รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

นี่แค่พื้นๆ เมื่อยนต์หมดแรงก็ต้องพึ่งแรงคน

 

เรื่องจักรยานนี่ ที่จริงจะมีแร็คท้ายและด้านหน้าของรถ การใช้จักรยานเดินทางไกลและขนของนั้น มีการปรับแต่งรถจักรยานที่เรียกกันว่าจักรยานทัวร์ริ่ง บางคนขนข้าวของเพื่อการท่องเที่ยวเดินทางไกล ไปเป็นพันๆ ก.ม.ก็มี บางคนใช้จักรยาขี่ไปท่องเที่ยวทั่วโลกโดยใช้เวลาเดินทางเป็นปีๆ

หากเราจะดัดแปลงเพื่อการใช้จักรยานเพื่อการขนสิ่งของเพื่อการอพยพหนีภัยนั้น มีวิธีการดัดแปลงโดยการซื้อแร็คท้ายจักรยานที่มีขายทั่วไป ราคาตั้งแต่ร้อยกว่าบาทเป็นเหล็กไปจนถึง 400 -1000 กว่าบาทที่เป็นอลูมิเนียม

ส่วนกระเป๋าติดแร็คนั้น มีที่จำหน่ายสำเร็จรูป ซึ่งราคาใบละเป็นพันบาท กับการตัดแปลงโดยการใช้กระเป๋าข้างของไปรษณีย์

การถ่ายน้ำหนักของในกระเป๋านั้น จะมีผลโดยตรงกับการใช้ความเร็วและการทรงตัวในการขับขี่ หากจัดของไม่สมดุลการทรงตัวจะเสียไป ของหนักไปทำให้ใช้ความเร็วได้ต่ำ

ส่วนความเร็วในการขี่จักรยานทางไกลนั้นขึ้นอยู่กับ ความฟิตของคนขี่ คุณภาพและการปรับแต่งจักรยาน ลักษณะเส้นทาง ความเร็วลมการขี่เป็นกลุ่มบังลมใช้แอโร่ไดนามิคช่วยดึงคนด้านหลัง

คนที่ฟิตๆ สามารถขี่จักรยานวันหนึ่งได้ไกล 100 กว่ากิโลเมตรได้สบายๆ (โดยไม่มีสัมภาระ) ไกลแบบโหดๆก็ 240กิโลเมตรต่อวัน (อย่างทริปขี่จักรยานทางไกลกรุงเทพ-เขาตะเกียบ) โดยใช้จักรยานเสือหมอบความเร็ว ตั้งแต่35-50 กิโลเมตรต่อชม.

ส่วนคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย หากมาขี่แบบนี้ เป็นการเดินทางไกลและมีสัมภาระ จะใช้ความเร็วได้ ประมาณ 10กว่ากิโลเมตรต่อชม. และระยะทางต่อวันที่ทำได้ประมาณ 35-50 กิโลเมตร ก็เก่งแล้ว และในคืนนั้นจะมีอาการเมื่อยหลัง เจ็บก้น ปวดเข่าอย่างมาก วันรุ่งขึ้นอาจปั่นไม่ไหวเลยก็ได้

คำแนะนำก็คือ ฝึกขี่จักรยานเพื่อเพิ่มความฟิตให้ร่างกาย โดย
-ไปขี่จักรยานกับชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพซึ่งมีทริปง่ายๆ ทุกเดือน
-เข้าไปร่วมปั่นจักรยานกับชมรมจักรยานใกล้ๆบ้านหรือของจังหวัดตัวเอง โดยดูจาก เวบ

www.thaimtb.com

-เอาจักรยานไปฝึกปั่นเองที่สวนสาธารณะที่ปลอดภัยจากรถราต่างๆ เช่น สวนรถไฟ สวนเบญจกิติติติดกับศูนย์ประชุมสิริกิติ ซึ่งอนุญาตให้ขี่จักรยานได้ และมีจักรยานให้เช่า


การขี่จักรยานเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความฟิตที่ดีที่สุดประเภทหนึ่งไม่มีแรงกระแทกโดยตรงที่เข่าและข้อ

เตรียมตัวมาครบทุกอย่างแล้วอย่าลืมเพิ่มความฟิตให้ร่างกาย

หากสนใจการออกกำลังกายด้วยจักรยาน ขอมาจัดการเทรนให้โดยไปเทรนที่สวนเบญจกิติติ โดยไปเช่าจักรยานเพื่อการฝึกขี่จักรยานที่ถูกต้องกันที่นั่นได้เลยครับ

และในวันอาทิตย์ที่ 18 นี้ตอนบ่าย กองการท่องเที่ยวของ กรุงเทพมหานคร มีการจัดการขี่จักรยานชมกรุงเทพรับลมหนาว ตอนช่วงบ่ายครับ เชิญผมไปคุมขบวน หากใครสนใจไปก็ขอเชิญเข้าไปชมที่เวบไซท์ของกทม. ได้ครับ

 

ไปๆ มาๆ ก็มาเจอผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเข้าให้แล้ว ไม่ว่าจะยกเอาเรื่องอะไรมาคุณคณานันท์ก็ทำได้หมดทุกเรื่อง นับว่าเป็นผู้ที่สวรรค์ได้กำหนด ส่งให้มาทำเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัตินี้โดยตรงจริงๆ นับถือๆ

 

เหตุการณ์พาไปให้บังเอิญมาตลอดชีวิต ให้ไปเรียนรู้ ไปได้ข้อมูล ไปได้รู้จักผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้ โดยบังเอิญเสมอครับ ฟลุ๊คมากกว่า ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรหรอกครับ

 

วันนี้ไปห้างบิ๊กซี ไปแผนกอุปกรณ์กีฬา ว่ายน้ำ มีแผ่นบอร์ดพลาสติกสำหรับฝึกน้ำ ราคาเพียง 48 บาท จึงซื้อมา 1 อัน เอาไว้เป็นอุปกรณ์สำรองในยามฉุกเฉิน คิดว่าควรจะมีไว้ เก็บง่ายและพอจะขึ้นรถเมล์กลับก็ไปเจอ ถุงผ้าใบ แบบที่คนส่งหนังสือพิมพ์ใช้ใส่หนังสือพิมพ์พาดท้ายรถ ที่ร้านขายอุปกรณ์ทหารชื่อ มหามิตร ติดข้าง ร้าน เซเว่น ฝั่งบิ๊กซีสะพานควาย ราคา 250 บาท/ 1 ใบ(ซ้าย-ขวา)

 

<TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ต้องอยู่ห่างแค่ไหน จึงจะปลอดภัยจากคนจาม? </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>นอกจากข่าวสงครามที่ดำเนินไปอย่างไร้มนุษยธรรมแล้ว ช่วงที่ผ่านมา คงจะ ไม่มีข่าวไหนมาแรงเกินกว่าเรื่องหวัดมรณะ หรือ โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง

ซึ่งแปลมาจากคำว่า Severe Acute Respiratory Syndrome (SARS) ที่สื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับเรียกว่า ซารส์ ... ฟังเผิน ๆ คล้ายกับ ‘ส่า (ไข้)’ เหมือนกันนะครับ

สถิติที่แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของการระบาด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อ หรือผู้เสียชีวิต ลักษณะอาการของผู้ที่ติดเชื้อ รวมทั้งวิธีการป้องกันตัว คงจะมีให้เห็น ตามสื่อต่าง ๆ มาพอสมควรแล้ว แต่ที่ยังไม่ค่อยพูดถึงกันมากนัก ก็คือ ตัวต้นเหตุ และกลไกการแพร่ระบาดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อทราบแล้ว ก็คงจะช่วยให้เข้าใจรอบด้าน ขึ้นอีกนิดดีไหมครับ

ในช่วงที่ผมเขียนบทความอยู่นี้ เชื่อกันว่า เชื้อโรคที่น่าจะเป็นต้นเหตุ เป็นไวรัส ที่อยู่ในสกุล (genus) ที่มีชื่อว่า โคโรนาไวรัส (Coronavirus) ไวรัสสกุลนี้ ได้ชื่อ อย่างนี้เพราะมีรูปร่างกลม ๆ แถมสวมมงกุฎอยู่โดยรอบ (คำว่า corona มีรากศัพท์ มาจากภาษาลาติน ซึ่งแปลว่า มงกุฎ) แต่แบบนี้คงเป็นได้แค่ ‘นางมารสวมมงกุฎ’ ไม่ใช่นางงามแน่! ไวรัสในสกุลนี้ตัวเดิมที่เคยรู้จักกันนั้น เป็นสาเหตุของไข้หวัดราว 15% ของไข้หวัดทั้งหมด

ภาพที่แสดงไว้นี้เป็นโคโรนาไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า 229E ไม่ใช่ตัวต้นเหตุ ของ SARS แต่นำมาให้ชมเป็นตัวอย่างว่า ไวรัสสวมมงกุฎนั้นมีหน้าตาเป็นยังไง เห็นมงกุฎสวย ๆ ไหมล่ะ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ช่วงแรก ๆ ที่ข่าวเริ่มโหมกระพือนั้น สื่อบางสื่อให้ข้อมูลว่า เชื้อนี้สามารถ ล่องลอย และแพร่ไปในอากาศได้ไกล ๆ ซึ่งฟังแล้วน่ากลัวจริง ๆ

ต่มาระยะหลัง เริ่มเชื่อกันว่า เชื้อไวรัสมงกุฎนี่ น่าจะแพร่ด้วยกลไกการแพร่เชื้อ โดยการเกาะไป กับหยดของเหลว และการสัมผัสกับเชื้อโดยตรง ซึ่งฟังดูน่ากลัวน้อยกว่านิดหน่อย (แต่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี) แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มาดูกันซักหน่อยว่าการแพร่เชื้อใน 3 ลักษณะนี้ต่างกันยังไง

ถ้าเชื้อโรคเกาะไปกับหยดของเหลวหรือฝุ่นขนาดเล็ก ๆ (เท่ากับ 5 ไมครอน หรือเล็กกว่า) ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศได้นาน ๆ แบบนี้ ลมพัดไปทางไหน เจ้าเชื้อที่เกาะ กับหยดของเหลวหรือฝุ่น ก็จะเฮไปทางนั้นด้วย แบบนี้เรียกว่า การแพร่เชื้อไป ในอากาศ (airborne transmission) ครับ

แต่ถ้าเชื้อโรคเกาะไปกับหยดของเหลวขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่า 5 ไมครอน) เช่น บางส่วนที่เราไอหรือจามออกมา อย่างนี้ก็เรียกว่า การแพร่เชื้อไปกับหยดของเหลว (droplet transmission) ซึ่งในแง่ของระยะทางแล้ว จะดูน่ากลัวน้อยกว่าแบบแรก ที่แพร่ไปในอากาศ เพราะหยดของเหลวที่มีขนาดใหญ่นั้น จะไปไหนไม่ได้ไกล ๆ อย่างเก่งก็ 3 ฟุต (เกือบ ๆ 1 เมตร) จากคนที่ฮัดชิ้วออกมา คุณหมอบางท่าน อาจเพิ่ม ระยะออกไปเป็น 5 ฟุต ด้วยซ้ำ เพราะยิ่งไกลก็ยิ่งลดโอกาสเสี่ยง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ส่วนในกรณีที่ใครไอหรือจามแล้วคว้าผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูไม่ทัน แค่ใช้มือป้องปาก แล้วเกิดเผลอไปจับสิ่งของต่าง ๆ

โดยยังไม่ได้ล้างมือ ไม่ว่าจะเป็น ลูกบิดประตู ดินสอ ปากกา หรือหูโทรศัพท์ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้ามีใครได้สัมผัสกับ ของชิ้นดังกล่าวก็อาจจะรับเอาเชื้อไปได้โดยตรง ยิ่งถ้าคนที่สัมผัสเผลอแตะจมูก หรือขยี้ตาก็จะติดเชื้อได้ แบบนี้แหละที่เรียกว่า การแพร่เชื้อแบบสัมผัสโดยตรง (contact transmission)

สำหรับเชื้อไวรัสต้นเหตุของ SARS นั้น เชื่อกันว่าน่าจะแพร่โดยกลไก แบบที่สอง คือ เชื้อแพร่ไปกับหยดของเหลว เป็นหลัก ตามมาด้วยแบบที่สามคือ การแพร่แบบสัมผัสโดยตรง ส่วนแบบแรกนั้น บางท่านก็ยังเผื่อ ๆ ใจไว้นิดหน่อยว่า อาจจะเป็นไปได้บ้างเหมือนกัน

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็คงต้องทบทวนวิธีการป้องกันการติดเชื้ออย่างง่าย ๆ ที่รู้กันมา ตั้งแต่เด็ก คือ ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนทานอาหาร หรือสัมผัสกับจมูก หรือตา หรือถ้าคุณต้องทำงานที่พบกับคนมาก ๆ เช่น งานบริการ ก็จะดีไม่น้อย ที่ใส่ หน้ากากป้องกันเอาไว้ ผมเพิ่งไปธนาคารแห่งหนึ่งมา ปรากฏว่าพนักงานเกือบทุกคน ใส่หน้ากาก ยกเว้นบางท่านที่บอกว่า รำคาญ แต่บ่น ๆ เกี่ยวกับ SARS ว่า สยอง!

พยายามติดตามข่าวและทำตามคำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุข บวกสามัญสำนึก นิดหน่อยก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้บ้างแล้วครับ ... ฮัด .. ฮัด... ฮัด... ฮัด ... ชิ้วววว!!! (อย่าลืมอยู่ห่างจากผมอย่างน้อย 3 ฟุต ล่ะ)
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดี โดย​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เครื่องแพ๊คสูญญากาศหาซื้อที่ได้ที่ร้านวีรสุครับ ราคาหลักพัน

 

วันก่อนไปเดิน แมคโค มา มีหลายอย่างรวมถึงอาหาร ราคาถูกดี หีบห่อก็ใช้ได้
อาจจะดีกว่าไปทำเองนะครับ ถุงพลาสติก ก็มีแบบถุงบางๆเป็นม้วนใส่ผลไม้ตาม SUPER ทั่วไป ราคาถูกและใช้พื้นที่จัดเก็บน้อยมาก ถ้าต้องสำรองถุงไว้เพื่อกิจส่วนตัวตอนต้องหลบนะครับ ม้วนเดียวมีตั้ง 500 ใบ เก็บง่ายดีครับ

 

อาหารประเภทถั่วต่างๆ เช่นถั่วเขียวถั่วดำ มีประโยชน์มาก เก็บไว้ได้นานนำมาปรุงง่าย ข้าวสารอาหารแห้งพวกปลาเล็กปลาน้อย เกลือเม็ด วิตามินซี ของทั้งหมดที่ว่ามานี้ราคาไม่แพงเก็บเพ็คไว้อย่างละกิโล2กิโลใช้เงินไม่ถึง1000บาท เก็บไว้สักระยะ 4-6 เดือนก็นำมาใช้ก่อนที่จะเสียและซื้อของใหม่เก็บไว้แทน และถ้าคิดจะเตรียมพร้อมจริงๆควรหัดนิสัยกินง่ายๆกินให้ได้ประโยชน์
ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อที่จะได้มีภูมิคุ้มกันต่อโรคภัยไข้เจ็บได้บ้าง

 

กำลังหัดนิสัยกินการอยู่แต่หัดยากจัง
ออกกำลังกายโดยปั่นจักรยานสัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้งๆ ละ 26 กม.

 

จักรยาน....เพื่อนพึ่งพายามยาก​

ภาพน้ำท่วมที่ประเทศอังกฤษ​

 

จะขอรับหนังสืบต้องทำไงมั้งครับ

 

หนังสือรู้ไส้ภัยพิบัติ คงต้องซื้อค่ะ ติดต่อหน้ารู้ไส้ภัยพิบัติ
ข้อความในเว้ปนี่อ่านฟรี ใช้ได้เลยค่ะ

 

สวัสดี ครับพี่ๆ เพื่อนๆ
หลังจากที่ผมอ่านข้อมูลในเว๊บนี้มานาน ก็เริ่มคิดถึงเรื่องที่หลายท่านออกมาเตือนเรื่อง ภัยพิบัติ เเต่โดยส่วนตัวยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องทั้นหมดนี้
คนโบราณว่าไว้ จิ้งจกร้องทักยังต้องชะงัก เเต่นี้คนมาเตือนทำไมเราไม่สนใจ เค้ามาเตือนเรา ก็ไม่เห็นจะได้อะไร ดีไม่ดีคนเค้าจะหาว่า "บ้า"
เริ่มเเรกที่เดืยวผมอ่านเว๊บนี้มานานพอสมควรเเล้วเเต่เหตุการณ์ที่หลายท่านเคย เตือนไว้ว่าจะเกิดขึ้นในหลายปีก่อน มันไม่ ยักกะเกิด ผมก็เลยห่างๆไป
เเต่เมื่อหลายวันก่อน ผมบังเอิญ ได้ยิน อ.มหิดล กลุ่ม หนึ่งเค้าคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจังมาก ถึงขนาดไปซื้อที่เตรียมไว้เเล้ว ทางอีสานใกล้ ลาว เเละยังเริ่มกักตุนปัจจัยต่างๆไว้เเล้วพอสมควร ผมก็เลยเริ่มเข้ามาดูหน้าเว๊บอีกครัง

เนื่องจากผมเป็นคนเชียงใหม่มาโดยกำเนิด เเต่ย้ายมาอยู่ เมืองกรุง หลังเรืยนจบ มหาวิทยาลัย ผมจึงคิดว่าถ้าเกิด ... ขึ้นจริงผมคงเดินทางขึ้นเหนือ

เเต่เรื่องต่อจากนี้(ถ้ารอด)ผมว่าน่าหนักใจไม่น้อย

 

<CENTER></CENTER><CENTER><TABLE cols=1 width="95%" bgColor=maroon border=0><TBODY><TR><TD>[SIZE=+2]คลี่ชีวิตนักปั่น2ล้อกู้ชีพ จาก"คนบ้า"สู่เยาวชนเด่น [/SIZE]

[SIZE=+2]คลี่ชีวิตนักปั่น2ล้อกู้ชีพ จาก"คนบ้า"สู่เยาวชนเด่น[/SIZE]

...พลิกชีวิตหนุ่มราชภัฏสวนดุสิต เจ้าของรางวัลเยาวชนดีเด่นปี 49 พบชีวิตทุ่มกายใจช่วยเหลือสังคมร่วม 4 ปี เจียดค่าเทอมซื้อสองล้อ ดัดแปลงเป็นหน่วยกู้ชีพเคลื่อนที่ หลังเลิกเรียนปั่นช่วยชีวิตเหยื่อบนท้องถนนทั่วกรุง เผยรีบซิ่งรถช่วยเหยื่อจนรถล้มขาหักมาแล้ว ยอมรับเหนื่อยใจ ไปไหนคนมองว่า "บ้า" ชี้ต้องรู้จักให้เพื่อสังคม
...ใกล้ถึงวันเยาวชนแห่งชาติประจำปี 2549 แล้ว ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" นำเสนอเรื่องราวหนึ่งในเยาวชนที่ได้รับคัดเลือกให้ได้รับโล่รางวัลเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2549 จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งจะเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในวันที่ 20 กันยายนนี้

...[SIZE=+2]น้องปาว[/SIZE]-นายภาณุพงศ์ ลาภเสถียร นักศึกษาสาขารัฐประศาสนศาสตร์ ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต วัย 22 ปี คือผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ ซึ่งเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตบนอาน สองขาปั่นรถจักรยานคู่ใจไปทั่วกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บบนท้องถนนมานานกว่า 4 ปี
...เรื่องราวของนายภาณุพงศ์ เกิดที่กาฬสินธุ์ เป็นลูกคนเดียวของนายอภิสัณห์ และนางฉวีวรรณ ลาภเสถียร อาชีพรับราชการครูทั้งคู่ เมื่ออายุ 5 ขวบ เข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรลดา กระทั่งจบชั้นมัธยมศึกษา จากนั้นเข้าเรียนต่อชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ช่วงนั้นมาอาศัยอยู่หอพักเพียงลำพัง และพ่อได้ซื้อ "จักรยาน" ให้เป็นของขวัญวันเกิด กระทั่งจุดประกายความคิดอยากจะช่วยเหลือผู้เดือดร้อนและประสบภัยจากอุบัติเหตุ ผู้ป่วยอนาถาที่ไม่มีใครเหลียวแล จึงเข้าฝึกอบรมการปฐมพยาบาลที่วชิรพยาบาล ละอ่านหนังสือเพิ่มเติมเอง ก่อนดัดแปลงรถจักรยานให้เป็น "จักรยานกู้ชีวิตคันแรกของประเทศไทย"

...​

 

รวมภาพประโยชน์ของจักรยานในช่วงเกิดภัยพิบัติ

​

 

มีที่ไหนที่ขายจักรยานแบบล้อเล็กๆเอาใส่ท้ายรถบ้างครับ คันใหญ่ เอาเข้าไม่ได้ครับ

 

​

จักรยานแบบล้อเล็กนั่งได้คนเดียว บรรทุกสัมภาระก็ไม่ได้ ลองซื้อจักรยานแบบพับได้เป็นไงครับ คงพอเอาใส่ท้ายรถได้ แต่ถ้าใส่เกียร์หลายสปีดส์คงไม่เหมาะจะใช้ลุยน้ำลุยโคลน ถ้าคุณยาล้างตาสนใจก็เข้าไปดูได้ที่เว็บนี้ครับ​

http://www.tarad.com/rotchakon_bike/product.php?lang=th&headername=สินค้า&headername=​