ความจริงของร่างทรงและวิธีพิสูจน์ร่างทรง ด้วยปัญญา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มกราคม 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก่อนจะตอบเป็นข้อๆ นะ

    ข้อนี้ เอามาพิสูจน์อะไรไม่ได้นะ เพราะผมก็พูดได้ ให้คุณ ตั้งใจอ่านหนังสือให้มาก ใครๆ ก็ต้องพูดแบบนี้ มันไม่ได้ประหลาดอะไร

    และข้อความที่ยกมา เป็นเรื่องปกติ ที่ไม่ได้พิสูจน์ว่า ทรงจริง ทรงปลอม

    เรา ควรปฏิเสธไปเลย เรื่องพวกนี้นะ

    มันจะมี สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นความลับที่เรา ไม่รู้กันว่า กรรมบันดาล นั้นมันซับซ้อนจนเราคิดว่า มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นผู้ทำ

    เราลองดูว่า หัวใจเรา เต้นได้ ไม่มีใครควบคุม อวัยวะภายใน เราควบคุมไม่ได้เลย อะไรก็ตามที่อยุ่ภายใน สิ่งที่ปกปิดด้วยเนื้อหนังนี้ เราบังคับไม่ได้เลย อะไรที่เรามองด้วยตาไม่เห็นเราก็บังคับไม่ได้เลย

    นี้ มันอยู่ในกายเราหรือไม่ ก็ตอบว่าใช่ มันอยุ่ในกายเรา เราคุมไม่ได้
    แล้วทำไมเราไม่มองว่า มี อะไรมาควบคุมมันอยุ่หละ ทำไมไม่กำหนดให้เป็นอีกบุคคลหนึ่ง มาควบคุมสิ่งเหล่านี้ ก็เพราะว่า มันไม่เป็นโทษ เราก็คิดว่า มันเป็นของเรา

    แต่พอมีโทษมาเมื่อไร เราจะคิดว่า เป็นเพราะสิ่งนั้นสิ่งนี้ทันที

    นี้คือ อุปนิสัยของ มนุษย์ และ สิ่งมีชีวิตทั่วไป

    ผมไม่ได้ปฏิเสธเรื่อง ผี เรื่อง เจ้านะ แต่ ไม่อยากให้คิดกัน เพราะคิดแล้วมันก็เปิดทาง ให้สิ่งเหล่านี้มา

    ทำไม ผี หรือ เจ้าถึงไม่เข้าเด็ก
    ทำไม ผี หรือ เจ้า ไม่ไป สิง สู่สัตว์
    ทำไม ผี หรือ เจ้า ไม่ไป สิงคนบ้า
    ทำไม ผี หรือ เจ้า ไม่ไป สิง ทักษิณ

    ไม่ใช่เพราะ เขาเหล่านั้น มีเทพปกป้องหรอก แต่เพราะเขาเหล่านั้น มีใจตนเองปกป้อง คือ ไม่ได้คิดไปในเรื่องพวกนี้เลย

    และการที่เรา คิดไปแต่ทำนองนี้ เพราะเรามีกรรม ที่ เคยสอนคนผิดๆ ให้เขาหลง
    เราก็ติดอยู่กับ กรรมพวกนี้ ไปที่ไหนๆ ก็ไม่พ้น วิตกกับสิ่งเหล่านี้

    เราสลัดทิ้งไปเลย เราจะพบแต่ความอิสระ เรียกว่า ไม่ไปสนใจกับ เรื่องพวกนี้เลย เพราะมันเป็น วิถีของกรรมอย่างแท้จริง ซึ่งเรากำลังจะหาเหตุกับกรรมนั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้


    คนเรา พอคิดอะไรบ่อยๆ ย้ำอะไรบ่อยๆ ไปในทิศทางนั้น จิตจะกลายเป็น วิตกกับสิ่งนั้น ทุกอย่างในสิ่งนั้นจะกลายเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา จนยากจะลบยากจะถอน
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    มนุษย์ เกิดมาในโลกนี้ยากเย็นเท่าไร ยังเกิดมาได้ด้วยกรรม
    แล้ว คิดนึก บรรจบกับ เจ้ามาทัก บรรจบกับ ความต้องการของเรา จนเหมือนเป็นเรื่องประหลาดนั้น เป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว สำหรับ เรื่องของกรรม
     
  3. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ขอถามคุณขันธ์ นิดนึง อันนี้มาเล่าเพื่อเป็นประสบการณ์ให้ผู้อ่านนะคะ เคยไปพบพระท่านนึง ท่านมีท้าวเวสสุวรรณ ประทับเลยค่ะ ประทับตอนเป็นพระนี่แหล่ะค่ะ เราไม่ทราบเลยนะคะ ว่าท่านเป็นแบบนั้น ไปกับแม่ก็ยังงง.. เลยค่ะ เพราะพระท่านติดกิจนิมนต์เยอะ ก็เลยต้องตระเวนหาวัดค่ะ เพิ่งไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เอง เนื่องจากว่าจะไปนิมนต์ท่านไปสวดมนต์ ทำบุญบ้านค่ะ แต่ ก็ยัง งง.. ทำอะไรไม่ถูก คือเราบอกกับท่านว่า จะนิมนต์ท่านไปสวดมนต์ที่บ้าน จะทำบุญบ้าน ท่านก็เรียกเราไป แล้วก็ให้จดบ้านเลขที่ พอจดเสร็จท่านก็บอกว่า อ่ะเขียน คือท่านพูดเร็ว และบอกเร็วมาก เราก็นั่งงง.. รายชื่อที่ท่านให้จด ตอนแรกนึกว่าให้จดรายชื่อ พระที่จะไปสวดมนต์ที่บ้าน 1. นาย....... จนถึง 10. เราก็มองหน้ากับแม่ เอ๊ะ อะไร ทำไมพระมี 10 องค์ ก็งง.. ค่ะ จนมารู้ว่า ท่านบอกว่า ที่บ้านมีเจ้าของที่เก่า ที่ตายทับถมกันมา หลายรุ่น เพราะตรงนั้นเป็นป่าเก่า จริง ๆ ค่ะ มีคนทักหลายคนว่าที่บ้านมีสัมภเวสี เยอะมาก ให้ทำบุญบ้านจะดีขึ้น แล้วแบบนี้พระบาปมั้ยคะ ทั้ง ๆ ที่เป็นพระ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้น จริง ๆ เราก็รู้ว่าบาปนะ แต่ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นพระ ก็ยังเป็นแบบนี้เลยค่ะ
     
  4. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    จริง ๆ แล้วเท่าที่ทราบมา คนที่เป็นคนทรงเจ้า นั้น มีกรรมมากเลยนะคะ พระท่านบอกไว้ คุณขันธ์ ก็เข้าใจเปรียบเทียบนะคะ เอาเหตุและผลมาพูด แต่เราก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เวลาจะเชื่อก็ต้องใช้วิจารณญานอย่างมากเลยค่ะ บางทีทักมาว่าที่บ้านมีอะไร (สิ่งลี้ลับน่ะค่ะ) และทักเหมือนกันทุกคน อันนี้ก็แปลกเหมือนกัน และทำไมถึงทักเหมือนกันหมดทุกคนหล่ะคะ อันนี้เราไม่ได้ไปเองนะคะ แต่แม่เราท่านนับถือค่ะ
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตอบว่า พระนั้น สัญญาวิปลาส ครับ

    ทำไมหลวงตามหาบัว ท่านปฏิเสธเรื่องพวกนี้หละ
    ทำไม หลวงปู่มั่น ท่านปฏิเสธเรื่องพวกนี้หละ

    แม้ใน พระไตรปิฎกและพระวินัยก็มี ว่า ห้ามพระ ทำการทรงเจ้าเข้าผี ห้ามพระทำ เรื่องพวกนี้

    เราต้องดู พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นแบบอย่างนะครับ

    ผมกล้าท้าว่า พวกที่ป่วย แล้วไปหาเจ้า รับรอง ไม่หายขาด ต้องไปๆ มาๆ เพราะว่า มันรักษาได้ไม่จริง


    ทำงานอะไร พอไม่ประสบความสำเร็จ ก็ให้ไปหาเจ้า ชีวิต ประสบเคราะห์กรรมก็ไปหาเจ้า แต่ไม่เคยสางปัญหาชีวิตให้ลุล่วงไปได้เลย
    มีนั่นมีนี่ตลอด
     
  6. chinasungkia

    chinasungkia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +852
    ผมไม่ได้ปฏิเสธเรื่อง ผี เรื่อง เจ้านะ แต่ ไม่อยากให้คิดกัน เพราะคิดแล้วมันก็เปิดทาง ให้สิ่งเหล่านี้มา



    เราก็ติดอยู่กับ กรรมพวกนี้ ไปที่ไหนๆ ก็ไม่พ้น วิตกกับสิ่งเหล่านี้




    คนเรา พอคิดอะไรบ่อยๆ ย้ำอะไรบ่อยๆ ไปในทิศทางนั้น จิตจะกลายเป็น วิตกกับสิ่งนั้น ทุกอย่างในสิ่งนั้นจะกลายเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา จนยากจะลบยากจะถอน[/quote]

    อันนี้ผมเห็นด้วยครับ ว่า เราไม่ควรจะไปยึดติดกับเรื่องการทรงเจ้าให้มากนัก เพราะการทรงเจ้าไม่ได้ช่วยทำให้ตัวร่างทรง หรือลูกศิษย์ สามารถบรรลุธรรม และไปนิพพานได้ ผู้จะไปได้ต้องเป็นผู้ปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น

    แต่บางอย่างบางเรื่อง ถ้าไม่มีเจ้าท่านชี้แนะ เช่นในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ผมเองก็คงจะไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น และไม่ได้มาปฏิบัติธรรม เท่าทุกวันนี้หรอกครับ และผมก็ยืนยันว่า สิ่งที่เจ้าพูดนั้น ไม่ได้ถูกต้อง 100% ครับ ผมไปหาเจ้าเข้าทรง แล้วก็นำความมาพิจารณาอีก ไม่ได้เชื่อไปเสียหมดทุกอย่าง และเจ้าใด ที่เรียกร้องเงินทอง อันนั้น ผมไม่ไปแน่นอนครับ

    บางท่านอาจจะยึดถือ เอาเจ้าเป็นที่พึ่ง เป็นสรณะ คือ ทุกอย่างต้องทำตามที่เจ้าท่านแนะนำ อันนี้อย่างที่บอก เราก็ต้องพิจารณาด้วยว่า อะไรควร อะไรไม่ควร


    แต่อย่างใด ก็ดี ขอขอบคุณสำหรับเจตนาของท่านเจ้าของกระทู้ .... สาธุ
     
  7. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ช่ายพูดถูกต้อง เมื่อป่วยก็ไปหา เมื่อต้องการประสบความสำเร็จก็ไปหา แต่ไม่ใช้ปัญญาของตัวเอง ไตร่ตรองว่า ไอ้ที่ป่วย ที่มีปัญหา เพราะเราเครียด เพราะเราทำตัวไม่ดี อันนี้ก็ต้องแยกแยะให้ออกด้วย ไปหาคนทรงเจ้า ก็ต้องเสียเงินให้กับเค้า คนที่จนไม่มีเงิน แต่อยากมีก็ไปหา กลับหมดมากกว่าเดิมเสียอีก ถ้าอยากให้ดี ทำบุญกับพระไม่ดีกว่าเหรอ
     
  8. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณขันธ์ พระอริยะแต่ละพระองค์มีพระญาณแตกต่างกันตามพระบารมี บางองค์ก็มาแนวทางสุขวิปัสโก บางองค์มาทางวิชชาสามและอภิญญาญาณ หากท่านยังไม่เชื่อ? ท่านพิสูจน์บ้างแล้วหรือยัง? คนเราอย่าเพิ่งปฏิเสธจนกว่าจะได้พิสูจน์เสียก่อน ในเมื่อไม่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ก็ไม่ต่างที่ข้าพเจ้าที่เคยคิดและเชื่อว่าพระพุทธเจ้าไม่มีอยู่จริง

    ท่านพิสูจน์ให้ข้ารู้หน่อยได้ไหมว่า พระพุทธเจ้ามีอยู่จริง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่อุดมคติหรือเป็นเพียงแค่บุคลาทิษฐานเท่านั้น ก็เพราะท่านศัทธาและเชื่อมั่นต่อพระพุทธศาสนาใช่ไหมว่าเป็นสิ่งสูงสุดแห่งพระนิพพาน หากท่านศึกษาศาสนาอื่นๆ บ้าง ก็จะรู้มุมมองที่กว้างขึ้น เหมือนมองเหรียญสองด้าน ใช่สักแต่มองหัวหรือก้อย แต่หากมองขอบเหรียญด้วย ก็จะรู้ถึงเส้นเขตบางๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นกลาง มุมมองที่ว่านี้ดูเหมือนง่าย แต่ปฏิบัติอยากเสียเหลือเกิน นักการศึกษาศาสนาส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นหลักการ บางครั้งก็ปรุงแต่งเสียจนวิจิตรพิศดาร จนเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจและปฏิบัติได้ กลับกลายเป็นช่องทางให้ผู้ไม่ประสงค์ดีนำไปใช้เพื่อแสวงหาประโยชน์และยกย่องความเป็นเลิศของตนเอง จนกลายเป็นปมปัญหาและเกิดความเสื่อมของสังคมเช่นทุกวันนี้ บางครั้งใบไม้เพียงหนึ่งกำมือของพระองค์ท่านก็อาจไม่เพียงพอสำหรับผู้แสวงหาความจริงที่พยายามข้ามขอบแห่งจิตใจแห่งนี้

    ความจริงที่ว่านี้เป็นจิตเอกภพที่ไม่ต้องการให้เปรียบเทียบหรือข่มศาสนาอื่นๆ ให้มัวหมอง ในเมื่อท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญาญาณแห่งธรรมแล้วไซร์ เรื่องแค่นี้จะพิสูจน์ด้วยตนเองไม่ได้เชียวหรือ? สำหรับโรคภัยเพราะกรรมบันดาล มันเป็นสิ่งเหนือสามัญวิสัยที่จะกล่าว ในเมื่อการรักษาทางแพทย์ไม่สามารถจะเยียวยาหรือรักษาเขาให้หายได้จริงๆ ก็ต้องดิ้นรนหาหนทางเลือกอื่นๆ เท่าที่จะทำได้ เช่น พลังจักรวาล และการรักษาผ่านพวกร่างทรงเหล่านี้ ก็เป็นอีกหนทางเลือกหนึ่ง บางโรคก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งๆ ที่หมอบอกว่าตายแน่ๆ ไม่รอดหรอก ทั้งอัมพาธและมะเร็ง อันนี้ก็เคยเจอมาแล้วจริงๆ หากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง ท่านจะคิดยังไง? บางคนโชดดีประสบกับสิ่งที่ดีในชีวิต และบางคนอับโชคก็ต้องประสบเคราะห์กรรมกันไป เพราะทุกคนต่างก็อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ธรรมดามาก อยากได้ A ก็ต้องขยันเรียน

    แนะนำให้ทางดี ย่อมเป็นเรื่องที่ดี

    ตอบง่ายๆ ดีเนอะ หากมีวาสนาบารมี ก็ได้เองแหล่ะ

    เรื่องทางโลกไม่ตอบ แล้วจะเหลืออะไรให้ถาม เพราะคนถาม มันมีแต่ปัญหาทางโลกทั้งนั้น

    ถ้าเป็นทางธรรม ก็ตอบแบบเหมาๆ เอา ว่า ปฏิบัติธรรม รักษาศีล ให้ทาน แล้วจะดีเอง หุๆๆ

    อะไรๆ มันก็เพราะเวรกรรมเก่าทั้งนั้นแหล่ะ ต้องยอมรับ แล้วทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะดีเอง...ฟังแล้วคุ้นจัง

    สรุป ร่างทรงคนนี้ไม่ได้สอนอะไรที่พิสดารไปจากสามัญปกติเลย เหมือนผู้ใหญ่สอนเด็กทั่วๆ ไป ดังนั้นจึงยังบอกไม่ได้ว่า ทรงจริง หรือ ทรงปลอม

    แต่สิ่งหนึ่งที่น่านับถือก็คือ การสอนให้คนเป็นคนดี ขยันหมั่นเพียร ไม่จมอยู่กับความทุกข์ ยอมรับชะตากรรม และไม่หวังผลประโยชน์ทางด้านวัตถุ

    ขอจงได้ใช้ปัญญาพิจารณาด้วยตนเองเทอญ....สาธุ
     
  10. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เอ็ดดี้ ผีน่ารัก นับถือหลายศาสนาหรือนี่ มิหน่าล่ะ...
     
  11. chinasungkia

    chinasungkia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +852
    ขอบคุณ คุณวิมุตติ ที่ได้ร่วมแสดงความเห็น

    คราวนี้ ผมขอเล่าเรื่องปฏิหาริย์ สักนิดนะครับ คือว่า คนข้างบ้านผมที่ ตจว. นะครับ บ้านนี้ เค๊าก็นับถือพระเจ้าเช่นกัน แต่ในบางเรื่องที่เจ้าท่านสั่งให้ทำ คือ เรื่องการงานของโรงเจ คนบ้านนี้เค๊าก็ไปช่วยงานโรงเจ และมักจะเอาเจ้าท่านกลับมานินทา ว่า ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ไม่ถูก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ในขณะที่บ้านนี้กำลังคุยกันอยู่ที่บ้านเค๊าเอง ทางโรงเจ ก็มีการประทับทรงกัน เจ้าท่านให้พี่เลี้ยงขับรถไปรับคนบ้านนั้น คือ อาแปะ เจ้าของบ้านมาที่โรงเจ เลย และบอกเหตุผล ด้วยว่า เรื่องที่ อาแปะ พูดอยู่ที่บ้าน นั้น เพราะเหตุใด เจ้า ท่านจึงให้ดำเนินการเช่นนี้ อันนี้ ผมคิดว่า เจ้าท่าน มี อดีตังสญาณ นะครับ (เรื่องที่ผมเล่านี้ ลูกสาวของ อาแปะ ซึ่งรู้เห็นเหตุการณ์โดยตลอดเล่าให้ผมฟังเอง ทั้ง ๆ ที่เรื่องที่ อาแปะ แก พูดคุยนั้น ก็คุยกับลูกกับเมีย ไม่ได้ไปเล่าสู่ผู้ใดฟังเลย)

    ที่นี้ อีกอันหนึ่งที่ผมประสบด้วยตัวเอง ก็คือ บ่อยครั้งที่ผมมีเรื่องจะไปถามเจ้า แต่ยังไม่ได้ถามเลย พอถึงคิว ผมเข้าไปหา เจ้า ท่านก็รู้ใจผมเลย ว่า ผมกำลังคิดอะไรอยู่ เช่นนี้ ก็เรียกได้ว่า เจ้าท่านมี เจโตปริญญาณ นะครับ

    ก็เล่าสู่กันฟังเท่านั้นเองครับผม...สาธุ
     
  12. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณวิมุตติ ที่น้องเขาเล่าความให้ฟัง มาจากประสบการณ์ล้วนๆ ไม่ได้นั่งเทียนบรรยาย เพียงแต่คุณไม่เคยประสบกับสิ่งเหล่านี้ คุณก็จับผิดเขาไปทั่ว น้ำท่วมทุ่งบ้างละ ผักบุ้งโหรงเหรงบ้างละ (ประโยคนี้คุณก็เคยใช้กับผม) ผมไม่ได้มีอคติอะไรกับคุณนะ เพียงแต่ว่าหากจะวิพากษ์ใครนะมันไม่ยากหรอก หาจุดอ่อนและย้ำที่จุดอ่อนเขา แต่หากคุณรับฟังด้วยใจเป็นกลาง เพราะเราไม่มีอย่างเขาเป็นอย่างเขา ก็คิดเสียว่าติเพื่อก่อ มิได้ทำลาย จะได้สร้างสรรค์พลังด้วยกัน ก็น่าจะดีนะครับ
     
  13. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    "น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง" ก็ใช้แต่กับคุณเอ็ดดี้คนเดียวนะ อย่าไปพาคนอื่นมาร่วมด้วยสิ เป็นน้องผมหรือป่าวก็ไม่รู้นะ แต่ที่แน่ๆ ปี 2540 คุณ Chainasungkia เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ส่วนผมยังเรียน ม 5 อยู่เลยนั่นหน่ะ ข้อมูลแค่นี้ ยังไม่ทันดูให้ดี ก็กล่าวตู่เอาเอง งั้นขอแถมอีกสำนวนนะ "ฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด" ผมตอบก็ตอบด้วยเหตุด้วยผลนะ ใจเป็นกลางๆ เสมอ หากคุณไม่เห็นด้วย ก็แย้งเป็นจุดๆ ไป อย่ามีอคติสิครับ ที่กล่าวไป ไม่ได้จับผิดสักหน่อย แค่ชี้แจงด้วยเหตุผลเท่านั้น

    แล้วคุณจะนับถือศาสนาไหน ก็เอาให้แน่สักศาสนาหนึ่ง คริสต์ อิสลาม พุทธ ก็ดีทั้งนั้น นับถือสะเปะสะปะแบบนี้ เทพเจ้าของศาสนานั้นก็งงกันหมดว่า จะเอายังไงกันแน่ มันนับถือเราหรือป่าวเนี่ย หรือว่า หลับหูหลับตานับถือไปก่อน ใครเค้าว่าดี ก็ว่าตามกัน อย่างนั้นหรือป่าวครับ

    หากคุณเห็นจุดอ่อนผมตรงไหน ก็ใส่มาได้เต็มที่ ผมจะได้นำไปพิจารณา เพื่อปรับปรุงตัวเอง แต่ขอเน้นว่า ต้องสมเหตุสมผลนะ ไม่ใช่ดีแต่อ้างว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

    เรื่องทรงเจ้า เข้าผี ผมไม่ได้ปฏิเสธซะหน่อยว่าไม่จริง แต่บอกว่า มีทั้งจริง ทั้งเก๊ บางคนอาจจะอุปาทาน จขกท เค้าก็พยายามชี้แจงด้วยเหตุผล แต่บางคนก็ไม่มีเหตุผลเนอะ งมงายไม่เข้าเรื่อง...

    สีลัพตปรามาส มันละยากเหมือนกันเนอะ คุณขันธ์ เนอะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  14. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิมุตติ, chinasungkia, nsthai </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->ไปแล้วหรอครับท่าน เอ็ดดี้ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย ผมเองก็รอให้ท่านช่วยชี้แนะจุดอ่อนอยู่ รอเก้อเลยเรา แง้วๆๆ...
     
  15. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณวิมุตติ

    จุดอ่อนที่พบคุณในตอนนี้ของคุณ คือข้อที่ห้าของสังโยชน์สิบ นั่นก็คือปฏิฆะ ไง เหมือนคุณว่าก็ถูกผมกระเดียดจับสาระไม่ตรงประเด็นแล้วมากล่าวตู่เป็นยังงั้นเป็นอย่างนี้ ก็ไม่ถือโกธรกันนะครับ

    ผมเป็นคนไม่มีศาสนาที่แน่นอน เพราะนับถือจิตเอกภพเพียงเพื่อแสวงหาความรู้เพื่อข้ามขอบแห่งจิตใจดั่งเรือแพข้ามมหานทีสีทันดรเพื่อไปให้ถึงฝั่งหมาย โดยการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่นอกเหนือจากความถนัดและทักษะที่ตนมีอยู่ด้วยประสบการณ์ชีวิต

    ผมเองก็ไม่ได้เป็นร่างทรงนะครับแต่ผมเข้าใจหัวอกของพวกเขาเหล่านี้จากประสบการณ์ที่ตนเองได้เรียนรู้จากพวกเขาเหล่านี้ ซึ่งไม่มีใครอยากเป็นกันหรอกคุณ หากไม่ใช่เพราะกรรมบันดาลชักนำไป สิ่งสำคัญท่านเหล่านี้สั่งสอนธรรมแบบชาวบ้านนะ จะให้สอนธรรมขั้นสูงแบบพวกคุณไม่ได้หรอก แต่ก็ไม่แน่ใจอีกนั่นแหละว่าสมัยพุทธกาลพระองค์ท่านสอนแบบชาวบ้านบ้างหรือเปล่าหนอ?

    พวกร่างทรงบางคนที่ปฏิบัติดีก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่บางคนนะซิกลายเป็นหลงผิด เพราะความโลภในเรื่องลาภสักการะบ้างละ อยากมีชื่อเสียงว่าตนเป็นผู้วิเศษบ้างละ บางทีตัวเองอยู่หน้าองค์เทพอยู่หลัง เก่งกว่าองค์เทพก็มีเยอะ อยากจะบ้าตาย ก็อยากให้พวกเขาเหล่านี้ได้ไปถึงฝั่งหมายเหมือนๆ กัน

    แต่อย่าลืมว่าสิ่งนี้ก็เป็นตัณหาอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน แล้วเหตุใดเหล่าพระพุทธองค์ต้องการให้เราดับตัณหา? เพียงเพื่อให้รู้จักพอเพียงด้วยการลดละเลิกแล้วใยเล่ายังต้องมุ่งมั่นเพื่อไปพระนิพพาน? หรือว่าสิ่งนี้เป็นตัณหาชั้นดีสุดประเสริฐยิ่งแล้ว ก็ขอพวกท่านได้ประสบแต่ความสุขและบรรลุธรรมกันทุกๆ คน แล้วอย่าลืมมาโปรดข้าพเจ้าบ้างละ ผมนับถือคุณจริงด้วยใจนะ ที่คนอายุและวัยวุฒิอย่างยังน้อยๆ อย่างคุณ จะเข้าสู่รสพระธรรมได้เพียงนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  16. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ขอบคุณ คุณเอ็ดดี้ที่ชี้แนะเรื่อง ปฏิฆะสังโยชน์ครับ ระหว่างนี้ผมคงข่มได้เป็นคราวๆ ไป เอาไว้ฟัดกับมันอีกทีตอนได้ อนาคามีมรรคญาณ แล้วกันนะครับ

    เรื่องโกรธนี่ เป็นคราวๆ ครับ แต่พยาบาทไม่มีครับ สังเกตุได้ถ้าอ่านไปหลายๆ กระทู้ที่ผมตอบนะครับ

    คำตอบคราวนี้ค่อยดูเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่หน่อย บางคนยังไม่เหมาะกับนิพพาน ก็ควรลดละเลิก แต่ในท้ายที่สุดแล้ว นิพพานก็คือทางเดียวเท่านั้น ว่ามั๊ยครับ

    ความอยากบรรลุนิพพาน อย่ามองว่าเป็นตัณหานะครับ มันเป็นฉันทะครับ การอยากดี นับว่าสมควรยิ่ง แล้วครับ

    เลือกศาสนาได้เมื่อไหร่ บอกกันบ้างนะครับ จะได้รู้ว่า มีหลักยึดแล้ว...
     
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ขอทักคุณ eddy บ้างนะ

    ทราบว่าคุณ eddy ถือข้างจิตจักรวาล อันนี้ก็ดีเนอะ การทำบุญบาปอะไรจะถูกบันทึกโดยจิตจักรวาล พลังที่มาของจิตจักรวาลใหญ่ของสุริยะจักรวาลนี้อยู่ที่ ดาวพฤหัสบดีใช่ไหม ก็ว่ากันไปนะ

    กลับมาคุญตรงที่ บุญบาปอะไรที่ทำนี้จะแปรสภาพจากมวล(ปัจจุบัน)กลายเป็นพลังงาน(ตาย) แล้วกลับมาเป็นมวลอีก(เกิดใหม่) ที่นี้ไอ้ตอนเกิดใหม่นี้ คติ ทางพุทธท่านว่า อาจไม่เกิดมาเป็นคน อาจเกิดไปเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่ทำบุญเพิ่มไม่ได้ อันนี้ ถ้าเป็นไปตามกฏคลื่นพลังงานของจิตจักรวาลนี้ เมื่อไหร่จะได้กลับมาเป็นมนุษย์ละ เผอิญศึกษาพลังจักรวาลแบบข้าม ๆ เลยอาจตกหล่น ก็ถามคุณ eddy เสียตรงนี้

    ส่วนเรื่องเจ้าเข้าทรงนี้ กรณีที่เขารักษาโรคนี้ ก็กุศลเนอะ ใครทำกุศล แล้วเราจะไปว่าเขานี้ ทำให้เรากลายเป็นคนคิดอกุศล ไม่ยินดีในการกระทำของเขา ที่เขาอุตสาห์ช่วยคนที่ป่วยกาย กายคนเราของชั่วคราวตามหลักจิตจักรวาลนะ ตามกฏของจิตจักรวาลนั้นย่อมต้องมีการกลับอยู่ในกายใหม่(ชาติใหม่) ดังนั้น โรคภัยใดๆ ก็มีมาอีกแหละ รักษาหายก็จริงแต่มันชั่วคราว ทางพุทธนี้เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาโรคกาย ที่เป็นของชั่วคราว ท่านเน้นไปที่โรคของใจ ดังนั้น พุทธที่ตื่นแล้วนี้จะค่อยๆถอยห่างจากการรักษาโรคทางกาย จะเน้นรักษาโรคทางใจ ก็เลยดูเหมือน คนพุทธนี้พูดจาขัดแย้งคนทรงเจ้าเนอะ

    แต่ลองคิดดูสิ ถ้าพุทธรักษาคนโรคทางใจได้ แล้วนิพพานนั้นเป็นที่สุด แปลว่า ไม่กลับมาเกิด เมื่อไม่กลับมาเกิดนี้ ก็ไม่มีกาย เมื่อไม่มีกาย ก็ไม่ต้องป่วย เนี้ยะหายขาดทั้งสองส่วน

    แต่คุณว่ามันยากใช่ไหม จริงๆเราจะกล่าวว่ามันไม่ยาก ที่มันยากเพราะคนอื่นเขาเอาไปทำให้ยาก อย่างไมเกรนนี้ ก็ชัดนะว่า หมอฝรั่งวิจัยออกมาแล้วว่าเป็นอาการของคน ที่ชอบคิดอะไรเรื่องเดียวซ้ำซาก เช่น คนที่คิดถึงวิธีหาเงิน เช้ามาก็คิด บ่ายก็คิด จะกินข้าวสักช้อนก็คิด ตกเย็นก็คิด แบบนี้ ไมเกรนกินแน่นอน --- ทางพุทธนี้ เขาแก้ตรงลงไปเลย ว่าให้ดูมันคิด คิดเมื่อไหร่ให้รู้ว่าคิด จะกินข้าวอยู่แล้วคิดถึงเรื่องหาเงินก็ให้รู้ว่าคิด รู้ชัด รู้บ่อยๆ จะรู้ทันว่าจะคิด และเห็นเป็นรูปของความคิดอยากหาเงิน เพราะเห็นว่าเป็นตัวอยาก ก็รู้ว่ามันมาทำให้คิด และนั่นคือสาเหตุแห่งไมเกรน -- และเมื่อรู้ทันความคิดแล้ว คุณจะคิดต่อไปไหมว่า ถ้าคิดแล้วไมเกรนจะกิน -- ก็แน่นอน ย่อมต้องรู้ข่มความคิดในตอนแรก -- แต่ข่มไว้ พอเหตุใกล้เกิด(เงินหมด) ก็คิด -- ก็จะเห็นว่ามันหยุดไม่ได้ มันข่มไม่ได้ หาเงินมาได้ ถ้าใกล้หมดก็เอาอีก ทางเดียวที่จะแก้คือ ให้รู้มากกว่าความคิดนั้น รู้มากกว่าความอยาก รู้ก่อนที่ความอยากมันจะเกิด -- พอรู้ได้ ก็จะเห็นช่องว่างที่จะวางความคิดนั้นลง -- ถามว่า รู้แบบนี้ทำให้รวยไหม ไม่รวยหรอก แต่ไม่คิดต่อแน่ๆ ( ไมเกรนไม่กิน )

    ถามว่า ไม่รวยแล้ว จะอยู่อย่างไร -- เราก็ตอบว่า อยู่ได้อย่างไม่ผิดศีลผิดธรรมแน่ เพราะความอยากนั้นถูกจับได้ เราก็จะไม่อยากจนกระทั่งเผลอทำผิด -- คราวนี้ก็แย่นะสิ -- ก็อาจจะแย่ -- แต่ตามหลักจิตจักรวาล เมื่อความอยากลดน้อยลง อาการสั่นสะเทือนจนเกิดการบันทึกสู่จิตจักรวาลก็จะลดลง -- ส่งผลให้ภพหน้านั้น เกิดมาดีกว่า และจะ รู้วิธีหา รายได้ตั้งแต่เด็กเล็กๆ ไม่สุรุ่ยสุร่าย จะรู้จักหาเงินหาทองให้พอเพียงเพื่อไม่ให้พร่อง นั้นแหละ ผล ในแง่ของจิตจักรวาล

    แต่ถ้า จิต ของพุทธนี้ จะพาไปสู่สภาวะที่รวยกกว่านั้นนะ คือ ศีลและธรรม ที่เรารักษาไว้ดีแล้ว จะเป็น อริยะทรัพย์ ท่านไม่ได้ชี้ไปที่ เงินทอง หรอก เพราะอย่างไรก็ชั่วคราว อริยะทระพย์ ที่พุทธท่านชี้ให้เห็นนั้น ทรัพย์ที่ไม่สูญหาย จะตามเกื้อหนุนจนสิ้นภพสิ้นชาติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คุณ nsthai ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่ามาทางไหน

    มั่นใจหน่อยสิ

    :)
     
  19. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณวิมุตติ

    จุดอ่อนข้อที่สองของคุณอยู่ที่อายุและวุฒิภาวะที่คุณบอกว่า ผมยังเรียน ม 5 อยู่เลยนั่นหน่ะ ผมจะเชื่อใจคุณสักครั้งว่าคุณพูดจากใจจริง เพียงแต่อยากให้คุณทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา และให้ย้อนดูตัวตนเองอีกสักครั้งว่ากาลเวลาเหมาะสมหรือยังที่จะเข้าสู่เส้นทางธรรมแห่งนี้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ขอให้ท่านรักษาสมดุลทางโลกและทางธรรม โดยปกติผู้ศึกษาและผู้ปฏิบัติธรรมมักจะมีอายุเข้าสู่วัยผู้ใหญ่หรือวัยฉกรรณ์ ซึ่งจะผ่านประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย ทำให้รู้อย่างลึกซึ้งเวทนาสุขและทุกข์นานา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การงาน การมีชีวิตคู่ ความสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคม เป็นต้น แต่เมื่อมุ่งมั่นที่จะสละทางโลกเข้าสู่เส้นทางธรรมแล้ว ก็ย่อมมีประสบการณ์ที่มีภาษีเหนือกว่าบุคคลที่ไม่เคยผ่านโลกมาก่อนหรือผ่านมาน้อยกว่า

    อย่างคุณผู้ได้ชื่อว่าผู้มีธรรมและมีจิตเป็นพุทธะอยู่แล้ว หากไปใช้ชีวิตทางโลกให้เกิดกุศลย่อมประเสริฐดีแท้ ด้วยการประกอบอาชีพเป็นหมอ ครูบาอาจารย์ หรือนักสังคมสังเคราะห์ เป็นต้น โดยนำศาสตร์และศิลป์แห่งพุทธะบูรณาการเข้าไปเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะตอนนี้ผมคิดว่าคุณสุดโต่งเรื่องธรรมมากไปหน่อย หากเอาเวลาไปศึกษาและเรียนรู้ทางโลกให้มากๆ ประสบการณ์ต่างๆ จะสอนเราเอง และเวลาเราจะสลัดเพื่อเข้าสู่ทางธรรม ก็ย่อมทำให้เห็นแจ้งความจริงแท้หรือพระสัจจธรรม เนื่องจากได้ประสบผ่านมาหมดแล้ว เราหน่ายแล้ว เราจะมองสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นเพียงแค่รูปนาม เพราะเท่าที่ประสบมานักธรรมเหล่านี้มักจะเรียนรู้จากหนังสือตำรา มากกว่าที่จะแสวงประสบการณ์ทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งการเรียนรู้จากตำราไม่ใช่เรื่องยากเลย คนหัวดีเรียนได้หมด แต่ประสบการณ์นะซิ ไม่ใช่หากันง่ายๆ ดังนั้น ผมจะเคารพผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าผู้คงแก่เรียน พระพุทธองค์ก็ผ่านชีวิตทางโลกจนเกิดความเบื่อหน่าย ยอมสละทุกอย่างเพื่อค้นหาพระสัจธรรม แม้พระองค์จะไม่ได้เป็นผู้ค้นพบ แต่พระองค์เป็นผู้รู้แจ้ง ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งล้วนแล้วแต่มาประสบการณ์ทั้งสิ้น ก็ขอให้ท่านรักษาสมดุลนี้ไว้ และขอให้ประสบความสำเร็จทางโลกและทางธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  20. milestones

    milestones Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +76
    พระรัตนตรัยคือสรณอันสูงสุด

    พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ

    ทุติยัมปิพุทธังสรณังคัจฉามิ ทุติยัมปิธัมมังสรณังคัจฉามิ ทุติยัปิสังฆังสรณังคัจฉามิ

    ตติยัมปิพุทธังสรณังคัจฉามิ ตติยัมปิธัมมังสรณังคัจฉามิ ตติยัมปิสังฆังสรณังคัจฉามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...