ขอถามท่านที่ได้ฌานน่ะ ทำไมเวลามีไรกับแฟน.....

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nataphat, 13 ตุลาคม 2014.

  1. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    ถ้าใบไม้ในกำมือ ไม่มีวิธีเหมาะๆ มารับมือ ให้ถูกใจท่านได้
    ลองใบไม้ที่ร่วงจากกำมือไม๊ครับ จากคลังเคล็ดวิชาของเรา
    ก็มีชุดนึงนะ ที่น่าจะนำมาใช้ได้ดี ในสถานการณ์ที่ท่านต้องการ ความว่า

    "เทคนิค แท๊คติก ตุกติก ทริค แล้วก็แถ" เคล็ดวิชาทั้งห้า ที่บังเอิญเจอมา
    ในกรณีของท่าน ขอแนะนำวิธีประยุกต์เคล็ด ให้ลองใช้ดูไม๊ครับ หึหึหึ

    สามารถใช้ช่วยย่นระยะเวลาในการระดมพลังงาน ขึ้นมาได้อย่างเร็ว
    ไม่ต้องรอหลายวัน หลายคืน ชักช้าไม่ทันใจวัยสะรุ่น

    ๑. ใช้แนวจักระ มาปรับใช้งาน คือหลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้นเสียแรงเรียบแล้ว
    จักระเพศ ก็จะเสียพลังงานไป ก็ให้ปลุกจักระนี้ขึ้นมา ให้เพิ่มพลังงานขึ้นมาได้อย่างไว
    ความสมดุลของกาย และจิต ก็จะกลับมาสู่จุดเก่าได้ไว คล้ายกดปุ่ม redo น่ะครับ

    อันนี้ประยุกต์ใช้ ในแนวเคล็ด "ทางเทคนิค" สมดุลแห่งกาย ครับ

    ๒. ใช้ "วสี" ในแบบพิศดารหน่อย คงไม่มีอาจารย์ที่ไหนสอนแน่ ๕๕๕
    คือทำมันบ่อยๆ ให้เพลียแล้วเร่งพลังขึ้น หรือเอาให้หนักๆ แล้วฝึกต่อเลย
    หลังจากพักเพียงเล็กน้อย หาอะไรใส่ท้องให้มีพลังงาน
    ทำบ่อยๆ จนเชี่ยว เวลาที่ใช้เรียกระดับพลังเดิม ก็จะลดลงได้เรื่อยไป ครับ

    ส่วนข้อนี้ใช้เคล็ด "แถ" ครับ คือไม่ไปทางตรง ๕๕๕


    หรือใช้ปราณยาม / โยคะอาสนะ / โคจรกำลังภายใน / น่าจะมีอีก แต่ขี้เกียจนึกแล้วอ่ะ
    พวกนี้เป็นการฟื้นกำลังจากภายใน ผ่านธาตุลมล่ะมั้ง นะ ไม่รู้เหมือนกัน
    ก็เค้าว่ากายลมกับกายเนื้อมันสัมพันธ์กัน กับกายทิพย์และจิต

    เมื่อค่าหนึ่งในสมการนั้น ลดลง ก็ไปเพิ่มจากอีกฝั่งนึงได้ ใช่ไม๊น๊า
    เพื่อทำให้สมการมันสมดุลดังเดิม ใช้การปรับทางอ้อม



    อืม...เขียนออกมายากเหมือนกันแฮะ ไม่เคยลองให้ไหลสไตล์นี้
    อาจจะออกแนวมั่วไปหน่อย ถ้าฝึกฝนและค้นหาเพิ่มเติม คงออกมาดีกว่านี้ล่ะมั้ง นะ

    ...อยากตะแคง เดินไป ใจปูบอก
    ไม่อยากหลอก ตัวเอง เก่งเกินหน้า
    โคตรของตู ปูเอียง เรียงเดินมา
    ไยจึงบ้า จ้องจับ บังคับตรง หึหึหึ


    งั้นเอาแค่นี้ก่อนละกัน ไว้ไปเรียนต่อในฝันกันไม๊ ๕๕๕ (เค้าพูดกับตัวเอง ครับ)


    ชาวหมู่บ้านในนิทาน / พนม เทียนธูปดอกไม้

    .
     
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    สมาธิ ฌาณ ก็ส่วนสมาธิฌาณ

    อภิญญา ก็ส่วนอภิญญา

    อภิญญา เป็นผลอย่างหนึ่งของสมาธิ ฌาณ อันเกิดได้จากทั้งรูปฌาณ และอรูปฌาณ

    เมื่อสมาธิฌาณมีหลากหลายแบบ อภิญญา ก็แตกแขนงออกไปมีมากมาย

    อภิญญาที่เกิดจากสมาธิ นั้น จึงมีหลากหลายแบบมาก อาศัยการฝึกฝนต่อเนื่องจากสมาธิ ที่ชำนาญคล่องแคล่ว มากเป็นปกติ ตรงนี้ ต้องอาศัยกำลังใจหรือพลังจิตที่สร้างสั่งสมมามากเป็นรากฐานเช่นกัน

    เรื่องกำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกำลังใจ มีอำนาจหนุนส่งให้สมาธิมีกำลัง แล้วในที่สุดอภิญญ ก็สามารถเกิดปรากฏได้ตามที่ตนฝึกมาแล้วอย่างชำนาญ

    ปัญหาคือ สิ่งที่ทำลายกำลังใจของเรา คืออะไร

    ปกติทั่วไปแล้ว การทำบาป อกุศลกรรม การผิดศีล นิวรณ์ คือเครื่องทำลายสิ้นกำลังทางใจ หรือพลังจิต

    แต่ก็ยังมีบางส่วนบางท่านที่มีของเก่าและฝึกมาเฉพาะทาง เพราะกำลังใจที่ฝึกมาดีแล้ว แม้จะผิดศีลบางอย่างก็ยังสามารถประคองและรักษากำลังใจไว้ได้ ดีเยี่ยม เมื่อกำลังทางใจแข็งแกร่งมีกำลัง การรวบสมาธิ ก็ทำได้ง่ายรวดเร็ว ในที่สุดอภิญญาก็เกิดปรากฏ เพราะด้วยฝึกฝนมาชำนาญ

    อนึ่ง แม้กระนั้น กระผมขอเสริมว่า

    ในหลักแห่งพุทธธรรม หลักแห่งโลกียะ อภิญญาย่อมเสื่อมลงเป็นธรรมมดา

    อันหมายความว่า แม้วันนี้ ท่านเหล่านั้นจะทำผิดศีล ผิดธรรม แต่ยังสามารถรักษากำลังทางจิตไว้ได้แข็งแกร่งก็จริง แต่เมื่อนานไปนานไป กำลังแห่งบาปกรรม อกุศลกรรม หรือกำลังฝ่ายกิเลส พยามาร จะมีกำลังอำนาจเพิ่มมากขึ้น จนวันหนึ่งแม้การทำผิดเพีงอย่างเดียวซ้ำๆๆๆๆๆกันในที่สุด ก็จะมีอำนาจแห่งกรรมชั่วให้ผลแก่จิต เมื่อนั้น ท่านที่เคยทนงตนว่ามีอำนาจจิตใจแข็งแกร่ง ก็ต้องแพ้พ่ายต่อผลกรรมของตน ในที่สุดอำนาจแห่งกรรมชั่วก็จะทำลายสิ้นซึ่งกำลังใจของท่าน พลังทางจิตท่านจะเสื่อมถอยลง และอภิญญาที่ท่านเคยทำได้อย่างชำนาญก็จะไม่สามารถทำได้เหมือนที่เคยทำ เพราะในเวลานั้นกำลังทางใจท่านเสื่อมถอยลงแล้วนั้นเอง

    สมาธิท่านก็เสื่อมถอยลง ไม่เฉพาะสมาธิที่เสื่อมถอยลง อภิญญาก็เสื่อม แต่ที่หนักมากยิ่งขึ้นคือ ความดี บุญบารมีท่านนั้นเสื่อมมานานแล้วต่อเนื่องโดยที่ท่านประมาทไม่รู้ตนนั่นเอง

    หลวงพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เทวดาเมืองนครศรี กล่าวสอนแก่พ่อท่านจำเนียรและ สอนแก่กระผมว่า

    สมาธินั้น อาศัยกำลังจิต กำลังจิต อาศัยกำลังสมาธิ
    อภิญญามีเสื่อมได้
    อภิญญาที่ไม่เสื่อม คือต้องอาศัยสมาธิที่ไม่เสื่อม อาศัยกำลังใจที่ไม่เสื่อม

    สมาธิที่ไม่เสื่อม กำลังใจที่ไม่เสื่อม ทำอย่างไร ก็ต้องทำให้เป็นโลกุตระสิ จึงไม่เสื่อม

    แล้วการทำให้เป็นโลกุตระทำอย่างไร ท่านกล่าวเป็นปริศนาว่า

    พุทธัง อรหัง พุทโธ
    ธรรมัง อรหัง พุทโธ
    สังฆัง อรหัง พุทโธ

    ผมจึงเข้าใจว่า อภิญญา ที่ไม่เสื่อม ย่อมเป็นของผู้ทรงศีล ย่อมเป็นของพระอรหันต์ เท่านั้น เพราะท่านถึงแล้วซึ่งความเป็นโลกุตระ

    ทีนี้ อย่างหลวงตาอินทร์ หรือแม้แต่อภินิหาร ของหลวงปู่หลวงตาอย่างเช่น หลวงพ่อกบฆ่ากบ อรหันต์จี้กง หลวงปู่สรวงเทวดาเดินดิน สมเด็จโต หลวงพ่อเอี่ยม หลวงพ่อปาน หลวงพ่อเงิน หลายๆท่านนี่ ขอให้ฟังหูไว้หู เพราะสิ่งที่ได้ยินมาเรื่องราวแปลกๆของท่าน อาจจะเป็นอย่างนั้นจริง แต่ลึกๆแล้วความจริง ท่านย่อมมีสิ่งพิเศษที่พวกเราอาจ ไม่สามารถทราบได้ บางท่านอาจเป็นพระอรหันต์มาแสดงฤทธิ์ ก็มี หรือพระอนาคามีก็มี ดังนั้น พึงไม่ประมาท ในเรื่องราวเหล่านี้ครับ

    สำหรับเราๆ ปุถุชน ก็เป็นธรรมดา ขอให้เข้าใจวิธีการ ที่ถูกต้องก่อน แล้วฝึกฝนไป
    สิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องทำควบคู่กันไปเสมอ อันเป็นการสร้างกำลังใจที่ดีเยี่ยมที่สุดคือ

    การเดินวิปัสสนา สร้างปัญญา มีญาณทัสนะ สู่กับอวิชา และกิเลสมาร ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2014
  3. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    กำลังไปตอบอีกกระทู้หนึ่ง ท่านมาเขียนสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนเสียนี่ ว่าหลวงพ่อกบ หลวงพ่อสรวง คล้ายกับท่านจี้กง จริงๆแล้วไม่ควรสงสัย ท่านไม่ยึดท่านจึงเหนือโลก ส่วนเรายังวนเวียนอยู่ในโลกมันก็ต่างกัน แต่น้องเจ้าของกระทู้เงียบไป ไม่รู้ไปฝึกต่อยังไง แต่ก็ดีใจที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับศีล
     
  4. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=N1KudWeg5xs"]อสุภะกรรมฐาน พิจารณาร่างกาย - YouTube[/ame]

    นอกจากพิจารณาอยู่เนื่องๆเป็นเหมือนกำแพงที่เอามาขวางกิเลสตัวนี้ มีทางอื่นอีกไหม คงต้องฝึกกรรมฐานกองนี้ให้คล่อง แต่ถ้าคล่องคงไม่อยากแม้แต่จะเห็นคน แต่ยังอยากครองเรือนบอกตรงๆ ณ ตอนนี้ ขอบคุณคำแนะนำ ทุกท่านน่ะครับ อาจจะต้องทำให้สมาธิคล่องตัวมากกว่านี้ แล้วลองอีกทีว่าจะได้ไหม ปกติ ถ้าจะให้อารมจิตพอจะเข้าปิติได้ตามเดิมต้องใช้เวลา ประมาณ1คืนอย่างน้อย คือลืมเรื่องที่ทำไป แล้วก็มาจับไว้แต่ความดี อารมความเป็นทิพย์ของจิตอย่างตรีก็พอจะใช้ได้แบบไม่คล่องตัวนัก ผมไม่ได้ทำไรระเมิดศีล5น่ะครับ ถ้าทำลายศีลไม่แน่ว่าจะหนักกว่านี้ แต่ไม่เอาด้วยหรอกครับถ้าทำลายศีลก็เท่ากับจอง นรกผมก็กัวนรกอยู่ แต่นี้คือการทำลายพรหมจัน ก็คงแค่ทำลายฌานมั่งครับ มันก็คงเป็นอย่างงี้โดยธรรมดาของมัน สงสัยทำไมสมัยเด็ก ไม่เห็นสนใจเรื่องแบบนี้ไม่มีความกำหนัดแบบนี้แต่เมื่อโตขึ้นอะไรมันทำให้กำหนัดแบบนี้ สภาพแวดล้อมก็เป็นได้ แล้วอ่ารัยอีกหน่อ คงไม่พ้นกรรม มันคงเป็นวิบาก วิบากของมนุษย์ทุกคน หรือ มันคงเป็นสมบัติของโลก อะไรสักอย่างยังไม่เข้าใจตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ตุลาคม 2014
  5. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ผมเจอกระทุ้นี้และปัญหานี้ผมเจอมากับตัวเองเลยเข้าใจเจ้าของกระทู้เป็นอย่างดีและเข้าใจจุดประสงค์ของเจ้าของกระทู้ ก่อนเข้ามาอ่านผมหวังว่าจะได้ประโยชน์จากกระทู้นี้มาก ปรากฎว่าทั่นทั้งหลายที่เข้ามาตอบก็ตอบดีนะครับ พูดถุกต้องทุกอย่าง แต่ไม่ตรงประเด็นที่ผู้ถามเขาอยากถามเลย ไม่ตรงตามจุดประสงค์ที่เขาถาม อ่านทุกคำตอบจึงมาเจอคำตอบคนนี้ที่ตรงมากที่สุดจึงได้อ้างอิงมาด้วย

    การปฏิบัตินะครับน้อง ตราบใดที่เรายังไม่ได้เป็นพระอนาคามีขึ้นไป ไม่มีทางตัดกามได้ครับแต่เรายังสามารถปฏิบัติได้ครับ วันนี้จิตตก พรุ่งนี้สมาธิดี วันต่อมาเสื่อม มันเป็นเรื่องธรรมดานี่คือ ธรรม ครับช่วงนี้ที่เราปฏิบัติเราก็ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ดีก็ปฏิบัติ เสื่อมก็ปฏิบัติ มีกามก็ปฏิบัติ ไม่มีกามก็ปฏิบัติครับ มันเป็นธรรมดาของโลก เราปฏิบัติไปเรื่อยๆ วันนึงที่เราจิตใจแน่วแน่พอแล้วที่จะเข้าพระนิพพาน วันนั้นแหละครับเราจะตัดมันได้เอง ส่วนเรื่องการเสื่อมนั้น เวลากามมาก็ปล่อยมันมาครับเมื่อห้ามมันไม่ได้เพราะเราแค่ศีลห้าไม่ใช่พระไม่ผิดศีล เวลาจะเข้าสมาธิตอนนี้ก็ตัดกามมันออกไปซะแค่นั้นครับ มันไม่มีทางกำเริบได้ตลอดวันหรอกไอ้กามเนี่ย จริงไหมไหม เริ่มแรกก็จะเป็นเหมือนน้องว่า พอทำแล้วเข้าสมาธิยาก แต่เมื่อน้องฝึกปฏิบัติสมาธิภาวนาไปได้คล่องแล้ว น้องจะเลือกเวลาได้ครับไม่ต้องห่วง นั่นมันแค่เริ่มต้น

    แล้วก็อีกอย่างนึง ถ้าน้องอยากปฏิบัติให้ก้าวหน้าอย่าอ่านความคิดคนอื่นมากไปกว่าการปฏิบัติให้รุ้เองเห็นเองครับ เพราะมันจะยิ่งทำให้เขวไป เพราะคนที่มาตอบบางคนก็อ่านมามากแล้วเอามาตอบ บางคนก็ปฏิบัติมาคนละทางกับเรา บางคนก็คิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ บางคนก็แค่นักเลงคีย์บอร์ด สงสัยอะไรลงมือทำเลยครับจะได้รู้เพราะแค่น้องมาโพสต์ถามแค่นี้น้องก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าการถามแล้วมีคนตอบไม่ตรงคำถามมันน่าหงุดหงิดแค่ไหน ว่าไหม

    สุดท้ายอย่าคิดว่าพี่ได้อะไร ปฏิบัติได้ถึงไหน ยังไง เพราะที่ตอบก็ยังปฏิบัติอยู่ครับและเห็นว่าจะเป็นประดยชน์ต่อการปฏิบัติของน้องต่อไปด้วย สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...