กายใจ ใกล้ๆตัวกู

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย deemonster, 24 ตุลาคม 2013.

  1. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    พูดขำๆพอฟังได้ครับ ถ้าไม่มีเพื่อนสนทนา ยินดีรับฟังครับพี่จร
     
  2. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    แต่ผมไม่ค่อย จะยินดี ที่จะสนทนา กับ จิตตินนท์เท่าไหร่ นะจ๊ะ
    เพราะ เบื่อ พวก เก่งแล้ว จ้า
     
  3. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ขอบคุณครับ
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    รากเหง้า ของแต่ละเรื่อง คือ ราคะ โทษะ โมหะ

    หากมันขาดได้แต่ละเรื่องจริง นั่นแสดงว่า
    กิเลสมันเบาบางมันถูกประหารเป็นสมุปเฉทประหารจริง
    นั่นหมายถึง การพยากรณ์ด้วยตัวเองที่เป็นสันฐิติโก

    ตามตอบตัวเองดูว่า
    วิปัสนาญาณ 9 ชั้น

    มันสั่งได้เป็นวสี เหมือน สมาบัติ 8 หรือเปล่า
    หากสามารถสั่งได้ ในวิปัสนาญาณ 9 ชั้น
    อาราฬดาบท จะบรรลุธรรมก่อนพระพุทธเจ้ามั๊ย
     
  5. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    สั่งความต้องการของตนเองให้เอาหรือไม่เอาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้แทบทั้งหมดคะ
    แต่สั่งนามรูปไม่ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้สั่งไม่ได้ค่ะ

    นามรูปของตัวเองแทบจะไม่มีในความรู้สึกของตัวเองแล้วค่ะ
    มีบ่อยครั้งที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค จะไม่ไปรักษา
    จะดูมันเจ็บ ดูสามัญลักษณะของมัน ดูขันธ์มันเกิดดับแทน
    มายเลือกไม่มีครอบครัวเป็นของตนเอง มีคนเข้ามาในชีวิตก็เยอะมาก ก็รักทุกคนนะ
    แต่ไม่เอาสักคน เพราะเห็นแต่ความไม่เที่ยงในทุกสรรพสิ่ง
    ตอนนี้มายมีคนที่ต้องรับผิดชอบ 4 คน คือ พ่อแม่อายุ 90 กว่า-พี่สาวอายุ 60 กว่า
    และหลานอายุขวบกว่าๆ (พ่อแม่ของหลานมีวิบากกรรมพลัดพรากไม่ได้อยู่เลี้ยงลูก)

    อาราฬดาบท ท่านได้สมาบัติ 8 คือ รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4 เป็นฌานโลกียะ
    ท่านยังไม่ผ่านวิปัสนาญาณ 9 ท่านจึงยังไม่บรรลุธรรม
     
  6. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    จากประสบการณ์บางส่วน

    ตอนที่ยังไม่เคยยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา จิตก็เกิดญาณ“เห็นจิตในจิต”บ่อยๆในชีวิตประจำวัน แต่ไม่เห็นไตรลักษณ์
    เช่น ในขณะเล่นกีฬาก็จะเห็นจิตแยกตัวออกมาเห็นจิตตัวเองสั่งร่างกายให้เคลื่อนไหวไปต่างๆนาๆ
    เล่นยิมนาสติกเวลากระโดดหมุนตัวกลางอากาศ จิตก็จะแยกตัวออกมาแล้วเห็นจิตสั่งให้กายหมุน
    จิตมันรู้ด้วยว่ากระโดดสูงเท่านี้จะต้องหมุนกี่รอบ บางครั้งกระโดดผิดจังหวะจิตก็จะรู้ว่าจะต้องหมุนกี่รอบ
    ไม่งั้นก็ต้องเอาหัวลงบ้าง เอาหลังลงบ้าง ทรงตัวไม่ได้บ้าง
    จิตมันแยกตัวออกไปเห็นจิตที่สั่งงานร่างกาย เกิดขึ้นบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน ตอนนั้นจิตทรงฌาน4
    แต่ไม่เคยมีความทุกข์ให้พิจารณาเลย เพราะอยู่กับพ่อแม่มีแต่ความสุข
    พอหลังจากนั้นถูกแยกจากพ่อแม่ไป ทุกผัสสะมีแต่ความทุกข์ จึงได้มีโอกาสยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา

    เมื่อยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาหลายปีก็เกิดขึ้นให้เห็นอีก
    การเกิดมันก็เกิดญาณคล้ายๆข้างบน แต่ต่างกันตรงที่จะมีญาณไตรลักษณ์สัมปยุตเข้าไปด้วย
    เช่น วันหนึ่งเกิดป่วยไข้และเจ็บตัวมาก อยู่คนเดียว อยู่ห่างไกลพ่อแม่ ทำให้คิดถึงพ่อแม่มาก
    ไข้ขึ้นเจ็บปวดไปทั้งตัวจนกล้ามเนื้อกระตุก รับรู้ถึงความเจ็บปวดความทุกข์ยากทำให้ร้องไห้คิดถึงพ่อแม่
    คิดไปต่างๆนาน ขณะนั้นจิตมันแยกตัวออกไป เห็นร่างกายเจ็บปวด เห็นตัวเองร้องไห้ เห็นจิตร้องไห้เป็นทุกข์
    เห็นจิตรำพึงรำพันฯลฯ

    จิตที่แยกตัวออกไปดูนั้น มันไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งที่มันเห็น มันจึงรู้ความจริงว่าสิ่งที่มันเห็นนั้นไม่ใช่ตัวมัน
    หลังจากนั้นจิตที่แยกตัวออกไปมันก็กลับเข้าสู่ที่เดิมคือนามรูปนั้น เมื่อมันรู้เช่นนั้นเลยเกิดอาการหงายหลังตึง สลัดคืน
    วันนั้นแหละบอกกับตัวเองว่า จะไม่มีครอบครัว ฯลฯ และมันก็เกิดแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิต แต่เปลี่ยนเรื่องราว

    เอาแค่นี้ก่อนนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2013
  7. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ต้องอ่านหลายรอบครับ วิปัสสนาญาณ 9 นี่คงต้องวางไว้ก่อน
    แต่เรื่องหลงเอาว่า อารมณ์มันขาด แล้วถอนออกได้นี่ เป็นครับพี่ ป.ปราบ
    พอทบทวนดู ก็เห็นว่ายังอยู่ แค่วันไหนสติแข็งแรงพอก็เห็นได้เยอะหน่อย

    เพิ่งมาเริ่ม รู้จักสติเองครับ แหะๆ ย้อนระลึกไปละอายเหมือนกัน
     
  8. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ขอบคุณครับคุณมาย

    จะว่าไปอาการแบบคุณมาย ก็พอจะเกิดได้บ้าง
    เป็นอาการของจิตที่สติเข้าไปเห็นครับ ยังไม่อาจบอกได้ว่าอะไรดับไปหรือไม่
    มีแต่ตัวหลอกครับ เห็นทีไรก็เจอตัวนี้จังๆทุกที
    แม้หลายครั้งจะทันแล้วเห็นว่าไม่ใช่กู ก็มีกูนั่นเข้าไปสวมตลอด (เห็นทีหลังทุกที)
     
  9. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ขออนุญาตนะครับ

    ถ้าในมุมที่ผมเข้าใจนี่ คือมันไม่อิน (เหมือนก่อน) น่ะครับ แต่เรื่องของความมีอุปาทานต่อความรู้ความเห็นที่ปรากฏขึ้นนั้นจะมีหรือไม่ อันนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งครับ ก็ตามเห็นความไม่เที่ยงเนือง ๆ ไม่ว่าอะไรก็ตาม เท่านั้นก็พอ บางทีอาจจะไม่มีเปรี้ยงปร้างอะไรเลยก็ได้

    สาธุธรรมนะครับ
     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    การที่จิตจะเห็นไตรลักษณ์ได้
    เข้าใจว่า

    เป็นผลงานที่บ่มเพาะมาเต็มที่แล้ว จึงเป็นการตัดสินประหาร

    ฉะนั้นแล้ว ไตรลักษณ์ แบบไหน
    ที่จะเป็นผลงานเห็นแล้วเห็นเลยข้ามเลย
    ไม่มีมาเห็นอีก

    แต่ถ้าเป็นเห็นไตรลักษณ์แบบคิดเอา ก็เห็นทุกวัน

    รูปก็ไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง ขันธ์ 5 ไม่เที่ยง
    ท่องได้จำได้ จำชื่อได้

    ผมก็ยังไม่เคยเห็นหรอกนะไตรลักษณ์
    ได้แต่ฝึกไปเนื่องๆ

    แชร์ซักแก้ว
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    กาแฟมั๊ย พ่อลูกอ่อน ^^
     
  12. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ต้องทานแก้วนึงทุกเช้าครับพี่ป.ปราบ ประเดิมก่อนเปิดร้านครับ
     
  13. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    ที่เล่าข้างบนนั้นเป็นการเกิดวิปัสสนาญาณขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เป็นการเห็นทั้งหมดในครั้งเดียวคือ กาย เวทนา จิต ธรรม
    เห็นขันธ์๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของของเรา เห็นครบในครั้งเดียว
    ทำให้รู้จักขันธ์๕ มากขึ้น ไม่ยึดในขันธ์๕ จางคลายจากขันธ์๕ (ทั้งขันธ์ของตัวเราเองและขันธ์อื่นนอกตัว)
    บางครั้งเราคุยกับคน เราจะเห็นเขาเป็นเพียงจิตอะไรสักอย่างหนึ่งสิงอยู่ในเลือดเนื้อเดินได้ ฯลฯ

    วิปัสสนาญาณที่เกิดครั้งแรก เห็นไตรลักษณ์ในเรื่อง“ไม่เที่ยง” เห็นเรื่องเดียว
    ทำให้ปล่อยวางในเรื่องความยึดมั่นในสิ่งต่างๆ ได้ เพราะเห็นสรรพสิ่งมันไม่เที่ยง มันแปรปรวน
    (ครั้งนี้ยังไม่เห็นเรื่องอนัตตานะ ไปเห็นอนัตตาตอนท้ายๆประมาณครั้งที่ 7-8)

    หลังจากนั้นการรู้เห็นความรู้สึกที่ได้รับในครั้งนั้นก็จะกลายเป็นอดีตเป็นเพียงสัญญา (อนิจจสัญญา)

    (ว่างๆ จะมาเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ให้ฟังค่ะ)

    วิปัสสนาญาณที่เกิด 2 ครั้งนี้ ทำให้กิเลสเบาบางลงได้เพียง 2 เรื่อง
    คือเห็นความไม่เที่ยงกับปล่อยวางตัวตนเท่านั้น มันยังกำเริบหวนกลับได้สบายๆเลยนะคะ
     
  14. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    สัญญาสูตร

    [๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอปริหานิยธรรม ๗ ประการ แก่เธอทั้งหลาย ฯลฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อปริหานิยธรรม ๗ ประการเป็นไฉน คือ

    ภิกษุทั้งหลายจักเจริญอนิจจสัญญาอยู่เพียงใด ภิกษุทั้งหลายก็พึงหวังความเจริญได้แน่นอน
    ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น

    ภิกษุทั้งหลายจักเจริญอนัตตสัญญา ฯลฯ จักเจริญอสุภสัญญา ฯลฯ จักเจริญอาทีนวสัญญา ฯลฯ
    จักเจริญปหานสัญญา ฯลฯ จักเจริญวิราคสัญญา ฯลฯ จักเจริญนิโรธสัญญาอยู่
    เพียงใด ภิกษุ
    ทั้งหลายก็พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อปริหานิยธรรม ๗ ประการนี้ จักตั้งอยู่ในภิกษุทั้งหลาย และภิกษุทั้งหลายจักปรากฏอยู่ใน
    อปริหานิยธรรม ๗ ประการนี้ เพียงใด ภิกษุทั้งหลาย ก็พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวัง
    ความเสื่อมเลย เพียงนั้น ฯลฯ

    จบสูตรที่ ๗

    E-Tipitaka | Compare
     
  15. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    มันจะค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลาพอสมควรค่ะ
     
  16. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    มันไม่ใช่เรื่องที่จะอินได้ง่ายๆ นอกจากจะต้องเข้าถึงสภาวะนั้นด้วยตนเอง
    หมอที่ผ่าศพทุกวัน รู้จักเชล รู้จักส่วนประกอบของร่างกายอย่างละเอียดทุกส่วน
    คลุกคลีอยู่กับศพทุกวัน แต่ทำไมไม่อิน ไม่เข้าถึงธรรม ไม่เห็นไตรลักษณ์ ก็คล้ายๆกันค่ะ

    .................

    เราเห็นตัวเราเองว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา แต่มันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ ที่กำลังทุกข์ทรมาน
    เจ็บปวด ร่ำไห้ ฯลฯ มันแสดงให้ดูเหมือนเราดูหนังไม่มีผิด แต่คนดูมันแค่ดู-แค่รู้-แค่เห็น-มันดูเฉยๆ

    คนแสดง(ขันธ์๕)มันไม่รู้เรื่องอะไรหรอก มันแสดงไปตามผัสสะ ตามเหตุปัจจัยที่เข้าไปปรุงแต่ง

    ส่วนคนดูมัน มันก็รู้ไปตามที่มันเห็น แล้วมันก็เก็บข้อมูลเข้าแมมโมรี่ (กรรม)
    ถ้ามันไม่แยกตัวออกไปจากคนแสดง คนแสดงเจ็บมันก็จะเจ็บไปด้วย คนแสดงร้องไห้มันก็จะร้องไห้ไปด้วย
    เพราะมันหลงว่าเป็นตัวมัน เป็นของของมัน

    แต่พอมันสามารถแยกตัวออกไปจากขันธ์๕ เห็นรูปมันเจ็บปวดแปรปรวน เห็นเวทนาทุกข์ยาก เห็นจิตร้องไห้
    แต่ทำไมมันไม่รู้สึกอะไร ไม่ได้เจ็บปวดทุกข์ยากอะไรเลย สงบนิ่งดูเฉยๆ

    พอคนแสดงกับคนดูกลับเข้ามารวมกัน มันก็เป็นเนื้อเดียวกัน (อุปมาเหมือนน้ำใสรวมอยู่กับน้ำสี)
    (พอจิตขึ้นสู่วิถี) ก็คือจิตที่แยกออกไปนั้นมันกลับเข้ามารวมกับขันธ์๕เหมือนเดิม
    มันรวมกันแล้วเป็นอันเดียวกันแล้ว จิตมันก็รู้แล้วว่าขันธ์ที่มันอาศัยอยู่ไม่ใช่มัน ไม่ใช่ของของมัน

    ตอนนั้นนะ มีความรู้สึกกลัวตัวเอง เพราะมันเป็นเหมือนตัวอะไรก็ไม่รู้แต่เราเข้าไปอาศัยอยู่ในมัน
    เป็นเนื้อเดียวกันกับมัน แต่ก็นั่นแหละมันแยกจากกันไม่ได้จนกว่าจะตายจากกัน มันก็ปล่อยวางไปเอง
    ถูกหลอกมาตั้งแต่เกิดจนถึงวันนั้น 20 ปีกว่าๆ (ในเวลานั้น) พอรู้ความจริงเช่นนั้น จึงขออุทานว่า “หงายหลังตึง”

    ก็อ่านสนุกๆ เป็นนิทานนะคะ
    ถ้าได้ประโยชน์ก็อนุโมทนาด้วย ถ้าไม่เกิดประโยชน์ก็โยนทิ้งไปนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2013
  17. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    โฮ! นั่นมันต้องแชร์เหตุปัจจัยทั้งหมดเลยนะคะหน่ะ ถึงจะออกมาเป็นสิ่งนั้น
    เอาไว้ว่างๆ นะคะ จะมาแชร์ให้ นานหน่อยหนึงนะคะ อิอิอิ
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จริงๆ ก็อยากจะ ปล่อยให้ โง่ ดักดานไปตามนั้นเหมือนกันนะ

    แต่เห็นแก่ความ มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ก็น่าจะพอจะ ช่วย ตัวของคุณได้ จึง
    จำต้องพูดว่า

    ไอ้ที่บอกว่า กายแยกจิต จิตแยกกาย เห็นตัวเอง โน่น นั่น นี้ โดยเฉพาะ
    การ ซัมเมอร์ซอล อะไรนั่น เชื่อสิ !!

    สัตว์เดรัจาน มันก็ เห็น สภาพธรรมนั้นได้ เขาเรียกสภาวะนั้นว่า
    " สัญชาติญาณการ เอาตัวรอดของสัตว์ "

    ก็เหมือน เราจับแมวโยนขึ้น ยังไงเสีย มันก็จะ ผลิกตัวกลับมายืนได้
    เสมอ .........

    และที่ ครู บา อาจารย์ พยายาม หยิบเรื่อง รู้กาย รู้จิต แบบนี้สอน
    ก็เพื่อ สื่อ ให้ผู้เรียน ใช้ใจ พิจารณา รส ธรรมจาก ภายใน

    ต้องการเพียง ให้ละวาง ความรู้ความจำจากการเรียนหนังสือ เท่านั้น

    แต่ คนมันโง่ดักดานไง ไม่รู้ว่า ท่านใช้เป็น อุบาย ในการสื่อให้
    พิจารณาธรรมด้วย การรับรู้สัมผัสเข้ามา คนโง่ มันก็คิดว่า เอ้ย
    อะไรแบบนี้ สงสัยคือ ธรรมะ การวิปัสสนา เห็นแจ้ง

    ปัดโถ่ เดรัจฉานมันก็เห็นได้ จะอะไรกันนักหนา

    ร้องไห้เป็นเผาเต่า กับการเห็น กายใจ แบบนั้น ยังไม่ได้ สติ สตังค์
    อะไรเลย มันแค่ การรับรู้ว่า ไม่ใช่ " สรีระเท่านั้น " ที่เป็นที่สุดของ
    ธรรม

    ****************************************

    เชื่อสินะ

    อะไรที่คุณ พรรณามาทั้งหมด นั่นหนะ ไม่ได้ อะไรถึงไหนเลย

    โดยเฉพาะการกล่าวว่า " จิตแยกขันธ์ " การกลับไปรวม อะไรนั่น
    อันนี้ก็ชัดเลยว่า เดียรถีย์

    เพราะ ในทางธรรมะ เวลาเขา สะเทือนจิต รู้ทุกข์เนี่ยะ เขาไม่ได้
    เห็นว่า " จิต " มันแยกจาก " ขันธ์ "

    แต่เขาเห็นด้วยว่า ไม่มีธรรมชาติใดอื่นที่ เกินไปกว่า " ขันธ์5 "

    พูดให้ชัดๆ คือ จะต้องประจักษ์เข้ามาด้วยว่า " จิต " ก็คือ ส่วน
    หนึ่งของ " ขันธ์5 "

    หากมี การประกาศ หรือ เห็น อะไร ที่มียิ่งกว่า " ขันธ์5 " นั่นแปลว่า
    กำลังสร้างศาสนาใหม่

    พระพุทธองค์ประกาศ ธรรมชาติสูงสุดมีแค่ " ขันธ์5 "

    แต่ เดียรถีย จะนิยาม " จิต " เป็นสิ่งที่ พ้นจากขันธ์5 ด้วยเข้าใจ
    ว่า พ้น คือ การมีอะไรอีกอย่างหนึ่ง ปรากฏขึ้นมา เป็นตัวเที่ยง

    ประกาศ จิต เที่ยงเมื่อไหร่ โง่ ดักดานแน่นอน

    ไม่เชื่อ ลองพิจารณา การให้ความ" สำคัญ มั่นหมาย " สิ

    นั่น นั่น นั่น มันขยับ สัดส่าย ส่ายตูด อยู่ตลอดเวลา พ้นขันธ์5 ที่ไหน

    โดนมันหลอกเต็มเปาแล้วท่าน นักกีฬา !!!
     
  19. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ตรงกำเริบกลับหรือกลับไปรู้สึกได้เหมือนเดิมอีก ผมว่ายังเป็นแค่กำลังจากสมาธิครับคุณมาย
    แต่ที่เราไปเห็นว่าเป็นไตรลักษณ์นั้น น่าจะมาจากความรู้ความจำมากกว่าแล้วมาสรุปยึดเอาว่าใช่วิปัสสนาญาณ ส่วนลักษณะอาการเห็นไตรลักษณ์อย่างไรถ้าตอบตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องคาดเดาเอาครับ
    อย่างที่ฟังพระท่านพูดท่านว่ามันดับ สั้นๆแค่นี้เอง
     
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ไว้มีจังหวะอีกซัก สามประโยค
    เจริญธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...