กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

บอกได้ว่า ถ้ามีกระแสแนวๆนี้ต้องฝึกไปทางธาตุไฟให้เด่น
เพื่อใช้เป็นฐานในการปรับธาตุให้บุคคลอื่นๆ.สำหรับ
การเอาไว้รักษาคน ซึ่งวิธีการรักษานอกจากพื้นฐานของตัวเองแล้ว
ในการที่จะเห็นอวัยวะภายในคนอื่นๆได้เป็นทุน และมีความสามารถ
ย้อนรู้เหตุแห่งการเจ็บป่วยได้ มีฐานบารมีพอตัวในการเจรจาเพื่อยุติเหตุ.
เรียกง่ายๆว่ามีฐานอภิญญาจิตภายใน...
ส่วนกำลังและขั้นตอนในการรักษา ท่าน ปู่ ท่านนั้นเป็นผู้สงเคราะห์
ประมาณนี้ พอเข้าใจไหม

 

แวะมาอ่านดู เห็นเขาฝึกก็อยากจะลองมั่งให้หายสงสัย
ว่าแต่เรามันสายไหน ควรจะเริ่มยังไงรบกวนท่านนพช่วยสงเคราะห์ด้วย

 

กระทู้นี้เพิ่งได้อ่านเนี่ย ไล่อ่านดู 2-3 คคห. ปีติเกิดน้ำหูน้ำตาไหล

​

 

ปรับระบบการหายใจให้ลึกถึงท้องให้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน
แต่ไม่ต้องตามลมหายใจ..
สร้างกำลังสติทางธรรมด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมเข้าและ
ออกหยุดที่ปลายจมูกเพื่อสร้างกำลังสติทางธรรม.และเพิ่มสมาธิสะสม.
ส่วนการตัดระบบการตัดการความคิดดีอยู่แล้ว.ทำให้ตาดีหน่อย
เหลือแต่ตัดความกังวล..ฝึกอะไรก็ได้ การรับรู้ ok อยู่ไม่มีปัญหาครับ...

 

ปรับลมหายใจคือ...ให้หายใจลึกมากกว่าเดิมใช่มั้ยครับ
ส่วนการตัดระบบความคิดทำให้ตาดีคือ...ตาทิพย์หรือครับ
ตัดกังวลนี่คงจะยากสุด

 

ใช่ครับ หายใจลึกแต่ไม่ต้องไปใช้จิตหรือสติตามลมนะครับ.
เพื่อเป็นอุบายปรับให้จิตเรามีความละเอียดเพิ่มขึ้น.
ตาดี คือ เห็นคล้ายตาทิพย์ เห็นนามธรรมได้ แต่พูดว่าตาดี
มันจะได้ดูธรรมดาๆครับ เพราะมันฝึกกันได้ทุกคนครับ..
และตาดี ต้องเป็นตาที่เห็นจากตัวจิตมันสร้างครับ..
ถ้าเผลอมีความคิดจากสมองไปร่วมจะไม่ใช่ตาดี แต่เป็นตาพยายามดีครับ.
จะไม่ใช่ตาที่เห็นนามธรรมและรับรู้นามธรรมต่างๆได้...
เด่ว พอหายใจลึกๆได้ และเป็นระบบหายใจปกติในชีวิต
ประจำวันเราได้ และกำลังสติที่สร้างตรงที่หยุดปลายจมูก
มันมากพอและกำลังสมาธิสะสมระหว่างวันมันมาก..
เรื่องกังวลมันจะค่อยๆคลายได้ของมันเองครับ.
มันต้องเอาที่แนะนำไปมาช่วยหนุนครับ
ปล.ประมาณ ๒ สัปดาห์ถึง ๒ เดือนครับ ในการปรับระบบ
ตรงนี้ให้เป็นปกติ..

 

1.ปู่ คือใคร ใช่ฤาษี หรือไม่ครับ
2. ต้องทำกสิณไฟ จึงจะได้เร็ว ถูกไหมครับ
3. อดีตผมเป็นใคร ผมมาจากไหน
ถ้ารู้ช่วยบอกผมด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

๑.บรมครูหมอครับ.ตั้งแต่สมัยพุทธกาลมีองค์เดียวครับ...ใบ้ขนาดนี้ยังไม่รู้จริงๆหรือครับ..
๒.ใช้กสิณไฟเป็นฐานครับ.กองอื่นๆไม่ต้องแต่ต้องได้ตาทิพย์ด้วย
และต้องใช้งานได้ในระดับตาเปล่านะครับ...
๓.ไม่ทราบครับ ไม่เคยตอบแนวนี้ครับ..ลองถามคุณก้อง TJS
ในห้องกฏแห่งกรรมดูครับ ถ้าอยากทราบนะครับ..
ส่วนมาก.ถ้าจะมาทางแบบผมได้ เรื่องแบบนี้จะไม่ถามกันครับ.
เพราะมันรู้ได้เองหลายถึงหลายชาติมากต่ำสุด ๕ ชาติ.
หรือจะย้อนถึงยุคได้โนเสาร์ก็ได้ครับถ้าไม่ขึ้เกียจ
แต่มันทำให้เสียเวลาและช้า ที่สำคัญครูบาร์อาจารย์ทุกท่านฝ่ายภพภุมิ
ที่มาสอนก็ไม่มีท่านใดให้ไปเน้นตรงนี้ครับ..
มีแต่บอกว่าอย่าไปสนใจใดๆทั้งสิ้น ถ้ามันรู้มันจะรู้เอง
ไม่ต้องไปถามใคร.ถ้ารู้แล้วต้องรู้ด้วยว่าเหตุอะไร
ทำไมเราถึงยังต้องลงมาเกิดอีก..
และถ้าจะมาทางด้านพลังงานกสิณนะอย่าสนใจเรื่องแบบนี้ครับ..
เพราะฉนั้นไม่ควรเอามาถาม
หรือคุยกันเพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรใส่ใจและมันเป็นเหตุแห่งการถือตัว...
ประเด็นนี้จึงไม่ใช่สาระครับ
และส่วนตัวไม่เคยสนใจครับเรื่องนี้ว่าใครจะเป็นอะไรมา.
จะเป็นตั้งแต่เปรต อสูรกาย เดรัชฉาน เทวดา เทพ พรหม
หรือต่อให้เป็นผู้มากบารมีลงมาจุติ
ก็ไม่เคยสนใจครับ.เพราะฉนั้นทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน...
เน้นชาติปัจจุบัน Only แน่ไม่แน่ เก่งไม่เก่ง ดูชาติปัจจุบันครับจบ..
ประมาณนี้ พอเข้าใจเนาะ...

 

มีเทคนิคในการทำกสิณให้ได้ฌานสี่เร็วๆมั๊ยครับ ขอคำแนะนำหน่อยครับ

 

ในที่สุดก็เจอ ชาว แอตแลนติก แล้วคับ ว่างๆ คงต้องมาให้สัมภาษณ์กันบ้างนะครับ อิอิ

 

ต้องไม่เปรียบเทียบ ไม่หวังผล ไม่ตั้งเป้า ในวันนั้นได้แค่ไหนก็แค่นั้น ช่วงแรกควรมีความสม่ำเสมอ
ไม่หวังว่าทำเพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อเรียกคืนของเก่า
และมีปลายทางเพื่อการใช้งานที่เป็นประโยชน์ในทางธรรม
และมีประโยชน์ต่อผู้อื่นครับ

 

ขอบคุณครับ

 

อยากรู้ ว่า จะแยก มนุษย์ ธรรมดา กับชาวแอตแลนติส จากกันได้อย่างไรล่ะซี่


ถามมา เลยค่า ๕๕๕๕ (ป๋านพ จะตอบท่านเอง)

 

๕๕๕๕ ขำๆเนาะ รินจัง
ปกติถ้าเราตื๊ดๆ ไปยังจิตดวงใดก็ตาม..
ปกติเราจะรู้ในเรื่องกระแสพลังงานต่างๆ ไม่ว่า
กระแสเชื่อมข้างบนหรือกระแสพลังงาน.หรืออะไรก็ตามฯลฯ
แต่ชาวแอตแลนเนี่ย.... ทุ๊กกกก คนจะทำให้เรา
แปลกประหลาดตรงที่ เห้ยยยย!!!!
..เค้าจะมี ปีกกกก พรึ๋บๆๆๆๆ เหมือนเทพทางฝรั่ง black_pig
ไม่ใช่แบบในรูปนะ ตัวนี้คือ หมูบินได้...
อยู่ข้างๆแนวกระดูกสันหลังซ้ายและขวาช่วงบน
คือเราจะสัมผัสฐานของปีกในแนวขนานกับแกนกระดูก
สันหลังของเค้าได้..หลักๆทำคล้ายที่เรียกพลังงานกสิณ
กองต่างๆให้ขึ้นมาที่มือนั่นหละ ลองฝึกเชื่อม
ตัวที่นั่งมองหน้ากอดอก..กวนบาทา...
ใส่ชุดแดงๆผมยาวๆขาวๆตัวนี้ดูก็ได้ ๕๕๕๕
แต่อย่าไปดีดหูนะ เด่วจะจิโดนกันนิ้วเน้อ ๕๕๕๕

 

คุณนพหมายถึง ทุกๆอย่างที่วิ่งเข้ามาในหัว ที่เป็นตัวสัญญาจำได้ในอดีต ตัดโดยอโหสิฯจากจิต โดยที่ไม่ต้องอะไร ทำไม ยังไง หรือมาจากไหน ???
แร็บนี้ ย่อลัดสุดๆแล้วใช่ไหมคะ ดิฉันเข้าใจถูกหรือเปล่าคะ ...
แม้แต่อารมณ์ต่างๆที่มันเกิดขึ้นด้วยไหมคะ

เพราะดิฉันยังไม่เข้าใจคำว่า "จิตวางเฉย" กับ
"จิตปล่อยวาง" ... งั้นดิฉันขอละฐานที่ไม่เข้าใจนี้ไว้ แล้วไปทำตัวข้างบนที่ดิฉันเขียน คือการอโหสิฯแทน แบบนี้พอไหวไหมคะ
อ้อ... สวดแผ่ส่งท้ายด้วยเกือบลืม

 

ใช่ ทำไปก่อนครับ สังเกตุการเปลี่ยนแปลงตัวจิต
ดูว่ามันจะนิ่งได้นานขึ้นกว่าเมื่อก่อนไหมในระหว่างวัน
ที่นี้ถ้ามันนิ่งได้. มันว่างได้ และได้นานมากขึ้น.
ทุกๆเรื่อง ที่เคยมีไม่ว่าอะไร. จะสังเกตุ
เห็นผลของความแตกต่างได้ดีขึ้นด้วยตัวเราเอง
เช่น ตาดีขึ้น สัมผัสดีขึ้น กะแสหนาแน่นขึ้น
ความเข้าใจนามธรรมมากขึ้น ฯลฯ เป็นต้น
ปล.สุดยอดของทุกวิชาคือ ว่าง

 

ขอบคุณค่ะคุณนพฯ ... บางทีฟังดูๆมันทำไม๊ทำไมธรรมดาเหลือเกิน ฝึกๆมาทั้งหมด บางคนทั้งชีวิต วิธีการฝึกก็ซับซ้อน บางครั้งย้อนแล้วย้อนอีก แต่ทั้งหมดก็แค่เพื่อเข้าสู่ความว่าง ความไม่มีอะไร 555555
หลายๆครั้งภาษาธรรมสูงๆ ไม่เข้าใจกับเขาหรอก ไม่ได้เรียนด้วยซ้ำ พระไตรปิฏก หนังสือวิสุทธิมรรค หรือแม้แต่ไตรภูมิพระร่วง ดิฉันนี่ไม่ได้อ่านจริงๆจังๆเลย เรียกว่าแทบไม่อ่านเลยก็ว่าได้ ...
นึกถึงหลวงปู่มั่น ท่านสอนคนบนดอย สอนแค่ให้ตามหาพุทโธ ท่านว่าพุทโธท่านหาย คนดอยก็ตามหาจนเห็นธรรม
อ่อ... คนโง่ๆอย่างดิฉัน ไม่ต้องอ่านอะไรมาเลยก็ฝึกได้บ้าง ธรรมที่สูงส่ง คือ สิ่งที่ธรรมดามากๆๆนี่เอง แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ เราๆยังทำกันไม่ได้ต่างหาก ... ข้อนี้จะหัวเราะก็ไม่ออกเลย

ช่วงนี้เวลาที่สวดมนต์ อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ ความรู้สึกจะมาอยู่ที่หน้าผากค่ะ นานขึ้นกว่าเดิม เมื่อก่อนไม่ถึงนาที ตอนนี้ขึ้นไปเป็น 2-3 นาทีเลย ดิฉันก็ปล่อยไป คือทำอะไรต่อไม่เป็นค่ะ ไม่ทราบด้วยว่าต้องทำยังไง เคยอ่านที่คุณนพบอกว่าให้สังเกตุอาการ และในนั้นมีตัวรู้อยู่ พอสังเกตุไป มันเริ่มขยายวงกว้างขึ้น ความรู้สึกชัดเจนขึ้น และในที่สุดก็.. ง่วงนอนค่ะ 5555555555
คุณนพแนะนำที
อ้อ .. แนะนำข้อนี้แล้ว ข้าน้อยจะขอลาจากบอร์ดไปสักพัก จะแอบทำบุญเก้าอี้สวดมนต์กับท่านระมิงค์โดยไม่บอก เพราะคุณนพบอกว่าปิดทองหลังพระเนี่ยภพภูมิเขาชอบ ไม่บอกนะว่าจะทำ 5555555555

คุณนพฯถ้าเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ช่วย pm ทีเน้อ

วันก่อนเห็นคุณนพฯอ้างอิงพี่โอรสทศพล ทำให้นึกถึงพระยาเดโชฯ
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ข้าเจ้าก่ยังบ่ได้ไปเลย ลำปาง 5555555

โมทนาบุญกับคุณนพฯทุกประการค่ะ ทุกๆกองบุญกองกุศล โดยเฉพาะธรรมทานนี้
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ

 

กว่าจะตามทัน ทําเอาแว่นตามัวเลยค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะ แต่ความโง่ก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว

 

ถ้าเราทำสมาธิปกติแล้วเกิดแสงขาวแว๊บขึ้นมา แล้วเราจะต้องไปเพ่งจุดแสงสีขาวแทนเหรอครับ ถ้ามันแว๊บขึ้นมา โดยปกติมันจะแว็บสว่างขึ้นมาตรงจุดที่แน่นอนใช่ไหมครับ เพราะปกติถ้าทำสมาธิแล้ว ตรงหน้าก็จะเกิดแสงแว๊บสีขาวบ่อยๆ ปกติไม่ได้สนใจแสงตรงนี้เพราะคิดว่าเป็นนิมิตรขวางครับ

 

ตัวสีแดงยังเข้าใจคาดเคลื่อน พวกนี้ขึ้นมาตำแหน่งไม่แน่นอน
เวลามองแล้วหาย(สมาธิเล็กน้อย) หรือเวลามองแล้วค้าง(อุปจาระสมาธิ)
บอกได้ว่าจิตเริ่มทำงานได้..
แต่ที่ขีดเส้นใต้ตัวสีน้ำเงิน
ตอนนี้คุณเข้าใจถูกแล้วครับ
..ที่อ้างมาก่อนหน้าจากคุณ Rungdao หมายถึงหลักสังเกตุ
ว่าตัวจิตพอจะสร้างภาพขึ้นมาได้.
ในระดับสมาธิเล็กน้อยกับระดับอุปจารสมาธิ
.ที่ไม่ใช่ภาพที่เกิดจากความคิด ซึ่งเป็นหลักสังเกตุ
ที่สามารถเอาไว้สังเกตุความสามารถของตัวจิต
ไม่ว่าจะหลับตาหรือว่าลืมตา.
ระวังอย่าไปสับสนกับกรณีที่ฝึกกสิณนะ..
.พอเข้าใจเนาะ..(deejai)