ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด ที่ได้จากอาชีพ หมอดู ในตอนนี้

    กระแสเมตตา กระแสบวก กระแสพลังงาน

    เมื่อเราปล่อยกระแสบวกไป แล้วสิ่งนั้นไปกระทบกับคนที่ได้รับ ได้รับผลที่ดี
    ความเจ็บป่วยคลายลง จิตใจเย็นสบาย สงบขึ้น

    สิ่งที่ไม่ได้หวังผล แต่มันกลับมา ส่งผลกลับมาอย่างไม่คาดคิด
    กระแสพลังงานทางบวกนั้น หมุนวนกลับมา สู่จารุ
    ไม่เพียงกระแสพลังงานจากตัวมนุษย์เท่านั้น เป็นกระแสพลังงาน
    จากทุกภพทุกภูมิ เทวดาที่รักษาร่างของแต่ละท่าน ก็ส่งพลังบุญมาให้จารุด้วย
    มาแบบนานาชาติ มาแบบทุกศาสนา

    และไม่น่าเชื่อ เดี๋ยวนี้ นอนหลับสนิทมาก จิตรวมรวดเร็ว

    ทุกเช้าไม่มีอาการงังเงีย จิตตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่

    ส่งพลังงานไปตอนเช้า ส่งไปให้ทุกคน

    และปัจจัยที่ได้จากค่าครูบางส่วน ยังได้ช่วยในการทำบุญหลายอย่างให้มากขึ้น
    กว้างขึ้น หลากหลายขึ้น ทั้งมีน้ำมันที่จะไปที่ต่างๆ และเพื่อนๆ จากหลายจังหวัด

    หรือว่านี่คือที่เรียกว่า พลังแห่งบุญ จิตใจมันอิ่มเอิบ เต็มอิิ่มค่ะ

    นี่คือพลังแห่งจักระ ที่เรียกว่า ฐานเมตตา พลังแห่งดอกบัว

    เราเริ่มสงสัยว่า เค้าให้เราทำงานประเภทไหนกันแน่นะ และจะสะสมบุญ
    ไปเพื่อทำอะไรกันแน่
     
  2. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เริ่มมีเรื่องแปลกๆ ช่วงที่จิตจะตื่นเมื่อเช้า
    ได้ยินเสียงคนบริกรรมคาถา แว่วมา

    โอมกูจะปลุกผีนั่ง กูจะปั้นผีลุก กูจะปั้นผีลุก กูจะปลุกผีนั่ง
    กูจะอัญเชิญธาติดินมาเป็นแขนเป็นขา กูจะอัญเชิญธาตุไฟมาเป็นหัวใจ
    แล้วก็อะไรอีกไม่รู้ ยาวมาก

    ไม่รู้เราเคยสวดมั้ย เพราะตอนตื่น เหมือนปากยังขยับในคำพูดนั้นอยู่เลย

    ....

    ไม่ได้รับยา ช่อง 4 บางขุนพรหม นานแล้ว 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2015
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ไปรับยากินบ้างก็ดีนะ
    วิธีรับยา

    ใช้สองฝ่ามือยกขึ้นประกบกันเหมือนสวีดดี แต่อย่าเพิ่งให้ฝ่ามือชนกันนะ ให้เหลือช่องว่างไว้หน่อยหนึ่ง
    ทำเหมือนๆตอนเริ่มเนรมิตธนู
    นึกถึงบุญ และอำนาจของบุญแล้วนึกขอยา หรือสิ่งที่สามารถปกป้องการเบียดเบียนจากมนุษย์และอมนุษย์ทั้งปวง
    อำนาจอาคมคุณไสย์ใดที่เป็นมลทิน ที่ลามกที่เป็นไปเพือ่การเบียดเบียน จงสลายไปสิ้น
    เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้ว ก็เอาฝ่ามือทั้งสองประกบเข้าหากัน ทรงสตินิ่ง
    มีทริกนิดหน่อย
    แง้มมือ ทางนิ้วก้อย เพือช่วยเหลือผู้อื่น
    แง้มทางนิ้วโป้ง เพื่อเกื้อกูลตนเอง

    ถ้าขอยา ก็ให้ยาหลั่งไหลเข้าตัวเลย (ไม่ต้องเอาใส่ปาก)
     
  4. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ทดลองดูนะ
    ยาที่ ช่อง 4 บางขุนพรหมนี่สุดยอดจริงๆ

    กันและแก้พวกภูตอาคม อสูรกายอาคม ก็ได้นะ
    มันคล้ายลูกธนู แต่ไม่มีคันยิง (เป็นธนูมือ วิ่งออกไปสลายไอ้พวกอาคมเหล่านั้น)
     
  5. PShinex

    PShinex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +382
    สมัครเป็น fan club ด้วยคนครับ รู้สึกทึ่งตั้งแต่ได้อ่านข้อความที่ถาม-ตอบ
    จากกระทู้ของลุงมหาฯ แล้ว ความจริงเห็นกระทู้นี้นานแล้วแต่เฉย ๆ พอมาดูคนตั้ง
    เลยเข้ามาอ่าน 2 วันกว่าจะหมด เขียนได้ดีมาก ที่เศร้าก็ทำเอาน้ำตาไหล ที่สนุกก็
    ขำจนน้ำตาไหลเหมือนกัน

    อยากทำบุญกระเบื้องด้วย และได้โอนเงินมาเข้าบัญชีที่บอกไว้แล้ว 2000 บาท รู้สึกว่ากระทู้นี้ได้ประโยชน์เยอะดีครับ

    ส่วนใหญ่ผมจะอ่านพวก channelling กับ quantum ก็ใกล้เคียงกับความฝันของคุณคร้บ
     
  6. พ้นทุกข์

    พ้นทุกข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +240
    ยังติดตามเรื่องสิงห์อยู่นะครับ เมื่อไหร่ว่างช่วยเล่าให้ฟังอีก ชอบมากๆ
     
  7. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    กรรมอีกเรื่องของจารุ ที่ติดตามมาในชาติมนุษย์

    กรรมเรื่องคาถาอาคม การเล่นของ ไสยศาสตร์

    ในชาติของสิงห์ ทำไว้เยอะมาก ถึงแม้จะรู้

    แต่ก็หลีกไม่พ้น มีหลายเคสที่มาดู แล้วชักนำให้เจอกับ

    คาถาอาคม ไสยศาสตร์ เวทย์มนต์

    แต่ชาตินี้ จำไรไม่ได้ จะรอดมั้ย ...

    ป.ล.ก็มีพระอาจารย์คุ้มหัวอยู่ แต่ว่าก็แอบหวั่น
     
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    กลัวอะไร
    ก็ไปเบิกยา ที่ช่อง 4 บางขุนพรหม มากินซะ
    แล้วก็อธิษฐานบุญลงไป กรู ไม่เอาอีกแล้ว ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว อย่ามาชวน อย่าฯลฯ
    แล้วก็กินยา
    โผล่เข้ามา ก็บอก กรูไม่เกี่ยวด้วยแล้ว กรูไม่เอาแล้ว ปฏิเสธทุกกรณี แล้วก็กินยาซะ

    สติปัฏฐานในปัจจุบัน แก้ได้หมด
     
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ขอบพระคุณ อาหมอสุวิ ที่ช่วยดูแลตลอดค่ะ
    ถ้ามีอะไรเกินรับไหว ขออนุญาตเรียกท่าน suwi2 suwi3...
    บ้างนะคะ
     
  10. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๕.๓๒

    ร่ายสดๆ ซะมั่งดีกว่า ทิ้งไว้นานเดี๋ยวสนิมขึ้นอ่ะนะ หึหึหึ


    ...อย่าหวั่นไหว ไปเลย สเหยอ๋าย
    เมื่อสหาย ขยายบุญ รอลุ้นผล
    เรื่องอับโชค อันตรา มาผจญ
    จะมีผล เพียงนี๊ดดด กระจิ๊ดเดียว

    ...ไม่ทันเสียว ก็สุด สะดุดกึก
    ได้แต่นึก ย้อนไป อะไรหว่า
    เอ๊ะเมื่อกี้ ทุกข์ใด อะไรน๊า
    พอชายตา หันไป ไม่เห็นมี

    ...เรื่องคาถา อาคม แค่ลมพัด
    เพียงสะบัด หางไป ก็หายเห็น
    ไม่ต้องห่วง คุณไสย ไม่ให้เป็น
    เราอยากเห็น คุณหมอ เพื่อรอบุญ


    อืม..สำนวนแบบนี้ สงสัยพี่น้องนาคราแน่เลย ขอบอก
    มีกลอนมนตราบทนึง ที่เค้าเล่นคำผวนแบบเนี้ย ๕๕๕ จำได้

    รวยไวๆ นะจ๊ะ อย่าทำบุญซะหมดล่ะ ทำทรัพย์สินไว้บ้าง
    ลูกต้องเรียนถึงด็อกเตอร์ เดี๋ยวจะไม่มีตังค์ส่งไปเมืองนอก ๕๕๕


    กระต่ายป่า ข้างวัด / พี่น้องนาครา

    .

    ปล.ท่านหมอสุวิ มาก็ดีแล้ว เรายังรอความเห็นอยู่นะครับ
    เป็น "มือหนึ่งในแต่ละสายงาน" อย่าหวงความเห็นสิครับ ๕๕๕
    ที่กระทู้ เบอร์ ๒๘๕๙ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2015
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เกิิดไอเดียบรรเจิด

    วันที่ 31 พ.ค.2558
    หลังจากงานพิธีบรรจุพระหทัยพระพุทธรูป ณ.วัดป่าอ่างแก้ว จ.นครราชสีมา
    หากมีท่านที่ไปร่วมได้ ขออนุญาตดูดวง สำหรับคนที่อยากดูนะคะ รายได้จากการดูดวงวันนั้น
    ขอมอบถวายเป็นบุญให้กับวัดป่าอ่างแก้ว ดูแบบตัวเป็นๆ ไม่ใช่ดูทางโทรศัพท์

    ป.ล. ปรากฏไม่มีใครมาเลย 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2015
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เรื่องนี้เหรอ รอฟังด้วย
     
  13. Happy_Me

    Happy_Me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +314
    เราเคยฝันเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาค 2 ครั้ง

    ครั้งแรกเมื่อตอนวัยรุ่น ฝันเห็นพญานาคตัวใหญ่มาก เลื้อยไล่เราอย่างไม่ลดละ
    เราวิ่งหนีสุดชีวิตจนตื่นนอนมากลางดึก เหงื่อแตกพลั่กๆ อย่างกะไปวิ่งมาจริงๆ

    ครั้งที่สองเมื่อตอนวัยทำงาน ฝันเห็นพญานาคเกล็ดสีเขียวมรกตเหลือบทองนอนอยู่ในห้องเรา พอเราไปจับก็เลื้อยหนีไป จากนั้นกลายร่างเป็นร่างผู้ชายกำยำ รูปร่างโปร่งแสงมองเห็นทะลุได้ (แปลกที่มองเห็นหน้าไม่ชัดเลย) เขาเข้ามากอดเราไว้ แล้วหอมหน้าผาก รับรู้ได้ถึงความรักมากมายจากเขา (ความรักแบบคนรักกัน) แต่ในฝันเราดูงงๆ แล้วเราก็ตื่น

    สามีเราเคยมีคนทักว่าเป็นพญานาคบำเพ็ญศีล 8 มา 5 พันปีมาก่อนเกิดเป็นมนุษย์ เป็นลูกหลานของพ่อปู่อนันตนาคราชแต่ทำเรื่องผิดบางอย่างแบบมหันต์มากและเป็นกรรมตามสามีเราอยู่ทุกวันนี้ แต่สามีเราก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร และก็ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตมีกรรมอะไร
    นอกจากนี้ยังเคยเกิดในยุคของพระนเรศวร เป็นทหารของพระนเรศวร และตายในสนามรบเพราะถูกยิง สามีเราเป็นคนหน้าตาดี (เคยเกือบได้เข้าวงการบันเทิงแล้ว) อารมณ์เย็น ใจบุญสุนทาน ชอบสวดมนต์ ทำบุญ นั่งสมาธิ

    ไม่รู้ว่าเรื่องราวของเราเกี่ยวข้องกันไหม แต่อ่านกระทู้คุณไม่กี่หน้าแล้วอยากล็อกอินมาเล่ามากค่ะ
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เรื่องที่กระต่าบป่าถาม
    หากตอบสั้นๆง่ายๆ มันก็รู้กันเพียงสองคน ไม่เกิดประโยชน์อันได
    เรื่องนี้ก็คงต้องร่ายยาว ให้มีที่มาที่ไป
    การตอบคำถามของกระต่ายป่า ก็คงตอบไม่ตรงจุดนัก
    แต่หากประมวลเรื่องทั้งหมด ก็หวังว่ากระต่ายป่าคงเข้าใจและนั่นคือคำตอบที่นายกระต่ายต้องการ

    แต่เรื่อราวทั้งหมดนี้จะมีประโยชน์กับการทำงานของแม่หมอจารุฯอย่างมาก

    จะพยายามเล่าสรุปให้สั้นๆกระทัดรัด เข้าใจง่ายๆ
     
  15. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    โลกมนุษย์ นี้ถูกสร้างจากชาวสุริยะ(โบราณในโลกมนุษย์เรียกว่าชาวอริยะหรืออารยัน)
    ในพระไตรปิฎก เรียกว่าชาวอาภัสราพรหม
    ซึ่งมีเชื้อชาติใหญ่ๆ อยู่สามเชื้อชาติ เทพ อสูร และมาร พวกที่มีพลังอำนาจสูง เขาเรียกเป็นมหาเทพทั้งหมด ก็มี มหาเทพ มหาเทพมาร มหาเทพอสูร

    ที่จารุฯ เรียกท่านแม่ทัพใหญ่ทั้งสามของชาวสุริยะ ว่าแม่ทัพขาโหด นี่ก็คือ มหาเทพอสูร ส่วนแม่ทัพสุขุมนั้นคือ มหาเทพที่มาจากเทพ
    ส่วนแม่ทัพท่านที่สามที่มาจากมหาเทพมารนั้น จารุเรียกว่าอะไร จำไม่ได้(ขอโทษด้วย)
    ภายหลังได้มีการแต่งงานข้ามสายพันธ์ หรือจะด้วยวิธีใดก็ไม่แน่ใจนะ(เห็นจารุว่าเป็นการโคลนนิ่งจากพวกดาวนามิ)
    การแต่งงานข้ามสายพันธ์ระหว่างอสูร(ชาย)และเทพ(หญิง)ได้ลูกออกมาเป็นยักษ์
    ส่วนการข้ามสายพันธ์คู่อื่นๆแบบอื่นๆ ไม่ปรากฏมีลูกหลานสืบสกุล

    เมื่อสร้างโลกเสร็จ ก็เชิญเทพ อสูร มาร ยักษ์ ลงมาเกิดเป็นมนุษย์
    และก็สร้างกฏกติกาการปกครองขึ้น กฏกติการปกครองใหญ่สุดเรียกกฏแห่งกรรม

    มีผู้ดูแลกฏแห่งกรรม มีอยู่สามสาย
    ๑. ในสายเทพ ดูแลองค์รวมของบุญและบาป กำหนดขึ้นเป็นลิขิตกรรม ในมนุษญ์
    มนุษย์แต่ละคน จะมีลิขิตกรรมนี้ ติดอยู่
    ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ มนุษย์เรียกเทพลิขิต-ก็พรหมลิขิตนั่นแหละ)

    ๒.ในสายอสูร จะดูแลการลงโทษ มนุษย์ผู้มีความผิดบาป เมื่อตายไปแล้ว (ในสภาพจิตวิญญานที่ต้องโทษ)
    นรกก็อยู่ในสายอสูรนี้ พญายมราชเป็นผู้ดูแล
    รวมถึงการพิจารณาความผิดบาปด้วย อยู่ในมือของยักษ์(ท้าวเวสุวรรณ)
    หัวหน้าใหญ่ มนุษย์เรารู้จักท่านในชื่อเทพราหู(ทุกอย่างในตำหนักท่านมีสีดำทั้งหมด)
    ท่านผู้นี้มีกายแบ่งดูแลไฟในนรกและไฟใต้ภิภพทั้งหมด(ไม่แน่ใจนะ มนุษย์เรียกท่านผู้นี้ว่า โลกิ หรือไม่)

    ๓. ในสายของมาร ท่านผู้นี้จะดูแลการลงโทษในมนุษย์ที่ยังไม่ตาย ลงโทษตามวิบากกรรม ที่ปรากฏในลิขิตกรรม
    ความผิดบาปและบุญของมนุษย์ ที่ได้สร้างขึ้น ในขณะที่เป็นมนุษย์ จะถูกเก็บเข้าธนาคารใหญ่ รอเอาไว้ชำระความกันเมื่อเสียชีวิต โดยพญายมราชและท่านท้าวเวสสุวรรณ
    บาปบางประการ บางส่วนจะถูกนำรวมเข้ากับลิขิตกรรม และต้องถูกชำระโทษในรูปแบบของวิบากกรรมในปัจจุบัน
    บุญที่เจ้าของอธิษฐาน จะถูกนำมารวมกับลิขิตกรรมเช่นกัน และจะให้ผลในปัจจุบัน

    จะเห็นได้ว่าบุญและบาปตามลิขิตกรรมจะเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยอำนาจบุญและบาป ที่ทำในปัจจุบัน

    หัวหน้าใหญ่ ท่านดูแลกายสิทธ์ส่วนใหญ่ในโลกมนุษย์นี้ด้วย มนุษย์บางท่านจึงเรียกท่านว่า เทพกายสิทธิ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2015
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ปัญหาของท่านกระต่ายป่า และแม่หมอจารุฯ ก็จะอยู่ในส่วนงานของท่านเทพกายสิทธิ์ผู้ดูแลวิบากกรรมนี้เอง
    เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลวิบากกรรมนี้ เป็นผู้ให้คุณและโทษ แก่เหล่ามนุษย์ตาดำๆนี้
    เหมือนตำรวจ อาจมีการตั้งศาลเตี้ย อาจเรียกรับสินบล อาจเลี้ยงมาเฟีย ฯลฯ เพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้อง

    ท่านเทพกายสิทธิ์ท่านเป็นสัมมาทิฐิ
    แต่เหล่าบริวาร บางกลุ่ม กลับสร้างอิธิพล ติดต่อพรรคพวกต่างดาวที่มีมิจฉาทิฐิเหมือนๆกัน ขอกำลังสนับสนุนพิเศษ ทำให้การปกครองในสายนี้ ไม่เป็นเอกฉันท์
    และในบางกรณี ท่านเทพกายสิทธิ์ ก็ทำอะไรไม่ได้(ได้แต่ทำตาปริบๆ)

    ชนเผ่านี้ก็คือพวกหัวงูอวกาศ(บางส่วนเป็นเจ้าหน้าที่ บางส่วนไม่ใช่) หรือ มังกรดินที่จารุเรียก (ซึ่งมีทั้งดีและเลว)
    และพวกต่างดาวมิจฉาทิฐิ ก็เผ่าพันธ์หัวงูอวกาศเช่นกัน (จารุเรียก มังกรฟ้า)

    เมื่อเข้าใจส่วนนี้แล้ว เราก็จะมาพูดกันถึงเรื่องเจ้ากรรมนายเวรในตอนต่อไป
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เท่าที่หมอสุวิรักษาผู้คน ที่ผ่านมากว่าห้าปี
    พบเจ้ากรรมนายเวรตัวจริงเสียงจริง ที่ทวงหนี้กันมีไม่ถึง สิบเปอร์เซ็นต์(นับจริงๆได้เพียง 6-7% เอง)
    ที่เหลือเป็นเจ้ากรรมนายเวรกำมะลอทั้งสิ้น

    อะไรที่เรียกว่าเจ้ากรรมนายเวรกำมะลอ ตัวอย่างเช่น
    นาง ก.เป็นคนใจบุญสุนทาน เจอผู้ยากไร้เป็นต้องให้ทานเสมอ
    วันหนึ่งเจอขอทานผู้หนึ่งเซซังผ่านมา ก็ให้ทานเป็นปกติ
    แต่ไอ้ขอทานผู้นี้ก็จรมาพักอยูแถวนั้นชั่วคราว เห็นนาง ก.ให้ทานทุกวัน
    ขอทานผู้นั้นก็ไปรับทานทุกวันเช่นกันทำให้ขอทานนั้นเป็นสุขขึ้น จึงตัดสินใจปักหลักอยู่ในบริเวรนั้น
    วันหนึ่ง ขอทานผู้นั้นก็ไปรอรับทานจากนาง ก. แต่นาง ก. ป่วย ไม่สามารถออกมาให้ทานได้
    ขอทานรอแล้วรอเล่า ก็ไม่มา หิวก็หิว ไม่มีที่ไปแล้ว จากความหิวแล้วจึงค่อยๆกลายเป็นความโกรธแค้น
    จึงตามมาด่านาง ก.ถึงบ้าน โทษฐานทำให้เขาหิวจนแสบท้อง
    นี่เขากลายมาเป็นขอทานประจำตัวแล้ว
    นาง ก.ทำความผิด ไม่ไปแจกทานต่อเขาทำให้เขาอดหิวจนแสบท้อง นี่สมควรต้องด่า

    ขอทานท่านนี้ เป็นเจ้ากรรมนายเวรกำมะลอของนาง ก.

    การอุทิศบุญให้พวกผีจรจัด(ในรูปแบบลมเพลมพัด) บางครั้งก็เหมือนขอทานท่านนี้
    เมื่อให้หลายๆครั้งเข้า เขาก็ไม่ไปไหน ขอเกาะอยู่กับคนผู้นั้นเป็นปกติ ทำให้คนที่ถูกเกาะเจ็บป่วย(ผลสะท้อนจากความเจ็บป่วยเดิมของผี)
    หากมีคนไปไล่ที่ ไอ้คนไล่ก็ถูกข้อหาไปเบียดเบียนเขา
    เขาเกาะกันอยู่เช่นนั้นด้วยความสุข คนเกาะก็ได้รับบุญที่ผู้ถูกเกาะอุทิศ และคนเกาะก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรผู้ถูกเกาะเลย
    บางครั้งก็ยังดลใจแนะนำเรื่องดีๆให้ผู้ถูดเกาะด้วย
    เราผู้เข้าไปไล่เขาจึงกลายเป็นผู้ผิดไปโดยปริยาย

    หากเจอผีหัวหมอเราก็อาจถูกฟ้องได้ ดังในกรณีที่จะเล่าต่อไป

    แล้วการแก้ไขทำอย่างไร
    ไม่มีอะไรดีเท่าการเจรจา และทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Win-Win
    ซึ่งเราต้องมีต้นทุน ที่เรียกว่าบุญ ใช้ในการอุทิศ
    และเราต้องมีฤทธิ์อำนาจ ในการต่อรองให้เกิด Win-Win
    ใช้อำนาจบุญและฤทธิ์ ในภาวะและเวลาที่เหมาะสมจะสำเร็จ(ให้ใช้ปัญญา-นี่คือสิ่งที่ จารุฯต้องฝึก)
     
  18. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ไอ้พวกผีจรจัด หรือที่เราเรียกว่าสัมภเวสีนี่ เป็นพวกที่ยังไม่ถึงเวลาตาย แต่โดนกรรมตัดรอน ทำให้ตายก่อนเวลา
    และเหตที่ทำให้ตาย อาจจะโดนฟัน โดนแทง รถชน เป็นโรคร้ายแรงเช่นมะเร็ง ฯลฯ
    เมื่อไปเจอ ไปพบใครเข้า เกิดพอใจ ก็เกาะเขาไปขออยู่ด้วย หวังในบุญที่เขาอุทิศ
    ไอ้ผีมีอาการอย่างไร ไอ้คนโดนเกาะ ก็มีอาการเช่นนั้นด้วย
    เช่น ผีโดนฟันคอ คนโดนผีเกาะก็จะเจ็บคอ คอเอียง อย่างไร้สาเหตุ
    หากเราจะรักษาคนป่วย เราก็ต้องรักษาผีด้วย จึงจะหาย และอยู่ในภาวะที่เรียกว่า วิน-วิน
    และเราต้องมีบุญพอที่จะส่งเขาเข้าไปอยู่ในแดน พัก รอเกิด หรือรอการตัดสิน

    ข้อความนี้
    เมื่อไปเจอ ไปพบใครเข้า เกิดพอใจ ก็เกาะเขาไปขออยู่ด้วย
    เหตุตรงนี้ที่เกิดขึ้น เป็นพระถูกชักนำจากเจ้าหน้าที่่กฏแห่งกรรม ซึ่งจะมีเวลาที่รับกรรมอยู่ ทั้งผีผู้เกาะเขา และคนผู้ถูกเกาะ
    หากเราเข้าไปแก้ไข ทำให้เขาหลุดพ้นจากวิบากกรรมก่อนเวลา นั่นเราก้าวล่วงกฏแห่งกรรม

    แต่ในการรักษาคนไข้แบบใช้อำนาจ เช่น เอาธนูยิง นั่นเป็นการก่อกรรมเพิ่ม ทำให้ผู้กระทำ มีความผิดบาปเพิ่มขึ้นอีก

    แต่การช่วยผู้คน ให้เป็นสุข ก็ได้บุญ
    บุญที่ได้คุ้มหรือไม่ กับการก่อบาป ในการก้าวล่วงกฏแห่งกรรม

    ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานเยี่ยงนี้ต้องเป็นผู้เสียสละจากใจ อย่างแท้จริง ไม่ใช่ใครๆอยากทำก็ทำได้
     
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เปลี่ยนใจไม่ทำทันป่าว แป่ว
     
  20. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๒๒.๒๗

    รอนานชักง่วง ขออนุญาติคั่นรายการซักนิดละกันนะ ครับ

    อืม..นะ เมื่อกี้ตอนพระทำวัด เรานั่งสมาธิ แล้วเลยลองตรึกเรื่องธนู
    แวบแรกที่โผล่มา กลับเป็นธนูพับ แล้วพกติดตัวได้
    จากเรื่อง มังกรคู่สู้สิบทิศแฮะ แปลกใจจัง

    แต่ตอนนั้นที่อ่านนะ ก็จินตนาการไปว่า ธนูเค้าก็มาอยู่ในมือเราด้วย
    ได้ลองผนึกกำลัง แล้วสะบัดให้ธนูยืดออกมาจากการพับ พร้อมใช้งาน
    ถือแกว่งไปมา ในจิตหรือจินต แล้วก็ชอบใจ เลยเก็บไว้ในใจ ตั้งแต่บัดนั้น

    นี่ไม่รู้เกี่ยวกันรึเปล่านะครับ แต่เล่าออกมา ก็คงมีอะไรเชื่อมโยงกันล่ะมั้ง นะ

    ตอนนั่งสมาธิ พอนึกธนูนั้นออกมาอยู่ในมือ แล้วตั้งจิตจะเอาไปยิงโน่นนี่นั่นน่ะนะ
    ยังไม่ออกแฮะ ไม่อยากยิง ถือธนูจะยิง แล้วนิ่งอยู่หยั่งงั้น ก็แปลกใจจัง
    เลยใช้วิชา "จิตวิเคราะห์เขี่ยคุ้ย" ค้นหาสาเหตุ ที่ยิงธนูออกไปไม่ได้

    คำตอบแรกออกมาว่า จะไปยิงเค้าทำไม มันเจ็บนะนั่นน่ะ
    "ชั้นเคยทำร้ายคุณรึเปล่าคะ เปล่านี่ครับ แล้วคุณมาทำร้ายชั้นทำไม"
    เหมือนโฆษณาต่อต้านการสูบบุหรี่เลยแฮะ ๕๕๕

    คำตอบต่อมาก็ออกมาว่า เทคนิคที่เราใช้ คือการปล่อยแสงนี่หน่า
    ล่อให้พวกเค้าเข้ามาใกล้ๆ ผลร้ายอย่างไร เรารับมือได้หมดนิ เนอะ (พวกแยะ)
    อยู่ใกล้ๆ แสงนานๆ พวกเค้าจะเริ่มฉลาดขึ้น ใจเย็นลง นิ่ง และมีสติมากขึ้นด้วย
    พอโอกาสเหมาะ ก็ตั้งเสาลำแสง ส่งพวกเค้าลอยขึ้นฟ้าไป พร้อมตอนพระอุทิศบุญกุศล

    เพราะอยู่ในวัด โอกาสมีเพียบ ไปงานก็บ่อย พระสวดให้ทุกงาน
    คิดเอาเองว่าส่งไปได้แยะแล้วนะ คนรอบข้างก็เหมือนดีขึ้น
    โชคลาภ หรือความบังเอิญดีๆ ก็มีกะคนอื่นอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าน๊า หึหึหึ

    ก็ขอฉวยโอกาส ที่ท่านสุวิ พูดเหมือนกับสิ่งที่เกิดในนิทาน เป็นเรื่องถูกต้องสมควร
    ขอจับปลาตอนน้ำขุ่นด้วยละกัน ๕๕๕

    ขออภัยท่านสุวิ ที่มาขัดจังหวะนะ แต่ง่วงนอนแล้ว
    "เดี๋ยวตอนตีห้า กว่าก็ต้องจร พาพระไปร่อน ข้าวร้อนแลกบุญ" ๕๕๕
    พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาอ่านต่อ ขอบคุณครับ


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / ให้สะอาด แลสว่าง อย่างสงบ

    .

    ปล.ตอนพิมพ์ อีกกระทู้ของท่านสุวิยังไม่ออกฉาก
    แม่หมอใจเย็นนะ สิ่งที่ท่านทำนั้นถูกต้อง สมควรแก่กาละเทศะ อย่าร้อนใจไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...