ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ขอบคุณค่า

นี่แหละที่เป็นมาตลอดหลายปี เมื่ออาทิตย์ที่แล้วถึงกับไปเช็คร่างกายมา หมอเช็คทั้งปอด หัวใจ ตับ เม็ดเลือด และเกลือแร่ ความดัน รวมทั้งอะไรที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ปรากฏว่าปกติทุกประการ หมอถามว่าเครียดหรือไม่ ตอบไปว่า ไม่เครียดเลย หมอลงความเห็นฟันฉับมาเลยว่า ก็อาจเครียดแบบไม่รู้ตัว เราก็...เอิ่มมีแบบนี้ด้วยอะค่ะ

 

อ่านแล้วหัวเราะเลย อารมณ์ดีค่ะ

 

๕๕๕๕ เคยเจอครับช่วงหนึ่งตัวร้อนผิดปกติ แต่ส่วนตัวพอรู้ว่า
เพราะอะไร คือบอกไปที่บ้านเค้าไม่เชื่อครับ ด้วยความเป็นห่วง
พระมารดาก็พา..ไปตรวจร่างกายครับ..
เช๊คหลายอย่างครับ คล้ายๆกัน ทั้งความดันทั้งปริมาณเม็ดเลือดขาว
ส่วนตัว ๙๐๐๐ พันครับ ปกติมันจะอยู่ ๔๐๐๐ ถึง ๑๒๐๐๐
และผลก็ออกมาประมาณแบบ
คุณน้อง ทองนั้นหละครับ. ปกติทุกอย่าง..
แต่ยังให้ยาแก้ปวด แก้หวัด แก้แพ้ มาทานก็รับๆไว้..
..แต่มีแอบฮา หมอเล็กน้อย
หมอว่า ทำงานดึกหรือเปล่า ก็บอกดึกครับ หมอบอกเป็น
นักร้องหรือ(อาจจะหมอลำก็ได้) ๕๕๕๕
พอดีใส่ยีนต์ขาสั้น เสื้อพอดีตัว รองเท้าคัชชู
ขำๆเน้อ..

 

สาธุ กับพี่ๆทุกท่านครับ อ่านแล้วสนุกดี เพลินดีครับ โสๆๆๆ อโหสิๆๆ

 

แหม ราคุ กำไรตลอดเลยนะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕

 

คุณพี่เกดขา น้องล่องหน อยู่ค่ะ
เกรงใจว่าหากหนูปรากฏกายดิบ พี่ต้องเปลืองข้าวปลาอาหาร มาเลี๊ยงดูวุ่นวาย น้องจะกลายเป็นภาระนะคะ


พี่ลินดาคะ หนูไม่ผิดค่ะ ไม่มีใครขัดขืนหนูเลยค่ะ (ในฝันวิ่งตาม พี่ๆ เค้าไปดูเอง กลัวถูกทิ้ง ก็จับแขน ตามไป ตามประสาเกษตรกรไร่เผือก เท่านั้นเอง )๕๕๕๕

 

หลงทางมา ต้องผงะ โดนรับน้องซะแรงเลย คุณรุ้งดาวต้องเล่าให้ฟังค่ะโสๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โหสิ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

ผมโดนพลังจากน้องราคุ ตั้งแต่ส่งม้าบินเป็นบรรณาการแล้วครับ
มีกระแสเชื่อมมาที่ต่อมฮาซึ่งโดยปกติก็ไม่ได้อยู่ตื้นนัก
แล้วยังมีแอบจับนมคุณนภอีก ป๋าramingมีเสียวบ้างไหมหนอ
ขืนส่งพลังมาอีกผมคงต้องเวฟป๊อบคอนมารอแล้ว นึกว่ากระทู้นี้เป็นศูนย์รวมความบันเทิง

ปับ ปับ ปับ ราคุช่วยด้วย ราคุช่วยด้วย 555

 

อ้อ ... เล่าได้บ้างค่ะคุณทองฯ แต่บางเรื่องอยากจะพูดก็พูดไม่ได้ค่ะ (สำเนียงนี้คุ้นๆไหมคะ ๕๕๕ )
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แทบจะอ๊วกค่ะ เวียนหัว มึนตึ๊บ ตาลาย คือพอเลิกงานก็เปิดโทรศัพท์ จะเข้าเว็บกระทู้กสิณฯ ตอนแรกๆเข้าไม่ได้ค่ะ คิดว่าสัญญาณไม่มี ต้องพยายามหลายครั้ง แต่พอเข้าได้เท่านั้นแหละ ดิฉันเข้าไปอ่านยังไม่ทันจบประโยคที่เข้าใจก็เกิดอาการค่ะ ทำให้ต้องปิดโทรศัพท์หลังพิงเก้าอี้สักพักก็ไม่มีไร และก็คิดว่าคงเหนื่อยจากการงาน สักพักดิฉันเข้าอีกก็อาการเดิมค่ะ วันนั้นดิฉันทำแบบเดียวกันประมาณ ๓-๔ ครั้ง จนไม่ไหวค่ะรู้แล้วว่าไม่ใช่มาจากร่างกายเราแต่มันมาจากในกระทู้ค่ะ ๕๕๕๕๕๕ ...
บางกระทู้ที่ไม่ใช่ท่านระมิงค์และคุณนพฯก็เป็นค่ะ ดิฉันเข้าใจว่ากระแสพลังงานมาจากคนที่เข้ามาอ่านบ้าง ทั้งที่ล๊อคอินเข้ามาหรือตามอ่านเฉยๆก็สามารถเป็นกระแสที่เราเข้าไปรับโดยไม่ตั้งใจนั่นแหละค่ะ ทั้งนี้เป็นได้หลายรูปแบบมาก เช่น มาจาก จขกท บ้าง คนอ่านบ้าง กระแสพลังงานที่ติดตามคนอ่านหรือติดตามจขกท บ้าง ๕๕๕๕๕๕๕ อย่างเช่นถ้าบางครั้งคุณตาดีๆ คุณอ่านเม้นท์หรือกระทู้ไหน คุณจะเห็นพลังงานที่มีมากกว่าสองกว่าสามหรือมากกว่านั้น ทั้งๆที่คนที่จิ้มๆๆเม้นท์อยู่มีแค่คนเดียว .... :boo:

อย่าลืมว่า ความคิด อารมณ์ นามธรรมต่างๆ ก็คือกระแสพลังงานอย่างหนึ่ง
อันนี้ดิฉันคิดคนเดียวว่าคงเหมือนๆกับเราเปิดฟังวิทยุคลื่น 82.5 FM กำลังฟังเพลงอยู่ดีๆ แล้วมีคลื่นอื่นๆมาแทรก ทำให้เพลงที่คุณฟังมีเสียงรบกวนหรือแทรก ซ่าๆๆๆ อะไรประมาณนี้ค่ะ

ส่วนตัวดิฉันยังแยกคลื่นกระแสพวกนี้ไม่ออกค่ะ ว่ามาจากไหน กระแสวนๆ กระแสตรงๆ กระแสที่มาเป็นคลื่นๆ ฯลฯ ส่วนตัวก็กำลังอยู่ในเขตกำลังปรับปรุงก่อสร้างเนื้อสร้างตัวอยู่เหมือนกันค่ะ ยังฝึกหรือก็เหมือนไม่ฝึก แต่ไปเรื่อยๆ

วันนี้ลองเอามาฝากดู ไปได้มาจากเฟสฯหนึ่งค่ะ ที่ไม่ลงเครดิสเพราะส่วนตัวไม่รู้จักกันแต่ไปเจอมา เหมาว่าเขาเปิดสาธารณะเลยไปก๊อปมาได้ พอเอาไว้ดูเล่นๆค่ะ


""""""""""""
ทุกสิ่งคือ พลังงาน ดังนั้น คลื่นความถี่และการสั่นสะเทือนจะจัดสรรให้เกิดความสอดคล้องกับการดำเนินชีวิต
จากการสังเกต พบว่าคลื่นความถี่ เหล่านี้ยังเป็นการจัดสรร
ในแง่ความสัมพันธ์ ต่างๆ
... คลื่นความถี่คล้ายๆกัน จะดึงดูดซึ่งกันและกัน
ในแง่มุมนี้ หมายถึงบุคคลที่เราพบป่ะ
หรือ แวด วง สังคม ที่ มีความถี่ที่สอดคล้องกัน
ซึ่งการพบเจอกันก็เป็นการจัดสรรของความถี่แบบหนึ่ง
มีคำกล่าวว่า หากบารมีต่างกัน ก็อยู่ด้วยกันยาก
อะไรเป็นตัวจัดสรรสิ่งเหล่านี้ ก็คือพลังงานและการสั่นสะเทือนนั่นเอง
เราอาจจะพบว่า บางคนที่มาพบเจอกัน
เมื่อถึงช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อความถี่ ต่างกัน ก็อาจจะมีการแยกย้ายกันไป
หมดวาระกรรม คลื่นความถี่ก็เปลี่ยน
จักรวาลมีความอุดมสมบูรณ์เสมอ
อยู่ที่ว่า คุณได้ใช้ชีวิตสอดคล้องก่ะคลื่นความถี่ ที่ปราถนาจริงๆหรือไม่





ส่วนอันนี้ เป็นวงจักระ เป็น สัญญลักษณ์
แสดงถึง ความสมบูรณ์
เป็นช่องทางให้พลังจักรวาลไหลผ่าน
ศูนย์จักระต่างๆในร่างกาย
... การใช้ภาษาก็เป็นสิ่งสำคัญ
เพราะภาษาคือคลื่น
หรือความสั่นสะเทือน
ที่ปลดปล่อยพลังออกมา





อันนี้ขอคุณนพฯมาเพิ่มมาเสริมเติมได้ค่ะ

ปล. ที่คุณนพฯ พูดพาดพิงท่านระมิงค์ไว้ในเรื่องที่ใครมีความคิดต่างๆ แม้ว่าจะมาจากสัญญา จากจิต หรือมาจากสังขารที่ปรุงแต่ง ... หรือที่เรียกว่าฟุ้ง หรือสัญญาวิปลาส หรือปรามาส ฯลฯ แล้วแต่จะเข้าใจ อันนี้ดิฉันเป็นบ่อยๆค่ะ ตั้งแต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงมา ครูบาอาจารย์ หรือแม้แต่คนที่คุยด้วย ดิฉันเป็นบ่อยๆค่ะ ยิ่งช่วงไหนปฎิบัติเร่งสร้างฐานมั่นๆยิ่งเป็นบ่อยค่ะ อันนี้คืออาการ และมีทางออกที่คุณนพได้แนะนำไว้แล้วว่าให้อโหสิออกมาจากจิต และย้ำและแผ่เมตตาจนกว่ากระแสสัญญาต่างๆหรือความฟุ้งซ่านนั้นหายไป คือไม่อะไรทำไมกับที่มาที่ไปค่ะ ไม่ต้องหาต้นตอ ไม่ต้องตามหา หรือ ไม่..... หรือภาษาที่เรียกกันว่า วาง นั่นแหละค่ะ รู้ กระทบ วาง ... นี่แหละค่ะ (เอ...คิดถูกไหมเนี่ย ๕๕๕๕๕๕ )

เลยได้โอกาสนี้เลยค่ะ
โสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส ......
อโหสิๆๆๆ



ว่าจะไม่ลงเครดิต ดูจะเสียมารยาทเกินไป
https://www.facebook.com/int.ming

 

ขอบคุณค่ะคุณรุ้งดาว แต่ของดิฉันไม่เวียนหัว ไม่อยากอาเจียน แต่เป็นแรงดันมหาศาลพร้อม ๆ กับเหมือนไม่มีอากาศอยู่รอบตัวเราเลย หายใจเข้าไม่มีอากาศนะค่ะ หรือว่าแต่ละคนอาการไม่เหมือนกันคะ

จะเล่าตั้งแต่ครั้งแรกที่หัดภาวนาเลยนะคะ เกิดขึ้นครั้งแรกจากคำนี้ค่ะ
พุทธัง เมฆะนิมิตจิตตัง มะอะอุ
ธัมมัง เมฆะนิมิตจิตตัง อุอะมะ
สังฆัง เมฆะนิมิตจิตตัง อะมะอุ

มาจากหนังสือฉบับหนึ่งของหลวงพ่อฤาษีค่ะ มีคนให้มาอ่าน ตอนนั้นไม่ได้คิดและไม่รู้อะไรเลย ก็ท่องเล่น ๆ ไปเฉย ๆ ก็คิดว่าเป็นคำภาวนาในการทำสมาธิ ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเขาทำสมาธิกันอย่างไร เราก็ทำไปโดยไม่รู้อะไร ทำแค่ประมาณ ๑๐ นาทีได้ค่ะ ปรากฏว่า จู่ ๆ ก็เกิดแรงดันมหาศาลบีบอัดจากทุกทิศทุกทางแรงมาก เราก็ตกใจพยายามฝืนออกมา และนั่งหอบเหนื่อยราวกับว่าวิ่งเร็ว ๆ แบบไม่หยุดเลยมาเป็น ๑๐ กิโลอย่างนั้นเลย สั่นระริกไปทั้งตัวเลยค่ะ

ตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าภาวนาด้วยคำไหนก็เกิดอาการนี้เสมอ แม้เราไม่ภาวนาอาการนี้ก็เกิดขึ้นมาเอง และในตอนนั้นไม่ว่ามองที่วัตถุอะไรก็แล้วแต่จะมองเห็นแสงสาดส่องออกมา มองที่พระพุทธรูปก็มองเห็นแสงรัศมีสาดออกมาด้วยตาเนื้อ และนับแต่นั้นมาไม่ว่าเราจะทำอะไร อ่านหนังสือ แค่นะโม..เฉยแค่นี้ก็เกิดอาการนี้ตลอดมา

มีอยู่หลายครั้งพยายามทำสามาธิ ยิ่งภาวนายิ่งเกิดแรงบีบอัดเหมือนทั้งตัวเราจะระเบิดออกมาเป็นจุล (อาการเหมือนฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง) เป็นอยู่หลายเดือน ไม่รู้จะทำอย่างไรมีอยู่ครั้งหนึ่ง อยู่ ๆ นึกขึ้นมาว่าเราลองวางอุเบกขากับมันดู แค่นั้นแหละอาการจากแรง ๆ จนเรากำลังจะระเบิดอยู่แล้ว ก็กลายเป็นเหมือนเราอยู่ในฟองน้ำที่มันนุ่มนวลและสบายมาก ๆ

ผ่านไปสักพักมันก็เกิดแรงดันขึ้นมาอีก มันบีบอัดเหมือนกันแต่ว่าเหมือนเรามีฟองน้ำนุ่ม ๆ ห่อหุ้มตัวเราอยู่อะค่ะ มันเหมือนกับว่าเราอยุ่ในวงกลมแบบซ้อนวงกลมและทุกชั้นของวงกลมเหมือนมีฟองน้ำนุ่ม ๆ มาหุ้ม ยิ่งเราสามารถวางอุเบกขาและเข้าไปอีกชั้นได้มันจะยิ่งนุ่มและสบายมากขึ้นนะค่ะ เพียงแต่พอถึงชั้นที่ ๒ แล้วเหมือนกับสู้กับชั้นแรกมาจนหมดแรงเลยถอยก่อนค่ะ

และครั้งต่อมาอาการมันก็ดันขึ้นมาเองแทบจะตลอดเวลา ทั้ง ๆ เราก็ไม่ได้ทำสมาธิเลยค่ะ เป็นมานานจนเริ่มซาลงและเริ่มหายเมื่อประมาณ ๒ ปีได้ แต่อาการจู่ ๆ ไม่มีอากาศหายใจนี่ยังเป็นอยูู่แต่ไม่บ่อยเหมือนตอนนั้นนะค่ะ ทีนี้คำภาวนาพุทโธก็เลยตามมาเนื่องจากเราหายใจไม่มีอากาศนี้แหละค่ะ ทำไปเพราะว่าพอประทังชีวิตอยู่ได้แบบไม่ทรมานตลอดเวลา หากเราเผลอเมื่อใดก็เหมือนร่างกายจะน๊อคไปเลย เลยพยายามตะเกียกตะกาย และภาวนาจนมันแค่พอทรงตัวอยู่ได้ คร่าว ๆ ประมาณนี้ค่ะ

ปล. ทำเองที่บ้าน ไม่เคยฝึกสมาธิที่ไหนมาก่อนค่ะ

 

ตัวหนังสือสีแดงอาการคล้ายๆกันค่ะ แต่ดิฉันเคยอยู่ครั้งเดียวค่ะเคยเป็นตอนนอนหลับอยู่ก็ต้องตกใจตื่นค่ะ หายใจไม่ออก
ส่วนแรงอัดนั้นรอบๆข้างกายเหมือนจะถูกตัดไปแล้วเราอยู่อีกสภาวะหนึ่ง ตอนนั้นดิฉันกลัวค่ะเลยกลับมาดึงสมาธิให้ลงมาอยู่จุดเดิม ตอนนั้นนั่งสวดในถ้ำอยู่ค่ะ คืนนั้นเขาสวดกันข้ามคืน เดี๋ยวให้คุณนพฯมาต่อดีกว่าค่ะ

 

คาถาเมฆจิต ตามตำรากล่าวไว้ว่าเป็นคาถาเพื่อเอาไว้สำหรับ
ฝึกทิพย์จักขุหรือส่งเสริมทางด้านการเห็นทางด้านนามธรรม...
แต่ในทางปฏิบัติ ยิ่งถ้าจิตเรามันชินกับความเป็นทิพย์แล้ว...
คาถาบทนี้จะส่งเสริมในด้านของการท่องเที่ยวและไม่ใช่
ท่องเที่ยวแบบไตรภพด้วย ไปไกลกว่านั้นอีก และที่สำคัญ
ก็คือ มันจะหาจิตตัวเองไม่เจอ พูดง่ายๆว่าเหมือนไม่รู้ตัวเอง
อยู่ตรงไหน แต่ว่าพอจะไปท่องเที่ยวต่อก็ไปได้เฉย ประมาณนี้นี่คือทั่วๆไปนะ..

แต่ในทางด้านพลังงานนั้น เวลาเราท่องคาถาบทนี้ ตรงหน้าอกมันจะมีกระแส
พลังงานออกมาในแนวขนานกับพื้นและออกนอกตัววนไปทางด้านหน้า
แต่พลังงานไม่ได้หมุนเกินลำตัวเรานะ...และที่สำคัญคือ มันจะมีเส้นพลังงาน
ตรงเล็กๆ วิ่งขึ้นไปเชื่อมกับ พลังงานที่ใต้กระโหลกศรีษะของเราและพลังงาน
ใต้กระโหลกศรีษะตรงนี้ มันจะดึงเชื่อมจุดพลังงานเกี่ยวกับตาที่สามตรง
เหนือระหว่างคิ้วร่วมด้วย และพลังงานที่หมุนใต้กระโหลกศรีษะนี้มันก็จะ
หมุนออกนอกกระโหลกศรีษะด้วยเป็นสำคัญ....

เพราะฉนั้นถ้าธาตุร่างกายเรายังไม่แข็งแรงพอ และเรามีกำลังสมาธิสะสม
ยังไม่เพียงพอ พลังงานที่มันหมุนเหวี่ยงปิดตัวจิตเราตรงกลางลิ้นปี่
ที่มันทะลุออกนอกร่างกายเรา(นัยยะคือมันข้ามธาตุที่รวมเป็นร่างกาย)
.มันจะส่งผลต่อร่างกายเราต่างๆนาๆได้ และพลังงานที่มันหมุนเหวี่ยง
ออกนอกกระโหลกศรีษะที่มันดึงตาที่สามเพื่อออกไปภายนอกข้างบนนั้น
มันก็จะส่งผลต่อร่างกายบริเวณศรีษะด้วย
ที่หายใจไม่ออกเพราะเส้นพลังงานที่มันเชื่อมระหว่างกลางอกกับใต้
กระโหลกศรีษะที่มันจะบีบเหลือเส้นเล็กๆนั่นหละ
ถ้าลืมตาแล้วหอบหรือเหนื่อยแห๋กๆ แสดงว่า กำลังสติทางธรรม
บวกกับกำลังสมาธิสะสมไม่พอ..
ส่วนกิริยาทางกาย

อื่นๆที่เกิดก็ปกติธรรมดา ถ้ากำลังสมาธิสะสมเรามากพอ
ในระดับถ้ามีการเปลี่ยนแปลงธาตุ ๔ ของร่างกายแล้วไม่เป็นไร
และกำลังสติทางธรรม สมาธิพื้นฐานมากพอแล้วถึงจะ
ไม่ส่งผลกระทบใดๆกับร่างกายเรา แต่กรณีนี้แม้ว่า กำลังสติทาง
ธรรมแม้จะพอมีแต่ถ้าใช้คาถาบทนี้บอกตรงว่า ยังไงก็หาจิตได้เจอยาก
แต่ดีตรงเวลาลืมตาแล้วจะไม่เหนื่อยหอบประมาณนี้
ปล.ทั่วไปประมาณนี้หละ ไม่มีอะไรหรอก...

 

*********************************
เจออันนี้พอดีเลยค่ะ
http://www.luangputo.com/<wbr>forum/index.php?topic=90.0

 

เจ้าของบทความที่คุณรุ้งนำมาลง
ส่วนตัวเคยเจอกันครับแต่ไม่สนิท
ชื่อท่านอิน มีความชำนาญเรื่องการปรับกระแสมาก
คล้ายๆว่าเคลียร์กะแสวิบากต่างๆให้คนอื่นๆได้ดีครับ
ท่านนี้จะสนิทกับรุ่นน้องที่มาทางด้านพลังงาน
ที่นั่งอยู่ห้องทำงานเดียวกันตอนนี้
คนที่ว่าโดนเจาะท้ายทอยมาที่เคย
เล่าให้ฟังนั่นหละครับ
ก็นึกว่าใคร ๕๕๕

 

ตั้งแต่คราวนั้นก็เลิกใช้เลยค่ะ แต่อาการต่าง ๆ เช่นตึงที่หัวกับหน้าผากกว่าจะหายก็เป็นปีเหมือนกันค่ะ

เจ้าถิ่นจอมเก๋า ( วัดท่าซุง )

 

พี่ทองชมพู ไปวัดท่าซุงหรอครับ เห็นว่า วันนี้มีเป่ายันต์เกาะเพชร

 

วัดท่าซุงมีพุทธาภิเษกวันนี้ แต่ไม่ได้ไปจ้า

เจ้าแสบในรูปถ่ายเมื่อปีที่แล้ว ตอนแรกรถพี่จอดตรงนั้นแล้วออกไปธุระกลับมาที่จอดเต็ม เลยได้เลื่อนไปจอดในซอย โชคดีรอดจากการเจิมรถแบบหวุดหวิด

 

คลิปมันดูไม่ได้นะ ใต้คลิปคลิกขวาใต้ข้อความก็พอแปลได้..

 

อ้าว .. ทำไมดิฉันดูได้คนเดียวล่ะเนี่ย คุณนพฯเข้าโดยวิธีใดค่ะ หมายถึงคุณนพใช้คอมฯบ๊อนี่

 

อ่อเล่นคอมดูผ่าน Windows 8 จาก IE 11 ไม่ได้
พอมาเล่นผ่าน iOS 8.3 จากแพคดูได้อยู๋...
กลุ่มควันที่ดูคล้ายๆงูตัวใหญ่เลื้อยหรือเปล่า
ที่ว่าขึ้นตรงๆก่อนแล้ว ค่อยมาแนวนอนเหมือนงูใหญ่เคลื่อนที่ได้
ดูจากคลิปเห็นว่าขึ้นตรงยอดภูเขา ประเด็นนี้หรือเปล่าที่จะถาม..
ถ้าจะบอกว่าเป็น ตะกูลพยานาคที่ดูแลภูเขาก็ไม่ใช่เพราะกระแส
พลังงานคนละแบบ ไม่ต้องลงรายละเอียดหรอกเนาะ
และถ้าจะบอกว่าเป็นมังกรก็ไม่ใช่ นอกจากพลังงานไม่ใช่แล้ว
มังกรจะเคลื่อนตัวเร็วมากกว่านี้เยอะและยาวกว่านี้มาก เรามักจะเห็น
มังกรในแนวขนานกับพื้นโลก และจะเห็นได้แค่บางส่วนของลำตัวหรือเป็นส่วนๆ
เพราะว่า โดยปกติวิสัยจะแว๊ปเร็วมากๆ และเห็นตรงนี้ ก็ไปโผล่
อีกทีตรงนั้น ประมาณนี้หละ