รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 28 กันยายน 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ที่จริงแนะนำมานี่Work ครับผม เพราะเมื่อถึงเวลานั้นก้จำเป็นต้องอาศัยการดัดแปลงการประยุกต์ใช้ในหลายๆอย่างที่ทำได้ครับ

    การติดแก๊สในรถยนต์นั้นมีขอดีและข้อเสีย ข้อเสียคือจะเพิ่มโหลด คือน้ำหนักของตัวรถให้เพิ่มขึ้นทำให้มีผลเรื่องการทรงตัว ทำให้เกิดอาการท้ายเหวี่ยงหรือโอเวอร์สเตียร์เวลาเข้าโค้ง รวมไปถึง ลดประสิทธิภาพการควบคุมของสปริงและโชคอัพเวลา ขึ้นเนินหรือคอสะพาน ท้ายจะเต้นอย่างเห็นได้ชัด วิธีแก้ไขก็คือ เปลี่ยนสปริงที่มีค่า K สูงขึ้นและหรือเลือกใช้โชคอัพที่มีค่าความหนืดสูงขึ้นครับ

    จากการเพิ่มน้ำหนักก็ส่งผลให้อัตราการกินน้ำมันอีกเล็กน้อย

    ใช้พื้นที่ท้ายรถไปมากทำให้ขนของเพื่ออพยพได้น้อยลงไปอีกหลายลิตร

    ส่วนการระเหยนั้น ตัวน้ำมันแก๊สโซฮอล์นี่ก็ระเหยเร็วมากเลยครับ พอๆกัน น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอัตราการระเหยน้อยที่สุดก็คือ น้ำมันดีเซลครับ ยิ่งเป็นน้ำมันพืชด้วยนี่ยิ่งระเหยน้อยครับ

    ส่วนข้อดี

    ก็คือเป็นการประหยัดอย่างเห็นได้ชัดเจน จากที่ต้องเติมน้ำมันจ่ายเงินเต็มถัง 1,000 -2,000 บาท ก็เหลือแค่ 3-400 บาท เท่านั้น เอาเงินให้เจ้าของรถเอาไปกินข้าวได้ ไม่ใช่รถเอาไปกินหมด

    อีกประการหนึ่งก็คือการเพิ่มพิสัยในการเดินทางของรถให้ไกลขึ้น จากเติมเชื้อเพลิงเต็มถัง วิ่งได้ประมาณ 4-500 กม. พอมีถังแก๊สเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มอีก ก็จะเพิ่มพิสัยการเดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 700-1,000 กม. ซึ่งหากอยู่ในช่วงภัยพิบัติแล้ว การน้ำมันหมดก่อนถึงจุดหมายนี่เป็นสิ่งที่น่าคิดครับ นับเป็นเรื่องสำคัญ

    สรุปแล้วที่นำไปติดแก๊สมานี่ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ที่ประหยัดเงินรายจ่ายของตัวเองไปได้อีกเป็นจำนวนไม่น้อยต่อเดือนครับ เพิ่มพิสัยการเดินทางให้ไกลขึ้น และใช้ทำกับข้าวยามเกิดภัยพิบัติได้ครับ

    จุดที่เป็นห่วงก็คือตอนนี้อย่าเพิ่งไปใช้ต่อเตาแก๊สน่ะครับ
     
  2. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    พูดถึงรถพลังก๊าซกัน ถ้าจะขอพูดถึงรถพลังลมบ้างจะแหวกแนวไปหรือเปล่าเนี่ย

    ในปีสองปีข้างหน้านี้ก็จะเริ่มมีรถพลังลมมาขายแล้วครับในต่างประเทศ แต่ในไทยไม่รู้ว่าจะมีใครนำเข้ามาหรือเปล่า

    [​IMG]

    รถยนต์พลังลม หรือ Air Car ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Motor Development International โดยหลักการทำงานพื้นฐานของรถอัดลมดังกล่าวก็คือ ภายในรถจะมีถังไฟเบอร์สามารถอัดลมเข้าไปเก็บไว้ได้ถึง 52 แกลลอน ก่อนที่จะส่งต่อให้กับเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เมื่อเติมลมจนเต็ม (ใช้เวลา 3 นาที) จะสามารถวิ่งได้เป็นระยะทาง 93 ไมล์ หรือประมาณ 150 กิโลเมตรค่ะ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3.26 เหรียญฯ หรือประมาณ 115 บาท แต่ความเร็วของรถยนต์คันนี้ก็สามารถเร่งได้สูงสุด 40 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั่นเอง
    (ข้อมูลจาก http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=31&post_id=8101)


    อันนี้ข้อมูลเก่านะตอนนี้ไม่รู้ว่าเค้าพัฒนาให้เร็วกว่านี้แล้วหรือยัง เพราะเห็นบางที่บอกว่าวิ่งได้เร็ว 100 กว่า

    [​IMG]

    <embed src="http://www.tricast.tv/playOnly.swf?playId=446&playType=scene" quality="best" bgcolor="#000000" width="400" height="330"/>

    แว่วมาว่าทางอินเดียก็จะทำรถพลังลมมาขายแล้วเหมือนกัน

    "ตาต้ามอเตอร์ บริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย ประกาศผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานลมในการขับเคลื่อน
    โดยจะทยอยนำส่งเข้าสู่โชว์รูมในปี พ.ศ. 2552 รถยนต์พลังลม หรือ AirCar นี้
    ใช้การปล่อยอากาศจากระบบบีบอัดอากาศด้วยความดันสูง โดยอากาศที่ปล่อยออกมาจะทำหน้าที่หมุนเพลา
    ทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ โดยการเติมอากาศ สามารถเติมได้ตามสถานีอัดอากาศด้วยราคาไม่แพง
    โดยความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ประมาณ 200
    กิโลเมตรต่อการเติมอากาศหนึ่งครั้ง
    บริษัทผู้ออกแบบรถยนต์พลังลมคันนี้ คือ บริษัท MDI จากประเทศลักเซมเบิร์ก
    ซึ่งให้สิทธิบัตรแก่ตาต้าในการผลิตรถยนต์พลังลมในประเทศอินเดีย
    โมเดลแรกของตาต้า CityCAT ตั้งราคาไว้ประมาณ 400,000 บาท โดยตาต้าหวังไว้ว่าจุดเด่นของ CityCAT
    ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษทางอากาศ และราคาไม่แพง จะทำให้รถพลังลมรุ่นแรกนี้ จะทำยอดขายได้ดีในตลาดอินเดีย"

    Official Website
    http://www.theaircar.com/index.html

    'Aircar' engine breakthrough in performance
    http://www.dailydemocrat.com/business/ci_5987199


    India to launch air-powered car in 2008
    http://english.eastday.com/eastday/englishedition/business/userobject1ai2876543.html


    Air Car: powered entirely by an engine filled with compressed air
    http://www.product-reviews.net/2007...rely-by-an-engine-filled-with-compressed-air/

    (ข้อมูลจาก http://www.thaicar.com/aircar.html)

    ส่วนของอันนี้เป็นคลิปรถ air car จาก ฝรั่งเศสและออสเตรเลีย ไม่แน่ใจว่าคนละแบบกับที่อินเดียเอามาขายหรือเปล่า เพราะดูแล้วอินเดียนำเทคโนโลยีรถมาจากลักซัมเบิร์ก ถ้าไม่ใช่ ประสิทธิภาพรถมันก็คงคนละอย่างกัน

    Air car from France
    อันนี้รู้สึกว่าจะมีการทำเป็นรถไฮบริดคือใช้พลังงานลมผสมกับน้ำมัน ทำให้วิ่งได้ไกลขึ้น
    <object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/D-A3XHFT5qc&rel=1"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/D-A3XHFT5qc&rel=1" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object>

    Air car from Australia
    อันนี้เป็นเครื่องยนต์แบบโรตารี่
    <object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Dq8aZVLpf-c&rel=1"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Dq8aZVLpf-c&rel=1" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object>

    น่าเอามาศึกษาทำเองเนาะ ใช้พลังลมไม่มีมลพิษออกมาด้วย (เริ่มฝันเฟื่องล่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2008
  3. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    ของ ออสเตียเลีย รู้สึกจะก้าวหน้ากว่าด้านกลไลของเฟืองที่ขับเคลื่อนรถจะใช้พลังงานลมได้ค้มค่ากว่า จำไม่ได้ด้วยว่ามีปั๊มอัดลมติดไปกับตัวรถหรือเปล่า ทำให้ไม่ต้องหาปั๊มอัดลมระหว่างทางครับ เคยดูใน TV นะ
     
  4. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    ยินดีวิสัชนาครับ คุณPew Pew<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_947459", true); </SCRIPT> ความรู้จะได้แตกฉาน และประยุกต์ใช้งานได้จริงเมื่อจำเป็น
    เดี๊ยวจะลองค้นข้อมูลมาเพิ่มครับ
    ...
    รถพลังลม น่าสนใจนะครับเนี่ย
    ผมเคยอ่านเจอแต่รถพลังน้ำ ใช้น้ำมาแยกเป็นไฮโดรเจน ใช้เป็นเชื้อเพลิง
    เพื่อขับเคลื่อนรถ ยังคิดว่าเป็นไอเดียดีเลย เพราะน้ำมีอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะบ้านเรา
     
  5. Pew Pew

    Pew Pew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,807
    ขอบคุณครับ คุณปาฏิหาริย์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ น่าจะ win - win ครับ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ครับ สังคมจะได้น่าอยู่มากขึ้นครับ

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ รถยนต์พลังลมจากคุณ zipper ด้วยครับ รู้สึกได้เลยว่า Mega clever !! ฉลาดขึ้นอีกตั้งเยอะ โมธนาสาธุ

    ความฝันของผมก็เคยฝันเหมือนคุณปาฏิหาริย์ว่าน่าจะใช้พลังน้ำเป็นคำตอบสุดท้ายเพราะโลกเรามีน้ำจำนวนมหาศาลเลย แต่พอมาอยู่กลุ่มนี้ ผมกลับฝันไปถึงพลังงานทางจิตแล้วครับ ดีกว่าเยอะเลย เห็นเล่าๆกันว่า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของโลก และจะสร้างยานอวกาศเดินทางไปเยี่ยมดาวอื่นๆด้วยพลังจิตได้ด้วย ผมเลยขยับความฝันขึ้นไปทันทีเลย กำลังฝึกสมาธิ และรอดูอยู่ครับ ไม่รู้จะได้ทันเห็นในชิวิตนี้หรือเปล่าน้อ
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เยี่ยมไปเลยครับได้ความรู้อีกมากมาย ขอบคุณที่นำสิ่งที่ดีๆและสร้างสรรค์มาฝากกันครั ใครมีอะไรดีๆก็มาแชร์กันครับ
     
  7. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ใช่รายการที่มาแทน mega clever หรือเปล่าครับ ผมก็รู้จักรถพลังลมจากรายการนั้นแหล่ะ

    เห็นว่าต้องทำรถให้เบา เค้าว่าตัวเครื่องจะเบามาก และก็ไม่ค่อยร้อนมากเท่าไหร่เวลาเครื่องทำงาน สามารถเอามือจับได้

    ผมก็คิดคล้ายๆ คุณปาฏิหาริย์ที่ว่าพลังงานน้ำน่าจะดีกว่าเพราะว่ามันพกเติมได้ง่าย หาได้ง่าย รถพลังลมถ้าลมหมดก็ต้องหาปั๊มลมมาเติมลม แต่เป็นรถพลังงานน้ำจะหมดก็ลงไปซื้อน้ำข้างทาง..... เอ พอเขียนไปเขียนมา ก็นึกได้ว่ามันก็น่าจะเป็นน้ำบริสุทธิ์ประมาณน้ำกลั่น น้ำดื่มทั่วไปไม่แน่ใจว่าจะบริสุทธิ์พอหรือเปล่า

    แต่พอพูดถึงรถพลังน้ำก็ลองไปหาข้อมูลมา แว๊บบบบ

    ก็ไปเจอคลิปข่าวที่ youtube เกี่ยวกับรถพลังน้ำ

    อันนี้ดูท่าจะเป็นข่าวนานแล้ว (เดาจากภาพทีวี)
    <object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/L6yRn4IAsrU&rel=1"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/L6yRn4IAsrU&rel=1" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object>

    อันนี้ข่าวจาก Fox news คนโพสคลิป โพสเมื่อ มิถุนายน 2006
    <object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/6Rb_rDkwGnU&rel=1"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/6Rb_rDkwGnU&rel=1" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object>

    ส่วนอันนี้เป็นรถพลังน้ำของญี่ปุ่น โพสเมื่อ ธันวาคม ปี 2006 มีแบบจำลองการทำงานตอนเผาไหม้ที่ลูกสูบให้ดูด้วย ดูเหมือนว่าจะฉีดน้ำเข้าไปแล้วก็จุดระเบิดให้น้ำเดือดเป็นไอ ใช้ไอน้ำในการดันลูกสูบ อันนี้เดาเอาจากรูปนะ ฟังไม่ออกว่าพูดอะไร (ชอบข่าวญี่ปุ่นที่เวลาอธิบายอะไรแล้วทำแบบจำลองมาให้ดูนี่แหล่ะ)
    <object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/E1OWDcWoXHs&rel=1"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/E1OWDcWoXHs&rel=1" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object>


    ก่อนที่จะไปต่อ ขออธิบายอะไรหน่อย จากที่หาๆ ข้อมูลมา ดูเหมือนว่าการทำรถพลังน้ำ ตามที่ดูๆ มา จะมีสองวิธี วิธีแรก ก็คือใช้น้ำแทนน้ำมันเลย

    ส่วนอีกวิธีนึงคือแยกน้ำออกเป็นก๊าซไฮโดนเจนและออกซิเจน แล้วจ่ายให้เครื่องยนต์เพื่อช่วยเสริมการเผาไหม้ ซึ่งวิธีนี้ก็ยังต้องใช้น้ำมันอยู่แต่จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้น ซึ่งก๊าซที่ได้จากการแยกน้ำ เค้าจะเรียกว่า Oxy-Hydrogen ซึ่งจะมีอยู่หลายชื่อ เช่น Brown's Gas, Egas, Hydroxy, HHO และ Oxy-Hydrogen (แต่ว่ายังมีข้อมูลไม่เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าใช้ pure ไม่ต้องใช้ร่วมกับน้ำมันได้หรือเปล่า)

    - HHO เบากว่าอากาศเมื่อรั่วจะลอยไปในอากาศ
    - HHO เวลาติดไฟในอากาศจะลุกพรึบแล้วหายไปเลย ไม่เหมือนน้ำมันซึ่งเวลาติดไฟจะติดนานจนกว่าน้ำมันจะหมด

    ลิงค์เวปที่จะส่งให้ดูบางเวปก็ไม่ได้ดูละเอียดเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ว่าจะรถที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำแบบวิธีไหน ก็คงต้องรบกวนเข้าไปดูรายละเอียดเอง แต่อาศัยข้อมูลที่ว่าวิธีใช้น้ำขับเคลื่อนรถมีสองแบบอย่างที่ว่ามา ก็คงพอจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น

    อย่างเวปนี้ http://waterpoweredcar.com/ ก็เป็นเวปที่มีข้อมูลเกี่ยวกับรถพลังน้ำ
    แต่เห็นมีรูปอย่างนี้
    [​IMG]

    ดูแล้วเหมือนเครื่องแยกก๊าซจากน้ำก็น่าจะเป็นวิธีที่สองคือใช้วิธีแยกก๊าซไฮโดรเจนและออกซิเจนออกแล้วก็ฉีดเข้าห้องเครื่อง ซึ่งอ่านๆ ดูแล้วก็น่าจะเป็นอย่างนั้น

    เอาล่ะคิดว่าพอรู้เรื่องแล้ว งั้นไปต่อเลย

    อันนี้เป็นลิงค์ที่รวมไฟล์เกี่ยวกับการเอาน้ำมาใช้เป็นพลังงาน มีหลายไฟล์อยู่เหมือนกัน http://www.hotlinkfiles.com/browse/waterfuel/42765

    ส่วนอันนี้ http://www.water4gas.com

    เป็นเวปที่อธิบายเกี่ยวกับการแยกก๊าซจากน้ำแล้วนำมาใช้กับรถ ดูคร่าวๆ แล้วดูเหมือนว่าจะรับติดตั้งด้วย ก็มีรูปอธิบายวิธีการติดตั้ง มีการบอกว่าเมื่อติดตั้งไปแล้วจะประหยัดค่าน้ำมันได้เท่าไหร่ มีแปลนรถ water car ขาย มีขายหนังสือการแปลงรถให้ใช้พลังน้ำได้

    >> ตัวอย่างแปลนการติดตั้งในเวปนี้ http://easywatercar.com/members/dwnld/WaterCarPlan10--GEET/GeetDrawingLrg.JPG

    ก็ได้รู้ว่าเวปนี้ว่าที่ eBay ก็มีประมูลขายแปลนรถพลังน้ำเหมือนกัน

    หลังจากหาไปซักพักก็รู้สึกว่าเวปไทยมีข้อมูลเรื่องนี้น้อยมาก แต่ก็พอเจอบ้างนิดหน่อย ก็มีไปเจอคุยกันที่กระทู้นี้ http://www.mazdaclub.net/module_view.php?mod=webboard&fn=view&cid=32013 เป็นการแยกน้ำเป็นก๊าซแล้วก็จ่ายเข้าไปในห้องเครื่อง เจ้าของหาแนวร่วมสนใจทดลองอยู่ครับ

    และก็ได้เจอเวปคนไทยที่ทำเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องเป็นราวก็คือเวปนี้ http://www.siamhho.com ก็เป็นเวปที่อธิบายเกี่ยวกับ oxy-hydrogen ,อธิบายวิธีทำ และมีขายอุปกรณ์ด้วย และก็รับติดตั้งให้ ซึ่งในเวปบอร์ดเค้าก็มีข้อมูลรถที่ได้ทำการติดตั้งระบบนี้ http://www.siamhho.com/board/viewforum.php?f=4&gclid=CJHxlZK4npECFQ42egodH0_UuQ

    ในเวปนี้ ดูเหมือนจะมีติดตั้งเข้ากับรถตัดหญ้าด้วย http://jlnlabs.online.fr/bingofuel/

    ถ้าเอามาประยุกต์ใช้กับเครื่องปั่นไฟได้ก็คงดีสินะ

    แต่ถ้าคิดจะลองติดตั้งกับรถดูก็ขอให้ศึกษาข้อมูลดีๆ ก่อนนะ

    ถ้าอยากจะทำการทดลองแยกน้ำดูก็ให้ระวังดีๆ นะ ระวังระเบิดด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  8. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี
    ณ สำนักปฏิบัติธรรม “ปรียนันท์ธรรมสถาน” อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
    วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2551 เวลา 13.00 น.


    ********************

    ด้วยสมาชิกกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ จากเว็บพลังจิต.คอม ได้ร่วมกันสร้าง "ปรียนันท์ธรรมสถาน" ขึ้น ณ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรมและเพื่อใช้เป็นสถานที่พักพิงและหลบภัยแก่ประชาชนทั่วไปเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น เนื่องจากการสร้างสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งตัวอาคารและระบบต่างๆ อาทิ ระบบระบายอากาศ ระบบน้ำใช้และระบบพลังงานภายในตัวอาคาร จำนวนประมาณ 5 - 7 ล้านบาท แต่ยังขาดปัจจัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงบอกบุญมายังผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน

    ด้วยอำนาจกุศลผลบุญที่กระทำในครั้งนี้ จงส่งผลให้ท่านและครอบครัวประสพความสุข ความเจริญ ในหน้าที่การงาน มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติทุกประการ ถ้ามาดแม้นท่านผู้ร่วมกระทำมหากุศลในครั้งนี้ปรารถนาซึ่งพระโพธิญาณก็ดี หรือปรารถนาขอถึงซึ่งพระนิพพานในปัจจุบันชาติก็ดี ขอกุศลผลบุญที่กระทำร่วมกันนี้จงให้ความมั่นคงเป็นพลวะปัจจัยหนุนนำให้ทุกๆท่านจงสมปรารถนาทุกประการอย่างสะดวกสบาย ไร้อุปสรรคทั้งปวง ในฉับพลันนี้ด้วยเทอญ


    กำหนดการ

    วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2551

    เวลา 07.00 น. ออกเดินทางจากซอยด้านข้างโรงเรียนหอวัง กรุงเทพมหานคร
    เวลา 10.30 น. เดินทางถึงปรียนันท์ธรรมสถาน
    เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์
    เวลา 12.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง
    เวลา 13.00 น. ถวายผ้าป่า

    ประธานฝ่ายสงฆ์

    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เจ้าคณะตำบลชะแล เขต 2
    อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี


    ประธานฝ่ายฆราวาส

    คุณนิติธรรม์ พิชิตเธียรธรรม และครอบครัว ดร.ณัฐพัชร จันทรสูตร คุณสุเชษฐ์ (ksuchet)
    ศ.พญ. เยาวลักษณ์ ภมรประวัติ รศ.ดร.สุธาทิพ ภมรประวัติ ดร.ซิลวิโอ เอเมอรี่
    พลโท คมน์ จันทร์เด่นแสง ผศ.ดร.กัลยา ปรีชานุกูล คุณคณานันท์ ทวีโภค
    คุณลุงชัยมงคลสถาน คุณทศพล โอภานุรักษ์ และครอบครัว คุณเกษม
    คุณสนั่น – คุณจินดา จตุวงษ์ และครอบครัว คุณวุฒิพงษ์ และครอบครัว
    ผศ.นท.นพ.คมสันต์ สุวรรณฤกษ์ นาวาเอกอรรถพล – คุณทิพาพร เพชรฉาย
    ผศ.ดร.จรรยา ภัทรอาชาชัย คุณมนตรี คงอุทัยกุล และครอบครัว
    คุณหลาน (dearestguardian) คุณชานนท์คนไทย คุณ ahhaboy
    คุณ june_cl คุณ Catt Bewer คุณนิพพานะ
    คุณพรหมประกาศิต คุณนาคา คุณ ksriuta
    คุณพจชนะ ทองทวีวิวัฒน์ คุณอดิเรก ใจผ่อง คุณวิจิตร จันทร์ประสิทธิ์
    คุณพุทธารา เหลือดี และคุณทิพย์ญาร์ภาร์ รังสีบวรกุล บริษัท สบู่ดำไทย จำกัด
    คุณเจษฎา กระจง และคุณโศรดา สุขวัฒนานุกิจ คุณไพเดช อภิสิทธานุรักษ์
    ครอบครัวเห็นสุข และครอบครัวไชยพรรค
    ครอบครัวกิ่งทอง และครอบครัวศรีเงิน
    คุณประไพ เหตระกูล และครอบครัวสัมมาทิฏฐิ
    คุณอมรรัตน์ อุ่นเรือน และครอบครัว
    ครอบครัวโพธิสิงห์ ครอบครัวร่านสำราญ ครอบครัวเหล่าอัน ครอบครัวแสงตารัตน์ และครอบครัววงศ์ประณุท
    คุณแม่อุไร คุณ Mallika logue และครอบครัว


    รองประธานกรรมการ

    คุณรัตนาพร (คุณนาย) คุณ 4 ร้านข้าวแกงเทพารักษ์ กม.8
    คุณนวพร บุญปก คุณนวลฉวี โคสาสุ คุณจินตนา สีดาพันธ์
    คุณปาริชาติ ศิลปอาชา คุณประทุม – คุณสาลี่ ช่วงทอง คุณกุสุมา ศรียากูล
    คุณจุฑาทิพย์ สุดดี คุณทิพวรรณ สงสนธิชัย และครอบครัว คุณ pat3112
    คุณสวัด- คุณคิด ดวงศิลป์ คุณพศิน รัศมีพลายโยธิน


    คณะกรรมการ

    แม่ชีศิริลักษณ์ จันทรสูตร คุณจิรัชชญา เบญจนันทกุล และครอบครัว
    คุณชาญสิทธิ์ ขจายศรสิทธิ์ และครอบครัว คุณประชา แต้มงาม คุณพิภพ ขจรกล่ำ
    คุณปุณณเกติ์ ขำขนิษฐ์ และครอบครัว คุณวรินทร ยั่งยืน คุณสู้จึง แซ่ก๊วย
    คุณอารัณย์ - คุณชัชนันท์ - คุณวรพล เอเมอรี่ คุณอนันต์ - คุณบุญยอด ศรีเชียงหวาง
    คุณอริสรา ดวงศิลป์ พ.ต.สนธยา - คุณสุภาภรณ์ ศตวรรษ และครอบครัว
    ผศ. ดร . โสภาพรรณ เอี่ยมรัตนาวงศ์ คุณประจักร ตันติบุญยานนท์ และครอบครัว
    คุณดุษณี คุณโสภา และครอบครัว คุณวิมล - คุณวีณา พรพ่วง และครอบครัว
    คุณจิระพร – คุณตรีเทพ วงศ์สว่าง และครอบครัว คุณลำพัง ศรีสอน และครอบครัว
    คุณประสิทธิ์ วิศิษฎ์จินดา และครอบครัว คุณอารมณ์ ระย้า และครอบครัว
    นักศึกษาแพทย์ ม.ธรรมศาสตร์ ปี 3 กลุ่ม 11 คุณสมคิด เอี่ยมประเสริฐ และคณะ
    คุณอภิฌาน กาญจนวาปสถิตย์ และครอบครัว ครอบครัวสงวนวงษ์ทอง
    คุณ merin คุณ Viroj คุณ famnakub
    คุณ bnbk คุณ note_bank คุณ nice00000 กับแฟน
    คุณ ren



    .
     
  9. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    โตโยต้ารุ่นนี้ เป็นทางเลือกนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image001.jpg
      image001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.8 KB
      เปิดดู:
      109
  10. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    ข้อมูลคุณzipper แน่นเลยนะครับ
    เยี่ยม เยี่ยม
     
  11. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ไปเจอมาครับ
    ไม่แน่ใจว่าจะมีความแม่นยํายังไง
    แต่เอามาแปะ พอเป็นข้อมูลครับ ^ ^"

    แผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ


    หน้าที่ของเรา


    เราเป็นญาณที่ลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ชื่อ ต้อย พระพุทธเจ้าโคดมทรงวานแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติและทรงมอบหมายให้เราทำหน้าที่ดังนี้


    1. ฝึกจิตต้อยให้เข้าสู่เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ


    2. ปฏิบัติภารกิจแทนพระพุทธองค์ในขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติและขั้นตอนช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ


    สาเหตุที่มีการวางแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ


    พระพุทธเจ้าโคดมทรงหยั่งรู้ว่า จะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นในดาวโลกนี้ มนุษย์และสัตว์จะเสียชีวิตเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นการเสียชีวิตตามกฏแห่งกรรม ส่วนมนุษย์และสัตว์ที่รอดชีวิตก็จะดำรงชีวิตอยู่อย่างลำบาก พระพุทธเจ้าทรงเมตตาต่อเวไนยสัตว์ที่รอดชีวิตเหล่านี้จึงทรงวางแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติเพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากมากนัก


    สาเหตุที่มีการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่


    เมื่อดวงจิตที่ยังเวียนว่ายตายเกิดและเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับดาวโลกนี้ ได้ทำกรรมชั่วไว้ในแต่ละภพภูมิและแต่ละภพชาติที่มีจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อดวงจิตใดทำกรรมชั่ว ก็จะได้รับผลแห่งกรรมนั้น ซึ่งเป็นผลแห่งกรรมเฉพาะตัว ส่วนผลแห่งกรรมรวมจะเกิดขึ้นจากกรรมชั่วที่ทุกดวงจิตได้ทำไว้และไปสะสมรวมตัวกัน จนกลายเป็นพลังกรรมดำ เมื่อพลังกรรมดำมีการสะสมรวมตัวกันมากขึ้น จะทำให้พลังนี้มีแรงผลักดันให้เกิดผลแห่งกรรรมรวมคือ จะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้


    ความหมายของคำว่า "ภัยพิบัติครั้งใหญ่"


    คำว่า "ภัยพิบัติครั้งใหญ่" ในที่นี้หมายถึง ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในระดับรุนแรงทั่วโลก ได้แก่ สภาพภูมิอากาศแปรปรวนและเปลี่นแปลงอย่างฉับพลัน อากาศร้อนจัด หนาวจัด ฝนตกหนัก ลมพายุรุนแรง ไฟไหม้ป่า ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว โคลนถล่ม หิมะถล่ม น้ำแข็งทั่วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ฯลฯ


    ภัยธรรมชาติเหล่านี้จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้มนุษย์และสัตว์เสียชีวิตเป็นจำนวนมหาศาล ส่วนภัยอื่นๆ เป็นเพียงทางผ่านของการเดินทางไปสู่ช่วงเวลาการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่


    ผลจากการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่


    มนุษย์และสัตว์จะเสียชีวิตเป็นจำนวนมหาศาล มนุษย์จะเสียชีวิตเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมดในโลกนี้ บ้านเรือน อาคารสถานที่และทรัพย์สินทั่วโลกจะถูกทำลายพังพินาศ ระบบเทคโนโลยีต่างๆ จะเสียหายและใช้งานไมได้เลย เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา ระบบโทรศัพท์ และรบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น จะมีน้ำท่วมระดับสูงบริเวณพื้นที่ราบทั่วโลกเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น ผู้ที่รอดชีวิตจึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามสภาวะปกติเหมือนเดิม และต้องไปอาศัยหลบภัย ณ จุดปลอดภัยต่างๆ ทั่วโลกเป็นระยะเวลานาน


    ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่จะชำระล้างโลกให้สะอาดขึ้น ได้แก่ อากาศจะบริสุทธิ์ขึ้น น้ำจะสะอาดขึ้น พื้นดินเก่าจะถูกชะล้างสารเคมีและกลับฟื้นสภาพดีขึ้น ฯลฯ จะทำให้เกิดการปรับสมดุลทางธรรมชาติและจะเกิดการเปลี่นแปลงด้านภูมิศาสตร์ ได้แก่ สภาพภูมิอากาศจะเป็นไปตามฤดูกาล จะมีพื้นดินเกิดใหม่ซึ่งมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ พื้นดินเก่าบางส่วนจะจมหายไปและสายน้ำเปลี่ยนเส้นทาง ทำให้ต้องเขียนแผนที่โลกใหม่ ฯลฯ


    ขั้นตอนในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ


    แผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนได้แก่


    1. ขั้นตอนฝึกจิต


    2. ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติ ในขั้นตอนนี้จะมีการประสานงานกันระหว่างผู้ปฎิบัติงานทุกกลุ่มเพื่อรวบรวมผู้ปฏิบัติงานและรวบรวมปัจจัย 4


    3. ขั้นตอนช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะต้องปฎิบัติงานภายใต้ระบบสากลจักรวาลซึ่งเป็น ระบบการทำงานของมนุษย์ต่างดาว จะทำให้งานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ


    ผู้ปฏิบัติงาน


    ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ มีผู้ปฎิบัติงาน 3 ฝ่าย ได้แก่


    1. ฝ่ายพระญาณ ได้แก่ พระญาณต่างๆ ที่ลงมาจากสวรรค์ พรหมและดินแดนนิพพาน เพื่อทำหน้าที่ฝึกจิตแก่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลกและปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือภัยพิบัติ


    2. ฝ่ายมนุษย์ต่างดาว มีมนุษย์ต่างดาว 18 ดวงดาว ทำหน้าที่ดังนี้


    2.1 ทำหน้าที่ฝึกจิตแก่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลก


    2.2 สำรวจและวิจัยมนุษย์โลก รวมทั้งสิ่งต่างๆ บนดาวโลกนี้ ได้แก่ สำรวจและวิจัยระบบในร่างกายมนุษย์โลก สภาพภูมิอากาศ ก๊าซ น้ำ แร่ธาตุและสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ใน ข้อ 2.3 และข้อ 2.4


    2.3 สร้างอาคารสถานที่ ณ จุดปลอดภัยทั่วโลก จำนวน 30 จุด เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยพิบัติของมนุษย์โลก


    2.4 สร้างเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ และยานบินเพื่อให้มนุษย์โลกได้ใช้งานตามความจำเป็น


    3. ฝ่ายมนุษย์โลก มีผู้ปฏิบัติงานจำนวน 3,403 คน แบ่เป็น 2 ประเภท ได้แก่


    3.1 ผู้ปฏิบัติงานภาคพื้นอากาศ


    3.2 ผู้ปฏิบัติงานภาคพื้นดิน


    พระพุทธเจ้าทรงคัดเลือผู้ปฏิบัติงานฝ่ายพระญาณและผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลกด้วยปัญญาญาณหยั่งรู้ว่า ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะสามารถปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ


    พระพุทธเจ้าทรงขอความร่วมมือจากมนุษย์ต่างดาว 18 ดวงดาว ซึ่งเป็นสมาชิกในสหพันธ์จักรวาลและอาศัยอยู่ในแกแล็กซีเดียวกันกับดาวโลกนี้ พวกเขามีความเจริญในธรรมะและมีความเจริญในเทคโนโลยี ดังนั้น พวกเขาจึงมีความพร้อมและเหมาะสมที่จะมาร่วมมือทำงานช่วยเหลือภัยพิบัติ


    เหตุปัจจัยในการคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลก


    เหตุปัจจัยในการคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลก มีดังนี้


    1. มีการพัฒนาดวงจิตอยู่ในระดับที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ


    2. เคยสร้างบุญกุศลในจำนวนที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ


    3. เคยสร้างบุญกุศลร่วมกันกับผู้ปฏิบัติงานคนอื่นๆ


    4. ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะไม่มีกรรมหนักที่ส่งผลในชาตินี้ เพระผลแห่งกรรมหนักจะทำให้ดวงจิตไม่มีกำลังต้านทานความทุกข์ในระบบฝึกจิต และผลแห่งกรรมหนักจะขัดขวางการทำความดี คือการช่วยเหลือภัยพิบัติ


    5. มีคุณสมบัติเหมาะสมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กุมภาพันธ์ 2008
  12. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ระบบฝึกจิต


    มนุษย์ต่างดาวได้สร้างเครื่องมือชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถทำให้เกิดคลื่นและนำคลื่นมาเชื่อมต่อดวงจิตของมนุษย์โลก คลื่นนี้สามารถคิด พูด ทำในร่างกายของมนุษย์โลกได้ เมื่อกิเลสกำเริบ คลื่นจะทำงานทันที โดยการเพิ่มปริมาณของกิเลสให้มากขึ้น ทำให้รู้สึกเป็นทุกข์มากกว่าปกติและทำให้มองเห็นกิเลสหรือนิสัยได้ชัดเจนขึ้น ระบบฝึกจิตนี้เป็นระบบฝึกจิตแบบพิเศษ เรียกว่า ระบบพัฒนาดวงจิต


    ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะได้รับการฝึกจิตในระบบเดียวกันนี้ แต่ละท่านจะได้รับการฝึกจิตตามเหตุปัจจัยของตนเอง บางทีก็ฝึกคนเดียว บางทีก็ฝึกเป็นคู่ บางทีก็ฝึกเป็นกลุ่ม เพราะมีเหตุปัจจัยคล้ายกัน


    จุดมุ่งหมายในการฝึกจิต


    ก่อนที่ผู้ปฏิบัติงานจะไปทำงานช่วยเหลือภัยพิบัติ ทุกท่านจะได้รับการฝึกจิตในระบบพัฒนาดวงจิตเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อยกระดับดวงจิตให้สูงขึ้นหรือเพื่อขัดเกลานิสัยให้ดีขึ้น เมื่อทุกท่านได้รับการฝึกจิตให้เข้าสู่เป้าหมายแล้ว จึงจะสามารถปฏิบัติภารกิจสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ ดังนั้น การฝึกจิตในระบบนี้จึงเป็นการฝึกเพื่อไปทำงานเฉพาะกิจ คือ งานช่วยเหลือภัยพิบัติ


    บทเรียนฝึกจิต


    สิ่งใดที่เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน แล้วทำให้ท่านเป็นทุกข์ สิ่งนั้นจะเป็นบทเรียนฝึกจิตของท่าน


    วิธีเอาชนะบทเรียนฝึกจิต


    เมื่อท่านรู้สึกเป็นทุกข์ ท่านต้องใช้บารมี 10 ของท่านเข้าต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อออกจากความทุกข์นั้น เช่น ใช้ความอดทน ใช้ความเพียรพยายาม ใช้ปัญญาพิจารณาความเป็นจริงในวัฎสงสาร แล้วปล่อยว่าง เป็นต้น


    ข้อมูลในช่วงเวลาฝึกจิต


    ข้อมูลในช่วงเวลาฝึกจิตจะเป็นข้อมูลจริงปนหลอกเพื่อให้เป็นบทเรียนฝึกจิตหรือเพื่อให้กำลังใจ ข้อมูลจะเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน


    ในช่วงเวลาฝึกจิตนี้ แต่ละคน แต่ละกลุ่มจะได้รับสื่อข้อมูลจากคลื่นของมนุษย์ต่างดาวหรือจากพระญาณซึ่งเป็นอาจารย์ฝึกจิต ทุกคนก็จะเชื่อมั่นในข้อมูลที่ตนสื่อได้ ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ถ้าทุกคน ทุกกลุ่มมาพูดคุยรวมกัน จะเห็นได้ว่า ทุกคนต่างมีข้อมูลที่แตกต่างกันและอาจมีข้อมูลที่คล้ายกันบ้างในบางส่วน เพราะข้อมูลเหล่านี้เกิดจากเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติแล้ว ข้อมูลก็จะมีความเป็นหนึ่งเดียว


    เมื่อระบบฝึกจิตปิดคอร์ส นั่นหมายถึง ทุกคนได้รับการฝึกจิตเข้าสู่เป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติ ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านก็จะมารวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อช่วยกันทำงาน เรียกว่า กลุ่มช่วยเหลือภัยพิบัติ


    จาก ญาณในร่างต้อย


    1 มกราคม 2548


    ที่มา http://forum.sanook.com/forum/index.php/topic,1303346.0/all.html?ckid=1202327692&
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กุมภาพันธ์ 2008
  13. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ผมไปสืบข้อมูลมาปรากฎว่าผู้ที่ได้โพสข้อความนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ

    คือ คุณสุขสมบูรณ์ ธงชัยขาวสะอาด
    ผู้ปฏิบัติธรรมร่วมกับกลุ่มเขากะลา จังหวัดนครสวรรค์ ^^
     
  14. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    แหมผมก็อุตส่าห์เงียบๆ แล้วเชียวอิอิ... ข้อความที่คุณสุขสมบูรณ์เอาลงมาโพสต์ในเว็ปsanook.comนั้น ก็เป็นของคุณต้อย(เป็นผู้หญิง) หนึ่งในสมาชิกกลุ่มฯ เขากะลาที่มีหมายเลข เคยร่วมฝึกด้วยสมัยแรกๆ ครับ แล้วถอนตัวออกไปตั้งแต่ประมาณปี2542 แต่ก็มีระบบ(ซึ่งคุณต้อยเข้าใจว่าญาณฯ)ที่ส่งข้อมูลให้คุณต้อยสมัยประมาณต้นปี2548 พี่แกก็เลยส่งจดหมายเวียนมาให้สมาชิกในกลุ่มประมาณ60คนได้รับทราบ ความถูกต้องของข้อมูลใช้ได้ทีเดียวครับ ยกเว้นข้อมูลที่ระบุมาเป็นตัวเลข

    เพิ่มเติมภายหลัง

    ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงเนื่องจากข้อความที่คุณต้อยเขียน(คนละคนกันกับคุณสุขสมบูรณ์) ผมมองโดยผ่านๆ ไม่ได้อ่านทบทวนในรายละเอียดด้วยเห็นว่าคุ้นตา และเคยเห็นนานแล้ว แต่เมื่อมีการนำมาเผยแพร่เป็นสาธารณะเช่นนี้จะเกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้

    อย่างที่คุณต้อยได้กล่าวตามข้อความที่นำมาเผยแพร่ว่า

    "ข้อมูลในช่วงเวลาฝึกจิตจะเป็นข้อมูลจริงปนหลอกเพื่อให้เป็นบทเรียนฝึกจิตหรือเพื่อให้กำลังใจ ข้อมูลจะเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน

    ในช่วงเวลาฝึกจิตนี้ แต่ละคน แต่ละกลุ่มจะได้รับสื่อข้อมูลจากคลื่นของมนุษย์ต่างดาวหรือจากพระญาณซึ่งเป็นอาจารย์ฝึกจิต ทุกคนก็จะเชื่อมั่นในข้อมูลที่ตนสื่อได้ ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ถ้าทุกคน ทุกกลุ่มมาพูดคุยรวมกัน จะเห็นได้ว่า ทุกคนต่างมีข้อมูลที่แตกต่างกันและอาจมีข้อมูลที่คล้ายกันบ้างในบางส่วน เพราะข้อมูลเหล่านี้เกิดจากเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติแล้ว ข้อมูลก็จะมีความเป็นหนึ่งเดียว"

    ดังนั้นเมื่อผมมาอ่านทบทวนในรายละเอียดจึงพบว่ามีข้อความที่ไม่เป็นความจริงนอกเหนือจากจำนวนตัวเลขทั้งหมดที่ผมกล่าวไว้แล้วว่าไม่ถูกต้องแล้วนั้น ยังได้แก่ข้อความดังต่อไปนี้

    "หน้าที่ของเรา

    เราเป็นญาณที่ลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ชื่อ ต้อย พระพุทธเจ้าโคดมทรงวานแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติและทรงมอบหมายให้เราทำหน้าที่ดังนี้

    1. ฝึกจิตต้อยให้เข้าสู่เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ

    2. ปฏิบัติภารกิจแทนพระพุทธองค์ในขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติและขั้นตอนช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ"

    และข้อความที่กล่าวอ้างถึงพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธองค์ทั้งหมด ซึ่งผมขอย้ำว่าไม่เป็นความจริง และต้องขออภัยในความผิดพลาดครั้งนี้เป็นอย่างสูงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กุมภาพันธ์ 2008
  15. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    เนื่องจากมีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความที่ผมโพสต์ไว้ จึงขอกราบขออภัยในความผิดพลาดที่ไม่ได้อ่านให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนครับ
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    เต็นท์เรืองแสงได้

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้มีการนำเอาผืนผ้าที่มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา และเปล่งแสงได้ ซึ่งทำจากวัสดุที่เป็น Electroactive polymer (พอลิเมอร์ที่ตอบสนองต่อไฟฟ้า) เพื่อส่องแสงในเต็นท์ และเป็นที่หลบภัยที่มีผนังอ่อนนุ่ม โดยผืนผ้านี้มีชื่อเรียกว่า “SuperFlex“ ซึ่งสามารถพับ ม้วน ทนต่อการเสียดสีได้ดี นอกจากนี้ยังทนต่อแสงแดดและรังสีอินฟราเรดได้อีกด้วย

    SuperFlex ผลิตโดย Crosslink of St. Louis มันสามารถเปลี่ยนวัตถุหลากหลายชนิดให้เป็นแหล่งกำเนิดแสงได้ โดยใช้พอลิเมอร์ชนิด polythiophene-based หรือ PEDOT ซึ่งเป็นพอลิเมอร์นำไฟฟ้า

    ไม่ว่าจะเป็นสิ่งทอ คอมพอสิท พลาสติก หรือโลหะเกือบทุกชนิดสามารถถูกเคลือบด้วย SuperFlex ได้ แล้วนำไปเสียบต่อกับวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating Current : AC) ซึ่งลักษณะการทำงานของมันใกล้เคียงกับ Gizmag (แผนที่ทีเรืองแสงได้ด้วยตัวเอง)

    นอกจากนี้ SuperFlex ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ในตอนแรกมันสามารถนำมาทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนส์ที่บรรจุตะกั่ว จากเดิมที่ตะกั่วมีความเปราะและเป็นอันตราย หลอดฟลูออเรสเซนส์แบบใหม่นี้ยังคงใช้ในกองทัพจนถึงปัจจุบันนี้

    SuperFlex ไม่จำเป็นต้องบรรจุลงในวัสดุที่มีน้ำหนักมากมาย แต่มันสามารถแนบไปกับด้านในของเต็นท์ได้เลย โดยไม่ต้องประกอบหรือแยกชิ้นส่วน ด้วยความที่น้ำหนักเบามากจึงแนบไปกับผืนเต็นท์ได้เป็นอย่างดี และผลิตภัณฑ์นี้ยังมีแนวโน้มที่จะได้รับการตอบรับในวงการแค้มปิ้งเป็นอย่างมาก


    ที่มา http://crave.cnet.com/8301-1_105-9692235-1.html
    [​IMG]
     
  17. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอขอบคุณ และร่วมอนุโมทนากับทุกๆ ท่านที่สู้อุตส่าห์ เสียสละเวลา และสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย... มาช่วยกันระวังภัย และนำสัญญาณอันตรายต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาคอยเตือนพวกเราไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาท มาโดยตลอดค่ะ...

    ขอบพระคุณค่ะ
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,893
    [SIZE=+2]ขั้นตอนสร้างบ้านดิน
    [/SIZE]
    [​IMG] " บ้านดิน" สร้างเองก็ได้ง่ายจัง ไม่ต้องจ้างผู้รับเหมา ประหยัดเงินตรา และ ทรัพยากรธรรมชาติ (ไม่ต้องระเบิดภูเขา เอาปูนซิเมนต์ หรือ ทำลายป่า ตัดต้นไม้เยอะ ๆ ) ฤดูร้อนเย็นสบาย ฤดูหนาวแสนอบอุ่น (บ้านดินสามารถปรับอากาศในตัวเองได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องซื้อเครื่องปรับอากาศมาติดให้เปลืองค่าไฟฟ้า)
    หากบริเวณบ้านของท่านมีพื้นที่ว่าง ๆ ขอเชิญท่านมาลองสร้างบ้านดินหลังเล็ก ๆ สักหลังหนึ่ง ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

    1. [​IMG]1. ทดสอบเนื้อดิน นำดินใส่ในแก้วสามในสี่ส่วน เติมน้ำให้ท่วมดิน ใส่เกลือ 1 ช้อนชาคนแล้วคอยให้ตกตะกอน เพื่อสังเกตดูชั้นต่าง ๆ ของเนื้อดิน แบ่งสัดส่วนของแก้วออกเป็น 10 ส่วน สิ่งที่หนักจะตกตะกอนก่อน จะได้ กรวดหิน - -> ทราย หยาบ - - > ทรายละเอียด - - > ดินเหนียว หากชั้นดินเหนียวได้สัดส่วน 2 ในส่วน 10 ส่วน ถือว่าดินนั้นสามารถนำมาสร้างบ้านได้ จากนั้นเติมน้ำลงในดินนวดให้เหนียว ลองปั้นเป็นเส้นกลม ๆ ขนาดนิ้วมือถ้าขาดแสดงว่าดินนั้นยังใช้ไม่ได้(ดินเหนียวเหมาะสำหรับการสร้างบ้านดินที่สุด ซึ่งสามารถหาได้ทั่วไปในประเทศไทย)
    1. [​IMG]


      2. หาสถานที่สำหรับเตรียมอิฐดิน ควรจะเลือกทำในบริเวณใกล้ ๆ กับพื้นที่ที่ต้องการสร้างบ้าน เพราะจะลดกำลังในการขนย้ายซึ่งควรจะเป็นพื้นที่ที่พ้นจากน้ำท่วมถึง



    1. [​IMG]3. การทำอิฐดินเตรียมกระบะสำหรับผสมดินเหยียบนวดดินให้เหนียวหากดินเหนียวมากๆ ควรจะแช่น้ำทิ้งไว้หนึ่งคืนจะทำให้นวดง่ายขึ้น หากดินเหนียวมาก ๆ ให้ผสมแกลบหรือฟาง (หรือวัสดุใกล้เคียงที่หาได้ในพื้นที่) และทราย ในอัตราทีสังเกตว่าดินที่เหยียบจะไม่ติดเท้าขึ้นมาและเห็นเป็นรอยเท้าบนเนื้อดินถือว่าดินได้ที่แล้ว จากนั้นนำมาเทใส่พิมพ์ไม้ปาดให้เรียบและยกพิมพ์ขึ้นดินจะไม่ติดพิมพ์ในกรณีที่แดดดี ตากทิ้งไว้ 1 วัน จากนั้นพลิกอิฐดินตั้งขึ้น จะทำให้ดินไม่ติดพื้นและแห้งเร็วขึ้น ตากทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่ออิฐดินแห้งแล้วจะมีคุณสมบัติเหมือนกับอิฐมอญที่ไว้ใช้ก่อสร้างบ้านทั่วไป ซึ่งขนาดดินที่เหมาะสมคือ หนา 4 นิ้ว กว้าง 8-10 นิ้ว ยาว 14 -16 นิ้ว (อิฐดิน 1 ก้อน = 15-20 กิโลกรัม)
    1. [​IMG]


      4. เตรียมปูนสำหรับโบกอิฐดิน ซึ่งเป็นตัวดินชนิดเดียวกับที่นำมาทำอิฐดิน



    1. [​IMG]


      5. หลังจากเลือกทำเลหนีน้ำแล้ว ต้องเทพื้นบ้านดินให้สูงพอสมควร หรืออาจสร้างเป็นบันไดสูงขั้นสองขั้น เพื่อหนีความชื้นที่ระเหยมาจากพื้นดิน และป้องกันปลวกใต้ดิน ( อย่างไรก็ดีปลวกไม่กินดิน) ซึ่งการเทฐานบ้านอาจใช้ปูนซิเมนต์เพื่อเพิ่มความแข็งแรง


    1. [​IMG]

      6. บ้านดินไม่ต้องใช้เสาในการก่อสร้าง เพราะอิฐดินแต่ละก้อนถือว่าเป็นกำแพงของบ้านและเสาที่มั่นคงแข็งแรง หลังจากเทพื้นแล้ว เริ่มก่อสร้างกำแพงชั้นล่างขึ้นเป็นตัวบ้าน เว้นช่องใส่หน้าต่าง ประตู ซึ่งอาจจะมีวงกบไม้หรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบ


    1. [​IMG]


      7. กรณีบ้านสองชั้นต้องรอให้กำแพงดินชั้นล่างแข็งแรงดีแล้วนำไม้เนื้อแข็ง เช่น ยูคาลิปตัส ไม้ไผ่ ฯลฯ วางพาด นำไม้กระดานแผ่นใหญ่วางรองรับด้านล่าง เทดินให้ทั่ว ๆ ปกคลุมไม้ที่วางพาดเลย


    1. [​IMG]


      8. ก่อสร้างหลังคา ชายคา ซึ่งอาจจะใช้ดินหรือวัสดุอื่น ๆ ก็ได้ ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะน้ำเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดของบ้านดิน


    1. [​IMG]



      9. ฉาบกำแพง เพดานให้พื้นเรียบหรือขรุขระตามชอบ


    1. [​IMG]


      10. การใส่หน้าต่าง ประตู ต้องรอให้ดินแห้งสนิทเสียก่อน เพราะเมื่อดินแห้งจะหดตัวอีก หากใส่กระจกขณะที่ยังไม่แห้ง อาจทำให้กระจกแตกได้



    1. [​IMG]


      11. ตกแต่งทาสี แนะนำว่าเป็นสีดิน (สีที่ได้จากดิน ซึ่งมีหลายสีด้วยกัน เช่น แดง เหลือง ม่วง เทา แตกต่างกันตามท้องถิ่น) ผสมกับทรายละเอียด เพิ่มความเนียนด้วยกาวแป้งเปียกหรือยางกล้วย (วัสดุอื่น ๆ ที่หาได้ในพื้นที่)


    1. [​IMG]



      12. ตกแต่งภายในตามชอบสามารถปูพื้นด้วยกระเบื้องหรือปล่อยพื้นเปลือย ๆ เป็นศิลปะญี่ปุ่นก็สวยงามดี.







    [SIZE=+2]ขั้นตอนสร้างบ้านดิน
    [/SIZE]
    [​IMG] " บ้านดิน" สร้างเองก็ได้ง่ายจัง ไม่ต้องจ้างผู้รับเหมา ประหยัดเงินตรา และ ทรัพยากรธรรมชาติ (ไม่ต้องระเบิดภูเขา เอาปูนซิเมนต์ หรือ ทำลายป่า ตัดต้นไม้เยอะ ๆ ) ฤดูร้อนเย็นสบาย ฤดูหนาวแสนอบอุ่น (บ้านดินสามารถปรับอากาศในตัวเองได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องซื้อเครื่องปรับอากาศมาติดให้เปลืองค่าไฟฟ้า)
    หากบริเวณบ้านของท่านมีพื้นที่ว่าง ๆ ขอเชิญท่านมาลองสร้างบ้านดินหลังเล็ก ๆ สักหลังหนึ่ง ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

    1. [​IMG]1. ทดสอบเนื้อดิน นำดินใส่ในแก้วสามในสี่ส่วน เติมน้ำให้ท่วมดิน ใส่เกลือ 1 ช้อนชาคนแล้วคอยให้ตกตะกอน เพื่อสังเกตดูชั้นต่าง ๆ ของเนื้อดิน แบ่งสัดส่วนของแก้วออกเป็น 10 ส่วน สิ่งที่หนักจะตกตะกอนก่อน จะได้ กรวดหิน - -> ทราย หยาบ - - > ทรายละเอียด - - > ดินเหนียว หากชั้นดินเหนียวได้สัดส่วน 2 ในส่วน 10 ส่วน ถือว่าดินนั้นสามารถนำมาสร้างบ้านได้ จากนั้นเติมน้ำลงในดินนวดให้เหนียว ลองปั้นเป็นเส้นกลม ๆ ขนาดนิ้วมือถ้าขาดแสดงว่าดินนั้นยังใช้ไม่ได้(ดินเหนียวเหมาะสำหรับการสร้างบ้านดินที่สุด ซึ่งสามารถหาได้ทั่วไปในประเทศไทย)
    1. [​IMG]


      2. หาสถานที่สำหรับเตรียมอิฐดิน ควรจะเลือกทำในบริเวณใกล้ ๆ กับพื้นที่ที่ต้องการสร้างบ้าน เพราะจะลดกำลังในการขนย้ายซึ่งควรจะเป็นพื้นที่ที่พ้นจากน้ำท่วมถึง



    1. [​IMG]3. การทำอิฐดินเตรียมกระบะสำหรับผสมดินเหยียบนวดดินให้เหนียวหากดินเหนียวมากๆ ควรจะแช่น้ำทิ้งไว้หนึ่งคืนจะทำให้นวดง่ายขึ้น หากดินเหนียวมาก ๆ ให้ผสมแกลบหรือฟาง (หรือวัสดุใกล้เคียงที่หาได้ในพื้นที่) และทราย ในอัตราทีสังเกตว่าดินที่เหยียบจะไม่ติดเท้าขึ้นมาและเห็นเป็นรอยเท้าบนเนื้อดินถือว่าดินได้ที่แล้ว จากนั้นนำมาเทใส่พิมพ์ไม้ปาดให้เรียบและยกพิมพ์ขึ้นดินจะไม่ติดพิมพ์ในกรณีที่แดดดี ตากทิ้งไว้ 1 วัน จากนั้นพลิกอิฐดินตั้งขึ้น จะทำให้ดินไม่ติดพื้นและแห้งเร็วขึ้น ตากทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่ออิฐดินแห้งแล้วจะมีคุณสมบัติเหมือนกับอิฐมอญที่ไว้ใช้ก่อสร้างบ้านทั่วไป ซึ่งขนาดดินที่เหมาะสมคือ หนา 4 นิ้ว กว้าง 8-10 นิ้ว ยาว 14 -16 นิ้ว (อิฐดิน 1 ก้อน = 15-20 กิโลกรัม)
    1. [​IMG]


      4. เตรียมปูนสำหรับโบกอิฐดิน ซึ่งเป็นตัวดินชนิดเดียวกับที่นำมาทำอิฐดิน



    1. [​IMG]


      5. หลังจากเลือกทำเลหนีน้ำแล้ว ต้องเทพื้นบ้านดินให้สูงพอสมควร หรืออาจสร้างเป็นบันไดสูงขั้นสองขั้น เพื่อหนีความชื้นที่ระเหยมาจากพื้นดิน และป้องกันปลวกใต้ดิน ( อย่างไรก็ดีปลวกไม่กินดิน) ซึ่งการเทฐานบ้านอาจใช้ปูนซิเมนต์เพื่อเพิ่มความแข็งแรง


    1. [​IMG]

      6. บ้านดินไม่ต้องใช้เสาในการก่อสร้าง เพราะอิฐดินแต่ละก้อนถือว่าเป็นกำแพงของบ้านและเสาที่มั่นคงแข็งแรง หลังจากเทพื้นแล้ว เริ่มก่อสร้างกำแพงชั้นล่างขึ้นเป็นตัวบ้าน เว้นช่องใส่หน้าต่าง ประตู ซึ่งอาจจะมีวงกบไม้หรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบ


    1. [​IMG]


      7. กรณีบ้านสองชั้นต้องรอให้กำแพงดินชั้นล่างแข็งแรงดีแล้วนำไม้เนื้อแข็ง เช่น ยูคาลิปตัส ไม้ไผ่ ฯลฯ วางพาด นำไม้กระดานแผ่นใหญ่วางรองรับด้านล่าง เทดินให้ทั่ว ๆ ปกคลุมไม้ที่วางพาดเลย


    1. [​IMG]


      8. ก่อสร้างหลังคา ชายคา ซึ่งอาจจะใช้ดินหรือวัสดุอื่น ๆ ก็ได้ ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะน้ำเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดของบ้านดิน


    1. [​IMG]



      9. ฉาบกำแพง เพดานให้พื้นเรียบหรือขรุขระตามชอบ


    1. [​IMG]


      10. การใส่หน้าต่าง ประตู ต้องรอให้ดินแห้งสนิทเสียก่อน เพราะเมื่อดินแห้งจะหดตัวอีก หากใส่กระจกขณะที่ยังไม่แห้ง อาจทำให้กระจกแตกได้



    1. [​IMG]


      11. ตกแต่งทาสี แนะนำว่าเป็นสีดิน (สีที่ได้จากดิน ซึ่งมีหลายสีด้วยกัน เช่น แดง เหลือง ม่วง เทา แตกต่างกันตามท้องถิ่น) ผสมกับทรายละเอียด เพิ่มความเนียนด้วยกาวแป้งเปียกหรือยางกล้วย (วัสดุอื่น ๆ ที่หาได้ในพื้นที่)


    1. [​IMG]



      12. ตกแต่งภายในตามชอบสามารถปูพื้นด้วยกระเบื้องหรือปล่อยพื้นเปลือย ๆ เป็นศิลปะญี่ปุ่นก็สวยงามดี.








    http://www.budpage.com/baandin02.htm
     
  19. somsannannom

    somsannannom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,626
    กำลังรวบรวมข้อมูลเรื่องบ้านดินอยู่พอดีเลยครับ
    แต่จำได้ว่ามีอีกเยอะแต่จำไม่ได้ว่าอยู่ห้องไหนอะครับ
    ใครจำได้ช่วยบอกทีครับ
    บุญรักษา
     
  20. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ไปเจอคำอธิษฐานที่คุณคณานันท์บรรจงเสกสรรขึ้นเพื่อพวกเราทุกๆ คน เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใกล้จุดไคล์แม๊กซ์แบบนี้... ช่วยๆ กันอธิษฐานด้วยค่ะ...

    คำอธิษฐานเพื่องานส่วนรวมของ ชาวพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

    "ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมจิตระลึกถึงบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อันมีองค์สมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย เทพพรหมเทวา สัมมาทิฐิทั้งหลายทั่วทุกๆจักรวาล ได้โปรดมาเป็นพยานในการทำงานถวายพระพุทธศาสนา รักษาชาติและค้ำชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ของเหล่าข้าพเจ้าทั้งหลาย

    ขอให้เหล่าข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ระลึกรู้จดจำคำอธิษฐานและหน้าที่ที่ได้อธิษฐานมาก่อนลงมาเกิดในชาตินี้ได้อย่างกระจ่างแจ้ง หากเพื่อนพรรคที่ลงมายังไม่ตื่น ยังไม่รู้สึกตัวถึงหน้าที่ ขอทวยเทพเทวา มาดลจิตดลใจพวกเขาให้ตื่นรู้ซึ่งหน้าที่ด้วยเถิด

    ขอให้ดวงจิตของข้าพเจ้าทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ มีองค์พระพุทธองค์ทรงคุ้มครองปกป้องดวงจิตของข้าพเจ้าไว้ไม่ว่ายามหลับก็ดี ยามตื่นก็ดี ยามมีสติก็ดี คลาดจากสติก็ดี ขอทวยเทพเทวาช่วยชักนำจิตข้าพเจ้ากลับเข้าสู่กุศลไว้เสมอตลอด แม้เพื่อนพรรคผู้เป็นมิจฉาทิฐิ ก็ขอให้พลิกจิตฟื้นกลับคืนสู่ความเป็นสัมมาทิฐิด้วยเถิด ทุกคนทุกท่าน

    ขอให้วาสนาบารมีเก่าที่ได้บำเพ็ญมา ทั้งสามสิบทัศน์จงได้กลับคืนเพื่อนำมาใช้ในการสร้างบุญบารมีในชาตินี้ ขอสายกุศลสมบัติทั้งปวงจงกลับมาเพื่อการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ขอกรรมฐานเก่า อภิญญาจงกลับมาเพื่อความก้าวหน้าแห่งการปฏิบัติ

    และขอให้เหล่าข้าพเจ้าทั้งหลายจงมีกำลังใจ จงมีบารมีที่เต็มเปี่ยมในการทำงานเพื่อการรักษาบวรพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้รุ่งเรืองประดุจครั้งพระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ตราบจนห้าพันวัสสากาลแห่งพุทธศาสนาด้วยเทอญ.."

    "ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพพรหมเทวาสัมมาทิฐิทั้งหลาย ได้โมทนาในบุญที่พวกเราทั้งหลายได้ตั้งใจไว้ดีแล้ว ขอให้ช่วยเมตตาปกปักรักษาคุ้มครอง กาย วาจา ใจ ของพวกเรานี้รวมไว้เป็นหนึ่งเดียว สามัคคี มั่นคง เห็นประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ด้วยเทอญ"

    ขอให้ทุกท่านจงสำเร็จในความปรารถนาทุกประการไม่ว่าเพื่อสัมมาสัมโพธิญาณก็ดี หรือเพื่อพระนิพพานก็ดี ขอให้บารมีของทุกท่านจงสำเร็จสมหวังร้อยเท่าพันทวีด้วยเทอญ

    แล้วอย่าลืมการอธิษฐานถวายกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระสังฆราชฯ ด้วยนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...