อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

สวัสดีครับพี่เอ๊ะ พระกริ่งสวยมากครับ ส่วนตัวไม่ค่อยมีพระกริ่งเท่าไหร่

 

สวัสดียามเที่ยงครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน ขอบคุณทุกภาพสวยๆและเรื่องราวดีๆจากทุกท่านครับ

วันนี้พี่เอ๊ะโชว์พระกริ่งให้ชม ช่วงนึงผมเองก็ชอบพระกริ่งมาก เพราะเป็นพระที่สร้างตามตำราได้ยาก วัสดุบางอย่างก็หาได้ยาก บางอย่างก็มีราคาแพง มีกรรมวิธีซับซ้อนหลายขั้นตอน ปัจจุบัน จึงใช้วิธีลัด ทั้งนี้ทั้งนั้นขอเพียงเจตนาการสร้างดี ผู้เสกเป็นพระสุปฏิปันโน และเราศรัทธาท่านจริงก็คงมีพุทธานุภาพไม่ต่างจากพระกริ่งยุคเก่าคร๊าบบ

 

ก็พยายามจะหามาลงไว้ บางเรื่องก็ต้องใช้พิมพ์เอาเอง ดีใจที่ชอบคร๊าบบ

 

.... ฝากไว้ในอัลบั้ม ....













ประวัติหลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์และวัตถุมงคล(พระสงฆ์ที่ชาวอีสานใต้เคารพนับถือยิ่งนัก)

วัดบ้านกรวด เป็นวัดเก่าแก่ประจำ อำเภอ บ้านกรวด ตั้งขึ้นในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี มีอายุนับถึง ปัจจุบันไม่น้อยกว่า 120 ปี ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พุทธศักราช 2469 มีประพุทธรูปศิลา อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นประธานในพระอุโบสถ มีเจ้าอาวาสครอง วัดติดต่อกันมานับถึงปัจจุบันรวม 4 รูปด้วยกัน เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ .ซึ่งได้บวชเรียนมาตั้งแต่อายุได้ 22 ปี เป็นต้นมานับถึงปัจจุบัน 97 ปี นับพรรษา ได้ 76 พรรษา เมื่อครั้งอดีตสมัยท่านเป็นพระหนุ่มๆ ท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งทางพระเวทย์ วิชาแพทย์แผนโบราณต่างๆ ตามความเชื่อ และความนิยมของชาวพื้นบ้าน ในสมัยนั้น ได้ไปศึกษาเล่าเรียนเวทวิทยาอาคมที่จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี (ในสมัยนั้น จังหวัดอุดรมีชัย ยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ) จากนั้นท่านได้จาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ แทบจะทุกภาคของไทยและประเทศใกล้เคียง เคยธุดงค์ไปศึกษาวิชาอาคมที่นครวัต ที่ประเทศเขมร เป็นเวลา 8 ปี จนมีความรู้เจนจบในไสยเวททุกแขนง แตกฉานในวิปัสสนากรรมฐาน อย่างแจ่มแจ้ง ต่อมาเมื่อท่านมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับถวายที่ดินจากชาวบ้าน จากนั้นท่านก็ได้บูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า จนเป็น “วัดตาอี” ให้เห็นเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน สืบต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด ได้มรณภาพลง ชาวอำเภอบ้านกรวด จึงได้นิมนต์ หลวงปู่ผาด มาเป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ได้ปฏิเสธการเป็นเจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด มาโดยตลอด แต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยมไม่ไหว จึงต้องยอมรับ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด และดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันในที่สุด หลวงปู่ผาด ท่านได้พัฒนา วัดสาขาของท่านถึง 4 แห่ง ก็คือ วัดตาอี,วัดบ้านปราสาท,วัดบ้านบึงเก่า และวัดบ้านกรวด เป็นรูปเป็นร่างมาจน ถึงปัจจุบันนี้ หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธ ในการสร้าง วัตถุมงคล มาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้า หลวงปู่ว่า มีผู้เลื่อมใสศรัธา ในตัวหลวงปู่ ประสงค์อยากจะได้วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดไว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลวงปู่ท่านก็เลยอนุญาต ให้จัดสร้าง วัตถุมงคล ที่ออกมาภายใต้ชื่อ หลวงปู่ผาด จึงออกมาน้อยมาก ดังนั้นคนที่มีอยู่ต่างหวงแหน ไม่ค่อยหลุดออกมาให้เห็นกัน ทำให้วัตถุมงคลรุ่นเก่าๆ ของท่าน หายากขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้วยหลวงปู่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ วัตถุมงคล ที่ผ่านการอธิฐานจิตจากท่านจึงทรงความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งบุญญาฤทธิ์ และอิทธิฤทธิ์ ดุจมีแก้วสารพัดนึก ใครมีโอกาส ได้ครอบครอง ขอให้เก็บไว้บูชาดีๆ เพราะท่านเคยพูดกับศิษย์บ่อยๆ ว่า “อีกหน่อยพระของเราจะเป็นเพชร” จากอมตะวาจาของหลวงปู่อนาคตจึงไม่ต้องพูดถึง เพราะต่างทราบกันดีว่า หลวงปู่ท่าน “วาจาสิทธิ์” เป็นยิ่งนัก เอาเป็นว่าอนาคตอันใกล้คงต้องได้เห็นอย่างแน่นอน เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอนานเหมือนอดีต “ของดี”มีประการณ์ ประเดี๋ยวก็มีคนถามหากันเอง! หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระแท้ที่กราบไหว้ได้สนิทใจสมกับ “พุทธบุตร” โดยแท้ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังพระภิกษุอย่างหลวงปู่ผาดไม่ควรจะเป็นของอำเภอบ้านกรวดเพียงอย่างเดียวควรเป็นของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เปรียบดังช้างเผือกในป่า น่าจะมาเป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง จึงจะถูกต้อง สมกับพระบารมีของท่านเป็นอย่างยิ่ง กิตติคุณความเป็นผู้ทรงวิทยาพุทธาคม แม้แต่ “นักบุญแห่งภาคอีสาน” จ้าวตำรับ “กูมึง” ขนานแท้ (แม้แต่พระองค์อื่นจะใช้บ้างก็ไม่น่าพิสมัยเท่าท่าน) ยังกล่าว ยกย่องเชิดชูกับคณะศรัทธาบุญจากอำเภอบ้านกรวด ที่ได้เดินทางไปกราบนมัสการท่านที่วัด เมื่อท่านสอบถามรู้ความว่าเดินทางมาจากอำเภอบ้านกรวด ท่านถึงกับออกปากพูดว่า “มึงจะมากราบมาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่นของท่านศักดิ์สิทธิ์กว่าของกูตั้งเยอะพวกมึงไม่จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลยของดีอยู่กับท่านยังไม่รู้ค่าอีก” สำหรับประโยคคำพูดจากปากยอดพระเกจิอาจารย์ที่ประชาชนเคารพกราบไหว้ทั้งประเทศคงยืนยัน คุณวิเศษ ในองค์หลวงปู่ผาดได้อย่างดี เป็นแน่แท้พระระดับนี้ท่านยังเทิดทูนอภิวาทหลวงปู่ผาด แล้วเราๆท่านๆจะลังเลอยู่ไยล่ะครับ

.... ขอบคุณเจ้าของข้อมูลต้นฉบับครับ ....

 

.... น้อมกราบหลวงปู่ผาด ....


.... ขออนุญาติเจ้าของภาพครับ ....

 

สวัสดีครับพี่เอ๊ะ....

 

พร้อมอาราธนาแขวน...


หลวงพ่อทวดหัวมวย วัดอ่างทอง จ.สงขลา ปี2506


( มวลสาร 2497 ) พระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ปลุกเสก.
















​

 

สวัสดีครับ...

 

ให้พ่อแขวนเมื่อตอนปีใหม่ที่ผ่านมาครับ

 

สวัสดียามบ่าย คุณเอ๊ะ คุณนอร์ คุณเอ็ม คุณปูและทุกๆท่าน
อากาศเปลี่ยนตามไม่ทันเลย ครับ
เวบยังไม่เร็วปิ๊ดครับ

 

องค์นี้พ่อชอบเป็นพิเศษ หยิบมามอง ๆ แล้วบอกว่า พระองค์นี้ งามขนาดน้อ สองครั้ง เลยนำไปเลี่่ยมให้พ่อแขวนครับ พี่ชายบอกว่า เป็นของสระบุรี ตอนนั้นมาพร้อมกล่อง แต่จำไม่ได้ ว่าของที่ใหน ท่านใดพอจะทราบบ้างครับ

 

เหมือนกันครับพี่ตี๋ เวบยังแปลกๆ อยู่

 

สวัสดีครับพี่ตี๋...

 

หลวงปู่หงษ์ นั่งรวย เสกไตรมาส

พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ 18 ต.ค. 2546

-เนื้อธาตุกายสิทธิ์ 200 องค์
-เนื้อนวฤทธิ์ 500 องค์
-เนื้อสัมฤทธิ์ศิลา 2,000 องค์

 

สวัสดียามเย็นครับพี่กูน วันนี้มาโซนอีสานใต้กันเลยย

 

ดูทีวีย้อนหลัง, ละครย้อนหลัง , ดูทีวีย้อนหลังรายชั่วโมง, ดูทีวีรีรันอัพเดตทุกชั่วโมง

ประวัติโดยสังเขปของหลวงปู่บุญมี โชติปาโล

ชาติภูมิ
พระภาวนาวิศาลเถร (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) นามเดอมบุญมี กุศลคุณ เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๒ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน๓ ปีระกา ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางศาสนา คือ วันมาฆะบูชา ณ บ้านเลขที่ ๑๓๖ หมู่ ๒ ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัด อุบลราชธานี บิดาชื่อ นายกุ มารดาชื่อ เลื่อนกุศลคุณ เหตุที่ท่านชื่อบุญมี นั้นเนื่องจากว่าก่อนที่มารดาจะตั้งครรภ์ ได้ฝันว่าหลวงปู่สีทา ชยเสโน ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของหลวงปู่ ได้เอาพร้ามาให้ แต่พร้าด้ามนั้นเต็มไปด้วยสนิม ในนิมิตมารดาท่านได้ถามว่า เอาพร้าที่เป็นสนิมมาให้ทำไม ใช้ประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ หลวงปู่สีทา บอกว่าเอาไปลับเสียก่อนแล้วจึงจะใช้การได้ มารดาของท่านเจ็บท้องอยู่ ๗ วัน ๗คืน ยังไม่คลอด ความทราบถึง พระเจ้าบรมวงศ์เธอหลวงสรรพสิทธิ์ประสงค์ เจ้าเมืองอุบลราชธานีซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สีทา พระองค์ได้เสด็จมาพร้อมด้วยหลวงปู่สีทาว่าเป็นเพราะอะไรจึงคลอดยากคลอดเย็นนักหนา ครั้นถึงเวลาเที่ยงตรงวันนั้น ในสมัยนั้นเวลาเที่ยงตรงไม่มีเครื่องบอกเวลา มีการบอกเวลาก็ด้วยการยิงปืนใหญ่เป็นสัญญาณ พอสิ้นเสียงปืนใหฯ่ มารดาก็คลอดทารกเพศชายออกมาเวลาเที่ยงพอดี และเสด็จในกรมทรงมีรับสั่งว่า"เด็กคนนี้ชะรอยเป็นผู้มีบารมีมาเกิด จะดีชั่วเพียงใดไม่อาจรู้ได้ ขอให้ชื่อบุญมีนะ" และรับสั่งให้มารดาของหลวงปู่เอาผ้ามาพันตัวนำไปลอดใต้ท้องช้างกลับไปกลับมา ๓ ครั้งท่านจึงได้มีชื่อว่า บุญมี ตั้งแต่บัดนั้น
หลวงปู่บุญมีเมื่อวัยเด็กร่างกายของท่านบอบบางมาก เป็นเด็กเลี้ยงยาก แม้มารดาได้ประคับประคองเลี้บงดูเป็นอย่างดี แต่ก็ยังเป็นห่วงเสมอ จึงบอกหลวงปู่ว่า "ลูกเอ๋ยบวชแล้วอย่าสึกนะ" จากคำพูดนี้เองทำให้หลวงปู่ระลึกอยู่เสมอว่า"จะเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์แทนพระคุณแม่"
ด้านการศึกษา
หลวงปู่บุญมี เข้าเรียนและจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนบ้านนาเมือง ตำบลไร่อ้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อป๊ ๒๔๖๕ และสอบได้นักธรรมเอก(น.ธ.) จากสำนักเรียนวัดศรีเทพ (วัดศรีอุบลรัตนาราม) เมือง อุบลราชธานี เมื่อปี ๒๔๘๕
ด้านการศึกษาพิเศษ หลวงปู่บุญมี ได้ศึกษาอักษรขอมจนมีความรู้ความสามารถ อ่านออกเขียนได้ และยังมีความชำนาญในการอ่านหนังสือธรรมสมัยโบราณ นอกจากนั้นยังมีความสามารถทางด้านการใช้ภาษาผญา ภาษิตอิสาณเป็นอย่างดี จนสามารถเอามาใช้ในการเทศนาธรรม และคำสอนจนเป็นที่ประทับใจและศรัทธาแก่ลูกศิษย์ที่ได้ฟังพระธรรมเทศนาทุกคน
ขอพักก่อนครับ