ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    มาถึงยุค..รัตนโกสินทร์ด้วย.....แต่..มันคนละกรณี..กับ..วัดเก๋งจีน..ครับ

    รออ่านต่อ อยากรู้แล้ว ว่าต่างกันอย่างไรครับ
     
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .........
    ....หวัดดี..น้องเหลิม..เฉียวฟงหลานรัก..และ..Porpek....
    .............................
    ...ต่อจากตอนที่แล้ว.....
    ................................
    ......................................................................
    ....ก่อนอื่น..เรามาสังเกตุ..กันก่อน..ว่า..ทำไม..ดูคล้ายกัน..ก็เพราะ..เป็นค่านิยม..ที่เลียนแบบ
    ตามกัน..เท่านั้นเอง...เพราะเมื่อ..คนมาดูแล้วชอบ..ก็..เอารูปแบบ..และรายละเอียด..ตามกันไป
    ..คนยุคก่อนนั้น..ช่างเขามีฝีมือ..ในการรักษารูปแบบ..ของดั้งเดิมกันอยู่แล้ว..เขียนลวดลายตาม
    จริงได้..ไม่งั้น..ลายกนก..ลายกระจัง..ลายเครือเถา..ลายบัวคว่ำ..บัวหงาย...มันจะกระจายไปอยู่ตามที่
    ต่างๆ..ได้ยังไง...แล้วของแค่นี้..ง่ายจะตาย..แล้วเป็นของเบ็ดเสร็จ..ที่ไม่ต้องดัดแปลง..คือ
    สมบูรณ์แล้ว..ทั้งขนาด..ความสวยงาม..รูปทรง..ลงตัว...จากที่นึง..ที่เป็นจุดเริ่มต้น..ไปเรื่อยๆ..
    ..มันเป็นรูปแบบของ..การกระจายวัฒนธรรมทางศิลป.....แล้วการกระจาย..มันก็เป็นทวีคูณ..คือ
    แตกย่อยไปอีก..รวมถึง..สืบต่อมาอีกยาวนาน......ส่วนใครจะดัดแปลงไปบ้างก็แล้วแต่...
    .....แต่ที่ผมเห็นมา..ก็จะ..คล้ายกัน....จากพุทธศิลป์..เราบอกได้ชัดเจนว่า..เป็นยุคอยุธยาตอนกลาง
    ..ถึง..ตอนปลาย..เพราะมีความเป็นไทยชัดเจน..แต่ในความอ่อนช้อยในทรวดทรง..ก็ยังมีลักษณะ
    เข้มแข็ง..แฝงอยู่..ถ้าอ่อนช้อยมาก..จะเป็น..อยุธยาตอนปลายครับ..ถ้าเข็มแข็ง..ทรงตันๆหน่อย
    ..เป็นสมัยตอนกลาง.....ถ้าตอนต้นกับยุคอู่ทอง..หุ่นจะตัน..หน้าเหลี่ยม..คล้ายลพบุรี......
    ...................................................
    ......กลับมาเรื่องเดิม...ก็คือ...ที่ผมบอกว่า...ของวัดเก๋งจีน..คติน่าจะต่างจากที่อื่น.......
    ............เพราะ...พระฝังแปะ..กับผนังโบสถ์..อย่างถาวร...นั่นคือ...พระเป็นผู้สร้าง...ไม่ใช่ญาติโยม
    สร้างถวาย....และ..มีโอกาศเป็นไปได้สูงว่า....สร้างมาพร้อมกับ..โบสถ์...หรือ..ไม่ก็..มีการบูรณะ
    โบสถ์...แล้ว..สร้างมาพร้อมกัน....เพราะ...
    .....ด้วยจาก..การสังเกตพระ..มากกว่า ๑๐ องค์..ที่บ้าน...๗-๘ พิมพ์(..ไม่ใช่ของผมทั้งหมด..เพราะ
    เงินที่ไปทำบุญนะ..ของพ่อ..).....ผมลองแกะปูน..ที่ด้านหลังบางองค์ออก...จะไม่พบสีที่ทาผนัง
    โบสถ์เลย..(..โบสถ์สมัยก่อน..เขาก็ต้องทาสีกันนะครับ..ทิ้งเปลือยๆไม่ได้..เดี๋ยวกร่อน..และ..ราขึ้นได้
    ...สีนี่..จะต้องผสมไข่ขาวลงไปด้วย..เพื่อเพิ่มการยึดเกาะกับ..ผิวปูน(เปลือกหอย)ที่ฉาบ...)
    ....เพราะ..สี..จะต้องติดที่ส่วนเนื้อพระ..ถ้าติดด้วย..ยางไม้(กาว)..ธรรมดา.....หรือ..ไม่ติดกับแผ่น
    ปูนที่..กระเทาะออกมา....การที่เอาสีทาผนังโบสถ์..เรียบร้อยแล้ว..ค่อยเอายางไม้มาหลังพระ..
    แล้วเอาไปติดทีหลัง..ผิดหลักการเป็นไปไม่ได้..เพราะ..พระจะติดได้อย่างไม่ถาวร..โดยที่..
    น้ำหนักพระ..จะถ่วงให้สีล่อนออกมา..พระก็จะร่วงลงพื้นได้..คนโบราณเขาไม่ชุ่ยขนาดนั้น
    ...........แสดงว่า..หลังจากฉาบแล้ว..ก็คงเอาพระมาทายางไม้บางๆ..หรืออาจไม่ต้อง..เพราะ....
    ปูนฉาบยุคโบราณนั้น..ก่อนแห้ง..แข็งตัว..จะมีความเหนียว...เพราะใช้..น้ำอ้อย..น้ำข้าวเหนียวเคี่ยว
    ..เป็นตัวประสาน...ถ้าท่านมีพระวัดเก๋งจีนอยู่..คงไม่แปลกใจ..เพราะ..เนื้อปูนที่ติดหลังพระ..นั้น..
    ออกสีเหลืองอ่อนๆ.......
    .......แต่ผม..มาพิจารณาแล้วสังเกตว่า...ในสิบกว่าองค์ที่ได้มา..ไม่มีสีติดข้างๆเลย..แม้แต่องค์เดียว
    ...ดังนั้น..หรืออาจเป็นได้ว่า...ฉาบผนังแล้ว...เว้นที่ไว้โดยเอา..องค์พระมาวาดไว้ที่ปูนฉาบก่อน
    .เมื่อทาสีเสร็จ..จนแห้งแล้ว...จึงค่อยเอา..ยางไม้..ทาหลังบางๆแล้ว..กดพระให้แนบกับผนังปูนอีกที
    ......ข้อดี..ของ..ตะกั่วแผ่นบางๆ..คือ..มันอ่อนตัวง่าย..การกดพระให้แนบสนิท..จึงไม่ยากอะไร..
    ...........เรื่องน้ำข้าวเหนียวเคี่ยวนี่..มีเกร็ด..เล็กน้อยครับ...
    .......................ต่อตอนหน้า..........
     
  3. คนบ้านสะแก

    คนบ้านสะแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +432
    ติดตามอ่านครับพี่ ผมชอบภูมิปัญญาคนสมัยก่อนนะ ผมเป็นคนอยุธยา แต่ไม่ค่อยได้เข้าไปวังโบราณ คือเห็นแล้วใจหาย แต่เมื่อสักสองเดือนก่อน พาเพื่อนไปไหว้พระหลวงพ่อมงคลบพิตร เห็นเขาบูรณะเจดีย์ ศรีสรรเพชญ์ แล้วบอกไม่ถูกเลยครับ ทำเหมือนของใหม่เลย ใช้ปูนฉาบใหม่และน่าจะทาสี ผมไม่มีความรู้นะพี่ แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่
     
  4. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....ภูมิปัญญา..คนโบราณ..
    ..เรียนรู้จากประสพการณ์..การถ่ายทอด..และ..ธรรมชาติ...
    ......ก็ดูเอาแล้วกัน...บ้านยกพื้นสูง...เพราะรู้ว่า..ไม่ควรสู้กับธรรมชาติ...
    ..แต่รับ..ธรรมชาติมาสู่ตัว...และ..ทำความเข้าใจมัน....ทำโคกไว้..พร้อมกับกองฟาง..ปล่อยให้ควาย..มันอยู่ของมัน..เตรียมของกินไว้..เรียบร้อย..มันก็อยู่ของมันได้เป็นเดือนๆ...ไก่ก็ให้มันอยู่นอกชาน..ข้าวเปลือก..ที่ตุนไว้..ก็เลี้ยงทั้งไก่..ทั้งคน..เก็บที่เหลือ..ไว้เตรียมหว่าน..หลังน้ำลด
    ...พริก..ขิง..ข่า..ตะไคร้..ใบมะกรุด..มะนาว..ก็ปลูกอยู่นอกชาน...
    ...อาหารเหลือเฟือ..ปลาเต็มไปหมด...เช้าพระก็พายเรือมารับบาตร..
    ถึงบ้าน...วันพระ..ก็พายเรือ..พร้อม..ข้าวปลาอาหาร
    ...ไปทำบุญ..ที่วัด..ฟังเทศน์..รับศีล..รับพร...
    ..........นี่แหละ..ชีวิตคนภาคกลางโบราณ..ไม่เห็นใคร..มันเดือดร้อน..เรื่องน้ำท่วม..อะไร.......
    .........ไอ้คนสมัยนี้...เสือกปลูกบ้านติดกับดิน....มันเลย..ฉิบหาย...
     
  5. samzuzaa

    samzuzaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +501
    สวัสดีครับคุณลุง...มาติดตามและให้กำลังใจครับ...ขอบคุณสำหรับความรู้และเกร็ดทุกอย่างครับ...(^๐๐^)
     
  6. เหลิมม

    เหลิมม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +313
    ขอบคุณสำหรับสาระความรู้ และ
    เข้ามาติดตามตอนต่อครับพี่
     
  7. คนบ้านสะแก

    คนบ้านสะแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +432
    ครับพี่ ที่พี่เล่ามา คิดถึงบ้านเดิมเลย สมัยเด็กชีวิตบ้านนอกสุขสุดๆ หน้าน้ำน้ำใสมองเห็นพื้นดิน เรียนหนังสือศาลาวัด พี่กับผมโชคดีที่เกิดทันยุคนั้น

    รอติดตามต่อครับพี่
     
  8. pardy

    pardy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,084
    ค่าพลัง:
    +2,703
    ไม่ค่อยอินเตอร์หรอกครับพี่ มาอยู่เมืองบ้านนอกหน่อย ไม่ใช่ฮานอย รึ โฮจิมินท์ .... ยังไงบ้านเราก็น่าอยู่ที่สุดครับ
     
  9. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ........
    ...หวัดดี..หลานsam...คนบ้านสะแก..น้องเหลิม..และ..pardy
    .................................
    ......ต่อจากตอนที่แล้ว...........
    ...................................
    ...อันนี้อาจนอกเรื่องหน่อย..แต่ถือซะว่า...เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย...เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ..
    ...ให้กับ..ผู้แสวงหาความรู้..อันหลากหลาย..แบบไทยๆ..แล้วกัน
    .....มันเกิดเพราะความอยากรู้อยากเห็น..แล้วด้วยนิสัย..ถ้าสงสัย..ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองให้คลายข้อ
    สงสัย...ความจริงมันเริ่มเกิด..มาตั้งแต่..ได้รับรู้เรื่องปูนโบราณ..ปูนฉาบโบราณ..มาตั้งแต่สมัย
    ผมยังเรียนหนังสือแล้ว...แต่บังเอิญมาประสพ..และได้ไอเดีย..หน่อยๆ..แต่ตอนนั้น..ยังทดลองไม่ได้
    ..เพราะ..ยังไม่ได้แยกบ้านออกมา...พอแยกบ้านออกมา..หลังทำงาน..ซัก ๕ ปีแล้ว...
    .....ผมก็เลยได้ลองโน่น..ลองนี่..จนเอามาสอน..ผู้อ่านได้เยอะแยะ...เพราะว่า..อยู่คนเดียว....ไม่ต้อง
    ตอบคำถามใคร..ว่า...ทำอะไร...ทำไปทำไม...แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา...เสียของหมดรู้รึเปล่า?...
    ........ถึงผม..จะเป็น..คนกรุงเทพแต่กำเนิด..ระเห็จไปอยู่..เพชรบุรี..อยู่พักนึง...แล้วกลับมาโต..
    ที่กรุงเทพอีก...ผมก็ได้กินข้าวเหนียวบ่อยๆ..มาตั้งแต่เล็ก..จนโต...ทั้งๆที่..ทั้งพ่อ..และ..แม่..ไม่ได้
    เป็นคนเหนือ..หรือ..อีสาน....
    .........เนื่องจาก..พ่อผม..เป็นคนที่ชอบ..กินข้าวนิ่มๆและหนืดๆ..(บ้านผมนี่กินข้าวที่หุง..มาสวยๆ..นี่ไม่เอา
    เลย..เพราะความเคยชิน)..สมัยก่อน..ข้าวใหม่...ที่หุงแล้ว..มันมียางนิดๆ..มันหายาก...นานๆจะได้
    กินซะที...บ้านผมก็เลยมีวิธีดัดแปลง(..ก็คงมีหลายบ้านหรอกครับ..แต่คงไม่มาก..และ..ทำบ่อย
    อย่างบ้านผม)....โดยวิธี..ผสมข้าวเหนียวลงไปปนกับข้าวเจ้าเล็กน้อย...แล้วหุง...เพียงแต่ต้องใช้เวลานาน
    กว่าปกติ..และใส่น้ำเพิ่มขึ้นอีกหน่อย...ทำมาตั้งแต่..ยังไม่มีหม้อหุงข้าวขาย..ใช้ดงข้าวแบบทั่วไป..
    ...จนต่อมา..มีหม้อหุงข้าวก็ดัดแปลง...ให้หุงออกมาได้..เหมือนเดิม....
    ......ข้าวเหนียวที่หุงแบบข้าวเจ้า..มันจะคาย..ยางของมันออกมา..เผื่อแผ่ให้ข้าวเจ้า...ผลคือ...
    ...ข้าวมันจะนิ่ม..ทั่วถึงกัน..แล้วมียางเยิ้มๆหน่อยๆ...เหมือนได้กินข้าวใหม่....
    ......แต่พอเสาร์อาทิตย์...ทุกคนตื่นสายได้..ก็เป็นธรรมเนียม..เพราะทุกคนชอบ(มาจากพ่อ)...
    คือ..กินข้าวต้ม...ก็ผสมข้าวเหนียวอีกเช่นกัน....คราวนี้ละ..หนืดเลย..อร่อยมาก(ของบ้านผมนะ)
    ...ยิ่งคราวไหน..แม่ผสมข้าวเหนียวลงไปมากหน่อย...มันเยิ้มเลย...หนืดดีแท้...ผมเองเป็นคนที่ไม่
    เรียบร้อย..กินข้าวหกนอกจาน..อยู่เรื่อย..ก็โดนตีมาตั้งแต่เด็ก..แต่ยังไม่วาย..วันนึง..ผมกินข้าวเสร็จ
    แล้ว..ก็นั่งคุยดูทีวี..ยังไม่ทันได้เก็บจานข้าว...พอเก็บจานตอนหลัง..ก็รู้ว่า..เศษข้าวต้ม..มันหก
    ..แต่พอดีมันหกอยู่นาน..พอผมเอาทิชชู่เช็ด..โอ้โห..มันติด..ผ้าปูโต๊ะ..แล้วก็เริ่มเหนียว..ต้องเอา..
    น้ำมา..เทลงไป..แล้วเช็ด...มันถึงจะละลายอ่อนตัวลง..และ..เช็ดออกไปได้....
    ......ผมก็คิดถึง..เท่าที่เรียนรู้..ถึงได้ทึ่งในภูมิปัญญา..คนโบราณว่า...ช่างสังเกต..ของกินแท้ๆ...
    ยัง..เอามาประยุกต์ได้....แต่...ก็แค่นั้น...จนผมทำงานแล้ว....บวชแล้ว..และ..ตอนหลังได้มาอยู่บ้าน
    ..คนเดียว..ก็เลยได้ทำหลายอย่างที่เคยตั้งใจไว้....และ..วันนึงก็มาคิดถึง....เรื่องนี้...
    ......ผมเอง...หุงข้าวแบบเก่าไม่เป็น..ดงข้าวไม่เป็น..ได้แค่ดูเค้าเอา..สมัยเรียน..ร.ด. ปี ๕ ฝึกภาคสนาม
    เขาชนไก่...ใช้ที่รองกระติกน้ำ..หุง..เขาก็มีขีดบอกไว้..ให้สังเกต..ใส่ข้าวเท่านี้..เติมน้ำ..เท่านี้...ก็เสร็จ
    ..ออกมาดีมั่ง..ไม่ดีมั่ง..ก็ทนกิน..กันตายไปวันๆ...
    ......พอมาถึง..ตอนนี้..ผมใช้หม้อหุงข้าว..รุ่นเดอะ อายุถึงปัจจุบันก็ ๔๐ ปี..มีปุ่มเดียว..จะหุงแบบไหน
    ก็ไม่มีโปรแกรมให้..ดัดแปลงเอาเอง...ผมก็ไปซื้อข้าวเหนียว..จากร้านโชห่วย..ขายข้าวมา..ตอนนั้น
    ไอ้ห้างสรรพสินค้า..มันมีน้อย...ก็มาคิดเอาเอง..เราจะต้องทำให้มันเป็น..ข้าวต้มเหนียว....
    ....เพราะ..ยางข้าวเหนียว..มันจะได้ออกมาเยอะๆ....ผมรู้ว่าข้าวเหนียว..จะหุงให้สุกแบบข้าวเจ้า
    ..มันก็กินน้ำมากกว่า..ปกติแล้ว...แถมจะหุงให้มัน..เป็นข้าวต้ม..ก็คงต้องเพิ่มน้ำเป็นเท่าตัว.....
    .......ผมไม่ต้องการแป้งข้าวเหนียว..แต่อย่างได้..น้ำข้าวเหนียว...คงต้อง..ให้ได้น้ำเยอะๆ...ก็ลองทำดู
    ....เนื่องจาก...วัตถุประสงค์ผมไม่ได้หุงข้าวกิน..และ..ไม่กังวลเรื่องเวลา...ผมใช้ข้าวเหนียว..ไม่มาก
    เพราะ..ผมรู้ว่า..ผมจะต้องคอยเปิดดูตลอด..และเคี่ยวไปด้วย...ผมไปซักพัก..พอเครื่องมันได้อุณหภูมิ
    ถึงกำหนด..และ..เวลาได้..เครื่องมันก็ตัดอัตโนมัติ..ผมก็ทิ้งไว้ให้เย็นหน่อย..แล้วกดปุ่มหุงต่อ...
    ..เคี่ยวต่อ..เรียกว่า..จนผมเห็น..ข้าวเหนียวบานแฉ่ง...และ..น้ำก็น้อยลง..และตักมันออกมาดู...
    ..มันเริ่มเหนียว...ผมก็...หยุด..เทเอาแต่น้ำข้าวเหนียว...แล้ว..คราวนี้..ก็ต้มต่อ..โดยเคี่ยวตลอดเวลา
    ....จนผมได้..น้ำที่เหนียวหนืดขนาด..น้ำเชื่อม..หรือ..ข้นน้อยกว่า..น้ำผื้งหน่อย...แค่นี้..ผมก็สมใจแล้ว...
    .............ว่านี่..เราสานต่อ...วัฒนธรรมไทยโบราณ..แล้ว...ผมไม่ได้เตรียมปูนเปลือกหอย..ไว้...
    (..ผมเคยทำแล้ว..ลองกลับไปหาอ่านเอาเอง...)...เพราะมันแน่นอนอยู่แล้ว...แค่น้ำธรรมดา..ก็ยังพอ
    ทำให้มันแข็งตัวได้พอสมควร..และ..ยึดเกาะเม็ดทรายได้ดี..(..ผมเรียนฉาบปูน..ก่ออิฐถือปูน....
    อาจารย์..เขาก็ใช้ปูนขาวธรรมดานี่แหละ..หมักน้ำทิ้งไว้..แค่เอามาผสมกับทราย..มันก็ใช้เลียนแบบ
    ปูนได้พอสมควร..แล้ว..)...แต่ที่ผม..ลองนี่...ผมลองทาน้ำข้าวเหนียว..เฉยๆ...ลงบน..แผ่นไม้..๒ แผ่น
    (..ลำพัง...ถ้าเราใช้..แป้งเปียก(ทำจากข้าวเจ้า)ธรรมดา..เรายกไม้ขึ้นมา..มันรับน้ำหนักไม่ไหว...ก็จะ
    หลุด..มันก็ติดได้แค่กระดาษครับ..เพราะตัวมันส่วนใหญ่..เป็นแป้ง..ต่างจากนี่..ที่นอกเหนือ..จาก
    น้ำ..มันเป็นสารเหนียวที่ได้มาจากข้าวเหนียว..ลักษณะเหมือนกาวน้ำ...)....ผมทาทั้งสองผิวจนชุ่ม...ก่อน
    จะติด..ผมทิ้งไว้ให้มัน..ซึมเข้าผิวจนมันเริ่มไม่ซึม..ผมทาทับอีกรอบ..แล้วก็..เอามากดไว้ด้วยกัน...
    เอาดัมเบล(ที่เอาไว้ใช้เล่นกล้าม)..กดทับไว้...ทิ้งไว้ข้ามวันเลย...แล้วมาลองยกแผ่นไม้แผ่นเดียวขึ้น
    ...ปรากฎว่า..สบายมาก..(..แผ่นไม้..นี่..ผมฝนผิวที่จะยึดจนเรียบแล้วนะครับ..)..ก็แค่นี้...
    ....คนอย่างผม...ต้องลองทำจริงครับ...ถึงจะเชื่อ......
    ...........เพื่อพิสูจน์..ทฤษฎี..ให้เห็นได้ว่าในเวลาที่เราเอามาปฏิบัติทำได้จริง...เสียเวลา..เปลืองไฟ..
    เล็กน้อย..ช่างมัน...เอาสะใจ..เป็นพอ...กลับเข้าเรื่องตอนหน้าครับ...
    ........................ต่อตอนหน้า..........................
     
  10. โอ๊ตดี้

    โอ๊ตดี้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    315
    ค่าพลัง:
    +1,797
    สวัสดีครับคุณลุง ... ติดตามอ่านอยู่ครับ
     
  11. คนบ้านสะแก

    คนบ้านสะแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +432
    สวัสดีครับพี่

    ยุคสมัยพี่กับผม พวกเรามักมีทักษะ ที่จะทำอะไรเป็นในเชิงช่าง ผมเองก็สารพัดช่างเลย เครื่องยนต์เรือ รถ ช่างไม้ โต๊ะเก้าอี้ จนปลูกบ้าน ช่างปูนมาเป็นตอนหลัง เลี่ยมพระพลาสติกกันน้ำ แต่ของผมทำออกมาจะไม่ค่อยเรียบร้อย เพราะใจร้อน แค่เลี่ยมพลาสติกช่วงรอให้น้ำยาแห้งสนิท สักครึ่งชั่วโมงยังรอไม่ค่อยได้ พอมาเลี่อยขอบมันก็ติดใบเลี่อย 55555

    แต่เด็กยุคหลังนี่ ความสะดวกสบายมันเข้ามาแทน สักเกตุดู อะไรที่เป็นใช้มือบิดๆมันยังยากไปต้องใช้ปุ่มกด ยังนึกในใจว่าถ้าปุ่มกดนี่หายไปจากโลก ทั้งโลกเป็นอัมพาตทันที

    มาคุยเป็นเพื่อนนะครับพี่ รออ่านต่อครับ
    จบพระเก๋งจีน พี่ต่อพระท่ากระดานน้อย กรุศาลเจ้านะครับ พระกรุราคาไม่สูง แต่สุดยอด เคยเห็นกับตามาแล้วสุดๆจริงๆมั่นใจได้เลย
     
  12. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...ขอบคุณ..ที่มาคุยเป็นเพื่อน...
    ...ก็เทคโนโลยี..มันเข้ามาเยอะ...การหัดช่วยตัวเอง..หัดคิดเอง..หัดดัดแปลง..ทำอะไรมันก็เลยน้อยลง..เพราะมีคนอื่นคอยทำให้...
    ....ท่ากระดานน้อย..กรุศาลเจ้า ราชบุรี..พี่ไม่ค่อยคุ้น..พ่อพี่..มีอยู่องค์นึง..รู้เรื่องแค่ผิวเผิน..ขอบายดีกว่า..หาอ่านในเน็ตเอา..แล้วกัน...อันไหน..รู้ไม่จริง..พี่ก็คงไม่เขียน..ไม่รู้จะเขียนไปทำไม..ต้องเอาขี้ปากชาวบ้าน..มาเล่าต่อ...ขอโทษที....
     
  13. คนบ้านสะแก

    คนบ้านสะแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +432
    ขอบคุณครับพี่ เดี๋ยวลองค้นประวัติดู ผมใช้อยู่องค์ ที่ว่าประสบการณ์ คือมีคนหนึ่งมันบ้า มันชอบลองพระ ทุกวันนี้มันก็ยังไม่เลิก เขามีกลุ่มเขาอยู่ วิธีลองคือใช้ปืนจ่อยิง และมันบอกครั้งเดียวไม่ชัวร์ ต้องสามครั้งสามองค์ มันยอมรับพระกรุนี้ เท่าที่สังเกตุดูจากหลายๆอย่าง มันพูดจริง ผมเลยบอกมันว่า มันยังไม่ชัวร์ ถ้าใครชัวร์มันต้องแขวนเอง แล้วให้พวกมันยิง ถึงจะแน่นอน คือจะสอนมันว่าพระนั้นมันจะได้ผลแค่ไหนอยู่ที่ว่าอยู่ในคอใคร จิตมั่นคงแค่ไหน ต่อให้มันแขวนพระท่ากระดานน้อยกรุศาลเจ้า ถ้ามันโดนรับรองกระจาย
     
  14. pardy

    pardy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,084
    ค่าพลัง:
    +2,703
    ถูกต้องที่สุดเลยครับ อยู่ที่คนด้วย ไม่ใช่อยู่ที่พระอย่างเดียว ...
     
  15. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..............
    ...หวัดดี..โอ้ตดี้...คนบ้านสะแก..และ..pardy
    .....................................
    ......ต่อจากตอนที่แล้ว........
    ...................................
    ..........................................................................
    .......ผมกล่าวถึงว่า...สาเหตุใด..จึงทำให้ผมเชื่อว่า...น่าจะทำโดยวัดเองมาแล้ว...แต่เหตุผลมันก็น่าจะมี
    ...เพราะ..วัดอื่นทำไม..เขาไม่มีแบบนี้..หรือ...ผู้สร้างจะapply...สร้างเพื่อความสวยงาม..ไปอีกแบบ
    .....แต่ผมว่า..แค่นั้น..ไม่เพียงพอ..เพราะ..พระเล็ก..กรณีที่..จะมองจากกลางโบสถ์...หรือ..ยืนมอง
    ...พระที่ติดอยู่ด้านบน..ก็มองไม่รู้หรอกครับว่า...ปางไหน...เพราะนอกจากจะขนาดใกล้เคียงกัน
    แล้ว..บางปาง..ก็ใกล้เคียงกัน..ยกเว้นแต่..พระไสยาศน์....เรื่องเพื่อความสวยงาม..มันน่าจะตัดทิ้ง
    ไปได้เลย...ผมเลยมองไว้แค่...๒ ด้านใหญ่ๆ......คือ...
    ๑. เพื่อสาธุชน..ได้ทำบุญ..สร้างพระ..เนื่องด้วย...ชาวบ้าน..มีศรัทธาแต่..กำลังทรัพย์ต่ำ...
    ...แค่คนละ..เฟื้อง ๒ เฟื้อง ..ก็สร้างพระได้แล้ว...เป็นการเฉลี่ย..ให้กับชาวบ้านอย่างทั่วถึง...
    ......เพราะ..คนไทยพุทธถือว่า..การสร้างพระพุทธรูปซักองค์ในชีวิต..นั้นกุศลยิ่งใหญ่....
    (..ยุคนี้...ช่วยเหลือคนทุนทรัพย์น้อย...จะเลียนแบบก็ได้นะ..ผมว่า..เท่ห์ดี..ถูกด้วย....)...
    ...แน่นอน..เมื่อวัดสร้าง..เป็นผู้ดำเนินการ..ก็ต้องมีการปลุกเสก..แน่นอน..เพราะเป็นของ..มงคล
    ที่อยู่รอบโบสถ์...แนวทางก็ออกด้านคุ้มครอง..ให้ความปลอดภัย..ญาติโยมที่เข้ามาในโบสถ์..ก็
    ได้พลังคุ้มครองไปจาก..พระด้วย.....
    ๒. บริเวณแห่งนี้...อาจมีอาถรรพณ์แรง....แม้จะสวดถอนสร้างโบสถ์แล้ว...ก็ยังมีอาถรรพณ์
    รอบๆคุกคาม..อยู่..เพราะสวดถอนนะ..คือถอนของที่มีอยู่เดิม....แล้ว..ลูกนิมิต..และ..เสมา..กัน
    อาถรรพณ์ใหม่..ที่จะเข้ามา..แต่พระอาจารย์ผู้สร้างอาจคิดว่า..อาจเอาไม่อยู่...จึง..สร้างพระ..ปาง
    ต่างๆ...ป้องกันในเขตพุทธาวาส..ให้บริสุทธิ์จริงๆ..เรียกว่ากัน ๒ ชั้น..ก็เป็นไปได้......
    ........อันนี้มีแนวโน้ม..เป็นข้อนี้สูง...เพราะ..
    ก. การพบพระชุดนี้...ก็..เพราะมีชาวบ้านไปล่าสัตว์เล็ก..ใกล้ๆโบสถ์ที่ร้างอยู่..ยิงปืน..ยังไง
    ก็ไม่ลั่น..ไม่ว่าจะเทดินปืน..เปลี่ยนแก็ป..ยังไง..ก็ไม่สำเร็จ...เขาถึงแปลกใจ..เขาไปดูในโบสถ์..
    ..ซึ่งพระพุทธรูปก็ไม่มีแล้ว...มีแต่..พระแผง..ที่ติดอยู่กับ..ผนัง....ก็ลองแกะ...ออกไป..พิสูจน์
    ที่...ห่างจากวัด....ผลก็คือเช่นเดิม.....พระวัดเก๋งจีน..ก็เลยโด่งดัง..ตั้งแต่นั้นมา....(..เรื่องนี้..ผม
    ฟังจากปากเจ้าอาวาสวัดป่าประดู่..ในตอนที่ไปเอาพระมานะครับ..ไม่ใช่เอามาจากหนังสือ..
    เพราะ..เรื่องนี้..รายละเอียด..จากมาจากตัวท่านโดยตรง.......)....
    .............นั่นแหละครับ..ทำไมต้องทำพระชุดนี้..ให้พุทธคุณออกแนวนี้...ถ้ามัน..ไม่มีอะไรเป็นสาเหตุ
    ...ความจริงก็..น่าจะเป็นแนวกลางๆก็ได้..ถ้าเป็น..แบบ ข้อ ๑...จริงละก็
    ข. วัดเก๋งจีน..อย่างที่บอกว่า..น่าจะสร้างสมัยรัชกาลที่ ๓....แต่ตอนที่พบพระ..วัดมีสภาพร้าง
    ไปนานแล้ว....ท่านเจ้าอาวาสฯตอบคำถามผม..ว่า...ร้างไปนานมากแล้ว...ท่านว่า..น่าจะเป็นร่วมร้อยปี
    มั้ง...ไม่มีประวัติการสร้าง..ไม่รู้ใครสร้าง..ใครเป็นเจ้าอาวาสสืบไม่ทราบ(..จำตรงนี้ไว้ให้ดี....
    ผม..จะมากล่าวถึงอีกครั้ง...)....เรียกว่าถามคนเฒ่าคนแก่..แถวนั้น..ก็ไม่ทราบกัน...ว่าทำไมถึงได้ร้าง
    ............อย่าลืมนะครับ..ว่า...วัด..จะมีวัด..ก็ต้องมีชุมชน..ที่อุปถัมภ์วัด..ที่อยู่ใกล้ๆ(..ไม่ใช่แบบเดี๋ยวนี้
    ...วัดไปตั้ง..อยู่ห่างชุมชน..ทำอะไรกันก็ไม่รู้..แถม..คนที่มาอุปถัมภ์..มาจากที่อื่น..พระก็แทบไม่ต้อง
    ออกนอกวัด..ไปรับบาตร...)...ตอนที่..พบพระนั้น..นอกจากวัดจะร้าง...กลายเป็นป่าโปร่ง...แทบนั้น
    ก็ไม่มีชุมชน..อยู่ใกล้ๆแล้วด้วย....
    .....ก็น่าจะมาจากหลายสาเหตุ....คือ
    ๑. หนีโรคระบาด..เช่น..โรคห่า(อหิวาตกโรค)..ชาวบ้านหนี..ไปหมด..พระคุ้มครอง
    พวกเขาไม่ได้..เขาไปกันหมด..วัดก็มีอันอยู่ไม่ได้ไปด้วย..เพราะไม่มีผู้อุปถัมภ์..หรือ
    ๒. อาจเกิดความแห้งแล้ง บริเวณนั้น..หลายปี..ต่อเนื่องกัน..ชาวบ้านฝืดเคือง...
    ยากจนลง..เรื่อยๆ..จนมีความคิดว่า..ย้ายไปหาที่อื่น...ตั้งชุมชนใหม่ดีกว่า...เมื่อ..ชาวบ้านไป..
    ก็เช่นกัน...วัดก็อยู่ไม่ได้..พระสงฆ์..ก็ต้องย้ายไปอยู่วัดอื่น..แทน...เหลือแต่..ซากวัดทิ้งไว้
    ๓. อาถรรพณ์..เล่นงาน..ทั้งชาวบ้าน..และ..พระสงฆ์..ก็ถ้าตอนนั้น..พระที่อยู่ไม่เก่ง..
    ก็คุ้มครองใครไม่ได้..แม้กระทั่ง..ตัวเอง...เพราะพระชุดนี้..คุ้มครองแค่เขตพุทธาวาส..แต่ไม่ใช่..
    ..เขตที่อยู่ของพระ......ก็เรียกว่า..ไปกันทั้งคน..และ..พระ....(คล้ายๆ..กับ..กรณีที่..วัดที่..น้ำอ่าง..
    อำเภอตรอน อุครดิตถ์..ที่..ผี..มาไล่พระ..ออกไป..จนกลายเป็นวัดร้าง..แล้ว..หลวงพ่อทวี..อาจารย์
    ผม..ไปเรียนวิชากลับมา..ปราบ..จนวัด..กลายเป็นวัดได้ทุกวันนี้..ที่ผมเคยเล่าไปแล้ว..แต่นั้น...
    ชุมชนยังอยู่..เพราะเขานับถือผี..ผีเลยไม่ทำอะไร....แต่นี่คงหนักกว่าเยอะ..เผ่นกัน..ทั้ง..พระ..
    ..และ...คน..)
    ..........................ต่อตอนหน้า.........................
     
  16. MasterTest

    MasterTest เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +1,031
    สวัสดีครับคุณครู _/\_
    ตามมาศึกษาต่อครับ อ่านเสร็จเอาข้อมูลกลับไปค้นต่อ สนุก+สาระครบเครื่องเช่นเดิมครับ
    โดยเฉพาะวัดเก๋งจีน อ่านที่คุณครูเขียนเมื่อนานมาแล้วผมยังติดใจอยู่เลย สงสัยต้องหาองค์จริงมาศึกษาสักองค์นึงครับ
    คราวที่แล้วเรื่องสมเด็จเผ่า อ่านจบปุ๊บก็รีบไปหามา เพราะราคายังไม่ค่อยแพง ส่องไปด้วยอ่านไปด้วยจะได้ทั้งทฤษฎี+ปฏิบัติครับ ^__^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2013
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....ดีมาก..สมเป็นศิษย์ครู..จริงๆ..
    ...ดีแล้ว..เพราะที่ครูบอกว่า..หาไว้เถอะ...ตอนนี้ราคายังไม่แพง..
    ...รับรองว่า..มีแต่จะค่อยๆขึ้นไปเรื่อยๆ..เพราะคนมันจะเริ่มเฝือ..
    บางขุนพรหม ๐๙ ..๑๗..ปลอม..มันก็..เหมือนขึ้นเรื่อยๆ..ปัญหาเยอะ..
    .....สู้ของไม่มีปัญหา..ดีกว่า....ห้อยแล้ว..เท่ห์กว่ากัน..เยอะ..
     
  18. เหลิมม

    เหลิมม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +313
    พักไม่ได้เข้าเว็บไปสองวัน กลับมาตามอ่านย้อนหลังครับ
    เห็นด้วยครับพี่ ดูแล้วประเภทที่ตีเก๊ได้ ฝีมือยังถือได้ว่าห่างชั้น ถ้าเจอพวกเก๊เฉียบมาปลอม ไม่น่าเกินฝีมือไปได้
    เนื้อผงปูนแบบนี้ เลียนแบบง่ายกว่าเนื้อผงแบบพิเศษอื่น ๆ
    ผมเคยเห็น ปี 31 เนื้อแทบจะเหมือนของจริง แต่สิ่งที่แยกออกว่าเก๊ คือพิมพ์
    (ซึ่งดูไม่ยาก แต่ถ้าหากเจอพวกฝีมือ ทำพิมพ์เป๊ะออกมา น่ากลัวจะชุบตัวเป็นแท้เล่นหากันถูกหลักสากลไปเรียบร้อย)

    ปล. เวลาผมต้มข้าวต้มก็นิยมผสมข้าวเหนียวตามลงไปเกือบครึ่งต่อครึ่งเลย ข้าวต้มออกยางเหนียว น้ำข้นนิดหน่อย กินอร่อยทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2013
  19. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...ก็อย่างน้องเหลิมว่า...
    ...น่าจะเลิกได้แล้ว..เหมือนศิลปินหมดน้ำยา..บางขุนพรหมนี่...ยิ่งออกพระ..มาหลังๆ..ยิ่งแย่..ไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้าง..แค่ปี ๑๗..วัดจริงๆนะ..
    เหลือ..เศษของเก่าอยู่นิดเดียว..ก็..ให้คนอื่นเขาไปจนเกือบหมด..
    ...พี่มีสมเด็จหลวงปู่ลำภูมั้งวัดบางขุนพรหม ปี ๒๕๐๘ เศษสมเด็จหัก..นะ..ท่านใส่..เป็นดุ้นๆเลย..ใหญ่กว่าเม็ดถั่วเขียวอีก..พระองค์นึง..มี..สี่ ห้า..ดุ้น...โผล่หน้า..โผล่หลัง..เห็นชัดเจน..ไอ้ที่โผล่..กับ..เกือบโผล่
    นี่..ดันจนผิวพระ..โป่งเลย...องค์นี้..เพื่อนพ่อเอามาให้พ่อ..ตั้งแต่เริ่มเล่นพระใหม่ๆ..ปี ๒๕๑๑ เขาเขียนช่วยชี้ทางไว้เลยด้านหลังว่า..วัดบางขุนพรหม ๒๕๐๘ .......
    ....ไอ้ที่บอกมานี่...เพื่อให้เห็นว่า...วัดบางขุนพรหมนะ..แจกเศษสมเด็จหัก
    ...ให้ทั้ง..พระในวัดตัวเอง..และให้วัดอื่นๆ..ที่มาขอ..อย่างวัดประสาท..เป็นต้น..ไปตั้งเยอะแล้ว..พอหลังจากสร้างบางขุนพรหม ๐๙ เศษพระหักเดิมก็..
    แทบไม่เหลือ..ปี๑๗..นี่ทำพระตั้งเยอะ..เหลือเศษ..ปันส่วนไปในพระแต่ละองค์...แค่ไหน..ดันสร้างปี๓๑อีก..บอกอีก..ผสมเศษเก่าอีก..เอาที่ไหนมาละ...ถ้าสร้างใหม่อีก..ก็คงเล่าหนังม้วนเดิม..ไปเรื่อยๆ....
    ....พี่เลยเปรียบเหมือนกับศิลปิน..ที่ออกอัลบั้มมาเรื่อยๆ..แล้วห่วยลงทุกที
    ..เอาเพลงเก่า..มาทำใหม่อะไรทำนองนี้...เชื่อเถอะ..สมเด็จบางขุนพรหมปี
    ๒๖๐๙ ก็ยังมีเศษพระสมเด็จเก่าผสมอยู่...........
    .........................................................
    ....เออเจอ..พวกรสนิยมเดียวกัน..ชอบกินข้าวต้มผสมข้าวเหนียว..พี่ว่ามัน
    อร่อยจริงๆ..เสียดายเดี๋ยวนี้..ไม่มีใครทำให้กินแล้ว....
     
  20. successs

    successs Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +68
    พอดีเลยครับ กำลังหาอ่านประวัติ สมเด็จเผ่า มานั่งรอคุณลุง เล่าตอนต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...