ความจริงของร่างทรงและวิธีพิสูจน์ร่างทรง ด้วยปัญญา

ทุกคน ย่อมมีเส้นทางเป็นของตน เลือกในสิ่งที่ยึดเหนี่ยว ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะนำไปสู่การนิพพานที่แท้จริงหรือไม่ ไม่มี
ใครชี้แจงได้ นอกจากวินาทีสุดท้ายที่ได้รับรู้ทุกสิ่ง ที่จะเกิด
ขึ้นต่อไปหลังจากการดับ

 

ก็ในเมื่อสิ่งที่คุณมี นั้นถือเป็นที่สุดและดีแล้ว
คุณย่อมมีแล้วซึ่งทางอันปลอดภัย

ไฉนไม่ลองเล่นในทางอื่นไปพลางๆ
ไม่เห็นจะเสียหาย และคงไม่ทำให้สิ่งที่
คุณมีแน่แล้ว แท้แล้วหดหายไปไหน

ไม่มาลองดูเล่นๆละ

 

ก็อ่านจากคุณๆ ทั้งหลายนั้นแหละ

โกรธ เหรอ จะมีได้ไง ก็เล่นแย่งบทไปหมดแล้ว



ชักรู้ว่าชอบทำแบบนี้แล้วหรือไง !?

 

ท่านเล่าปังเขามีวิปัสสนาญาณ ปัญญาย่อมเกิดเอง แม้อ่านเพียงนิดก็ต่อลูกโซ่กันไม่ยาก

ญาณหรือตัวรู้นั้น มันเกิดแต่จิต คุณคิดว่า คนอ่านตัวหนังสือแล้วเข้าใจได้อย่างไร หากไม่มีตัวรู้ หรือ ตัวญาณ
ญาณคือ ความรู้แจ้ง เข้าใจเอง ในจิต

ไม่มีความโง่ ก็มีแต่ความฉลาดนะสิครับ คุณ nsthai

 

วันนี้มีคำถามสำหรับคุณเล่าปังครับเพราะเห็นว่าคงพอจะไขข้อสงสัยได้เพราะ
ข้อสงสัยนั้นคงไม่พ้นในกระทู้นี้และนึกไปนึกมาคงมีคนให้ทัศนะคติได้อยู่

1. ชาวพุทธจีน หรือ ไทยเชื้อสายจีน นับถือพระพุทธเจ้า องค์ใดเป็นที่สุด
ระหว่างองค์พระสมณโคดมพุทธเจ้า หรือ องค์พระอมิตภะพระพุทธเจ้า

2. ยังมีชาวจีนอยู่อีกมากมายที่นับถือองค์เทพต่าง ๆ หลายเหล่าหลายเทวา
เพราะในประวัติศาสตร์จีนแล้วรายชื่อองค์เทพต่าง ๆ นั้นมีเยอะมาก ๆ ท่านคิด
เช่นไรเกี่ยวกับในประเด็นนี้ว่ามีหรือไม่มี ยิ่งร่างทรงนั้นก็ยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่ ใน
สิ่งนี้ท่านจะชี้แจงเป็นอย่างไรดี ในเมื่อชาวจีนทำกันเป็นกิจไปแล้วในการไหว้เจ้า
เข้าทรง(ชาวไทยก็ไม่ต่าง แต่ตอนนี้อยากรู้ในประเด็นของชาวจีน)

3. ในบางนิกายของศาสนาพุทธยกบางองค์มีบทบาทและ์เหนือกว่าพระศาสดา
ด้วยซ้ำไป โดยบางองค์ในที่ผมกล่าวนั่นคือเทพหรือฮ่องเต้สวรรค์อะไรประมาณ
นั้นซึ่งประวัติเยอะแยะพร้อมทั้งหลักฐานอะไรบ้างก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงโดยอาศัย
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีนเป็นคำกล่าวอ้าง แล้วอย่างนี้ ท่านจะให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อนี้เช่นไรดี

4. พระไตรปิฎก นั้น ชาวจีนให้ความสำคัญแ่ค่ไหน หรือ ยึดคัมภีร์อื่นเป็นที่สุดมากกว่า โปรดชี้แจง

อนุโมทนาล่วงหน้า

 

ต้องย้อนไปดูที่แรกเริ่มการเข้าไปของพุทธศาสนาในจีน ( เกาหลี ญี่ปุ่น รัซเซีย )

จีนนั้น ก่อนที่พุทธศานาจะเข้าไป ก็มีลัทธิขงจื้อเข้าไปก่อน
ที่มาของหลักของขงจื้อยังเป็นที่ถกเถียง เหมือนเกิดหลังพุทธ
ศาสนาอุบัติแล้ว แต่โดยบุคคลหลักฐานกลับชี้ว่า ขงจื้อ อาจ
อยู่ห่างไกลการได้รับหลักคิดของพุทธศาสนา แต่ก็ไม่ฟันธง

แต่ก่อนที่ขงจื้อจะเข้าไป ก็มีลัทธิทางความเชื่อมากมายเกิดก่อนอีก
ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง การนับถือวิญญาณ เนื่องจาก ภัยพิบัติ สงคราม
มีต่อเนื่องมากๆ ในยุคนั้น และที่สำคัญ คือ สงคราม และตัวสงคราม
นี้แหละที่เป็นที่มาของลัทธิ หรือ ศาสตร์ใหม่ที่มีมากว่า จิตวิญญาณล้วนๆ
ทำให้ ศีล เริ่มมีการกล่าวถึง ทำให้เรื่อง สันติ ( สงบ สุข เย็น ) มีการกล่าวถึง
มากกว่า พิธีกรรม การแก้ฟ้า แก้ดิน แก้น้ำ แก้ไฟ ที่มีมาก่อน
( รู้สึกจะลัทธิเม๋า หรือเปล่า จำไม่ได้ เป็นเรื่องของไสยเวทย์ และ
อาจเป็นที่มาของ สัตว์ในตำนาน มังกร กระเรียน เสือ สาง งู นางไม้ ฯ)

เต๋า เมื่อเจริญขึ้นแล้ว ก็ผสานกับ จิต วิญญาณเดิมได้ เพราะเนื่องกันที่ ดิน น้ำ ลม ไฟ

พุทธ เมื่อเจริญเข้าไปแล้ว ก็ผสานกับ เต๋าได้ เพราะเนื่องกันด้วย ศีล และ สันติ ( สงบ เย็น -- นิพพาน )

แต่ทั้งหมด ถูกดัดแปลง เพราะ การใช้พุทธแท้ๆนั้น ยากยิ่งต่อการแผ่ให้ทุกก๊กทุกเหล่า
เสมอกันด้วย ศรัทธา ศีล และ ปัญญา

ทำให้ พุทธ กลายเป็นเรื่องของ สัตตบุรุษ ผู้กล้า และ ผู้กล้า ย่อมผสานเข้ากับ ผู้ว่าง

เหตุนี้ สุญญตา จึงเป็น ธงชัยของ มหาปรัชญา

แต่ด้วยธรรมที่ดัดแปลงไป ทำให้ ศาสดา ย่อมต้องเปลี่ยนองค์
เพราะถ้าไม่เปลี่ยน ก็จะทำการเผยแพร่ไม่ได้ เพราะมันขัดพระไตรปิฏก
ชัดเจน เหตุนี้ พระไตรปิฏก จึงถูกเก็บไว้ในหอ สิ่งที่ใช้ ย่อมเขียนใหม่หมด
เพื่อให้สอดคล้อง ต่อ การสงคราม และการปกครอง

การสอนแบบพุทธแท้ ก็เป็นของต้องห้ามไปโดยปริยาย

หอไตรแท้ๆ สงสัยอยู่ที่วัดเส้าหลิน แต่เพื่อการปกป้องไว้ซึ่งสิ่งสำคัญสูงสุด
ทำให้ต้องสอนศิษย์ให้เป็นนักรบไปด้วย ตามปัจจัยแวดล้อม ความเคร่งจึง
เหมือนไปผิดทาง จะมีแต่ระดับเจ้าอาวาส กับ ศิษย์คนสนิทเท่านั้น ที่จะถก
ธรรมแท้ๆกัน แต่ระดับรองลงมา จะถกแต่ สุญญตา เป็นหลัก ก็เพราะต้องการ
สัตตบุรุษไว้ใช้งาน ในระดับพลทหาร กรม กอง

เพราะเมื่อไปถกธรรมกับพระเถระชั้นสูงของจีนแล้ว ธรรมเทียบกันได้หมด

 

สัจจธรรมมีเพียงหนึ่ง มหายาน ก็มีพระอริยะหลายองค์ เมื่อไปถกธรรมกับพระเถระชั้นสูงของจีน จึงเทียบกันได้หมด...

 

การค้นหาของผมยังไม่มีที่สิ้นสุดในด้าน ธรรม เทวประวัติ พุทธประวัติ โหราศาสตร์ ศาสตร์แห่งจิต ยินดีครับที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ ทุก
ท่านในบอร์ดแห่งนี้ แม้นว่าจะมีทั้งตรงกันหรือขัดแย้ง แต่ความแตกต่าง
ผมไม่คิดว่าจะเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์แก่กระผมเลย แต่ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนความ
ต่างทั้งหลายให้มาสู่ความเหมือนแห่งความคิดของผมด้วย ยินดีครับ ยินดี

อนุโมทนาเพื่อน ๆ ทุกท่านที่สละเวลามาโพสกันในบอร์ดแห่งนี้ด้วย

 

ทุกอย่างก็ล้วนเกิดจากเหตุ

การมีเทวดา ก็เพราะมีเหตุ

การเป็นพรหม ก็เพราะมีเหตุ

การรับขันท์ ก็เพราะมีเหตุ

เหตุไม่มี เทวดาก็ไม่มี พรหมก็ไม่มี ขันท์ก็ไม่ต้องรับ

 

ขอชื่นชมในความมีใจเปิดกว้างของท่าน imfd

การได้รับรู้รับฟัง ศึกษา ปฏิบัติ สักวัน คงพบหนทางของตนเองได้ในที่สุด...

 

ผมขอร่วมด้วยคนนะครับ...เท่าที่พยายามอ่านให้ได้มากที่สุด ผมยังไม่เห็นมีใครพูดแบบที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้เลยครับ หากผิดถูกประการใดช่วยชี้แนะกันด้วยนะครับ
ตามความคิดผมเชื่อว่าเทพเทวดามีจริงครับ และก็มีมากเหมือนกับมนุษย์นี่แหละครับ และก็มีหลายชั้นเช่นกันกับมนุษย์นี่แหละครับคือ มีทั้งดี และก็ไม่ดีนะครับ ส่วนเรื่องการทรงเจ้าเข้าผีนั้นนะก็มีทั้งจริงและก็ไม่จริงเช่นกัน เพราะเห็นคนนั้นว่าแบบนั้นเห็นคนนี้ว่าแบบนี้ จะเชื่อใครล่ะ ตัวเรานี่แหละเบื้องต้นดีที่สุด
ผมเองก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ยังต้องไหว้เจ้าเพื่ออะไรเพื่อสืบสานงานที่บรรพบุรุษพาทำ ด้วยเหตุด้วยผลอะไรล่ะก็ถ้าคิดแล้วก็น่าจะรู้ได้ครับเพราะดูแล้วทุกท่านเป็นคนฉลาด ถ้าอยากทราบว่าร่างทรงนั้นจริงหรือเท็จเวลาไปหาท่านก็เอาพริกแห้งสักสองสามเม็ดม้วนใส่ยาสูบ ลองถวายดูอย่าลืมจุดให้สูบให้ดูด้วยนะ แต่ถ้าของจริงก็ตัวใครตัวเรานะ
ส่วนเรื่องศาสนานั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ ผมเองก็ไม่เก่งอะไรหรอกนะเห็นตอบโต้กันแบบนั้นแบบนี้ ผมเองกับมาดูตัวเองแล้วถามว่า เอเรานี่แย่จังเลยไม่ค่อยรู้อะไรมากเหมือนเขาเลย เพราะผมคิดง่ายๆว่า ถ้าแค่ศีล 5 ข้อผมยังทำไม่ได้ดี ก็ยังไม่มีประโยชน์มากที่จะไปเรียนรู้อย่างอื่นให้มากกว่านี้ จะทำให้เราเป็นคนเก่ง แต่เอาเข้าจริงศีล 5 ยังบกพร่องอยู่เลย...โลกเราทุกวันนี้หากว่าถือศีล 5 กันได้หมดคงจะไม่เป็นเช่นนี้ ผมว่าพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ท่านทรงเล็งเห็นแล้วว่าโลกมนุษย์นี้ อนาคตจะวุ่นวายเป็นแน่แท้ จะได้ทรงตรัสให้ พากันถือศีล 5 ท่านว่าจริงไหมครับ แล้วยังสอนว่าไม่ให้เชื่อพระพุทธองค์ ให้ทุกคนปฏิบัติเอง รู้เองเห็นเอง เป็นปัจจัตตัง นะครับ พระพุทธองค์ไม่ได้ให้ยืดพระพุทธรูป แต่ให้ถือ พระธรรม เป็นสรณะ จริงไหมไม่ทราบ ช่วยกันตอบหน่อยครับ...แค่นี้ก่อนนะครับ....ผิดพลาดประการใดช่วยชี้แนะกันนะครับ.....

 

ที่โต้กันไม่ใช่ผมไม่เห็นนะ

แต่ให้พูดกันตามความจริง แน่ละ ผมไม่เห็นเทวดาจริงๆ(ในนิมิตผมถือว่าไม่จริงหมด)

แต่ที่บอกว่าไม่ใช่ผมไม่เห็นนะ ก็ไม่ได้โกหกนะ

ผมเห็นจากศรัทธาของท่านๆต่ออีกทีหนึ่ง

แน่นอนผมจะเห็นต่อจากท่านๆได้ ก็เพราะเราศรัทธาในท่าน
ก็ด้วยฐานะที่ท่านเป็นบัณฑิตนั้นแล เราจึงไม่จำเป็นต้องเห็นจริง
ถ้าท่านเห็น เราก็ศรัทธาท่าน เราก็เห็นไปด้วย
แต่เราเห็นแล้ว เราไม่ใช่ไม่ศรัทธานะ เพียงแต่ว่า

เราวางลง เพราะเรายังเห็นทิฏฐิของเราชัดกว่า

ก็เหมือนท่านเห็นทิฏฐิของท่านชัดกว่า

เราเห็นทั้งสองทาง ชัดทั้งคู่
( เพราะเราเคารพเทวดานะ )

แต่ท่านเหมือนเห็นส่วนเดียว
( หรือว่าลองดูนิพพานกันแล้วละ อันนี้ไม่แจ้ง
เพราะไม่ค่อยมีใคร ชี้ข้อปฏิบัติเท่าไหร่ -- เว้นคุณ eddy )

 

นานาจิตตังค่ะ
แต่หนูเชื่อนะ เพียงแต่ว่าต้องหาคนที่ใช่จริงๆและดีจริงๆ
พวกมั่วๆ อย่างโง้นอย่างงี้หนูลองทดสอบแล้ว(แบบที่คุณเจ้าของกะทู้พูดมา)
ส่วนใหญ่ปลอมทั้งนั้น แถมจะเก็บเงินอีก- -
แต่ก่อน แถวบ้านมีตำนัก คนทรงเค้าบอกว่าทรง
พระนารายณ์
หนูไม่อยากจะเชื่อเลย เพราะคนๆนั้น วันๆเค้าดื่มแต่เหล้า พาผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้า (เท่าที่เราบังเอิญเห็นนะคะ) แล้วแบบนี้องค์ท่านจะมาอยู่กับเค้าได้ยังไง(หนูคิดเอาเองนะ)
-----------
พี่สาวหนูเค้าเป็นร่างทรงให้องค์กิ้วเทียนเอี่ยนลู้ค่ะ พระมาอยู่กับเค้า4-5ปีแล้ว
ตอนแรกหนูก็ งง ว่าท่านมาได้ยังไง นึกว่าแกล้ง
แต่วันนั้นเราอยู่บ้านกัน2คน ท่านลงมาประทับทรง
พูดภาษาจีนแล้วทำท่าทาง(อธิบายไม่ถูก) เราก็ไม่รู้จะทำยังไง
เลยไปเรียกพี่ชายข้างบ้านมา เพราะเค้าพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับจีนๆบ้าง
พี่เค้าก็คุยกับท่าน(เป็นภาษาจีน) เราก็ถามว่าพูดว่าอะไรบ้าง
พี่ชายบอกว่า "ท่านลงมาช่วยยายแดง ท่านจะรักษาโรคให้ยาย" ซึ่งยายแดงเค้าอยู่แถวๆบ้านเรา แล้วตอนนี้ยายแดงเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายไม่มีแรงจะเดินแล้ว แต่ยายเค้าเป็นคนดีมากๆใจดีด้วยค่ะ เพราะตอนเล็กๆหนูไปเล่นบ้านยายประจำเลย

พี่ชายก็เลยเชิญท่านไปบ้านยายแดง พอบอกยายแดงเรียบร้อยแล้วว่า ท่านจะมารักษาให้นะ ก็OK.ท่านก็เข้ามารักษา

ท่านบางมือไว้บนมือทั้ง2ข้างของยาย แล้วพูดเป็นภาษาจีนกับยาย แล้วก็ช่วยนวดแขนนวดขาให้(ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะทำถึงขนาดนี้)ยายแดงก็พนมมือไหว้ท่านไปด้วย พอนวดเสร็จปุ๊บท่านก็ลา(ออกจากร่าง)พี่สาว

2-3วันต่อมา ยายแดงเดินได้ตามปกติ พอเดือนต่อมาญาตของยายก็พาไปตรวจ ปรากฏว่าไม่พบก้อนเนื้อร้ายนั่นอีก ซึ่งพวกเราดีใจสุดๆ หนูภูมิใจมากที่พี่สาวของหนูเป็นร่างทรงที่ดี และเป็นของจริง

เด็กอ๊ามศิษย์องค์กิ้วเทียนเอี่ยนลู้



รูปกิมซิ้นของท่านค่ะ รูปนี้เป็นป้านออกรบ แต่ป้านจริงๆของท่านที่มาประทับพี่สาวหนู เค้าบอกว่ายังไม่ได้ออกรบ ตอนนั้นยังเป็นสาวอยู่

[ยาวไปหน่อยนะคะ แต่นี่หนูย่อแล้วนะ]

 

เด็กอ๊าม เรื่องราวดีๆ น่าฟังครับ จะทำความดีก็ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

 

เด็กอ๊ามมมม ชื่อน่ารัก น่าฉงนจริงๆ

 

อ๊ามแปลว่าศาลเจ้าค่ะ แหะๆ

 

อ่ะจ้ะ ความรู้ใหม่

 

ยุคนี้เป็นยุคแห่งการโปรดสรรพสัตว์จึงไม่เป็นการแปลกที่จะมีร่างทรงเกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากผู้ใดเมื่อปฏิบัติบำเพ็ญสมาธิถึงระดับหนึ่งก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคอยชี้แนะการบำเพ็ญ และปกป้องคุ้มครอง แต่ก็โดยส่วนใหญ่อีกเช่นกันที่เมื่อได้รับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้แล้วทึกทักเอาเองว่า...ท่านต้องการลงมาเพื่อจับต้องตัวเราเป็นร่างทรง แต่แท้จริงแล้วท่านมาเพื่อการสอนสั่งเราเท่านั้นเอง...นอกจากบางท่านที่มีหน้าที่ของเขา...เขาก็จะทราบเองโดยที่มิอาจต้านทานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้...เรามาพูดถึงสิ่งศักดิ์ที่ลงมาสอนสั่งกันดีกว่า...ท่านมีเมตตาในการโปรดสรรพสัตว์ จึงไม่แปลกที่หากเมื่อท่านลงมาสอนแล้ว..ท่านจะเผื่อแผ่ถึงสรรพสัตว์อื่นด้วย...บางครั้งก็จะทำให้ร่างมีความสามารถในการรักษาผู้อื่นด้วยตนเองได้...โดยไม่ต้องมีการประทับทรงเช่นทั่วไป...แต่หาใช่หน้าที่โดยตรง...เป็นเพียงความเมตตาที่เกิดขึ้นขณะนั้นๆ.....

 

อุปาทาน ทั้งนั้น
อย่าไปยุ่ง เลย เรื่องพวกนี้
ปิดทาง เข้ามรรค เข้าผล

ตามธรรมดา ถ้าเราไม่เอาใจ ไปผูกพัน ใจเราก็พ้นจากเรื่องเหล่านี้

แต่ ถ้าเอาใจไปผูกพัน ก็จะทำให้ติดอยู่กับเรื่องเหล่านี้ ยิ่งนานวัน ยิ่งติดหนัก

 

ใครไม่เข้ามา อยู่ในสังคม ห้องวิทยาศาสตร์ ลึกลับ เขาก็จะไม่ต้องมารับรู้เรื่องราวที่นี่
เช่นกัน เขาก็ไม่ต้องก่อความสัมพันธ์ กับ คนในห้องวิทย์

ก็เหมือนกัน ใครไม่เอาใจไปยุ่งกับ เรื่องเทพ เรื่องทรงเจ้า สลัดทิ้งไปให้หมด
จิตใจเราก็จะพ้นจากเรื่องพวกนี้ ได้

ให้แก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วย ธรรม