เรื่องเด่น มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า เมื่อไหร่จะไป

SMS goTV - ยอดผู้เดินขบวน กปปส. วันนี้ มี 1,100 คน (แบ่งเป็น การ์ด 1,000 คน และ แกนนำ 20 คน เลขาฯแกนนำ 25 คน สื่อมวลชน 35 คน และ ทีมงานถ่ายทอดสด บลูสกาย 20 คน)
SMS goTV - ยอดผู้บริจาค การเดินขบวนของ กปปส. วันนี้ (27 มีนาคม 2557 เวลา 10.47น.) จำนวน 30 คน เป็นหน้าม้า กปปส. (ทีมงาน) 29 คน

 

วันนี้ผ่านบ้านแม่ที่ยกให้น้องชาย พ่อหวงนักหวงหนากลัวผมจะเอาไปขาย ทำลายวงษ์ตระกูล บัดนี้น้องชายเอาไปขายแดร็กหมดสิ้นแล้ว จบข่าว นิทานเรื่างนี้สอนให้รู้ว่า สิ่งที่หวงนักหนานั้นมันไม่ใช่ของเรา ดอกแก้ว(พระแม่ธรณี) เป็นสมบัติผลัดกันชม คนเราได้แต่ความรุ้สึกมั่นคงในใจว่า"มี" "ที่นี่ของฉัน" กระดาษแผ่นเดียว--- พระแม่ท่านไม่ได้รับรู้ด้วยเลย
และความรักที่ว่ามั่นคงนั้น ชาวบ้านว่าคงหย่ากันได้ 3-4ปีแล้ว ทางเราไม่รู้เรื่อง เพราะเขาไม่สื่อสารญาติพี่น้อง ตอนรวยก็--เลี้ยงเพื่อนหมดเป็นแสน--- ตอนยากจนก็คลานตามหาญาติ เหมือนสุภาษิตเหนือที่ว่าไว้

 

เนื้อหาดังท้ายจดหมายนี้
_____________________

เขย่าต้นส้ม หวังส้มหล่น ลงมาให้กิน...ฉันใด
คนที่ เขย่าประเทศไทย ย่อมหวังเก้าอี้นายกฯ หล่นลงมาให้นั่ง..ฉันนั้น..!!

ปากพูดว่าถ้าไม่มีการเลือกตั้ง ก็จะไม่รับตำแหน่งการเมือง คงหลอกได้เฉพาะสลิ่มหูเบาเท่านั้นครับ ทำไมไม่พูดความจริงไปเลยว่า ถึงแม้มีการเลือกตั้ง พี่น้องประชาชนเขาก็ไม่เลือกมาเป็นนายกฯอยู่ดี จึงต้องใช้วิธียอมให้ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย ยอมให้คนกลางมาเป็น "นายกฯเถื่อนนอกรัฐธรรมนูญ"สักปีเขียนกติกาใหม่ให้เอียงกระเท่เร่ เสร็จแล้วจึงปล่อยให้มีการเลือกตั้ง โอกาสที่พรรคฯลูกแหง่แพ้ซ้ำซากจะได้เป็นรัฐบาล น่าจะมีมากกว่าการเลือกตั้งแบบเดิมซึ่งประเมินว่าอีก10-20ปี ก็ยังไม่มีทางชนะ

ลอยหน้าลอยตากล้าพูดออกมาได้ว่า บ้านเมืองจะสงบได้ ต้องให้นายกยิ่งลักษณ์ฯไปตกลงกับเลขาฯกปปส.เองเพราะว่า กปปส.ไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์เลย ก็คงหลอกได้แต่เพียงสลิ่มบ้องตื้นเท่านั้น เพราะพี่น้องประชาชนทั่วไป เขารู้กันทั่วว่าเป็นเพียงคำพูดเพื่อลอยตัวหนีปัญหาทั้งปวง เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ คือผู้ที่เริ่มต้นก่อปัญหาทั้งหมด ตั้งแต่ลาออกมานำม็อบ ลาออกหมดทั้งพรรคฯ และในที่สุดก็บอยคอต ไม่ลงรับสมัครเลือกตั้ง

ขาหนึ่งกอดพรรคฯไว้ ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ประเทศชาติจะฉิบหายถอยหลังลงคลองอย่างไรก็ช่าง อีกขาหนึ่งก็ป่วนบ้านป่วนเมืองไม่มีที่สิ้นสุด ยกระดับความวุ่นวายมีระเบิดลงไม่เว้นแต่ละวัน สร้างบรรยากาศให้เหมาะสมแก่การยึดอำนาจรัฐประหารเข้าไว้ ประเดี๋ยวอำนาจพิเศษก็จัดการ เสกรถถังออกมาวิ่งกันว่อนไปหมด

เขย่าประเทศ เพื่อให้ได้เป็นนายกฯเถื่อนนอกรัฐธรรมนูญแบบนี้ ต้องสมรู้ร่วมคิดกันหลายฝ่ายครับ ทั้งองค์กรอิสระ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และบุคคลในแวดอำมาตย์ทั้งหลาย ลำพังฝนตกขี้หมูไหลอย่างเดียว คงมารวมตัวกันได้ยาก ถ้าไม่อาศัยการคอนโทรลสั่งการ จากมือที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นอำนาจกาฝาก เกาะติดแอบอ้างสถาบันฯ ใช้หากินอย่างเชิดหน้าชูตาในสังคมไทยมานาน

อยากเป็นนายกฯเถื่อน โดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยกันนัก บอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า "ได้ไม่คุ้มเสีย" ถ้าไม่เชื่ออยากเอาชื่อเสียงเกียรติภูมิ มาโยนทิ้งตอนแก่ก็ลองดู อย่านึกว่าคนเขาจะแซ่ซ้องสรรเสริญนะครับ อาจมีเพียงพวกสลิ่มบ้องตื้นเพียงแค่หยิบมือ ที่เชื่อแกนนำม็อบเห็นว่าดีเท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศ ทำลายประชาธิปไตยเพื่อก้าวเข้าสู่อำนาจ มีแต่คนเขาจะประนามหยามเหยียดกันทั้งนั้น

อย่าหวังจะได้ชื่อว่าเป็น นายกฯคนกลางเลยครับ
จะเดินทางไปไหนอย่างมากก็เป็นได้แค่ "นายกฯที่คนเขายกนิ้วกลางให้"เท่านั้น
ใครที่อยากจะแบรนดิ้งภาพนี้ให้ติดตัว แพร่หลายไปทั่วโลก เชิญมาเป็นเลย
"พณฯว่าที่ นายกฯเถื่อน แห่งประเทศไทย"

แล้วจะได้เห็นกันว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศ เขาคิดอย่างไรครับ

 

ปปช. ให้เวลา เพียง 21 วัน และ กระดาษเพียง 49 แผ่น ก็ล้มรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยได้ นี่หรือคือความยุติธรรม?
--ทหารรีบออกมาปกป้ององค์กรเหล่านี้ แปลก ประเทศในโลกนิยมปกป้ปแองรัฐบาลก่อนนี่แอบจิตเล่นไม้ป่าเดียวกัน--จิกแต่เบาะๆ ยังไม่สมกับความริยำตำบอน--หนอนซอก--ตุ่มพิษ ติดตับ)

 

เซ็ง”สสส.”ผลงานไม่คุ้มภาษี ตัวเลข “ก.คลัง” ชี้ 10ปี “สุขภาวะ” ถลุงเกิน “หมื่นล้าน” !! “ใบตองแห้ง” ซัด “อิศรา” สำนึกใช้เงิน ปชช.

กรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลประวัติ “สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย” ต้นสังกัด “สำนักข่าวอิศรา” ได้รับการสนับสนุนเงินทุนงบประมาณจาก “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ” หรือ “สสส.” ตั้งแต่ปี 2551 ไปจนถึงตลอดอายุโครงการปี 2558 จำนวน 14 โครงการ มูลค่าสูงถึง 96,470,000 บาท กระทั่ง “ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์” ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา ออกมาระบุว่าเงินสนับสนุนจาก สสส. จำนวนกว่า 96 ล้านบาทนั้นไม่ใช่จำนวนเงินที่มากมายอะไร หากเปรียบเทียบกับระยะเวลา 8 ปี เฉลี่ยแค่ปีละ 12 ล้านเศษเท่านั้น ล่าสุด เมื่อ 23 มีนาคม 2557 “อธึกกิต แสวงสุข” หรือ “ใบตองแห้ง” คอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ( www.facebook.com/baitongpost ) ระบุว่า

1.เงินเกือบร้อยล้านใน 8 ปีที่จริงไม่มากหรอก และผมก็ไม่คิดว่ามีการทุจริต แต่ สสส.และ สถาบันอิศราควรชี้แจงรายละเอียดในเว็บไซต์ ว่าแต่ละปีเอาไปใช้อะไรบ้าง เป็นการใช้จ่ายอย่างเหมาะสมหรือไม่ สสส.ควรขึ้นเว็บไซต์ว่าแต่ละปีให้เงินใครบ้าง แล้วลิงก์ต่อไปยังองค์กรนั้น ให้แจกแจงบัญชีค่าใช้จ่าย ทั้งโดยสรุป โดยละเอียด เท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่เอาไปกองไว้หลังโต๊ะทำงาน (ไม่ได้โทษประสงค์เพราะประสงค์ไม่ได้เป็น ผอ.ตั้งแต่แรก แต่เมื่อเป็นแล้วก็ควรจะทยอยทำในช่วงที่ตัวเองรับผิดชอบ)

2.“สุขภาวะ” ของ สสส.เป็นอะไรที่กว้างมาก และกลายเป็นข้ออ้างให้สนับสนุนองค์กรที่ิมีทัศนะทางการเมืองเหมือนตัวเอง เหมือนหมอประเวศ หมอชูชัย หมอพลเดช ฯลฯ ขณะเดียวกันยังสร้างอิทธิพลของ สสส.เช่น กรณีนี้คืออิทธิพลต่อสื่อ อย่างที่ผมเคยเรียกว่า สสส.”ซื้อสื่อ” ภายใต้คราบความดี จึงไม่ค่อยมีใครกล้าตรวจสอบ สสส.

3.ข้อถามเรื่องสำนักข่าวอิศราต้องเป็นกลางหรือไม่ เป็นประเด็นที่น่าถก ผมเคยเขียนลง MIO แล้วว่าสื่อเอกชนเลือกข้างได้ เพียงแต่เลือกข้างแล้วยังต้องมีจรรยาบรรณ เสนอความจริง ไม่ปลุก Hate Speech ขณะที่สื่อซึ่งใช้เงินภาษีของรัฐต้องเป็นก ลาง ไม่ว่าช่อง 11 หรือ TPBS (เพียงแต่ช่อง 11 มีบทบาท 2 ด้าน อีกด้านหนึ่งคือกรมประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่ชีแจงการทำงานของรัฐบาล)

สำนักข่าวอิศราอยู่ตรงไหน? ด้านหนึ่ง รับเงิน สสส.ซึ่งมาจากภาษีประชาชน (คนบาป) ต้องเป็นกลางไหม? หรือต้องเดินตามความพอใจของ สสส.

อีกด้านหนึ่ง ยึดโยงกับสมาคมนักข่าว องค์กรวิชาชีพสื่อ ต้องเป็นกลางไหม?

4.ที่จริงผมว่าสำนักข่าวอิศราเสนอข่าวเจาะหลายเรื่องที่น่า ชื่นชม เช่น เรื่องคืนภาษีกรมสรรพากร เรื่องผู้ว่าอุบล แต่ข่าวเหล่านี้มีอยู่ประมาณ 30-40% เท่านั้น อีก 60% เป็นทัศนะหรือข่าวที่ทำให้คนอ่านรู้สึกว่ามีอคติ เลือกข้างแบบมีอคติ นี่ไม่ใช่บอกว่าอย่ามาเจาะเรื่องทุจริตของรัฐบาล เพราะเรื่องใหญ่ๆ เช่น จำนำข้าว น้ำ 3.5 แสนล้าน คุณทำไป ทำให้ดี ทำให้เป็นระบบ มีข้อมูลหลักฐานให้แน่น นั่นคือการทำหน้าที่ แต่ที่น่า เบื่อคือเรื่องตอดเล็กตอดน้อย เช่นเที่ยวไปไล่สอบทรัพย์สิน ส.ส.เพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง ขึ้นเว็บให้เปรอะไปหมด ถ้าจะจับ ก็ต้องจับเป็นรายๆ จับให้มั่นคั้นให้ตาย แบบเกาะติดอริสมันต์ ไม่ว่ากัน แต่เที่ยวจับไปเรื่อยเปื่อย มันทำให้เห็นอคติ บางครั้งก็หน้าแหก เช่น ไปตรวจสอบป้าธิดาถือหุ้นในบริษัทของพี่น้อง ซึ่งโอละพ่อ พี่้น้องป้าธิดาเป็นเสื้อเหลืองหมดเลย

อีกเรื่องที่หลายคนเขาด่า ก็เช่นตอนพงศ์เทพเป็นรัฐมนตรีศึกษา เสนอให้ยุบ ร.ร.ขนาดเล็ก (ซึ่งไม่ใช่ไอเดีย พงศ์เทพหรอก เป็นนโยบายที่พยายามทำมาหลายรัฐบาลแล้ว) อิศราก็ไปเจาะมา “ประจาน” ว่าพงศ์เทพส่งลูกเรียนอินเตอร์ปีละ 2 ล้าน อ้าว! มันผิดตรงไหน เขามีตังค์ แต่เป็น รมต.แล้วจะต้องส่งลูกเรียนประชาบาลหรือ นโยบายนี้ผิดถูกก็ต้องเถียงกันในนโยบาย ไม่ใช่ รมต.ส่งลูกเรียนอินเตอร์แล้วยุบ ร.ร.ขนาดเล็กไม่ได้

มีหลายเรื่องที่เป็นแบบนี้ ซึ่งมันทำให้เสียเครดิต ถ้าพูดกันในเชิงข่าว ก็เหมือนคุณออกหมัดพร่ำเพรื่อ ไม่มีน้ำหนัก กลายเป็นมวยวัด อันนี้เปรียบเทียบมุมกลับเหมือนกับ ปชป.เป็นรัฐบาล แล้ว Voice เอาแต่ด่าๆๆ กระแนะกระแหน ตอดโน่นตอดนี่ แทนที่จะจับเรื่องใหญ่ๆ ก็จะทำให้เสียน้ำหนักกลายเป็นแค่องุ่นเปรี้ยว

อ้อ อีกเรื่องคือข่าวภาคใต้ ตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยเปิดเจรจา “โจรใต้” อิศราที่เคยสนับสนุนสันติภาพ ก็กลับค่อนไปทางขุดคุ้ยหาจุดอ่อนช่องโหว่ของการเจรจา ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ ฯลฯ

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2555 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการวางกรอบกำหนดเพดานรายได้สูงสุดของกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายหลังการรณรงค์ลด ละ เลิกยาเสพติดของ สสส.ไม่ประสบความสำเร็จและมีการใช้จ่ายเงินไม่คุ้มค่าเม็ดเงินภาษีของ ประชาชน

โดยเว็บไซด์ไทยรัฐออนไลน์ ( https://www.thairath.co.th/content/eco/286750 ) รายงานเอาไว้เมื่อ 28 สิงหาคม 2555 ว่ากระทรวง การคลังกำลังวางกรอบกำหนดเพดานรายได้สูงสุดของกองทุนสนับสนุนการสร้าง เสริมสุขภาพ (สสส.) ภายหลังการรณรงค์ลด ละ เลิกยาเสพติดของ สสส.ไม่ประสบความสำเร็จและมีการใช้จ่ายเงินไม่คุ้มค่าเม็ดเงินภาษี ซึ่ง สสส.มีรายได้มาจากการจัดเก็บภาษีบาปคือ สุราและยาสูบของกรมสรรพสามิตอัตรา 2% ของรายได้จากการจัดเก็บภาษีบาปทั้งหมด และการที่ ครม.มีมติขึ้นอัตราภาษีสุราและยาสูบเมื่อ 21 ส.ค.2555 จะทำให้รายได้ของ สสส.เพิ่มขึ้น กระทรวงการคลังจึงห่วงว่า หากไม่กำหนดเพดานรายได้สูงสุดจะทำให้ สสส.มีเงินสดในมือมาก จนใช้จ่ายเงินอย่างไม่รู้คุณค่าแทนที่เงินเหล่านี้จะนำส่งเข้าคลังเพื่อเป็น เงินงบประมาณ

โดยกรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีจากสินค้าบาปได้เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 53 จัดเก็บรายได้จากยาสูบ 53,381 ล้านบาท ปี 54 จัดเก็บได้ 57,197 ล้านบาท และปีงบฯ 55 แค่ 10 เดือน (ต.ค.54-ก.ค.55) เก็บได้ 50,341 ล้านบาท ขณะที่สุราก็จัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี ปี 53 เก็บได้ 42,398 ล้านบาท ปี 54 เก็บได้ 48,624 ล้านบาท และ 10 เดือนปีงบฯ 55 เก็บได้ 44,691 ล้านบาท ซึ่งอัตราภาษีใหม่จะทำให้สรรพสามิตมีรายได้ภาษีบาปเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีละ 12,500 ล้านบาท ขณะที่กรมสรรพสามิตต้องนำรายได้จากภาษีบาปให้ สสส.เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน โดยปี 54 ส่งรายได้ให้ สสส. 3,400 ล้านบาท รวม เงินที่ส่งให้ สสส.กว่า 10 ปี มากกว่าหมื่นล้านบาท แต่กลับมีผลงานน้อยมาก นอกจากนี้การบริโภคสินค้าบาปยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจาก สสส.มักแย่งบทบาทหน้าที่กับกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพคนไทย จนไม่รู้ว่าบทบาทที่แท้จริงของ สสส.อยู่ตรงไหน เช่น การโหมโฆษณาทีวีที่ต้องใช้เงินมหาศาลและเปิดรับพันธมิตรเพื่อศึกษาและวิจัย ด้านสุขภาพ จึงต้องกำหนดเพดานรายได้สูงสุดเพื่อป้องกันการจ่ายเงินมือเติบ คาดว่าวงเงินที่ 3,000 ล้านบาทต่อปีน่าจะเหมาะสมที่สุด

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะเข้าตรวจสอบการส่งเงินของกรมสรรพสามิตที่ให้แก่องค์การ กระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ส่งรายได้จากภาษีบาปให้หน่วยงานนี้ 2% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 2,000 ล้านบาทโดยปี 53 ไทยพีบีเอสรับเงินเกิน 40 ล้านบาท และปี 54 เกินอีก 60 ล้านบาท จัดอยู่ในกลุ่มพวกมือเติบเช่นกัน เพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบการทำงานและการใช้จ่ายเงิน

เซ็ง”สสส.”ผลงานไม่คุ้มภาษี ตัวเลข “ก.คลัง” ชี้ 10ปี “สุขภาวะ” ถลุงเกิน “หมื่นล้าน” !! “ใบตองแ

 

วันที่ 26 มีนาคม 2557


เรื่อง ขอยืนยันให้พิจารณาว่าควรยับยั้งการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเอาไว้ก่อนหรือไม่ และควรดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 ให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 118 วรรคหนึ่ง หรือไม่

เรียน ประธานกรรมการการเลือกตั้ง

อ้างถึง หนังสือลงวันที่ 24 มีนาคม 2557

สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. สำเนาข่าวเว็บไซต์เดลินิวส์วันที่ 25 มีนาคม 2557
2. สำเนาคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ ฟ. 15/2546 หน้า 1, 13


ข้าพเจ้า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา อยู่บ้านเลขที่ 5/155 ซ.อารีย์ 5 ถนน พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขต พญาไท กรุงเทพ 10400 มีปัญหาในการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 72 ที่ต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม 2557 ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ด้วยเลขาธิการ กกต. ได้แถลงข่าวโต้ตอบกรณีตามคำร้องในหนังสือที่อ้างถึง โดยเว็บไซต์เดลินิวส์เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2557 เวลา 15.58 น. ลงข่าว หัวข้อ “กกต. เมิน เรืองไกร แย้งเลือก ส.ว. อาจโมฆะ” (สิ่งที่ส่งมาด้วย 1.) ดังต่อไปนี้

“เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. ได้แถลงภายหลังการประชุม กกต. ว่า ในวันนี้ที่ประชุมกกต. ได้พิจารณากรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า กกต. ควรยับยั้งการเลือกตั้ง ส.ว.เอาไว้ก่อน เนื่องจาก กกต.ได้มีการเสนอร่าง
พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ว.เป็นการทั่วไป พ.ศ.2557 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 118 เพราะได้มีการเสนอร่าง พ.ร.ฎ. ต่อเลขาธิการครม. ก่อนที่ ส.ว. เลือกตั้งจะหมดวาระ ในวันที่ 2 มี.ค. ว่า ยอมรับว่า มีการเสนอร่าง พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง ส.ว. ก่อนที่ ส.ว.เลือกตั้งจะหมดวาระในวันที่ 2 มี.ค. จริงเพราะกฎหมายกำหนดระยะเวลาการจัดการเลือกตั้งส.ว. เพียง 30 วัน อีกทั้งวาระการดำรงตำแหน่งของ
ส.ว. ที่มีการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 51 จะครบวาระ 6 ปีในวันที่ 1 มี.ค. 57 นั้นถือเป็นความแน่นอนเนื่องจากวุฒิสภาไม่มีการยุบสภา อีกทั้งกฎหมายยังกำหนดให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้ง ส.ว. ภายใน 30 วันหลังจากส.ว. ชุดก่อนหมดวาระ ดังนั้นกกต. จึงต้องเร่งดำเนินการ โดยได้ส่งร่าง พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง ส.ว. ให้เลขาฯครม. พิจารณาทูลเกล้าฯ
และได้มีพระบรมราชองค์การโปรดเกล้าฯ ลงมาในวันที่ 26 ก.พ. แต่มีการตราในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 2 มี.ค. ซึ่งถือเป็นวันที่ ส.ว. เลือกตั้งหมดวาระ การดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องของธุรการไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะใน พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง ส.ว. มาตรา 2 กำหนดให้กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่มีการตราในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้นยืนยันว่า
การดำเนินการของกกต.เป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน”

ข้อ 2 จากข่าวที่เลขาธิการ กกต. แถลง แสดงให้เห็นว่า เป็นกระบวนการตราพระราชกฤษฎีกาที่เริ่มมาจาก กกต. และยิ่งทำให้แน่ใจได้ว่า พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 มีการตราขึ้นโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 118 วรรคหนึ่ง อย่างชัดเจน เพราะในหน้าพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มีข้อความที่ระบุว่า “อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 118
วรรคหนึ่ง และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้” ดังนั้น ที่เลขาธิการ กกต. ระบุว่า “การดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องของธุรการไม่มีผลทางกฎหมาย” จึงหาควรไม่ อีกทั้งไปกล่าวอ้างว่า “แต่มีการตราในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 2 มี.ค.” หรือ
“มีผลบังคับใช้ในวันที่มีการตราในราชกิจจานุเบกษา” ยิ่งไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย เพราะความจริงคือ ใน พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง ส.ว. มาตรา 2 นั้น ระบุไว้ว่า “พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” มิได้ระบุว่า “พระราชกฤษฎีกานี้ให้ตราตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” แต่อย่างใด ทั้งนี้
เนื่องจากการประกาศในราชกิจจานุเบกษา หาใช่การตรากฎหมายไม่ ซึ่งเห็นได้จากคำคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ ฟ. 15/2546 วันที่ 3 กันยายน 2546 เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา โดยในคำพิพากษาหน้า 13 มีการระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า
“การประกาศกฎหมายหรือกฎในราชกิจจานุเบกษาเป็นเพียงพิธีการของการประกาศใช้กฎหมายหรือกฎเท่านั้น” จากความในคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว จึงเห็นได้ว่า การประกาศกฎหมายหรือกฎในราชกิจการนุเบกษาไม่ใช่การตรากฎหมายอย่างที่เลขาธิการ กกต. ออกมาให้ข่าวแต่อย่างใด

ข้อ 3 ด้วยเหตุและผลที่ยกมากล่าวแล้วข้างต้น จึงขอเรียนยืนยันให้ กกต. ได้โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบว่าควรยับยั้งการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเอาไว้ก่อนหรือไม่ และควรดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 ให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 118 วรรคหนึ่ง หรือไม่ เพราะยังมีเวลาที่จะแก้ไขได้
หากแต่ยังพยายามที่จะดำเนินการต่อไป ผลที่ตามมาย่อมมิอาจทำให้ กกต. ปฏิเสธความรับผิดชอบได้แต่อย่างใด จึงขอแสดงความปราถนาดีมายัง กกต. ได้โปรดดำเนินการแก้ไขโดยด่วนต่อไปด้วย และเรื่องนี้ยังไม่เกิดผลเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินและผลการเลือกตั้งมากแต่อย่างใด จึงไม่ควรรีบเร่งแถลงข่าวโต้ตอบคำร้องจนทำให้มีการกล่าวไปในทำนองที่ว่า
วันที่ให้ไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้น ไม่มีความหมาย แต่กลับแก้ข้อกล่าวหาตามคำร้องโดยไปอ้างว่าวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นวันตรากฎหมาย อันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะกล่าวออกมา เพราะในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ที่ระบุไว้ว่า “ให้ไว้ ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557” มีข้อความต่อมาว่า “เป็นปีที่ 69 ในรัชกาลปัจจุบัน”
จึงเป็นข้อความทางกฎหมายที่ระบุไว้ชัดแจ้งแล้วว่า มีความหมายเช่นไร จึงขอเรียนย้ำมายัง กกต. ว่า ควรทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญต่อไป



ขอแสดงความนับถือ




(นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ)

 

กกต.สมจาย ยอมรับว่า ไม่เป็นกลาง เอนเอียง แอบจิต (สมควรลาออกซะนะ อาเฮีย อาเฮี่ย--ทุกคำเขาว่ามา-- ชัดเจน ตัดคำไม่สุภาพออกแล้ว)

 

การบิน3700 ญาติๆต้องการทราบโยดีเอ็นเอว่าใช่ผู้ตายจริงแปาว

 

ถือศีล7วันครับ งดใช้คำหยาบคายเช่น เฮีย (แปลว่าใจกว้าง)ครับ ----here นีคำหยาบแท้เพราะมีเจตนา

 

ถือศีลเก็ยอารมรมณ์ วาจาอยู่มใน้อง7วัน รับรู้เข้าวทุดเม็ดดน้พมทุกยดที่ยังชีวิตให้เป็นไป ความจริงลูกชาย กุมาร แก้วมณีถือศีล เราก็เอาบ้าง เอาตามลูกว่า รักมาก รักจนหลงเลยครับ
และขจะตามเป็นพ่อลูกกันทุกๆชาติไปจนกว่าจำได้พระนิพานคอมเม้นท์ว่าแม่เด็กต้องหวานซึ้งๆโรแมนติก จะดีมาก
หวงานซ่อนเปรี้นยวทพำใก้นึกถึงศริรนภาสาวจอมซน สม
ญา ส้ม ขึ้นมาทันทีป่านนี้ยังโสดหรือเป็นชายาเชื้อเจ้าไปแล้ว

 

ามรู้สึกของคนญี่ปุ่นต่อ การเมืองไทย (เท่าที่คุยกันนะครับ)
กระทู้คำถาม
การเมือง
พอดีอาทิตย์นี้ผมก็จะบินไปญี่ปุ่น เลยส่ง skype บอกอาสะใภ้ให้หาที่นอนให้ด้วย เพราะต้องเอาน้องสาวตัวแสบไปส่งคืนเขาด้วย เลยคุยกันเรื่องสถานการณ์ในกรุงเทพ (เพราะบ้านผมก็เคยอยู่ใกล้ม็อบห้าแยกลาดพร้าวจนอยากเอาปืนไปยิง) อาสะใภ้ผมเลยบอกว่า
"ก็เพราะความคิดความอ่านของ คนไทย มัน โง่ เลยเชื่อคนเลวๆ อย่างหัวหน้าม็อบประเภทนั้น ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่น ม็อบนี้จะไม่มีวันตั้งอยู่ได้ เพราะเขาไม่โง่พอมาเสียเวลาชุมนุมหรอกนะ และถ้าญี่ปุ่นชุมนุม แค่วันเดียวก็เกินพอที่ล้มรัฐบาลได้"
เธอเลยวิจารณ์ให้ผมฟังเรื่องแย่ๆของคนไทยว่า
1. เพราะอ่านหนังสือมาน้อย คนญี่ปุ่นอ่านหนังสือพิมพ์ 5-6 ฉบับเสมอ เลยสามารถอ่านสิ่งแตกต่างกัน เรื่องความคิดได้ ไม่เหมือนคนไทย ใช้วิจารณญาณอย่างโง่ๆ เพราะ อ่านน้อย แถมเชื่อทีวีอย่างไม่ลืมหูลืมตา
2. ระบบการศึกษาประเทศไทย มันเข้าขั้น "หายนะ" เพราะเท่าที่ผมคุยกับน้องสาวตลอด เธอไม่พอใจกับสิ่งที่ครูไทยสอนอย่างยัดเยียด และวิชาส่วนใหญ่มันใช้ประโยชน์ไม่ได้ เพราะ มันไม่เกี่ยวอะไรเลย กับการเอาตัวรอด เมือระบบการศึกษาของไทยมันเลวร้าย จึงไม่แปลกที่ผลิตคนโง่ๆ และไร้สมองออกมา
3. อาสะใภ้เขาบอกว่า "โครงการ 2 ล้านล้านเหรอ ตอนญี่ปุ่นสร้าง ชินกันเซน ช่วง 1960-1970 ญี่ปุ่นใช้เงินไป 51.5 ล้านล้านบาท เท่านั้นเอง ตุลาการเมืองคุณไร้วิสัยทัศน์ อย่างร้ายแรง ไอ้ถนนปลอดฝุ่นน่ะ นายก็เห็นอยู่แล้ว แค่ออกนอกเทนโนะจิ ไปนิดเดียวก็ ถนนลูกรังแล้ว" คนญี่ปุ่น เรื่อง วิสัยทัศน์ มันดีกว่า คนไทยเยอะ เขาถือว่ารถไฟ เป็นเส้นเลือดของญี่ปุ่น และ แค่ 50 ล้านล้าน จะไม่ใช่เงินเยอะอะไร เพราะ ที่เคยรู้มา ก่อนสร้างสถานี ชิน โอซาก้า แถวนั้นมีคนอยู่น้อยมาก พอสร้างเสร็จ คนมากขึ้น 4 เท่า ใน 5 ปีเท่านั้น นี่แหละ คือ ประโยชน์ที่แท้จริงของรถไฟความเร็วสูง
4. อาสะใภ้ทำนายไว้ว่า "ประเทศไทยน่ะ ไม่เกิน 30 ปี คงไม่แคล้วต้องเป็นเมืองขึ้น เพราะวิสัยทัศน์ต่ำ ขี้เกียจ ชอบง่ายๆ นิสัยเหล่านี้ คนญี่ปุ่นเขาถือว่า เป็นนิสัยของคนอ่อนหัด" อันนี้ผมว่าจริง เพราะ คนไทยไม่คิดที่จะ ทะเยอทะยาน เหมือนคนญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ คำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" มันใช้ได้ แต่มนุษย์ต้องมีความทะเยอทะยานด้วย คนที่ไม่ทะเยอทะยานก็ไม่ต่างอะไรจากคนตายแล้ว

อันนี้เป็นความคิดของอาสะใภ้ผมนะ (ผมว่าคนมีการศึกษาของฝั่งเขา ก็คิดคล้ายๆกัน)
416
300
สมาชิกหมายเลข 1298745
23 มีนาคม เวลา 22:51 น. [IP: 171.6.167.24]
สมาชิกหมายเลข 731187 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1132887 ถูกใจ, แมงปอล้อลม ถูกใจ, ชายสิงห์ ทุ่งชายเคือง ถูกใจ, pattyman19 ถูกใจ, First Noel ถูกใจ, ทฤษฎีสมคบคิด ถูกใจ, V issara ถูกใจ, บีโกเนีย ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1327332 ถูกใจรวมถึงอีก 290 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
สุดยอดความคิดเห็นล

ความคิดเห็นที่ 9
นิสัยคนไทยส่วนใหญ่ เป็นอย่างนั้นละคะ อยากจะได้ แต่ไม่อยากจ่าย
สิ่งที่สมควรทํากับไม่ทํา แต่สิ่งที่สมควรทํานี่ ขยันมาก

เห็นคนไทยมาเที่ยว ญี่ปุ่น สิ่งที่คนไทยเลือก อันดับหนึ่งคือ วัด

ซื้อดอกไม้ไหว้ พระ ก้มกราบอย่าง งดงาม สม เป็นเมืองพุธ ซื้อดอก ไหว้พระ ช่อละเป็นพันก็ไม่เสียดายเงิน
พอขากลับ พากันซื้อ หลุย์ ชาแนล อัดแน่น ยัดโน่น ยัดนี่ ผ่าน ต ม สนามบิน

ซุบซิบกัน นี่เธอเราจะเข้าช่องไหนดี ช่องสีไหนดี ที่ ต ม มันไม่ตรวจ มันเข้มงวด เรากลัวมันจะบี้ เอา ภาษี
จากเราจัง เลย (เราละงง ไอ้ สิ่งที่เขาให้ทํา กฏระเบียบกติกากฏหมายหน้าที่) ทําไมถึงไม่ทําไม่เคารพ
แต่ไอ้สิ่ง ที่เขาไม่ได้บังคับไม่ได้ต้องการอยากให้ทํา ทําไมถึงพากันชอบทําจังเลย

ให้คนเก่งๆๆ มาคิด มาทํา คนไทยไม่ชอบหรอก

แต่เป็นพระ ห่ม สีเหลืองๆ มาบอก คนไทยจะเชื่อหมด ขนาดเณรคํา จบแค่ ม สาม ยังมีเงินเป็นพันล้าน
คนจบ ปตรี ป โท ปเอก ยังไปก้มกราบ เอาเงินไปให้เลย

ดูอย่าง โล้นอิสระ จบมาจากไหน มีการศึกษา แค่ไหน ทําไมคนไทย ที่ว่าตัวเองเก่งเรียนสูง ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ถึงปล่อย ให้คนแบบนี้ มาจูงจมูกได้ สหรุป ว่า คนไทย นั้นโง่คะ

บอกตรงๆๆเลย ว่า โง่มาก เหมือน กบ ในกระลา จริงๆ

169
146
สมาชิกหมายเลข 861945
23 มีนาคม เวลา 23:16 น. [IP: 42.145.192.201]
สมาชิกหมายเลข 1145024 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 731187 ถูกใจ, Mollis ถูกใจ, ชายสิงห์ ทุ่งชายเคือง ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 708818 ถูกใจ, คอบอล ถูกใจ, yenjai ถูกใจ, ton99 ถูกใจ, ปัณณธร ถูกใจ, PCHREX ถูกใจรวมถึงอีก 136 คน ร่วมแสดงความรู้สึก

 

ยิ่งฟังก็ยิ่งน่าขยะแขยง ....จริง ๆ ครับ คุณอภิสิทธิ คุณสุเทพ คุณ..แมลงสาปทั้งหลาย
กระทู้สนทนา
การเมือง
นักการเมือง
พรรคการเมือง
รัฐศาสตร์
ประชามติ
เราไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง แต่เราต้องปฏิรูป ระบบการเลือกตั้งไม่ให้มันโกง มันซื้อเสียง มัน ฯลฯ ซะก่อน ไม่เช่นนั้น..ระบอบทักษิณจะกลับมาอีก

ฟังดูก็น่าจะดี เป็นเหตเป็นผล เป็นอะไรต่อมิอะไร ที่รับได้ ..แต่ผมว่าคนที่ควรออกมาพูดนั้น น่าจะชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ไม่ใช่ นายสุเทพ ไม่ใช่ นายอภิสิทธิ และล่าสุดนายวิทยา ฟังแล้วเพิ่มความขยะแขยง และสะอิดสะเอียนมาก ๆ ครับ ...กับวลีนี้ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามันสกปรก (ฮา)

ทั้ง ๆ ที่เริ่มต้น ปฐมบท ของความสกปรกและโสโครก ด้วย พรรคประชาธิปัตย์ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งระบอบปาร์ตี้ลิส และระบบพวงเล็กพวงใหญ่ เพื่อให้พรรคตนเองได้เปรียบ ซึ่งผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่า แก้รัฐธรรมนูญเพื่อตนเองและพวกพร้อง ที่ประชาธิปัตย์ เอามาชี้หน้าด่า พรรคเพื่อไทย เนี่ย มันเริ่มต้นตัวอย่างจากเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า แก้ไขระบอบการนับ ปารตี้ลิส เนี่ย

ประชาธิปัตย์ เขาแก้ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม กงไหน ?

หนำซ้ำ เมื่อพรรคอีเบ็น หรือพรรคลูกทาส เอาไปฟ้อง ตลก.บ้าง ตลก.ก็เมินเฉย (ฮา) เชอะไม่รู้จักเจียมกะลาหัว (ไม่ฮา)

กกต. พวกท่านก็ตั้งมา

องค์กรอิสระทั้งหลาย ก็ แอ่นระแน้ พร้อมรับใช้

เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด ในพื้นที่ ก็คนของพวกท่าน

งบประมาณ ในการเอาไปลงพื้นที่ เพื่อให้ได้เปรียบเสียเปรียบ ประช่าธิปัตย์ก็สนับสนุน

ที่สำคัญ นอมีนี ในภาคอีสาน อู้ฟู่ ผิดปกติ ชนิดเสื้อ ภูมิใจไทยที่แจก ต้นทุนตัวละ ๓๐๐ บาท แต่ของพรรคอื่นหนะตัวละ ๖๐ บาท เนื้อผ้าและความหนามันต่างกัน (ฮา)

ทุนหนาขนาดนี้ อันน่าจะมาจาก ดินเนอร์ มหากาฬ ในการประชุม ครม. วันสุดท้าย

ที่ฟาดกันชนิด พรรคประชาธิปดและพรรคร่วม แทบจะต้องนอนโรงพยาบาล แก้โรคจุก เสียด ท้องแน่นเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว จากการรับประทานข้าวเย็นร่วมกัน ข้ามวันข้ามคืน (ฮา)

ผมมองไม่เห็น หนทางที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะหารูอะไรไปสู้ ในการเลือกตั้ง ที่ประชาธิปัตย์ กปปส. และ เหล่าดัดจริตชน ทั้งหลาย เรียกร้องให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเลย

ด้วยความสัตย์จริง มันมีอะไร กงไหน บ้าง ที่บ่งบอกว่า พรรคเพื่อไทยได้เปรียบ โกง

นายวิทยาบอกว่า ..พรรคประชาธิปัตย์ คนเลือกด้วยศรัทธา แต่ของพรคเพื่อไทยนั้นเสียงละ ๑ พัน ฟังแล้วอยากจะให้ไปคุยกับนายอลงกรณ์ พลบุตรล

 

ฟังแล้วมันจะอ้วกอะครับ ขยะแขยงพอ ๆ กับ กปปส.มาด้วยหัวใจ ส่วนค่าแรงนั้น เกิน ๓๐๐ บาทแน่นอน เพราะเรามีเงิน (ฮา) ไม่เชื่อถามไอ้คุณขิงดูได้

ใครบอกว่าเราจ่าย ๓๐๐ ไอ้นั่นโกหก เพราะเราจ่ายมากกว่า...

ขออนุญาตนะครัช มาด้วยใจ "ถรุยยยยยยส์"

การเลือกตั้ง ครั้งที่แล้ว ประชาธิปัตย์ กุมอำนาจไว้ทุกอย่าง เงิน คน งบประมาณ และกติกา

มีอยู่อย่างเดียวที่ กุมไม่ได้คือ หัวใจของประชาชนส่วนใหญ่

ผมไม่รู้นะว่า ดัดจริตชน เขาคิดอะไร ถามว่ารู้มั้ย รู้ เห็นมั้ยก็เห็น

แต่ก็ยังพยายาม มโน โกหกตัวเองไปเรื่อย ๆ ว่า ฝันไป

ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ให้ปฏิรูปอย่างไรก็ไม่มีทางชนะใจประชาชน ด้วยการบีบบังคับ

แถมยังแพลมมาด้วยว่า หากไม่สามารถชนะใจประชาชนได้ ก็ไม่ต้องไปเห็นหัวประชาชนอีก

แทนที่จะสำเหนียก จะสำนึก ว่า เงินไม่ใช่คำตอบ ดันจะพากันออกไป มหาสมุทรอินเดีย แทนที่จะบินไปลงสนามบินปักกิ่ง แบบ MH370

ท่าทางจะพาชาติไปดิ่งทะเลกันทั้งลำ เพราะกัปตัน ช่างเครื่อง ลูกเรือ แมร่ง เสียสติกันไปหมดแล้ว
305
253
ไม่ต้องตำ
25 มีนาคม เวลา 07:00 น.
ขาดทุน ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 839910 ถูกใจ, ppbjj ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 731187 ถูกใจ, Rao-eng ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1114888 ถูกใจ, แก๊สหมด ถูกใจ, รอเวลา ถูกใจ, lundi ถูกใจ, หัวใจนก ถูกใจรวมถึงอีก 243 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
57 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เมื่ออ้างว่ากลัว "ระบอบทักษิณ" กลับมาต้องโค่นล้มให้หมด

อีกฝ่ายก็อ้างต้องกำจัด "ระบอบอำมาตย์" ให้หมดไม่ให้มาบงการประเทศ...........ได้เหมือนกัน

ครือๆกัน............
ตอบกลับ
3
34
ยายมี ยายมา
25 มีนาคม เวลา 07:03 น.
Tanis ถูกใจ, แก๊สหมด ถูกใจ, I'mEasy ถูกใจ, redgarudon ถูกใจ, Nordlys ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1125305 ถูกใจ, มีสติ__ก็คิดได้ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1111070 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1171324 ถูกใจ, Tigerprog ถูกใจ รวมถึงอีก 24 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
∨
ความคิดเห็นที่ 1-2
ถ้าปี49 ไม่มีทหารออกมาปฏิวัติ ผมอยากรู้ว่า
จะมีวาทะกรรม คำว่าอำมาตย์มาปล้นประชาธิปไตยมั้ย?

ทุกครั้งที่มีกลุ่มต่อต้าน พวกเห็นต่าง ก็มักจะมีอีกกลุ่ม
ปลุกวาทะกรรมอำมาตย์ขึ้นมาใช้เป็นตัวแทน เป็นหัวหน้าของกลุ่มนั้นเสมอ

เหมือนคนบ้า2กลุ่ม ที่มโนต่อสู้กันไป กับ"ระบอบทักษิณ" และ "ระบอบอำมาตย์" อะไรประมาณนั้น ^^
ต่างฝ่ายต่างโยนเข้าไปในเรื่องที่มันเป็นความรู้สึก จับต้องและพิสูจน์กันได้ยาก
แล้วแบบนี้จะคุยกันรู้เรื่องหรือครับ?

ไอ่พวกนักการเมือง แกนนำของแต่ล่ะพรรคหน่ะ นั้นแหละตัวดีนัก...
ตอบกลับ
1
2
K-Desine
วันพฤหัส เวลา 01:26 น.
art@rn ถูกใจ, ดีใจใช้หนี้หมดแล้ว ถูกใจ
ความคิดเห็นที่ 2

 

"ธีระ" ข่าวช่อง 3 อ่านข่าวได้น่าเกลียดมาก
กระทู้สนทนา
การเมือง
นั่งดูข่าวช่อง 3 ช่วงเย็น พอถึงข่าวการเมือง นายธีระ ธัญไพบูลย์ อ่านข่าวการชุมนุมของกปปส.
เรียกสุเทพว่า "คุณสุเทพ" แล้วมาอ่านข่าวการชุมนุมนปช. เรียก "ณัฐวุฒิ" ห้วนๆ ไม่มีคำว่าคุณนำหน้า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และเป็นทุกครั้งที่เอ่ยชื่อแกนนำนปช. จะเรียกชื่อห้วนๆ ทุกคน และทุกครั้ง
แต่ถ้าเป็นแกนนำ กปปส. จะเรียกคุณสุเทพ คุณพุฒิพงษ์ คุณลูกหมี ถ้าพันธมิตรก็ คุณสุเทพ คุณจำลอง
ถ้าไม่เกรงใจคนดู นายธีระแกคงเรียก "ฯพณฯท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ" ไปแล้วล่ะ..

นายธีระ เป็นสื่อเลือกข้าง การอ่านข่าวเอนเอียงชัดเจน เหมือนนายกนกเพื่อนซี้จากช่องเนชั่นส์
เสียดายช่อง 3 ที่เอานักข่าวคนอย่างนี้มา เพราะจะทำให้องค์กรต้องโดนเหมารวมไปด้วย
สรยุทธก็อยู่ช่อง 3 ว่างๆ นายธีระน่าจะศึกษาดูหน่อยก็ได้ว่าการอ่านข่าวกลางๆ มันเป็นยังไง
92
87
สืบ สามชุก
8 ชั่วโมงที่แล้ว
จิโกะคุง ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1228029 ถูกใจ, สมาชิกหมายเ

 

วลาต้องการสร้างความไม่สงบทางการเมือง ทำไมอาวุธยอดฮิต ถึงเป็น m79
กระทู้คำถาม
การเมือง
ทำไมไม่เป็น AK ด้ามไม้ หรือ mp5 famas m16 ทำไมกลุ่มโจมตีม๊อบต้องใช้ m79 ครับ
0
1
pizza hell
34 นาทีที่แล้ว
แดจังกึม ถูกใจ
3 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เพราะหาก 69 มันจะเหมือนเรื่องบนเตียงมากไปครับ
ตอบกลับ
0
2
Rajin
32 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 906355 ถูกใจ, pizza hell ทึ่ง
ความคิดเห็นที่ 2
มันบึ้มเสียงดังไงครับหรือจะใช้อาร์พีจีมันลำบากนะ
ตอบกลับ
0
0
PAJAKARAT
26 นาทีที่แล้ว
ความคิดเห็นที่ 3
หาง่ายครับ อาวุธเสี้ยงเปลือง ใช้แล้วเสียไป จำพวกระเบิดทั้งหลาย ไกล้หมดอายุ
ก็เอาออกมาซ้อม หรือไม่จำหน่ายทำลายทิ้ง แต่ซ้อมจริงหรือไม่ ทำลายทิ้งจริงหรือเปล่า
ก็เป็นที่น่าสนใจครับ

อีกส่วน อาวุธอย่าง m 79 เป็นวิธีโค้ง หาที่มา หรือจุดที่ยิงลำบากมาก ถึงจับมือใรดมไม่ได้

ปลย มีครับด้วยล่าสุด ก็ ak47 ม๊อบ กวป m4 กปปส พวก mp5 บ้านเรามีน้อยถ้าหลุดมาม๊อบ
หาต้นทางได้ง่ายครับ
ตอบกลับ
0
0
โลกต้องตะลึง
24 นาทีที่แล้ว
แสดงความคิดเห็น

 

เมืองอันตราย10แห่ง--
. Barquisimeto, Venezuelaฆาตกรมมมีรมาก มหาวิทบาลัยเยอะมาก แต่นักท่องเที่ยวขอเว้นที่นี่ก่อน

 

2. Peshawar, Pakistan
Peshawar, Pakistan is another dangerous place in the world. With tribes and warlords fighting for supremacy, Peshawar is not safe, especially for foreigners. Although the city boasts amazing landmarks and breathtaking parks, targeted attack on security forces and suicide bombings, unfortunately, make Peshawar one of the world’s most dangerous cities to visit.

 

ปิดกระทู้ไปเถอะมีแต่การเมืองไม่มีมนุษย์ต่างดาวตรงไหนหรือว่าสุเทพ ยิ่งลักษณ์เป็นมนุษย์ต่างดาว