ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เหยื่อไต้ฝุ่น”วิภา”ถล่มญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 29 ศพ

    [​IMG]

    ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่น “วิภา” ซึ่งทำให้เกิดดินถล่มบนเกาะในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 29 ศพแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังเตือนชาวบ้านให้หาที่หลบภัยก่อน เพราะเกรงว่าจะมีฝนตกหนักลงมาอีก

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า โฆษกสำนักงานจังหวัดบนเกาะโอชิมะ แถลงว่า กำลังทหาร หน่วยดับเพลิงและตำรวจในราว 1,200 คน ได้ทำการค้นหาชาวบ้านผู้สูญหาย 22 คน หลังพายุไต้ฝุ่น “วิภา” พัดถล่มเกาะโอชิมะ 120 กม.ทางใต้ของกรุงโตเกียว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พายุไต้ฝุ่นที่ทรงพลังรุนแรงได้ก่อให้เกิดดินถล่ม ทับบ้านเรือน 30 หลังคาเรือนและอีกราว 300หลัง ได้รับความเสียหายบนเกาะเล็กๆแห่งนี้ เจ้าหน้าที่พบอีก 2 ศพ ในวันที่ 19 ต.ค.นี้ ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตบนเกาะโอชิมะ เพิ่มเป็น 27 ศพ นอกจากนั้นก็ยังมีอีก 2 ศพ ทั้งในและรอบกรุงโตเกียว รวมเป็นทั้งหมด 29 ศพแล้วที่เสียชีวิตเพราะไต้ฝุ่น “วิภา” ถล่มญี่ปุ่น

    เจ้าหน้าที่บนเกาะโอชิมะ ได้แจ้งเตือนประชาชน 1,900 คนที่อาศัยอยู่บนเกาะโอชิมะให้อพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งเป็นโรงยิมเนเซียมของโรงเรียนและศูนย์ชุมชน เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน เนื่องจากเกรงว่าอาจมีฝนตกลงมาอีก และอาจเกิดดินถล่ม

    ด้านนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีกำหนดเดินทางไปเยือนเกาะโอชิมะในวันอาทิตย์ที่ 20 ต.ค.นี้ ส่วนเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น ยังคงติดตามพายุไต้ฝุ่นอีกลูกหนึ่งซึ่งเชื่อว่าอาจจะกำลังมุ่งหน้ามายังญี่ปุ่น เป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นชื่อ ฟรานซิสโก พบอยู่ใกล้กับหมู่เกาะมารินาส หลังถล่มเกาะกวมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556 เวลา 21:02 น.

    กู้ภัยฟิลิปปินส์ยกเลิกค้นหาเหยื่อแผ่นดินไหว

    [​IMG]

    ทีมกู้ภัยยกเลิกการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงบนเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิต 180 ศพ

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า นายเอดูอาร์โด เดล โรซาริโอ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการและลดความเสี่ยงพิบัติภัยแห่งชาติ แถลงว่า ปฏิบัติการช่วยเหลือเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตได้ยุติลงแล้ว และขณะนี้ได้เข้าสู่ปฏิบัติการฟื้นฟู อย่างไรก็ตาม ทางทีมกู้ภัยยังคงค้นหาผู้เคราะห์ร้ายอีก 13 คนที่ยังคงสูญหายจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง บนเกาะโบฮอล แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์

    เกาะโบฮอล มีประชากรอาศัยอยู่ราว 1 ล้านคน ได้รับความเสียหายจากดินถล่ม สะพานพัง ถนนหนทางได้รับความเสียหาย และ อาคารบ้านเรือนพังถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 7.1 ริคเตอร์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกาะโบฮอล ตั้งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาราว 600 กม. เป็นที่รู้จักในด้านการท่องเที่ยว ทั้งชายหาดสวยงาม ที่อยู่อาศัยของทาร์เซียลิงขนาดเล็ก โบสถ์เก่าแก่อายุนับร้อยปี

    ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการและลดความเสี่ยงพิบัติภัยแห่งชาติ กล่าวต่อไปว่า มีผู้เสียชีวิต 167 ศพบนเกาะโบฮอล อีก 12 ศพบนเกาะเซบู และ อีก 1 ศพบนเกาะซิกุยจอร์ มีผู้สูญหาย 13 คน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไร้ที่อยู่อาศัยเกือบ 400,000 คน บ้านเรือนพังถล่มได้รับความเสียหาย 34,000 หลัง

    เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556 เวลา 20:06 น.

    ออสซี่ “เอาไม่อยู่”ไฟป่าลามทำลายบ้านเรือน

    [​IMG]

    ไฟป่าไหม้ลุกลามในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย สร้างความเสียหายใหญ่หลวงมากกว่าร้อยจุด เป็นบริเวณกว่า 560,000 ไร่

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า ไฟป่าไหม้ลามทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์หลายร้อยจุด จากการประเมินของนักดับเพลิงล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์(18 ต.ค.)ไฟเผาผลาญเป็นบริเวณกว่า224,000 เอเคอร์ (560,000 ไร่) และไหม้บ้านเรือนประชาชนบริเวณเทือกเขา “บลูเมาท์เทน” วอดแล้ว193หลัง เสียหายอีก 109หลัง มีผู้เสียชีวิต1ราย คือนายวอลเตอร์ ลินเดอร์ วัย 63 ปี เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายขณะพยายามป้องกันบ้านพักของตนในเขตเลค มุนโมราห์ ทางตอนเหนือเมืองซิดนีย์ไม่ให้ถูกไฟไหม้

    ตำรวจกำลังสืบหาต้นตอของเพลิงอยู่ จนถึงขณะนี้มีผู้ต้องสงสัยเป็นเด็กผู้หญิง 2 ราย วัย 12 ปีและ 13 ปี ที่ทำไฟไหม้ป่าทางตะวันตกของเมืองซิดนีย์ แต่นักดับเพลิงสามารถเข้าดับเพลิงบริเวณดังกล่าวได้ทัน ตำรวจจึงแค่เรียกตัวพวกเธอมาสอบปากคำจากนั้นจึงปล่อยตัวไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบหาต้นตอของไฟไหม้ใหญ่ครั้งนี้ต่อไป

    ทั้งนี้ อุณหภูมิที่เย็นลงและกระแสลมอ่อนกำลังลงเมื่อวันศุกร์ทำให้นักดับเพลิงจำนวน 1,500 ราย สามารถเข้าไปในพื้นที่เพื่อควบคุมเพลิงได้มากขึ้น และขณะนี้เหลือเพลิงอีกเพียง 19 จุดจากจำนวนหลายร้อยจุดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้

    เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556 เวลา 09:29 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภัยจากการลักลอบทิ้งขยะสารเคมี !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=UB-HoF7vyj8]ลักลอบทิ้งขยะสารเคมี ปราจีนบุรี - YouTube[/ame]
    เผยแพร่เมื่อ 6 พ.ค. 2013
    ลักลอบทิ้งขยะสารเคมี ปราจีนบุรี​
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ระทึก! อยุธยาสารเคมีรั่วส่งกลิ่นฟุ้ง

    [​IMG]

    ฝนถล่มอยุธยาทำให้พื้นอาคารโรงงานผลิตวัตถุระเบิดของกรมสรรพาวุธทหารบกสารเคมีรั่วไหล

    วันนี้(13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้พื้นอาคารที่ใช้เก็บถังสารเคมี ภายในกองโรงงานวัตถุระเบิด ศูนย์อุตสาหการสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธ ทหารบก ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ทรุดตัวลง และถังสารเคมีได้แตกรั่วไหลออกมา 1 ถังและฟุ้งกระจายไปในชุมชนโดยรอบในเขต หมู่ 2 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา และ หมู่ 2 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง

    ด้านพ.อ.รณวุธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้ประสานงานข้อมูลและการทำงานกับฝ่ายปกครอง ให้ข้อมูลว่า สารเคมีที่รั่วไหนออกมาเป็นสารเคมีชนิดเหลว ในกลุ่มกรดไนตริก และกรดซัลฟูริกชนิดเข้มข้น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่ากรดกำมะถันซึ่งขณะนี้ได้เร่งแก้ปัญหาเพื่อป้องกันความเดือดร้อนของประชาชน

    ขณะที่นายทหารจากกรมสรรพาวุธ ทหารบก และ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุข จ.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.บ่อโพง อ.นครหลวง เพื่อสำรวจผลกระทบ ของสารเคมีชนิดเหลว ในกลุ่มกรดไนตริก และกรดซัลฟูริกชนิดเข้มข้น ได้รั่วไหลออกมาจากถังโลหะ ขนาด 15 กิโลกรัม ที่อยู่ภายในกองโรงงานวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธทหารบก เขตต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา สาเหตุเพราะฝนตกหนักและพื้นที่เก็บถังสารเคมีทรุดตัวลง ซึ่งล่าสุดสามารถควบคุมการรั่วไหลได้แล้ว

    ทั้งนี้จากผลการสำรวจพบว่า ในครั้งแรกที่ชาวบ้านสูดดม จะมีกลิ่นเหม็นฉุน แสบจมูก และในช่วงการฟุ้งกระจ่ายเมื่อเช้าเป็นหมอกสีเหลือง แต่ได้สลายไปแล้ว เพราะมีฝนตกหนักในพื้นที่ จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ประชาชนทุกคนปลอดภัยดี และเหตุการณ์ทุกอย่างคลีคลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

    นางนงเยาว์ พินิจเสนาะ อยู่บ้านเลขที่ 66/5 หมู่ 2 ต.บ่อโพง ที่ติดกับพื้นที่ทหาร กล่าวว่า ได้ดมกลิ่นสารเคมีดังกล่าวรู้สึกแสบจมูก ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าเป็นสารอะไรที่แน่ชัด เพราะค่ายทหารห้ามเข้า และเป็นเวลานานมากว่าทางหหารจะออกมาชี้แจง ก็อยากให้การทำงานของหน่วยงานภาครัฐทำงานเร็วกว่านี้ ในการชี้แจงเหตุการณ์และแนวทางปฏิบัติกับชุมชน หรือมีการฝึกซ้อมร่วมกับชุมชนในการเผชิญเหตุ

    หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ 13 กันยายน 2556 เวลา 12:41 น.

    ที่มา http://www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/ภาคกลาง/246651/ระทึก-อยุธยาสารเคมีรั่วส่งกลิ่นฟุ้ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2013
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อันตรายจากสารมลพิษทางน้ำ !!!

    [​IMG]

    สารที่ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ ได้แก่สารเคมีที่มีอยู่ในน้ำ แล้วก่อให้เกิดภาวะมลพิษทางน้ำขึ้น

    สารมลพิษทางน้ำ สามารถจำแนกออกได้เป็น 6 ประเภท ดังนี้คือ

    1. สิ่งมีชีวิต (biological agents) ได้แก่สิ่งมีชีวิตที่ ทำให้น้ำเสียหรือเสื่อมคุณภาพ เช่น

    - จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค เช่น แบคทีเรีย โพรโตซัว ไวรัส รา ในน้ำจะพบจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของ โรคอหิวาตกโรค โรคบิด ไทฟอยด์ โรคลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ เป็นต้น

    - สาหร่าย สาหร่ายจะเจริญเติบโตในแหล่งน้ำที่มีสารอาหารมาก สาหร่ายจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการตายและการเน่าของสาหร่าย อันเป็นเหตุให้น้ำเน่าและแหล่งน้ำขาดออกซิเจน

    2. สารเคมีที่มีอยู่อุดมสมบูรณ์ หรือ เกินอุดมสมบูรณ์ (chemical that enrich and over enrich) ได้แก่ สารอินทรีย์ ซึ่งเป็นของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล โรงงานผลิตสุรา - เบียร์ โรงฆ่าสัตว์ โรงงานอาหารกระป๋อง ของเสียจากบ้านเรือน ซึ่งของเสียที่ปล่อยออกมาจะมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ผงซักฟอก ไฮโดรคาร์บอน และขยะปะปนอยู่ ส่วนสารอนินทรีย์ได้แก่น้ำที่มีเกลือไนเทรต และเกลือฟอสเฟต ที่มาจากการเกษตรกรรม สารอินทรีย์จะถูกย่อยสลาย โดยแบคทีเรียและเห็ด ราในน้ำ เกิดเป็นสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของสาหร่ายและพืชน้ำน้ำที่มีไนเทรตและฟอสเฟตอยู่ในปริมาณสูง จะช่วยทำให้สาหร่ายและพืชน้ำเติบโตและเพิ่มจำนวนมากมายอย่างรวดเร็ว เมื่อสาหร่ายและพืชน้ำตายจึงเกิดการเน่าของน้ำ เรียกว่าเกิด ยูโทรพิเคชันขึ้น

    3. พิษของสารเคมี (chemical poison) สารอนินทรีย์และสารอินทรีย์หลายชนิดที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่ใช้น้ำในการอุปโภค - บริโภค หรือบริโภคสัตว์น้ำจากแหล่งน้ำที่มีสารเคมีเป็นพิษเจือปนอยู่ สารอนินทรีย์ที่จัดเป็นสารมลพิษทางน้ำ ได้แก่ โลหะหนัก เช่น โลหะที่มีความถ่วงจำเพาะมากกว่าน้ำ 5 เท่าขึ้นไป มีอัตราการขยายตัวค่อนข้างช้า ทำให้สะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานในรูปของตะกอน สิ่งมีชีวิตในน้ำจะได้รับโลหะหนักจากน้ำ พืชน้ำ สัตว์น้ำ จากการกินตามห่วงโซ่อาหาร ดังนั้นจึงเกิดการสะสมโลหะหนักในเนื้อเยื่อสัตว์ และเนื้อเยื่อพืช โดยสะสมสารมลพิษเพิ่มขึ้นตามลำดับขั้นการบริโภค

    โลหะหนักที่พบในแหล่งน้ำ ได้แก่ สารหนู ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม สังกะสีโครเมียม นิเกิล แมงกานิสเป็นต้นโลหะหนักที่มีบทบาทต่อภาวะมลพิษทางน้ำมากที่สุดคือปรอท ตะกั่ว และแคดเมียม ถ้ามีมากเกินขีดจำกัดแล้วจะทำให้เป็นพิษต่อร่างกาย ดังเช่นพิษของปรอททำให้เกิดโรคมินามาตะในชาวประมงญี่ปุ่นบริเวณอ่าวมินามาตะ พิษของแคดเมียม ทำให้เกิดโรคอิไต-อิไต ในประเทศญี่ปุ่น ในประเทศไทย ประชาชนในอำเภอร่อนพิบูล จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นโรคไข้ดำ เนื่องจากน้ำดื่มมีสารหนูเจือปนอยู่มาก พิษของตะกั่วในชุมชนคลิตี้ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น

    โรคไข้ดำ เป็นโรคผิวหนังอันเกิดมาจากพิษสารหนูที่มีอยู่เกินขนาดตามแหล่งน้ำโรคนี้เกิดที่อำเภอร่อนพิบูล จังหวัดนครศรีธรรมราชแหล่งน้ำธรรมชาติมีสารหนูถูกชะล้างมาจากเหมืองแร่ในอดีต โรคนี้เป็นที่สนใจเมื่อคนในอำเภอนี้เป็นโรคนี้กันมาก อาการที่ปรากฏ คือ ผิวหนังเริ่มแข็งกระด้าง ตามข้อนิ้วมือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และบริเวณลำตัว ผิวหนังใต้ร่มผ้าออกลายเป็นจุดดำ ๆ แล้วค่อยขยายวง เป็นจุดสลับขาวน่าเกลียด

    เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) ได้มีครอบครัวหนึ่งสมาชิกจำนวน 8 คนมีอาการดังกล่าวข้างต้นไปตรวจที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช แพทย์ผู้ตรวจได้นำคนไข้ไปพบนายแพทย์ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง จึงสามารถวิเคราะห์โรคได้ว่าเป็นโรคที่เกิดจากพิษของสารหนูที่มีอยู่ในแหล่งน้ำ จากการสำรวจแหล่งน้ำกินน้ำใช้ของชาวบ้านจำนวน 300 บ่อ ปรากฏว่าปริมาณสารหนูเกินขนาดมาตรฐานที่เป็นอันตรายทุกบ่อ ปริมาณมาตรฐานที่จะใช้น้ำบริโภคได้ คือ 2 มิลลิกรัมต่อลิตร ผลการสำรวจและวิเคราะห์พบสารหนูอยู่ในแหล่งน้ำโดยเฉลี่ยมีมากกว่า 50 มิลลิกรัมต่อลิตร จากการสำรวจพบว่ามีนักเรียนเป็นโรคไข้ดำมากถึงร้อยละ 20 ส่วนครูเป็นมากถึงร้อยละ 70 ทางจังหวัดจึงเตือนให้ดื่มน้ำฝนแทนน้ำจากบ่อ เพื่อลดการได้รับสารหนู เข้าสะสมในรางกาย

    พิษจากอนินทรียสาร ได้แก่พิษของยาฆ่าแมลง เช่น ดีดีที คลอเคน สารประกอบเบนซิน เช่น ฟีนอล ปัจจุบันพบสารชนิดใหม่ที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม คือ โพลีคลอรีเนเตตไบเฟนิล (polychlorinated biphenyl or PCB) หรือ พีซีบี สารชนิดนี้สลายตัวยาก สารชนิดนี้ใช้เป็นตัวระบายความร้อนของเครื่องจักร ใช้ในการทำหม้อแปลงไฟฟ้า ทำความสะอาดเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เมื่อพีซีบีผ่านลงแหล่งน้ำจะผ่านเข้าสู่สิ่งมีชีวิตตามโซ่อาหาร เมื่อมนุษย์กินปลาหรือสัตว์น้ำที่มีพีซีบีสะสมอยู่มาก จะทำให้เกิดความผิดปกติและตายเนื่องจากขบวนการทางสรีรวิทยาขัดข้องจากการสำรวจพีซีบี บริเวณขั้วโลกเหนือพบว่าแมวน้ำ นกเพนกวิน และสาหร่ายมีสารชนิดนี้อยู่ในเนื้อเยื่อค่อนข้างสูง

    4. สารลอยผิวหน้าน้ำ สารแขวนลอยและตะกอน สารลอยผิวหน้าน้ำ คือน้ำมัน คราบน้ำมัน และสารอื่น ๆ ซึ่งบางชนิดติดไฟได้ จึงเกิดอันตรายกับสัตว์น้ำ นอกจากนี้ยังกั้นไม่ให้แสงผ่านลงสู่น้ำและกั้นก๊าซออกซิเจนไม่ให้สามารถแพร่ลงสู่น้ำได้ ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นสารที่ลอยผิวหน้าน้ำ คือ ใบไม้ กิ่งไม้ แผ่นโฟม ถุงพลาสติก กระป๋อง สารแขวนลอยและตะกอนที่มักจะเป็นอนุภาคของดินขนาดต่าง ๆ ซึ่งทำให้น้ำขุ่นจะตกตะกอนจมลงสู่ก้นแหล่งน้ำ เมื่อมีน้ำหนักมากขึ้น

    5. สารกัมมันตภาพรังสี (radioactive substance) เช่น ยูเรเนียม สตรอนเตรียม ซีเซียม ไอโอดีน เป็นต้น สารกัมมันตภาพรังสีดังกล่าวจะผ่านลงสู่แหล่งน้ำได้โดยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

    - จากกระบวนการผลิตแร่ยูเรเนียม
    - จากการชำระล้างเครื่องนุ่งห่มของเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการด้านกัมมันตภาพรังสี
    - จากของเสียซึ่งมาจากห้องปฏิบัติการด้านกัมมันตภาพรังสี
    - ของเสียจากโรงพยาบาล ที่มีการตรวจและรักษาโรคโดยสารกัมมันตภาพรังสี
    - จากกระบวนการผลิตธาตุเชื้อเพลิงจากแร่ยูเรเนียม
    - น้ำจากโรงไฟฟ้าปรมาณู
    - จากฝุ่นกัมมันตภาพรังสีซึ่งเกิดจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์
    สารกัมมันตภาพรังสีจากห้องปฏิบัติการและโรงพยาบาลนั้นอยู่ในระดับต่ำ เมื่อผ่านลงสู่แหล่งน้ำจะมีการทับถมในก้นแหล่งน้ำ จึงก่อให้เกิดปัญหาด้านการขยายทางชีววิทยาต่ำกว่าโรงไฟฟ้าปรมาณู และจากฝุ่นกัมมันตภาพรังสีมาก ( Kupchella and Hyland , 1989 : 397)

    6. ความร้อน (heat) เนื่องจากน้ำเป็นตัวนำความร้อนที่ดี จึงใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อนของเครื่องจักรในโรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปฏิกรณ์ปรมาณู น้ำที่ใช้ระบายความร้อนนี้ เมื่อผ่านออกมาจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องการระบายความร้อนก็จะมีอุณหภูมิสูงมากจึงกลายเป็นน้ำเสีย เมื่อถูกนำลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ จะทำให้น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นอันตรายต่อตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของสัตว์น้ำในบริเวณนั้น อาจทำให้สัตว์น้ำตายหมด บางส่วนต้องอพยพหนีไปหาที่อยู่ใหม่ บริเวณนี้อาจไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย

    สารมลพิษทางน้ำที่กล่าวมาแล้ว 6 ประเภทนั้นอาจจัดเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ สารมลพิษทางเคมี สารมลพิษทางชีววิทยา และสารมลพิษทางกายภาพ

    (ที่มา: พิมล เรียนวัฒนา และชัยวัฒน์ เจนวาณิชย์. 2525 : 68)
    Untitled Document
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.6 KB
      เปิดดู:
      2,009
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2013
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    น้ำกลั่น..น้ำบริสุทธิ์ที่คู่ควร

    [​IMG]

    ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยน้ำมากถึง 70 % เนื่องจากน้ำเป็นองค์ประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ และในการทำงานของเซลล์ต่างๆจำเป็นต้องใช้น้ำ ถ้าเราบริโภคอาหารประเภทพืชผัก ผลไม้สด เราจะได้รับน้ำจำนวนมากเนื่องจากในอาหารเหล่านี้ประกอบด้วยน้ำประมาณ 80 % แต่ในความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้บริโภคเฉพาะพืชผักเท่านั้น ดังนั้นมนุษย์เราจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่มากพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากในชีวิตประจำวันของเรา เราสูญเสียผ่านทางผิวหนัง การขับถ่าย การหายใจและนอกจากนี้เมื่อเราออกกำลังกาย หรือในภาวะอากาศร้อน ร่างกายก็จะสูญเสียน้ำมากขึ้น

    ภาวะที่ร่างกายขาดน้ำ คุณจะสังเกตได้ง่ายว่าปากจะแห้ง นอกจากนี้ยังทำให้หน้ามืด เวียนศีรษะ ปวดหัว กล้ามเนื้อหดเกร็ง ตะคริว ซึมเศร้า หงุดหงิด เบื่ออาหาร ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงว่าขณะนี้เซลล์กำลังขาดน้ำ

    สำหรับผู้ใหญ่ควรบริโภคน้ำวันละประมาณ 2-3 ลิตรหรือ 8 แก้วต่อวัน ทั้งนี้ปริมาณดังกล่าวยังแปรผันตามปัจจัยหลายๆอย่างได้แก่ น้ำหนักตัว ขนาดร่างกาย อุณหภูมิภายนอก ความชื้น การออกกกำลังกาย และกิจกรรมที่ทำ นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้วเครื่องดื่มบางประเภท อาทิเช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลมที่ผสมคาเฟอีน เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ยังทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น ซึ่งทำให้ความต้องการน้ำมากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้การดื่มน้ำในมื้ออาหารไม่ควรดื่มในปริมาณมากเนื่องจากจะทำให้น้ำย่อยที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารเจือจางลงและทำให้อาหารเคลื่อนตัวเร็ว ร่างกายจึงไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ได้เต็มที่ ดังนั้นเราจึงควรดื่มน้ำก่อนและหลังอาหารประมาณ 15-20 นาที

    น้ำดื่มที่ดีที่สุดสำหรับเราคือน้ำบริสุทธิ์ซึ่งปราศจากสิ่งปนเปื้อนทุกชนิด ในขณะที่น้ำประปานั้นจะพบคลอรีน เรดอน สารหนูและสารเคมีบางอย่าง ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย สำหรับน้ำกรอง น้ำแร่ น้ำใต้ดินนั้นก็มีสารเคมีบางอย่างที่ร่างกายไม่ต้องการเช่นกัน และสำหรับแร่ธาตุในน้ำแร่นั้นเป็นแร่ธาตุอนินทรีย์ซึ่งร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งการดื่มน้ำแร่นั้นเท่ากับเป็นการเพิ่มภาระให้แก่ร่างกายเนื่องจากร่างกายต้องสูญเสียพลังงานส่วนหนึ่งเพื่อใช้กำจัดแร่ธาตุเหล่านี้ออกจากร่างกาย ดังนั้นน้ำบริสุทธิ์ที่ดีที่สุดคือ น้ำฝนหรือน้ำกลั่นซึ่งปราศจากสารปนเปื้อนและสารเคมีอื่นใด นอกจากนี้น้ำกลั่นยังช่วยนำพาแร่ธาตุอนินทรีย์ออกจากร่างกายอีกด้วย

    น้ำกลั่นตามธรรมชาติคือ น้ำฝน ซึ่งมาจากแหล่งน้ำบนโลกซึ่งระเหยกลายเป็นไอและจับตัวเป็นก้อนเมฆซึ่งจะเกิดการควบแน่นจากไอกลายเป็นหยดน้ำอีกครั้งในรูปของน้ำฝนหรือหิมะ แต่น้ำฝนในกรุงเทพนั้นเป็นน้ำที่มีการปนเปื้อนจากมลภาวะในอากาศจึงไม่เหมาะแก่การดื่ม

    น้ำกลั่นเป็นน้ำที่ไม่มีรสชาติและมีความหนืดต่ำจึงสามารถที่จะซึมผ่านเซลล์และช่องว่างต่างๆได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถชะล้างสารพิษและนำพาสารพิษเหล่านั้นออกจากเซลล์ ผ่านไปตามระบบน้ำเหลืองเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย ดังนั้นการดื่มน้ำกลั่นจึงเป็นการช่วยเพื่อความชุ่มชื้นให้แก่เซลล์และยังช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้อีกทางหนึ่ง

    นอกจากน้ำกลั่นแล้ว ผักผลไม้สดก็เป็นอีกแหล่งหนึ่งของน้ำบริสุทธิ์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เราจึงจัดว่าน้ำผัก-ผลไม้เป็นอาหารชั้นเยี่ยมอย่างหนึ่งที่ควรจะดื่มเป็นประจำ

    น้ำกลั่นเป็นน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุ จึงไม่เหมาะแก่การบริโภคจริงหรือ

    ถึงแม้ว่าน้ำกลั่นจะเป็นน้ำบริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย สารปนเปื้อน โลหะหนัก สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ทุกชนิด และนั่นก็หมายถึงในน้ำกลั่นไม่มีแร่ธาตุใดๆทั้งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ทั้งนี้เราก็ยังได้รับแร่ธาตุที่จำเป็นจากอาหารที่เรารับประทาน อันได้แก่ ผัก ผลไม้สด ธัญญาหาร ถั่ว ดังนั้นการดื่มน้ำกลั่นเป็นประจำร่วมกับการรับประทานอาหารสดจากธรรมชาติ จึงไม่ทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุแต่อย่างใด นอกจากนี้แร่ธาตุที่อยู่ในน้ำแร่ยังเป็นแร่อนินทรีย์ที่ร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

    การดื่มน้ำกลั่นจะชะล้างแร่ธาตุออกจากเซลล์จริงหรือ

    หลายคนอาจสงสัยว่าการดื่มน้ำกลั่นซึ่งเป็นน้ำบริสุทธิ์ไม่มีแร่ธาตุใดๆจะทำให้แร่ธาตุที่อยู่ในเซลล์เคลื่อนออกจากเซลล์หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ เนื่องจากน้ำกลั่นหรือน้ำบริสุทธิ์จะค่อนข้างเฉื่อยและไม่สามารถทำปฏิกิริยากับร่างกาย ดังนั้นจึงไม่ทำให้แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายซึ่งอยู่ภายในเซลล์เคลื่อนออกจากเซลล์ นอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติของน้ำกลั่นที่มีความหนืดต่ำยังช่วยนำพาของเสียรวมทั้งแร่ธาตุอนินทรีย์ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายออกจากเซลล์เพื่อขับออกทางเหงื่อ การหายใจ และปัสสาวะ

    ที่มา www.goodhealth.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2013
  6. rotaris357

    rotaris357 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2013
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +59
    ผมยอมรับในความเชื่อส่วนบุคคลของคุณเกษมครับ ตัวผมเองก็มีความเชื่อในบางเรื่องที่เป็นส่วนตัวของผมเหมือนกัน แต่สิ่งที่คุณเกษมนำมาลง มันมีความผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ โดยมีการดัดแปลงคำพูดของต้นฉบับมาเป็นคำพูดที่เกิดความเชื่อของคุณเกษมเองครับ ซึ่งคุณไอลดา คุมกาง แกไม่ได้บอกว่าจะเกิดขึ้นในปีต่อๆไปครับ แต่แกบอกว่าปีหน้า ซึ่งหมายถึงปี 2555 ที่ผ่านมาแล้วครับ ถ้ายังไงรบกวนแก้ไขหน่อยละกันนะครับ หลายๆคนไม่ได้อ่านเนื้อความทั้งหมดนะครับ หลายๆคนอ่านแต่หัวข้อ ซึ่งจะทำให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่ครับ
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ชาวบ้าน อ.ประจันตคาม เริ่มขาดแคลนน้ำดื่ม

    [​IMG]

    ปราจีนบุรี 15 ต.ค.-วิกฤติน้ำท่วมที่ปราจีนบุรีสร้างความลำบากให้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะที่ อ.ประจันตคาม ขณะที่พายุนารีจะส่งผลให้เกิดฝนตกบางพื้นที่ทางภาคอีสาน แต่ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่น้ำท่วมทางภาคตะวันออก

    มวลน้ำจาก อ.กบินทร์บุรีและศรีมหาโพธิ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำปราจีนบุรี เข้าท่วมเขต อ.เมืองปราจีนบุรี บ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 80 เซนติเมตร ถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรได้ ขณะที่ชาวบ้านบ้านเกาะแดง ต.บ้านหอย อ.ประจันตคาม อยู่อย่างยากลำบากมานานกว่า 3 สัปดาห์ ถนนถูกตัดขาด และเริ่มขาดแคลนน้ำดื่ม โดยบ่ายวันนี้นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจน้ำท่วมที่ อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี และ อ.บางคล้า โดยจะพบปะกับผู้ประสบอุทกภัย พร้อมแจกถุงยังชีพ และบินตรวจพื้นที่อุทกภัยด้วย

    ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ประชุมเตรียมรับมือมวลน้ำมหาศาลที่กำลังไหลหลากลงลำน้ำชีในอีก 3-4 วัน และอิทธิพลจากพายุนารีที่คาดว่าจะเกิดฝนตกหนัก เสี่ยงต่อสถานการณ์น้ำท่วม 3 อำเภอคือ กมลาไสย ร่องคำ และฆ้องชัย โดยสั่งการให้ชลประทานจัดหาเครื่องสูบน้ำและเปิดประตูระบายน้ำ

    ทั้งนี้ นายประวิทย์ แจ่มปัญญา ผู้อำนวยการสำนักพยากรณ์ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า พายุนารีได้ขึ้นฝั่งเมืองดานังแล้วในเช้าวันนี้ และอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน คาดว่าบ่ายนี้จะเริ่มส่งผลกระทบบริเวณตะวันออกของภาคอีสาน ทำให้มีฝนตกกระจายและลมแรงใน จ.นครพนม อุบลราชธานี ยโสธร สกลนคร และอำนาจเจริญ รวมทั้งจะมีฝนตกที่ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งทิศทางของพายุจะไม่ซ้ำเติมพื้นที่น้ำท่วมทางภาคตะวันออกที่กำลังกังวลกันอยู่.-สำนักข่าวไทย

    สำนักข่าวไทย TNA News | 15 ต.ค. 2556 13:27 |

    ที่มา ชาวบ้าน อ.ประจันตคาม เริ่มขาดแคลนน้ำดื่ม | MCOT.net | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผมไม่อาจทำตามคำขอของคุณ rotaris357 ได้ครับ เพราะผมเชื่อว่าตัวเองได้ทำหน้าที่แจ้งข่าวเตือนภัยที่ผมเห็นว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เท่านั้น โปรดตีความหมายของคำว่า"อาจจะ"ให้ดีว่าหมายถึงอะไร และถ้าเห็นว่าผมทำผิดกฏระเบียบของเว็บพลังจิตไปด้วยประการใด ก็ขอเชิญแจ้งให้ผู้ดูแลเว็บพลังจิต ลบข้อความของผมได้เลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2013
  9. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
    อันนี้อันตรายครับ เพราะถ้าน้ำไปท่วมในที่ที่มีสารเคมี แล้วไหลมากับน้ำหลากที่ท่วมไปเรื่อยๆ
    มันอาจจะกระจายตัวไปได้ทั่วๆเลยนะครับ "สารเคมีนะ"ไม่ใช่น้ำเน่าเสียธรรมดา มันอันตรายกว่ากันเยอะครับ
    มันอาจจะเป็นพิษกว่า เข้มข้นกว่าถึงจะปริมาณน้อยก็เกิดผลมากๆกว่าปริมาณของตัวมันได้เยอะ แล้วถ้าปริมาณมันมากล่ะอะไรจะเกิดขึ้น?
    สารพิษพวกนี้อาจจะตกค้างได้นานกว่า กำจัดยาก ฯลฯ โดยที่เราไม่อาจตรวจพบได้ด้วยวิธีการปกติ เราก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ครับ ...

    ทีนี้ถ้าน้ำหลากน้ำท่วมที่มีสารพิษสารเคมีเหล่านี้ปนไปด้วย แล้วเกิดน้ำนั้นๆไปปนค้างอยู่ที่ห้วยหนองคลองบึง บ่อเก็บน้ำกินน้ำใช้ตามบ้านเรือน ฯลฯ
    จะเป็นยังไง"อันตรายจริงๆครับ" ผมว่าคงมีไม่น้อยทีเดียวครับ ที่อาจแอบเอาสารเคมีไปทิ้งกัน ...

    ยังจำได้ว่าเมื่อหลายๆปีก่อน(10กว่าปีได้แล้ว) มีเด็กๆแถวบ้าน อายุไม่มากนักเป็นวัยรุ่น(อายุน้อยกว่าผมสี่ถึงห้าปีได้ครับ)
    เขาพูดชวนกันไปทำงานพวกทิ้งสารเคมีนี่ล่ะ"เขาไม่รู้เลย"(คงไม่น่าจะทิ้งแบบกำจัดตามหลักการ) เท่าที่เขารู้ก็คือเขารู้แค่มันรวยเร็ว
    คนที่มาชวนทำที่ทำก่อนแล้วมีบ้านหลายหลังเลย อันนี้เด็กๆน่ะจะพิจารณาได้เปล่าไม่ทราบนะครับ เขาก็อยากรวยบ้าง
    (แต่สุดท้ายน้องคนนี้ในช่วงนั้น ก็ไม่ได้ไปทำหรอกครับเพราะวิบากอื่นๆเข้ามาแทน) ...

    พิจารณากันครับ มิติข้อมูลเรื่องนี้ เราๆท่านๆอาจจะไม่ได้เคยมองจริงๆจังๆมาก่อนครับ
    "เอาใว้เพื่อความไม่ประมาท" สารพิษสารเคมีแบบนี้ ในสภาวะการอุทกภัยแบบนี้ด้วยแล้วอันตรายจริงๆ ...


    ... ^^ ...
     
  10. rotaris357

    rotaris357 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2013
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +59
    เอาเป็นว่า คุณเกษมกับผมคุณกันคนละเรื่องแล้วครับ เพราะสิ่งที่ผมได้กล่าวอ้างนั้น ผมอ้างมาจากคำพูดที่คุณเกษมเขียนบนบอร์ดสาธารณะแห่งนี้ ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีครับที่ได้เอาข้อมูลจากที่ต่างๆมาลงไว้ แต่สิ่งที่ผมท้วงติง มีแค่ประเด็นเดียวก็คือว่า คุณเกษมไม่ควรที่จะเอาคำพูดที่มาจากเนื้อข่าวมาบิดเป็นคำพูดของตัวเอง อันอาจจะทำให้คนอ่านเข้าใจผิด ดังเช่น ที่คุณเกษมเขียนว่า คุณไอลดา คุมกาง หมายถึงว่าถ้าไม่เกิดขึ้นในปี 2554 ก็อาจจะเกิดขึ้นในปีต่อๆไปได้ครับ.. ซึ่งในเนื้อข่าวจริงๆ ไม่ได้พูดอย่างนี้เลยครับ และคำว่า "อาจจะ" ที่คุณเกษมกล่าวอ้างว่าเป็นคำพูดของคุณเกษมเองนั้น ผมคิดว่าคุณเกษมลองกลับไปอ่านใหม่อีกทีกับประโยคสีน้ำเงินที่ผมยกมาในนี้ ซึ่งใครอ่านก็เข้าใจว่าเป็นคำพูดของคุณ ไอลดา คุมกาง ทั้งนั้นแหละครับ (ซึ่งตามเนื้อข่าวจริงไม่ได้พูดอย่างนี้) ขอให้คุณเกษมเข้าใจประเด็นที่ผมต้องการสื่อด้วยนะครับ ไม่ต้องมาท้าให้ผมแจ้งผู้ดุแลอะไรหรอกครับ ผมไม่ได้มาท้าตีท้าต่อย แค่อยากให้บอร์ดเป็นบอร์ดที่ช่วยกันเตือนภัยบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่นำมาเผยแพร่ หรืออาจจะเตือนภัยกันบนพื้นฐานและความเชื่อของแต่ละบุคคลก็ได้ แต่แยกกันให้ขาดครับ อย่านำมาปนกันจนอาจจะทำให้คนเสพข่าวเข้าใจผิดครับ
     
  11. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,862
    ค่าพลัง:
    +1,223
    จากข้างล่างนี้เผื่อได้ข้อมูลอะไรเล็กๆทางวิทย์ศาสตร์ คิดต่อหรือไปใช้ในปี2557เช่นพายุสุริยะ2557ปีสุดท้าย
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=YXaVJX_0nDQ]@World เจาะภัยพิบัติรอบโลก (19/12/2012) by (CG_IN_AM) - YouTube[/ame]
     
  12. เจดีย์ทอง

    เจดีย์ทอง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +19
    ไม่ได้เข้ามานานแล้ว เกษม เอ้ย ความพยายาม ของคุณไม่สูญเปล่าแน่ นับถือๆๆๆ
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปลาพญานาคโผล่อีกตัวที่หาดแคลิฟอร์เนีย

    [​IMG]

    นับเป็นครั้งที่สองแล้วในช่วงไม่ถึง 1 สัปดาห์ที่ปรากฏสัตว์ประหลาดจากท้องทะเลอย่างปลาพญานาค หรือปลาออร์ ที่ชายหาดด้านทิศใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองโอเชียนไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ว่า หนังสือพิมพ์ยู-ที ซัน ดิอาโก รายงานว่า นับเป็นครั้งที่สองแล้วในรอบไม่ถึง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการพบสัตว์ประหลาดจากท้องทะเลอย่างปลาพญานาค หรือ ปลาออร์ ที่พัดขึ้นมาบนชายหาดของเมืองโอเชียนไซด์ ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา วัดความยาวได้เกือบ 14 ฟุต หรือ 4.3 เมตร มีผู้คนมามุงดูซากปลา 75 คน

    ทางตำรวจเมืองโอเชียนไซด์ จึงได้ติดต่อไปยังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซีเวิลด์ ซัน ดิอาโก สถาบันวิจัยสคริปป์ส และ สถาบันมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่จากสถาบันมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติมาเก็บซากปลาออร์ โดยถูกตัดออกเป็นชิ้น เพื่อนำไปศึกษาวิจัยต่อไป

    ถือเป็นเรื่องไม่ปกตินักที่จะพบปลาที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำลึก ลอยขึ้นมาเกยฝั่ง เพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็มีนักดำน้ำไปพบซากปลาออร์ความยาว 18 ฟุต หรือ 5.5 เมตร จึงลากกลับมายังชายฝั่ง โดยตั้งใช้คนกว่า 10 คนช่วยกันลากซากปลาตัวดังกล่าวขึ้นมาได้

    ตามรายงานของสถาบันทางทะเลเกาะคาตาลินา ระบุว่า ปลาออร์อาจมีความยาวได้ถึง 15 เมตร ถือเป็นปลากระดูกแข็งที่ยาวที่สุดในโลก

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556 เวลา 04:42 น.

    แผ่นดินไหว 6.4 ริคเตอร์ นอกฝั่งตะวันตกของเม็กซิโก

    [​IMG]

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงนอกชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศเม็กซิโก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.4 ริคเตอร์ แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองคาโบ ซัน ลูกัส ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ว่า สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งก็ตรงกับเวลาประมาณ 00.55 น.ของวันอาทิตย์ที่ 20 ต.ค.ตามเวลาในประเทศไทย ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงนอกชายฝั่งตะวันตกของประเทศเม็กซิโก วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.4 ริคเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึก 10 กม.ในอ่าวแคลิฟอร์เนีย และห่างออกมา 74 กม.ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเอทโชโรโป เม็กซิโก
    นอกจากนั้น เมืองโลเรโตของเม็กซิโก เมืองชายฝั่งซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับชาวอเมริกันและแคนาดา ก็ยังรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน เพราะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว 89 กม.เท่านั้น

    หัวหน้าสำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของเมืองโลเรโต กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารบ้านเรือน โรงแรมที่พัก และอื่นๆ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ

    สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานเบื้องต้นว่า วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.8 ริคเตอร์ แต่ต่อมาได้ลดระดับลงมาเหลือ 6.4 ริคเตอร์ ขณะที่สำนักงานตรวจวัดแผ่นดินไหวแห่งชาติของเม็กซิโก วัดได้ 6.3 ริคเตอร์

    แต่ก่อนที่จะประกาศลดระดับนั้น ทางศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิก ได้แจ้งเตือนว่า ไม่มีภัยรุนแรงจากคลื่นยักษ์สึนามิ แต่ก็ขอให้เฝ้าระวังไว้ก่อนว่า ระดับแรงสั่นสะเทือนอาจทำให้เกิดคลื่นสูงพัดเข้าสู่ชายฝั่งในรัศมี 100 กม.จากศูนย์กลางแผ่นดินไหว

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556 เวลา 04:14 น.

    หลายชาติยังเชื่อว่ามีจานผี

    [​IMG]

    กองทัพอากาศเปรูรื้อฟื้นหน่วยงานสอบสวนยูเอฟโอ หลังมีคนพบเห็นวัตถุบินนอกโลกบ่อยขึ้น

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ว่า กองทัพอากาศเปรูได้รื้อฟื้นหน่วยงานสอบสวนวัตถุบินลึกลับ(จานบินผีหรือยูเอฟโอ) น.อ.ฮูลิโอ วูเซทิช เปิดเผยว่า หน่วยสอบสวนดังกล่าวที่มีชื่อว่า ดีไอเอฟเอเอ จะประกอบด้วยนักสังคมวิทยา,นักโบราณคดีและนักดาราศาสตร์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศเปรู จะช่วยกันวิเคราะห์ปรากฎการณ์เกี่ยวกับจานบินผีที่มีผู้พบเห็น ทั้งนี้ หน่วยงานสอบสวนจานบินผีก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2544 แต่ปิดไปเมื่อ5 ปีก่อน เนื่องจากมีปัญหาด้านการบริหาร นอกจากเปรูที่มีหน่วยงานดังกล่าวแล้ว บราซิล อาร์เจนติน่า และชิลี ก็มีหน่วยงานตรวจสอบยูเอฟโอเช่นกัน น.อ.วูเซทิชบอกว่า หน่วยสอบสวนยูเอฟโอเปิดทำการอีกครั้ง เพราะมีการพบเห็นจานบินผีในเปรูมากขึ้น และประชาชนรายงานให้สื่อได้ทราบ ล่าสุดมีข่าวว่า ประชาชนหลายคนในเมืองมาราบัมบา แถบเทือกเขาแอนดีสเห็นวัตถุบินแปลกประหลาดในท้องฟ้าอย่างชัดเจนเมื่อหลายวันก่อน

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556 เวลา 17:02 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คนปราจีนฯ ทุกข์ไม่มีน้ำประปาใช้

    [​IMG]

    ถูกน้ำท่วมหนัก แถมท่อประปาในหมู่บ้านแตก วอนชลประทานติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้ชาวบ้านที่เดือดร้อน

    วันนี้ (20ต.ค.) สถานการณ์น้ำในจ.ปราจีนบุรี ยังวิกฤติในหลายอำเภอ โดยเฉพาะหมู่บ้านซอยสาธารณสุข ต.รอบเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี ถูกน้ำท่วมหนักกว่า 1 เมตร นานกว่าครึ่งเดือนแล้ว ปัจจุบันปริมาณน้ำลดลงไปกว่า 70 ซม. และยังท่วมผิวถนนประมาณ 20- 30 ซม. บ้านบางหลังที่น้ำลดลงก็เริ่มทำความสะอาดบริเวณบ้าน และยังคงมีบ้านกว่า 100 หลัง ยังถูกน้ำท่วมอยู่ ประกอบกับน้ำท่วมเป็นเวลานานเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น ทำให้ประชาชนที่เดินทางเข้าออกในหมู่บ้านเริ่มเป็นโรคผิวหนัง

    สำหรับหมู่บ้านดังกล่าวในหลายปีที่ผ่านมา มีหน่วยงานองค์กรปกครองท้องถิ่นเคยดูแลในการวางแนวป้องกันน้ำ รอบส่วนราชการและหมู่บ้านต่าง ๆ รวมทั้งมีการติดเครื่องสูบน้ำออกจากพื้นที่ ทำให้ส่วนราชการต่างๆ และหมู่บ้านในซอยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี แต่ปีนี้ถูกชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบวิพากษ์วิจารณ์ที่ปล่อยให้น้ำท่วมเสียหาย และยังไม่มีการบริหารจัดการในการสูบน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนแต่อย่างใด

    ส่วนหมู่บ้านเคหะชุมชนปราจีนบุรี ต.บางเดชะ อ.เมืองปราจีนบุรี ซึ่งมีหลายร้อยหลังคาเรือน ถูกน้ำท่วมขังนานนับเดือน ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านต้องอพยพหนีไปอยู่บ้านญาติ ส่วนที่ไม่สามารถไปอาศัยอยู่ที่อื่นได้ ต้องจำใจเดินทางเข้า-ออก และอาศัยอยู่ภายในบ้านที่ถูกน้ำท่วม และขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในโครงการดังกล่าวกำลังทุกข์หนัก เพราะไม่มีประปาใช้ เนื่องจากท่อประปาที่เดินไปยังโครงการแตก ชาวบ้านต้องรวมตัวกันเอากระสอบทรายไปอุดท่อระบายน้ำในโครงการ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้พื้นที่วางท่อประปาแห้งก่อน แล้วจึงดำเนินการซ่อมแซมท่อประปาให้สามารถจ่ายน้ำประปาเข้าไปในโครงการ คาดว่าจะใช้เวลานับสัปดาห์ จึงจะมีน้ำประปาใช้ได้ตามปกติ

    โดยหมู่บ้านทั้งสองแห่งต้องการให้ชลประทานไปทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากชาวบ้านเห็นว่าชลประทานมีเครื่องสูบน้ำจำนวนมาก วางอยู่หน้าสำนักงานแขวงการทางปราจีนบุรี โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์แต่อย่างใด

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556 เวลา 17:34 น.

    ท่วมหนัก"ปรางค์พะโค"ที่โคราช

    [​IMG]

    ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร หลังจากลำพระเพลิงยังทะลักไม่หยุด

    วันนี้ (20ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำจากลำน้ำลำพระเพลิง รวมถึงน้ำที่ไหลหลากจากพื้นที่อ.ปักธงชัย และอ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ยังคงทะลักเข้าท่วมตัวปราสาทปรางค์พะโค โบราณสถานอายุเก่าแก่กว่า 900 ปี ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 224 สายโชคชัย – ครบุรี หมู่ที่ 11 ต.กระโทก อ.โชคชัย และเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กว่า 1 เมตร

    นอกจากนี้ปริมาณน้ำที่เอ่อล้นออกจากลำน้ำลำพระเพลิง ยังไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ ต.กระโทก จมน้ำหลายพันไร่ ส่วนหนึ่งได้เอ่อข้ามทางหลวงหมายเลข 224 เป็นช่วงๆ โดยระดับน้ำสูงประมาณ 20 – 40 ซม. เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลกระโทก ต้องนำป้ายแจ้งเตือนและกรวยยางมาวางไว้บนถนนที่ถูกน้ำท่วม เพื่อเตือนให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากกระแสน้ำบางช่วงไหลเชี่ยว

    ส่วนสถานการณ์น้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมทางหลวงหมายเลข 224 สายราชสีมา-โชคชัย ช่วงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 30 – 31 ต.โชคชัย อ.โชคชัย ตั้งแต่คืนวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ถนนฝั่งขาเข้าตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 70 – 80 ซม. รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ เจ้าหน้าที่จากสำนักบำรุงทางนครราชสีมา ที่ 3 ต้องเปิดช่องทางพิเศษให้รถใช้ถนนฝั่งขาออกจากตัวเมืองแทน 1 ช่องทาง เป็นระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อให้รถได้สัญจรผ่าน

    อย่างไรก็ตามหลังจากไม่มีฝนตกซ้ำลงมาอีก ระดับน้ำที่ท่วมขังเริ่มลดลงเรื่อยๆ คาดว่าภายใน 1–2 วันนี้ สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556 เวลา 14:04 น.

    ฝนกระหน่ำน้ำป่าทะลักซัดคอสะพานขาด อำเภอเร่งประสานหน่วยงานเข้าซ่อมแซม

    [​IMG]

    ฝนกระหน่ำ น้ำป่าซัดคอสะพานเข้าหมู่บ้านขุนแม่ต๊อบ ขาดเร่งประสานหน่วยงานเข้าซ่อมแซม

    เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะบนยอดดอย นานกว่า 1 ชม. ส่งผลทำให้เกิดน้ำป่าทะลักในลำห้วยขุนแม่ต๊อบ หมู่ 10 ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน กระหน่ำคอสะพานขาด รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ล่าสุด นายเล็ก ศรีเรือง นายอำเภอแม่สะเรียง ได้สั่งการให้ นายไพบูลย์ ใจตูม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบ สะพานก่อนเข้าหมู่บ้านขุนแม่ต๊อบ บริเวณคอสะพานถูกน้ำป่าซัดขาดกว้าง กว่า 5 เมตร ยาว 10 เมตร ราษฏรบ้านขุนแม่ต๊อบ 28 ครัวเรือน กว่า 150 คน ไม่สามารถใช้รถในการสัญจรผ่านไปมาได้ต้องอาศัยการข้ามลำห้วยแทน โดยทางอำเภอแม่สะเรียง ได้เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าดำเนินการซ่อมแซมคอสะพานอย่างเร่งด่วน.

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2556 เวลา 11:37 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  15. bluejet

    bluejet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +2,181
    เท่าที่ผมเคยอ่านมาจากบทความวิชาการทางวิทยาศาสตร์เชื่อถือได้ ที่ไม่ใช่จากแหล่งบริษัทเอกชน น้ำกลั่นนั้นมี pH เป็นกรดเล็กน้อย น้ำกลั่นดื่มมากๆ จะไปดึงเอาแร่ธาตุออกไปจากกระดูกและร่างกายเรานะครับ แต่ว่า ถ้ากินผักผลไม้อยู่ประจำทุกวันก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่กินผักผลไม้ดื่มแต่น้ำกลั่นก็อันตรายครับ

     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "การกลั่นน้ำ"เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะขจัดความเค็มของน้ำทะเลได้ !!!

    [​IMG]

    "สึนามิ"คร่าแหล่งน้ำจืดยับ ทุกข์ซ้ำคนแดนอันดามัน

    ภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ ซึ่งถาโถมเข้าทำลายพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันอย่างย่อยยับ เมื่อช่วงก่อนเที่ยงวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ทำความเสียหายครั้งมโหฬารกับชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น

    แต่กลับทิ้งร่องรอยอีกด้านหนึ่งไว้อย่างมิอาจมองข้ามได้ หลังจากแหล่งขุมน้ำจืดในพื้นที่ดังกล่าวคือ ภูเก็ต ระนอง พังงา และกระบี่ ได้ถูกทำลายอย่างย่อยยับ จนทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องระทมทุกข์อีกระลอก เนื่องจากไม่สามารถนำน้ำจากแหล่งสำคัญดังกล่าวมาใช้อุปโภคบริโภคเฉกเช่นในอดีต

    กลายเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ของคนในพื้นที่นี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ !!

    ทีมข่าวภูมิภาค เข้าสำรวจความเสียหายในหลายๆพื้นที่ พบร่องรอยของความพิบัติดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง เริ่มจากเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดแห่งหนึ่ง

    เฉพาะแหล่งน้ำจืดที่เป็นบ่อบาดาลบนเกาะพีพี พบว่า มีอยู่ทั้งสิ้น 126 บ่อ แต่หลังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ปรากฎว่า ถูกน้ำทะเล ซากสิ่งสกปรกต่างๆ ทั้งขยะ เศษวัสดุก่อสร้าง ซากปรักหักพัง รวมทั้งซากศพลงไปในบ่อเสียหายเกือบทั้งหมด

    ในทางกลับกันสำนักงานชลประทานฯ ก็ได้เร่งมือช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ โดยใช้วิธีลงไปทำความสะอาด และดูดซับเอาน้ำทะเลขึ้นมาจากบ่อจนหมด ล่าสุดมีบ่อน้ำตื้นที่ใช้ได้แล้วเพียง 51 บ่อ พร้อมกับสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ เร่งสำรวจบ่อน้ำดังกล่าว และนำน้ำมาตรวจสอบความสะอาด จนนำน้ำมาใช้ได้ในระดับหนึ่ง

    เมื่อตรวจสอบกับน.พ. วีรพล นิธิพงศ์ สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ก็ยืนยันว่า ได้สั่งการไปยังสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเขาพนม และอำเภอลำทับ ให้ส่งเจ้าหน้าที่หมุนเวียนลงไปดูแลให้ความช่วยเหลือชาวเกาะพีพีแล้ว โดยเฉพาะน้ำดื่มน้ำใช้ จึงขอให้มั่นใจได้

    ผู้เดือดร้อนอย่าง สมชาย การเรียบ ผู้ประกอบการช่องเขาบังกะโล หมู่ 7 บ้านเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ก็ยอมรับในระนาบเดียวกันว่า ช่วงนี้เดือดร้อนหลายเรื่อง ล่าสุดมาประสบปัญหาน้ำซ้ำเติมจากแหล่งน้ำมีเคยมีกว่า 100 บ่อถูกคลื่นยักษ์ทำลายหมดสิ้น รวมทั้งรถแบ็คโฮที่ส่งลงไปค้นหาศพ ก็ได้ขุดทำลายจนบ่อน้ำพังไปหลายบ่อ

    “ตอนนี้มีบ่อน้ำตื้นที่ใช้ได้เพียง 4-5 บ่อ ก็ได้มีผู้ประกอบการด้านประปาต่อท่อให้ชาวบ้าน พอประทังไปได้บ้าง ด้วยการใช้เป็นน้ำอาบ และใช้ด้านอื่นๆ หากจะนำไปดื่มและล้างจาน ก็คงไม่มีใครกล้าทำ เพราะไม่มีความมั่นใจ "

    จากการพูดคุยกับ กอเหล็ม คงเดิม อายุ 66 ปี เกษตกรหมู่ที่ 2 บ้านหลังดา ตำบลตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ บอกด้วยสีหน้าอมทุกข์ว่า ขณะนี้กำลังประสบปัญหาแห้งแล้งอย่างหนัก เพราะปกติหมู่บ้านนี้แห้งแล้งหนักกว่าหมู่บ้านอื่นมาไม่น้อยกว่า 50ปีแล้ว ทำให้ชาวบ้าน กว่า300 ครัวเรือน ต้องซื้อน้ำจากตำบลใกล้เคียงมาใช้ เพราะในปีนี้แล้งเร้วกว่าปกติ เริ่มตั้งแต่ปลายพฤศจิกายน2547 จนมาถึงปัจจุบัน

    การเผชิญทุกข์อีกรูปแบบดังกล่าว แทบไม่ต่างจากคนในพื้นที่ อ.เขาหลัก จ.พังงา แหล่งที่ถูกคลื่นยักษ์ทำลายเสียหายมากที่สุดในช่วงนั้น แม้ในพื้นที่ดังกล่าวจะแหล่งน้ำจืดไม่มากเช่นพื้นที่อื่นก็ตาม แต่ก็ถือว่าสาหัสเอาการทีเดียว เพราะทำชาวบ้าน ผู้ประกอบการต่างเดือดร้อนกันถ้วนทั่ว

    ทีมข่าวสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าว พบว่า มีหลายจุดหลังจากขุดบ่อน้ำมาประทังชีวิตแล้ว กลับพบว่าน้ำมีสภาพแดงขุ่น จนไม่อาจนำมาทำประโยชน์ใดๆได้เลย ดังนั้น วิถีชีวิตของชาวเขาหลักจึงพลิกผันไปจากกาลก่อนอย่างสิ้นเชิง

    บรรยง ข้อเพ็ชร ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ใน อ.เขาหลัก ระบุว่า หลังจากเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ก็ต้องมาประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอีก เพราะคลื่นยักษ์ทำให้น้ำจืดที่สำรองไว้ใช้ได้รับความเสียหายหมด ขณะนี้ภาคเอกชนในพื้นที่เขาหลักต้องช่วยเหลือตัวเอง โดยการซื้อน้ำจืดจากจังหวัดภูเก็ตในราคา 600-800 บาท ต่อคันรถ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะหน้าแล้งจะอยู่ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ไปสิ้นสุดปลายเดือนพฤษภาคม หากยังไม่มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

    พิษณุ เพ็ชรแก้ว ชาวบ้านบ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า เล่าว่า เหตุการณ์คลื่นสึนามิ ทำให้แหล่งน้ำจืดบริเวณชายฝั่งหลายแห่งได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ่อน้ำมีซากสิ่งของที่คลื่นซัด จนตกลงไปแน่นิ่งอยู่ก้นบ่อ บางแห่งมีซากศพสิ่งมีชีวิตตกลงไปอยู่ในสถานที่กักเก็บน้ำ ส่งผลให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัวว่าจะมีเชื้อโรค แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามปรับปรุง ทั้งดูดและล้างสิ่งสกปรกแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความรู้สึกกลัว

    ขณะที่เชาวนิตย์ สร้อยทอง หัวหน้าสำนักชลประทานจังหวัดพังงา กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าแหล่งน้ำจืดที่อยู่ใกล้ชายหาดไม่สามารถใช้งานได้เลย โดยแหล่งน้ำจืดที่เหลืออยู่ในขณะนี้คือ แหล่งน้ำชลประทานขนาดกลางนายเตย ท้ายเหมือง ลำปาย โดยเฉพาะที่ ต.บางเนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า ถือว่าที่ประสบปัญหาวิกฤตมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากน้ำทะเลหนุน รวมถึงซากปรักหักพัก และซากศพผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่จำนวนมาก

    เมื่อโฟกัสไปที่ระนองก็ไม่น้อยหน้าพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะในพื้นที่อ. กะเปอร์และกิ่งอ.สุขสำราญ จากการสำรวจพบว่า แหล่งน้ำดิบขนาดใหญ่ที่ใช้ผลิตเป็นน้ำประปาในพื้นที่ กิ่งอ.สุขสำราญ มีด้วยกัน 2 แหล่งใหญ่คือ คลองนาคา คลองกำพวน ซึ่งมีการกั้นเป็นฝายทั้ง 2 แห่ง แต่อยู่บนที่สูงติดกับเชิงเขาด้านใน จึงไม่ได้รับผลกระทบน้ำเค็มจากสึนามิมากกนัก แต่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่ปริมาณน้ำลดจำนวนลงมากกว่า

    ทว่า ที่หนักกว่าเห็นจะเป็นในพื้นที่ อ.กะเปอร์ โดยพบว่า มีแหล่งน้ำตื้นหรือแหล่งน้ำผิวดินของชาวบ้านได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามึประมาณ 40-50 แห่ง ประชาชนเดือดร้อนกว่า 120 ครัวเรือน โดยเฉพาะที่ ม.2และ ม.4 ต.ม่วงกลวง แหล่งน้ำได้รับผลกระทบ เพราะน้ำจืดแปรเปลี่ยนเป็นเป็นนำเค็มทั้งหมด

    ในเบื้องต้นพบว่า น้ำยังคงมีความเค็ม ไม่สามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ ทางออกขณะนี้คือ ต้องรอฝนตกลงมาสัก 2-3 ครั้ง เพื่อชะล้างน้ำเค็มออกไปจากแหล่งน้ำจืดได้บางส่วน แต่ทาง อ.กะเปอร์ได้ แก้ปัญหาด้วยการนำรถน้ำไปแจกเกือบทุกวัน พร้อมกับมีการเตรียมขุดเจาะบ่อบาดาลเพิ่ม ขณะที่แหล่งน้ำดิบสำหรับใช้ทำน้ำประปา พบว่า ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะอยู่กันคนละด้านกับจุดที่เกิดคลื่นยักษ์

    ควันหลง" สึนามิ" ดังกล่าว จึงกลายเป็นการกระหน่ำซ้ำเติมชาวปักษ์ใต้ฝั่งอันดามันอย่างน่าเป็นห่วงยิ่ง ที่สำคัญทางการไม่ควรดูดายมองข้าม แต่ต้องหาวิธีบริหารจัดการแก้ไขให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะสายเกินแก้ไปกว่านี้

    ที่มา www.news.sanook.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2013
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ไต้ฝุ่นฟรานซิสโก จ่อถล่มญี่ปุ่นซ้ำ เตรียมอพยพอีก

    [​IMG]

    ญี่ปุ่นรื้อฟื้นการค้นหาผู้สูญหาย 18 คนจากเหตุการณ์ดินถล่ม จากพายุไต้ฝุ่นวิภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน อุตุฯญี่ปุ่น เตือนว่า ไต้ฝุ่นฟรานซิสโก ที่มีกำลังแรงมาก กำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่ญี่ปุ่น เตรียมอพยพประชาชนออกจากเกาะที่พายุจะเคลื่อนตัวผ่านอีก

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ว่า หน่วยกู้ภัยญี่ปุ่น รื้อฟื้นการค้นหาผู้ที่ยังสูญหายอยู่ 18 คน ในวันนี้ หลังจากดินถล่มจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นวิภาบนเกาะโอชิมา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยา เตือนว่า พายุ “กำลังแรง” อีกลูกหนึ่งกำลังมา โดยหลังจากระงับการค้นหาไปเมื่อสุดสัปดาป์ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉุกเฉิน ก็กลับมาค้นหาผู้สูญหายตามกองโคลน ที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนหลายหลังเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา บนเกาะโอชิมา ห่างจากกรุงโตเกียว ไปทางใต้ประมาณ 120 กิโลเมตร

    ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อสุดสัปดาห์ นำความทุกข์ยากมาสู่เกาะดังกล่าว หลังจากเกิดดินถล่ม ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 ศพ อพยพออกจากบ้านเรือน 2,300 คน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คำแนะนำให้อพยพถูกยกเลิกไปเมื่อเวลา 08.00 น.ของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 06.00 น.ตามเวลาในไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยกู้ภัย และทหารประมาณ 1,200 คน กลับเข้าพื้นที่ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายต่อ

    ขณะเดียวกัน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น แถลงเมื่อเช้าวันนี้ว่า ไต้ฝุ่น ฟรานซิสโก ซึ่งคาดวาจะมีกำลังแรงมาก กำลังมุ่งหน้าสู่ญี่ปุ่น เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือค่อนไปทางเหลือ ด้วยความเร็วลม 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในพื้นที่ด้านตะวันออกของฟิลิปปินส์ เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นมีแผนอพยพประชาชนเกือบ 550 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนแก่ ออกจากเกาะที่พายุไต้ฝุ่นจะเคลื่อนตัวผ่าน

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 เวลา 19:34 น.

    ปัญหาหมอกควันพิษกลับมาเยือนจีนอีกครั้ง

    [​IMG]

    เกิดปัญหาหมอกควัน แผ่ปกคลุมเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง ของจีน คุณภาพอากาศอยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพประชาชน ขณะที่ทัศนวิสัยลดลงเหลือ 10 เมตร ทำให้ต้องปิดโรงเรียน และถนนหลวง

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ว่า หมอกควัน มลพิษทางอากาสกลับมาเล่นงานจีนอีกครั้งแล้วในวันนี้ คราวนี้แผ่ปกคลุมเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการจัดงานเทศกาลน้ำแข็งประจำปี ทำให้ทัศนวิสัยย่ำแย่ ลดลงมาเหลือ 10 เมตรเท่านั้น และตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาด้านสภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศมหาอำนาจในเอเชียแห่งนี้ โดยภาพข่าวที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ของจีน หรือซีซีทีวี พบว่า เมืองฮาร์บิน ถูกม่านหมอกควันสีน้ำตาลเข้มปกคลุม มองเห็นสิ่งต่าง ๆ เลือนลาง ไม่ว่าจะเป็นถนน รถยนต์ และสัญญาณไฟจราจร

    สำนักข่าวซินหัวรายงาน อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่จราจรในท้องถิ่นคนหนึ่งว่า คนขับรถ ซึ่งขับรถฝ่าไฟแดง เพราะพวกเขามองไม่เห็นสัญญาณไฟ จะไม่ถูกลงโทษเนื่องจากสุดวิสัย

    ขณะที่ตัวเลขของสถานีตรวจสอบคุณภาพอากาศในใจกลางเมืองฮาร์บิน พบว่า ความเข้มข้นของเครื่องมือวัดค่าความหนาแน่นของฝุ่นละอองที่มีอนุภาคขนาดเล็กในอากาศ พีเอ็ม 2.5 อยู่เหนือระดับ 900 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือสูงกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก หรือฮู กำหนดไว้ถึง 40 เท่า

    รายงานข่าวระบุว่า โรงเรียนประถมหลายแห่งต้องยกเลิกการเรียนการสอน รถโดยสารที่วิ่งให้บริการระยะไกล ต้องหยุดให้บริการ เนื่องจากถนนหลวงถูกปิด ขณะเดียวกัน ก็เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันต่อเนื่องหลายคัน โดยหมอกควันในเมืองฮาร์บิน ทางตะวันออกเฉียงเหนือไกลของจีน เกิดขึ้น เพราะเมืองนี้เผชิญกับสภาพอากาศร้อนก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่หนาวจัด

    ทั้งนี้ มลพิษที่เกิดจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วและจากการใช้ถ่านหินจำนวนมาก ทำให้จีนเผชิญหน้ากับปัญหาสภาพอากาศเป็นพิษเพิ่มมากขึ้น กระตุ้นให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ และผู้นำชุดใหม่ของจีน ก็ให้คำมั่นว่า จะแก้ปัญหานี้ให้ดีขึ้น

    มลพิษทางอากาศในในจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวันอันควรสูงถึง 1.2 ล้านคน และ 25 ล้านคนประสบปัญหาสุขภาพในปี 2553

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 เวลา 17:00 น.

    อดีตประธานเฟดหวั่นเศรษฐกิจสหรัฐกลับมาเข้าตาจนอีก

    [​IMG]

    "อลัน กรีนสแปน" อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด ) กังวลว่า เศรษฐกิจของประเทศอาจกลับมาสู่วิกฤตอีก เพราะรัฐบาลและกลุ่มนายทุนหันมาใช้ "ระบบพวกพ้อง" มากขึ้น

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่านายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด ) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ ว่าวิกฤตงบประมาณสหรัฐครั้งล่าสุด ที่ทำให้รัฐบาลเกือบต้องสูญเสียความเชื่อมั่นและความสามารถในการกู้ยืมเงินนั้น อาจเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีก

    กรีนสแปนวัย 87 ปี กล่าวว่าโดยส่วนตัวเขายังไม่อาจสัมผัสได้ถึงความประนีประนอมที่แท้จริง ระหว่างพรรคเดโมแครตกับรีพับลิกัน โดยเฉพาะความขัดแย้งภายในกลุ่มการเมืองของทั้งสองพรรค ที่แม้สุดท้ายจะสามารถแก้ปัญหาได้ แต่วิธีการที่ใช้ “ไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย” เนื่องจากวอชิงตันหันมาใช้ “ทฤษฎีทุนนิยมพวกพ้อง” เปิดโอกาสให้กลุ่มนายทุนเข้าไปมีบทบาทและอิทธิพลทางการเมืองต่ออำนาจรัฐ ขณะที่กลุ่มนายทุนได้อำนาจทางการเมืองคุ้มครองธุรกิจของตัวเองเป็นค่าตอบแทน

    ทั้งนี้ กลวิธีดังกล่าวเป็นที่แพร่หลายในหมู่ผู้มีอำนาจในจีน จนช่วยให้ผลิตภาพของปักกิ่งมีปริมาณสูงที่สุดในโลก แต่กรีนสแปนมองว่า การที่นวัตกรรมของจีนเกิดขึ้นจากการ “หยิบยืม” มาจากต่างประเทศ และการที่สังคมยังอยู่ภายใต้การปกครองแบบเบ็ดเสร็จของพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ช้าก็เร็วอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนอาจลดลง เนื่องจากสภาพสังคมเช่นนี้ทำให้นักพัฒนาในประเทศยังไม่สามารถ “คิดนอกกรอบ” ได้

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 เวลา 18:41 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เกาะรูปเรือ...ญี่ปุ่น ****

    น่าเป็นห่วง รากฐานไม่มั่นคงแล้ว
    จะถูกกระแสน้ำ พัดจมลงได้ง่าย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2013
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เหตุที่บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ****

    คนแตกแยก เกลียดกัน ไม่สามัคคีกัน เกิดขึ้นทั่วโลก
    ขาดความไว้วางใจกัน ไม่เชื่อถือกัน
    เพราะไม่มีสัจจะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** แผนปรับกองทัพรับภัยพิบัติ ****

    ทหารยุทโธปกรณ์ จะช่วยได้และเป็นที่พึ่งของทุกคน
    อย่ามัวทะเลาะเกลียดชังกันอยู่เลย

    เราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...