เปิดตำนานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ภาค 2

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เมื่อก่อนนี้การสืบเสาะหาข้อเท็จจริงที่เป็นเรื่องราวยังอาจไม่มีการพิสูจน์อย่างเป็นรูปแบบ ปัจจุบันมีการใช้สื่อมากมายเพื่อความเข้าใจให้ถึงความจริง แต่ในเรื่องไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์จึงมาในรูปแบบที่ต่างกัน

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ขอบคุณ

 

ถวายดอกไม้บูชาแด่ คุณพ่อคุณแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้ว หลวงพ่อสาคร หลวงพ่อสิน วัดละหารไร่ ในวันพระ 29 พฤศจิการยน 2557

กราบ กราบ กราบ

​

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

เรื่องพรายกุมารจึงน่าจะมีเหตุผลที่สร้างนะครับ

 

ผมว่าเรื่องราวเริ่มไขปัญหาเข้ามาทุกที สามเณรลาวคือบุคคลที่มีความสำคัญต่อวัดและหลวงปู่และคงรู้เรื่องราวต่างๆได้ดี ผู้คนในวัดยุคนั้นรับทราบกันหมดแม้แต่เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ปัจจุบัน น่าสนใจอย่างยิ่งครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน ทุกเรื่องราวของหลวงปู่ทิมนั้นถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีการกล่าวขานด้วยกันทั้งสิ้น หลวงปู่ทิมท่านถือเป็นพระอริยะสงฆ์ที่เปี่ยมล้นด้วยบารมีธรรมและเป็นเกจิที่มีอาคมอย่างเคร่งครัด วัตถุมงคลที่ท่านเสกไว้สามารถมีอานุภาพสร้างสรรค์ในสิ่งดีมีคุณธรรมในใจกันมากขึ้น ด้วยจิตอันน้อมรำลึกอย่างแรงกล้ากับคนที่มีจิตศรัทธาอย่างมั่นคง การที่จะเสนอนำเรื่องราวหรือวัตถุมงคลต่างๆของหลวงปู่ทิมด้วยความเคารพที่ดีก็ควรศึกษากันอย่างถ่องแท้ก่อน เพราะนั่นคือจุดรับรู้ที่จะเข้าใจอย่างถูกต้องหรือการให้บิดเบือนเรื่องราวไป ทำให้เกิดความสับสนกัน ยิ่งผู้คนที่เข้ามาในยุคหลังๆด้วยแล้ว ปัญหาการรับรู้สื่อข้อมูลต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

การรับทราบที่ดีคือการใช้หลักเหตุและผลและคำตอบหรือความน่าจะเป็นก็จะติดตามมา การศึกษาจากคำบอกเล่าจากศิษย์หรือผู้คนที่เคยได้ไปสัมผัสกับวัดก็ควรฟังพิจารณาให้ถูกคนตามยุคสมัยที่ไป อย่างเช่นเรื่องราวการสร้างวัตถุมงคลของวัดในยุคแต่แรก คนที่จะให้คำตอบที่ดีและถูกต้องอันควรคือบุคคลที่ทันในยุคที่เขาสร้าง แต่ถ้าจะให้คนที่เข้ามาไม่ทันแล้วมาตีความให้ ซึ่งมันแน่นอนคำตอบที่ได้คือ ไม่เคยเห็น โดยมีเหตุผลที่ตอบตามหลักคิดคือ เข้ามาไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่จะเห็น เพราะการสร้างในยุคดังกล่าวนั้นเขาเสร็จสิ้นกันไปแล้ว นายสาย แก้วสว่างท่านเคยกล่าวไว้ว่า ขุนแผนบล็อกหินมีดโกนจะเป็นชุดสุดท้ายที่สร้างกันในช่วงเกือบๆจะปลายปีนั้น ถ้าคนที่มาทันต่อยุคเวลาก็คงจะเคยเห็นตอนที่ทางวัดเขากดสร้างทำกันในตอนนั้น โดยมี ลุงสาย เป็นคนกำเนิดแกะแม่พิมพ์ขึ้นมาตามเจตนาการสร้างของหลวงปู่ หลวงตารอด เป็นคนใช้ข้าวเหนียวหุงสุกมาผสมกับผงที่เตรียมไว้ จากนั้นต้องเอามาใส่ครกตำให้เนื้อหาเข้ากันโดยมีพระอีกรูปหนึ่งมีหน้าที่เป็นคนตำประจำในทุกครั้งที่สร้างพระ เมื่อเนื้อหาเสร็จได้ที่ถึงได้เอามากดกัน โดยมี ลุงสายและหลวงตารอด เป็นผู้กดลองพิมพ์เนื้อหาขึ้นมาก่อนตอนแรกๆ จากนั้นผู้ที่ทำหน้าที่กดสร้างต่อทั้งหมดก็คือ สามเณรลาว ซึ่งเป็นเรื่องราวเกิดขึ้นจริงที่คนในวัดและชาวบ้านในยุคนั้นรับทราบกันทั้งหมด

จะเห็นว่าในยุคนั้นพระเณรในวัดมีกันเพียงไม่กี่รูปเลย เพราะเป็นวัดที่ห่างไกลความเจริญมากในยุคนั้น คนที่มาบวชก็จะเป็นคนที่อยู่ในหมู่บ้านและใกล้เคียงเท่านั้น จะมีก็สามเณรลาวองค์เดียวที่มีถิ่นฐานเดิมมาจากภาคอีสาน รายละเอียดในเนื้อหาที่รับทราบกันมันบ่งบอกได้กับความรู้สึกอย่างเข้าใจ ถ้ามีเหตุผลอันสมควร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลอันถูกต้อง คนรับรู้ก็เข้าใจกันไม่ยาก ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนั้นก็คงมีเรื่องราวกล่าวขานกันอีกมากมาย

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเที่ยงอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเที่ยงอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ

 

กราบ หลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้ว หลวงพ่อสาคร แห่งวัดละหารไร่ ในวันพระครับ
กราบกราบกราบ


​

 

เรียน อ.แก้วสว่าง และเพื่อนๆ
ก่อนที่จะกล่าวถึงพิธีชุมนุมพระอาจารย์ผู้เรืองเวทและทวยเทพผู้ทรงฤทธิ์ครั้งยิ่งใหญ่ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองในวัดระหารไร่โดยแขกผู้ใหญ่ทั้งหลายนี้ได้รับคำเชิญจากท่านอาจารย์ทิมเพื่อมาร่วมยินดีและประสิทธิ์บุญฤทธิ์และเทวฤทธิ์ลงในพระเครื่องที่ได้รับการปลุกเสกในวันนั้น
ขอยกตำนานกล่าวอ้างถึงการปลุกเสกพระเครื่องในวันเดือนเพ็ญปีพ.ศ.2400โดยท่านกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ซึ่งในขณะนั้นทรงพระราชอิสริยศเป็นพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศฯ พระองค์ทรงเจนจบในพิชัยสงครามประกอบด้วยไสยเวทและเป็นผู้ขนานนามพระอาจารย์ของพระองค์ว่า หลวงพ่อเทพโลกอุดร ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกขานกันต่อมาจนปัจจุบัน
ในตำนานกล่าวถึงว่าหลังจากทรงเรียนวิชากับหลวงพ่อเทพโลกอุดรเป็นเวลา7ปี ได้ชื่อว่าทรงเป็นหนึ่งในแผ่นดินแล้ว ก่อนเดินทางกลับออกมาได้ทรงขอท่านหลวงพ่อเทพโลกอุดรสร้างพระเครื่องเพื่อลำลึกถึงคุณอาจารย์ ท่านอาจารย์หลวงพ่อเทพโลกอุดรได้เห็นชอบด้วยและได้มอบผงวิเศษของท่านให้มาเพื่อการสร้างพระเครื่องให้มีคุณอันวิเศษ หลังจากกลับมาถึงพระราชวังบวรสถานมงคลแล้วทรงให้จัดหาว่าน 9 ชนิด พร้อมผงหินเพชร เพื่อใช้รวมกับผงวิเศษที่ได้รับมาจากท่านอาจารย์หลวงพ่อเทพโลกอุดร จัดพิมพ์พระเครื่องทั้งหมด 15 พิมพ์ ใช้เวลากว่าหกเดือนจึงแล้วเสร็จ
ในคืนเดือนเพ็ญเสด็จวังหน้าท่านทรงเข้าสมาธิในห้องพระ ส่งจิตเรียนท่านหลวงพ่อเทพโลกอุดรทราบ เมื่อท่านหลวงพ่อเทพโลกอุดรปรากฏตัวขึ้น ท่านก็ได้นั่งคุยทักทาย ในตำนานกล่าวว่าไม่มีการสั่งให้เตรียมพิธีในการบวงสรวงสังเวย หรือกั้นราชวัตรฉัตรธงใดๆ พอถึงเวลาพระจันทร์เดือนเพ็ญขึ้นอยู่กลางฟ้าตรงศีรษะ ท่านอาจารย์หลวงพ่อเทพโลกอุดรก็ลุกขึ้นเอาอาสนะปูลง นั่งขัดสมาธิเพชร ตั้งตัวตรงมือขวาทับมือซ้ายแน่วนิ่งดิ่งลง นั่งจนดวงจันทร์ค่อยๆบ่ายคล้อยลงไป ปรากฏว่าทั้งในห้องพระและในพระตำหนักมีแสงสว่างเจิดจ้าสว่างไสวไปทั่ว และสว่างไสวกว่านอกวังเป็นอันมาก จนผ่านเวลาเช้าถึงเที่ยงวันหลวงพ่อเทพโลกอุดรท่านจึงถอดออกจากสมาธิ ท่านกล่าวกับเสด็จวังหน้าว่าการปลุกเสกเสร็จแล้วและเป็นพระเครื่องที่หนึ่งในแผ่นดินตามพระประสงค์ และพระเครื่องนี้ได้กล่าวขานกันต่อมาว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระเครื่องวังหน้าที่เลื่องชื่อ
ตำนานกล่าวว่ากรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทรงเป็นศิษย์ฆราวาสของหลวงพ่อเทพโลกอุดร ที่ทรงมีอัจฉริยะภาพทางไสยเวทอย่างสูงส่งมีพลังจิตอย่างอัศจรรย์ ทรงเหาะเหินเดินอากาศได้ และมีความเชื่อกันว่าหลังจากทรงถึงกาลทิวงคตในปีพ.ศ. 2428 ท่านได้ไปเป็นอาจารย์ใหญ่หรือครูฝึกของศิษย์ในสายของหลวงพ่อเทพโลกอุดรและเป็นหนึ่งเดียวในหมู่ผู้เป็นครูฝึกที่เป็นฆราวาส สำหรับท่านอาจารย์ท่านอื่นที่มีการกล่าวถึงล้วนเป็นพระสงฆ์ทั้งสิ้น
หลักสูตรการฝึกทำเป็นขั้นตอน ช่วงต้นๆต้องฝึกช่วยผู้ตกทุกข์ ด้วยการเป็นหมอยารักษาผู้เจ็บป่วย จนท้ายสุดฝึกแยกจิตออกจากร่างกายสามารถผ่านประตูมิติระหว่างภพไปและกลับได้
ตำนานเรื่องนี้มีผู้นำมาเขียนบทความเพื่อสรรเสริญคุณท่านเสด็จวังหน้าและท่านหลวงพ่อเทพโลกอุดรพร้อมรายละเอียดอยู่หลายบทความและหาอ่านได้โดยเปิดเผย ทุกท่านสามารถหาอ่านตำนานดังกล่าวได้
ขอนำคำกล่าวของหลวงปู่ทิมมาแสดงอีกครั้งที่กล่าวไว้ว่า “มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่ท่านได้พบกับฆราวาสผู้เรืองอาคมโดยฆราวาสผู้นั้นท่านสามารถมีอิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศ ดำดินและหายตัว โดยที่หลวงปู่ท่านก็ได้เห็นประจักษ์แก่ตาอย่างยิ่ง เมื่อเห็นดั่งเช่นนั้นแล้ว มีหรือที่ท่านจะไม่สนใจ หลวงปู่ท่านขอฝากตัวเป็นศิษย์ทันที หลวงปู่ทิมท่านยังเล่าว่า ฆราวาสนั้นสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ได้เต็มที่ไม่เหมือนกับพระที่จะไม่สามารถแสดงฤทธิ์อวดอ้างได้”
หลวงปู่ทิมท่านเริ่มมีชื่อเสียงจากการเป็นหมอยาที่เก่งกาจอยู่หลายปีจนท้ายสุดท่านสามารถแยกร่างไปมาผ่านประตูมิติได้ แสดงว่าหลวงปู่ทิมท่านสำเร็จขั้นสูงสุดของหลักสูตรแล้ว
เนื่องจากเป็นตำนาน คงต้องแล้วแต่ความคิดของแต่ละบุคคลจะคาดเดาหรือจินตนาการเอาครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ