นพระภิกษุตามนามว่า ท่านอภิชิโตภิกขุก็ได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อดำตลอดมา ตามสถานที่ต่าง ๆ กัน เช่นในป่าราชบุรี แม่ฮ่องสอน และจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ บางครั้งยังให้ไปพบในป่าเมืองร่างกูนประเทศพม่า หรือในป่าเมืองฮานอย ประเทศอินโดจีน เป็นต้น

เมื่อท่านอภิชิโตภิกขุ ได้เรียนวิชากับหลวงพ่อดำมาหลายปี ท่านก็สามารถใช้อำนาจจิตที่ได้ฝึกมาถึงขั้นแล้ว ช่วยเหลือประชาชน รักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคฝี แผลต่าง ๆ โรคกระดูกหักเป็นต้น

ส่วนทางด้านเมตตามหานิยม ท่านก็มีความสามารถใช้แผ่นทองคำเปลวปิดหน้าผาก แล้วใช้อำนาจดวงจิตบังคับให้แผ่นทองคำนั้น ชำแรกฝังเข้าไปในหน้าผากได้ โดยมิได้ใช้มือแตะตั้งแต่ประการใด ท่านอธิบายว่านอกจากทองคำเปลวแล้ว จะใช้แผ่นทองแท้ ๆ หรือแผ่นตะกรุดแทนก็ได้ แต่ตอนที่วัตถุเหล่านั้น แทรกลงไปในเนื้อ ก็อาจจะต้องรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง

ในด้านคงกระพันชาตรี และความสามารถอื่น ๆ ท่านก็สามารถทำได้เช่น รูดโซ่เผาไฟอมน้ำเดือด ร่างกายฟันแทงไม่เข้า เสกโซ่ตรวน ซัดทรายเข้าตา เป็นต้น ท่านได้ถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ให้แก่ พ.ท. ชม สุคันธรัตน์ ซึ่งพ.อ. ชม สุคันธรัตน์ ได้แสดงให้ใคร ๆ เห็นทางโทรทัศน์และสมาคมต่าง ๆ มาแล้วจนเป็นที่เลื่องลือกันเอิกเกริกทั่วไป
.

ในด้านมหัศจรรย์นั้นเล่า ท่านอภิชิโตภิกขุก็กล่าวว่าพอจะทำได้ เช่นทำใบไม้ให้กลายเป็นฟักแฟงแตงกวา ๆ ได้ แต่ท่านออกตัวว่ายังไม่ถึงขั้นสำเร็จ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นไปตามอำนาจจิตแล้ว ชั่วระยะหนึ่งก็เปลี่ยนแปลงกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ยังไม่สามารถที่จะทำให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป

จากคำบอกเล่านี้ จึงมีผู้ขอให้ท่านอภิชิโตภิกขุ ทดลองทำให้ดู ท่านขอผลัดว่า จะต้องปรึกษาอาจารย์ของท่าน


ปรากฏว่าหลวงพ่อดำอนุญาต ได้ทำการทดลอง เมื่อวันอังคารที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๖ ต่อหน้านักหนังสือพิมพ์ซึ่งเตรียมถ่ายภาพยนตร์ และภาพ กับสักขีพยาน
เช่นพระยาสารกิจพิลาศ นางแนบ มหารีลานนท์ อาจารย์สอนอภิธรรม และนายบุญมี เมธางกูร เจ้าของบทความเรื่อง “ความมหัศจรรย์ทางจิต” และบุคคลอื่น ๆ
เริ่มกระทำเวลา ๑๘.๐๐ น. แสงสว่างไม่พอ ถ่ายได้แต่ภาพนิ่ง
ท่านอภิชิโตภิกขุ ได้เข้านั่งกระทำสมาธิ โดยหันหลังให้คนดู กลัวจิตจะไม่เป็นสมาธิ
วันนั้นท่านไม่สมารถทำสัตว์ใหญ่เช่นงูได้

ดังนั้นท่านจึงให้โยมคนหนึ่งไปเด็ดใบมะม่วงแห้งมาให้ท่าน ๒ ใบ ท่านจึงนำมาเด็ดออกครึ่งใบ แล้วกระทำสมาธิด้วยวิธีเดิม ประมาณ ๑๕ นาที ท่านก็หันกลับมาด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มเอ่ยว่า คราวนี้ทำสัตว์เล็กสำเร็จ แล้วสั่งให้หาเชือกมาเส้นหนึ่ง เมื่อได้เชือกมาแล้วจึงค่อย ๆ คลายมืออกแล้วผูกเชือกไว้


ทุกคนที่ได้เห็นก็ต้องตกตะลึง เพราะใบมะม่วงแห้งนั้นได้กลายเป็นนกไปเสียแล้ว ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ว่ากลายเป็นนกได้เพราะเหตุใด
นอกจากนั้นท่านอภิชิโตภิกขุยังได้เอาใบมะม่วงที่เหลืออีกหนึ่งใบมาทำด้วย วิธีเดิมสัก ๑๐ นาทีก็กลายเป็นนกไปอีกตัวหนึ่ง นำมาซึ่งความมหัศจรรย์เป็นยิ่งนัก


ที่มา ดวงธรรม โชนเชิดประทีป , ๒๕๐๗, หลวงพ่อดำในอิทธิปาฏิหาริย์ เกจิอาจารย์ บรรณาคารจำหน่าย , พระนคร: โรงพิมพ์ประเสริฐอักษร หน้า๒๘๒ - หน้า๒๙๑

 

ยินดีด้วยครับ ลองโชว์รูปให้สมาชิกร่วมยินดีด้วยนะครับ