ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 13 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ยอดเสียชีวิตจากอากาศร้อนในปากีสถานกว่า 780 คนแล้ว

    [​IMG]

    การาจี 24 มิ.ย. – มูลนิธิด้านสาธารณสุขในปากีสถานรายงานว่า คลื่นความร้อนจัดในนครการาจี ศูนย์กลางทางการเงินของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 780 คน ขณะทางการต้องประกาศให้เป็นวันหยุดเพื่อให้ประชาชนอยู่กับบ้านและคลายความร้อน

    สภาพอากาศร้อนจัดเกิดขึ้นในช่วงที่มีเหตุไฟดับครั้งใหญ่และเทศกาลถือศีลอดเดือนรอมฎอน ผู้เสียชีวิตจำนวนมากซึ่งเป็นผู้สูงอายุและคนยากจนในนครการาจีทางภาคใต้ มีสาเหตุมาจากภาวะขาดน้ำ เจ้าหน้าที่อาวุโสของมูลนิธิเอกชนในปากีสถานกล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนเกือบ 800 คนแล้วในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ขณะที่คนมีฐานะในนครการาจีมีเครื่องปั่นไฟเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศในบ้าน หรือไปเที่ยวตามศูนย์การค้าเพื่อรับลมเย็นท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดที่มีอุณหภูมิสูงถึง 44 องศา ช่วงสุดสัปดาห์ .-สำนักข่าวไทย

    เด็กหญิงอายุ 12 ขวบ ระเบิดฆ่าตัวตายกลางตลาดไนจีเรีย

    [​IMG]

    คาโน 24 มิ.ย.- ญาติของผู้บาดเจ็บคนหนึ่งเผยว่า เด็กหญิงซึ่งคาดว่าอายุเพียง 12 ขวบ ได้ปลดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายกลางตลาดในเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 30 คน

    เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 17.00 น.วันอังคารตามเวลาในไทยที่ตลาดประจำสัปดาห์ในเมืองดามาตูรู เมืองเอกของรัฐโยเบ เด็กหญิงเดินตรงไปยังส่วนขายธัญพืชแล้วปลดชนวนระเบิดท่ามกลางผู้คนที่กำลังซื้อขายกันอยู่ พยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งยืนยันว่า รับผู้บาดเจ็บมารักษาตัวอย่างน้อย 30 คน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากญาตินำไปฝังทันทีหลังเกิดเหตุในตลาด

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์เพิ่งเกิดเหตุสาวรุ่นอายุประมาณ 17 ปี ปลดชนวนระเบิดที่ป้ายรถโดยสารสาธารณะใกล้ตลาดค้าปลาในเมืองไมดูกูรี เมืองเอกของรัฐบอร์โน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน และสาวรุ่นวัยเดียวกันอีกคนปลดชนวนระเบิดในจุดที่ใกล้กัน แต่ไม่มีคนอื่นเสียชีวิต นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงสันนิษฐานว่า เด็กหญิงเหล่านี้อาจไม่ได้ปลดชนวนระเบิดเอง แต่ถูกจุดจากบุคคลที่สาม

    การก่อเหตุลักษณะนี้เหมือนเป็นฝีมือของกลุ่มโบโกฮารามที่มักใช้เด็กหญิงและสาวรุ่น เป็นระเบิดมนุษย์ไปก่อเหตุกับเป้าหมายพลเรือนที่ป้องกันยากเช่น ตลาด กลุ่มนี้ถูกกองกำลัง 4 ประเทศ ผลักดันออกจากดินแดนที่ยึดครองตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ดี ไนจีเรียเกิดเหตุไม่สงบมากขึ้นนับตั้งแต่ประธานาธิบดีมูฮัมมาดู บูฮารี ประกาศหลังเข้ารับตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมีนาคมว่าจะกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธ เพราะมีผู้เสียชีวิตแล้วจนถึงขณะนี้ 208 คน.-สำนักข่าวไทย

    เผยโรคมาลาเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าอีโบลาระบาด

    [​IMG]

    ลอนดอน 24 มิ.ย. – ผลการศึกษาล่าสุดพบว่า โรคมาลาเรียมีแนวโน้มว่าจะทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า ในช่วงโรคไวรัสอีโบลาระบาดในกินีเมื่อปีที่แล้ว

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า อาการเริ่มต้นของโรคมาลาเรียคือ มีไข้และปวดเมื่อยตามร่างกาย คล้ายกับโรคไวรัสอีโบลา จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากที่ป่วยด้วยไข้มาลาเรีย ถูกส่งไปรักษาที่คลินิกผู้ป่วยอีโบลา ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า พบว่ามีผู้ติดเชื้อมาลาเรียราว 74,000 คน ที่ยังไม่ได้รับการรักษา และเป็นโรคที่คร่าชีวิตเด็กมากที่สุดในกินี ข้อมูลจากเน็ตส์ฟอร์ไลฟ์แอฟริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานการกุศลของสหรัฐ รายงานว่า นับตั้งแต่พบโรคไวรัสอีโบลาระบาดครั้งแรกในกินีเมื่อเดือนมีนาคม 2557 เจ้าหน้าที่คาดว่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,400 คนในกินี แต่เมื่อปี 2556 มีประชาชนราว 15,000 คน ที่เสียชีวิตจากโรคมาลาเรียในกินี

    หัวหน้าคณะวิจัยของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐกล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าในกลุ่มผู้ติดเชื้อ 74,000 คน มีผู้เสียชีวิตจากโรคมาลาเรียจำนวนเท่าใด แต่มีแนวโน้มว่าสูงกว่าผู้เสียชีวิตจากโรคไวรัสอีโบลามาก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า การเน้นควบคุมไวรัสอีโบลาระบาดในกินีซึ่งระบบสาธารณสุขไม่ดีนัก จะส่งผลให้การจัดสรรวัคซีนอื่นน้อยลง ส่งผลเสี่ยงว่าจะเกิดโรคหัดและโปลิโอกลับมาระบาดอีก .-สำนักข่าวไทย

    เกาหลีใต้รายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์รายใหม่อีก 4 ราย

    [​IMG]

    โซล 24 มิ.ย. – กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้รายงานวันนี้ว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส เพิ่มอีก 4 รายทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 179 ราย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน

    ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 คนนี้ มี 2 คน อยู่ที่แผนกเดียวกับคนไข้ไวรัสเมอร์สคนอื่น ๆ ในโรงพยาบาลเดียวกัน ส่วนอีก 2 คนนั้น คนหนึ่งเป็นพยาบาลที่ศูนย์การแพทย์ซัมซุง ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สและอีกคนเป็นญาติของคนไข้ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคที่ไม่ได้มีการเปิดเผยที่โรงพยาบาลเปียงแต็ก ทางใต้ของกรุงโซล เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าคนไข้ 2 ราย หลังได้รับเชื้อมาได้อย่างไร

    สำหรับผู้เสียชีวิตจากโรคเมอร์สยังคงอยู่ที่ 27 คน และอีกราว 3,100 คน ยังถูกกักโรคเพื่อสังเกตุอาการว่าติดเชื้อไวรัสเมอร์สหรือไม่ คนไข้ 16 คน มีอาการวิกฤติในขณะที่ 67 คน รักษาหายและออกจากโรงพยาบาลไปแล้วล่าสุด 13 คน กลับบ้านได้เมื่อวันจันทร์และอังคารที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

    อหิวาต์ระบาดในเซาท์ซูดาน เสียชีวิต 18 คน

    [​IMG]

    จูบา 23 มิ.ย. – กระทรวงสาธารณสุขเซาท์ซูดานแถลงวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คน จากอหิวาตกโรคระบาดอย่างรุนแรงในเซาท์ซูดาน

    นายริเอค ไก ก็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขเซาท์ซูดาน แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า พบผู้ติดเชื้ออหิวาต์ 171 คน หลังเริ่มระบาดจากฐานทัพของสหประชาชาติในกรุงจูบาซึ่งเป็นไปด้วยผู้คนแออัดกันหลายหมื่นคนเพื่อลี้ภัยช่วงสงครามกลางเมืองนาน 18 เดือน และแพร่ระบาดไปทั่วเมือง โดยมีผู้เสียชีวิต 167 คน และติดเชื้อกว่า 6,400 คน ในการระบาดเมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนควบคุมได้ในเวลาต่อมา การแก้ปัญหาอหิวาต์ระบาดเป็นปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับรัฐบาลและหน่วยบรรเทาทุกข์ในเซาท์ซูดาน .-สำนักข่าวไทย

    จีนว่ายังคงต้อนรับหากสหรัฐและญี่ปุ่นเข้าเป็นสมาชิกธนาคารเอไอเอบี

    [​IMG]

    วอชิงตัน 23 มิ.ย. – นายโหลว จี้เหว่ย รัฐมนตรีคลังของจีนกล่าววานนี้ว่า จีนจะยังคงเปิดประตูไว้ต้อนรับสหรัฐและญี่ปุ่น หากทั้งสองประเทศต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย หรือ เอไอไอบี ที่จีนริเริ่มจัดตั้งขึ้น

    นายโหลวกล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมประจำปีว่าด้วยการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์และเศษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐครั้งที่ 7 ที่กรุงวอชิงตันว่า จีนยังคงต้อนรับสหรัฐและญี่ปุ่น หากทั้งสองประเทศต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของธนาคาร เขากล่าวว่า จนถึงขณะนี้ สหรัฐและญี่ปุ่นยังไม่ได้แสดงความต้องการที่จะเข้าร่วมกับเอไอไอบี นายโหลวกล่าวด้วยว่า ไม่ได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องเอไอไอบี ขึ้นมาหารือในการประชุมประจำปีครั้งนี้แต่อย่างใด

    สหรัฐและญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกธนาคารเอไอไอบี ที่จีนเป็นผู้ริเริ่มก่อนที่จีนจะปิดรับสมัครสมาชิกก่อตั้งไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา โดยทั้งสองประเทศแสดงความวิตกกังวลว่า ธนาคารเอไอไอบีจะเป็นสถาบันการเงินที่จะมาแข่งขันกับธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี ที่ญี่ปุ่นสนับสนุน และธนาคารโลกที่สหรัฐมีอิทธิพลอยู่.-สำนักข่าวไทย

    ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิกฤติภัยแล้ง โคราชระดมทุกหน่วยงาน แก้ปัญหาเขื่อนลำตะคอง

    [​IMG]

    โคราชประสบปัญหา วิกฤติภัยแล้ง จึงระดมทุกหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาเขื่อนลำตะคอง โดยเร่งดึงน้ำดิบจากเขื่อนลำแชะ ช่วยในการผลิตน้ำประปาให้คนเมือง พร้อมแจ้งเกษตรกร เลื่อนเพาะปลูกข้าวนาปีไปถึง เดือนสิงหาคม

    เมื่อช่วงสายของวันที่ 24 มิ.ย. 58 ที่ห้องประชุมสำนักชลประทานที่ 8 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) เขื่อนลำตะคอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักชลประทานที่ 8 ชลประทานจังหวัด เกษตรจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัดฯ ประมงฯ สถานีอุตุนิยมวิทยา ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เทศบาลนครนครราชสีมา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่ รวมกว่า 100 คน เพื่อร่วมกันวางแผนจัดสรรการใช้น้ำในเขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ให้เพียงพอไปจนถึงฤดูแล้งปีหน้า และวางแผนแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในอนาคตที่จะถึง เนื่องจากปัจจุบัน ปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคองได้ลดปริมาณลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเหลือปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 59 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 19% ของความจุเขื่อน

    โดยในที่ประชุมได้วางแผน แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ด้วยการให้เทศบาลนครนครราชสีมา ดึงน้ำดิบ จากเขื่อนลำแชะ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา วันละไม่เกิน 35,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อมาใช้ในการผลิตน้ำประปาในเขตเทศบาลฯ เป็นระยะเวลา 3 เดือนจากนี้ไป และให้ทางเทศบาลฯ จัดสรรการจ่ายน้ำประปาให้กับประชาชนในเขตรับผิดชอบเป็นรอบๆ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้อุปโภคบริโภคได้ทั่วถึง พร้อมทั้งประสานให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง เร่งทำฝนหลวงเพิ่มขึ้น และในส่วนของเกษตรกร ในพื้นที่เขตชลประทานที่มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 160,000 ไร่ ขณะนี้ทางชลประทานได้ขอความร่วมมือ ให้เกษตรกรเลื่อนการเพาะปลูกนาปีออกไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2558 เพื่อรอให้มีฝนตกลงมาช่วยปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคองเพิ่มขึ้น ซึ่งทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่า ในปี 2558 นี้ จะมีฝนตกลงมาน้อยกว่าเกณฑ์ และจะมีพายุฝนเพียงแค่ 1 ลูกเท่านั้น ที่พัดเข้ามาในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2558

    ทางด้าน นายธงชัย กล่าวว่า เรื่องภัยแล้งที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดปัญหาการแย่งชิงน้ำ ขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น แต่จังหวัดมีการประกาศภัยแล้งไปแล้ว 25 อำเภอ จาก 32 อำเภอ และในทุกอำเภอขณะนี้ ไม่มีอำเภอไหนที่ไม่แล้ง ซึ่งตอนนี้เรามีการประชุมแบ่งน้ำ โดยการเชื่อมท่อเข้าหากันหมดทุกอ่างเก็บน้ำทั้ง 5 อ่าง ของ จ.นครราชสีมา ซึ่งสำนักงานชลประทานที่ 8 เป็นผู้บริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำเพื่อการเกษตรหรือน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค น้ำทำประปา ที่ต้องบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด และข้อเท็จจริงขณะนี้ น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคอง เหลืออยู่ 80 ล้าน ลบ.ม. จากอัตราเก็บกัก 314 ล้าน ลบ.ม. ทุกคนทราบดีว่ามีน้ำเหลืออยู่น้อยมาก แต่ 80 ล้าน ลบ.ม.จะสามารถใช้น้ำได้อย่างมาก ประมาณ 50 ล้าน ลบ.ม. ส่วนอีก 30 ล้าน ลบ.ม.ต้องเก็บกักไว้ สำหรับหล่อเลี้ยงระบบนิเวศวิทยาหรือตัวอ่าง โดยในเขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี เหลือประมาณ 100 ล้าน ลบ.ม. ส่วนในเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย เหลือ 30 ล้าน ลบ.ม.

    แต่ที่เราจะทำ คือ เราจะเอาน้ำที่มีในอ่างทุกอ่าง มาบริหารจัดการร่วมกัน ให้เป็นเสมือนเป็นอ่างเก็บน้ำอ่างเดียวกันที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนทั้งจังหวัด หรือเป็นประโยชน์สูงสุดกับคนทั้งประเทศ เพราะโคราชเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ถ้าโคราชผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ ประเทศไทยก็จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปในระดับหนึ่ง ส่วนอื่นๆ ต้องไปว่ากันเป็นรายจังหวัดไป และนี่คือการบริหารจัดการน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในหนึ่งเดียว รวมทั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ คือประชาชน ทั้งหมดต้องมารับรู้ร่วมกันด้วยว่า การใช้น้ำจะผิดจากเดิมไปแค่ไหน และจะช่วยกันประหยัดได้อย่างไร ส่วนผู้ผลิตน้ำประปาภูมิภาค ประปาเทศบาลนครนครราชสีมา ก็ต้องทำงานให้สอดคล้องกัน ก็จะสามารถผ่านพ้นวิกฤติไปได้ เพราะถ้าต่างคนต่างทำการแก้ไขปัญหา ทุกอย่างก็จะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่การรวมเป็นหนึ่งเดียว และผู้ที่จะทำให้น้ำเพิ่มมากขึ้นได้ คือ หน่วยฝนหลวง นายธงชัย กล่าว

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 มิ.ย. 2558

    ปชช. ตระหนก แม่น้ำปิงที่กำแพงเพชร แห้งขอดในรอบ 50 ปี

    [​IMG]

    [​IMG]

    ระดับน้ำในแม่น้ำปิงลดฮวบ หลังจากเขื่อนภูมิพลเหลือน้ำใช้แค่ 3 เปอร์เซ็นต์กว่า สันดอนทรายโผล่ สามารถลงไปเดินเล่นได้ ชาวบ้านบอกตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเห็นสภาพความแห้งแล้งแบบนี้มาก่อน

    วันที่ 24 มิ.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงนี้ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพล เหลือใช้ได้อีกเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เศษเท่านั้น ซึ่งถือว่า เหลือน้อยที่สุดในรอบ 50 ปี ประกอบกับปีนี้ ฝนทิ้งช่วงมาเป็นเวลายาวนาน จึงยิ่งทำให้เกิดภัยแล้งหนักมากขึ้นไปอีก แหล่งน้ำตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ห้วย หนอง คลอง บึง จึงไม่มีน้ำกักเก็บ แม้แต่บ่อบาดาลระดับน้ำใต้ดินยังลดลง จนแทบจะไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้

    ที่หน้าวัดวังพระธาตุ ม.4 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร มีสะพานข้ามแม่น้ำปิงเชื่อมติดต่อฝั่งตะวันออก และตะวันตก พบว่า ขณะนี้ระดับน้ำลดลงอย่างน่าใจหาย เพราะใต้สะพานตอม่อค้างแห้งหมด มีแต่พื้นทราย โดยสันดอนทรายได้ขยายกว้างออกไป จนแทบไม่มีน้ำไหลผ่าน สามารถลงไปเดินเล่นได้ ออกไปไกลกว่าครึ่งแม่น้ำ

    โดยปกติที่หน้าวัดแห่งนี้ จะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ในแม่น้ำปิงมี ปลาหลากหลายชนิดมารอรับอาหารจากประชาชน ที่มาทำทานซื้ออาหารมาเลี้ยงจนแน่นขนัด แต่ช่วงนี้ แห้งหมดไม่มีน้ำเลย โดยระดับน้ำลดลงจากช่วงปกติมากกว่า 4 เมตร มีแต่สันดอนทรายสุดลูกหูลูกตา ขนาดโกศใส่กระดูกคนตาย ที่ชาวบ้านนำมาลอยอังคารยังค้างแห้ง

    นางสน วรเจริญ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 183/4 ม. 2 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งให้หลานสาวพามาอาบน้ำที่แม่น้ำปิง เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบความแห้งแล้งขนาดนี้มาก่อน เดิมทีหน้าวัดแห่งนี้ น้ำจะเต็มทั้งปี มีบ้างที่เกิดภัยแล้ง แต่ก็ไม่ถึงขนาดนี้ ที่บ้านของตนน้ำไม่มี ใช้อาบน้ำ ใช้ดื่ม ต้องซื้อน้ำถังมาใช้ดื่มกิน ตนไม่มีน้ำอาบมาหลายวัน จึงต้องให้หลานสาวขี่รถจักรยานยนต์พามาอาบน้ำหน้าวัด แต่ก็แทบไม่เชื่อว่า ในแม่น้ำจะเหลือน้ำแค่นี้

    สำหรับน้ำในแม่น้ำปิงที่ไหลผ่านบริเวณนี้ ในฝั่งตะวันตกที่กว้างประมาณ 300 เมตร ไม่มีน้ำไหลผ่าน มีแต่ทรายเต็มพื้นที่ นอกจากฝั่งตะวันออกที่กว้างไม่ถึง 100 เมตร จึงจะมีน้ำไหลผ่าน แต่ก็น้อยมาก โดยชาวบ้านต่างบอกว่า เป็นครั้งแรกที่แม่น้ำปิงแห้งได้ขนาดนี้ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 มิ.ย. 2558

    ผอ.เขื่อนภูมิพล เผยสถานการณ์น้ำในขณะนี้เข้าขั้นวิกฤติ

    [​IMG]

    [​IMG]

    นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล กล่าว สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลเข้าขั้นวิกฤติ ต้องใช้น้ำอย่างประหยัด เผย ทางกรมอุตุฯ คาดฝนจะตกเดือน ก.ค. คลายความเดือดร้อนประชาชน

    เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2558 นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล ได้กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลอยู่ในวิกฤติระดับ 2 กล่าวคือ มีน้ำเพียงพอสำหรับระบายเพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศของท้องน้ำเท่านั้น โดยอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลมีน้ำที่สามารถระบายได้เหลือเพียงประมาณ 307 ล้าน ลบ.ม. หรือ คิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ของน้ำที่ใช้การได้ สถานการณ์ขณะนี้ส่งผลกระทบทั้งผู้ใช้น้ำที่อยู่ต้นน้ำกลางน้ำ และปลายน้ำ กล่าวคือ คนต้นน้ำที่อาศัยอยู่ด้านบนของอ่างเก็บน้ำ ประสบปัญหาน้ำแห้งขอดทำให้การสัญจรเดินทางลำบาก และส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว เนื่องจาก บรรยากาศในอ่างเก็บน้ำขณะนี้ไม่สวยงามเท่าตอนที่มีระดับน้ำสูงกว่านี้สำหรับผู้ใช้น้ำทางด้านท้ายน้ำ ก็ไม่สามารถทำการเกษตรได้ จำเป็นต้องงดการทำนาปีและใช้น้ำอย่างประหยัด

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ใช้น้ำต่างก็เข้าใจถึงสภาวะปัญหาฝนทิ้งช่วงนี้ดีและรับทราบว่า ขณะนี้เขื่อนภูมิพลมีน้ำน้อยกว่าที่ผ่านมาอย่างมาก และในสถานการณ์น้ำน้อยเช่นนี้ ทางคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำได้มีการปรับแผนการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ได้มีการปรับแผนการระบายน้ำจากในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ที่ระบายวันละ 22 ล้าน ลบ.ม. ลดลงเหลือวันละ 8 ล้าน ลบ.ม. และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงเรื่อยๆ หากฝนยังมาล่าช้า และเพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคในช่วงภาวะวิกฤติน้ำน้อยเช่นนี้

    ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล กล่าวเสริมว่า ทางกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ ว่า จะเริ่มมีฝนอีกครั้งในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งคงจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำและบรรเทาความเดือดร้อนลงได้บ้างสำหรับสถานการณ์น้ำน้อยนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้า เนื่องจากไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่ใช้ในประเทศไทยผลิตจากเชื้อเพลิงอื่น อาทิ ก๊าซธรรมชาติถ่านหิน สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำนั้นนับเป็นผลพลอยได้ เพราะน้ำที่ระบายไปนั้นจะไปหมุนกังหัน ซึ่งทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทำงาน ซึ่งกระบวนการผลิตนี้ไม่ได้ทำให้ปริมาณน้ำหายไปแต่อย่างใด

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 มิ.ย. 2558

    อ่างทองแล้งหนัก ข้าวยืนต้นตายกว่า 20 ไร่ ชาวนาโอดหนี้เพิ่ม

    [​IMG]

    [​IMG]

    แล้งขยายวงกว้าง ชาวจังหวัดอ่างทองเดือดร้อนหนัก นาข้าว 20 ไร่ ยืนต้นตายเสียหายกว่าครึ่งแสน หลังขาดน้ำมานานนับเดือน ไร้ทางออก ได้แต่วิงวอนธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา...

    วันที่ 24 มิ.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาวะแล้งไร้น้ำทำนาขยายวงกว้าง หลังชลประทานชะลอการจ่ายน้ำ ทำให้ส่งผลกระทบต่อชาวนาหมู่ 2 ต.สาวร้องไห้ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ที่ต้องปล่อยนาข้าวอายุประมาณ 1 เดือนยืนต้นตาย ร่วม 20 ไร่ และรอวันแห้งเหี่ยวอีกร่วม 20 ไร่ หลังขาดน้ำมานานนับเดือน ส่งผลต้นข้าวไร้น้ำหล่อเลี้ยงยืนต้นตายทั้งแปลง ไร้ทางแก้ไขและช่วยเหลือได้แต่วิงวอนธรรมชาติสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวดาช่วยเหลือให้ฝนเทลงมาตามฤดูกาลเพื่อช่วยเหลือ หลังลงทุนทำนาไปแล้ว แต่กลับผลผลิตเสียหายไร้ทางออกเป็นหนี้เพิ่ม

    ด้าน นายนิคม ชูแก้ว ชาวนาในพื้นที่ เปิดเผยว่า ครอบครัวตนเองได้ลงมือทำนาไปแล้วจำนวน 40 ไร่ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤกษาคม ที่ผ่านมา หลังชลประทานจ่ายน้ำทำนา ลงทุนไปเป็นเงินครึ่งแสน หวังลืมตาอ้าปาก ใช้หนี้สิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) แต่ซ้ำร้ายเกิดภาวะแล้ง ขาดแคลนน้ำปลูกข้าว ทำให้ต้นข้าวในนา ที่ลงทุนไปแล้วกลับแห้งเหี่ยวเฉาตายไปครึ่งแปลงกว่า 20 ไร่ และต่อมาชลประทานประกาศชะลอการจ่ายน้ำ จึงหมดความหวังและที่พึ่ง จึงได้แต่บนบานศาลกล่าวให้เทวดาเมตตาช่วยเหลือ ให้ฝนตกลงมาเพื่อช่วยชีวิตต้นข้าวที่กำลังจะตาย และช่วยชีวิตของตนเองที่ต้องเป็นหนี้เพิ่มขึ้น หลังภาวะแล้งลุกลามขยายวงกว้าง

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 มิ.ย. 2558

    ชาวบ้านผวา เขื่อนเจ้าพระยาน้ำลด ตลิ่งทรุด บ้านพัง 4 หลัง

    [​IMG]

    [​IMG]

    ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ผวา บ้านริมน้ำ 4 หลังพัง เหตุตลิ่งทรุดลง จากสถานการณ์น้ำในเขื่อนที่ลดลงต่อเนื่อง

    เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดชัยนาท ถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนเจ้าพระยายังลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีท่าทีว่าจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งในวันนี้ระดับน้ำที่จุดวัดน้ำ C13 เหนือเขื่อนปัจจุบัน อยู่ที่ 13.71 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลดลงจากเดิมที่ก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 13.84 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาวันนี้ ต่ำกว่าตลิ่งถึง 2.63 ม. โดยระดับน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ระดับ 5.90 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวพังทลายของลาดตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้บ้านของประชาชน ม.2 ต.ท่าชัย อ.เมือง จ.ชัยนาท ที่ปลูกสร้างอยู่ริมน้ำเกิดทรุดตัว สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนของชาวบ้านที่โครงสร้างแตกร้าว จำนวน 4 หลัง

    ด้าน นางสาวอัญชลี บุญแพ เจ้าของบ้านเลขที่ 174 ม.2 ต.ท่าชัย อ.เมืองชัยนาท เปิดเผยว่า ช่วงเย็นของวันที่ 23 มิ.ย. 2558 ที่ผ่านมา มีเสียงไม้ลั่นอย่างหนัก กลัวว่าหลังคาจะตกลงมาทับลูกหลาน จึงต้องตัดสินใจขนย้ายข้าวของ และของมีค่า ย้ายไปยังที่พักพิงชั่วคราวฝั่งตรงข้ามของบ้าน ซึ่งในทุกๆ ปี ที่ระดับน้ำลดลง น้ำก็จะเซาะตลิ่งเข้ามาเรื่อยๆ แต่ปีนี้ดินทรุดมาก จนทำให้เสาบ้านเกิดทรุดยวบและเอนไปในดิน จนพื้นภายในบ้านที่ปกติเป็นแนวราบตั้งฉาก ทรุดตัวดิ่งลงไปจนเอียงอย่างเห็นได้ชัด

    และนางสาวทัศนีวรรณ ช่างคิด เจ้าของบ้านเลขที่ 95 ม.2 ต.ท่าชัย อ.เมือง ที่อาศัยอยู่ริมน้ำมากว่า 20 ปีแล้ว ได้บอกว่า ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ระดับน้ำเริ่มลดลงๆ เรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ช่วงเย็นวันที่ผ่านมาเกิดบ้านลั่น ได้ยินเสียงดังน่ากลัว บริเวณพื้นภายในบ้านเริ่มเอียง โครงสร้างภายในบ้าน ผนังบ้าน ห้องน้ำ เกิดแตกร้าว จนน่าหวาดกลัว จึงรีบเกณฑ์ญาติและชาวบ้านข้างเคียงช่วยกันขนของย้ายไปยังที่พักพิงชั่วคราวฝั่งตรงข้ามของบ้าน รวมกับบ้านที่ทรุดอีก 3 หลัง

    ทางด้าน นายสิงหล ทรัพย์พ่วง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าชัย กล่าวว่า ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยการนำเต็นท์มากาง เป็นศูนย์พักพิงให้อยู่อาศัยชั่วคราว พร้อมนำเจ้าหน้าที่มาช่วยนำหลังคาบ้าน ไม้ และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นย้ายออกมาก่อน พร้อมติดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ผู้ประสบภัยได้ใช้ไฟฟ้าเหมือนปกติ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือด้านอื่นต่อไป

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 มิ.ย. 2558

    ชู “เตาเผาขยะไร้มลพิษ” ไนท์ซาฟารีแก้ปัญหาขยะล้นเมือง

    [​IMG]

    กรณีปัญหาขยะเชียงใหม่ ที่หลายแห่งหลายเทศบาลของเชียงใหม่ใช้วิธีการให้บริษัทรับขนขยะนำออกพื้นที่จะไปทิ้งที่ไหนก็แล้วแต่ ขอให้พ้นพื้นที่เทศบาลหรืออำเภอของตนเท่านั้นเป็นพอ จนมีการลักลอบนำไปทิ้งตามบ่อดินเอกชนที่ไร้ระบบการจัดการจนสร้างปัญหาให้กับชาวบ้าน จนเตรียมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ในวันที่ 29-30 มิ.ย.นี้ ตามที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับ ดร.ศราวุฒิ ศรีศกุน ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.สนง.พัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) บริหารงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เพื่อขอทราบเรื่องการกำจัดขยะของไนท์ซาฟารี จนทางจังหวัดมีการแนะนำหลายเทศบาลให้มาดูงานที่แห่งนี้ ดร.ศราวุฒิเผยว่า สืบเนื่องจากรัฐมนตรีท่องเที่ยวได้มาประชุมที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำแผนท่องเที่ยว 8 จังหวัดภาคเหนือ มีโอกาสพบกับนายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผวจ.เชียงใหม่ คุยถึงเรื่องการกำจัดขยะของเชียงใหม่ ซึ่งทางไนท์ซาฟารีมีเตาเผาขยะไร้มลพิษ ที่ตอบโจทย์ในปัญหาขยะเชียงใหม่ได้พอดี

    เตาเผาขยะไร้มลพิษมีจุดเด่น เมื่อเผาเสร็จควันสีดำจะผ่านน้ำ กลายเป็นไอน้ำระเหยสู่อากาศ ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็น การเผาเป็นไปอย่างสะอาดหมดจด ไนท์ซาฟารีนำมาติดตั้งเป็นเตาแรก ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมที่ 1 แห่งชาติด้วย แต่ว่าไม่มีคนให้ความสนใจ บังเอิญว่าขนาดเข้ากับ อบต.แต่ละแห่งเพราะเป็นขนาดเล็กที่เผาได้ 2-3 ตัน แต่ก็มีขนาดกลางและขนาดใหญ่ด้วย สำหรับไนท์ซาฟารี ปริมาณขยะพอๆกับ อบต. แต่ที่ผ่านมา อบต.พยายามสร้างเตาเผาขยะขึ้นมา แต่เสียค่าใช้จ่ายปีละเป็นล้านบาท งบประมาณไม่เพียงพอจึงถูกทิ้งขว้าง

    แต่เตาของไนท์ซาฟารีใช้มา 5 ปีแล้ว ปัจจุบันใช้แก๊สเดือนละถังเท่านั้นถือว่าประหยัดมาก ล่าสุด ทางไนท์ซาฟารีได้เพิ่มอีกเตาเป็นขนาด 5 ตัน จึงเสนอทางเลือกนี้แก่รัฐมนตรีท่องเที่ยวและผู้ว่าฯเชียงใหม่ให้การสนับสนุน อยากให้มีการกระจายเตาชนิดนี้ไปยังแหล่งท่องเที่ยวและ อบต.ต่างๆในเชียงใหม่ มั่นใจว่าจะหมดปัญหาเรื่องขยะชุมชนแน่นอน

    ดร.ศราวุฒิยืนยันอีกว่า เตาดังกล่าวนี้ไม่ก่อให้เกิดมลพิษมลภาวะใดๆกับชุมชนแน่นอน เตาไร้มลพิษเป็นฝีมือคนไทยล้วน หากขนาดเล็ก ราคาประมาณ 3-5 ล้านบาท ขนาดกลางประมาณ 10 ล้านบาท และขนาดใหญ่ประมาณ 20 ล้านบาท ถือว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับของต่างชาติที่มีราคาเป็นร้อยล้านขึ้นไป เตาแบบนี้สามารถกำจัดได้กับขยะทุกสภาพไม่ว่าขยะแห้งหรือขยะเปียก

    “โดยส่วนตัวขอเสนอเป็นเตาขนาดเล็กและขนาดกลาง ติดตั้งตามเทศบาลและ อบต.ต่างๆ ปัญหาขยะมีทุกแห่งไม่ว่าในประเทศไทยหรือต่างประเทศ หากจะใช้ระบบการฝังกลบมันก็ดี แต่ก็คงไม่มีเทศบาลหรือ อบต.ไหนที่จะให้ขยะจากที่อื่นนำมาฝังในพื้นที่ตัวเองเพราะกระทบกับแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการใช้เตาเผาขยะแบบที่ไนท์ซาฟารีใช้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้และก็คงจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ด้วย” ดร.ศราวุฒิกล่าวเสริมในตอนท้าย.

    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 24 มิ.ย. 2558

    ภาคอีสาน-ตะวันออก ฝนตกหนัก ทะเลอันดามัน-อ่าวไทยตอนบน คลื่นแรง

    [​IMG]

    อิทธิพลพายุ ”คูจิระ” ยังคงทำให้อีสานฝั่งตะวันออก มีฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง ระวังอันตรายลมกระโชกแรง ส่วนช่วงเที่ยงฝนจะตกหนักในภาคตะวันออก และฝั่งตะวันตกของไทย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทยตอนบน คลื่นลมแรง กทม.-ปริมณฑล โอกาสมีฝน 32% ในช่วงบ่ายถึงค่ำ...

    เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ The Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศเช้านี้ ว่า ขณะนี้พายุโซนร้อน”คูจิระ” อยู่บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ห่างจากด้านตะวันออกของเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ประมาณ 250 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดอุบลราชธานีของไทย 259 กิโลเมตร มีความเร็วลมศูนย์กลาง 65 กม./ชม. กำลังเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และคาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้ จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณตอนบนของประเทศเวียดนาม ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อสภาวะอากาศของไทย ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือฝั่งตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้น และตกหนักบางแห่ง คลื่นลมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังแรง

    นอกจากนี้ พายุโซนร้อน”คูจิระ” ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ดูดเอากระแสลมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งยังคงมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มฝนกลุ่มใหญ่ที่ก่อตัวบริเวณอ่าวเมาะตะมะ เคลื่อนเข้ามาตกในประเทศไทย โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกมากขึ้น ทำให้ในช่วงสายวันนี้กลุ่มฝนจะตกหนักกินพื้นที่เป็นวงกว้าง ทั้งฝั่งตะวันตกของประเทศ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคตะวันออก โดยจะตกหนักที่จังหวัดนครพนม บุรีรัมย์ สุรินทร์ และบริเวณจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา และกาญจนบุรี

    ส่วนช่วงเที่ยงกลุ่มฝนยังคงตกในบริเวณเดิม และตกหนักมากขึ้นบริเวณภาคตะวันออก และฝั่งตะวันตกของประเทศ ส่วนช่วงบ่าย กลุ่มฝนยังคงขยายตัวเป็นวงกว้าง และตกหนักบริเวณฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ภาคอีสานที่จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ไล่ยาวมาที่ภาคตะวันออกที่จังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด

    จากนั้นในช่วงเย็นกลุ่มฝนบริเวณภาคอีสานและภาคกลางจะลดลง โดยส่วนใหญ่จะตกบริเวณตอนล่างของภาคทั้งในภาคอีสาน และภาคกลาง แต่ยังเป็นกลุ่มฝนที่ตกปานกลางถึงหนัก รวมถึงฝั่งตะวันตกของประเทศ ยังคงพบกลุ่มฝนที่ตกปานกลางถึงหนักเช่นเดียวกัน และช่วงค่ำกลุ่มฝนในภาคอีสานเหลือเพียงจังหวัดสุรินทร์ ส่วนพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง และฝั่งตะวันตก ยังคงมีฝนอย่างต่อเนื่อง

    ส่วนสถานการณ์ฝนทางภาคใต้ ยังคงเน้นตกตอนบนของภาค ตั้งแต่เช้าไปจนถึงช่วงสายที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง ส่วนในช่วงบ่ายพบกลุ่มฝนปานกลางถึงหนักก่อตัวบริเวณจังหวัดยะลา และบางส่วนของจังหวัดนราธิวาส ก่อนที่จะซาลงในช่วงเย็น

    อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ยังต้องระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง โดยเฉพาะภาคอีสาน ส่วนอุณหภูมิวันนี้ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาในระยะนี้ ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง โดยความรู้สึกร้อนวันนี้ไต่ระดับประมาณ 35-36 องศาเซลเซียสเท่านั้น

    สภาพอากาศแยกรายภูมิภาคดังนี้

    ภาคเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร นครราชสีมา อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส

    ภาคกลาง มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส

    ภาคตะวันออก มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย วันนี้มีโอกาสเกิดฝนร้อยละ 32 ในช่วงบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 มิ.ย. 2558

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  3. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    25 มิ.ย. 58

    เรื่องน้ำดื่มตัวเองเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เห็นภาพนิมิตคลองประปาแห้งคอด ช่วงนั้นได้ส่งข่าวให้ท่าน เกษม ได้รับทราบไปแล้ว ตัวเองไปซื้อขวดใส่น้ำดื่มขนาด 20 ลิตร 10 ใบ จากตลาดไทยสำรองไว้แล้วนานมากแล้ว ขวดน้ำควรจะซื้อแบบฝาขวดกว้างเผื่อต้องล้างทำความสะอาด ราคาขวดตอนนั้น 120 บาท

    ทุกท่านที่อยู่ใน กทม. ควรสำรองไว้ใช้เสียแต่เนิ่นๆ

    เทพบดี ๙๗
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พันความรู้ : คนเอาถ่าน.. มากรองน้ำ โดยพี่โจน จันได


    เผยแพร่เมื่อ 15 ม.ค. 2015​

    ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะซื้อหาอะไรก็จำเป็นต้องใช้เงินไปเ­สียหมด ไม่เว้นแม้แต่น้ำบริสุทธิ์ที่เราจำเป็นต้อ­งดื่มทุกวัน จะดีแค่ไหน ถ้าเราสามารถกรองน้ำดื่มได้เองทั้งครอบครั­ว ด้วยเครื่องกรองที่ผลิตจากวัสดุที่หาได้แถ­วบ้าน วิธีการทำก็ง่ายแสนง่าย ที่สำคัญคือปลอดภัยได้มาตรฐานเหมือนเครื่อ­งกรองที่ขายอยู่ทั่วๆไปเลยนะ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คู่มือ...น้ำสะอาด(ฉุกเฉิน)...ทำง่ายๆด้วยตัวคุณเอง

    [​IMG]

    ทั้งๆที่ช่วงนี้บ้านเรือนเกือบครึ่งของประเทศล้อมรอบไปด้วยน้ำ แต่น้ำจำนวนมากมายมหาศาลนี้ กลับไม่มีประโยชน์อื่นใด นอกจากทำแต่ความเดือดร้อน เพราะไม่ว่าจะไปในพื้นที่ประสบภัยส่วนใด ก็มักจะได้รับเสียงบ่นและร้องขอน้ำสะอาดเพื่อใช้อุปโภคและบริโภค ดังนั้นเราจึงมีวิธีนำน้ำที่ท่วมล้นทะลักอยู่ตอนนี้นำมาใช้ประโยชน์ อย่างน้อยๆ ก็สามารถนำมาอาบหรือซักล้างก็ยังดี

    เครื่องกรองน้ำ...อุปกรณ์หาง่ายกว่าที่คิด

    [​IMG]

    ถ้าคุณต้องการน้ำแค่อาบน้ำหรือซักล้าง เราขอแนะนำให้ใช้เครื่องกรองผ่านชั้นกรวดและทราย โดยใช้เพียงน้ำขวดใหญ่ๆ ตัดก้นขวดทิ้งไป แล้วนำขวดวางคว่ำลง ใช้สำลีขนาดใหญ่กว่าปากขวดเล็กน้อยอัดเอาไว้ จากนั้นใช้กรวดหยาบทับด้วยกรวดละเอียด ต่อด้วยถ่านบดไม่ต้องละเอียดมาก เททรายหยาบ ตบท้ายด้วยทรายละเอียดเป็นชั้นสุดท้าย แค่นี้เราก็ทำเครื่องกรองน้ำแบบง่ายๆได้แล้ว ด้วยขั้นตอนไม่ยาก แต่ข้อสำคัญคือกาารแบ่งสัดส่วนของวัตถุดิบแต่ละชั้นต้องแบ่งให้ใกล้เคียงกันมากที่สุด

    ต้มน้ำด้วยแสงอาทิตย์

    ใครจะเชื่อว่าทั้งน้ำที่กำลังท่วม และแสงแดดที่แผดเผา จะสามารถกลายสภาพเป็นวัตถุดิบชั้นดี ในการเปลี่ยนน้ำไม่สะอาดให้ปลอดภัย พอจะนำมาอุปโภคได้ โดยกรรมวิธีก็ง่ายเสียเหลือเกิน เพียงแค่นำขวดน้ำมาทาสีดำครึ่งหนึ่ง จากนั้นกรอกน้ำเข้าไปในขวด นำขวดคว่ำแล้วตากแดดจัดๆ สัก 5-6 ชั่วโมง แต่ทางที่ดีควรใช้สารส้มแกว่งในน้ำเสียก่อนจะนำน้ำตากแดด เพราะความร้อนจากแสงอาทิตย์ จะช่วยฆ่าเชื้อโรคบางชนิดให้ตายได้ แต่ผงและตะกอนในน้ำก็ไม่ได้หมดไป อีกทั้งไม่รับประกันความปลอดภัย หากจะนำน้ำต้มจากพลังงานแสงอาทิตย์มาดื่มกิน

    มะรุม…พืชมากคุณประโยชน์

    [​IMG]

    อาจจะเคยได้ยินสรรพคุณครอบจักรวาลของพืชที่ชื่อ "มะรุม" ซึ่งอีกหนึ่งสรรพคุณที่การันตีจากประเทศแถบแอฟริกา หรือประเทศที่มีปัญหาเรื่องการหาน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภคว่า "มะรุม" สามารถฆ่าแบคทีเรียในน้ำได้ โดยเริ่มแรกกระเทาะเปลือกนอกของเมล็ดมะรุมออก ให้เหลือเฉพาะเนื้อในสีขาวแล้วบดให้ละเอียด กรองน้ำผสมผงเมล็ดมะรุมนี้ด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นเทน้ำเมล็ดมะรุมลงในแก้วน้ำที่ต้องการทำให้สะอาด แล้วคนอย่างรวดเร็วเป็นเวลา 30 วินาที แล้วคนช้าๆเป็นเวลา 5 นาที เสร็จแล้วใช้ผ้าคลุมปากแก้วหรือภาชนะที่ใช้เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง พอเปิดแก้วเอาเมล็ดมะรุมออกมาก็จะเห็นน้ำใสสะอาดอยู่ข้างบน น้ำขุ่นอยู่ก้นภาชนะ ซึ่งเชื่อว่าน้ำที่อยู่ข้างบนแก้วเป็นน้ำสะอาดและมีจำนวนแบคทีเรียลดลง แต่สำหรับชาวแอฟริกัน หากจะนำน้ำเหล่านี้มาดื่มส่วนใหญ่จะนำใส่ขวดและตากแดดเสียก่อนตามกรรมวิธีต้มด้วยแสงอาทิตย์

    น้ำสะอาดในหนึ่งชั่วโมง

    วิธีสุดฮิตที่ได้รับการแนะนำจากกลุ่มอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงขั้นตอนการทำน้ำให้สะอาดด้วยอุปกรณ์ภายในบ้าน เริ่มแรกตักน้ำที่ห่างไกลจากสุขาและแหล่งโรงงานแกว่งสารส้มให้สิ่งแปลกปลอมตกตะกอน ทิ้งไว้สัก 30 นาที จากนั้นเทน้ำใสลงในถังสะอาดอีกใบหนึ่ง หยดสารฆ่าเชื้อคลอรีนตามปริมาณน้ำในถัง น้้ำยา 1 หยดต่อน้ำ 1 ลิตร ทิ้งไว้สัก 30 นาทีก่อนนำมาใช้ เพียงแค่นี้ก็ได้น้ำสะอาดที่ใช้ได้เฉพาะอาบน้ำและซักล้างเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับดื่มกินอย่างแน่นอน

    [​IMG]

    วิธีการทำน้ำสะอาดตามวิธีข้างต้น เป็นวิธีเปลี่ยนน้ำขุ่นเป็นน้ำสะอาดเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้น้ำเหล่านี้ในการดื่มหรือกินโดยเด็ดขาด

    กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    ที่มา คู่มือ...น้ำสะอาด(ฉุกเฉิน)...ทำง่ายๆด้วยตัวคุณเอง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    กลั่นน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เครื่องกลั่นน้ำ WaterOne


    อัปโหลดเมื่อ 9 พ.ย. 2011​
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิธีกลั่นน้ำด้วยเตาอั้งโล่


    เผยแพร่เมื่อ 11 ก.พ. 2014​
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อุปกรณ์กรองน้ำดื่มแบบแค้มปิ้ง


    อัปโหลดเมื่อ 13 มิ.ย. 2010
    Water Treatment การทำน้ำให้สะอาดระหว่างเดินป่า​
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิธีหาน้ำดื่มบนเกาะร้าง


    เผยแพร่เมื่อ 25 มิ.ย. 2012​

    วิธีนำน้ำทะเลมาทำเป็นน้ำดื่ม

    ปกติน้ำทะเลเราจะไม่สามารถนำมาดื่มได้ เนื่องจากน้ำที่เราจะนำมาดื่มได้นั้นจะต้องมีค่าความบริสุทธ์อยู่ในระดับที่สามารถนำมารับประทานได้ ซึ่งค่านี้นั้นจะต้องมีเครื่องวัด ซึ่งในที่นี้ผมจะไม่บอกนะครับว่าเครื่องนี้คืออะไร และมีวิธีใช้อย่างไร เนื่องจากเมื่อถึงคราวจำเป็นจริงๆนั้น เราคงจะหามาไม่ได้แน่ๆ แต่วิธีที่จะบอกต่อไปนี้นั่น ได้ผ่านการพิสูจน์และทดลองมาหลายครั้งแล้ว และพบว่าค่าความบริสุทธ์นั่นถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมากๆ สามารถนำมาอาบน้ำและนำมาดื่มได้อย่างปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆทั่งสิ้น ซึ่งผมขอเอาเกียรติเป็นประกันเลย เพราะได้ทดลองมากับมือของผมเองตอนสมัยที่เรียนอยู่มหาลัย

    วิธีที่จะสามารถนำน้ำทะเลมาใช้ได้นั้นก็มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการกลั่น การระเหย การกรองและวิธีอื่นๆ อีกมากมายด้วยกัน ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นจะถนัดในวิธีการไหน แต่วิธีของผมนั่นเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนอะไรเลย และทุกๆคนก็สามารถที่จะทำเองได้ในยามเมื่อเราไปติดเกาะและไม่สามารถหาน้ำจืดได้

    เรามาเริ่มกันเลยแล้วกันนะครับ อันดับแรกเราจะต้องเตรียมอุปกรณ์กันก่อนนะครับ ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้นั้นก็มีเพียงแค่ 4 อย่างเท่านั้นเอง นั่นคือ

    1. ถังอะไรก็ได้ที่สามารถใส่น้ำได้เยอะๆ ยิ่งใหญ่ยิ่งดีเพราะจะได้น้ำในปริมาณที่มาก และถังที่ใช้ต้องเป็นถังเหล็กเท่านั้นนะครับ สำหรับผมตอนนั้นใช้ถังขยะใบใหญ่ที่เป็นเหล็กครับ เพราะตอนนั้นหาอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ ถังไม่จำเป็นต้องสะอาดก็ได้นะครับ
    2. ฝาปิดถังจะเป็นไม้อัดแผ่นบางๆ
    3. สายยางสะอาด จะเอาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดไหนก็ได้ แต่ขอเส้นยาวๆ หน่อยนะ
    4. ถังรองน้ำที่จะใช้รองน้ำที่บริสุทธิ์

    อันดับแรกเตรียมก่อไฟและทำฐานรองถังที่จะเอาน้ำทะเลมาบรรจุ อันดับถัดไปให้เอาถังที่จะใส่น้ำทะเลมาวางที่ฐานรองแล้วเอาน้ำทะเลมาบรรจุใส่เข้าไป ไม่ต้องใส่จนเต็มถังนะครับ เอาแค่ให้เหลือที่ว่างอีก 1 ใน 10 ของถังก็พอ จากนั้นก็เอาฝาที่จะใช้ปิดถังมาเจาะรูให้มีขนาดที่ใหญ่กว่าสายยางเล็กน้อย เมื่อทำฝาเสร็จแล้วก็เอาไปปิดถังไว้ หลังจากนั้น เราก็เอาสายยางมาเสียบไว้ที่รูของฝาที่เราเจาะเอาไว้ เสียบให้อยู่เหนือระดับน้ำนะครับ ถ้ามันหลวมก็เอาผ้าอะไรก็ได้มาพันที่ปลายของสายยางแล้วเอาหนังยางมารัดซะ

    จากนั้นก็จุดไฟในกองไฟได้เลย เพื่อต้มน้ำทะเลในถัง รอจนกว่าน้ำทะเลในถังนั้นเดือด เมื่อน้ำในถังเดือดแล้วมันจะมีไอน้ำเกิดขึ้น และไอน้ำนั้นมันก็จะออกมาตามสายยาง แล้วก็จะควบแน่นเป็นของเหลวอีกครั้งนึง ซึ้งของเหลวนี้ก็คือน้ำบริสุทธิ์นี่เอง สุดท้ายเราก็แค่เอาถังรองน้ำมารองรับน้ำ ที่ออกมาจากสายยางเท่านั้นเอง เท่านี้เราก็สามารถมีน้ำสะอาดไว้ดื่มกินกันแล้ว หรือจะเอาไปอาน้ำก็ได้ ตามสบาย เออลืมบอกไปว่าที่เราสามารถใช้ถังที่สกปรกได้นั้น เป็นเพราะว่าเราต้องการน้ำที่เกิดจากไอน้ำเท่านั้นครับ ดังนั้นถังที่สกปรกจึงไม่มีผลอะไร วิธีการที่ผมแนะนำไปนั้น เราอาศัยน้ำที่ระเหยออกมาแล้วให้เกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ และไหลลงสู่ภาชนะเพื่อใช้ดื่มนั่นเองครับ

    Posted by ironic , ผู้อ่าน : 1391 , 14:16:42 น.

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/ironic/2007/04/16/entry-1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2015
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โรงกรองน้ำทะเลเป็นน้ำจืด


    อัปโหลดเมื่อ 15 ก.ค. 2010​

    รายงาน..โรงกรองน้ำทะเลเป็นน้ำจืด (ON AIR ทีวีไทย - 13/07/2010) ปัญหาวิกฤตขาดแคลนน้ำดิบเพื่อนำมาผลิตเป็น­น้ำประปา ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นเกาะ เช่น เกาะสมุย และเกาะพะงัน กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วยวิธีสูบน้ำทะเล­ไปกลั่นเป็นน้ำจืด เพื่อผลิตเป็นน้ำประปา นับเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่การประปาส่วนภูมิภ­าค ใช้แก้ไขปัญหา
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    น้ำทะเลจะกระฉอกไปทั่วทั้งโลก !!!

    [​IMG]

    มนุษย์ต่างดาว....กล่าวถึง....ภัยพิบัติ

    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เป็นชื่อกลุ่ม ที่มนุษย์ต่างดาวสื่อสารข้อมูลมาให้ใช้ชื่อนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นต้นมา เรียกว่า.....เป็นวันแรกของการเข้าสู่ระบบทำงาน.....ร่วมกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา เพราะก่อนหน้านั้น อยู่ในขั้นตอนการเรียน การคัดเลือกบุคคล การฝึก ซึ่งมีปฏิบัติธรรม การฝึกจิตเพื่อปล่อยวาง และการฝึกรับข้อมูลจากมนุษย์ต่างดาว ควบคู่กันไป โดยการฝึกแบบเป็นกลุ่ม....เริ่มต้นที่เขากะลา และการฝึกเดี่ยว....ของบุคคลมากมายที่ระบบวางไว้ กระจายอยู่ทั่วไปตามจุดต่าง ๆ ทั่วโลก

    ชื่อกลุ่มเขากะลา เริ่มมีการใช้มาตั้งแต่ปี 2541 ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวบนเขากะลา มาเปลี่ยนใช้ชื่อเป็น กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 ประเดิมเริ่มแรก ของชื่อกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ปีแรกที่เปลี่ยนชื่อ คือเข้าสู่ระบบการเตือนภัย ก็เกิดสึนามิครั้งใหญ่ขึ้นมาวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ให้เห็น ในเอเซียนี่เอง ทั้งในประเทศไทย และอีกหลายประเทศ มีการสูญเสียกันมากมาย

    ซึ่งระบบ ให้กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ไปออกรายการ V.I.P. เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2547 ตามที่ได้ติดต่อมา พร้อมกับ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน เรื่องการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา และการมาโลกมนุษย์เพื่อเตือนภัยพิบัติ และให้ความช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติบนโลกใบนี้ ตอนสัมภาษณ์นั้น ใครจะรู้บ้างว่า ภัยพิบัติทางน้ำครั้งใหญ่กำลังใกล้จะมาถึง สัมภาษณ์และบันทึกรายการ 16 ธันวาคม 2547 สึนามิถล่มชายฝั่งอันดามัน 26 ธันาคม 2547 ห่างกันเพียง 10 วัน

    การกล่าวถึงภัยพิบัตในวันนั้น จึงเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า การรู้ล่วงหน้า ...... มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ การที่จะเข้าไปแทรกแซงในแรงกรรม ตามกาลเวลาที่ต้องเกิดขึ้น ณ ที่นั้น ๆ มันทำไม่ได้ มันช่วยกันไม่ได้ ไปขัดขวางไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด กลไกของธรรมชาติ ของไกของจักรวาล เป็นกลไกที่ยิ่งใหญ่ ต้องเป็นไปตามกรรม วิบากกรรมนั้น ๆ

    ซึ่งตอนนี้ แรงกรรมทั้งหลาย ได้กระจาย ได้ส่งผลไปทั่วโลกแล้ว ภัยพิบัติได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นมากมาย กรรมทั้งหลาย จึงให้ผล จึงมุ่งไปในประเทศที่สร้างแรงกรรมเหล่านั้น แม้จะช่วยไม่ได้ เพราะมนุษย์โลกส่วนใหญ่ต้องไปตามกรรมเหล่านั้น แต่ยังมีผู้ที่มีบารมี ผู้ที่สร้างกรรมดีไว้อีกมากมาย ที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องสูญสลายไปกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ยังมีบารมีมากพอที่จะอยู่ต้องอยู่ เพื่อดำรงรักษาเผ่าพันธ์ของมนุษยชาติไว้ และเริ่มเข้าสู่กลไกของธรรมชาติ ยกระดับจิตเพื่อการคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง

    กฏของธรรมชาติ ก็ต้องดูแล รวมถึงเทพทั้งหลาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ก็ต้องดลใจให้บุคคลนั้น ๆ ระลึกรู้และ ตระหนักถึงเรื่องของภัยพิบัติ แล้วหันหน้าเข้าหาธรรมเป็นที่พึ่ง มาเรียนรู้กฏธรรมชาติ มาปฏิบัติตามบารมีเก่าที่สะสมมา เพื่อจะนำพากันเข้าสู่ยุคใหม่ เข้าสู่ยุคศิวิไล คือยุคทองอีกครั้งหนึ่ง และนับจากนั้นมา ภัยทางธรรมชาติเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรื่อยมา จนหลายคนเริ่มตระหนักว่า ธรรมชาติที่เคยสงบ เคยร่มเย็น จะไม่กลับมาให้เห็นอีกแล้ว มีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น มากขึ้น จนถึงปัจจุบัน ภัยทั้งหลายในธาตุทั้ง 4 กลายเป็นภัยพิบัติรายวันไปแล้ว

    มนุษย์ต่างดาว เคยกล่าวถึงเรื่องของภัยพิบัติในภาพรวมของโลกใบนี้ไว้หลายครั้ง เมื่อมีผู้ถาม ว่าต่อไปเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ในตอนที่ยังไม่เคยมีเหตุการแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม หรือทอนาโด พายุถล่มมากมายอย่างในวันนี้ จะขอนำการกล่าวถึงภัยพิบัติบนโลกใบนี้ ของมนุษย์ต่างดาว ที่ได้เคยกล่าวไว้ ในปี 2541 บนเขากะลา และบอกถึง ที่มาของเหตุภัยพิบัติ ว่าเกิดจากอะไร แรงกรรมมีอานุภาพมากแค่ไหน มนุษย์จึงต้องเผชิญกับมหันตภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นนี้.

    ขอให้ท่านผู้อ่าน ใช้วิจารณญาณในการอ่าน ในการรับรู้ข้อมูล แล้วไตร่ตรองในข้อมูลที่ได้รับมานี้ ควรเชื่อหรือไม่อย่างใด อย่าได้ตื่นตระหนกใด ๆ ควรทำความเข้าใจ ว่าเหตุใด ...ภัยพิบัติจึงต้องเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ แล้วถามตัวเองว่า ถึงเวลาหรือยัง ทีเราจะหันมาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังสักที.
    ..............................................................................

    การให้โอวาท จากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต บนเขากะลา เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2541

    การให้โอวาทในวันนี้ มีการเปิดมิติให้เห็นกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว เป็นครั้งแรกด้วย ขอนำการตอบคำถาม ในเรื่องราวของภัยพิบัติต่าง ๆ มาให้ได้รับทราบในบางส่วนค่ะ

    (คุณภัทรพล) สงครามโลกเกิดก่อน หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดก่อนครับ

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้น ทางด้านการเกิดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเจ้าที่มีบารมีก็จะรับรู้ จะสังเกตุได้ เริ่มเตือนจากทางน้ำ ทางดิน ทางลม มีอยู่แล้ว แต่ภัยพิบัติที่เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ถึงจะกวาดล้างมนุษยชาติไปเกือบ 100 % นั้น จะต้องเกิดหลังสงครามโลกของเจ้า รบราฆ่าฟันกันลงไป ทำให้ภัยพิบัตินั่นคือจุดสูงสุด สุดขีดของแรงกรรม กฎของธรรมชาติจึงจะกวาดล้างอีกครั้งหนึ่ง

    นั่นคือสงครามโลกของเจ้าจะเกิดขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่เป็นลักษณะของการเตรียมการ การรวบรวม การประมวลผล การทดสอบ การหยั่งเชิงซึ่งกันและกัน....

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) สิ่งที่เจ้าได้เคยพูดมา ที่เจ้าได้เคยศึกษามา แกนโลกเอียง มันไม่ใช่เอียงโดยไม่มีสาเหตุหรอกนะ เนื่องจากแรงกรรมอันสูงสุด ทำให้วงโคจรของโลกของเจ้า ของดวงดาวของเจ้าในระบบสุริยะ มันเกิดการแปรปรวน เหตุเกิดจากกรรม .... กรรมดำ ... ที่สะสมกันมามากกว่า 70 % มันส่งผล ส่งผลระดับโลก ระดับจักรวาล

    สิ่งที่พวกเจ้าคิดไม่ถึง คิดว่าเป็นธรรมชาตินั้น มันไม่ใช่ จุดกำเนิดเกิดจากกรรมดำ มันมีอำนาจมากเพราะสั่งสมกันไปทั้งโลก มันก็เลยส่งผลถึงจักรวาล ทำให้เดือดร้อน ทำให้แกนโลกของเจ้าเอียง

    มันมาจากจุดเล็ก ๆ เหมือนน้ำหยดหนึ่ง หยดกันเข้าไป เป็นเดือนเป็นปี มันก็เต็มโอ่ง เป็นปี เป็นหลายสิบปี มันก็เต็มแท็งก์ แต่กรรมที่พวกเจ้าทำกันไว้นั้น เป็นปี เป็นหลายสิบปี มันก็รวมกัน จากกระแสกรรมของต่างคนเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมกันส่งผลถึงทั้งโลก ส่งผลถึงทั้งจักรวาล มันไม่น่าเกี่ยวกันได้ แต่มันก็เกี่ยวกัน

    ตอนนี้มันกลียุค มันสั่นสะเทือนไปทั้งจักรวาลแล้ว ไม่งั้นข้าพเจ้าคงไม่มาหรอก ข้าพเจ้าอยู่โน่น ไกลกว่าเจ้า เทคโนโลยีของพวกเจ้าไปไม่ถึงข้าพเจ้า แต่กรรมของเจ้ามันไปถึงแล้ว มันเป็นเรื่องเหลือวิสัยของพวกเจ้าที่จะคิดกัน เทคโนโลยี ยานอวกาศของพวกเจ้ากี่หมื่นกี่แสนปีก็ไปไม่ถึงข้าพเจ้า เป็นจุลไปหมดก่อนที่จะไปถึง แต่กรรม กรรมมันไปถึงแล้ว มันกระจายไปทั่วจักรวาลแล้ว มันส่งผลถึงสนามแม่เหล็กบิดแกนโลกเอียง เออ...กรรมดำนี่มันมีอานุภาพนะ

    (คุณภัทรพล) ..... ร้ายแรงกว่าปรมณู

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) .... นั่นแหละ มันร้ายแรง อะไรที่เป็นคนกดจุดปรมณูเจ้ารู้ไหม ? ก็กรรมนั่นแหละ กรรมดำนั่นแหละมันไปกด กด กด และปรมณูมันก็ระเบิด สิ่งที่เป็นเหตุ มันอยู่ที่กรรมดำ เพราะฉะนั้น ไอ้คนที่กดนั่นแหละมันก็มีกรรมดำเป็นเหตุอยู่ มันถึงสามารถกดได้ แต่สิ่งนี้ ทวยเทพที่เขามาแก้นี้ จะมาแก้กรรมดำ เรามาช่วยกัน....แก้กรรมดำ ...แต่มันไม่สามารถหยุดยั้งกรรมดำทั้งมากได้หรอกนะ

    (คุณภัทรพล) ที่ว่าภัยจากน้ำนี้ ไม่ทราบว่าอันดับต่อไป น้ำนี้จะทำยังไงบ้างครับ เพราะภัยจากน้ำ มีหลายแบบเหลือเกิน น้ำท่วม คลื่นสึนามิ ลานีย่า

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ไอ้เศษ ๆ ที่มันเกิดขึ้นเป็นการเตือนนั้น มันไม่ได้ 10 ส่วน ใน 100 ส่วนหรอกนะ มันไม่ถึง ไอ้คลื่นที่ชาวต่างชาติของเจ้าได้รับการประสบนั้น มันเป็นการทำตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของธรรมชาติ ที่ถึงกำหนดแรงกรรมของเขา แต่ผู้มีบารมี ได้รับรู้ รับเห็น จากการสื่อสารของเจ้า ก็จะเป็นเครื่องเตือนใจ เป็นตัวอย่างให้เห็น เพราะสิ่งที่พวกเจ้าจะไม่เคยพบเคยเห็นนั้น จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าความเจริญทางด้านเทคโนโลยีสูงสุดจากต่างจักรวาล และภัยพิบัติสูงสุดจากโลกของเจ้า

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ข้าพเจ้าได้บอกไปในกาลก่อนแล้วว่า ภัยธรรมชาตินั้น มันจะมีขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ทุกวินาที มันเกิดขึ้นอยู่ เมื่อโลกของเจ้านะ กลม ๆ อย่างนี้นะ จุดตรงกลางเจ้ารู้มั๊ย...จุดกลางมันเป็นความร้อน ความร้อนอย่างมาก เมื่อได้เวลาของกรรมดำของเจ้า มันจะปะทุจากข้างในออกมา จนถึงผิวเปลือกของเจ้า ข้างนอกของเจ้าเป็นน้ำ เป็นดิน เป็นธาตุเย็น แต่ข้างในล่ะ มันเป็นธาตุร้อน

    เพราะฉะนั้น ธาตุร้อนที่อยู่ในพื้นพิภพนั้น พอได้เวลาที่กรรมดำของพวกเจ้ามันรวมกันไปในส่วนมาก มันก็จะดึงดูดเอาธาตุร้อนนั้นมาปะทุ ในจุดที่มันเป็นกรรมหนัก อย่างที่พวกเจ้าพบกันว่า เป็นภูเขาไฟใต้น้ำนั่นแหละ มันคือการปะทุของแรงกรรม เพราะฉะนั้น ทั่วโลก ทั่วสากลจักรวาลของเจ้า มันสามารถปะทุได้ทุกที่ ทั้งประเทศที่ไม่มีภูเขาไฟ หรือประเทศที่มีภูเขาไฟ ทั้งในใต้น้ำ ทั้งในใต้พื้นดิน มันจะมีรอยแตก รอยปะทุนั้นเป็นไปได้ทั้งหมด

    (คุณภัทรพล) ....ที่ว่าน้ำจะกระฉอกทั้งโลก

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) .... น้ำที่มันจะกระฉอกไปทั่วทั้งโลกนั้น โดยทั่วถึงกัน พร้อมกัน ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น มันต้องมาจากแรงกรรมของพวกเจ้า ที่ดึงดูดวัตถุที่มาจากนอกโลก วัตถุนั้นมันมาตามกรรมดำของพวกเจ้านั่นแหละ

    (คุณสมจิตร) ที่ว่าดาวหางหรือคะ

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ...มันไม่ใช่ดาวหางหรอกนะ มันเป็นสะเก็ดดาว เป็นอุกกาบาต มันมาตามแรงกรรม มันก็เป็นธรรมชาติอันหนึ่ง เหมือนต้นไม้ เหมือนก้อนหินในโลกของเจ้าน่ะแหละ แต่มันลอยอยู่นอกโลก รอเวลา ไอ้โลกอันไหนมันถึงเวลาข้าก็จะไป โลกอันนี้ถึงเวลาข้าก็มา..ตูม..ตูม

    เพราะฉะนั้น เจ้าได้ถามถึงเรื่องของน้ำ ธาตุน้ำจะกระฉอกกันทั่วทั้งโลกนั้น ถ้าทั่วทั้งโลกในเวลาใกล้เคียงกันนั้น ข้าพเจ้าก็จะบอกสาเหตุ ว่ามาจากวัตถุที่มาจากนอกโลก นั่นคือธรรมชาติอันหนึ่ง เขามาตามแรงกรรมของเขา ไม่มีใครกลั่นแกล้งเจ้า แต่พวกเจ้าสั่งสมแรงกรรมกันเป็นส่วนมากถึง 70 % หรือมากกว่านั้น เขาจึงดึงดูดแรงกรรม

    แต่นั่นจะมาในระยะท้ายของภัยพิบัติ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เขามานั้น มันจะกวาดล้าง กวาดล้างกันไปเกือบทุกชีวิต ยกเว้นในบางชีวิตที่มีการเตรียมการอยู่ในที่ที่ปลอดภัย โดยเทพที่มีญาณหยั่งรู้ มีการเตรีมการไว้ก่อน แต่ชีวิตที่เหลือโดยบังเอิญนั้น ก็จะเป็นบ้าเป็นบอกันไป เพราะทนไม่ได้ในการที่ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนร่วมประเทศ เพื่อนร่วมจังหวัด เพื่อนร่วมตำบล เพื่อนร่วมหมู่บ้านต้องตายไปต่อหน้าต่อตา สติก็จะวิปลาศ.

    (คุณภัทรพล) ท่านครับ กลียุคจบแล้ว เขาว่าก็ต่อด้วย.."ยุคทอง" ยุคทองของโลกเรายังมีไหมครับ?

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) .... ยุคทอง เป็นคำเปรียบเปรย ไม่ใช่ยุคที่มีทองหรอกนะ เป็นยุคที่มีความศิวิไลในด้านจิตใจ นั่นยิ่งกว่าทองในประเทศของเจ้าเสียอีก เพราะฉะนั้น ในเมื่อเกิดกลียุค คนชั่ว 70 % ถูกกวาดล้างลงไป คนดีที่ยังเหลือรอดอยู่ เจ้าก็คำนวนเปอร์เซ็นต์ดูสิ พอคนชั่วตายไป คนดีตอนแรกมี 30 % พอตอนหลังก็จะกลายเป็น 80 - 90 % เพราะว่าคนชั่วมันตายลงไป เข้าใจไหม?

    ในเมื่อเหลือแต่คนดี ธรรมชาติ ก็เป็น "กฏธรรมชาติ" เมื่อเหลือแต่คนดีในส่วนมาก เหลือแต่ผู้มีบารมีในส่วนมาก ก็จะมี "ปาฏิหาริย์ทางธรรมชาติ" ในสมัยก่อนธรรมชาติมันไม่ร้อนอย่างนี้ แดดของเจ้ามันไม่ร้อนอย่างนี้ ต้นไม้ของเจ้ามันไม่แห้งแล้งอย่างนี้ แต่เพราะบุญบารมีของพวกเจ้าม้นน้อยลง ธรรมชาติมันก็เลยแปรปรวน ดินก็แห้งแล้ง น้ำก็มาในวาระที่ไม่ควรจะมา ในที่ที่จะเพาะปลูกก็ไม่มา มาในที่ที่ไม่ต้องการ เพราะอะไร? ก็เพราะแรงกรรมของพวกเจ้า

    เพราะฉะนั้น "ยุคทอง" มันไม่ต้องรอเวลานานหรอกนะ หลังจากภัยพิบัติของพวกเจ้า ได้เกิดการกลียุคขึ้น มีภัยพิบัติกวาดล้างคนเลวลงไปจนเกือบหมดแล้ว และผู้ที่ยังรับเศษกรรมจากความชั่วของตัวเอง ได้มีการได้รับกรรมไปในระยะหนึ่งแล้ว ยุคทองนั้น ก็จะมีปาฏิหาริย์อื่น ๆ ผุดขึ้นมา ทรัพย์สินเงินทองจะผุดขึ้นมาจากดิน เจ้าก็คงนึกภาพกันไม่ออก ทองจะผุด แร่ธาตุทองจะผุดขึ้นมาจากดิน ต้นไม้ใบหญ้าแปลก ๆ จะขึ้นมาให้พวกเจ้าได้รับรู้ เจ้าเคยได้ยินไหมล่ะ?

    เจ้าก็ศึกษามามาก ในสมัยก่อน ต้นไม้เกิดขึ้นวันเดียวให้พวกเจ้าได้กินผลกันได้ อะไรนะ ข้าวอะไรของพวกเจ้าน่ะ มันมีจริง ๆ นะ แต่ในสมัยนั้น ผู้มีบารมี....มีอยู่เยอะ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องมาปลูกข้าว ทำนา ใช้แรงควาย ใช้แรงวัวอย่างพวกเจ้านี้หรอก จะทำมาหากินยังต้องไปรังแกสัตว์ มันก็กรรมของพวกเจ้าที่ต้องเกิดมาในยุคนี้ จะประกอบอาชีพสุจริตยังต้องมีการทำกรรมเข้าไปในส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้น ในยุคของเจ้าเป็นกลียุค มันหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ในสมัยก่อน ไม่ต้องไปทำกรรมหรอก อยู่ดี ๆ ต้นไม้ก็ขึ้นมา เจ้าก็กินได้ เหมือนในสมัยนี้ ต้นไม้ที่มีผลกินได้เลยก็มีไม่ใช่รึ? ผลไม้ของเจ้า เจ้าไม่ต้องไปหุงหา เจ้าก็กัดกินได้เลย ข้าวในสมัยก่อนก็เหมือนกัน เขาไม่ต้องไปหุงหา เขาก็สามารถกินได้เลยเหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นนิยาย หรือเขาแต่งมาหลอกพวกเจ้าหรอกนะ มันเป็นเรื่องจริง.

    (คุณภัทรพล) เชื่อแล้วครับว่า ปัญญาของดาวพลูโตนี้ไม่ธรรมดา เหนือกว่าโลกมนุษย์มาก... ผมจะได้แก้ไขในอินเตอร์เน็ตภาษาไทยว่า... วิธีแก้..ก็คือปฏิบัติธรรม

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ... ข้าพเจ้าจะขอให้ความกระจ่างในแง่ธรรมะกับเจ้านะ.... ที่เจ้าบอกนั้นว่า "ปฏิบัติธรรม" นั้น ในฐานะที่เจ้าเป็นประชาสัมพันธ์ เจ้าควรจะได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องของจุดมุ่งหมาย นอกจากผู้ที่มีบารมีจะต้องรู้ถึงการปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ใช่แค่สวดมนต์นะ ปฏิบัติธรรมนั้น เจ้าก็จะต้องรู้เหตุ เจ้าไปบอกกับพวกเขานะ ถ้าเจ้ามีโอกาส บอกกับผู้ที่มีความรู้ ไม่ว่าระดับไหนก็ตาม ต้องรู้เหตุ...รู้เหตุของภัยพิบัติ..ว่าเกิดจากอะไร ?

    เขาจะปฏิบัติธรรมได้ เขาต้องรู้เหตุภัยพิบัติครั้งนี้ เมื่อเข้าใจแล้ว และรู้ว่าเหตุนั้นเกิดจาก "กรรมดำ" ที่ทำกันเป็นส่วนมาก และผู้ที่มีบารมีที่จะรอดพ้นภัยนั้น นั่นก็คือเหตุที่ดี ทำไมต้องมีการช่วยเหลือจากผู้ที่มาจากต่างจักรวาล หรือจากเทวโลก ก็เพราะว่าผู้ที่มีบารมี ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้ก่อกรรมดำขึ้นนั้น และเป็นผู้ที่มีบารมีเก่าอยู่ สมควรได้รับการช่วยเหลือนั้น นั่นก็คือ...เป็นผล...จากการที่เขาได้ทำเหตุที่ดีอยู่แล้ว

    เพราะฉะนั้น ภาษิตของเจ้าว่าไงนะ....คนดีตกน้ำไม่ใหล ตกไฟไม่ไหม้..ใช่ไหม? เจ้ากำลังจะตกไฟกันนะ เจ้ากำลังจะตกน้ำ กำลังจะตกไฟกันอยู่ .... ไฟจากฟากฟ้า มันตกลงมาได้ทุกที่นะ อุกกาบาตที่มันหล่นลงมานั้น และที่มันชนกันนอกจักรวาลนั้น จะทำให้เป็นสะเก็ดไฟ เพราะฉะนั้น ภาษิตนี้นะ เจ้าเอาไปบอกเขาได้ คนดีตกน้ำไม่ใหล ตกไฟไม่ไหม้ .... เจ้าจะได้ประสบกันในอนาคตอันใกล้นี้

    เพราะอะไร เพราะเจ้าอยู่ในที่นั้น ถ้าเจ้าไม่ได้รับการเตือน ถึงเจ้าจะมีบารมีแต่อยู่ในกรุงเทพฯ เจ้าเหลือไหม ? เจ้าเหาะได้ไหม? เจ้าเหาะไม่ได้ เจ้าก็ต้องจมน้ำไป แต่ตกน้ำไม่ใหลเพราะอะไร เพราะเจ้าอยู่ในที่ที่เจ้าจะต้องตกน้ำอยู่แล้ว แต่มันไม่ใหลไปเพราะเทพเขาดึงตัวเจ้าขึ้นมาบนเขานี้

    ตกไฟไม่ไหม้เพราะอะไร ถ้าเจ้าอยู่ในสถานที่ที่จะต้องมีลูกไฟจากฟากฟ้า หรือมีอัคคีภัยเกิดขึ้นแล้ว เจ้าตกอยู่ในสถานที่นั้นก็ต้องไหม้นะ แต่ตกน้ำไม่ใหล ตกไฟไม่ไหม้เพราะอะไร เพราะเทพเขาดลใจให้ผู้ที่มีบารมี ให้มาอยู่ในสถานที่ที่มันปลอดภัย เพราะฉะนั้น คำภาษิตนี้เป็นคำโบร่ำ โบราณ แต่มันใช้ได้จริงนะ แต่อย่าไปเถรตรงนะว่า หล่นลงไปในน้ำแล้วมันไม่ใหล หล่นลงมันก็ต้องใหลไป แต่การตกน้ำไม่ใหล ตกไฟไม่ไหม้ ข้าพเจ้าขออธิบายอย่างนี้

    เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมให้เป็นคนดี ที่จะตกน้ำไม่ใหล ตกไฟไม่ไหม้นั้น เจ้าก็ต้องไปบอกเขา ให้ปฏิบัติธรรมรู้หลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา..... นั่นก็คือ "แก่นแท้.....ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนมากที่สุด" ไม่มีธรรมะไหน สั่งสอนมากที่สุดเท่าธรรมะนี้

    เพราะฉะนั้น อนิจจัง...คืออะไร? อนิจจังคือความไม่เที่ยง ให้เขารู้เหตุของความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นโลกมนุษย์ บ้านเรือนของเจ้า หรือแม้แต่สวรรค์วิมาน มันก็ไม่เที่ยง ทุกขัง...คือมันเป็นทุกข์ ความเป็นทุกข์ในหลักของพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือความทนอยู่ไม่ได้ มันไม่เป็นอย่างนี้ ความไม่เที่ยง มันก็คือความเป็นทุกข์ในตัวอยู่แล้ว ร่างกายของเจ้าที่มันเป็นทุกข์ เพราะต่อไปมันก็ต้องแก่ ต้องตาย นั่นแหละ คือมันเป็นทุกข์

    เพราะฉะนั้น เจ้าอย่าว่าแต่ร่างของเจ้าเลยนะ .... ไอ้โลกใบนี้ ที่มันเป็นที่รองรับทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันก็เป็นทุกข์นะ ตอนนี้มันกำลังจะบิดตัวอยู่แล้ว เพราะมันเป็นทุกข์ มันต้องเปลี่ยนแปลง แล้วคำว่า ..อนัตตา...คือไม่มีตัวตน คือมันไม่ใช่ของแท้แน่นอน เพราะฉะนั้น สิ่งที่เป็น " ธรรมะ " .. ให้เจ้าบอกเลย ...ว่าที่ข้าจะมาช่วยเหลือผู้คนนี้ คนที่มีธรรมะ ไปรู้หลักนี้ ไปเรียนรู้เหตุ ไปเรียนรู้หลัก เพราะพอเขาปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิเพื่อพิจารณา ไม่ใช่นั่งสมาธิเฉย ๆ มันช่วยอะไรไม่ได้ นั่งสมาธิแล้วต้องพิจารณาถึงหลักนี้ด้วย

    แล้วผู้มีบารมีที่ปฏิบัติธรรมนั้น เทพทั้งหลายก็จะลงรักษา แล้วจะดลบันดาลให้ได้รับรู้ข่าวสาร ถึงการช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติในศาสตร์ต่าง ๆ ที่มีในหลายสถานที่ แล้วเขาก็จะได้รับการช่วยเหลือมากันในสถานที่ปลอดภัยเอง เจ้าต้องบอกเขาถึง "แก่นแท้" นะ ถ้าบอกปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรม บางคนก็บอกว่า ข้าก็เข้าวัด เข้าวัดอยู่ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย มันก็ต้องมีหลาย ๆ อย่างนะ ปฏิบัติธรรมนั้น ก็คือต้องรู้หลักที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนา ... เออ..มี 3 คำเท่านั้น..

    (คุณภัทรพล)..ท่านครับ ทุกอย่างวันนี้เคลียร์ ผมจะเป็นคนดีที่สุด จนถึงสิ้นสุดลมสุดท้าย.

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) เออ..เจ้าจะถามอะไรอีกเป็นวาระสุดท้าย แต่ข้าพเจ้าก็จะขอบอกว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดเวลา แม้แต่ยานอวกาศของข้าพเจ้า ที่ให้ร่างองค์อินทร์เห็นน่ะ มันก็ตื่นเต้นนะ เพราะมันมีความชื่นชอบในเทคโนโลยี่ อยากจะส่องกล้องไป อยากจะส่องกล้องมา

    (คุณภัทรพล)..ตรงเขามียอดแหลม ๆ สีตะกั่วนั้น ท่านทราบไหมครับว่า...นั่นคืออะไร ?

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ... เออ เจ้าพิจารณากันต่อไปละกัน มันต้องใช้ความอดทนในการสังเกตุ การดู ทำไมต้องทำอย่างนี้ เพราะต่อไปเจ้าต้องใช้ปัญญาในการสั่งสอนคน ในการรู้เหลี่ยมคนอีกเยอะ ถ้าสงสัยก็มาดูไป มันจะหายไปไหม หรือจะมาใหม่ หรือจะมาเพิ่ม...

    (คุณภัทรพล)..ขนาดจานบินยังไปบ้านผมเลย ไปเฉพาะเวลาที่ผมเดินออกมา แปลกมาก

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) มันไม่แปลกหรอกนะ ไปเพื่ออะไร ? สักวันหนึ่ง เจ้าก็จะต้องมีความฉุกคิด....สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้จึงมาหาเรา ..... เจ้าไปคิดเอา

    (คุณภัทรพล)..ความรู้ที่ท่านให้ มากกว่าทองที่ได้รับ ทรัพย์สินที่ข้าพเจ้ามี

    (ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ขอสรุปแค่นี้ รับบารมีจากข้าพเจ้านะ..

    ..............................................................................

    จบการให้โอวาทจาก "ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต" วันที่ 5 กันยายน 2541 เวลา 17.30 นาฬิกา ณ เขากะลา จังหวัดนครสวรรค์. เขียนโดย UFO KAOKALA ที่ 03:47

    ที่มา UFOKAOKALA: มนุษย์ต่างดาวกับการเตือนภัยบนโลกใบนี้
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ตำนานหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด


    เผยแพร่เมื่อ 10 มิ.ย. 2013​
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เพลงจักรพรรดิเปิดโลก (รวม 3 เพลง)


    เผยแพร่เมื่อ 6 ก.ค. 2012
    เพลงธรรมะ "จักรพรรดิเปิดโลก"​
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ยุคชาวครีวิไลที่จะมาในเบื้องหน้า

    [​IMG]

    ทีนี้มาพูดถึงยุคใหม่ที่จะมาข้างหน้านั้น ตามคำทำนายของหลวงปู่วานิชย์ หรืออาจารย์หลายๆท่าน ได้ทำนายกล่าวไว้นั้นว่า ยุคศรีวิไลย์ อันจะมาเบื้องหน้านั้น ว่ากันว่าอีกตั้ง ๓๐๐ ปี ๔๐๐ ปี จะมีเพชรนิลจิลดา ผุดขึ้นมาเกลื่อนกลาดไปหมด เพชรนิลจิลดาของล้ำค่า ตลอดจนเงินทองหน่อเงินหน่อคำ เหล่านี้มันจะผุดขึ้นในแผ่นดิน มันจะมาในยุคศรีวิไลย์ จริงหรือที่ท่านว่ามานี้

    มันก็เป็นเวลาที่ดูเหมือนจะไม่ตรง กับที่ท่านพระคุณเจ้าได้กล่าวมาตะกี้ข้างต้น ว่ายุคศรีวิไลย์ ไม่ใช่จะอีก ๓๐๐ ปี ๔๐๐ ปีข้างหน้า ยุคศรีวิไลย์ ที่ท่านพระคุณเจ้ากล่าวไว้นี้ มันอยู่ไม่ไกล คือมันอยู่ไม่ไกล เมื่อหมดจากพระเจ้าแผ่นดินของเรา องค์นี้แล้วมันก็จะเป็นยุคศรีวิไลย์แล้ว จะเป็นอีก ๓๐๐ ปี ๔๐๐ ปี ได้อย่างไร ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ยุคหนึ่งๆ ท่านพระคุณเจ้า ได้กล่าวข้างต้นแล้วว่า มันหมายถึงชั่วพระเจ้าแผ่นดิน องค์หนึ่งๆ ทรงครองราชฯสมบัติบนแผ่นดินไทย

    เพราะฉนั้นยุคศรีวิไลย์ มันจะถึงอีก ๓๐๐ ปี ๔๐๐ ปี นั้นไม่ใช่ คือมันจะมาในระยะใกล้ๆนี้เอง คือหลังจากเมื่อพระเจ้าแผ่นดินองค์นี้สิ้นสุดลง ก็จะเป็นยุคใหม่ ยุคศรีวิไลย์ ที่จะเปลี่ยนแปลง เป็นยุคที่ดีขึ้นมาทันทีทันใดนั้น มันจะต้องมีอะไรขึ้นมาสักน้อยหนึ่งกระมั้ง คือหมายความว่ามันต้องมีภัยพินาศเหมือนกัน ก็มีภัยพินาศเหมือนกัน ถ้าเรามาดูตามเรื่อง ภัยพิบัตินั้น มันจะมาในรูปแบบใหน เพราะยุคที่จะเปลี่ยนแปลงไปนั้น มันจะต้องมีอะไร ที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยเสียก่อน

    เหมือนกับคนที่จะสร้างบ้าน สร้างเรือน จะทำสวน จะทำนา จะพัฒนาบ้าน จะพัฒนาเมือง ก็ต้องมีการปราบกัน คำว่าปราบ หมายความว่า ปรับปรุง ปราบปรามเสี้ยนหนาม ตอ หรือ แผ่นดินที่มันขลุๆขละๆ ไม่ราบเรียบ สม่ำเสมอ คือปราบให้มันราบ ปราบให้มันเรียบ ให้มันเป็นที่ตั้งบ้าน ให้มันเป็นที่ตั้งเมือง อะไรเหล่านี้ ถ้ามีต้นไม้ มีต้นตอ หรืออะไรที่ใช้ไม่ได้ ไม่เป็นประโยชน์ ก็จะต้องตัด ต้องขุด ก็จะต้องล้มลง จะต้องปราบลง หรือทำให้เป็นประโยชน์ จึงจะสร้างเป็นบ้านเป็นเรือน เป็นแผนป็นผังขึ้นมาได้

    ไม่ต้องดูมาก ดูอย่างในไร่เขาเถอะ ในไร่ก่อนที่เขาจะปลูกอะไรลงไป ปีหนึ่งปีหนึ่ง แม้แต่ต้นผักต้นหญ้า ต้องปราบกันทุกปี ต้องไถกันต้องพลิกแผ่นดินกันจึงจะปลูกได้ พวกชาวดอยล้มต้นไม้กันเผาป่ากัน จะใส่ข้าวโพดข้าวไร่ไป ก็ต้องฟันต้นไม้เผาป่ากันจนหมด ราบคาบ พอฝนตกมาก็เอาแล้วทำที่ดินปลูกข้าว ปลูกผักปลูกอะไรต่อมิอะไร ก็ปลูกกันไป ท่านผู้ฟังทั้งหลายฉันใดก็ดี อันนี้มันจะเปลี่ยนยุคขึ้นมาใหม่ ก็ย่อมจะมีอะไรอยู่บ้าง ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นยุคศรีวิไลย์

    ก็หมายความว่ายุคศรีวิไลย์ นั้นก็คงไม่มีคนชั่วร้ายใจทราม ก็คงมีแต่คนดี คนไม่ดีก็จะหมดไปด้วยเหตุต่างๆ อันที่จะมาทำให้คนชั่วหมดไปนั่นแหละ แต่จะหมดไปด้วยอำนาจอะไร จะด้วยน้ำ ด้วยดิน ด้วยลม ด้วยไฟ หรือด้วยการถูกเข่นฆ่า หรือด้วยโรคภัย ไข้ พยาธิลงมาสู่แผ่นดิน อันเราก็อาจจะไม่รู้ได้ หลังจากนั้นคนชั่วคนอธรรมทั้งหลาย ก็คงจะหมดไป เมื่อหมดไปหลอยหลอไป แล้วจะเหลือคนที่สืบสกุลศีล สืบสกุลธรรม คือศีลห้ากรรมบท๑๐ คนที่มีศีลห้ากรรมบท๑๐ อันนี้แหละ จะเป็นคนที่สืบคน แล้วก็จะเป็นคนที่สืบไป

    จนเป็นต้นเหตุของผู้ที่จะสร้างสรรค์ วัฒนธรรม ให้ผู้มาบังเกิดเป็นคนที่มีศีลมีธรรมขึ้นมา สืบสายเลือด ท่านผู้ฟังทั้งหลายศีลห้า กรรมบท๑๐ ที่ท่านพระคุณเจ้าได้กล่าวมานี้ ท่านทั้งหลายคงได้ยินได้ฟังกันมาบ้างแล้ว ยุคศรีวิไลย์ จะมีแต่คนดี ก็มีแต่คนดีเพราะต่างมีศีลห้ากรรมบท๑๐ กันทั้งนั้น แล้วก็ท่านว่า ยุคศรีวิไลย์จะมีต้นกัลปพฤกษ์ บังเกิดขึ้น ก็ดูเหมือนจะมีอยู่ และขอให้คนเรานั้น ตั้งใจอยู่ในศีลห้ากรรมบท๑๐ อยู่ในศีลในธรรมกันแต้ๆ

    ยุคศรีวิไลย์ จะมีลักษณะเป็นอย่างไร คนนั้นก็จะเป็นคนสวย จะเป็นคนงาม จะเป็นคนดีมีน้ำจิตมีน้ำใจดีกันทั้งนั้น ไม่มีอาฆาตมาดร้าย ไม่มีโกรธไม่มีเกลียด ไม่มีภัยไม่มีเวร คือไม่กินเนื้อสัตว์อะไรเหล่านี้ ก็ไม่มี จะดูให้ง่ายๆ ก็ดูคนที่เข้าวัดปฎิบัติธรรม ไม่ต้องทำมาหากิน มันก็มีอยู่ มีกินเอง ไม่ต้องไปวิตกกังวลอะไร ก็คนในยุคศรีวิไลย์นั้น ถ้าเปรียบแล้วก็เหมือนอย่างนี้แหละ การนุ่งการห่ม ก็จะเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัยไป คนที่เป็นผู้หญิงผู้ชาย นุ่งห่มเหมือนกัน อันนี้ก็จะหมดไป

    เพราะสมัยนี้มันผู้หญิง ก็นุ่งเตี่ยวกางเกง ผู้ชายก็จะนุ่งแต่งตัวเหมือน ผู้หญิง ไว้ผมยาวอะไรอย่างนี้ก็จะหมดไป ผู้ชายก็จะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงก็จะเป็นผู้หญิง ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ก็คนในยุคศรีวิไลย์นั้น จะมีอารยธรรม คือเป็นคนดี มีศีล มีธรรม อันสมบูรณ์ พืชพรรณธัญญาหาร ก็จะเกิดขึ้นเอง อุดมสมบูรณ์พูนสุข แก้วแหวน เงิน ทอง ก็ถึงจะมีขึ้นเกิดขึ้น มันก็ไม่มีประโยชน์ ก็เหมือนกับว่าจะไม่มีประโยชน์ อะหยั๋ง ไม่มีใครปรารถนา แก้วแหวนเงินทองเกิดขึ้นมา เป็นกอบ เป็นกอง ก็ไม่มีใครสนใจเท่าไร เพราะว่าจะเอาไปทำอะไร กินก็ไม่ได้ ใช้งานก็ไม่ได้ ที่ดีก็คือว่าของกินประทังชีวิตไปวันหนึ่งๆ ก็อยู่ดีมีสุขแล้ว เหมือนกับคนที่ปฏิบัติธรรม เหมือนกับคนที่พระคุณเจ้าได้ว่ามานี้

    ไม่ต้องกังวลอะไรกับเรื่อง ทำมาหากิน ท่านทั้งฟังทั้งหลาย ยุคศรีวิไลย์ ที่ท่านพระคุณเจ้าได้กล่าวมานี้ คือไม่ใช่หมายถึงอีก ๓๐๐ ปี ๔๐๐ ปี หรือเป็นยุคของพระศรีอาริยะเมตตรัย ก็ไม่ใช่ แต่เป็นชื่อของยุคในส่วนหนึ่ง ของสมัยหนึ่งในราชการเรานี้ ของเมืองไทยเรานี้ อันจะมีต่อในยุคปัจจุบัน คือยุคถิ่นกาขาว หรือถิ่นนุ่งขาว ห่มขาวกัน แล้วก็จะต่อในยุคนี้ เพราะฉนั้นประเทศไทยเรา ก็คงไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ คำพยากรณ์ที่เป็นยุคๆ ๑๒ ยุค นี้ตามที่ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ได้สังเกตมาก็เป็นความจริงทั้งนั้น

    เพราะฉนั้นเราจะไปเชื่อถือเอาคำใหม่ๆ หรือคำนอกๆนั้น โดยเอาเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็น ก็จะทำให้เกิดความวิตกกันมากขึ้น หรือว่าบ้านเมืองจะถึงภัยพิบัติ ถึงขนาดนั้นก็จะทำให้ความเป็นอยู่ หรือภาวะการนอนไม่หลับ ให้เกิดกังวลขึ้นมาได้ ก็เพราะฉนั้นประเทศไทยเรา ท่านว่าคงไม่เหมือนอย่างนั้น แต่ถึงจะมีบ้างมันก็เป็นภัยธรรมชาติ ธรรมดาๆนั่นเอง แต่ว่ามันก็มีอะไรให้มากๆสักนิดสักหน่อย ในที่เขามีมากกว่าเราหลายสิบหลายร้อยเท่า แต่เมืองไทยเราก็นับว่าโชคดีกว่าเปิ้น ท่านว่าอย่างนั้น แต่ท่านพระคุณเจ้าก็อนุโลมว่ามันก็คงจะเป็นอย่างนั้น ในเมื่อคนเราตั้งอยู่ในศีลในธรรม พระพุทธศาสนายังไม่หมดไปจากโลกนี้

    เทพยดาอารักษ์ ก็จะต้องช่วยปกปักษ์ รักษา ช่วยถนุถนอม แต่ท่านหลวงปู่วานิชย์ หรืออาจารย์วานิชย์ ที่ท่านกล่าวนั้น ท่านว่าพวกมีฤทธิ์ทั้งหลาย ในครั้งที่แล้วนั้นเมืองไทยเราหรือโลกเรานั้น แทบจะถึงภัยพิบัติใหญ่หลวง แต่พวกมีฤทธิ์ทั้งหลายได้ช่วยยับยั้งไว้ แต่ท่านว่าคราวนี้ พวกมีฤทธิ์ทั้งหลายยับยั้งไม่ได้ เพราะเวรกรรมได้สะสมไว้ มานานแล้ว ย่อมจะต้องมาชดใช้ซึ่งกันและกัน ไปตามอำนาจของกรรมเก่า คนที่มีอันเป็นก็ต้องจะเป็น คนที่มีอันตายก็จะต้องตาย คนดีๆก็จะต้องเหลือท่านว่าอย่างนั้น ศรัทธาญาติโยมท่านผู้ฟังทั้งหลาย ท่านพระคุณเจ้าได้แสดงมาถึงเรื่อง ยุคศรีวิไลย์ อันจะมีมาในข้างหน้า ก็คือยุคต่อจากรัชสมัยปัจจุบันภูมิพลอดุลยเดชของเรานี่เอง แสดงมาย่อๆ ถึงเรื่องราวอันเป็นมาเเละเป็นไปของกาลเวลา ก็ขอยุติลงด้วยประการฉะนี้

    พระธรรมเทศนา โดยท่านพระคุณเจ้าดาบส สุมโน

    วันอังคารที่ 28 สิงหาคม 2012 เวลา 06:26 น.

    ที่มา ยุคชาวครีวิไลที่จะมาในเบื้องหน้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2015
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อาหารเจเก๋ๆ ที่ทุกคนต้องร้องว๊าว !!


    เผยแพร่เมื่อ 19 พ.ย. 2013​

    แวะไปทานอาหารเจข้างๆวัดฝวอกวงซันมาค่ะ ไปกับกรุ๊ปที่ไปด้วยกัน การที่เราได้มาทานร้านนี้ ฮ่านไหล ก็ถือว่าเป็นบุญปากของทริปจริงๆค่ะ เพราะเราจะไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เราได้กินไป­นั้นคือ "เจ" "มังสวิรัส" หน้าตาเหมือนเทศกาลอาหารเจบ้านเรา ที่ร้านนี้เสิร์พอาหารเจออกมาได้อย่างสวยง­ามทำให้รู้สึกไม่เหมือนว่าเรากำลังกินของเ­จอยู่นะ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อาหารเจ นานาชาติ


    เผยแพร่เมื่อ 15 ต.ค. 2012​

    รายการ 5 สุดยอด กว่า 150 อาหารเจนานาชาติทั่วกรุง ผ่านการสร้างสรรค์จากคอนักชิมใจบุญกว่า 100 สำนัก การันตีแล้วว่านี่คือ สุดยอดร้านอาหารเจนานาชาติ ที่ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน ก็ต้องหาโอกาสไปทานให้ได้ ซักครั้งในชีวิต!
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ตายอีก 2 ราย เหยื่อไวรัสเมอร์สระบาดในเกาหลีใต้ ขยับ 31 ราย

    [​IMG]

    [​IMG]

    เหยื่อไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้ เพิ่มอีก 2 ทำให้ ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 31 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 1 ราย เป็นหมอที่โรงพยาบาลซัมซุง ในกรุงโซล พื้นที่แพร่ระบาด

    เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสเมอร์สแพร่ระบาดในเกาหลีใต้ว่าตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ระบุพบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ราย เป็นหญิงชราอายุ 79 ปี และ 80 ปี จึงทำให้ยอดเหยื่อไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้เพิ่มเป็น 31 รายแล้ว จนถึงเช้าวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย.

    ขณะเดียวกัน ยังพบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายใหม่อีก 1 คน ส่งผลให้จำนวนผู้ติดซึ่งรวมเป็น 181 รายแล้ว โดยคนไข้ติดเชื้อรายล่าสุด เป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลซัมซุง เมดิคอล เซ็นเตอร์ ในกรุงโซล ซึ่งถือเป็นพื้นที่ศูนย์กลางระบาด เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อจากโรงพยาบาลซัมซุงฯเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด

    กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ยังแถลงว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกาหลีใต้ จากการติดเชื้อไวรัสเมอร์สซึ่งก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางนั้น กว่า 90% เสียชีวิตเนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว และอาการป่วยมาแย่ลง จากการติดเชื้อไวรัสเมอร์ส จึงเป็นเหตุให้เสียชีวิต ส่วน จำนวนผู้ติดเชื้อ 181 รายนั้น ได้รับการรักษาจนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว 81 คน และปัจจุบัน ยังมีผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 69 คนในจำนวนนี้ 13 คน มีอาการป่วยหนัก

    สำนักข่าวยอนฮัพ รายงานด้วยว่า นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้รายแรกเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีประชาชนโดนกักตัวเพื่อรอดูอาการแล้วราว 15,000 คน และในจำนวนนี้ ได้รับการอนุญาตให้พ้นจากการถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากไม่แสดงอาการ 12,000 คน

    ทั้งนี้ เมื่อ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปาร์ก กึน เฮ แห่งเกาหลีใต้ ได้ร่วมประชุมหารือกับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจากต่างประเทศ ทั้งเจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ (ซีดีซี), องค์การอนามัยโลก และผู้อำนวยการฝ่ายสาธารณสุขโลก จากสำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ในกรุงโซล เพื่อพยายามหาทางควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 มิ.ย. 2558

    ปากีสถานร้อนตาย แต่อินเดียน้ำท่วมหนัก ดับเกินครึ่งร้อย

    [​IMG]

    [​IMG]

    เกิดอุทกภัยรุนแรงที่รัฐคุชราต ของอินเดีย เสียชีวิตแล้วกว่า 50 คน ทางการอินเดียวอนชาวบ้านเร่งอพยพหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนที่สูง ก่อนจะออกมาจากบ้านไม่ได้ ขณะที่ยังมีรายงานสิงโตหลายตัว ยังต้องหนีน้ำออกมาจากป่าถิ่นที่อยู่ของพวกมัน เพราะเกิดฝนตกหนักด้วย

    เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ขณะที่ชาวปากีสถานต้องสังเวยชีวิต เพราะสภาพอากาศร้อนจัด จากคลื่นความร้อนแล้วกว่าพันคน แต่ปรากฏว่า ที่อินเดียประเทศเพื่อนบ้าน กลับเกิดอุทกภัยอย่างรุนแรง ในรัฐคุชราต ทางภาคตะวันตก เนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมที่ก่อให้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก โดยเฉพาะที่ เขตศาอูราชตระ ถือเป็นพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วม ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิต อันเนื่องมาจากการเกิดอุทกภัยแล้วกว่า 50 คน และประชาชนเกือบ 10,000 คน ต้องรีบอพยพขึ้นไปอยู่บนที่สูง โดยกองทัพอากาศอินเดีย ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพไปรับผู้ประสบอุทกภัย ที่อาศัยอยู่ในที่ลุ่มแล้วนับพันคน มีทั้งติดอยู่บนหลังคาบ้าน รวมทั้งหนีน้ำออกมาอาศัยอยู่บนถนน

    ขณะเดียวกัน ทางการอินเดียยังได้ขอร้องให้ชาวบ้านในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ควรรีบอพยพหนีน้ำขึ้นไปอยู่ในพื้นที่สูงโดยเร็ว เนื่องจากมีบ้านเรือนหลายหลัง โดนกระแสน้ำซัดจนพังเสียหาย จนเป็นเหตุให้คนในบ้านเสียชีวิต

    บีบีซี ยังเผยว่า จากการเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของรัฐคุชราต ยังทำให้มีสิงโตหลายตัว ต้องหนีออกมาจากป่าเกอร์ ในเมืองจูนากาธ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกมัน เนื่องจากเกิดฝนตกหนัก และน้ำท่วมอีกด้วย

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 มิ.ย. 2558

    ยอดเหยื่อคลื่นความร้อนปากีฯทะลุ 1,000 ศพ แม้อากาศเริ่มเย็นลง

    [​IMG]

    [​IMG]

    จำนวนผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนจังหวัดสินด์ของประเทศปากีสถาน เกิน 1,000 รายแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดี แม้อุณหภูมิจะเริ่มลดลง...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนที่กำลังเล่นงานภาคใต้ของประเทศปากีสถาน โดยเฉพาะในนครการาจี ในจังหวัดสินด์ เพิ่มขึ้นจนมากกว่า 1,000 รายแล้วในวันพฤหัสบดี (25 มิ.ย.) ซึ่งอุณหภูมิในเมืองลดลงจากประมาณ 45 องศาเซลเซียส เหลือต่ำกว่า 38 องศาเซลเซียสแล้ว

    แต่แม้อุณหภูมิจะลดลง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ (เอ็นดีเอ็มเอ) ของปากีสถาน ระบุว่า กองทัพได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้เป็นลมแดดแล้ว 29 แห่งทั่วประเทศ และแจกจ่ายน้ำให้ประชาชนไปแล้วประมาณ 77 ตัน

    ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและคนยากจน ตายเพราะอาการลมแดด, ขาดน้ำ หรืออื่นๆ ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยจากอาการร้อนจัดกว่า 14,000 คน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนทั่วนครการาจี ทำให้เกิดปัญหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ

    ด้าน ดร. ซีมิน จามาลี แพทย์หญิงอาวุโสของโรงพยาบาล จินนาห์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐที่ใหญ่ที่สุดในนครการาจี กล่าวว่า ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเต็มจนล้มทะลักแล้ว ส่วนสถานเก็บศพ เอดี สถานเก็บศพที่ใหญ่ที่สุดที่ยังเปิดให้บริการในนครการาจี นำป้ายระบุว่าจำนวนศพถึงขีดจำกัดที่สามารถเก็บได้แล้ว มาติดที่หน้าประตู ขณะที่ศพยังคงถูกส่งมาเรื่อยๆ จนต้องกองรวมกันอยู่ด้านนอก

    สถานการณ์คลื่นความร้อนยังเลวร้ายลงจากปัญหาไฟดับที่เกิดขึ้นซ้ำในนครการาจี โดยประชาชนระบุว่า ได้เป็นเวลาอย่างน้อย 12 ชั่วโมง ทุกวัน ขณะที่บริษัท เค-อิเล็กทริก ผู้ให้บริการไฟฟ้าในนครการาจีระบุว่า พวกเขายังประสบปัญหาในการรับมือปริมาณความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 มิ.ย. 2558

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เขื่อนสิริกิติ์ วิกฤติหนัก! ปริมาณน้ำเหลือน้อย วอนประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด

    [​IMG]

    นายสุเทพ เลิศศรีมงคล ผอ.เขื่อนสิริกิติ์ เผย ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์อาจขาดแคลนถึงขั้นวิกฤติ เตือนประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด ด้าน ผวจ.อุตรดิตถ์ เร่ง แจกจ่ายน้ำให้ ปชช.ในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน

    เวลา 11.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. 58 นายสุเทพ เลิศศรีมงคล ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ เปิดเผยถึงปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ที่ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 3,389.68 ล้านลูกบาศก์เมตร (35.64%) ปริมาณน้ำพร้อมใช้งาน 539.6 ล้านลูกบาศก์เมตร (8.10%) ถือว่าปีนี้น้ำน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา จึงได้มีแผนการปล่อยน้ำ วันนี้ (26 มิ.ย. 58) เพียง 18.0 ล้านลูกบาศก์เมตร และวันที่ 27-28 มิถุนายน แผนการระบายน้ำเพียง 17.0 ล้าน ลบ.ม./วัน

    จากการสังเกตในการปล่อยน้ำจะลดลงแต่ละวัน และเป็นการช่วยเหลือผู้เลี้ยงปลาในกระชังท้ายเขื่อนฯ น้ำอุปโภคบริโภคอีกด้วย พร้อมทั้งเตือนประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้

    ล่าสุด นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ออกมาประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้งแล้ว 8 อำเภอ พร้อมเผยถึงการสำรวจพบ ว่า มีประชาชนขาดแคลนน้ำแล้วประมาณ 62,648 ครัวเรือน เบื้องต้นให้ทั้ง 8 อำเภอที่ได้รับผลกระทบออกสำรวจ และรายงานมายังจังหวัดในส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบต. เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนำน้ำออกแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ผู้ประสบภัยแล้วประมาณ 6,312,000 ลิตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 มิ.ย. 2558

    'เขื่อนวชิราลงกรณ-ศรีนครินทร์' แล้งสุดในรอบ 50 ปี

    [​IMG]

    ผอ.เขื่อนวชิราลงกรณ เผยน้ำในเขื่อนแล้งสุดในรอบ 50 ปี ชี้ต้องรอจนถึงสิ้นเดือน พ.ย.รู้ต้นทุนน้ำสำหรับใช้ปีหน้า แนะจังหวัดลุ่มน้ำแม่กลอง รวมทั้ง ชาว กทม.ช่วยใช้น้ำอย่างประหยัด ส่วนชาวนาควรขุดบ่อไว้ใช้เอง...

    เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. 58 นายประเสริฐ ธำรงวิศว ผอ.เขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่บริเวณต้นแม่น้ำแม่กลอง ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ว่า ข้อมูลน้ำในอ่างเก็บน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์ วันที่ 26 มิ.ย. 58 เวลา 09.00 น. ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 164.74 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากปกติรับได้สูงสุด 180 คิดเป็นปริมาณ 12,050.99 ล้าน ลบ.ม. จากระดับสูงสุด 17,745 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 67.91% สามารถรับน้ำได้อีก 5,694.11 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ วันที่ 25 มิ.ย. 58 จำนวน 6.68 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำที่ระบายผ่านเครื่อง วันที่ 25 มิ.ย. 58 จากเขื่อนท่าทุ่งนา 5 ล้าน ลบ.ม.

    สำหรับเขื่อนวชิราลงกรณ อยู่ที่ระดับ 137.88 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางรับน้ำสูงสุดได้ 155 เมตร คิดเป็นปริมาณ 3,620.17 ล้าน ลบ.ม. จากที่รับได้สูงสุด 8,860 ลบ.ม. คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 40.86% สามารถรับน้ำได้อีก 5,239.83 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมาจำนวน 56.34 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำที่ระบายผ่านเครื่องวันที่ 25 มิถุนายน จำนวน 9.04 ล้าน ลบ.ม. จะเห็นได้ว่า ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนทั้งสองเขื่อน มีจำนวนน้อยมาก ซึ่งเป็นเพราะว่าฝนเริ่มตกลงมาได้ประมาณ 3 วัน ส่วนตัวอยากให้ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องสัก 100 วัน ปริมาณน้ำสักประมาณ 50 ล้าน ลบ.ม. ก็จะทำให้ต้นทุนของน้ำเพียงพอที่จะนำไปใช้ในช่วงฤดูแล้งของปี 2559 แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้อย่างที่ต้องการ และจากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานชลประทานที่ 13 เขื่อนแม่กลอง กรมชลประทานพบว่าปริมาณของน้ำทั้งสองเขื่อนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถือว่าแล้งที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี

    "อยากฝากเตือนไปยังประชาชนที่อาศัยตามลุ่มน้ำแม่กลองทั้ง 7 จังหวัด คือ จ.เพชรบุรี จ.ราชบุรี จ.สมุทรสงคราม จ.สมุทรสาคร จ.นครปฐม จ.สุพรรณบุรี และ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งชาวกรุงเทพฯ ให้ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด และให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย เพราะในช่วงฤดูฝนนี้ยังไม่แน่นอนว่า ฝนจะตกลงมาตรงตามฤดูกาลหรือไม่ เพราะอากาศค่อนข้างแปรปรวน หากฝนไม่ตกตามฤดูกาล เหมือนเมื่อปี 2556 และ 2557 ที่ผ่านมา ต้นทุนของน้ำในเขื่อนทั้งสองเขื่อน อาจจะไม่มีใช้สำหรับหน้าแล้งในปี 2559 ก็เป็นได้ สำหรับชาวนาที่มีพื้นที่ทำนาเป็นของตนเองก็อยากจะแนะนำว่า ควรที่จะขุดบ่อในพื้นที่นาของตัวเองเอาไว้ เชื่อว่าคงจะบรรเทาความเดือดร้อนให้กับตนเองได้" นายประเสริฐกล่าว

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 มิ.ย. 2558

    สุโขทัยแล้งหนัก หลัง แม่น้ำยม น้ำลดแห้งขอด

    [​IMG]

    สถานการณ์ภัยแล้ง จ.สุโขทัย เริ่มรุนแรงต่อเนื่อง หลังจากแม่น้ำยม ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้หลายจุดแห้งขอด เห็นเป็นหาดทรายกลางแม่น้ำ

    เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ภัยแล้งใน จ.สุโขทัย ที่ได้เริ่มขยายวงกว้าง และทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นไปหลายอำเภอโดยเฉพาะแม่น้ำยม ใน อ.สวรรคโลก เนื่องจากปริมาณน้ำบริเวณหาดสะพานจันทร์ หมู่ 9 ต.ในเมือง ได้ลดระดับลงอย่างรวดเร็วจนเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น จึงทำให้ทาง จนท. เขื่อนบ้านหาดสะพานจันทร์ ต้องกักเก็บน้ำไว้ใช้ สำหรับอุปโภคและบริโภคเท่านั้น ส่วนพื้นที่ทางการเกษตร ต้องอาศัยน้ำจากบ่อบาดาลหรือรอน้ำฝน เนื่องจากระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าบานประตูระบายน้ำ

    และจากสถานการณ์ภัยแล้งในแม่น้ำยมที่แห้งขอด ทำให้บางจุดระดับน้ำน้อยมาก จนเข้าขั้นวิกฤติ ขนาดทำให้หาดทรายโผล่ และคนสามารถเดินข้ามได้ และยังส่งผลกระทบต่อสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำยมเป็นจำนวนมาก.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 มิ.ย. 2558

    หวั่นข้าวตาย! ชาวนาสองฝั่งคลองระพีพัฒน์ ระดมตั้งเครื่องสูบน้ำ

    [​IMG]

    [​IMG]

    ชาวนาสองฝั่ง คลองระพีพีฒน์ ระดมเครื่องสูบน้ำจากคลองระพีพัฒน์ ใส่นาข้าวกว่าพันไร่ ที่กำลังจะแห้งตาย หลังจากน้ำในคลองยุบลงกว่า 1 เมตร เนื่องจากเขื่อนป่าสักหยุดระบายน้ำ

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปริมคลองระพีพัฒน์ บ้านห้วยบ่า หมู่ที่ 4 ต.หนองกบ อ.หนองแซง จ.สระบุรี พบชาวนาสองฝั่งคลองระพีพัฒน์ อ.หนองแซง จ.สระบุรี และ อ.อุทัย อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ต่างนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาติดตั้งบริเวณประตูน้ำทั้งสองฝั่งคลองระพีพัฒน์ เพื่อสูบน้ำจากคลองระพีพัฒน์ เข้านาข้าวหลายพันไร่ เนื่องจากนาข้าวที่ปลูกไว้อายุประมาณ เดือนครึ่ง กำลังจะตาย เพราะน้ำในนาข้าวแห้ง และอากาศร้อนจัดจนทำให้เกิดดินแตกระแหง

    นายสมหมาย มโนสา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.หนองกบ อ.หนองแซง จ.สระบุรี กล่าวว่า ทราบข่าวว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นต้นน้ำ ได้หยุดระบายน้ำลงในแม่น้ำป่าสักแล้ว และในขณะเดียวกัน น้ำในคลองระพีพัฒน์ ได้ลดลงไปแล้ว ประมาณ 1 เมตร และลดลงอย่างต่อเนื่อง ชาวนาวิตก ว่า จะเกิดภัยแล้ง ขาดน้ำทำนา และอุปโภคบริโภคด้วย ตนจึงชักชวนลูกบ้าน พากันนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งสูบน้ำใส่นาข้าว และ บ่อน้ำไว้อุปโภคบริโภค เมื่อติดตั้งเครื่องสูบน้ำแล้ว ก็จะจัดเวรยาม ผลัดกันดูแลเครื่องสูบน้ำ มาเฝ้าครั้งละ 2-3 คน ตลอดทั้งวันทั้งคืน.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 มิ.ย. 2558

    สจล. คิดค้นเครื่องวัดคุณภาพทุเรียน อ่อน-แก่ นำร่องใช้ที่ ชุมพร

    [​IMG]

    [​IMG]

    สจล. เจ๋ง คิดค้นเครื่องวัดคุณภาพความอ่อน-แก่ ของทุเรียน โดยเครื่องสแกนระบบไมโครเวฟเซ็นเซอร์ ใช้เวลารวดเร็ว แค่ 1 วินาที นำร่องใช้ที่ จ.ชุมพร ป้องกันปัญหาลอบขายทุเรียนอ่อนในท้องตลาด ...

    เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ที่ ห้องประชุมเกาะลังกาจิว ศาลากลางจังหวัด นายวงศศิริ พรหมชนะ ผวจ.ชุมพร พร้อมด้วย ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ หัวหน้าโครงการวิจัย “เซ็นเซอร์ไมโครเวฟเพื่อการเกษตร” ภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) วิทยาเขตชุมพร และคณะ ได้นำเสนอเครื่องสแกนระบบไมโครเวฟเซ็นเซอร์ วัดค่าความอ่อน-แก่ของทุเรียน ซึ่ง จ.ชุมพร เตรียมนำมาใช้ในการตรวจสอบคุณภาพทุเรียน ก่อนส่งขายในท้องตลาด เพื่อลดปัญหาชาวสวนตัดทุเรียนอ่อนจำหน่ายในพื้นที่ จ.ชุมพร

    ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ หัวหน้าโครงการวิจัย เปิดเผยว่า งานวิจัยระบบไมโครเวฟเซ็นเซอร์ตรวจสอบความอ่อน-แก่ของผลไม้ เพื่อช่วยลดปัญหาสินค้าส่งออกไม่ได้คุณภาพ เบื้องต้นได้ทำการทดสอบกับทุเรียนในประเทศไทย ที่ส่งออกทุเรียนเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้ และมีตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา แต่ก็มีปัญหาโดนตีกลับสินค้า จากการส่งออกไปตลาดจีน เนื่องจากมีการปะปนทุเรียนอ่อนไม่ได้คุณภาพเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาล นอกจากนั้น ยังส่งผลถึงราคาของทุเรียนในประเทศ ทำให้ราคาตกต่ำ จึงได้มีการวิจัยการตรวจสอบความอ่อน-แก่ของผลไม้ขึ้น โดยการนำระบบไมโครเวฟเซ็นเซอร์มาปรับใช้ และจะนำมาใช้นำร่องตรวจวัดอย่างเป็นทางการใน จ.ชุมพร เป็นแห่งแรกในประเทศไทย

    ศ.ดร.โมไนย กล่าวต่อว่า ได้ใช้เวลาศึกษาคิดค้นมานานร่วม 10 ปี จนกระทั่ง 2 ปีหลัง ได้ประสบความสำเร็จ จากเดิมเครื่องวัดคุณภาพทุเรียนระบบไมโครเวฟเซ็นเซอร์ ต้องใช้ทุนประมาณกว่า 1 ล้านบาท ต่อเครื่อง แต่ปัจจุบันได้พัฒนาย่อสัดส่วนให้เล็กกะทัดรัดง่ายต่อการทำงาน มาใช้ท่อพีวีซีกับเครื่องไมโครเวฟเซ็นเซอร์ ทำให้เหลือต้นทุนการผลิตเครื่องละหลักหมื่นบาทเท่านั้น มีความกว้างขนาด 2 ฟุต หนักประมาณ 2 กิโลกรัม ทั้งนี้ หลักการทำงานของนวัตกรรมดังกล่าว ออกแบบมาเพื่อใช้วัดความอ่อน-แก่ของทุเรียน โดยใช้เทคนิคทางด้านไมโครเวฟ โดยมีขั้นตอนเริ่มต้นจากการเลือกสุ่มทุเรียนเอาไปวางไว้บนแท่นวัด จากนั้นจะส่งคลื่นไมโครเวฟผ่านทุเรียน ไปยังสายอากาศที่เป็นตัวรับ โดยขณะที่คลื่นไมโครเวฟผ่านทุเรียนนั้น ขนาดของสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะถูกลดทอนลง แปรผันไปตามความอ่อนหรือแก่ของผลทุเรียน จากนั้นข้อมูลที่วัดได้จะถูกส่งผ่านเครื่องส่ง-รับสัญญาณ ไปประมวลผลที่คอมพิวเตอร์ และทำการแสดงผลบนหน้าจอ ว่าทุเรียนนั้นอ่อนหรือแก่ ใช้เวลาไม่เกิน 1 วินาที จะสามารถรู้ผลได้ทันที

    ด้าน นายวงศศิริ พรหมชนะ ผวจ.ชุมพร กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ถือเป็นตลาดกลางส่งออกผลไม้ของภาคใต้ โดยเฉพาะทุเรียนมีจำนวนมาก โดยในปีนี้คาดว่ามีปริมาณผลผลิตรวมอยู่ที่ 131,741 ตัน ซึ่งส่งออก 123,009 ตัน และในช่วง เดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน จะมีผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนมกราคม - เดือนมิถุนายน ซึ่งยังไม่ใช่ฤดูเก็บเกี่ยวของทุเรียน แต่ก็มีทุเรียนออกสู่ตลาด ทำให้ราคาทุเรียนสูงขึ้น เนื่องจากมีปริมาณน้อย จึงทำให้มีการตัดทุเรียนอ่อนมาจำหน่าย ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค ซึ่งมีการจับกุมดำเนินคดีมาแล้วหลายราย

    นายวงศศิริ กล่าวต่อว่า โดยก่อนหน้านี้มีการตั้งด่านตรวจ และสุ่มตรวจทุเรียนอ่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประเมินด้วยสายตา หากสงสัยว่าอ่อน จะนำตัวอย่างส่งศูนย์วิจัย และพัฒนาการเกษตรจังหวัดชุมพร ตรวจสอบด้วยกระบวนการอบความร้อน เพื่อหาเปอร์เซ็นต์น้ำหนักของเนื้อทุเรียน ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะทราบผล ดังนั้น งานวิจัยระบบไมโครเวฟเซ็นเซอร์ตรวจสอบความอ่อน-แก่ของผลไม้ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร จึงถือเป็นจังหวัดน้ำร่องแห่งแรกของประเทศไทย และพร้อมที่จะนำเครื่องดังกล่าวส่งไปตามหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในทุกอำเภอ ในพื้นที่ จ.ชุมพร เพื่อใช้ในการวัดค่าความอ่อนแก่ของทุเรียน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อไป.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 มิ.ย. 2558

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เก็บข้าวสารไว้ได้นานด้วยวิธีซีลสูญญากาศ


    เผยแพร่เมื่อ 4 ก.พ. 2014​

    เผยแพร่เมื่อ 5 มี.ค. 2015​
     

แชร์หน้านี้

Loading...