แมวเหมียวมงคลฟีล์ม ภูมิใจเสนอ!"เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่"น.64

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 10 ธันวาคม 2012.

?
  1. เห็นดีด้วยและขอเป็นกำลังใจต่อไป

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่เห็นด้วยนิทานไร้สาระ งมงาย ฯลฯ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "นางพญาใจนี้จงรักษ์
    ยากนักตัดอาลัยอกเอ่ย
    อินชัดอุบัติอยู่หนใดพ่อเอย
    จงเผยสุนทรรักต่อถ้อยร้อยวจี!"

    มันอาจเป็นความจริงของเหล่าพญางูทั้งหลาย ที่เมื่อลองได้ฝังจิตฝังใจกับอะไรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้วยแรงอาฆาตหรือความรัก แม้ความตายมาพรากจาก ดวงจิตวิญญาณนี้ก็จะยังคงจำมั่นมิลืมเลือน! โดยเฉพาะสถานที่ที่เคยผูกพันแม้กาลเวลาผ่านมาเนิ่นนาน แต่กลิ่นไอของสัญญาอันแน่นแฟ้นจะยังคงสถิตอยู่อย่างนั้นไม่มีวันจืดจางหาย

    ท่านผู้รู้เคยกล่าวไว้ว่า หากท่องเที่ยวไปยังสถานที่แห่งใดแล้ว ก็อย่าได้ชะล่าใจและประมาทในสถานที่ที่เรารู้สึกคุ้นเคยมากเป็นพิเศษ เพราะนั้นหมายความว่า ณ สถานที่แห่งนั้นมันคือที่ชดใช้กรรมของเรา!

    นางพญานาคีจำแลง แปลงกายเป็นหญิงงามเที่ยวไปตามป่าเขา เพื่อเสาะแสวงหาถิ่นมนุษย์ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกนางถึงการอุบัติของชายคนรักในภพมนุษย์ การรอนแรมเดินทางไปด้วยกายเนื้อแห่งมนุษย์นั้นสำหรับนางแล้วมันเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด เพราะตามป่าเขาลำเนาไพรย่อมเต็มไปด้วยภูมิเจ้าที่มากหลาย ในบรรดาเจ้าป่าเจ้าเขาเหล่านั้นบางพวกก็เป็นมิจฉาทิฎฐิ พญางูอายุพันกว่าปีเช่นนางอาจเข้าไปทำให้เกิดความขัดเคืองใจอันเป็นชนวนให้รบราฆ่าฟันได้

    "เอ๊ะ...นายท่านนายท่าน ดูนั่นสิหญิงชาวบ้านที่ไหนไม่รู้เดินมาคนเดียว!"

    "เฮ้ย จริงด้วยว่ะ สวยเสียด้วยสิ...โชคเข้าข้างเราแล้ว"

    "ใจเย็นก่อนนาย มันอาจเป็นภูตผีปีศาจหรือนางไม้จำแลงมาก็ได้นะ สู้เราดูท่าทีไปก่อนดีกว่า"

    เมฆา เป็นชื่อของหัวหน้าโจรกลุ่มนี้ ท่ามกลางป่าเขาเปล่าเปลี่ยวไกลจากคามนิคม เมฆาพร้อมบริวารห้าร้อยสร้างกระท้อมที่พักชั่วคราวไว้ เพื่อเตรียมทำการปล้นระดมสะเบียงพวกพ่อค้าเกวียนเร่ขายสินค้าต่างๆ เขาเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการถ่ายทอดศิลปะการต่อสู่จากหัวหน้าโจรผู้ล่วงลับ

    ไม่มีถิ่นที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน ทุกครั้งที่มีการออกปล้นจะย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อยๆ หากกลุ่มพ่อค้ายอมแต่โดยดีเขาก็จะไว้ชีวิตทุกคนให้รอดตายกลับไปได้ แต่ถ้าหากขัดขืนละก็ นั่นหมายถึงความตายสถานเดียว!

    เมฆา เชี่ยวชาญการดูลักษณะท้องฟ้ามาแต่เล็ก เขาจึงรู้ว่าการออกปล้นในแต่ละครั้งมีความยากง่ายเพียงใดจะสำเร็จหรือไม่ ด้วยเหตุนี้บิดาจึงตั้งชื่อว่าเมฆา และเป็นชื่อเดียวกันกับที่ใช้เรียกมหาโจรกลุ่มนี้ (สมัยก่อนนิยมใช้ชื่อเดียวกันกับชื่อหัวหน้า หากหัวหน้าตายถึงจะเปลี่ยนชื่อใหม่ คำว่า"มหา"ใช้เรียกนำหน้ากลุ่มที่มีเกินร้อยคนขึ้นไป)

    แม่ของเมฆาตรอมใจตายจากไปนานแล้วตั้งแต่เขายังเล็กนัก นั่นเพราะถูกพ่อของเขาอดีตหัวหน้าโจรฉุดคร่ามาทำเมียโดยไม่เต็มใจ ในบรรดาคาราวานพ่อค้าเกวียนเร่นั้นส่วนมากจะไม่นิยมให้ผู้หญิงร่วมเดินทางไปด้วย แต่เป็นเพราะการเดินทางที่แสนยาวไกลกว่าจะไปถึงที่หมายขายสินค้าจนหมดและกลับคืนถิ่นเดิม อาจต้องใช้เวลาแรมปี!

    ดังนั้นแม่ของเมฆาลูกสาวท่านเศรษฐีพ่อค้าเร่จึงตกเป็นเหยื่อในที่สุด แม้เธอจะปลอมตัวแต่งเป็นชายแล้วก็ตาม แต่ด้วยผิวพรรณที่ละเอียดอ่อนและรูปโฉมที่งดงาม จึงไม่สามารถตบตาหัวหน้าโจรได้

    พ่อของเธอสู้จนตัวตาย ในที่สุดโศกนาฎกรรมจึงตกเป็นของครอบครัวท่านเศรษฐี สามร้อยกว่าชีวิตถูกสังเวยอย่างโหดเหี้ยม! เธอผู้รอดชีวิตพร้อมหญิงบริวารสองนางต้องทนฝืนอยู่ในกลุ่มมหาโจรในฐานะทาสบำเรอความใคร่!

    ธิดาน้อยผู้น่าสงสารอยู่จนคลอดบุตรแล้วจึงทำกาละจากไปพร้อมคำสาปแช่ง! และเหมือนจะเป็นจริงดังนั้น สิบปีให้หลังมหาโจรผู้ก่อเวรก็ชะตาถึงฆาต ตายด้วยคมดาบของพ่อค้าเร่กลุ่มหนึ่งหลังออกทำการปล้น และมันเป็นความผ่ายแพ้ที่ไม่มีวันแก้ตัวได้อีกเลย เมื่อหัวหน้าโจรล้มบรรดาบริวารก็เสียขวัญหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง เมฆาในวัยเพียงสิบขวบขณะนั้นยังไม่ประสีประสาจึงรออยู่ที่จุดนัดพบ เมื่อทราบข่าวการตายของบิดาแม้น้ำตาสักหยดก็มิได้มีให้เห็น มีเพียงคำพูดประโยคหนึ่งเท่านั้น ที่ทำให้บริวารโจรเกิดกำลังใจและขออยู่รวมกลุ่มติดตามเมฆาต่อไป...

    "กูเตือนพ่อแล้ว ไม่ฟังกูเอง ก้อนเมฆรูปเสือหัวขาดชัดๆ ดันเห็นเป็นก้อนทองคำไปได้บ้าชิบ!"

    บัดนี้เขามีอายุได้ยี่สิบปีแล้วออกปล้นสิบครั้งยังไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว ในบรรดาหญิงสาวที่เกิดในกลุ่มมหาโจรด้วยกัน ไม่มีสักคนเลยที่มหาโจรหนุ่มรู้สึกถูกชะตา จนเมื่อไอ้เหม็นบริวารเพื่อนคู่ใจวัยเดียวกันสะกิดให้ดูหญิงสาวลึกลับที่กำลังเดินย่างกายเข้ามา เลือดในกายก็วิ่งพลุกพลานดั่งพญาราชสีห์เห็นเนื้อทรายก็ปานกัน...
     
  2. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ด้วยระยะทางที่ยาวไกล และดำเนินไปด้วยอัตภาพแห่งมนุษย์นางพญานาคีแปรงจึงมีอิทธิฤทธิ์อันเสื่อมถอยมิอาจกลับคืนสู่อัตภาพเดิมได้ นางต้องการหาแหล่งน้ำสักแห่งเพื่อฟื้นฟูพละกำลัง

    จึงเดินตามกลิ่นสายน้ำที่เจือด้วยกลิ่นไอมนุษย์ และล้มหมดสติลงทางเข้าซุ้มมหาโจรเมฆานั้นเอง!

    เหมือนดั่งอ้อยเข้าปากช้าง ไอ้เหม็นเพ่งมองดูเรือนร่างอันขาวผ่องที่นอนอยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้นลิงโลดใจ...

    "ใช่แล้วนายท่าน อีนางนี่คงเป็นลูกผู้ดีมีฐานะเดินทางพลัดหลงป่ามาเป็นแน่...ข้าจับดูลมหายใจยังอุ่นๆอยู่เลย...ให้ข้าหามไปเลยมั้ยนายท่าน? (ไอ้เหม็นไม่รอช้าพูดพลางโอบประครองร่างบอบบางนั้นขึ้นมา)

    "เพี้ยะ!!!" เสียงฟ่ามือประทับเข้าบนหัวกระโหลก

    "ใครใช้ให้เอ็งจับต้องนาง รีบปล่อยมือสกปรกของเอ็งเดี๋ยวนี้เลย...ข้าจะประครองนางเองถอยไป"

    ณ กระท้อมอันเป็นที่พำนักส่วนตัวของโจรหนุ่ม หญิงสาวเหล่านางเสือถูกเกณฑ์ให้เข้ามาดูแลเช็ดเนื้อถูตัวให้นางลึกลับผู้เลอโฉม อดมิได้ที่จะข้อนขอดอิจฉาริษยาในความงามของนาง ประเมินอายุคงไม่ถึงยี่สิบแน่...

    นางกุ่มผู้หลงรักเมฆาเข้าใจเหตุการณ์ที่กำลังจะบังเกิดขึ้นต่อจากนี้เป็นอย่างดี จึงคิดวางแผนเพื่อปลิดชีพนางให้พ้นจากเสี้ยนหนามทางแห่งความรัก!

    กลิ่นไอแห่งการฆ่ารุนแรง นางแปรงจึงสะดุ้งลืมตาตื่นด้วยสัญชาตญานนางพญานาคี!...
     
  3. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "แปรง! ถึงแม้ชาตินี้เราสองไร้วาสนาต่อกัน แต่พี่ไม่เคยนึกเสียใจเลยที่ได้เกิดมาพบและรักคนอย่างแปรง หากชาติหน้าฉันใดขอให้เราได้เกิดมาเคียงคู่กัน อย่าได้มีอุปสรรคมากพรากเราสองจากกันอีกเลย"

    "พี่อินชัด! น้องก็จะขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักพี่ตลอดทุกภพชาติไป!"

    "หนอยยย จะตายอยู่แล้วยังมาเพ้อรำพันรักกันอีก งั้นข้าก็จะขอจองเวรเป็นก้างขวางคอพวกเอ็งไปตลอดทุกภพชาติเหมือนกัน ตายซะ!...ว๊ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะฮ่า"
    (ชะลอมค่อยๆจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งลำน้ำ พร้อมดวงวิญญาณอุบัติในภพนาคราชทันที)

    "พี่อินชัดอย่าออกไปเลยวันนี้คืนเดือนดับน้องใจคอไม่ดีเกรงว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น...อย่า อย่าออกไปปปป"

    "ตายซะเถอะไอ้พญางูปีศาจ ย๊ากกกกก ซวบบบ ฉึก!!"

    "ไม่! พี่อินชัดดดดดดด...!!"

    "แพล้ง!!..."

    "นี่ๆ แม่โฉมงามเอ็งเป็นไรไป...ไม่ต้องกลัวนะเอ็งปลอดภัยแล้ว"

    "นี่ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไง?...ที่นี่ที่ไหน?...พวกเอ็งเป็นใคร?"

    "โธ่ๆ แม่โฉมงาม ตื่นขึ้นมาก็แผลงฤทธิ์เลยนะ ดูซิข้าอุตส่าห์ต้มยามาให้ ถูกเอ็งปัดกระเด็นแตกกระจายหมดเลย"

    "ที่นี่ซุ้มโจรเมฆา พวกข้าเป็นบริวารเหล่านางเสือได้รับคำสั่งให้มาดูแลเอ็ง...ว่าแต่เอ็งเถอะชื่อเรียงเสียงใดไยจึงเดินทางมาเพียงลำพัง?"

    "ข้า ข้า ชื่อแปรงออกเดินทางมาเพื่อตามหาคนรักเก่าที่จากกันไปนานแสนนาน บ้านข้าอยู่ต้นน้ำลำห้วยกระเสียวโน่น"

    "อ้อ ใช่คนที่ชื่ออินชัดนั่นหรือเปล่า?"

    "ใช่ ใช่ เจ้ารู้ได้ไง!"

    "ก็เอ็งแหกปากตะโกนออกมาเสียงดังขนาดนั้น ใครเขาก็ได้ยินกันทั้งนั้นแหละ"

    "ข้ารู้สึกหิวน้ำอยากดื่มน้ำเหลือเกิน ที่นี่มีแหล่งน้ำใช่มั้ยพาข้าไปที่หนองน้ำหน่อย"

    "อะไรกันทำอย่างกะว่าแก่จะสูบเอาน้ำในหนองกินจนหมดซะงั้นแหละ...เอารีบๆกินยาต้มถ้วยนี้ให้หมดก่อน อย่าให้ข้าต้องเหนื่อยเปล่า"

    "ไม่! ข้าไม่กิน"

    "อะไรกันนังนี่อยากลองดีรึ...ได้เลย!!"

    ความจริงนางแปรงรู้อยู่ก่อนแล้วว่ายาต้มถ้วยนี้เจือปนด้วยยาพิษอันร้ายแรง สามารถปลิดชีพทำลายหัวใจคนธรรมดาให้หยุดทำงานได้ในทันที...นั้นก็เพราะว่ามันถูกสะกัดมาจากพิษงูนาๆชนิด(ซึ่งเหล่านางโจรสมัยนั้นเขาช่วยหัวหน้าโจรทำมาหากิน โดยการแซร้งไปยั่วยวนโปรยเสน่ห์ ให้บรรดาเหยื่อตายใจแล้วแอบใส่ผสมเหล้าให้กิน)...แต่นางกุ่มคงไม่รู้หลอกว่า พิษของนางพญานาคีนั้นมันมีอานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าหลายเท่านัก นางแปรงผู้มีตบะพันปีรึจะสะทกสะท้านหวาดกลัว เพียงแต่ว่านางยังไม่อยากแกล้งตายในตอนนี้ จนกว่าจะได้สืบหาความจริงบางอย่าง จำต้องไม่เผยพิรุตใดๆให้ใครเห็น

    เมืองอุทัยก่อนนั้นล้วนเต็มไปด้วยป่าดิบดงดำ มีอาถรรพณ์ต่างๆมากมาย โจรผู้ร้ายสัตว์ป่านานาชนิดชุกชุมนัก ทางการได้ส่งทหารไปปราบและป้องกันหมู่บ้านตามชนบทแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะสมัยนั้นอาวุธปืนผาหน้าไม้ยังไม่มีผู้ใดผลิตคิดค้นขึ้นมา มีเพียงสรรพวิชาเพลงดาบ เชิงมวยและไสยเวชเท่านั้น ที่ทำให้ผู้เข้มแข็งกว่าสามารถมีชีวิตยืนหยัดอยู่ได้

    "เสียงเอะอะอะไรกัน...แล้วนั่นนางกุ่มเอ็งคิดจะทำอะไร?
    นางกุ่มรีบยกมือที่เงื้องค้างไว้ลงแต่โดยดี ก่อนที่จะได้ประทับลงบนใบหน้าขาวนวล

    "พี่เมฆา ก็นังนี่มันไม่ยอมกินยา ข้ารึอุตส่าห์หวังดี"

    "เอ็ง ชื่อแปรงใช่มั้ย...นังปรุงเป็นคนไปบอกข้าเอง ได้ยินว่าเอ็งมาตามหาคนรักเก่างั้นรึ...ว๊ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะฮ่า ช่างเป็นเรื่องไร้สาระเพ้อฝันสิ้นดี ดูอายุอานามเอ็งไม่น่าจะเกินยี่สิบ คงเป็นลูกผู้ดีมีฐานะสิท่า เกิดพลัดหลงจากพ่อแม่แล้วมาเข้าซุ้มโจรถ้ำเสือ เอ็งจึงคิดสร้างเรื่องหลอกลวงเพื่อเอาตัวรอด...แต่ไม่เป็นไรไว้เราเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว เอ็งก็จะลืมคู่หมั้นคนรักเก่าที่เคยหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่สมัยวัยเด็กได้เอง...ว๊ะ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่า"

    เมฆาหัวเราะเสียงดังก้องฟ้า เขานึกว่าตนเองนั้นฉลาดเก่งกล้าสามารถเหนือใคร ทำเป็นอ่านจิตอ่านใจและเดาสถานการณ์ของสาวน้อยอย่างทะลุปุโปร่ง...แต่ที่ไหนได้ นางแปรงกลับนึกขำในใจ รู้สึกคุ้นๆหน้ามหาโจรเมฆาคนนี้เสียจริง!...
     
  4. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "ตามหาคนรักเก่ารึ แม่โฉมงาม...ก็ข้านี่ไง นับแต่นี้ต่อไปเอ็งจะลืมไอ้อินชัดไปชั่วนิรันด์! ว๊ะ ฮ่ะ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮา"

    "ใช่แล้ว ก กะ แกไอ้ใหญ่! นี่แกจะตามจองล้างจองผลาญพวกข้าไปถึงไหน...ดีแหละงั้นข้าจะให้แกได้ชดใช้ในสิ่งที่เคยทำ"

    ว่าแล้วนางแปรงก็ฉวยโอกาสตอนเผลอวิ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว....
    ลิ้นที่แลบยาวชี้ขึ้นฟ้า บ่งบอกให้นางวิ่งตรงไปทิศตะวันตกก็จะพบลำห้วยเล็กๆที่ไหลผ่านหมู่บ้านซุ้มโจร เมื่อน้ำคือเครื่องหล่อเลี้ยงของทุกสรรพชีวิต นางแปรงโดดโจนทยานลงน้ำหายวับไปทันที เป็นเวลาเดียวกับที่เมฆาวิ่งไล่ตามมาถึง

    "อะไรกันนี่เอ็งรังเกลียดข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ ไม่น่าคิดสั้นถึงกับฆ่าตัวตายเลย"

    ขณะที่เขากำลังบ่นเพ้อทอดอาลัยรักอยู่นั้น สิ่งที่ไม่ขาดฝันก็พลันบังเกิดขึ้น!!...

    พญางูสีดำทมิฬเมื้อมเลื้อมพรายค่อยๆโผล่หัวชูคอขึ้นจากลำน้ำ นัยตาโปนโตสีแดงฉาน แผ่รังสีอำมหิตกระทบโสตสัมผัสประสาทฝูงชนผู้รายล้อม บริวารมหาโจรที่วิ่งตามมาเมื่อเห็นพญางูใหญ่เท่าลำตาล ต่างก็หนีเอาตัวรอดกันอลม่าน ทิ้งให้เมฆาเผชิญชะตากรรมแต่ผู้เดียว เขายืนขาแข็งตัวสั่นเทาอยู่กับที่คลายดั่งต้องมนต์สะกด อสูรยักษ์จากลำน้ำค่อยๆพาขนดลำตัวเลื้อยคืบคลานเข้ามาใกล้ จนสายตาของทั้งคู่จดจ้องกันในระยะประชั้นชิด!

    เมฆาก้าวถอยหลังไปสะดุดตอไม้แหลม ความเจ็บทำให้เขาเรียกสติกลับคืนมา!

    เป็นปกติวิสัยของชายสมัยนั้นมักพกอาวุธกันแทบทุกคน เมฆาเพิ่งระลึกได้ว่าเขายังมีอาวุธอีกชิ้นหนึ่งซึ่งพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา เขากระชากกริชที่เอวออกมาหมายตัดหัวพญางูให้ขาดในดาบเดียว แต่ช้าไปเสียแล้วพญางูอ้าปากพ้นน้ำพิษเข้าใส่ร่างด้วยพลังแรงฉีดอัดอันมหาศาล เมฆาถึงกับกระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร

    กริชอาคมโบราณเล่มนั้นมีอานุภาพประหลาด มันแผ่รังสีออกมาทำให้นางพญางูอ่อนแรงล้า กรอปกับนางเพิ่งจะฟื้นคืนร่างเดิม..."เฮ้ เฮ้ๆๆ" เสียงบริวารลูกน้องเมฆาต่างวิ่งกรูเข้ามาช่วยเหลือ พวกเขามิได้ทอดทิ้งหัวหน้าใหญ่อย่างที่คิด แต่พากันกลับไปที่โรงไฟเพื่อนำคบเผลิงออกมาสู้ศึกกับนางพญางู

    นางแปรงพญางูผู้ระทมทุกข์จดจำกลิ่นคราบเลือดที่ฝังติดยู่ในกริชเล่มนั้นได้ดี น้ำตาเอ่อล้นรินอาบสองแก้มอีกครั้ง ใช่แล้วพี่อินชัดตายด้วยกริชอาคมเล่มนี้เอง!!...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2014
  5. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ครั้งหนึ่งพ่อของเมฆาพาพวกลัดเลาะไปตามลำน้ำ ในขณะที่กำลังดักซุ่มเพื่อรอจังหวะปล้นอยู่นั้น พลันสายตาเหลือบไปเห็นวัตถุชิ้นหนึ่งซึ่งจมอยู่ใต้ลำน้ำตื้นเขิน เมื่อหยิบขึ้นมาดูจึงพบว่ามันเป็นกริชโบราณที่อยู่ในสภาพใช้งานได้ จึงนำกลับมา ภายหลังมรดกชิ้นนี้ได้ตกทอดมาถึงเมฆาโดยปริยาย...

    นัยว่าอาวุธอาคมขลังนั้นมันมีพลังอานุภาพลึกลับในตัวสามารถเลือกนายได้ ยามเมื่อภัยมาถึงตัวมันก็จะแสดงลางสังหรณ์บางอย่างออกมาเพื่อเป็นการบอกเหตุ เช่น การสั่นเตือนได้เอง ขยับออกจากฟัก หรือแม้แต่เปล่งแสงมันปราบ ฯลฯ

    ชะรอยว่าเมฆาหรือไอ้ใหญ่ในอดีตชาตินั้น เคยมีส่วนแห่งกรรมที่ร่วมกันฆ่าพญางู หรืออดีตอินชัดถึงสองชาติติดๆกันในกาลก่อน ดังนั้นนี่คงมิใช่เหตุบังเอิญที่กริชอาคมจะเลือกนายผู้เหมาะสมอีกครั้ง!

    นางแปรงพญางูใหญ่แห่งลำน้ำสามารถสัมผัสกลิ่นของอินชัดพญางูผู้สามีได้จากคราบเลือด ที่แห้งเกรอะกรังติดอยู่ในกริชโบราณนานนับพันปี เธอจึงติดตามกลิ่นนั้นมา!

    หรือกริชอาคมมันเรียกหาวิญญาณนางพญางูให้มาดื่มเลือดสังเวยกันแน่!...

    นางแปรงพญางูผู้กลับคืนร่างเดิม เห็นท่าไม่ได้การณ์จึงหันหลังวกกลับลงน้ำไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้เมฆานอนดิ้นทุรนทุรายด้วยน้ำพิษที่เริ่มกำซาบเข้าสู่ร่างกาย เคราะห์ยังดีที่ร่างกายเขามิได้มีบาดแผล ไม่อย่างนั้นหัวหน้าซุ้มโจรคงถึงแก่ความตายในทันทีที่ล้มลง

    "โอ้ย ปวด ปวดเหลือเกิน"

    "นาย นายท่านทำใจดีๆไว้...เอ้า!เร็วหน่อยสิพ่อหมอ มัวชักช้าอยู่ได้" เสียงสาวกคนสนิทร้องสั่งหมอทำผู้เชี่ยวชาญว่านยาสมุนไพร กลางดงพงป่าเขาลำเนาไพรเช่นนี้ผู้รู้จักใช้วิถีทางธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะมีชีวิตรอดปลอดภัยได้

    "ข้าไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลย ในบรรดางูเห่าพ่นพิษที่ข้าเคยพบเห็นมา ตัวนี้มันคงจะใหญ่โตมโหฬารมากแน่ๆ"

    "ใช้แล้วพ่อหมอ ขนาดของมันคงเทียบเท่ากับงูเหลือมตัวใหญ่ๆ รวมกันสักสิบตัวเห็นจะได้"

    "ห๋า! งูใหญ่ขนาดนั้นเขาไม่เรียกว่างูแล้ว แต่เป็น พญานาคราช!...ว่าแต่สัตว์กึ่งเทพเขามีความแค้นอะไรกับพวกเรารึ ปกติเขาไม่มาวุ่นวายกับมนุษย์ง่ายๆนี่น๊า เรื่องนี้มันชักไม่ชอบมาพากลซะแล้ว"

    พลันสายตาของหมอทำเหลือบไปเห็นกริชโบราณเล่มนั้นวางอยู่ข้างกายเมฆา มันขยับเองเล็กน้อย เขามิได้ตาฝาดไป หลังจากขยี้ตาดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงออกอุทานขึ้นมาว่า...

    "ใช่แล้ว ใช่แล้ว ต้องเป็นกริชเล่มนั้นแน่ กริชอาถรรพณ์มันจะนำภัยมาสู่หมู่บ้านของเรา!...ทิ้งไป รีบทิ้งมันไปซะ"

    เสียงตะโกนของพ่อหมอ ทำให้เมฆาที่สลบไปด้วยความเจ็บปวด ค่อยๆลืมตาขึ้นมา เขาปลอดภัยแล้วด้วยยาวิเศษของหมอทำ

    "อะไรกันพ่อหมอ ทิ้งอะไรรึ?"

    "ก็กริชเล่มนั้นไง มันมีอาถรรพณ์ต้องคำสาปพญานาคราช เขาถึงได้ตามมาเพื่อหมายทำลายผู้ครอบครอง ทิ้งมันไปซะเถอะเมฆา ข้าขอร้อง"

    "หุ หุ หุ ๆ มันสายเกินไปเสียแล้วว๊ะไอ้ทำเอ๊ย!"

    เสียงตาปะขาวพราหมณ์ไพรเอื้อนเอ่ยแทรกขึ้นกลางวงสนทนา เขาเป็นผู้บำเพ็ญพรตลึกลับอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้!

    "อ้าวท่านปะขาวท่านมาก็ดีแล้ว ข้ากำลังจะให้คนไปตามอยู่พอดี"

    "ข้า รู้ แล้ว เห็นทีภัยพิบัติครั้งนี้คงยากจะหลีกหนี...ยังดีที่เขาติดตามมาเพียงลำพัง หากมาเป็นกองทัพ มีดดาบทื้อๆของพวกเอ็งคงไม่พอรับมือแน่"

    "นี่มันเรื่องอะไรกัน พ่อปะขาว พวกข้าไม่เคยไปล่วงเกินพวกมันมาก่อน ทำไมมันถึงต้องตามจองล้างจองผลาญพวกเราด้วย ข้าไม่เข้าใจ?"

    "หุ หุ หุๆ เมฆา ปัจจุบันเอ็งอาจไม่เคย แต่อดีตชาติมันก็ไม่แน่...แต่ไม่ต้องตกใจไป หากพวกเอ็งอยากมีชีวิตรอด จงทำตามที่ข้าบอก จงออกมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือตามหาชายผู้หนึ่งเขามีปานดำที่ท้อง นำกริชเล่มนั้นไปมอบให้กับเขา แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง หุ หุ หุๆ ข้าบอกได้เพียงเท่านี้ ไป รีบไป เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ระหว่างนี้ข้าจะร่ายมนต์บังไพรมิให้พญางูพบเห็นคนในหมู่บ้าน ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนพวกเอ็งต้องทำให้สำเร็จ!"

    ความจริงปะขาวพราหมณ์ไพรสามารถแนะวิธีใช้กริชอาคมขลัง เพื่อทำลายล้างนางพญางูใหญ่ได้อย่างสบายๆ(เพราะอาวุธนั้นถูกผลิตมาเฉพาะทางอยู่แล้ว) แต่เพราะท่านเป็นผู้บำเพ็ญจึงมิอาจแนะนำทางแห่งการเข่นฆ่ากัน ซึ่งเป็นเหตุแห่งการจองเวรไม่สิ้นสุด

    เป็นความจริงที่ว่า"เวรมิอาจระงับได้ด้วยการจองเวรไม่ว่าในกาลไหนๆเลย แต่เวรหากจักระงับได้ด้วยการไม่จองเวร" นี่เป็นธรรมเก่ามีมาช้านานแล้ว!...
     
  6. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    สิบกว่าวันแล้วที่คณะของเมฆาเดินทางจากไป เนื่องจากสถานที่ตั้งของหมู่บ้านซุ้มโจร เป็นชัยภูมิที่เหมาะแก่การลงหลักปักฐานเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นหากไม่เกิดเหตุเพศภัยจวนตัวจริงๆแล้ว พวกเขาจะไม่ละทิ้งถิ่นที่อยู่เดิมเป็นอันขาด

    เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น เมื่อชาวบ้านคนหนึ่งพบรอยประหลาดคล้ายสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ แหวกข้าวกล้าในนาของเขาล้มเป็นทางยาวหลายร้อยเมตร รอยประหลาดนั้นเลื้อยเป็นวงกลมล้อมรอบหมู่บ้านแล้วหายไปที่ลำหัวย ทำเอาชาวบ้านหลายคนอกสั่นขวัญหายมิกล้าใช้น้ำจากลำธาร!

    "ต้องเป็นมันแน่ ไอ้งูปีศาจ นี่มันจะเอาอย่างไงของมัน เราอยู่ของเราดีๆแท้ๆ"

    "เป็นอย่างที่ปะขาวพราหมณ์ไพรคาดการณ์ไว้ไม่ผิดจริงๆ ดีที่มันข้ามข่ายมนต์สะกดเข้ามาในหมู่บ้านไม่ได้"

    "แต่มันก็ต้านได้ชั่วคราวเพียงแค่เดือนเดียวมิใช่รึ แล้วถ้าหัวหน้าใหญ่กลับมาไม่ทันล่ะ?"

    "โธ่ เอ็งจะโง่ทำไม เราก็ย้ายบ้านหนีตัวใครตัวมันสิว๊ะ เอาของที่ปล้นมาไปขายให้หมดแล้วแบ่งกัน ทำสัญลักษณ์ไว้ พอพ้นภัยแล้วออกปล้นครั้งใหม่ค่อยมารวมตัวกัน...หรือเอ็งมีวิธีที่ดีกว่านี้ อย่าบอกนะว่าจะสู้ตายกับมัน?"(สมัยนั้นของโจรเขาทำการซื้อขายกันที่ตลาดชายแดน นอกจากจะซื้อง่ายขายคล่องแล้วยังง่ายต่อการหลบหนี)

    "โอ้ย ข้าเคยแต่สู้กับคมหอกคมดาบ แต่จะให้ไปสู้กับปีศาจงูรึ! แค่นึกเห็นภาพดวงตากลมโตเท่าไข่ห่านเขี้ยวยาวโง้งแบบวันนั้นแล้ว มือไม้มันอ่อนไปหมดเลยว๊ะ"

    "ใช่ๆ ข้าก็ขอผ่าน วันนั้นปะขาวบอกมันยังฟื้นคืนพลังไม่เต็มที่จึงหลบหนีไป แต่ตอนนี้มันฟื้นพลังได้เต็มที่แล้ว แถมกำลังโกรธจัดเสียด้วย มันจะยิ่งจะร้ายกาจสักเพียงไหน...บรื๋อ!!! นึกแล้วเสียวสันหลัง"

    เสียงโจษจันดังตะเบ็งเซ็งแซ่ ในขณะที่ม้าเร็ววิ่งทะยานมุ่งสู่ทิศเหนือ และแล้วชายฉกรรจ์สิบกว่าคนก็มาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พวกเขาลังเลใจที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากับผู้คนในหมู่บ้าน ด้วยนิสัยสัญชาตญาณเดิมนั้น จึงหาที่หลีกเร้นซ่อนตัวอยู่ไม่ห่างจากปากทางเข้าหมู่บ้านเท่าใดนัก

    "ไอ้จ่อนกับไอ้เหม็นเอ็งสองคนมากับข้า ที่เหลือรออยู่ตรงนี้"

    "หมู่บ้านใหญ่จริงๆ ข้าคิดว่าคงมีไม่ต่ำกว่าพันครอบครัวเป็นแน่"

    "หัวหน้าข้าว่าาาา..."

    "เพี๊ยะ!!!!"

    "ใครให้เอ็งเรียกหัวหน้า เรียกพี่สิว๊ะ กลัวคนเขาไม่รู้จักรึไง"

    "เอ๊ะ! ดูเหมือนจะมีงานอะไรสักอย่าง...ไป พวกเราเข้าไปดูกัน เอาอาวุธทิ้งไว้ก่อนอย่ามีพิรุตอะไรให้เขาจับได้หล่ะ"

    สามสหายนายบ่าวเดินเข้าไปปะปนกับผู้คนที่หลั่งไหลมาชุมนุมกัน บ้างก็กำลังจัดแผงขายของอย่างขะมักเขม้น บ้างก็กำลังตระเตรียมจัดลานเวทีการแสดง ฯลฯ ชายไทยสมัยโบราณยังคงแต่งกายแบบเรียบง่าย เนื่องจากมิใช่ฤดูหนาว พวกเขาจึงเปลือยกายท่อนบน มิได้สวมใส่เสื้อเป็นเรื่องปกติวิสัยธรรมดาที่พบเห็นได้บ่อยทั่วไป หากมิใช่ชนชั้นเจ้าขุนมูลนายจริงๆแล้ว ไม่มีใครคิดที่จะปิดบังกล้ามเนื้อแน่นล่ำบึ๊ก อันเป็นเสน่ห์เอกลักษณ์ประจำตัวลูกผู้ชายเป็นแน่

    ฉะนั้นการจะหาคนที่มีตำหนิไฝปานขึ้นในที่แจ้ง จึงมิใช่เรื่องยากเย็นอะไร...
     
  7. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    มาลงชื่อรอดูชายไทยอกล่ำๆ กล้ามบึ๊กจ้า
    ว่าแต่มีซิกแพคด้วยม้ะ?
     
  8. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "พวกเอ็งมาจากต่างถิ่นยังไม่รู้อะไร วันพรุ่งนี้จะมีงานประจำปีของหมู่บ้านเรา แถมยังเป็นการต้อนรับท่านพ่อเมือง พวกเราจึงพร้อมใจกันจัดงานแสดงศิลปะการต่อสู่ พร้อมทั้งจัดงานบวงสรวงศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ประจำปี พวกเอ็งนับว่าเดินทางมาไม่เสียเที่ยว ได้ยินว่ามาตามหาคนงั้นรึ เรื่องราวเป็นมายังไงพอจะเล่าให้ข้าฟังได้มั้ย?"

    สามสหายตัดสินใจเข้าไปทักทายชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ดูจากลักขณาราศรีแล้วน่าจะเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งของหมู่บ้าน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

    "ที่หมู่บ้านของพวกเราเกิดภัยคุกคามจากปีศาจงู ปะขาวพราหมณ์ไพรผู้บำเพ็ญพรตท่านเป็นที่เคารพของคนในหมู่บ้าน ได้แนะวิธีให้พวกเราเดินทางขึ้นเหนือ เพื่อตามหาคนที่มีปานดำขึ้นที่ท้องแล้วส่งมอบกริชโบราณเล่มนี้ให้แก่เขา...ฯลฯ"

    "อืม เรื่องมันเป็นเช่นนี้เอง ข้ารู้จักคนหนึ่งมันชื่อ"ทองปาน" เป็นเด็กหนุ่มฝีมือดี เก่งทั้งเพลงดาบเชิงมวย อายุอานามคงรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเอ็ง มันมีปานสีดำที่ท้องไม่ผิดแน่ ทุกปีเมื่อมีงานแสดงศิลปะการต่อสู้ ท่านพ่อเมืองจะมาร่วมชมการแสดงด้วย แล้วจะคัดเลือกชายหนุ่มกลับไปรับราชการที่เมืองหลวง เมื่อปีที่แล้วทองปานเพิ่งได้รับคัดเลือกไป ดูเหมือนว่าท่านพ่อเมืองโปรดเจ้าทองปานมาก ถึงกับจะยกลูกสาวให้แต่งงานอยู่กินด้วย ท่านพ่อเมืองคนนี้มีลูกสาวหลายคน
    ในปีนี้จึงมีบรรดาชายหนุ่มจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาร่วมแข่งขัน อวดฝีไม้ลายมือกัน..ทีแรกข้านึกว่าพวกเอ็งจะมาลงเวทีร่วมสนุกด้วยเสียอีก"

    พ่อใหญ่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน เขาจึงมีวิสัยทัศกว้างไกล เมื่อเห็นรอยบาดแผลตามเนื้อตัวของสามมหาโจรมองปร๊าดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่า พวกเขาเป็นนักต่อสู้ตัวฉกาจ ทั้งสี่มีบุคลิกและอัชฌาสัยต้องกัน จึงคุยกันได้อรรถรส แต่ก็มาสะดุดเข้าจนได้ เมื่อผู้มีอายุกล่าวเจตนารมณ์ของท่านพ่อเมืองที่จะเดินทางมาร่วมชมงานแสดงในวันพรุ่งนี้

    "งานสำคัญของผู้ที่ถูกคัดเลือกไปก็คือ การกวาดล้างซุ้มโจรป่าซึ่งมีตั้งอยู่หลายก๊กหลายเหล่าด้วยกัน!"

    เหมือนสายฟ้าฟาดผ่าลงกลางวงสนทนา สามสหายมองหน้ากันทำตาปริบๆ ใจนึงคิดอยากจะละทิ้งอาชีพมิจฉานี้เสีย แต่ใจนึงกลับหวนคิดถึงพวกพ้องที่รอคอยอยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์ภัยร้ายจากสิ่งเร้นลับบีบคั้น ทำให้พวกเขาต้องเดินทางรอนแรมมาถึง"หมู่บ้านพลพิทักษ์"แห่งนี้ื เหมือนจุดใต้ตำตอ สามวายร้ายผู้มีค่าหัวสูง(ยศตำแหน่งแถมลูกสาวท่านพ่อเมืองเป็นรางวัล) ให้ประหวั่นในห้วงมโนนึก รีบลาวงสนทนาเดินจากไปทันที...

    เย็นย่ำค่ำสนธยาแล้ว คณะของเมฆาอยากจะรีบกระทำภารกิจให้สำเสร็จลุล่วงโดยเร็ว ด้วยใจคอไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว ยังต้องคอยระมัดระวังตัวมิให้ชาวบ้านระแวงสงสัยอีก ในบรรดาภารกิจออกปล้นสิบกว่าครั้งที่ผ่านมา เมฆาไม่เคยหนักใจเท่ากับงานตามหาคนเหมือนครั้งนี้เลย หัวหน้าโจรชื่อดังก้องฟ้าทอดถอนใจ เหม่อมองท้องฟ้าสีหม่นยามสนธยาด้วยใจห่อเหี่ยว

    "ไอ้เหม็น ไอ้จ่อน และพวกเอ็งทุกๆคน คิดว่าพวกเราจะเลิกอาชีพเป็นโจรปล้นเขากินได้มั้ยว๊ะ?"

    "พี่เมฆา นี้พี่จะเพี้ยนไปแล้วรึ พวกเราเดินสายนี้มาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่แล้วนะ...อีกอย่างเราจะไปทำอะไรกิน"

    "เอ๊ะ หรือว่าพี่คิดจะไปเป็นเขยท่านพ่อเมือง?"

    เมฆานิ่งขรึมเหมือนกำลังใช้ความคิด ในมือถือดาบคมกริชอีกข้างหนึ่งกำผ้าคาดปิดหน้าสีดำไว้แน่น

    "ทุุกครั้งที่ออกปล้นยังไม่มีใครเคยเห็นหน้าตาของพวกเราเลยมิใช่รึ...หากส่งมอบของให้ทองปานสำเร็จ ช่วยพี่น้องของเราให้รอดปลอดภัยแล้ว ข้ามีคำตอบในใจรออยู่ หวังว่ามันคงยังไม่สายเกินไป"

    รัติกาลคืนนั้นแสนยาวนาน ภาพพญามัจจุราชภูตพยาบาทแห่งลำน้ำตามมาหลอกหลอนถึงที่พัก นางแปรงสาวน้อยกลางไพรเป็นที่ติดตาต้องใจของเมฆา แต่แล้วแววตาคู่นั้นก็พลันกลายกลับเปลี่ยนเป็นดวงตาสีเพลิงกลมโตอันดุร้ายของนางพญางู โจนทยานพุ่งเข้าทำร้ายตน...แม้แต่หนุ่มทองปานเองก็สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเช่นกัน เขามักฝันซ้ำถึงเรื่องเดิมๆว่าตนได้ดำลึกลงไปใต้ลำน้ำ พบกับนางพญางูใหญ่ ถูกนางตัดพ้อต่อว่า แล้วนึกเสียใจที่ทำให้นางต้องเจ็บช้ำ เมื่อโผล่ขึ้นจากน้ำมีบุรุษคนหนึ่งใช้มีดจ้วงเสียบท้องของเขา ความเจ็บปวดนี้มันได้ฝังลึกลงไปในจิตใต้สำนึก พลันแว่วเสียงกลอนขับล่องลอยกระทบโสตประสาทที่กำลังใกล้จะวูบดับลง

    หยาดน้ำตาและความเจ็บปวด ทำให้เขาผะหวาตื่นขึ้น ใช้มือกุมปานที่ท้องของตนเองทุกครั้งไป...
     
  9. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เมฆามิอาจข่มตาหลับต่อไปได้อีกเขาจึงนำกริชออกมาดูเพื่อคลายความว้าวุ่นใจ ผ้าห่อมนต์สะกดคาดเชือกถูกเขาปลดออกแล้ว ทั้งที่ปะขาวพราหมณ์ไพรบอกมิให้เปิดดูก่อนส่งมอบถึงมือผู้รับ!

    เมฆาควงกริชโบราณร่ายรำตะหวัดกวัดแกว่งไปมาอย่างช่ำชอง ด้วยคิดว่านี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะมีโอกาสได้ใช้มันอีกครั้ง

    กริชอาคมสะท้อนแสงจันทร์ข้างขึ้นเกิดประกายวับวาวในทุกท่วงท่าที่ร่ายรำ ฝีมือรำดาบของหัวหน้าโจรทมิฬแดนใต้ไม่เป็นสองรองผู้ใดเลย

    ขณะนั้นลมเหนือได้พัดพาเอากลิ่นไอของจิตวิญญาณผู้สังเวยกริชโบราณฟุ้งกระจายไปทั่ว ทำให้บรรดาสัตว์อสรพิษร้ายที่อยู่ในบริเวณนั้นเลื้อยหนีแตกกระจายไปคนละทิศละทาง! แต่มีดวงจิตหนึ่งที่อาจหาญกล้าท้าทายอานุภาพพลังอาคมขลังนั้น...

    "พี่อินชัด!!" เสียงอุทานของนางพญางูผู้จงรักษ์ได้รับสัมผัสที่คุ้นเคยอีกครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้นางจะไม่มีวันปล่อยให้กลิ่นไอแห่งความทรงจำนั้นลบเลือนหายจากไปอีก ลิ้นที่แลบยาวออกไปเพียงไม่กี่ครั้ง สั่งให้ร่างอันยาวเขื่องโจนทยานมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือทันที!

    อีกไม่นานแสงเงินแสงทองจะขึ้นสู่ท้องนภาลัยแล้ว ริ้วขบวนแห่ท่านเจ้าเมืองพร้อมเคลื่อนตัวออกจากพลับพลาชัยที่ประทับ ระบบการปกครองแบบพ่อปกครองลูกนั้น(สมบูรณาญาสิทธิราช) ทำให้ไพร่ฟ้าประชาราชอบอุ่นใจเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันภายใต้ร่มพระบารมี เมืองอุทัยที่ประทับเดิมภายหลังปราบปรามโจรป่าจนหมดสิ้นแล้ว มีความเจริญรุ่งเรืองมากจึงได้ตั้งเป็นเมืองหลวงราชธานีแห่งใหม่ ได้ขนานนามว่า"อุทัยธานี"จำเดิมแต่นั้นมา!

    "ท่านขุนปราบไพรี วันนี้ดูสีหน้าท่านไม่ดีเลยไม่สบายหรือเปล่า"

    "ทูลกระหม่อหญิง ข้าพระองค์นอนไม่หลับด้วยนิมิตเดิมตามมาหลอกหลอนพระเจ้าข้า"

    "โธ่ พี่ทองปาน ตอนนี้ปลอดคนแล้วทำตัวตามสบายเถิด อีกไม่นานเราก็จะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไยแสดงท่าทีห่างเหิน หญิงไม่อยากให้พี่ต้องออกไปเสี่ยงต่อสู้กับพวกโจรป่า อย่างไรเสียหญิงจะทูลขอเสด็จพ่ออีกที"

    หญิงน้อยแก้วฟ้ากัลยา ลูกสาวท่านพ่อเมืองนางเป็นหนึ่งในพระราชธิดาทั้งสิบพระองค์ ของท่านพ่อเมืองเจ้าฟ้าอุทยัพราชแห่งเมืองอุทัย นางเลือกทองปานผู้ชนะการแข่งขันงานประลองฝีมือเมื่อปีที่แล้ว ว่าที่ราชบุตรเขยในตำแหน่งขุนปราบไพรี เป็นที่พึงพอใจของท่านพ่อเมืองยิ่งนัก ในปีนี้ท่านตั้งใจจะคัดเลือกชายหนุ่มผู้องอาจอีกหลายคนเพื่อที่จะได้จัดพระราชทานพิธีมงคลภิเสกสมรสหมู่ในคราวเดียว แน่นอนหากบุรุษผู้นั้นมีครอบครัวแล้วท่านพ่อเมืองก็จะประทานตำแหน่งและทรัพย์อย่างอื่นตอบแทนเป็นกรณีไป...

    โอ้ อนิจานางแปรงเอ่ย นางคงยังไม่รู้ว่าอินชัดบัดนี้ได้มาเกิดเป็นทองปานแล้ว และกำลังจะได้เข้าพิธีพิเสกสมรสกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ อีกไม่นานกริชอาคมเพชฆาตสื่อสัมผัสรัก จะพานางมาพบเจอคนรักเก่าในครั้งอดีตชาติอีกครั้ง

    วันนี้ทองปานรู้สึกปวดท้องปริเวณปานดำอย่างประหลาด!

    เมฆารอให้ขบวนแห่เสด็จผ่านเข้าหมู่บ้านไปก่อน เขาสังเกตุเห็นขุนปราบไพรีแล้ว แต่เธอแต่งกายอยู่ในชุดรัดกุมจึงมองไม่เห็นปานสีดำที่หน้าท้อง เพื่อจะได้ไม่เกิดความผิดพลาด เขาคงต้องย้อนกลับไปถามเอาความจริงกับพ่อใหญ่คณะกรรมการอีกครั้ง

    ท่านพ่อเมืองอุทยัพราชเสด็จลงจากหลังช้างพระที่นั่ง ตรงเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน สมัยนั้นบ้านป่าเมืองกันดารยังเป็นดินแดนถิ่นอาถรรพณ์ ล้วนเต็มไปด้วยภยันตรายมากหลาย ทุกหมู่บ้านในไพรพรรณาจึงนิยมเชิญเจ้าที่รุกขเทพเทวา หรือแม้แต่เจตภูตผีที่ทรงอานุภาพ ให้มาสิงสถิตเพื่อปกปักษ์รักษาผู้คนในหมู่บ้าน ให้รอดพ้นจากภัยมืดอันเกิดจากอาถรรพณ์ป่านานับประการ หมู่บ้านพลพิทักษ์แห่งนี้ก็ดุจเดียวกัน

    "ศาลปู่เจ้าสมิงขาวเทวาพิทักษ์" เป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพศรัทธาของคนทั่วไป ตั้งอยู่บริเวณต้นไทรใหญ่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน ทุกครั้งที่ชาวบ้านจะเดินทางเข้าป่า หรือไปสถานที่แห่งใดก็มักจะบอกเล่าเก้าสิบให้ท่านรับรู้เสมอ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นศิริมงคลตามความเชื่อ หลายครั้งที่ชาวบ้านหาของป่าถูกผีป่าสิงสู่เป็นบ้าเสียสติ พูดจาเลอะเลือน แต่เมื่อเดินทางผ่านมาถึงบริเวณศาลเจ้า ก็กลับมีสติฟื้นคืนมาเป็นปกติ
    ชาวบ้านมักเห็นพญาเสือขาวขนาดใหญ่ ส่งเสียงร้องคำรามกึกก้องเป็นที่น่าเกรงขามแล้วหายวับไปตรงโพรงหินข้างต้นไทรนั้น เชื่อกันว่าเป็นถ้ำที่อยู่ของเสือเทพเจ้าตัวนั้น! เสือตัวนี้อยู่มานานโขแล้วไม่ยอมจากไปไหน คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านจึงทำพิธีบวงสรวงติดต่อสื่อสารแล้วตั้งศาลเจ้าให้ดังกล่าว

    ได้ความว่าเขาเป็นสัตว์เลี้ยงของฤาษีผมขาวในป่าหิมพาน เธอนั่งเสือตัวนี้เป็นพาหนะเหาะมา ท่านบอกให้เสือขาวเฝ้ารออยู่ตรงนี้ ท่านจะไปธุระเยี่ยมสหายแดนใต้ต้องเดินเท้าไปเพื่อแสดงมารยาทที่ดี จนแล้วจนรอดท่านฤาษีก็มิได้กลับมา วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดแล้ว หลายร้อยหลายพันปีหรือไฉน สมิงขาวผู้จงรักษ์ ก็มิได้จากไป ยังคงเฝ้ารอฤาษีผมขาวผู้เป็นนายหวนคืนกลับมา เธอได้แต่ส่งเสียงคำรามร้องเรียกหานายด้วยความอาลัยรัก

    ครั้นกลายเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ พวกเขาบวงสรวงของหยาบให้กิน มี เหล้ายา หมู เนื้อสัตว์เป็น อาทิ จึงทำให้กายหนักไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนดังเดิม แต่ถึงกระนั้นฤทธิ์อำนาจต่างๆของเธอก็ยังมีอยู่ เธอเป็นสัตว์วิเศษรู้คุณ ดังนั้นจึงตอบแทนชาวบ้านตามกำลังของตนอย่างสุดความสามารถ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2014
  10. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "เสียงกลองชัยตีย่ำดังอึกทึก
    ใจหาญหึกคึกคะนองประลองศิลป์
    ชาตินักรบองอาจของแผ่นดิน
    ตราบชีวิญขอจงรักษ์พิทักษ์แดน"

    บรรดาชายหนุ่มมีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่นับร้อยคน ถูกคณะกรรมการคัดเลือกและจับคู่ให้เหมาะสมกันแล้วนำเชือกมาล้อมเป็นวงๆที่พื้นดิน โดยในรอบแรกจัดให้มีการต่อสู้ด้วยมือเปล่า รอบที่สองใช้ดาบไม้ กติกาก็ง่ายๆคือฝ่ายใดออกนอกเขตเชือกก่อนก็เป็นฝ่ายแพ้ไป

    เสียงกองเชียร์เฮโลกันดังลั่นก้องสนาม คณะกรรมการจับคู่เปรียบได้ครบหมดทุกคนแล้ว แต่ยังเหลือไอ้บึกเพียงคนเดียว เนื่องจากมันมีร่างกายกำยำสูงใหญ่มาก คณะกรรมการจึงจัดไว้ท้ายสุด แต่แล้วก็ยังไม่สามารถหาคู่ที่เหมาะสมมาเปรียบได้ พ่อใหญ่คณะกรรมการจึงร้องตะโกนหาอาสาสมัครแต่ก็ไร้วี่แวว
    เสียงระฆังสัญญาณดังขึ้นแล้ว ทุกคู่ต่างออกฝีไม้ลายมือใส่กันอย่างเต็มที่ ในขณะที่ไอ้บึกยืนก้มหน้าสลดอยู่ ท่านพ่อเมืองพร้อมด้วยองค์หญิงทั้งหลาย ประทับนั่งบนพลับพลาสูงที่เขาตกแต่งไว้อย่างดี บรรดาองค์รักษ์และท่านขุนศึกนั่งลดหลั่นลงมา

    เมฆาพาสองสหายรู้ใจเดินเบียดชาวบ้านเข้าสู่ลานประลอง ทีแรกเขากะว่าจะพาคณะบริวารโจรทั้งหมดที่รออยู่เข้ามาด้วย แต่พอรู้เจตนาของท่านพ่อเมืองแล้วเห็นว่าไม่ควรเสี่ยงดีกว่า ทำนองว่าเผื่อภัยมาถึงตัวจะได้ช่วยกันหนีเอาตัวรอดได้ทันท่วงที

    "อ้าว เจ้าหนุ่มคนเมื่อวานนี้ มา เข้ามาเร็วเข้า ยังขาดอีกคนหนึ่งพอดี"

    "อะไรนะลุง ว่าอะไรนะ ข้าฟังไม่ชัด...ข้าอยากจะถามลุงว่า คนไหนกันทองปาน"

    พูดพลางเดินไปพลางต่างคนต่างยกมือยกไม้เรียกหากัน คณะกรรมการตัดสินเมื่อเข้าประจำที่แล้วจะออกไปไหนไม่ได้เด็ดขาด แต่สายตาของผู้ที่อยู่มุมสูงกลับไม่คิดอย่างนั้น

    "เพี๊ยะ!...น่านมันต้องอย่างนั้น ให้มันได้อย่างนี้สิว๊ะถึงจะเรียกว่าชายชาตรี ว่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ฮ่า"

    ท่านพ่อเมืองตบเข่าเสียงดังลั่นด้วยความพึงพอใจ นึกว่าเมฆาอยากจะเข้าร่วมประลองฝีมือกับไอ้บึกยักษ์ใหญ่แห่งหมู่บ้านพลพิทักษ์...
     
  11. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    นางพญางูโจนทยานเลื้อยลัดเลาะเสาะหาที่มาของกลิ่นอันคุ้นเคยนั้นด้วยใจแสนห่วงหา โอ้ว่าอนิจจาชะตาอาภัพ ได้สุขสมในความรักชั่วครั้งคราวลับลาห่างหาย แท้จริงแล้วข้าอยู่เพื่อสุขหรือทุกข์กันแน่เฝ้าถามใจ นานนับพันปีผ่านพ้นเพียงไหน ยังหวังรอเธอ!

    นางรำพึงรำพันพร่ำบ่นเพ้อในห้วงมโนนึกพาลำตัวมุ่งทยานตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ด้วยอัตภาพเดิมแห่งนาคราชผู้มีวิถีจิตอาศัยอยู่ในลำน้ำ(งูน้ำ) หากมุ่งเดินทางบนบกย่อมต้องสูญเสียพลังงานชีวิตไปมิใช่น้อย เมื่อปรากฎกายหยาบออกมาให้เห็น ฝูงสัตว์ที่ได้กลิ่นในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรต่างวิ่งหนีแตกตื่นกันอลหม่าน รุกขเทพเทวาที่สิงสถิตอยู่ในที่ใกล้ ต่างร้องทัดทานซักถามถึงเหตุนั้น ว่า"แม่คุณจักมุ่งหน้าไปหนแห่งใด? เกิดเหตุอาเพศวิ่งหนีภัยศัตรูหรือไฉน? ให้ข้าช่วยเหลืออะไรไหมเจ้าจงแถลงไขเผยวจี?"

    แต่นางแปรงพญางูแห่งลำน้ำก็มิได้หยุดยั้งพักเสวนากับผู้ใด นางยังคงมุ่งหน้าต่อไปด้วยใจแสนห่วงหา ในที่สุดก็มาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านพลพิทักษ์ในเวลาจวนโพล้เพล้เย็นย่ำวันนั้นเอง!...

    "เฮ้ย พวกเราได้กลิ่นอะไรไหมว๊ะ?"

    "อืม ข้าก็สังหรณ์ใจชอบกลอยู่ สังเกตุเห็นนกบินร้องเสียงแปลกๆมาแต่ไกล"

    "กลิ่นคาวสาปๆอย่างงี้จะว่าเป็นกลิ่นช้างหรือเสือก็ไม่ใช่...เอ๊ะ หรือว่า! หรือว่าเป็นมัน!!"

    "ไม่จริงมั้ง จากหมู่บ้านเรากว่าจะมาถึงนี่ก็สิบกว่าวันแล้วนะ!"

    "ฮี่ๆๆๆๆ...อ้าว! เอาเข้าให้แล้วไง ม้าของพวกเราแตกตื่นแล้ว ข้าว่าเราหลบเข้าหมู่บ้านก่อนเถอะ"

    "จะดีเหรอะว๊ะ ก็หัวหน้าเราสั่งให้รออยู่ตรงนี้ เอ็งลืมกฎไปแล้วรึ ฝืนคำสั่งมีโทษสถานใด?"

    "งั้นพวกเราเตรียมตัวให้พร้อม หากสถานการณ์คับขันจวนตัวขึ้นมาจริงๆเราค่อยถอยเข้าหมู่บ้าน"

    บริวารมือพระกาฬของเมฆานั้นเรื่องสัญชาตญาณไม่ต้องพูดถึง แม้พวกเขาอายุยังน้อยแต่ล้วนเติบโตในป่า ย่อมมีปฎิภาณไหวพริบเป็นเลิศ เขาพากันผูกม้ารวมกันไว้อีกจุดหนึ่งเพื่อดึงดูดความสนใจ แล้วพากันซุ่มมองดูอยู่ในที่กำบังมิดชิด...

    แทบไม่น่าเชื่อเมฆาใช้วิธียื้อเกมการประลองหลบหลีกตั้งรับไอ้บึกได้อย่างคล่องแคล่ว ทำเอาไอ้บึกเหนื่อยหอบหัวหมุนวนรอบเชือกเขตแดนอย่างรนลาน ในขณะที่คู่อื่นๆยุติการประลองศิลปะการต่อสู้ด้วยมือกันหมดสิ้นแล้ว สายตาของคนดูทั้งหมดต่างมาหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มนิรนามสู้กับไอ้
    บึกร่างยักษ์เป็นตาเดียวกัน กลายเป็นมวยคู่เอกไปในบัดดล ก็แน่หล่ะขนาดรูปร่างห่างกันเท่าตัวนึง ขืนปะทะกำลังกันซึ่งหน้าผลแพ้ชนะมันก็เห็นๆกันอยู่ เมฆาเมื่อตกกระไดพลอยโจนแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด การจะเข้าถึงตัวท่านขุนทองปานว่าที่ราชบุตรเขยนั้น คงมีเพียงต้องเอาชนะการประลองครั้งนี้ให้ได้

    "ยามไร้ซึ่งเมฆหมอกหากเจ้ากำลังอยู่ในช่วงคับขัน จงกระทืบเท้าสามครั้งเพื่อนำเอาพลังแผ่นดินมาใช้ เมื่อเจ้าทยานตัวขึ้นเบื้องสูง จงเรียนรู้จุดอ่อนฝ่ายตรงข้ามเพื่อชัยชนะเถิด"

    เคล็ดวิชาที่ถ่ายทอดมาแต่บิดาทำให้เขากล้าแข็งขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ศาสตร์ความเชื่ออันเร้นลับของมนต์วิชาแขนงต่างๆแต่งครั้งโบราณ ยังคงเป็นปริศนามาจนตราบเท่าทุกวันนี้!

    เพียงหมัดเดียวเท่านั้น ไอ้บึกร่างยักษ์ก็หงายท้องลงไปนอนหลับอยู่นอกเส้นเชือก ทำให้เมฆากลายเป็นจุดเด่นของมหาชนไปโดยปริยาย และชัยชนะครั้งนี้ทำให้หัวใจดวงน้อยๆของพระธิดาองค์หนึ่งหวั่นไหว!

    ทว่า เมฆามิได้มีเจตนาต่อสู้เพื่อปรารถนาคู่ครองแต่อย่างใดเลย ยิ่งรู้ว่าต้องแบกรับภาระหน้าที่กวาดล้างสังหารพวกเดียวกันด้วยแล้ว เขาคงมิอาจฝืนใจทำได้ลงคอเป็นแน่ และเหนือสิ่งอื่นใดนั้น เขามีหญิงในดวงใจแล้ว แปรง! เธอคือหญิงสาวกลางไพรคนนั้นเมฆามิอาจหักใจอาลัยรักจากนางได้เลย ตั้งแต่แรกพบเห็น จนกระทั้งนางกระโดดน้ำหายไป ลางสังหรณ์บางอย่างบอกให้เมฆารู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น แน่นอนเขายังไม่รู้ว่านางคือพญางูร้ายตัวที่กำลังไล่ล่าเพื่อปลิดชีพเขา

    มันเป็นวิบากกรรมเก่าแต่ครั้งอดีตชาติของเมฆา สมัยเป็นไอ้ใหญ่เพื่อนทรยศของอินชัด เคยได้อธิษฐานผูกมัดนางแปรงไว้ที่หมู่บ้านห้วยกระเสียว ก่อนที่เขาจะจับทั้งคู่ถ่วงน้ำไป เขาหลงรักนางแปรงมาเนิ่นนานแล้วมิใช่เพียงชาตินี้ชาติเดียว ดังนั้นเมฆาในบัดนี้จึงเทใจให้นางคนเดิม แต่สาวเจ้าจริงใจรักเดียวอยู่กับอินชัด ส่วนอินชัดในกาลบัดนี้นั้นเล่าคือทองปานซึ่งเป็นท่านขุนว่าที่ราชบุตรเขย เขาจะเลือกนางพญางูหรือหญิงน้อยแก้วฟ้ากัลยากันแน่!...
     
  12. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป" ถึงแม้รู้ทั้งรู้แต่ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้วังวนแห่งความรัก ก็มิอาจถอนตัวถอนใจออกจากบ่วงสิเน่ห์หาพันธนาการแห่งมายาได้เลย!

    ทองปานรู้สึกคุ้นหน้ากับชายนิรนามผู้สยบเจ้าบึกนักรบโบราณร่างยักษ์ลงได้ ยังเหลือศิลปะการต่อสู้ด้วยเพลงดาบอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก่อนตะวันตกดินจะได้รู้ผลแพ้ชนะทั้งหมด หลังจากได้พักเหนื่อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สัญญาณก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านั้นคณะกรรมการได้ทำการจับฉลากเลือกคู่ที่เหมาะสมเตรียมไว้

    ดาบไม้ขนาดเหมือนจริงถูกนำมาใช้ในสนามเวทีผู้กล้า ท่านพ่อเมืองเพ่งมองไปที่เมฆาอย่างพินิจ เพราะหญิงทิพย์ฟ้าจันทร์เจ้าธิดาคนโตผู้ไร้คู่เธอสะกิดให้ทอดพระเนตร ธรรมดาธิดาคนโตควรที่จะได้ออกเรือนก่อนแต่เป็นเพราะหญิงทิพย์ฟ้าเธอมีอารมณ์ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดบุคคลิกและอุปนิสัยคล้ายชายชาตรี (นัยว่าเพราะท่านพ่อเมืองคาดหวังที่จะมีพระโอรสเป็นคนแรก พอผิดหวังเธอจึงทำให้เสด็จพ่อพอพระทัย ด้วยการทำตัวเหมือนผู้ชายซะเลยอะไรประมาณนั้น!) นางพึงพอใจในตัวเมฆาเป็นอย่างมาก แอบคาดหวังว่าจะได้เรียนรู้เคล็ดลับศิลปะการต่อสู้อันเยี่ยมยอดจากชายหนุ่ม...

    เป็นเวลาเดียวกันกับที่นางพญานาคีปรากฎกายหน้าหมู่บ้าน แน่นอนเรื่องนี้มีเพียงบริวารของเมฆาสิบกว่าคนเท่านั้นที่รู้เห็น เพราะขณะนี้ชาวบ้านพลพิทักษ์ ทั้งหมดต่างกำลังใจจดใจจ่ออยู่ที่การแข่งขัน นางพญางูพอเห็นม้าที่ผูกไว้ ด้วยความหิวจึงตรงเข้าขย่ำกัดกินทันที! มันเป็นภาพเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บริวารเมฆาที่ซุ่มดูอยู่ไม่มีใครคิดจะออกไปเสี่ยง ต่างพร้อมใจกันค่อยๆหันหลังเดินเข้าหมู่บ้านเพื่อลี้ภัย แต่หนึ่งในกลุ่มนั้นเกิดคลื่นไส้อวกออกมาซะก่อน! ทำให้นางพญางูเลื้อยตรงเข้าไปหาทันที นางเพิ่งกินอิ่มใหม่ๆทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง แต่ถึงกระนั้นเธอก็พยายามไล่กวดพวกมหาโจรที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตมาติดๆ

    ประหนึ่งจงอางหวงไข่วิ่งไล่ล่าพวกหัวขโมยผู้ขโมยเอาไข่ไปฉะนั้น!

    แต่แล้วเมื่อมาถึงบริเวณต้นไทรตรงศาลเจ้า เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น ร่างพญาเสือใหญ่ลายพาดกลอนดำขาวได้ปรากฎตัวออกมาส่งเสียงร้องคำรามใส่พญางูร้ายผู้บุกรุก ทำให้ร่างอันยาวเขื่องชะงักหยุดการเคลื่อนไหวลงทันที!

    "หยุดนะเจ้าปีศางู จงกลับไปซะ ที่นี้เป็นเขตมนุษย์เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะรุกล้ำเข้าไป"

    "เจ้าหมาลายเสือ แกนั่นแหละถอยไป ข้าตามพวกมันมานานแล้ว มันฆ่าคนรักของข้า ไอ้คนชั่วพวกนี้มันสมควรตาย"

    นางกำลังโกรธจัด การปะทะกันระหว่างนางพญานาคีกับพญาสมิงขาวจึงเกิดขึ้น!...

    เมฆาถนัดใช้ดาบหนักบนหลังม้า พอมาถือดาบไม้จึงออกท่วงท่าได้คล่องแคล่วว่องไวยิ่งนัก เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ เขาก็สามารถเอาชนะหนุ่มดาวรุ่งผู้เป็นความหวังของหมู่บ้านลงได้ ทำให้ขณะนี้เขากลายเป็นที่กล่าวขานของคนทั้งหมู่บ้าน

    ทองปานรู้สึกเลือดในกายสูบฉีดไหลเวียนอย่างเต็มที่ ด้วยไม่คิดว่าจะได้มาเจอคู่ต่อสู้ที่มีฝีไม้ลายมือทัดเทียมกัน ท่านพ่อเมืองก็รู้สึกเช่นนั้นแอบคาดหวังในตัวชายหนุ่มนิรนามผู้กล้าหาญเป็นแม้นมั่นว่า คราวนี้เราจะได้องครักษ์ซ้ายขวามาเป็นราชบุตรเขยผู้จงรักษ์สมดั่งเจตนารมณ์สักที (การจะไว้วางใจผู้หนึ่งผู้ใด ได้อย่างสนิทใจ ในสมัยนั้นเขานิยมใช้ลูกสาวมาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ ^_^)
     
  13. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    สมิงขาวสัตว์พาหนะของปู่ฤาษีในป่าหิมพานเมื่อเจอนางพญางูท้าทายอย่างนั้น เธอก็มิอาจสะกดอารมณ์ให้เป็นปกติอยู่ได้ สัตว์กึ่งเทพอันผู้บำเพ็ญอบรมมาดีแล้วย่อมมีฤทธิ์อำนาจ สามารถแสดงอานุภาพได้ตามกำลังของตน

    การจำศีลของสัตว์บางชนิดนอกจากจะเป็นการบ่มเพาะพลังปราณแห่งชีวิตให้สถิตคงอยู่ยาวนานแล้ว(ตามอำนาจกฎแห่งกรรมที่เสวยอยู่ในอัตภาพนั้นๆ) ยิ่งถ้าหากกาลเวลาผ่านเนิ่นนานนับพันปี หรือทุกหนึ่งพันปีขึ้นไป ลักษณะความพิเศษต่างๆก็จะปรากฎขึ้น เช่น ผิวหนังแข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้า พลังเพิ่มมากขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น พิษร้ายแรงขึ้น(ในสัตว์ที่ใช้พิษ) ตาหูจมูกลิ้นสัมผัสได้ไกลและชัดเจนยิ่งขึ้น พลังจิตกล้าแข็งขึ้น ฯลฯ ครั้นพอถึงเวลาหมดอายุไขยก็สามารถรู้ล่วงหน้า และหาที่ละสังขารอันเหมาะสมได้...

    นางแปรงพญานาคีแห่งลำน้ำห้วยกระเสียว แม้เธอจะมีอายุพันกว่าปีแล้ว แต่ในสายตาของสมิงขาวนางก็เป็นเพียงแค่เด็กที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!

    เธอผู้ชำนาญการใช้พิษเป็นผู้จู่โจมก่อน นางคายควันพิษสีขาวพุ่งตรงเข้าใส่ศัตรูผู้อยู่เบื้องหน้าทันที! สมิงขาวตั้งท่าอยู่ก่อนแล้วเตรียมพุ่งตะปบด้วยกรงเล็บและเขี้ยวอันยาวโง้ง! ควันนั้นเริ่มแผ่กระจายตัวเป็นวงกว้าง พญาสมิงขาวรับรู้ด้วยสัมผัสพิเศษว่านั้นคือพิษร้ายแรง หากใครได้สูดเข้าไปแม้เพียงเล็กน้อยคงถึงแก่มรณะกาลทันที!

    หมอกพิษอำพรางตัวนางพญางูไว้ นางตั้งใจล่อให้สมิงขาวเข้ามาใกล้อีกนิด เพื่อรัดตะปบเหยื่อด้วยลำตัวอันยาวเขื่องและกัดซ้ำด้วยเขี้ยวพิษพญามัจจุราช! นางอ่านทางของผู้ต่อสู้ว่า ลำพังเพียงแค่ควันพิษอย่างเดียวคงมิอาจหยุดสัตว์พิเศษกึ่งเทพตนนี้ได้

    ทว่า เหตุการณ์ไม่ง่ายอย่างที่นางคิด!

    สมิงขาวร้องคำรามใส่นางพญางูด้วยพลังเสียงเพียงกึ่งหนึ่ง เสียงนั้นดังประหนึ่งเสียงฟ้าคำรามกึกก้องแหวกม้านควันพิษสลายเป็นทางยาว นางพญางูผงะตกใจในเสียงนั้นมันได้ตรงเข้าทำลายสมาธิให้นางเสียการทรงตัวพงกหัวหมอบต่ำลงกับพื้นทันที แววตาของสมิงขาวเปล่งแสงประกายวาวเห็นกิริยาแห่งนางแล้ว ในระยะสิบช่วงคันธนู โจนทะยานเพียงครั้งเดียว เร็วประดุจสายฟ้าแลป อุ้งเท้าพญามัจจุราชก็ประทับเหยียบกดหัวนางพญานาคีจมแทบพื้นธรณีดิน!

    นี่ถ้าหากว่านางบำเพ็ญได้ฤทธิ์ธานุภาพจนถึงขั้น สามารถบันดาลเศียรได้หลายเศียรแล้ว คงไม่เข้าตาจนถึงเพียงนี้

    ต่างฝ่ายต่างก็อ่านใจกันออกในการจู่โจมนั้น แต่อย่างไรเสียผู้เข็มแข็งกว่าก็ย่อมมีสิทธิ์อยู่เหนือผู้อ่อนแอ พญาสมิงขาวแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้าอีกครั้งเพื่อประกาศศักดิ์ดานุภาพและสลายควันพิษให้หมดสิ้นไป แต่ลำตัวอันยาวเขื่องนั้นยังไม่ยอมแพ้ นางยกส่วนหางตวัดเข้าใส่ศัตรู แต่เหมือนทุกอย่างจะดูเชื่องช้าไปหมด สำหรับเจ้าที่อย่างพญาสมิงขาวผู้ปกปักษ์รักษาหมู่บ้านมาเนิ่นนาน ทั้งความดีและตบะที่บำเพ็ญเพียรมานับว่าสูงและยาวนานกว่านางพญานาคีผู้อาภัพมากนัก

    "นี่เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกรึ ข้าไม่อยากทำลายเจ้าให้ดับสูญ มันจะเป็นบาปกรรมติดตัวข้า แต่เจ้าจงจำบทเรียนครั้งนี้ไว้ จงอย่าได้กล้ำกลายเข้ามาเหยีบหมู่บ้านแห่งนี้อีก!"

    สิ้นคำกล่าวพญาสมิงขาวคมเขี้ยวยาวโง้งกัดลงไปที่หางของนางพญางู แล้วหมุนเหวี่ยงร่างอันยาวเขื่องนั้นลอยหายไปไกลสุดสายตา!

    ผู้รุกรานจากไปแล้ว สมิงขาวหายวับไปที่โคนต้นไทร ทิ้งให้เหล่าชายหนุ่มบริวารมหาโจรยืนงวยงงกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขามิอาจลืมความทรงจำระทึกขวัญเหล่านี้ไปได้เลย หลายคนในกลุ่มนั้นคิดไปในทางเดียวกันว่า อย่างไรเสียหากแม้นว่ากลับตัวกลับใจได้ทันก็จะพาครอบครัวอพยกมาอยู่เสียที่หมู่บ้านแห่งนี้เลย (หากพญางูยังไม่ตาย หวันเกรงว่านางจะไม่มีวันเลิกรา)...

    เสียงคำรามของพญาสมิงขาวได้ยินไปไกลถึงหมู่บ้าน ซึ่งการประลองได้ยุติลงแล้ว ชาวบ้านพลพิทักษ์ทั้งหมดต่างรู้ดีว่านั้นคือเสียงของเทพเทวาผู้อารักษ์ประจำหมู่บ้าน แต่ทว่าเสียงคำรามนั้นมันได้ดังขึ้นสองครั้ง ชะรอยว่าจะต้องมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่

    เมื่อทหารและผู้ดูแลหมู่บ้านมาถึงจุดเกิดเหตุก็ได้ทราบเรื่องราวที่แท้จริงทั้งหมด ไม่มีใครสงสัยหรือไม่เชื่อถือเลย เพราะสมัยนั้นผู้คนต่างรักษาคำสัตย์คำจริงกันเป็นส่วนมาก(สรรพวิชาเวทย์มนต์อาคมขลังจึงได้ศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพสูงสุด) เพียงแต่กลุ่มชายหนุ่มมิได้บอกว่าตนเป็นโจร มิอย่างนั้นคงได้จบเห่กันยกแก๊งแน่ กรอปกับชาวบ้านคงนึกไม่ถึงว่าซุ้มโจรอันเลื่องชื่อจะกล้ามาเป็นแขกถึงหมู่บ้านพลพิทักษ์ ทั้งที่เห็นของกลางอาวุธครบครันใบหน้าอันเหี้ยมเกรียน ก็ให้นึกเอ็นดูโอภาปราศรัยพวกเขาเป็นอย่างดี ซ้ำยิ่งเมื่อรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพื่อนของเมฆา หนุ่มผู้มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งให้การต้อนรับอย่างสนิทชิดเชื้อ

    "เออ พวกเอ็งทั้งหมดหนีภัยพญางูปีศาจมาจากหมู่บ้านแดนใต้งั้นรึ เคราะห์ยังดีที่ไม่เจอกับพวกโจรเข้าอีก ข้าคิดจะตั้งกองกำลังไปปราบพวกมันอยู่พอดี...ถ้าอย่างไรก็อยู่ที่นี้ได้ตามสบายนะ ข้าจะให้ชาวบ้านจัดทำที่พักให้" (ท่านพ่อเมืองกล่าวด้วยอัธฌาสัยโอบอ้อม)

    เมฆามองดูลูกน้องทั้งหมดด้วยความประหม่า แววตาเซ่อซ่าถ่อมตัวของเขา ทำให้ธิดาคนโตของท่านพ่อเมืองติดตราตรึงใจยิ่งนัก นางแอบยิ้มขวยเขินประทับยืนอยู่ข้างพระบิดา ซึ่งเป็นกิริยาที่พบเห็นไม่บ่อยนัก

    ก็จะให้พวกโจรทั้งหมดไม่สำรวมได้อย่างไร ในเมื่อผู้กระทำความผิดถูกจับมารวมอยู่ต่อหน้าแล้ว เพียงแต่ยังมิได้ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนเท่านั้น

    "เมฆา แล้วไหนเอ็งว่ามีของมามอบให้ขุนปราบไพรีงั้นรึ เอาออกมาให้เขาเลยสิจะได้จบๆเรื่องกันไป ข้าก็อยากดูเหมือนกัน"...
     
  14. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "นางพญาระทมเศร้าเหงาหงอย
    ใจเลื่อนลอยคอยคนรักมานานแสน
    ตามเขามาเยือนถิ่นต่างแดน
    สุดเจ็บแค้นบอบช้ำทั้งกายใจ

    เค้าจะรู้บ้างไหมว่าเราทุกข์
    เค้าจะสุขอย่างไรเมื่อขาดฉัน
    เค้าจะยังมั่นในรักหรือเปลี่ยนผันคำ
    เค้าจะยังจำคืนวันนั้นได้หรือเปล่านา!

    ฝากบทความล่องไปในอากาศ
    หากแม้นว่าได้สดับจงส่งจิตคิดถึงฉัน
    ฉันจะฝ่าขวากหนามข้ามไปเพื่อเจอกัน
    ดั่งวันนั้นที่เคยท่องล่องลำนำ!

    "หากข้าเป็นฟ้า" ญ

    "พี่จะเป็นเช่นไรวานเฉลย?"

    "หากข้าเป็นปลา" ญ

    "พี่จะขอเป็นสิ่งใดกันเล่าหนอ?"

    "หากวันใดข้าทุกข์ใจ" ญ

    "ยามนี้พี่ใยจึงเมินเฉย?"

    "หากแม้นสิ้นลมหายใจ" ญ

    "บัดนี้น้องแทบสิ้นชีวาวายพี่อยู่แห่งหนใด โปรดจงเอื้อนเอ่ยถ่อยร้อยวจี"

    นางแปรงอธิษฐานพร่ำพรรณารักกับสายลมและแสงจันทร์ในค่ำคืนเพ็ญเดือนสิบสอง ช่างเป็นคืนที่เงียบเหงาไร้คนเคียงคู่เชยชิดชมจันทร์แสนเหว่ว้า หากแม้นคำสัตย์ข้าเป็นจริงดั่งใจที่คงมั่น ขอสรรพสำเนียงเสียงแห่งข้านี้ จงได้ยินไปไกลถึงใครคนนั้นที่มีรัก ให้เขารับรู้ถึงใจคนคอยดวงนี้ที่ยังหวังให้เขาหวนคืนกลับมาดั่งคำสัญญา!

    กาลบัดนั้นเกิดอัศจรรย์ไปทั้งหมู่บ้าน สายลมหอบพัดเอากลิ่นหอมของหมู่มวลดอกไม้ฟุ้งตลบอบอวนไปทั่วอาณาบริเวณ พร้อมเสียงเพลงขับของหญิงสาวร้อยรัดเป็นบทกลอนอันสุดแสนไพเราะล่องมาตามสายลม ทำให้บรรดาชายหนุ่มน้อยใหญ่ทั้งหลายมิวายคิดที่จะต่อถ้อยร้อยบทกลอนลึกลับนั้น ฝากสายลมหวนกลับคืนไปด้วยสำนวนที่ตนพึงพอใจ

    ทว่า เสียงเพลงขับที่แสนจะไพเราะนั้นมันแฝงไปด้วยความเศร้าสลด ทำให้ชายคนหนึ่งรู้สึกใจหายวาบสั่นสะท้านสะเทือนไปทั่วสารพางค์กาย!
    หลังจากงานประลองคัดเลือกผู้มีความสามารถสิ้นสุดลง ท่านเจ้าเมืองและข้าราชบริพานยังมิได้เดินทางไปไหน เพราะท่านต้องอยู่เป็นประธานเตรียมจัดงามมหามงคลอภิเสกสมรสหมู่ให้ บรรดาองค์หญิงทั้งหลายได้เป็นฝั่งเป็นฝากันเสียที หลังจากเมฆาส่งมอบกริชโบราณให้แก่ทองปานแล้ว รู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก เมฆาหนุ่มผู้กล้าหัวหน้าโจรครั้งอดีต บัดนี้ได้รับการยกย่องจากท่านพ่อเมืองและชาวบ้านทั้งหลาย ด้วยความมีมิตรภาพที่ดีงามทำให้จิตใจมหาโจรค่อยๆอ่อนโยนลงๆ จนเปรยกับบริวารว่า "มันถึงเวลาแล้วที่ข้าจะละทิ้งอาชีพทุจริตเก่าๆเสียที" คำพูดและท่าทีจริงจังทำให้บริวารทุกคนต่างเห็นพร้องต้องกัน

    เมฆาปฎิเสธการแต่งงานกับองค์หญิงทิพย์ฟ้า เพราะเขาให้เหตุผลว่ามีคู่หมั่นรอคอยอยู่แล้ว จะต้องเดินทางกลับไปแต่งงานด้วย (ความจริงเขาอยากจะกลับไปเพื่อเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านเดิมให้กลายเป็นหมู่บ้านที่ดีงามเหมือนดั่งชาวบ้านพลพิทักษ์แห่งนี้ อีกใจหนึ่งเขาก็ยังคาดหวังที่จะได้พบเจอกับนางแปรงหญิงลึกลับนางนั้นอีกสักครั้งหนึ่ง!)

    ท่านพ่อเมืองไม่ติดใจอะไรและพร้อมที่จะยกทรัพย์สินให้ตามสมควร แต่หญิงทิพย์ฟ้านั้นเล่าเธอผูกโกรธอาฆาตเมฆาเป็นแม้นมั่น เธอรู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้าอย่างรุนแรง(เสียศักดิ์ศรี ให้คิดไปว่าหญิงชาวบ้านนั้นจะมีอะไรดีกว่าตน) งานนี้ไม่จบลงง่ายๆแน่เพราะเธอมีนิสัยฉุนเฉียวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว...

    "ฝากบทความล่องไปในอากาศ
    หากแม้นว่าได้สดับจงส่งจิตคิดถึงฉัน
    ฉันจะฝ่าขวากหนามข้ามไปเพื่อเจอกัน
    ดั่งวันนั้นที่เคยท่องล่องลำนำ!

    "หากข้าเป็นฟ้า" ญ

    "พี่จะเป็นเช่นไรวานเฉลย?"

    "หากข้าเป็นปลา" ญ

    "พี่จะขอเป็นสิ่งใดกันเล่าหนอ?"

    "หากวันใดข้าทุกข์ใจ" ญ

    "ยามนี้พี่ใยจึงเมินเฉย?"

    "หากแม้นสิ้นลมหายใจ" ญ

    "บัดนี้น้องแทบสิ้นชีวาวายพี่อยู่แห่งหนใด โปรดจงเอื้อนเอ่ยถ่อยร้อยวจี"

    เสียงเพลงขับลึกลับล่องมากับสายลมที่หนาวเย็นยะเยือกอีกครั้งหนึ่งแล้ว ท่ามกลางงานฉลองรอบกองไฟในคำคืนที่แสนยาวนานนี้ เดือนเพ็ญช่างสวยเย็นกระจ่างฟ้า การละเล่นต่างๆมีให้ชาวบ้านได้ผ่อนคลายกันถ้วนหน้า

    ครั้นสดับปริศนากลอนขับลึกลับแล้ว เมฆาให้รู้สึกคิดถึงนางแปรงหญิงสาวกลางไพรคนนั้นอย่างประหลาด เขาหยิบใบไม้มาเป่าเป็นท่วงทำนองคลอเคลียไปกับเสียงนั้นอย่างกลมกลืน

    ทองปานรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง จึงขอตัวออกไปเดินเล่นเพียงลำพัง หญิงน้อยไม่ยอม จึงขอติดตามไปด้วย มารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเดินออกมานอกหมู่บ้านแล้ว เหมือนจะเป็นด้วยแรงอธิษฐานแห่งนางผู้จงรักษ์ หญิงจำแลงในร่างนางแปรงครั้งอดีตกำลังนั่งชมจันทร์อยู่ท่าน้ำหน้าหมู่บ้าน หญิงน้อยเดินกุมมือขนาบข้างทองปาน เข้าไปยังศาลาท่าน้ำที่ชาวบ้านตกแต่งให้เป็นที่พักผ่อนคล้ายสำหรับนักเดินทาง

    นางรำพันบทกลอนนั้นอีกครั้ง ด้วยสายธาราเอ่อล้นรินอาบสองแก้ม สัมผัสพิเศษทำให้นางรับรู้ได้ถึงบุคคลทั้งสองที่อยู่ภายในศาลาแต่มิอาจหันกลับไปมอง เพราะเกรงจะเห็นภาพบาดใจ

    กริชโบราณที่ทองปานพกมาด้วยเกิดสั่นไหวและเปล่งแสงวาวเป็นประกายเมื่อต้องแสงจันทร์เพ็ญ!

    ท่วงทำนองประสานเสียงเป่าใบไม้ของเมฆาล่องลอยมาถึงท่าน้ำแห่งนี้ด้วย...

    นางแปรงเอื้อนเอ่ยมันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หากแม้นว่าอินชัดลืมเลือนเรื่องราวเก่าๆและคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ในอดีตจนหมดสิ้น นางก็จะกระโจนลงน้ำจากไปชั่วนิรันดร์ไม่หวนกลับคืนมาอีกเลย!...
     
  15. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
  16. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    แสงจันทร์สาดส่องต้องพื้นผิวน้ำ เกิดเป็นภาพพริ้วไหวงามระยับ ทองปานเหม่อมองดูสายน้ำด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ทันใดนั้นเอง! เมื่อเขาส่งกระแสจิตลงไป ภาพเหตุการณ์เก่าๆครั้งอดีตก็พลันปรากฎขึ้น!

    พญางูใหญ่กำลังกอดรัดเกี้ยวพาราสีกันท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญ ทั้งสองหยอกล้อต่อบทกลอนผสานเหมือนสมัยเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ สัญญารักสองภพช่างแน่นแฟ้นมิเคยลืมเลือนจางหายไปจากความทรงจำ ภาพตัดมาที่ปะรำพิธีเรียกภูตแห่งลำน้ำขึ้นมาเซ่นสังเวยดวงวิญญาณ พญานาคราชผู้เคราะห์ร้ายถูกชายผู้หนึ่งใช้กริซจ่วงแทงเข้าไปที่ท้อง!

    ใช่แล้ว มันเป็นกริซโบราณเล่มเดียวกันกับที่เขาพกอยู่ในขณะนี้

    ทองปานสะดุ้งสุดตัวเหมือนภาพเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้น เขารีบใช้มือขวากุมปานที่ท้องของตนเองด้วยความรู้สึกเจ็บแปล๊บ....

    " น นั้น ท่านเป็นอะไร พี่ขุนปราบฯ พี่ขุนปราบฯ พี่เป็นอะไรไป ?"

    ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ บัดนี้ทองปานเข้าสู่ห้วงภวังค์จิตแล้ว แม้หญิงน้อยจะเขย่าแขนสักกี่ครั้ง ทองปานก็มิได้รับรู้ถึงสัมผัสนั้นเลย

    ทองปานเพ่งมองดูภาพนั้นต่อไป พญานาคราชกำลังคิดที่จะใช้หางอันทรงพลังตวัดตอบโต้ แต่แล้วกลับหยุดชะงักลง พร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลั่งไหลพร่างพรูออกมามิรู้จบ เมื่อพบว่าชายผู้นั้นอดีตชาติคือพ่อบังเกิดเกล้าแท้ๆของเขาเอง!

    ในใจเกิดคำถามขึ้นมากมาย สองภพแล้วนะ ทำไม? มันเพราะอะไรกัน? ทำไมพ่อถึงฆ่าฉัน? หรือเพราะประเพณีอันแสนโหดร้ายนั่น! หยุดเสียทีเถอะ พอเสียทีทีทีทีที....
    (เหมือนเบื้องบนจะรับรู้คำวิงวอน หลังจากที่เลือดของพญางูใหญ่ต้องสายธารา ไม่นานน้ำก็กลายเป็นพิษและเกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้น ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ดังที่เคยกล่าวไว้ในตอนต้น)

    ในขณะที่ดวงจิตกำลังใกล้จะเคลื่อนออกจากภพ ยิน เสียงนางพญางูผู้จงรักษ์ ขับบทกลอนท่องลำนำสวดส่งดวงวิญญาณ! พญางูผู้ลาลับเอื้อนเอ่ยถ้อยวจีต่อจนจบ แม้ปากจะมิได้ขยับแล้ว แต่ใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความผูกพัน จะยังคงตราตรึงสถิตอยู่ในส่วนลึกก้นบึ้งของหัวใจตราบนานเท่านาน!...

    "ข้าจะเป็นดาวอยู่เคียงข้างเจ้า"

    "ข้าจะเป็นสายธารหล่อเลี้ยงมิห่างไกล"

    "ข้าจะเป็นกำลังใจไม่มีวันจางหาย"

    "ข้าจะขอติดตามเจ้าไปทุกภพชาติเอย!"

    "แปรง! นั่นเจ้าใช่ไหม นั่นเจ้าใช่ไหมมมมมมมม?"

    "พี่อินชัดดดดดด..."

    สิ้นเสียงตะโกนตอบรับ หญิงลึกลับที่นั่งอยู่ท่าน้ำก็เป็นลมสลบไป เป็นเพราะนางใช้พลังในการต่อสู้กับสมิงขาวแถมยังได้รับบาดเจ็บ แล้วยังกลายร่างเป็นมนุษย์เพื่อสร้างบรรยากาศเก่าๆให้ชายคนรักจำได้อีก นางเหน็ดเหนื่อยทุ่มเท่ถึงเพียงนี้ แต่ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
    ในที่สุดชายคนรักก็จดจำคืนวันเก่าๆได้ ความดีใจจนเกินขอบเขตทำให้นางมิอาจฝืนสังขารต่อไปได้อีก

    ทองปานลงจากศาลาท่าน้ำตรงเข้าประคองร่างนั้น แต่ท่าทีที่เขาแสดงต่อนางเหมือนคนคุ้นเคย ทำให้หญิงน้อยครางแครงสงสัย

    "เอ๊ะ! พี่ขุนปราบฯ รู้จักนางด้วยรึ?"

    "เรื่องมันยาว ไว้พี่จะเล่าให้ฟังที่หลัง ตอนนี้รีบพานางกลับที่พักก่อนเถอะ"

    น่าแปลก เมื่อทองปานอุ้มนางผ่านเข้าเมือง ศาลเจ้าสมิงขาวกลับมิได้แสดงฤทธิ์อำนาจขัดขวางแต่อย่างใด (นัยว่าด้วยอานุภาพแห่งกริซอาคมเล่มนั้น ฉายแสงเปล่งประกายคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา!)
     
  17. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "ลิขิตกรรมหนุนนำสรรพสิ่ง
    แม้กายสิ้นยังมิพ้นวัฎสงสาร
    ยิ่งหมายมั่นพันผูกยิ่งทรมาน
    แสนปวดร้าวเมื่อถึงคราวพรากจากกัน

    ทวิภพหมุนเวียนมาบรรจบ
    ก่อเกิดภพอุบัติดลผลตัณหา
    สัญญารักฝังในจิตติดมา
    อดีตแสนห่วงหาปัจจุบันเล่าทำฉันใด

    เมื่อชาตินี้มีรักใหม่มาพันผูก
    ยากจักพูดทำไฉนไม่เคอะเขิน
    งานมงคลจำใจต้องดำเนิน
    หากขัดขืนคงได้จบสิ้นชีวี

    อันความตายตายได้หาได้หวั่น
    สัญญามั่นมั่นคงมิเลือนหาย
    มาติดกตัญญูเสียก่อนชีพวาย
    ตอบแทนท่านสุขสุดท้ายค่อยลาไกล"

    "ชาตินี้เราไร้วาสนาต่อกัน ไว้พบกันชาติหน้าเถอะนะ แปรง!...ลาก่อนนนนนน!"

    "ไม่ อย่าไป กลับมา กลับมาาาาา....พี่อินชัดดด!!"

    "นี่ๆแม่หนู รู้สึกตัวแล้วรึ"

    "ฝัน นี่เราฝันไปดอกรึ แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"

    "ข้าเป็นแม่ของทองปานเอง แล้วที่นี้ก็คือบ้านของเขา เจ้าเป็นลมหมดสติไปที่ท่าน้ำหน้าหมู่บ้านโน่นแหน่ะ จำไม่ได้แล้วรึ?"

    "ทองปาน ใครกันจ๊ะป้า? ถ้างั้นตอนนี้ข้าก็เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านได้แล้วสิ!"

    "ทองปานนั้นหรือก็คือท่านขุนปราบไพรีเป็นชื่อของลูกชายข้าเอง เขาเป็นคนอุ้มเธอมาที่นี่ไง ว่าแต่ตอนที่เธอละเมอน่ะ เรียกชื่อใครกันรึ "อินชัดๆ" เขาเป็นใครกัน"

    "เขาเป็นคนรักฉันเองจ๊ะป้า เราจากกันไปนานแสนนานแล้ว ฉันเพิ่งได้เจอเขาที่ท่าน้ำ ชาตินี้เราจะไม่ยอมพรากจากกัน ฉันจะออกไปตามหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ ฉันขอตัวก่อนนะจ๊ะป้า"

    "เดี๋ยวๆแม่หนูกลับมาก่อน...อะไรของเขานะ พูดจาพิลึกคนจริง!"

    นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าความรักมักทำให้คนตาบอด หากมันมีกำลังกล้ามากเกินไปก็เป็นเหตุให้ขาดความยั้งคิดตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิดพลาด นางแปรงมิทันได้เฉลียวใจก็รีบหุนหันเดินทางจากไป ในขณะที่ทองปานเองเวลานี้ต้องอยู่รับใช้ใกล้ชิดท่านพ่อเมืองเพื่อตระเตรียมงานมหามงคลสมรสที่ใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว ดูเขาใจคอเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตั้งแต่คืนที่ได้พบกับคนรักเก่าครั้งอดีต จนบัดนี้ยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า ใจนึงอยากกล่าวคำว่าขอโทษ กลัวไม่ซาบซึ้งถึงใจ กลัวนางจะไม่ให้อภัยที่เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อคำมั่นสัญญา มิอาจอยู่ร่วมกันได้เหมือนดังเก่าก่อน(เป็นเพราะเจอกันเมื่อสายเกินไปแท้ๆ) อีกใจหนึ่งก็คิดที่จะพานางแปรงหลบลี้หนีไปอยู่ด้วยกันเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็ให้นึกเป็นห่วงมารดา ครั้นจะบอกความจริงแก่ท่านพ่อเมืองเพื่อขอยกเลิกงานมงคลมันก็สายเกินไปเสียแล้ว!

    ส่วนหญิงน้อยนั้นเล่าเธอก็ช่างเป็นกุลสตรีที่แสนงามพร้อมจะให้ทำเช่นไรในเมื่อความผูกพันครั้งอดีตมันมีพลานุภาพรุนแรงหนักหน่วงยากที่จะลบเลือนจากใจ

    การได้ระบายความอัดอั้นให้ใครบางคนรับฟัง คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในยามนี้ ถึงแม้เมฆาจะเป็นเพื่อนใหม่แต่ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนรู้จักกันมานาน ทำให้ทองปานตัดสินใจไม่กลับบ้านในวันนั้น

    "ข้ารู้ประวัติของกริชโบราณเล่มนี้แล้วล่ะเมฆา ภาพมันชัดเจนมาก มันก็คืออาวุธอาคมมีไว้สำหรับสยบภูตผีปีศาจทั้งหลาย และโดยเฉพาะพญางูใหญ่ภูตแห่งลำน้ำ" (ทองปานหยุดถอนหายใจใช้มือลูบปานดำที่ทองของตนเอง ก่อนที่จะพูดต่อ)

    "เอ็งคิดถูกแล้วที่ส่งมอบมันให้ข้า ต้องขอขอบใจเอ็งและตาปะขาวพราหมณ์ไพรผู้นั้นอีกครั้ง เพราะมันทำให้ข้ารู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ข้าจะไม่ขอพูดอ้อมค้อมอีกต่อไป กริชเล่มนี้มันได้สังหารคู่ของนางพญางู และเอ็งเคยมีส่วนร่วมในกรรมนั้นแม้จะไม่โดยตรงก็ตาม ด้วยความแค้นนางจึงติดตามมา บัดนี้คู่ของนางได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ความสนใจจึงมุ่งมาอยู่ที่ชายคนนั้น

    ขอเพียงเอ็งกล่าวคำขอขมากรรมด้วยความจริงใจแก่เขาและเธอทั้งสอง ถ้าเขาอดโทษให้พวกเอ็งและคนในหมู่บ้านทั้งหมดก็จะปลอดภัย"

    "แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร ว่าชายผู้นั้นเขาเป็นใครและตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน แล้วเขาจะอดโทษให้อภัยข้าหรือไม่?"

    "ไม่ยากเลย เมฆา เพียงแค่เอ็งรับฟังเรื่องที่ข้าจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ เอ็งก็จะเข้าใจ...แต่ก่อนอื่นนะข้าอยากจะวัดฝืมือกันเอ็งก่อนดูสิว่าจะมีค่าพอให้เปิดเผยความจริงบางอย่างหรือไม่"

    "เรื่องนี้ข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน ถ้างั้นก็เข้ามาเลย ท่านขุนปราบทองปาน!!"

    บางครั้งการใช้กำลังเพื่อเชื่อมความสัมพันระหว่างลูกผู้ชายทั้งสอง ก็อาจเป็นสิ่งจำเป็นทำให้มิตภาพแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนมันไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือได้...
     
  18. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    หากการระลึกถึงสิ่งที่เคยกระทำไว้ในอดีตแล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในปัจจุบัน มันก็คงดีไม่น้อย เพราะเมื่อทราบผลกรรมที่ตามมาทัน เราก็จะได้ไม่ประมาทอีก
    แต่ถึงกระนั้นผู้เป็นอยู่ด้วยความปรารถนาแรงกล้า ก็มิวายที่จะถูกกิเลสตัณหาชักนำพาไปในทางต่ำเสมอ ดุจสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกราด ยากเกินต้านทาน

    หลังจากเมฆาได้รับฟังเรื่องราวของตนจากทองปาน ตั้งแต่สมัยที่เป็นไอ้ใหญ่เพื่อนทรยศของอินชัดแล้ว มันทำให้เขารู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก ด้วยความที่เขาหลงรักผู้หญิงคนเดียวกันแท้ๆ เป็นเหตุให้ชาตินี้เขาต้องทนทุกข์อยู่ด้วยความหวาดระแวงภัย นอนหลับไม่เต็มอิ่ม จิตใจร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผา ฯลฯ ในขณะที่กำลังใช้ความคิดส่งกระแสจิตน้อมตามสิ่งที่ทองปานกำลังพูดอยู่นั้น ภาพหญิงสาวนางหนึ่งก็ปรากฎขึ้น ใช่แล้วหญิงสาวกลางไพรที่ตนหลงรักผู้นั้นนางก็คือ"แปรง" พญางูใหญ่ภูตพยาบาทแห่งลำน้ำที่ติดตามไล่ล่าเอาชีวิตของเขาอยู่ในขณะนี้นั้นเอง!

    แต่ทำไมกันนะ? เมื่อรู้ถึงขนาดนี้แล้วความรักความสิเน่ห์หาในตัวนางกลับไม่ลดน้อยถอยลงไปเลย! แต่หากจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปกว่าเดิม! (เมฆาตรึกในห้วงมโนนึก)

    "ทองปาน บัดนี้ข้าได้รับความกระจ่างมากขึ้นแล้ว ว่าแต่"แปรง"ขณะนี้ยังพักอาศัยอยู่ที่บ้านท่านใช่ไหม งั้นข้าขอตามไปด้วย เราสามคนเมื่ออยู่ต่อหน้ากันแล้วข้าจะได้ปลดเปลื่องความผิดพลาดครั้งอดีตเสียที"

    ผู้คนในหมู่บ้านกำลังสาระวนยุ่งอยู่กับการประดับตกแต่งบ้านเรือน เพื่อเตรียมฉลองงามมงคลอันทรงเกียรติ พญางูจำแลงเมื่ออยู่ในอัตภาพความเป็นมนุษย์ทำให้ความสามารถพิเศษในการดมกลิ่นรับสัมผัสหายไป การที่จะแปลงกายเป็นพญางูเพื่อออกติดตามหาชายคนรักนั้น มันก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป แล้วนี่เราจะไปตามหาพี่อินชัดได้ที่ไหน นางถามคนในหมู่บ้านก็ได้รับคำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้จักคนที่ชื่ออินชัดเลย! ทราบแต่ว่าเขาจะมีการจัดงานมงคลสมรสบุตรสาวท่านเจ้าเมืองกับท่านขุนปราบฯ เมื่อนางไร้ที่พึ่งจึงหวนกลับคืนไปตั้งหลักที่บ้านของว่าที่ราชบุตรเขยนั้นเอง!

    และแล้วการพบปะของทั้งสามก็เกิดขึ้น แต่พวกเขาคงมิรู้หรอกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องมองดูการสนทนาของพวกเขาอยู่!

    อ้อมกอดที่คุ้นเคยโผเข้าหาทองปานพร้อมหยาดน้ำตาที่รินอาบสองแก้ม นี้คงเป็นสัญชาติญาณทั่วไปของสตรีเพศกระมัง ที่มักจะหลั่งออกมาอย่างง่ายดายทั้งในเวลาดีใจและเสียใจ

    "พี่อินชัด พี่อินชัดจริงๆด้วย นี่แปรงมิได้ฝันไป แปรงออกตามหาพี่มานานแสนนานแล้ว แต่นี้ต่อไปเราจะไม่พรากจากกันอีก!"

    "ด เดี๋ยวก่อนแปรง ค คือ พี่ คือ..."

    ทองปานตะลึงงันจนพูดอะไรไม่ออก ในขณะที่เมฆาแหงนดูท้องฟ้าวิชาโหรศาสตร์ของเขาแม้นยำเสมอ อากาศยามเช้าช่างเป็นนิมิตหมายที่ดียิ่งนัก หลังจากได้ออกแรงปะมือกับทองปานเมื่อคืนแล้ว มันทำให้เขารู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ทองปานแข็งแกร่งเกินกว่ามหาโจรแดนใต้จะเอาชนะได้

    แววตาขอความช่วยเหลือมองไปที่เมฆา เขาจึงกระแอมขึ้นขัดจังหวะคนทั้งสอง แปรงนึกฉุนกับก้างปลาตัวใหญ่ที่ขวางลำคอ และทะลวงถึงจิตใจเมื่อเพ่งมองดูชายผู้นั้นอย่างพินิจ

    "ก แก ไอ้ใหญ่! นี่แกเองรึ มาหาที่ตายจนได้นะ!"

    "เดี๋ยว แปรง เขาสำนึกผิดแล้วพวกเราให้อภัยเขาเถอะนะ" (ทองปานรั้งมือนางไว้ก่อนที่เขี้ยวมัจจุราชจะแผลงฤทธิ์)

    เข่าทระนงของชายผู้กล้าทรุดลงต่อหน้าบุคคลทั้งสอง คำขอขมากรรมพร่างพรูออกมาจากจิตใต้สำนึก มันช่างเป็นภาพเหตุการณ์ที่แสนงดงามประทับใจ ล้ำลึกเกินกว่าคำบรรยายใดๆมาเสกสรรค์
    น้ำตาชุดที่สองไหลพรากอาบสองแก้มนางอีกแล้ว แต่ครั้งนี้มันคงเป็นหยาดน้ำแห่งความเย็นที่ไหลชะโลมจิตใจ และชำระล้างตราบาปที่พันธนาการไว้

    อ่า!...นี่หรืออานุภาพแห่งอภัยทาน มันช่างเป็นรสชาติของสันติวรบทที่แสนมีความสุขสงบอะไรเช่นนี้ เมื่อผู้เป็นนายเวรทั้งสองได้ปลดปล่อยเจ้ากรรมให้เป็นอิสระ บัดนี้ความทุกข์ความหวาดระแวงภัยของเมฆาได้ปลาสนาการ
    ไปสิ้นแล้ว...^_^
     
  19. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ในขณะที่มิตภาพเริ่มกับคืน ปัญหาปัจุบันก็ประดังเข้ามา

    "แล้วงานแต่งหล่ะ เราจะทำไงดี!"

    น้ำเสียงองอาจของเมฆา ทำให้แปรงผะมือจากอ้อมกอดด้วยใบหน้าถอดสี นางเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า ที่ชาวบ้านเขาพูดถึงงานมงคลสมรสนั้นมันหมายถึง งานแต่งของอินชัดนั่นเอง!

    "ม ไม่ ไม่จริงใช่มั้ยพี่อินชัด?"

    แววตาสีหม่นรอคำยืนยันจากอดีตชายคนรัก นางร่ำไห้เสียจนไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกแล้ว! ทองปานเห็นใบหน้าอันบอกช้ำด้วยหยาดน้ำที่แห้งเกรอะกรัง มันทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก

    "ไม่ผิดหรอกแปรง เธอเข้าใจถูกแล้ว อีกสองวันฉันกับพี่ขุนปราบทองปานเราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน!"

    น้ำเสียงสุภาพแทรกขึ้นกลางวงสนทนา ร่างงามระหงส์ค่อยๆปรากฎตัวต่อหน้า ที่แท้หญิงน้อยแก้วฟ้ากัลยาได้แอบตามทองปานมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แววตาแดงกล่ำพร้อมใบหน้าหม่นหมองมีสภาพไม่ต่างกับแปรงมากนัก ในขณะที่บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ผู้มาเยือนก็เริ่มบทสนทนาต่อไป

    "ที่พี่ขุนปราบดูเปลี่ยนไปก็เพราะอย่างนี้นี่เอง... เรื่องเมื่อคืนหญิงรู้หมดแล้ว...ก็ผู้ชายเวลาคุยกันถูกคอเสียงดังออกปานนั้น! (นางรักษามารยาททำนองว่ามิได้จงใจแอบฟัง)

    "แต่ยังไงเสีย พิธีมงคลก็จะล่มมิได้เป็นอันขาด!"

    เหมือนสายฟ้าฟาดผ่าลงกลางใจ หญิงน้อยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธอเดินเข้าไปหาแปรง ทั้งสองจ้องมองหน้ากันด้วยความรู้สึกของหญิงที่มีชายคนรักเดียวกัน!

    "เธอคงรักพี่ขุน..เ อ๊ย ! ไม่ใช่ พี่อินชัดของเธอมากใช่ไหม?"

    "ใช่" (แปรงตอบเสียงห้วน)

    "นั่นสินะ ไม่งั้นคงมิได้ติดตามข้ามภพข้ามชาติมาถึงขนาดนี้...แต่อดีตมันก็คืออดีต จะมาผสมปนเปกับปัจจุบันได้ไง!"...

    ทองปานตรงเข้ากระชับมือแปรงที่กำลังเดือดสุดขีด กริชอาคมสั่นเตือนภัยอยู่ข้างกาย มันแผ่พลังงานลึกลับสะกดอารมณ์พญางูจำแลงไว้ ทำให้นางอ่อนแรงในบัดดล หญิงน้อยเห็นอากับกิริยาของว่าที่ราชบุตรเขยที่มีต่อแปรงแล้ว ก็รู้แน่ชัดว่า คนที่เขาเลือกมิใช่ตน นางแกล้งพูดรุนแรงออกไปอย่างนั้นก็เพื่อลองใจท่าทีของคนทั้งสอง

    "เอาเถอะฉันเข้าใจแล้ว จะมีประโยชน์อะไร หากครอบครองได้เพียงตัวแต่ไร้ซึ่งหัวใจ"

    ประโยคนี้หญิงน้อยกล่าวพร้อมมองหน้าทองปานที่เอาแต่หลบสายตา ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วชายชาตินักรบที่ไม่หวั่นเกรงสิ่งใดจะมาพ่ายแพ้น้ำตาอิสตรี!

    "สมัยที่เธอเป็นมนุษย์อาศัยอยู่ในหมู่บ้านห้วยกระเสียวนั้น ได้ยินว่าเธอถูกกีดกันเรื่องความรักใช่ไหม?"

    ไร้ซึ่งคำตอบ แปรงได้แต่นิ่งเพื่อดูเชิงศัตรูหัวใจ

    "ทั้งสองถูกจับถ่วงน้ำ คงตายอย่างทุกข์ทรมานนัก"

    ประโยคนี้หญิงน้อยกล่าวพร้อมมองหน้าเมฆาที่เหงื่อกาฬเริ่มปรากฎ

    "การได้เข้าพิธีสมรสกับชายคนรักอย่างถูกต้อง เธอคงไม่เคยได้สัมผัสสินะ?"

    ดวงตาแดงกล่ำของทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หญิงน้อยฉายแววประกายอ่อนโยนออกมา นางพญางูมีสัมผัสพิเศษอยู่แล้วจึงเข้าใจความรู้สึกของเพศเดียวกันได้ไม่ยาก

    "เธอจงจดจำใบหน้าท่าทางและบุคคลิกภาพของฉันไว้ให้ดีๆ ร่างจำแลงของฉันในชุดวิวาห์มงคลนั้นจะต้อง งดงามสง่าสมพระเกียรติท่านพ่อเมือง!"

    "นะ"

    "แปรง!!"...>_<
     
  20. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ช่วงนี้งานยุ่งครับ คิดว่าจะจบนิทานส่งท้ายปีเก่า แล้วเริ่มเรื่องใหม่ฉลองต้นปี
    ไม่รู้จะมีกำลังใจผลิตผลงานได้เต็มที่แค่ไหน เพราะแต่ละเรื่องใช้พลังงานไปเยอะ!...อิอิๆ ^_^
     

แชร์หน้านี้

Loading...