พอใจรูม

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ppojai, 3 ตุลาคม 2010.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=loeNQX9FM54]New Born Baby Wishes - YouTube[/ame]

    ขอแสดงความยินดีกับคุณย่าค่ะ
    hp_day
     
  2. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ขอบพระคุณค่ะ พี่ต้อย..
    น้องพอใจ..คลอดได้ 21 วันแล้วค่ะ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 62004.jpg
      62004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.9 KB
      เปิดดู:
      49
    • 62002.jpg
      62002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.5 KB
      เปิดดู:
      52
    • 61109 ok.jpg
      61109 ok.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.2 KB
      เปิดดู:
      54
  3. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    หน้าน้องเหมือนคุณพ่อ..ลูกชายมาก ๆ เลยคะ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 57411poluk.jpg
      57411poluk.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.1 KB
      เปิดดู:
      48
    • mongkan.jpg
      mongkan.jpg
      ขนาดไฟล์:
      176.9 KB
      เปิดดู:
      44
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    *****************************************
    ขอให้มีความสุขเป็นเช่น"ครอบครัวแก้ว"ค่ะ อีกไม่ช้าคงมาร้องเพลงกับคุณย่าแล้ว
     
  5. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k)

    (k)นู่พอใจ เรียกอาม่า ค่ะ พี่ต้อย..:cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 70872.jpg
      70872.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.8 KB
      เปิดดู:
      37
    • 70198.jpg
      70198.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78 KB
      เปิดดู:
      33
    • 70193.jpg
      70193.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.6 KB
      เปิดดู:
      40
  6. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    คนทำงาน 3 Generation

    [​IMG]

    ตามหลักสากล จะมีการแบ่งกลุ่มคนทำงานออกเป็น 3 กลุ่ม (Generation) คือ Baby Boomer Generation X และ Generation Y ซึ่งแต่ละกลุ่มมีคุณลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน

    Baby Boomer คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507 อายุ 44 - 62 ปี จะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงานแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการ ทำงานและองค์กรมาก คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อยเนื่องจากมีความ จงรักภักดีกับองค์กรอย่างมาก

    Generation X คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508-2522 อายุ 29-43 ปี มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการให้ความ สำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work-life Balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและ พัฒนาตนเอง

    Generation Y คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523-2543 อายุ 8-28 ปี เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นวัยที่เพิ่งเริ่ม เข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการ ทำงานว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร อีกทั้งยังมีความ สามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน



    ในบางแหล่งข้อมูล แบ่งแยกออกเป็น 4 กลุ่ม โดยผสานแนวคิด วิธีการ ในการทำงานร่วมกัน "แค่เข้าใจ ... ทุกอย่างก็ลงตัว"
    หนึ่งในสาเหตุของความเครียดในที่ทำงาน คือ การที่คนหลายรุ่นหลายวัยหลายความคิด ต้องมาทำงานร่วมกัน ความแตกต่างระหว่างเลขวัยที่สัมพันธ์กับเลขไมล์ของประสบการณ์ มักนำมาซึ่งความไม่เข้าใจกัน..จนก่อตัวเป็นความขัดแย้งในที่สุด

    บางทีความแตกต่าง คือ กุญแจแห่งความสำเร็จ เพียงขอให้เปิดใจทำความรู้จักคนแต่ละรุ่นให้ลึกซึ้งก็จะได้พบโลกใบใหม่ที่งดงาม หลากหลาย และหากเลือกที่จะสื่อสารได้อย่างถูกช่องถูกกลุ่ม ก็อาจจะได้อะไรใหม่ ๆ คาดไม่ถึง



    ใครเป็นใครในที่ทำงาน
    เราจะแบ่งรุ่นของคนทำงานในที่ทำงานให้ชัดๆ ก่อน โดยจำแนกจากช่วงปีเกิด ซึ่งจะสัมพันธ์กับประสบการณ์ในช่วงเติบโต ทำให้เห็นยุคสมัยที่หล่อหลอมความคิดของพวกเขาได้ชัดเจนขึ้น



    กลุ่มลายคราม : คนที่เกิดก่อนปี 2488
    ลาย คราม...ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษา หรือเป็นพนักงานวัยใกล้เกษียณ คนกลุ่มนี้จะมีผู้คนนับหน้าถือตามากมาย อันเนื่องมาจากประสบการณ์การทำงานอันยาวนานของพวกเขานั่นเอง คนกลุ่มนี้จะเกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติ จึงเติบโตมาท่ามกลางสภาพบ้านเมืองที่มีทรัพยากรที่จำกัด ทำให้รู้จักคุณค่าของเงิน มักมีคุณลักษณะที่มั่นคงเชื่อใจได้ สู้งานหนัก ใช้จ่ายอย่างรู้คิด และภักดีต่อองค์กรสูง



    กลุ่ม Baby Boom : คนที่เกิดช่วงปี 2489 – 2507
    หลังสงครามยุติ ประเทศเข้าสู่ความสงบ การรณรงค์คุมกำเนิดยังไม่แพร่หลาย จึงเกิดพลเมืองตัวน้อย ๆ ขึ้นมากมาย Baby Boom เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและแข่งขันกับคนวัยเดียวกันเพื่อให้ได้งาน ยิ่งเมื่อประเทศกำลังพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ยุคความเป็นอุตสาหกรรม Baby Boom ก็ยิ่งจำเป็นต้องทำงานหนักมากขึ้น เต็มเหยียดวันละ 8 ชั่วโมง 6 วันต่อสัปดาห์

    ลูกจ้าง Baby Boom มักเคยชินต่อการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้นายจ้างยอมรับในศักยภาพ การจะก้าวไปสู่ตำแหน่งใหญ่นั้น ต้องใช้เวลาและแรงผลักดันอย่างสูง



    กลุ่ม Generation–X : คนที่เกิดช่วงปี 2508 – 2523
    Generation–X ลืมตาดูโลกในช่วงเวลาที่มนุษยชาติส่งยานอวกาศออกไปนอกโลกได้สำเร็จ ของเล่นสุดฮิตของเด็กรุ่นจึงไม่ใช่ม้าโยก หรือตุ๊กตาหมีอีกต่อไป แต่เป็นวิดีโอเกม เกมกด และ Walkman พวกเขาเติบโตมาในยุครอยต่อของ Analog กับ Digital อยู่ ท่ามกลางเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ทว่าที่สังคมเปลี่ยนแปลงในทางวัตถุนี้ กลับทำให้สถาบันครอบครัวสั่นคลอน ความภักดีต่อองค์กรของคนรุ่นนี้จึงคลายลงมาก นำมาสู่การลาออก และเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น

    ไม่แปลกที่ชาว Baby Boom ผู้ไม่เคยเกี่ยงที่จะทำโอทีจนดึกดื่น จะอึ้งที่ชาว Generation–X ปฏิเสธการทำงานล่วงเวลา หรือลาออกไปหางานใหม่หน้าตาเฉยหากไม่พอใจ ทั้งนี้เพราะ Generation–X เชื่อว่างานไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต



    กลุ่ม Millennium : คนที่เกิดปี 2524 เป็นต้นมา
    Millennium คือ กลุ่มคนทำงานหน้าใหม่ไฟแรง แต่ยังอ่อนต่อประสบการณ์ บางคนอาจยังเรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำ หรือบางคนมีแผนที่จะเรียนต่อ ชาว Millennium โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ รวมถึงระบบการศึกษาที่เริ่มให้ความสำคัญกับการคิดมากกว่าการท่องจำ

    ชาว Millennium จะมีพ่อแม่ที่มีความรู้สูง จึงให้การสนับสนุนให้ Millennium ได้เสริมทักษะด้านต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก ฉะนั้น Millennium จึงชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และสนุกกับการทำงานเป็นทีม ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข

    ในขณะที่ ชาว Generation-X เปลี่ยนงานครั้งที่ 12 เพื่อเป็นผู้บริหารระดับสูงกินเงินเดือนเรือนแสน แต่ชาว Millennium จะลาออกไปเริ่มธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง

    สลายช่องว่างสร้างความเข้าใจ
    เมื่อเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ใครมีค่านิยมในชีวิตอย่างไร ใคร ๆ ก็สามารถสร้างสะพานข้ามช่องว่าง เพื่อข้ามไปหากันได้ สูตรสร้างสะพานข้ามช่องว่างระหว่างวัยมีอยู่ 3 ขั้นตอน

    1. เข้าใจถึงความแตกต่าง ยอมรับว่าคนเราถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกัน คนที่มีความเชื่อ หรือทัศนคติต่อชีวิตไม่เหมือนคุณ เขาไม่ใช่คนไม่ดีเสมอไป

    2. ชื่นชมจุดดี แทนที่จะต่อต้าน ให้เราลองมองหาจุดเด่นของคนในแต่ละกลุ่มให้พบ

    3. บริหารความแตกต่าง เปลี่ยนวิธีการสื่อสารให้เข้าถึงคนแต่ละกลุ่มที่เราต้องทำงานด้วย



    ทำงานกับกลุ่มลายคราม
    จงให้เกียรติและให้ความเคารพอย่างสูงต่อพวกเขา เมื่อคุณให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็จะให้เกียรติคุณ แล้วถ้าบังเอิญคุณมีตำแหน่งสูงกว่าพวกเขา จงแสดงความชื่นชมต่อเขาในด้านการเป็นเสาหลักขององค์กร และจงรับฟังเมื่อพวกเขาถ่ายทอดประสบการณ์ในอดีต การต่อสู้ ความพากเพียรในการทำงานจนผ่านพ้นความยากลำบากมาได้ เพราะสิ่งนั้นคือ สิ่งที่คนรุ่นหลังไม่มี และไม่รู้จัก อย่ามองว่า..กลุ่มลายครามคือ หมาล่าเนื้อไม่มีที่ไป แต่การที่พวกเขาทำงานอยู่จนถึงวัยเกษียณนั้น เป็นเพราะพวกเขา เชื่อในคุณค่าของความมั่นคง และถือความซื่อสัตย์เป็นที่สุด



    ทำงานกับกลุ่ม Baby Boom
    จงแสดงความนับถือ รับฟัง และเรียนรู้จากประสบการณ์ของ Baby Boom แล้วพยายามปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าคุณจะเก่งกาจแค่ไหน หรือคุณจะประสบความสำเร็จเพียงใด คุณก็ยังต้องเรียนรู้อยู่เสมอ อย่าแสดงออกว่าการทำงานหนัก คือ การถูกเอาเปรียบ เพราะ Baby Boom ให้ความสำคัญต่อหลักการทำงาน ยึดถือวัฒนธรรมองค์กร และเห็นคุณค่าต่อการทำงานอย่างทุ่มเท หากต้องทำงานในองค์กรใหญ่ ๆ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งบริหารงานโดย Baby Boom ควรพยายามเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรเสียก่อนว่ามีการเจริญเติบโตมาอย่างไร ก่อนที่จะเสนอความคิดริเริ่มเพื่อการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แก่ Baby Boom



    ทำงานกับกลุ่ม Generation–X
    ต้องพูดให้กระชับ ชัดเจนและไม่อ้อมค้อม เพราะ Generation–X ชอบความตรงไปตรงมา คุณสามารถใช้ Email กลับคนกลุ่มนี้ได้ หากคุณสามารถสื่อสารได้ใจความและตรงเป้าหมาย หากเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ ควรพูดต่อหน้า เพราะ Generation–X ไม่ชอบถูกบงการ ผู้ใหญ่แค่ให้นโยบายกว้าง ๆ เปิดโอกาสให้เขาได้แก้ปัญหาเองจะดีที่สุด ส่วน Baby Boom ควรลดความคาดหวังต่อ Generation–X ในการทำงานหนักอย่างหนักโดยไม่มีวันหยุด หรือก้าวไปอย่างช้า ๆ อย่างรุ่นตน เพราะ Generation–X ต้องการชีวิตที่สมดุล ไม่ชอบการอยู่ติดที่



    ทำงานกับกลุ่ม Millennium
    ลองท้าทายพวกเขาด้วยภารกิจใหม่ ๆ Millennium จะชอบความเป็นคนสำคัญ การเพิ่มความรับผิดชอบ เสมือนการให้คำชม จงเปิดโอกาสให้ Millennium ได้แสดงความคิดเห็นของเขา เห็นพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในทีม ผู้ใหญ่ที่ยอมรับความคิดเขา ก็จะได้รับการยอมรับจากพวกเขาเช่นกัน Millennium ชอบให้คุณแสดงออกต่อสิ่งที่พวกเขาทำทุกขณะจิต เพราะความรู้สึกและความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน มีผลต่อพวกเขามาก

    แค่เข้าใจ..ทุกอย่างก็ลงตัว


    To find out more about how a good recruiter can help your team and your company succeed, please contact Adecco representative today.




    Tags : คนทำงาน 3 Generation, baby boom, generation x, generation y, millennium
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 เมษายน 2014
  7. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    เขียนได้ดีมาก ! มองชิวิตที่เปลือยเปล่า

    คนอยู่บนสวรรค์ เงินอยู่ในธนาคาร ; คนเราตอนมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีเงินใช้ ตายแล้วเงินก็ยังใช้เงินไม่หมด หวางจวินเหยานักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ในเจ้อเจียงเสียชีวิตในขณะที่อายุยังไม่มาก เหลือเงินฝากไว้ให้ภรรยา 1,900,000,000 และภรรยาได้แต่งงานใหม่กับคนขับรถของคุณหวางในสมัยที่คุณหวางยังมีชีวิตอยู่

    ในขณะที่คนขับรถคนนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาก็คิดว่า”แต่ก่อน เรานึกว่าเราเป็นคนทำงานให้เจ้านาย ตอนนี้เราเพิ่งเข้าใจแล้วว่าเจ้านายทำงานให้เรามาตลอด

    ความจริงที่โหดร้ายนี้เป็นตัวแสดงว่า : มีชีวิตที่ยืนยาว สำคัญกว่าความรวยความหล่อ ขอให้ทุกคนหมั่นออกกำลังกาย ระวังสุขภาพ ใครเป็นฝ่ายทำงานให้ใครนั้นพูดยาก

    โทรศัพท์ที่ทันสมัย1เครื่อง, 70%ของฟังก์ชั่นในโทรศัพท์นั้นไม่มีประโยชน์
    รถหรูๆ 1 คัน , 70%ของความเร็วนั้นเหลือใช้
    บ้านหรูๆ 1 หลัง, 70%ของพื้นที่นั้นว่างเปล่า
    ในมหาวิทยาลัยสักแห่ง ,70% ของศาสตราจารย์เป็นพวกไร้สาระ
    กิจกรรมทางสังคมหลายอย่าง , 70% เป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อ
    เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน , 70% ไม่ได้ใช้ ไร้ประโยชน์
    เงินที่หามาทั้งชีวิต , 70% ก็ทิ้งไว้ให้ผู้อื่นใช้

    สรุป: ชีวิตที่เรียบง่าย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต 30% ที่เป็นของคุณ ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้องบำรุง ไม่กระหายแต่ก็ต้องดื่มน้ำ ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้องปล่อยวาง มีเหตุมีผลแต่ก็ต้องยอมคน มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จักถ่อมตน ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้องพักผ่อน ไม่รวยแต่ก็ต้องรู้จักพอเพียง ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จักพักผ่อน
    หมั่นเตือนตน: ชีวิตนี้สั้นนัก

    หากเวลาของคุณยังมีเหลือเฟือ ส่งต่อข้อความเหล่านี้ต่อให้เพื่อนของคุณ ให้เพื่อนได้อ่านบ้าง เพื่อจะได้ใส่ใจตัวเองบ้าง
    ดังนั้น
    อยากกิน...กิน,
    อยากเที่ยว....เที่ยว
    เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้,
    สุขสบายทุกเพลา,
    เวลาที่ยังจับมือไหว
    ให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์,
    เวลาที่ยังกอดไหว
    ให้โอบกอดให้ชื่นใจ,
    ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง เพื่อนที่ดีต่อไป,
    เวลาที่อยู่ด้วยกัน
    อย่าได้โกรธกันง่ายๆ

    โปรดส่งต่อให้เพื่อนๆอีก9คน
    เพื่อแสดงว่า...คุณยังมีเพื่อน
    และ...ฉันเป็นเพื่อนคุณ
     
  8. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
  9. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
  10. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ฝึก 'สมาธิบำบัดแบบSKT'...รักษาโรคได้ด้วยตนเอง!

    สารพัดโรคร้ายที่คน ในสังคมต้องเผชิญอยู่ทุกวันนี้ ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้นทั้งในด้านการป้องกัน ดูแล และการรักษาเยียวยาเพื่อให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาวที่สุด

    ดังสุภาษิตที่ว่า "อโรคยา ปรมาลาภา การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ"!

    ผู้เขียน ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการฝึก“สมาธิบำบัดแบบSKT” ที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันเสาร์ที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆเพียง 5 ชั่วโมง ก็สัมผัสได้ว่าวิธีการดังกล่าวมีประโยชน์อย่างยิ่งกับทุก ๆ ท่าน ทั้งผู้ที่กำลังเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ และผู้ที่ไม่ป่วย แต่ต้องการรักษาสุขภาพ รวมไปถึงผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยก็ตาม

    เพราะ“สมาธิบำบัดแบบSKT” เป็นการฝึกปฏิบัติเพื่อสร้างสมดุลในร่างกาย ซึ่งหากร่างกายเสียสมดุลก็จะสื่อให้เราเห็นจากอาการปวดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ และถ้าเราปฏิบัติทุก ๆ วันก็จะทำให้เราห่างไกลโรคร้าย แถมมีสุขภาพจิต สุขภาพกายที่แข็งแรงด้วย

    “สมาธิบำบัดแบบSKT” คิดค้นโดย รศ. ดร. สมพร กันทรดุษฎี-เตรียมชัยศรี อาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งผ่านการศึกษาวิจัยและทดลอง เกี่ยวกับกลไกการทำงานของร่างกายด้วยประสาทสัมผัส ทั้ง 6 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส และการเคลื่อนไหว ตามหลักวิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับหลักพุทธศาสนาในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา โดยเฉพาะการทำสมาธิด้วยการหายใจเข้า “พุทธ” หายใจออก “โธ” นั้น สามารถช่วยในด้านของจิตใจให้คลายเครียด และมีความสุขได้อย่างดี

    ด้วยกลไกการทำงานของร่างกายและจิตใจมีความสัมพันธ์กันโดยระบบ ประสาท!จึงเป็นที่มาของการเกิด “โรค”หลาย ๆ ชนิด เห็นได้จาก ถ้าเราอารมณ์แจ่มใส หรือมีความสุข ก็จะทำให้ร่างกายผ่อนคลายระบบการไหลเวียนของโลหิตทำงานดีก็จะทำให้สมองและ ความจำมีประสิทธิภาพ

    ในทางตรงข้ามถ้าอารมณ์เราขุ่นมัว กระวนกระวายใจ ฉุนเฉียว ก็จะทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนแอเจ็บป่วยได้ง่าย และอาการเหล่านี้เป็นที่มาของโรคความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะไมเกรน โรคกระเพาะอาหาร ท้องผูก โรคระบบประสาท ซึมเศร้า ความจำเสื่อม รวมทั้ง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง เป็นต้น

    สรุปได้ว่า การฝึก “สมาธิบำบัดแบบSKT” ก็คือหลักการกำหนดจิต รับรู้ และการเคลื่อนไหว ด้วยลมหายใจ เข้าและออก เป็นตัวขับเคลื่อน

    นั่นคือ กาย และใจ ประสานเป็นหนึ่งเดียว!

    เมื่อเรารู้ที่มาที่ไป และหลักพื้นฐานของการฝึก“สมาธิบำบัดแบบSKT” ซึ่งเป็นศาสตร์ในการป้องกันและรักษาโรค (ยอดฮิต) แบบองค์รวม ซี่งมีทั้งหมด 7 ท่า ตั้งแต่SKT1-7 ปัจจุบันเป็นที่นิยมฝึกเพื่อใช้ในการป้องกันและรักษาโรคบางชนิดในโรงพยาบาล ของรัฐหลาย แห่ง

    ที่สำคัญในการฝึกในแต่ละครั้ง หรือแต่ละท่า จะให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านการป้องกันหรือรักษาโรคนั้น จะต้องหลับตา พร้อมฝึกท่าละ 30 ครั้งขั้นไป จึงจะทำให้ร่างกายได้รับสารเมลาโทนิน (Melatonin)ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และรักษาความสมดุลให้กับร่างกาย

    พูดง่าย ๆ คือเป็นสารสำคัญในการกำจัดของเสียภายในร่างกายและยับยั้งเซลล์มะเร็งได้อย่างดี แถมยังช่วยให้นอนหลับดี หลับลึกด้วย

    นอกจากนี้ยังมีสารอีกหลายชนิดที่เกิดจากการปฏิบัติหรือฝึกสมาธิบำบัด แบบSKT โดยเฉพาะการหลั่งสารโดปามีน (dopamine)ซึ่งจะช่วยในการรักษาโรคพาร์กินสัน ได้

    ส่วนท่าที่ควรปฏิบัติในทุก ๆ วันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งคือท่าที่ 1(SKT 1) ซึ่งเป็นท่าพื้นฐาน แต่ถ้าผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยมากควรฝึกท่าที่ 7 (SKT 7) ประกอบ ซึ่งเป็นท่าสำหรับเยียวยา รักษาโรคได้ และท่าที่ 3 (SKT 3)ก็เป็นอีกท่าที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

    เรามาเริ่มฝึก“สมาธิบำบัดแบบSKT” กันดีกว่า!

    ฝึก 'สมาธิบำบัดแบบSKT'...รักษาโรคได้ด้วยตนเอง!
    ท่าที่ 1 (SKT 1) “นั่งผ่อนคลาย ประสานกายประสานจิต”

    เป็นการนั่งหรือนอนปฏิบัติสมาธิด้วยการหายใจ

    1. ถ้าหากนั่งให้หงายฝ่ามือทั้งสองข้างวางบนหัวเข่า หากนอน ให้วางแขนหงายมือไว้ข้างตัว หรือคว่ำฝ่ามือไว้ที่หน้าท้อง

    2. ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ 1-5 อีกครั้ง ถือว่าครบ 1 รอบ ทำซ้ำแบบนี้ทั้งหมด 30-40 รอบ แล้วค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ

    3.ให้ปฏิบัติวันละ 3 รอบ ก่อนหรือหลังอาหาร 30 นาที

    ท่านี้จะช่วยลดความดันโลหิต ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานได้ดี

    ฝึก 'สมาธิบำบัดแบบSKT'...รักษาโรคได้ด้วยตนเอง!
    ท่าที่ 2 (SKT 2) “ยืนผ่อนคลาย ประสานกาย ประสานจิต”

    1. ยืนตรงในท่าที่สบาย วางฝ่ามือทาบที่หน้าอก โดยวางมือซ้ายทาบบนมือขวา ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ

    2. สูดลมหายใจเข้าทางจมูก ลึกๆช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ 1-5 อีกครั้ง ถือว่าครบ 1 รอบ ทำซ้ำแบบนี้ทั้งหมด 120-150 รอบ แล้วค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ

    3.ปฏิบัติวันละ 3 รอบ วิธีนี้เป็นการเพิ่มระยะเวลาการทำสมาธิให้นานขึ้นกว่าท่าที่ 1

    ท่านี้จะช่วยลดความดันโลหกิต ลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานได้ดี และควบคุมการทำงานของไขสันหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ฝึก 'สมาธิบำบัดแบบSKT'...รักษาโรคได้ด้วยตนเอง!
    ท่าที่ 3 (SKT 3) “นั่งยืด -เหยียดผ่อนคลาย ประสานกาย ประสานจิต”

    1. นั่งบนพื้นราบในท่าที่สบาย เหยียดขา เข่าตึง หลังตรง เท้าชิด คว่ำฝ่ามือบนต้นขาทั้ง 2 ข้าง ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 3 รอบ (ดังรูปที่ 1)

    2. หายใจเข้าลึกๆช้าๆ พร้อมกับค่อยๆโน้มตัวไปข้างหน้า แขนตึง ผลักฝ่ามือทั้งสองข้างไปด้านหน้าจนปลายมือจรดนิ้วเท้า หยุดหายใจชั่วครู่ (ดังรูปที่ 2)

    3.หายใจออกช้าๆ พร้อมกับค่อยๆดึงตัวและแขน เอนไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด ค้างไว้สักครู่ (ดังรูปที่ 3) นับเป็น 1 รอบ ทำซ้ำกัน 30 รอบ แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น

    ท่านี้จะช่วยลดไขมันหน้าท้อง ลดพุงและลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี

    ท่าที่ 4 (SKT 4) “ก้าวย่างอย่างไทย เยียวยากาย ประสานจิต”

    1.ยืนตรงในท่าที่สบาย ลืมตา แบมือทั้งสองข้างวางไขว้หลัง หรือวางทาบที่หน้าท้อง สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ พร้อมกับนับ 1-5 อีกครั้งถือว่าครบ 1 รอบ ทำซ้ำแบบนี้ทั้งหมด 5 รอบ

    2.ยืนตัวตรง มองต่ำไปข้างหน้า หายใจเข้าช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ ยกเท้าขวาสูงจากพื้นเล็กน้อย หายใจออกช้าๆ พร้อมกับค่อยๆก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า จรดปลายเท้าแตะพื้น ตามด้วยส้นเท้าวางลงบนพื้น นับเป็น 1 รอบ เดินไปข้างหน้า 20 รอบ หยุดเดินรอบที่ 20

    3.วางเท้าซ้ายชิดเท้าขวาในช่วงที่หายใจออก ยืนตรง ตามองพื้น หมุนขวา โดยหายใจเข้า วางปลายเท้าขวาลง หายใจเข้าพร้อมกับยกเท้าซ้ายลอยจากพื้นเล็กน้อย หายใจออกพร้อมวางเท้าซ้ายชิดเท้าขวา แล้วค่อยๆหมุนขวา โดยขยับเท้าให้เอียง 60 องศา และ 90 องศา ในท่ายืนตรง ทำซ้ำเดิมโดยเดินไป-กลับ 2 เที่ยว ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

    ฝึก 'สมาธิบำบัดแบบSKT'...รักษาโรคได้ด้วยตนเอง!
    ท่านี้จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคเรื้อรังทุกประเภท

    ท่าที่ 5 (SKT 5) “ยืดเหยียดอย่างไทย เยียวยากาย ประสานจิต”

    1. เริ่มจากยืนตรงในท่าที่สบาย เข่าตึง ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 5 รอบ

    2.ค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะฝ่ามือประกบกัน แขนตึงแนบใบหู หายใจเข้าออก 1 ครั้ง (ดังรูปที่ 1) แล้ว ค่อยๆก้มตัวลง โดยศีรษะ ตัว และแขนก้มลงพร้อมๆกัน ช้าๆ นับเป็นจังหวะที่ 2 (ดังรูปที่ 2) ค่อยๆหายใจ และก้มตัวลงเป็นจังหวะช้าๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงจังหวะที่ 30 ปลายนิ้วกลางจรดพื้นพอดี (ดังรูปที่ 3)

    3.จากนั้นหายใจเข้าและออก 1 ครั้ง แล้วค่อยๆ ยกตัวขึ้น ศีรษะตั้งตรง นับจังหวะเหมือนตอนก้มลง โดยในจังหวะที่ 30 ให้เข่าตึง แขนตึง กลับมาอยู่ในท่าเดิมดังรูปที่ 1

    เทคนิคสำคัญของท่านี้คือต้องเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆหายใจช้าจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด โดยเริ่มจากวันละ 30 จังหวะและค่อยๆ เพิ่มขึ้นในวันต่อ ๆ ไปจะช่วยในด้านการป้องกันและเสริมสร้างสุขภาพ

    ท่าที่ 6 (SKT 6) “เทคนิคการฝึกสมาธิการเยียวยาไทยจินตภาพ”

    1. นอนบนพื้นเรียบ แขนสองข้างวางแนบลำตัว ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 3 รอบ

    2. แล้วให้ท่องในใจว่า “ศีรษะเราเริ่ม ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ผ่อนคลายลงไปเรื่อยๆ” พร้อมกับกำหนดความรู้สึกไปที่อวัยวะที่เราจดจ่อ ไล่จากศีรษะ หน้าผาก ขมับ หนังตา แก้ม คาง ริมฝีปาก คอ ไหล่ ต้นแขน แขน มือ หน้าอก หลัง หน้าท้อง ก้น ต้นขา เข่า น่อง เท้า และตัวเราทั้งตัว

    3.โดยเมื่อครบทั้งตัวแล้ว ให้ท่องว่า “มือเราเริ่มหนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้นไปเรื่อยๆ” ไล่ลงไปจนถึงเท้า เมื่อทำครบแล้วให้หายใจเข้า กลั้นใจ และหายใจออกเหมือนตอนเริ่มต้นอีก 3 รอบ

    สำหรับท่านี้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี อัมพาต และผู้ที่มีปัญหาระบบการไหลเวียนโลหิต

    ท่าที่ 7 (SKT 7) “เทคนิคสมาธิเคลื่อนไหวไทยชี่กง”

    1. ยืนตัวตรง แยกเท้าทั้งสองข้างพอประมาณ ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ช้าๆ นับ 1-5 กลั้นหายใจนับ 1-3 ช้าๆ แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-5 อีกครั้ง ทำแบบนี้ 5 รอบ

    2. ค่อยๆยกมือ แขน ข้อศอกทั้งสองข้างอยู่ระดับเอว หันฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากัน ขยับฝ่ามือเข้าหากันช้าๆ นับ 1-3 และขยับมือออกช้าๆ นับ 1-3 (ดังรูปที่ 1-2) ทำทั้งหมด 36-40 รอบ แล้วยืนอยู่ในท่าเดิม

    3. หายใจเข้าลึกๆ นับ 1-5 ค่อยๆยกมือขึ้นเหนือศีรษะคล้ายกับกำลังประคองหรืออุ้มแจกันใบใหญ่ แล้วค่อยๆยกมือลงในท่าประคองแจกันเช่นกัน นับเป็น 1 รอบ (ดังรูปที่ 3-4) ทำทั้งหมด 36-40 รอบ แล้วยืนอยู่ในท่าเดิม

    ท่านี้จะช่วยลดอาการท้องผูก นอนไม่หลับ อาการปวดเรื้อรัง/เฉียบพลัน และภูมิแพ้

    โครงการฝึก“สมาธิบำบัดแบบSKT” เกิดขึ้นได้ก็ด้วย จิตอาสาของรศ. ดร. สมพร กันทรดุษฎี-เตรียมชัยศรี และคณาจารย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทุกท่าน ที่ต้องการเห็นคนไทย มีสุขภาพดี และลด ละเลิก การพึ่งยาเพียงอย่างเดียว ด้วยการหันมาใช้ศาสตร์ทางเลือกแบบ“สมาธิบำบัดแบบSKT” ซึ่งมีการพิสูจน์ให้เห็นถึงผลการรักษากับคนไข้หลาย ๆ ท่านหลายๆโรค และหลากหลายโรงพยาบาลมาแล้ว

    ซึ่งผู้เขียนก็อยากให้โครงการ“สมาธิบำบัดแบบSKT”เกิด ขึ้นต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกท่าน จึงอยากให้ผู้เข้าร่วมช่วยกันเสียสละบริจาคคนละเล็กละน้อย (ค่าเช่าห้องประชุม ค่าไฟ ค่าอาหาร)เพื่อนำมาใช้ในการจัดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ต่อไป และหากภาคเอกชนองค์กรใด จะสนับสนุนทุนในการจัดกิจกรรมซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการใช้ห้องประชุม ของมหาวิทยาลัย และค่าอาหารสำหรับผู้เข้าร่วม ก็สามารถติดต่อได้เช่นกันที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

    ดังนั้นใครที่สนใจอยากเข้าร่วมฝึก“สมาธิบำบัดแบบSKT” ครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 28 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยามหิดล ติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ 081-7517228 และ084-3601154 ได้ตั้งแต่บัดนี้!
     
  11. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
    ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น...

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=JHy6bBKu0j4]Ducklings vs. Stairs - YouTube[/ame]

     
  12. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=QgaTQ5-XfMM]Christina Perri - A Thousand Years (Piano/Cello Cover) - ThePianoGuys - YouTube[/ame]​
     
  13. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
    สุนทราภรณ์ - เทพธิดาตะโก .[ame=http://www.youtube.com/watch?v=rxpnbaXl26Y]สุนทราภรณ์ - เทพธิดาตะโก - YouTube[/ame]​
     
  14. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
    22:10 Pathumporn V ขอลาแดนตะโกรายคล้ายร่มไทร
    น้องพี่พำนักอุ่นใจถ้วนทุกหน้า
    ร่วมศึกษาสถาบันเดียวกันมา
    จะจากลาเจียนใจจะขาดรอน

    สีโกเมนงามเด่นเป็นนิมิต
    เตือนให้คิดกายสัมพันธ์วันก่อนก่อน
    คุรุสัมมนาคารตระหง่านงอน
    ดั่งอาทรร่มเย็นไม่เว้นวัน

    ใต้ต้นสนริมตะคองน้องพี่เอย
    จะลาเลยอย่างไรแสนใจสั่น
    แคทิ้งดอกบอกเวลาต้องลาพลัน
    จะนับวันนับเดือนให้เหมือนเคย

    ตะโกร่วงห่วงหาอาลัยถึง
    คงเศร้าซึ้งถึงคนไกลแสนจะเอ่ย
    ใครจะตามคอยเตือนเหมือนก่อนเคย
    เมื่อไรเลยจะได้กลับมาคืนเรือน

    22:11 Pathumporn V ฝากเพื่อนๆ ชาวตะโกราย
    22:13 Pathumporn V 1. เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    เพลงชุดนี้ที่บันทึกเป็นแผ่นเสียง มี 4 เพลง คือ

    เทพธิดาตะโก (ยรรยงค์ เสลานนท์)
    ตะโกร่วง (วรนุช อารีย์, มาริษา อมาตยกุล, ศรีสุดา รัชตะวรรณ, โฉมฉาย อรุณฉาน)
    รำวงชุมนุม วทอ. (เลิศ ประสมทรัพย์-ศรีสุดา รัชตะวรรณ)
    ตะโกราย (หมู่หญิง)

    2. จังหวะโบเรโล่

    22:22 Pathumporn V ตะโกรายงาม
    ผ่องพรรณแพรวพราย ตะโกรายงามสม
    นางในหล้าจะหาไหนมาข่ม
    ใครเห็นต่างเชยชม สมนาม วทอ.
    โอ้ผ่องพิศ
    ยามเพ่งยามพินิจช่างติดใจจริงหนอ
    ชมเรือนร่างช่างงาม ความรักก่อ
    ใครเห็นอยากพะนอตามเคล้าคลอแม่งาม

    เปรียบหญิงงาม แม่งามล้ำใคร
    เจ้างามกายและดวงใจช่างงาม
    ตะโกรายมองแห่งใดสดใสไม่เสื่อมทราม
    มีแต่คนสวยงามทั้งสิ้น

    เทพธิดา
    แดนตะโกงามตากว่านางในแดนดิน
    ยามพิศผ่องผ่องพิศพิศงามสิ้น
    ใจรักสิ้นอาจินต์ งามของถิ่นตะโก

    (ร้องสองเที่ยว)
     
  15. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
  16. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
    ลูกสาวซื้อไอแพคให้พ่อ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=x1d6z4QoyQE&sns=em]So papa, how do you like the iPad we got you? - YouTube[/ame]
     
  17. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
  18. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
  19. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
  20. ratsameee

    ratsameee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +14
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...