ถูกหลอกไปรับ ขันธ์ ครอบครู รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำหน่อยครับ

teww

ถ้ามีเบอร์ติดต่อ หรือ ช่องทางการติดต่อ บุคคล ๆ นั้นบอกผมหน่อยนะครับ ผมก็อยากปรึกษา อย่างน้อยเขาก็เคยทุกข์มาก่อนผม เขาน่าจะช่วยแนะนำ ชี้แนะผมได้ดีพอควรเลย PM ข้อความาก็ได้ครับ จะขอบคุณมาก

 

ไม่ต้องรอปีหน้าหรอครับ เคยได้ยินว่า ปีนี้ งด ไม่ได้จัดนี่ครับ

เปลี่ยนแล้วหรอครับ

 

ศีล 5 เท่านั้นแหละ
ศีล 5 ชนะทุกสิ่ง

มนต์มา ขึดมา อะไรมา กระเด็นหมดแหละ (แต่ต้องทำได้จริง)
ไปพึ่งพระ ไปพึ่งน้ำมนต์จากพระ
ทำไมไม่พึ่งบุญของตัวเอง? อันไหนมันจะแรงกว่ากันละ
น้ำมนต์ของพระ กับบุญที่เราทำ

แล้วก็หมั่นทำทานให้บ่อย ๆ
พอตกกลางคืน ก็กราบงาม ๆ 3 ครั้ง ไหว้นะโมตะสะ แบบตั้งใจ
พร้อมคำแปล เสร็จก็อธิฐานว่า ข้าพเจ้าขอให้บุญบารมีของข้าพเจ้า
ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เรื่องไม่ดีออกไป
อันศีล ที่ข้าพเจ้าถือไว้ดีแล้ว ขอให้เป็นเกราะคุ้มครองภัยให้ข้าพเจ้า
เหมือนเงาของภูเขาในเวลาเย็น ย่อมยังปกคลุมบ้านแถวนั้นอยู่ทุกเมื่อ
คนในบ้าน จะกิน จะนอน จะนั่ง จะเดิน ก็ยังอยู่ในเงานั้น อยู่ทุกเมื่อ
เหมือนภูเขาลูกนั้น ข้าพเจ้าก็ขอให้ศีลของข้าพเจ้าคุ้มครองข้าพเจ้าแบบนั้นเถิด
แล้วก็แผ่เมตตาให้ตัวเอง แล้วแผ่เมตตาให้คนอื่น บทสวดหาเอาแถวนี้ ในเนทมีมากมาย

แล้ววันไหนวันพระ ลองถืออุโบสถศีลดู แล้วความแรงจะคูณสอง

คุณอาจจะนึกไม่ถึงว่า แรงอธิฐาน ของคนเรา
ถ้าตั้งใจทำดี ๆ มันแรงกว่าที่เราจะจิตนการเสียอีก

 

แล้วถ้าทำอุโบสถศีลได้ด้วยยิ่งดี
อุโบสถศีล แม้แต่ยักษ์ ยังต้องหลบให้เลยจ้าาา

 

ผมไม่เคยรับขันธ์ แต่คิดว่ามันน่าจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะก็เห็นว่าหลายๆคนทำแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร มันอาจจะขึ้นอยู่กับว่าทำถูกวิธีมั้ย ทำถูกหลักการหรือเปล่าก็เท่านั้น

 

ครอบครัวเคยโดนเพราะรู้ไม่ทันเช่นกัน พี่บ้านผมเป็นพุทธ เชื่อในคำสอนพระพุทธเจ้า ไม่บูชาร่างทรง แต่ทว่าคนแนะนำเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกันมากก็ไปแต่ไม่ได้คิดอะไร ซึ่งก็มีสิ่งไม่ดีเข้ามา แต่โชคดีที่บ้านผมได้ไปทำบุญกับพระท่านหนึ่งบ่อย (เชื่อว่าเป็นพระอรหันห์) บุญแรงพอที่จะดับอุปัทวะ ความชั่วที่มาจากไสยศาสตร์ได้ครับ

 

สวัสดีจ๊ะ เพื่อนร่วมชะตากรรม
จากประสบการณ์ที่โดนเหมือนกัน
บอกได้อย่างเดียว เข้าวัด ถือศิล ภาวนา ทางเดียวอย่างเอกอุเลยละท่าน
ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เป็นสาธารณอันประเสริฐ
ยึดพระรัตนไตร เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ถวายชีวิตแล้วแก่พระพุทธองค์
พอทำจนเป็นปกติของชีวิต
ก็อะไรก็จะ กระจ่างแจ้งแก่ใจ
มั่นใจในตัวเองนะคะ ชีวิตเป็นของเรา จงทำให้ชีวิตนี้ที่ได้เกิดมาคุ้มค่ากับการเกิดคะ
ขอให้โชคดีคะ

 

ทำตาม ที่ พระอาจารย์เล็ก ท่านเมตตาบอกใว้นะครับ

หาก..ไม่มีขันธ์ครู นั้น มาใว้ที่บ้าน โอกาส ที่จะมีอาการ ตามร่างกายกายสังขาร จะไม่ค่อยมี นะครับ

หาก ยังมี อาการปวดตามร่างกาย อันหา สาเหตุ ไม่เจอ..
ลอง ตั้งจิต ขอทำน้ำมนต์..จะด้วยวิธีใดใด..

หรือ นำนำที่สะอาด ขออนุญาต รดจาก..
พัทธสีมา ด้านหน้าโบสถ์ จะ ๑ วัด หรือ ๙ วัด แล้ว นำ ขวด หรือ ภาชนะ รองรับน้ำ จาก พัทธสีมา
จากนั้น ตั้งจิต ขอเป็น น้ำมนต์ ล้าง อาถรรท์ ทั้งหมด
รดน้ำ ตั้งแต่ หัวลงมา ให้ชุ่มร่างเรา
ห้าม รดลง ปลายเท้า..
(เคย ขออนุญาต นำน้ำ จาก พัทธสีมา แก้ของ ให้ คนอื่น )

มีโอกาส ท่อง พระคาถา " เงินล้าน " สัมปะจิตฉามิ
จะ สะท้อนแก้ ใด้ครับ

หาก มีเหรียญ ทำน้ำมนต์ ของ หลวงพ่อ ขออนุญาต ทำน้ำมนต์แก้ ครับ

วาระ รับยันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน ตามที่ พระ ท่านเมตตา บอกมาทาง พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
จะแก้ใด้ เด็ดขาดครับ..

 

ผู้สร้างบารมี การเดินทางสายนี้ ต้องมีทั้งสายเทพ และสายธรรม

หากอาศัยแต่สายเทพพรหม ไม่มีสายธรรม เมื่อใดที่มาร มีกำลังมากกว่า เมื่อนั้น ท่านพ่ายแพ้แน่นอน แต่ถ้าท่านมีสายธรรม เป็นเสาหลักยึดมั่น เมื่อนั้น ท่านย่อมประคองชีวิตแก้ไขปัญหาทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอนครับ

ที่กล่าวอย่างนี้เพราะเรามีประสพการณ์ผ่านมาแล้ว มารชั่วย่อมเห็นโอกาส จากนักบุญผู้สร้างบารมีเสมอ อย่าหลงยินดีคล้อยตามกับกิเลสที่มารชั่วปรนเปรอให้ ธรรมเท่านั้นคือเสาหลักมั่นคง มีสติปัญญาเหนือโลกเหนือกิเลสมาร ชนะหลุดพ้นได้ในที่สุด

ดังนั้น การปฏิบัติธรรม สร้างสติปัญญา ชำระจิต เอาชนะกิเลส จึงเป็นเรื่องหลักสำคัญที่ต้องทำให้ดี ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันตามเหตุปัจจัยประกอบครับ สาธุ

 

การปวดตามร่างกาย กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือ กล้ามเนื้อทุกมัด มีหลายสาเหตุในชีวิต ประจำวัน **เริ่ม จากที่นอนอ่อน-แข็ง เกินพอดี *ท่านั่งและนั่งหน้าคอมนานเกิน 1ชั่วโมง เป็นเหตุ ให้ ตรึงคอ บ่าไหล่ เหมือนมีคนมาเหยียบอยู่ตลอด และ ขยับมาจากต้น คอ ด้าน ช้ายขึ้น ขมับปวดหัว แบบใคร เอาคีมเหล็กมาบีบ **เหล่านี้ คือเรานี่แหละทำตัวเราเอง *และต่อมา ร่างกายขาดวิตามิน ต่างๆ ขาดสารอาหาร ชึ่งอาหารที่เรากินทุกวัน ได้ไม่ครบหมู่ แน่นอน ถ้าคุณเสริมวิตามินลองดู ก่อน จนครบดีแล้ว อย่างเร็ว 1 เดือน ก็จะรู้สึกร่างกายสบายขึ้น **ถ้าคิดว่าเป็นกำลังของผี ก็ลองวิปัสสนาตามแนวหลวงพ่อจรัญดู ถ้ามันมีตัวคุณจะเห็นมันเอง **แต่ขอบอกว่า ปวดตามร่างกายไม่ว่าจะขาดวิตามิน หรือ อะไรก็ตาม มันมาจากเศษของกรรม ข้อ ปานาติบาต *อ้อคุณบอกตรวจมาหมดแล้ว ตรวจละเอียดแยกเลือด เม็ดเลือด หาสารต่างแล้วหรือยัง **และสุด สถานที่อยู่อาศัยอากาศ ถ่ายเท ไม่พอ ก็คุยตามพื้นฐานชีวิตที่ควรดูแล

 

เคยได้ยินมาว่าที่ไหนที่มีการสวดภาณยักษ์ ไม่ว่ามีสิ่งชั่วร้ายอะไรติดตัวมากระเด็นออกไปหมด ลองดูครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเค้าจัดกันเมื่อไหร่

 

หากคิดจะถือศีลห้า หรือวิปัสนาต่างๆ ให้วางลงไว้ก่อน ได้ผลร้ายกว่าเก่านะ ถ้าไม่พิจารณาร่างกายตนก่อน

แสง เป็นปัจจัย ควรรับแสงแดดให้พอเหมาะ
อากาศ เป็นปัจจัย ควรอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเท
อาหาร เป็นปัจจัย กินให้ตรงเวลา กินให้ครบห้าหมู่
อารมณ์ เป็นปัจจัย หัดทำตัวให้ร่าเริงแจ่มใส
นิสัย เป็นปัจจัย ท่านั่ง ท่านอน การออกกำลังกาย ควรทำให้พอเหมาะ

ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ ทำปัจจัยให้ดี แล้วอาการของคุณจะดีขึ้นเอง

 

ทำใจให้สบายก่อนอันดับแรก ไม่ต้องไปคิดถึงการรับขันธ์ เหมือนไม่เคยรับมาก่อน
สวดมนต์ นั่งสมาธิ รักษาศีลเป็นปรกติ (อย่างน้อย ศีล 5)
ชีวิตคุณจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
ทำแล้ว อย่าลืมกลับมาแจ้งผลนะคะ

 

อยากถอนออกน่ะคับ ท่านใด พอจะสงเคราะห์ แนะนำ ครูบาอาจารย์ ที่เป็น พระสงฆ์ ที่มีเมตตาจิต ช่วยแนะนำหน่อยนะคับ ทุกวันนี้ ทรมานมากคับ เวลาจะนอนกลางคืน ก็ คันตามหน้า บวกกับ ชาที่นิ้วโป้ด้านซ้าย เหมือนไฟช๊อต

ผมขอเผยแพร่เรื่องราวของผมเป็นวิทยาทานนะคับ อย่าให้ใครมาถูก ร่างทรง หลอก แบบผมเลย

 

ทางวิทยาศาสตร์ ย้ำ ลองหมดแล้ว ทาน ศีล ภาวนา. ก็ทำ แต่ไม่หาย ไม่ดีขึ้น ย้ำที่พิมพ์ไม่ได้บ้า ครับ

 

เริ่มจาก ไปวัดที่มีพระพุทธรูปพลังสูงๆเช่น หลวงพ่อโสธร พระพุทธชินราช จุดธูปขอสละขันธ์ที่เคยรับมา และขอรับพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

 

หลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐี ราม2 คับ

 

การครอบขันธ์ครู หรือรับขันธ์ 5 จากตำหนักทรงต่าง ๆ ไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตของใครตกต่ำหรือมีอันเป็นไปหรอกครับ ส่วนตัวคุณจะปวดเนื้อปวดตัวรุ่มร้อนใจ ก็คงจะเป็นที่ตัวคุณเองหรือกรรมเก่าของคุณเอง อย่าไปโทษที่รับขันธ์ตำหนักทรงเลยครับ

ผมทราบมาว่าการรับขันธ์นั้นต้องมีค่าใช้จ่ายให้กับตำหนักทรง บางท่านต้องเสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 500 -10000 บาท ไม่ใช่ไปรับฟรี ๆ

เงินจำนวนนนั้นองค์เทพเขาอยู่คนละภพกับเรา องค์เทพไม่ได้ใช้หรอกครับแต่คนทรงเขาได้ไป คือเทพเขาช่วยให้คนทรงมีรายได้จะได้ดำรงชีพอยู่ได้ มัวแต่ทรงอย่างเดียวไม่มีรายได้ ร่างทรงจะเอาเงินที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่าย

พูดง่าย ๆ เป็น กุศโลบายของเขา

ส่วนเรื่องอาการเจ็บปวดของคุณ จิตใจว้าวุ่น ลองสวดมนต์ไหว้พระทำบุญถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร หรือจะไปบวชพระห่มเหลืองเลยก็ดี ผมขออนุโมทนาด้วย ผมว่าไม่ช้าก็คงหายไปเอง

 

เชื่อค่ะ แต่ไม่ทราบว่าจะช่วยอย่างไรดี อาการหนัก เจ็บ บางอย่างที่ไม่รู้จะบอกใคร แต่พอดีขอดิฉันเป็นสัพเวสีขอส่วนบุญ อุทิศแล้วก็ไป

เคยมีแบบไม่ไปก็มีค่ะ อยู่กันแบบหลายเดือน อยู่ข้างๆ (ไม่ได้หนักนะค่ะ) เรื่องแบบนี้พูดให้ใครฟังก็เชื่อกันยากค่ะ

หลังอุทิศส่วนกุศล ขอขมาแล้วมีอะไรเปลี่ยนหรือเปล่าคะ เช่นเบาขึ้น (ดิฉันไม่มีความรู้นะคะ มาเอาใจช่วยค่ะ)

เรื่องเกี่ยวกะตำหนักทรงดิฉันก็พอทราบจากญาติธรรม บางทีก็เล่นกับเด็กที่เห็นว่ามีบุญ (ไม่ได้รับขันธ์ ) แค่แม่เด็กอยากรู้อยากเห็นพาเข้าไปก็ติดกลับมาแล้ว

เล่นกับเด็กใหญ่เลย ดิฉันเห็นเด็กแล้วบรึ่ยๆๆ (แต่ไม่เห็นสัมพเวสีนะค่ะ ดิฉันไม่มีญาณค่ะ)

 

จงสร้างกรรมดีไว้เถิด กรรมดีนั้นแล จะเป็นผู้นำทางของเรา

พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้
ชอบได้โดยพระองค์เอง ท่านทรงตรัสสั่งสอนแก่สัตว์โลกว่า

เรามีกรรมเป็นของๆตน เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้
เป็นกรรมดีก็ตาม เป็นกรรมชั่วก็ตาม
เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น

ดังนั้นขอสรุปว่าสิ่งที่คุณเล่าบอกมาทั้งหมดนั้นมันเป็นเพราะผลของ
ปาณาติบาต กรรมของคุณในกาลก่อน ซึ่งอาจจะเป็นภพไหนชาติไหนไม่รู้ล่ะ
แต่ที่รู้ๆคือ วิบากมันมาให้ผลในปัจจุบันนี้ ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายทางกาย จน
ทำให้ใจไม่สบายไปด้วย เพราะมันเป็นผลของกรรมล้วนๆ ไม่ใช่ใครเขามากลั่น
แกล้งใส่ของให้คุณหรอก ถ้าแกล้งจริงแล้วผมว่าเพื่อนคุณที่ทำด้วยกันมันจะไม่
เป็นอย่างคุณด้วยหรือ มันก็ต้องเป็นอย่างคุณด้วยแน่นอน แต่นี่คงเป็นจังหวะ
ของกรรมปาณาติบาตมันส่งผลให้พอดีกัน เลยเหมือนกับว่าเจอแจ๊คพ็อตเข้าให้
แต่ไม่เป็นไรผมจะช่วยแนะนำให้คุณลองแก้ไขตัวเองดู และรับรองผลก่อนเลย
ว่าถ้าทำได้ไม่เพียงแค่อาการที่เป็นอยู่เท่านั้น แต่ชีวิตนี้ที่เหลือของคุณจะดีขึ้น
อย่างแน่นอน ล้าน%

ผมมีวิธีแก้ไขดีๆที่พอจะแนะนำให้คุณได้(แต่คุณต้องปฏิบัติตามเองนะไม่ใช่
อ่านเฉยๆ ถ้าอ่านเฉยแล้วไม่ทำอะไรเลยก็ไม่เป็นท่าแน่นอน) เริ่มเลยก่อนอื่น
เราต้องทำใจรับผลของกรรมที่ตนเคยกระทำไว้ให้ได้ก่อนจากนั้นก็ตั้งสติให้มั่น
นึกทบทวนคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนอีกทีว่า

เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้
เป็นกรรมดีก็ตาม เป็นกรรมชั่วก็ตาม
เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น

ดังนั้นจากนี้ไปก็ตั้งจิตซะใหม่ว่า ไอ้สิ่งระยำที่เราเคยทำมาแล้วในอดีตชาติก็ดี
ในชาตินี้ก็ดีที่ผ่านมาแล้วนั้น เราไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขมันได้อีก เพราะ
ฉะนั้นแล้วปัจจุบันนี้มันก็คือ อดีตของอนาคต ตั้งแต่บัดนี้ไปถ้าเราอยากให้เรามี
อนาคตที่ดีละก็ เราจะต้องทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุด

ดังเช่นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่าเป็นหลักใหญ่ใจความ
สำคัญเลยว่า

จงละความชั่วทุกอย่างทั้งกาย วาจา และใจ
จงสร้างความดีทุกอย่างทั้งกาย วาจา และใจ
จงทำใจให้ผ่องใสเบิกบานในด้านของกุศลธรรมทั้งปวงเป็นนิจ

จากนั้นก็มาดูว่าเราจะเริ่มต้นปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไรดี ผมขออ้างอิงถึงครูบา
อาจารย์ที่ผมเคารพเป็นสรณะนะครับ หลักปฏิบัติของพระพุทธเจ้าที่หลวงพ่อ
ฤๅษีลิงดำนำมาสอนแก่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายเป็นสิ่งที่เข้าใจง่ายและ
ปฏิบัติตามได้ไม่ยากนักหากเราต้องการความดียอมเปลี่ยนสรรพนามตัวเองจาก
คน(ปุถุชนยุ่งๆ)มาเป็นมนุษย์(ผู้มีใจสูง)จริงๆ หลักปฏิบัตินั่นก็คือ หลวงพ่อท่าน
สอนไว้ว่า

1. ให้นึกถึงความตายไว้เสมอ เวลาว่างๆก็ให้นึกคิดเอาไว้ว่าเราอาจจะตายวันนี้
ก็ได้ ถ้าเราไม่รีบสร้างกรรมดีเอาไว้ เรามัวแต่สร้างกรรมชั่ว เราก็จะพบกับความ
ทุกข์อย่างที่เป็นอยู่นี้อีก ดังนั้นก่อนที่เราจะตายเราต้องเป็นคนดี ทำแต่กรรมดี
เท่านั้น การนึกถึงความตายทำให้เราไม่มัวเมาในชีวิต โอกาสได้พบกับความสุข
คือ สุคติภูมิในเบื้องหน้ามันก็เป็นของไม่ยาก

2. แล้วเราจะทำกรรมดีอะไรดีล่ะ หลวงพ่อท่านก็ทรงสอนต่อไปว่า ให้เราปฏิบัติ
เพื่อรักษาศีล 5 ข้อให้ครบถ้วนบริบูรณ์ที่สุด โดยเริ่มจากหัดสมาทานศีล 5 ท่อง
ทั้งบาลีและก็แปลไทย เพื่อจะให้จำได้ไม่ลืมไม่เผลอ การรักษาศีล5 ข้อเป็น
พื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการเป็นมนุษย์ ถ้ารักษาศีลไม่ได้เลยนี่เขาไม่เรียกว่า
คนด้วยซ้ำ ถ้าหากปฏิบัติศีลได้ครบถ้วนแล้วนี่จิตใจของคุณก็จะมีความสุขมาก
ขึ้น รู้สึกว่าไอ้เรื่องทุกข์ก่อนๆมันจะลดลงไปได้เยอะทีเดียว

3. เมื่อเรารักษาศีลได้ครบถ้วนบริบูรณ์เป็นปรกติแล้ว เราก็มานึกดูว่า ศีล5 ข้อนี้
มาจากที่ใด ใครเป็นผู้เริ่มสอนคนแรก เมื่อพิจรณาดูแล้วก็จะเห็นได้ว่า ศีล 5
ข้อนี้เป็น ธรรมะ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านทรงสอนนี่เอง
แล้วธรรมะนี้ปัจจุบันพระสงฆ์ผู้ทรงความดีก็นำมาสอนกับเราอีกทีหนึ่ง และศีล
5 ข้อนี้เราปฏิบัติแล้วก็มีผลดีตามที่ท่านสอนไว้จริงๆ เพราะศีล คือเครื่องมือที่ดี
ที่สุดที่ช่วยทำลายกิเลสหยาบทั้ง 5 ให้หมดสิ้นไปจากใจเรา และเวลานี้เราก็มี
ศีลบริสุทธิ์ผุดผ่องแล้ว เราขอยอมรับนับถือคุณงามความดีของครูบาอาจารย์ที่
ทรงเมตตามอบธรรมะอันล้ำค่าคือ ศีล5 ข้อนี้ให้กับเรา ตั้งแต่นี้ไปเราขอยอมรับ
นับถือในความดีของ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ทุกพระองค์ด้วย
ความเคารพด้วยความจริงใจจริงๆ เราจะมีพระรัตนตรัย เป็นสรณะที่พึ่งของจิตใจ
เราตลอดไป เราจะไม่สงสัยในความดีของพระรัตนตรัยอีกต่อไป

4. เมื่อทำทั้ง 3 ข้อแรกได้ครบถ้วนบริบูรณ์ดีแล้ว หลวงพ่อท่านก็ทรงแถมของดี
วิเศษให้เราอีกข้อหนึ่งคือ ให้เราคิดไว้เสมอว่าถ้าเราตายเมื่อไร เราขอไปพระ
นิพพานในชาตินี้ที่เดียวเท่านั้น คิดมันไว้เสมอคิดมันอยู่นั่นแหละ คิดคนจิตใจมัน
ชิน ต้องการเพียงพระนิพพานจุดเดียวเท่านั้น เหตุที่ต้องให้คิดอย่างนี้ก็เพราะว่า
พระนิพพานเป็นที่ๆดีที่สุดอยู่เหนือโลกแห่งความทุกข์ทั้งปวงแล้ว ไม่ต้องมีการ
เกิดอีก ไม่ต้องมีร่างกายอันเป็นทุกข์อีก ไม่ต้องแก่อีก ไม่ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอีก
ไม่ต้องพัดพรากเศร้าหมองอีก ไม่ต้องตายอีก ไม่ต้องมีความทุกขเวทนาไดๆอีก
เป็นสุขอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าโลกมนุษย์ กว่าโลกเทวดา กว่าโลกพรหม เป็นสุขที่สุด
จนหาประมาณมิได้ และก็ลองนึกดูอีกสักนิดว่า พระพุทธเจ้าท่านทรงความดี
ที่สุด ท่านก็สอนให้เราละกิเลสทั้งปวงเพื่อไปพระนิพพาน พระธรรมคำสั่งสอน
ของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านก็สอนทางไปพระนิพพาน และพระอริยสงฆ์
สาวกทุกพระองค์ท่านก็สอนให้เราปฏิบัติเพื่อไปพระนิพพานเช่นกัน ดังนั้นแล้ว
พระนิพพานจึงเป็นที่ๆดีที่สุด ที่พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ทรงแนะนำเรา
เราในฐานะเป็นพุทธบริษัท สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ควร
ทำใจให้เกาะสิ่งที่ดีที่สุดเข้าไว้ ความดีนั้นก็จะอยู่กับใจเราเสมอ

หากเมื่อเราทำทั้ง 4 ข้อนี้ได้แล้ว ก็จงทำให้มากเข้าอีกให้อารมณ์มันชินคือ เป็น
ฌานสมาบัติไปเลย เมื่ออารมณ์ทุกอย่างทรงตัวอยู่ในฌานอย่างนี้แล้ว การตัด
กิเลสของจิตใจเพื่อให้ ก้าวพ้นผ่านการเป็นปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลสความ
ทุกข์ ก็จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ คือไม่ต้องไปอยากเพื่อให้บรรลุนั่นบรรลุนี่ พยาม
สร้างเหตุทั้ง 4 ข้อนี้ให้อยู่ในอารมณ์ทรงฌาน คือจิตมีความชินเป็นอย่างนี้เป็น
ปรกติ แล้วจิตเขาจะทำหน้าที่ถอดถอนตัวเองออกจากกิเลสที่เขาเห็นว่าเป็นตัว
สร้างความทุกข์ทั้งปวง ออกมาทีละนิดๆเอง โดยอัตโนมัติ และเวลาที่จิตถอน
กิเลสจนถึงระดับหนึ่งแล้ว คุณก็จะไม่สงสัยในตัวเองอีกว่า “ตอนนี้เราเป็นพระ
โสดาบันหรือยังนะ หรือว่ายังไม่เป็นกันแน่”
เพราะทุกอย่างมันครบมันอิ่มภายใจของคุณทั้งหมดแล้ว มีแต่อิ่ม หรรษา และมี
กำลังใจพากเพียรปฏิบัติเพื่อพระนิพพานต่อไปโดย ไม่มีความลังเล สงสัย
พะวงทางข้างหน้า พะวงทางข้างหลังว่าเราจะไปทางไหนทำอย่างไรอีกต่อไป
มีแต่ก้าวไปเรื่อยๆอย่างมั่นคงเท่านั้น ด้วยธรรมะโลกุตรธรรมเท่านั้น

ขอให้ทุกท่านจงเพียรปฏิบัติสร้างความดีทุกลมหายใจเข้าออกเพื่อความเป็น
พระโสดาบันในชาติปัจจุบันนี้ให้ได้และเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ด้วย
กำลังใจอันเต็มเปี่ยมของทุกท่าน(รวมถึงคุณเจ้าของกระทูที่มาโพสหาทางออก
ของปัญหาตัวเองด้วยนะ คุณอ่านแล้วต้องไปปฏิบัติด่วนเลย อย่าอ่านเฉยๆ นี่
ผมหวังดีกับคุณที่สุดนะ) แล้วทุกท่านผู้ที่ปฏิบัติได้ตามนี้แล้วก็จะเป็นผู้ที่เกิดมา
แล้วไม่เสียชาติเกิดอีก ไม่เป็นโมฆะบุรุษอีกต่อไป

โมทนา สาธุในความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ครับ