จะเป็นสมาธิได้เร็ว คำบริกรรมควรภาวนาแบบเร็ว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย magic_storm, 22 มกราคม 2008.

  1. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    อยากจะแนะนำการฝึกสมาธิแบบทำให้เป็นสมาธิเร็ว จิตไม่ฟุ้งซ่านง่าย

    เวลานั่งสมาธิให้บริกรรมคำภาวนาแบบเร็วๆ เช่นคนท่องพุทโธ ก็ท่อง พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ....อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสนลมหายใจว่าจะเข้าหรือออก ให้สนใจเฉพาะคำภาวนา ถ้าจิตเป็นสมาธิแล้ว คำภาวนาก็จะช้าลงๆๆๆ และลมหายใจก็จะละเอียดไปเอง

    คำแนะนำนี้ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ได้ แต่ผมขอบอกไว้เลยว่า หลวงปู่ที่ผมเคารพท่านแนะนำไว้ ซึ่งผมทำตามแล้วก็ได้ผล จิตไม่ว่อกแว่กง่าย ไม่สัดส่าย

    หลวงปู่บอกว่า ถ้าเรามัวมาบริกรรมช้าๆ แบบนี้...

    หายใจเข้า พุท [ในใจก็กลับคิดว่า เฮ้อ จะเอาตังค์ที่ไหนจ่ายค่าแชร์วะ]
    หายใจออก โธ [ในใจก็กลับคิดว่า เฮ้อ ค่าบัตรเครดิตก็ยังไม่ได้จ่าย]
    .
    .
    .
    เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ค่อยๆหายใจเข้าก็คิดนั่น ค่อยๆหายใจออกก็คิดนี่ แล้วเมื่อไหร่ล่ะ จิตถึงจะรวมเป็นสมาธิกัน หลวงปู่บอกว่า ไม่ทันกิน

    ลองทำดูสิครับ เพราะเวลาภาวนาแบบเร็วๆ จิตเราจะไม่ค่อยคิดเรื่องอื่นเท่าไหร่ เนื่องจากเราไม่ปล่อยโอกาสให้จิตว่าง ให้จิตไปสนจับที่คำบริกรรมแทน จึงเป็นสมาธิเร็ว

    จะเชื่อหรือไม่ว่า เพราะหลวงปู่ท่านใช้วิธีนี้เป็นบาทฐานทำให้ท่านบรรลุมรรคผลมาแล้ว

    เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้างจึงได้นำบอกกล่าวแก่ผู้ที่สนใจครับ
     
  2. namprighom

    namprighom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +373
    ลองแล้ว จริงดังท่านว่าแฮะ
     
  3. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    เคยลองแล้ว จริงดังที่ จขกท แนะนำ

    แต่วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะกับจริตของแต่ละคนนะ บางคนช้าได้ผล ก็ทำแบบเดิมไป

    วิธีเร่งคำบริกรรมแล้วได้ผลเพราะ เฉพาะในบางคนถ้าช้าจิตส่งออกนอก เลยเร่ง ๆๆๆๆๆๆๆๆ พอเร่งจิตก็ไม่ออกนอกลู่เหมือนเราเร่งเครื่องยนต์เราต้องระวังตั้งสติกับเส้นทางเป็นพิเศษ และแล้วรถก็วิ่งในลู่ในร่องของมัน นั่นคือจิตรวม

    อยากแนะนำเพิ่มอีกเหมือนกันคือ

    ตอนเริ่มต้นภาวนาให้หายใจเข้าลึก ๆ และยาว ที่สุดเหมือนอัดลมให้เต็มปอด แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมออกมาทีละน้อย ๆ ๆๆๆๆๆๆๆ ทำแบบนี้สัก 3 - 5 ครั้งของการหายใจแรก ๆ ทำให้จิตเป็นสมาธิได้เร็วดีเหมือนกัน เหมือนเผาหัวเครื่องยนต์ให้ร้อนก่อน จากนั้นภาวนาไปตามปกติที่ท่านถนัด

    อีกอย่างการบริกรรมคำภาวนาอย่างเดียวจิตอาจยังไม่เป็นสมาธิ ให้ใช้เครื่องช่วยที่ 2 คือเอาจิตจับกับยึดที่อะไรเพิ่มอีกสักอย่าง เช่น เอาจิตจับลมหายใจที่ปลายจมูกทั้งลมเข้า ลมออก แป๊บเดียวจิตจะรวม หรือท่านอื่น ๆ อาจใช้กสิณ หรือลูกแก้วอะไรก็ได้ หรืออื่น ๆ ก็ได้ผลเหมือนกัน อย่าลืมเครื่องช่วยที่ 2 ป้องกันการส่งจิตออกนอกขณะภาวนาได้ดีมาก

    เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิแล้วคำบริกรรมจะค่อย ๆ แผ่วเบาแล้วหายไปเอง ไม่ต้องดึงกลับมาแสดงว่ากำลังได้ที่แล้ว ให้ทำสติรู้เฉย ๆ ถ้าดึงกลับมาอีกก็เท่ากับการมีวิตกวิจารณ์(ฌาน 1)(คือการเริ่มยกอารมณ์พิจารณาใหม่ ก็ไม่ไปไหนซักที) คำบริกรรมแผ่วเบาบาง และคำบริกรรมหายไปในที่สุด พอถึงตอนนี้ถ้าคนที่ฝึกใหม่ ๆ อาจมีปิติแบบต่าง ๆ (หาอ่านเอง) บางคนที่ฝึกชำนาญแล้วมันก็กระโดดข้ามไปเร็วมากเหมือนไม่ผ่านฌาน 2

    จากนั้นเมื่อคำบริกรรมหายไปหมดแล้วแต่มีสติรู้ชัดอยู่ (สติหนาแน่นกว่าคนลืมตาอีก) จะมีความรู้สึกว่าตัวหายไปทั้งตัวคือไม่มีตัวอยู่แล้วหายไปหมดเลย แต่มีสติรู้อยู่นี่เป็นอาการของฌานที่ 3 จิตรวมแล้ว (รวมมาตั้งแต่ฌาน 2 แล้ว) แต่ยังรู้สึกว่าจิตยังไม่แน่นหนาคือยังคลอนแคลนิด ๆ แต่ประคองได้

    ใครได้ฌาน 4 มาเขียนต่อให้หน่อยครับ

    เขียนเถอะครับแบ่งปันกัน เป็นฆารวาสไม่ผิดข้อบัญญัติ ถ้าเป็นพระห้ามพูดว่าได้ฌานอาจมีคนปรับท่านปราชิกเลยนะ ดังนั้นฆารวาสที่มีทำได้ไกล ๆ แล้วมาแบ่งปันกันหน่อย เพื่อเป็นประโยชน์กับส่วนรวม พระที่ท่านได้ท่านพูดไม่ได้

    ตำรามีเยอะแล้วเอาแบบว่าที่ประสบกับที่ท่านทำเองจริง ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
  4. mikky

    mikky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +577
    ลองแล้ว แต่ใช้กับบอาณาปานสติไม่ค่อยได้ผลตามลมหายใจไม่ได้ ใช้เพ่งกสินก็ไม่ได้เหมือนกัน มันไม่จับภาพ ใช้ภาวนาแบบไม่สนใจอะไรเลยสนใจคำภาวนาอย่างเดียวมันหลุดตามไม่ทัน สงสัยไม่ถูกกับผมละมั๊ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2008
  5. rux

    rux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +990
    ตามจริตของคนครับ ชอบแบบไหนถนัดแบบไหนก็จับเอาเลย

    สาธุ
     
  6. Masquerader

    Masquerader เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +323
    อนุโมทนากับ จขกท ครับ เป็นประโยชน์ต่อผู้ศึกษาใหม่และคนทั่วไปที่เริ่มฝึกหรือฝึกต่อไม่ได้ครับ ได้ประโยชน์ดั่งท่านกล่าวนักแล
     
  7. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ฌาน 4 มีลักษณะเหมือนเครื่องวัดชีพจรของหมอ ตอนคนตาย คือ
    ติก ติก ติก ตีดดดดดดดดดดดดดดดดดดด --------------------------
    นิ่งไปอย่างนั้น เหมือนคลื่นมันนิ่งเป็นเส้นเดียวฉันนั้น
    พอถอนออกก็จะติก ติก ติก ตามเดิม
     
  8. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    ผมขอถามหน่อยครับ แล้วเมื่อคุณอารมณ์ฌานขั้นนี้ จิตคุณเป็นอย่างไร มีอาการแบบไหน เพราะฌานขั้นนี้สามารถ รู้อดีต รู้อนาคตได้แล้ว แต่จะแม่นยำแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ กำลังของจิต หรือมีอากรแค่สงบรวมเฉยๆ อยากรู้อารมณ์ต่างๆของคุณน่ะครับ
     
  9. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    หลวงตามหาบัว หลวงปู่เจี๊ยะ ท่านก็สอนแบบนี้แหละครับ
    หลวงปู่เจี๊ยะท่านสอนให้บริกรรม พุทโธๆๆๆๆๆ ให้ถี่ยิบ รัวเป็น M-16 เลย
    ท่านเล่าว่าไปอยู่กับหลวงปู่มั่นหลายปีหลวงปู่มั่นท่านก็สอนให้บริกรรมพุทโธแบบนี้ตลอด
     
  10. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053

    แฮ่ๆ ถูกครับ ก็หลวงปู่ที่สอนนั้นท่านก็เป็นทั้งลูกศิษย์หลวงตามหาบัวและก็หลวงปู่หล้า สนิทกับหลวงปู่เจี๊ยะ เป็นพระวัดป่าสายหลวงปู่มั่นนี่แหละครับ

    ท่านใช้วิธีนี้แหละ ถึงได้บรรลุอรหันต์ ท่านได้เล่าให้ฟังตั้งแต่ท่านบริกรรมยั้นท่านต่อสู้กับกิเลสอย่างฟาดฟันไม่ยอมแพ้กัน จนท่านบรรลุในที่สุด [โอ้ย...พิมพ์ไปขนลุกไป นึกถึงตอนที่ท่านเล่าให้ฟังแล้วจินตนาการภาพตาม ทำให้เห็นภาพและวิธีการที่จะเอาชนะกิเลสได้] หลวงปู่หล้าก็ได้เข้ามาช่วยท่านในสมาธิ เหมือนกับพี่เลี้ยงนักมวยเลยล่ะครับ

    จะบอกว่าเป็นโชคดีก็ได้ครับ ที่หลวงปู่ท่านมีอาจารย์ดีอย่างหลวงปู่หล้าครับ
     
  11. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ใครรู้ตอบทีครับ สายพระป่าท่านเดินจงกลมเร็วด้วยใช่ไหมเท่าที่เคยได้ยินมา แบว่าเดินฉับ ๆ ๆ ๆ ๆ จะได้ทดลองฝึกบ้าง
     
  12. Montesquieu

    Montesquieu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2008
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +116
    ขอบคุณมากๆเลยครับ นี่ถือเป็นปัญหาของผมตอนนี้เลย คือคิดฟุ้งซ่าน ขออนุโมทนา สาธุครับ แต่หลวงปู่ก็เข้าใจคิดดีนะครับ ที่ยกตัวอย่างเรื่องแชร์น่ะ(deejai)
     
  13. หยากหลุดพ้น

    หยากหลุดพ้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +359
    สมาธิแบบ 200 กม./ชม.

    ......น้ำมันหมด ก็ช้าลงเอง ฮา...
    จะลองไปทำดูครับ น่าจะได้ผลเร็ว [​IMG]
     
  14. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    สมัยก่อนผมเริ่มทำสมาธิใหม่ๆ ผมลองหลายสายมากครับ แบบรัวๆก็เคยใช้ ภาวนาเข้าออกกับลมหายใจ แต่ทำไปนานๆแล้วรู้สึกอึดอัดมากๆ กับคำภาวนา ก็เลยมาลองไม่ภาวนารู้ลมอย่างเดียว ผลปรากฏสบายมากๆ ผมก็เลยรู้จริตตัวเองว่าต้อง "อานาปาณสติ" รู้ลมหายใจเข้าออก อย่างเดียวเท่านั้น

    เพราะสมัยก่อน ภาวนามาเยอะมาก ทั้ง พุทโธ หยุบหนอ พองหนอ นับ1-1000 ฯลฯ

    ของแบบนี้ผมว่าอยู่ที่จริตคนๆนั้นจริงๆครับ พระสายหลวงปู่มั่นท่านส่วนใหญ่อาจจะจริต และ อัธยาศัยที่เคยสั่งสมมาเป็นแบบนั้น เลยภาวนาแบบนี้ได้ผลครับ สาธุ
     
  15. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    ลองเดินแบบธรรมดาแล้วกำหนดความรู้สึกตัวเข้าไปด้วยซิครับ เมื่อคุณชินแล้วจะใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย
    ขออนุโมทนาครับ
     
  16. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    ผมเอาเสียงเทศน์ของหลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล มาให้ดาวน์โหลดกันนะครับ เป็นเทศน์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติธรรมของท่านจนบรรลุและสอนพระเรื่องการภาวนา

    เทศน์นี้จะได้ยินเสียงหลวงปู่เกษมร้องไห้ด้วย ใครอยากรู้ว่า พระอรหันต์ก็ร้องไห้ได้เหมือนกันครับ

    ทั้งหมดแบ่งเป็น 5 ไฟล์ นะ

    4 ไฟล์แรก ไฟล์ละ 29.45 MB.

    ไฟล์สุดท้าย 21.33 MB.

    ไฟล์ 1
    ไฟล์ 2
    ไฟล์ 3
    ไฟล์ 4
    ไฟล์ 5
     
  17. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    สายพระป่าท่านเดินจงกรมเร็วด้วยใช่ไหม.....เท่าที่เคยได้ยินมา แบบว่าเดินฉับๆๆๆๆ

    คืออย่างนี้ครับ...(ขอเล่าพอเป็นแนวทาง)..เท่าที่ปฏิบัติมา ตอนบวชเป็นพระ การเดินจงกรมนั้นก็เดินกัน
    แบบธรรมดาเหมือนเดินกันทั่วๆไป ถ้าเดินช้าจิตมักจะคิดหรือส่งออกนอก ทำนองแบบว่ามีช่องว่าง คอย
    ให้จิตส่งออกได้เหมือนตามที่เจ้าของกระทู้ท่านได้บรรยายไว้ พอเดินจงกรมนานๆเข้า จิตเริ่มเป็นสมาธิ
    เริ่มเข้าลึกหรือสูงขึ้นไปตาม...ลำดับ ๆ ตัวจะเบา กายจะเบา ก็จะเดินเร็วขึ้นเป็นลำดับ เป็นอัตโนมัติ
    เหมือนกัน แล้วก็ไม่คอยรู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้า สมาธิที่ตั้งหรือได้จากการเดินจงกรมก็จะอยู่ได้นาน
    และไม่ค่อยเสื่อมได้โดยง่าย อีกทั้งเป็นการเปลี่ยนอิริยาบท เมื่อกลับมานั่งสมาธิก็จะเข้าสมาธิได้ง่าย
    นั่งได้ทน ได้นาน ไม่ค่อยปวดเมื่อย ปกติครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่าถ้าเดินจงกรม เช่น 2 ชั่วโมงก็
    กลับมานั่งต่ออีก 2 ชั่วโมง ซึ่งก็คอยปรับให้สมดุลย์หรือเท่ากันในแต่ละวัน ระยะเวลาก็เลือกเอาตาม
    แต่เหมาะสมของแต่ละคน จะมากหรือน้อยแล้วแต่ ก็ยังส่งผลในการเดินบิณฑบาตรด้วยเพราะต้อง
    เดินออกไปไกลเหมือนกัน ไป กลับ ก็ประมาณชั่วโมงเศษๆ เดินไปภาวนาไปเหมือนเดินจงกรม แต่ออกไป
    เดินนอกวัด บางทีดูเหมือนใกล้เพราะภาวนาหรือพิจารณาไปด้วย (เดินมองตามทาง ไม่เดินแบบชมวิวหรือ
    ชมนก ชมไม้ไปเรื่อย) ก็เดินเร็วอยู่เหมือนกัน ตอนบวชใหม่ๆเดินตามขบวนพระแทบไม่ทันเหมือนกัน
    มีเคล็ด (ไม่) ลับ พอบอกกล่าวดังนี้ (ครูบาอาจารย์ท่านสอน สั่งไว้) เวลาเดินจงกรมนั้นให้ทำเหมือนว่า
    เรานั่งสมาธิอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนอิริยาบทมาเดิน เท่านั้น หรือจะพิจารณาหลักธรรมะต่างๆ ในขณะเดิน
    นั้นก็ได้และถ้าเดินบนทางจงกรม เวลาสุดปลายทางเดินนั้นให้เอี้ยวหรือหมุนตัวกลับทางด้านขวาเสมอ
    (เหมือนเดินเวียนเทียนรอบเจดีย์) การก้าวเท้าแรกก็ให้ก้าวเท้าขวาออกก่อนเสมอ ส่วนที่ว่าเดินฉับๆๆๆ
    หรือเร็วๆ นั้นมีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้เดินจงกรมรอบวัด เวลานั้นก็เย็นใกล้ค่ำ ก็ไปเดินจงกรมเป็นปกติแทบทุกวัน
    (บางวันฝนตก ก็สับเปลี่ยนเวลาบ้าง) ข้าพเจ้าเดินไปทำสมาธิไป รู้สึกตัวเบา กายเบา ก็เดินเร็ว ๆ ขึ้น ๆๆๆ
    ทีนี้มันตัวเบากายเบาเดินเหมือนเท้าไม่ค่อยแตะพื้น มันเหมือนจะเหาะเลย ทางไกลๆ เหมือนจะแป็บเดียวถึงแล้ว
    ก็ลองเดินไปเดินมาอยู่อย่างนั้น ดีที่มืดค่ำลงเสียก่อน ตอนนั้นก็กลัวคนมาเห็นเข้า เดี๋ยวเข้าใจผิดไปต่างๆ นานา
    อาบัติจะถามหาได้ ตั้งแต่นั้นมาก็พอจำอารมณ์นั้นได้และนำมาใช้อยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ แม้จะสึกจากความ
    เป็นพระแล้ว (อ่านแล้วโปรดใช้วิจารณญานด้วย...) ก็พอบอกเล่าเก้า...สิบ....ให้ทราบพอเป็นสังเขป หวังว่า
    คงมีประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อย โดยข้อความทั้งหมดเป็นเรื่องราวตามภูมิรู้ ภูมิธรรมของข้าพเจ้า......ซึ่ง
    อาจไม่ตรงหรือเหมือนกับแนวทางของครูบาอาจารย์.... หากผิดพลาดหรือพลาดพลั้งประการใด.....ก็ขอให้โทษ
    กล่าวแต่ข้าพเจ้าและขอรับผิดนั้นแต่เพียงผู้เดียว

    โมทนาสาธุการ กับทุกผู้ทุกคน
     
  18. ขุนพล พลมณี

    ขุนพล พลมณี บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ++

     
  19. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    ขออนุโมทนาสาธุอย่างเดียว

    หลวงปู้เจ๊ยะ จุนโท ท่านบอกว่า
    ให้ภาวนาพุทโธ ๆ ๆ ๆ เหมือนกันคับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...