จุดสูงสุด แห่งพุทธศาสนา นิพพาน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ชุนชิว, 11 กรกฎาคม 2013.

  1. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    นิพพาน คือ อะไร อยู่ที่ไหน จะไปยังไง และทำไมต้อง นิพพาน
    ศาสนาพุทธสอนให้คนติดทุกข์จริงหรือ
     
  2. ผ่อนกรรม

    ผ่อนกรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +400
    ต้องนำ มรรค ผล นิพพาน มาใช้พัฒนาจิตอยู่ตลอดเวลา

    มรรค ผล นิพพาน นั้นอย่าไปเก็บไว้บนหิ้งเลย เอามาใช้อยู่กับ

    เนื้อกับตัว กับไม้กับมือ ให้สามารถกำจัดสิ่งรบกวน คือความทุกข์

    ทั้งในระดับนิวรณ์ก็ดี ระดับกิเลสก็ดี ระดับอนุสัยก็ดี ระดับอาสวะก็ดี

    ระดับนิวรณ์ คือ ทั่ว ๆไป เป็นสัญชาตญาณทั่ว ๆไป รบกวนด้วยนิวรณ์ทั้งห้า

    แล้วถ้ามันเข้มข้นลุกเป็นไฟขึ้นมา เรียกว่าระดับกิเลส ทีนี้เมื่อเกิดกิเลสแล้ว

    มันสะสมความเคยชินนั้นไว้ เป็นระดับอนุสัย เมื่อสะสมความเคยชินไว้มากแล้ว

    มันก็ไหลออกมา เป็นระดับอาสวะ เดี๋ยวนี้กวาดเกลี้ยงหมดเลย

    เรียกว่าล้างโอ่งกวาดก้นโอ่งเทหมดแล้ว ไม่มีทั้งระดับนิวรณ์

    ระดับกิเลส ระดับอนุสัย ระดับอาสวะ

    นี่เราเป็นพุทธบริษัทกันในระดับนี้หรือเปล่า ? ถ้าเราเป็นพุทธบริษัทกัน

    ในระดับนี้ก็รอดตัว รอดตัว ตัวเองก็ติเตียนตัวเองไม่ได้ ผู้รู้อื่น ผู้มีปัญญาใคร่ครวญ

    มาใคร่ครวญแล้ว ก็ติเตียนเราไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงลัทธิอื่นศาสนาอื่น

    จะมาติเตียนเราได้ เรารู้จักตัวเองเป็นภายในอยู่ดีแล้ว ทำให้ปัญหาหมดสิ้นแล้ว

    ไม่มีที่ติเตียนได้แล้ว นั่นแหละมันเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

    เราจะรู้จักความเป็นพุทธบริษัทของเราเอง

    นี่เรียกว่า มรรค ผล นิพพาน ที่รู้จักแต่ชื่อ แล้วเป็นของศักดิ์สิทธิ์สูงสุด

    แล้วทำอะไรไม่ได้ก็เก็บไว้บนหิ้ง ให้ขี้ฝุ่นมันจับ ให้มอดมันกิน

    ควรจะทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่เราเอามาใช้อยู่กับไม้กับมือ

    เหมือนกับทรัพย์สมบัติที่เราไม่เก็บไว้บนหิ้ง เช่นมีด ขวาน พร้า จอบ เสียม

    เช่นถ้วย จาน ชาม ต่าง ๆ เราไม่ได้เก็บไว้บนหิ้ง แต่เราใช้ให้เป็นประโยชน์อยู่ทุกวัน

    เราควรจะเอาธรรมะมาใช้ให้เป็นประโยชน์ทุกวัน อย่าให้มีอะไรที่ต้องเก็บไว้บนหิ้ง

    เดี๋ยวนี้ท่านเก็บไว้บนหิ้ง แล้วก็หลง – หลงว่ามี – หลงว่ามี แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร

    ที่จะแสดงให้เห็นว่า เราดับทุกข์ได้เป็นที่พอใจของตนเองหรือผู้อื่น นี่ มรรค ผล นิพพาน

    มันหมายความว่าอย่างนี้ ไม่ต้องเก็บไว้บนหิ้ง หรือฝากไว้ในคัมภีร์

    อยู่ในคัมภีร์ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

    เราไม่อวดดี, เราไม่อวดดี, เราไม่ได้ยกตัว, แต่เราต้องพยายามทำให้ได้เท่าที่

    ควรจะทำได้ ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เอาให้ได้ห้าเปอร์เซ็นต์ สิบเปอร์เซ็นต์ ก็ยังได้

    ไม่เป็นพระอรหันต์ ก็ต้องให้อยู่ในร่องรอยของพระอรหันต์

    บทสวดที่ดีมีคำที่ดีอยู่คำหนึ่งว่า เราจักทำตามรอยพระอรหันต์ในวันนี้

    นั่นแหละเราเอาเพียงเท่านั้น ก็ดีที่สุดอยู่แล้ว ไม่ถึงกับเป็นพระอรหันต์

    แต่กำลังเดินตามรอยพระอรหันต์อยู่ นี้ก็เรียกว่าจิตตภาวนา คือการพัฒนาจิต

    แล้วก็เป็นการพัฒนาชีวิตอยู่ในการตามรอยพระอรหันต์นั้น



    คัดจาก หนังสือธรรมทัศน์ของ ท่านพุทธทาส อยู่อย่างพุทธ



    ^^ รู้จักทุกข์ รู้-ละเหตุให้เกิดทุกข์ รู้วิธีดับทุกข์ ดำรงค์อยู่อย่างไม่ทุกข์มาก ^^
     
  3. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อย่างไรที่เรียกว่า "ติดทุกข์"?
     
  4. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    เผชิญหน้ากับทุกข์..กระมังครับ.
     
  5. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    [๖๗๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ
    ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัส
    เรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นทูลรับพระผู้มี-
    *พระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงอสังขตะ
    และทางที่จะให้ถึงอสังขตะแก่ท่านทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ก็อสังขตะเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้น
    โมหะ นี้เรียกว่าอสังขตะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน
    กายคตาสติ นี้เรียกว่าทางที่จะให้ถึงอสังขตะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสังขตะเราแสดง
    แล้วแก่เธอทั้งหลาย ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเราแสดงแล้วแก่เธอทั้งหลาย ดังนี้แล
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย กิจใดอันศาสดาผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ผู้อนุเคราะห์พึง
    กระทำแก่สาวกทั้งหลาย กิจนั้นอันเราอาศัยความอนุเคราะห์ กระทำแล้วแก่เธอ
    ทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอ
    ทั้งหลายจงเพ่ง อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้เดือดร้อนในภายหลังเลย นี้เป็น
    อนุศาสนีของเราเพื่อเธอทั้งหลาย ฯ
    [๖๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงอสังขตะและทางที่จะให้ถึง
    อสังขตะแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสังขตะเป็นไฉน
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ นี้เรียกว่าอสังขตะ ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย ก็ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน สมถะและวิปัสสนา นี้เรียกว่าทางที่จะ
    ให้ถึงอสังขตะ ฯลฯ
    [๖๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน สมาธิที่มี
    ทั้งวิตกวิจาร สมาธิที่ไม่มีวิตก มีแต่วิจาร สมาธิที่ไม่มีทั้งวิตกวิจาร นี้เรียกว่าทาง
    ที่จะให้ถึงอสังขตะ ฯ
    [๖๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน สุญญต-
    *สมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ นี้เรียกว่าทางที่จะให้ถึงอสังขตะ ฯ
    [๖๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน สติปัฏ-
    *ฐาน ๔ นี้เรียกว่าทางที่จะให้ถึงอสังขตะ ฯ
    [๖๗๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน สัมมัป-
    *ปธาน ๔ นี้เรียกว่าทางที่จะให้ถึงอสังขตะ ฯ
    [๖๘๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน อิทธิบาท
    ๔ นี้เรียกว่าทางที่จะให้ถึงอสังขตะ ฯ
    [๖๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน อินทรีย์
    ๕ นี้เรียกว่าทางที่จะให้ถึงอสังขตะ ฯ
    [๖๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน พละ ๕
    นี้เรียกว่าทางที่จะให้ถึงอสังขตะ ฯ
    [๖๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน โพชฌงค์
    ๗ นี้เรียกว่าทางที่จะให้ถึงอสังขตะ ฯ
    [๖๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทางที่จะให้ถึงอสังขตะเป็นไฉน อริยมรรค
    ประกอบด้วยองค์ ๘ นี้เรียกว่าทางที่จะให้ถึงอสังขตะ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสังขตะเราแสดงแล้วแก่เธอทั้งหลาย ทางที่จะให้ถึง
    อสังขตะเราแสดงแล้วแก่เธอทั้งหลาย ดังนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย กิจใดอันศาสดา
    ผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ผู้อนุเคราะห์พึงกระทำแก่สาวกทั้งหลาย กิจนั้นเรา
    อาศัยความอนุเคราะห์กระทำแล้วแก่เธอทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้
    นั่นเรือนว่าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเพ่ง อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้
    เดือดร้อนในภายหลังเลย นี้เป็นอนุศาสนีของเราเพื่อเธอทั้งหลาย ฯ


    ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้คนติดทุกข์ แต่ให้มองเห็นความจริงทุกข์ที่มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แล้วเรียนรู้วิธีที่จะนำทุกข์มาเป็นเครื่องวัดกำลังใจ เพื่อฝึกฝนปฏิบัติให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือที่สุดแห่งธรรม เมื่อนั้นจิตก็หลุดพ้น ตรงทางพระนิพพาน
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    พระนิพพานคืออะไร. พระนิพพานคือ แดนพ้นทุกข์แดนอัมตะ มีความสุขทุกอย่าง ไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปไหน. ไม่ต้องกับมาเกิดอีก. เป็นดินแดน ที่เมืองทิพย์พิเศษนั่นเองครับ. อยู่เหนืออรูปพรหมขึ้นไป. เป็นแดนไม่กับไปเกิดในแดนของสามโลกอีกต่อไป.คนจะไปนิพพานได้. ต้องตัด ความโลภ. ความโกรธ ความหลงได้อย่างสิ้นเชิง. ตัดการเกิด อยากเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม. เกิดเป็นมนุษย์คนสัตว์. เบื่อการเกิดในโลกนี้ ทั้งปวง. เบื่อโลก. ถึงจะไปนิพพานได้


    ทำไมถึงต้องนิพพาน. เพราะการเกิดนั้น มันมีแต่ความทุกข์. ทุกข์จากการเกิด แค่คนอย่างเดียว. ทุกข์จากการเกิดแก่เจ็บตายพลัดพรากจากคนเป็นอันที่รัก. นี่ก็มากมายสาหัสสากันแล้ว. ต้องหาอาหาร. เครื่องนุ่งห่ม. ที่อยู่อาศัย. ยารักษาโรคทุกข์จากการมีลูกเมียผัวอยากมีลูกไม่อยากเป็นไม่สมหวัง. เมื่อทำชั่ว ก็ส่งผลให้ไปเกิด. เป็นสัตว์นรก. เปรต อสุรกาย. สัตว์เดรัชฉาน. อย่างดีก็เกิดเป็นคน. ทำความดี. ก็ทำให้ไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม. และไปเกิดในอรูปพรหม. ไม่มีรูป. นี่ผลจากการที่เราทำดีและชั่วจึงนำพาให้สัตว์น้อยใหญ่ไปเกิดในแดนนั้นๆไม่มีที่สิ้นสุดได้. วนเวียนวนตายเกิดทุกข์อยู่เช่นจนนับชาติไม่ถ้วน


    พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ. พระนิพพานเป็นแดนอัมตะ. เป็นแดนไม่ตายไม่เกิด. ไม่มีการเคลื่อนย้ายไปเกิดนะแดนใดๆอีกต่อไป. มีแต่สุขฝ่ายเดียว. ฉนั้นพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทรงค้นพบแล้วยังพระมหากรุณาธิคุณนำพระธรรมมาสั่งสอนเหล่าเวไนยสัตว์. ตรัสรู้ตาม. ให้พ้นทุกข์เหมือนกับพระองค์ครับยังมีอีกเยอะ. ไม่สามารถนำมาอธิบายได้ในวันเดียวหมดพูดกัน3วัน. 3 คืนยังพูดกันไม่จบเลยครับท่านเจ้าของกระทู้.


    พระพุทธเจ้า. สอนให้คนเห็นทุกข์ของในการเกิด. ไม่ได้สอนให้คนติดทุกข์. ดังที่คุณเขียนมา. ฉนั้นแค่คุณเกิดมานี่ตั้งแต่. คุณลืมตามาดู. โลกอยากถามคุณว่า. หิวทุกข์ไหม. หนาวทุกข์ไหม. ร้อนทุกข์ไหม. ขี้ทุกข์ไหม. อยากกินนั่นนี่ แต่ไม่ได้ดังสมใจคุณ. มันทุกข์ไหมเล่า. มีเรื่องกับคนและสัตว์. คุณทุกข์ไหม. อารมย์ไม่พอใจมันทุกข์ไหมเล่า. ความปราถนาไม่สมหวังที่เราเกิดมา. มีการฆ่ากันทะเลาะกันน่ะ. มันทุกข์หรือเปล่า. มันหิวเราต้องหาอาหารมาให้กาย. ขี้ต้องหาที่ขี้ที่เยี่ยวทุกอย่าง. มันป่วยเราต้องหาเงินมารักษา. ทุกข์ๆทุกย่างก้าวที่เราไป. แต่พวกเรานึกว่ามันสุข. เขาเรียกติดทุกหลงทุก. ว่าเป็นควมสุข


    เอาแค่นี้แหละครับขี้เกียจอธิบายมากต่างคนต่างมีปัญาจะเอามันออกมาใช้หรือเปล่า ค่อยๆหาเอาครับ หมั่นทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็คงเป็นวันของเราครับ
     
  7. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    หือออ...วันนี้เปื่อย.มาเชียว. อาอื้ม Duchess Fidgette

    อั๊ว..ว่าไรผิกเหรอ..อาธิบายมาหน่อย..ไหงว่าจาไม่อยากยุ่ง

    เกี่ยวกะมาง..หลายวังเลี้ยวน๊ะ.ไม่เว้งวังโกน.วังพระ.วังหยุกรากชะกาง.

    ว่ามาด้วยเหก.ผง..นิบพาน ห้องโน้นยังไม่ดับ.ตามมาพาลถึงห้องนี้

    เลยน๊ะ อาอึ้ม.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    อันนี้ไม่รู้ แต่เคยถามหลวงพ่อ ( มีรายชื่ออยู่ใน https://sites.google.com/a/kku.ac.t...say-hlwng-pu-man-thi-hlwng-tam-ha-baw-rabrxng ) ท่านบอกว่าให้ปฏิบัติให้ถึงเอง (- -')
    แต่ตามที่เข้าใจจากการศึกษาจากพระสูตร นิพพาน คือ สภาวะที่ไม่ติดในภพใดๆทั้งสิ้น เป็นสภาวะที่ไม่มีขั้วตรงข้าม
    นิพพานไม่ใช่ จิตว่าง เพราะตรงข้าม จิตว่าง คือ จิตฟุ้งซ่าน
    นิพพานไม่สูญ เพราะตรงข้ามกับ สูญ คือ มี
    นิพพานเป็นไม่ อัตตา เพราะตรงข้ามกับ อัตตา คือ อนัตตา
    เคยฟังเทศน์ลำดับญาณของเจ้าคุณโชดก(ผ่าน Youtube) ท่านกล่าวว่า นิพพานคือสภาวะตัดซึ่งกิเลส ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่เมือง
    นิพพานเป็นคำแทนสภาวะ ซึ่งผมก็จินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นยังไง แต่เป็นสภาวะที่เป็นอิสระไม่ติดอยู่ในภพใดๆทั้งสิ้น
    ไม่ติดทั้งทุกข์ทั้งสุข ไม่ติดทั้งความพอใจ ไม่พอใจ หรือ เฉยๆ เพราะ
    ความไม่พอใจ = ทุกข์ = ทุกข์คติภูมิ
    ความพอใจ = สุข = สุขคติภูมิ
    เฉยๆ = อุเบกขา ไม่ทุกข์ไม่สุข = พรหม

    เมื่อไม่ติดทั้ง 3 ที่ เรียก นิพพาน

    ศาสนาพุทธสอนให้เป็นอิสระอย่างแท้จริง คือ ไม่ติดทั้งทุกข์ทั้งสุข ไม่ติดทั้งความพอใจ ไม่พอใจ หรือ เฉยๆ
    ดังรายละเอียดข้างบน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2013
  9. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    นิพพาน สภาพที่ดับกิเลส และกองทุกข์แล้ว ภาวะที่จิตมีความสงบสูงสุด เพราะไร้ทุกข์ ไร้สุข เป็นอิสรภาพสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่มีการเกิดปรากฏ ดังนั้นจึงไม่มีการดับ ไม่มีการเสื่อมสลาย

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ธรรมชาติที่เป็นความจริง ซึ่งมีธรรมชาติ 2 ฝั่ง
    1. ธรรมชาติฝั่งสังขตะ หรืองสงสารวัฏ คือ สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง โดยมี ดิน น้ำ ลม ไฟ หยั่งถึงโดยทั่ว

    2. ธรรมชาติฝั่งอสังขตะ หรือนิพพาน คือ ตรงกันข้ามกับฝั่งสังขตะ ไม่มีธาตุใดๆหยั่งถึง จึงไม่มีปัจจัยใดๆมาปรุงแต่ง ไม่มีกว้าง ไม่มียาว ไม่มีชื่อ แต่สิ่งนั้นยังมีอยู่จริง ซึ่งธรรมชาติฝั่งนี้หลายคนสงสัยว่าไม่มีการเกิดปรากฏ ดังนั้นจึงไม่มีการดับ ไม่มีการเสื่อมสลาย ฉะนั้นแล้วจิตของเราจะหายไป จิตสิ้นไปเลยหรือ ผมขออธิบายตามความเข้าใจ จากที่ผมเคยได้ศึกษาพุทธวจน โดย พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล วัดนาป่าพง

    มีความอยู่ว่าฝั่งอสังขตะ มีการเกิดเหมือนกันกับฝั่งสังขตะ แต่ทว่าการเกิดของฝั่งอสังขตะ หรือนิพพาน เป็นการเกิดแบบ เกิดไม่ปรากฏ ดังนั้นจึงมีการเกิดขึ้น แต่เกิดแบบไม่ปรากฏตัวตนออกมา จึงไม่มีสลาย ไม่มีดับ ผมจะอธิบายแบบเข้าใจง่าย คือ สมมุติว่าคุณมีส้มอยู่ในมือ เมื่อคุณกินส้มผลนั้น ส้มก็ถูกกินไปอย่างนั้น แบบนี้คือฝั่งสังขตะ หรืองสงสารวัฏ แต่ฝั่งอสังขตะ หรือนิพพาน เสมือนมีส้มอยู่ในมือ แต่ไม่มีส้มในมือนะครับ ดังนั้นเมื่อเราจะกินส้มผลนี้ ส้มก็ไม่ถูกทำลายเลย เพราะ ไม่มีตัวตนของส้ม ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรูปแบบ แต่ว่าสิ่งนั้นยังมีอยู่คือ มีส้มในมือ แต่ไม่มี นี่คือความหมายเกิดไม่ปรากฏ

    ขอให้เจริญในทางโลก และทางธรรมครับ ท่านสาธุชนทั้งหลาย
     
  10. ดำฤษณา

    ดำฤษณา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +205
    ขอร่วมศึกษาด้วยคนนะครับ ขอให้เข้าใจในเบื้องต้นว่า นิพพานคือ สภาวะที่จิตทรงพลังเปล่งประกายเจิืดจ้าบริสุทธิ์สว่างไสวสงบเบิกบานอบอุ่นกิเลสไม่สามารถมาแผ้วพานได้เลย การเข้าถึงนิพพานได้นั้นต้องเจริญสติให้ได้เป็นมหาสติจึงจะเกิดพลังเป็นญาณปัญญาให้ได้เห็น หากถามว่าทำไมต้องนิพพาน เราทุกคนแลสรรพสัตว์ทั้งหลายทุกภพภูมิล้วนตกอยู่ภายใต้วัฎจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด เราเกิดมาโดยไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร ชีวิตมีอะไร เราอยู่เพื่ออะไร ตายแล้วไปไหน ทำไมต้องเกิด เราดำเนินชีวิตไปในภายใต้การหมุนวนแห่งความไม่รู้(อวิชชา) ใช้ชีวิตไปตามความอยาก(กิเลส) สร้างภพสร้างชาติ เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย ซึ่งเกิดและตายก็คืออันเดียวกัน ท้ายที่สุดแล้ว ก็คือทุกข์ ทุกข์คือสภาพที่ทนไม่ได้ เมื่อใดที่ทุกข์เราย่อมหาทางพ้นทุกข์ ทางพ้นทุกข์ที่ดับทุกข์ได้จริงคือการหลุดพ้นจากวัฎสงสารนี้แล พระพุทธองค์ทรงเห็นทุกข์เห็นเหตุแห่งทุกข์เห็นความพ้นทุกข์และเห็นทางพ้นทุกข์เรียกว่าเห็นความจริง(อริยสัจ)ตรัสรู้ธรรมคือความหลุดพ้นคือนิพพาน คือจุดสูงสุดในพระพุทธศาสนานั่นเอง จึงได้นำมาสั่งสอนสรรพสัตว์ตกทอดมาถึงเราในปัจจุบัน มิได้สอนให้ยึดติดในทุกข์แต่ประการใด
    ส่วนในท่ามกลางและเบื้องปลายนั้น เราเราท่านท่านต้องศึกษาแลปฎิบัติเองถึงจะเห็น
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  11. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    "จิตประภัสสร" ยังไม่ใช่นิพพาน
     
  12. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    นิพพานสำหรับผู้บรรลุแล้วไม่มี ไม่มีอะไรที่จะบรรลุถึง เพราะท้ายที่สุดแล้วคือความดับสนิท
     
  13. ดำฤษณา

    ดำฤษณา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +205
    เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ท่านผู้เจริญทุกข์เกิดขึ้นที่ไหน ย่อมดับไปที่นั่น ด้วยเรายังเป็นผู้ต้องศึกษาอย่าเพิ่งไปกล่าวถึงนิพพานในเชิงปรมัตถ์อันยากที่จะอธิบายแลเข้าใจได้ยากเลย ในเบื้องต้นขอให้เป็นผู้เห็นให้ได้ก่อนอย่าเพียงเป็นผู้เล่นก็พอ แล้วจักแจ้งด้วยตนเองในขั้นต่อไป ท่านทั้งหลายพิจารณาดูเถิด
    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814




    คำของคุณอภิมารคำเดียว ถ้ามองดีๆมันคุมหมดนะ ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้เห็นพระตถาคต แค่เห็นทุกข์ตัวเดียว มันไปนิพพานได้เลย นี่มัน ตัวอริยสัจ ๔ นะ
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    สภาวะ ของพระนิพพาน นั้นมันมีอยู่ จะเรียก ว่าไม่ใช่เมือง นั้นก็ไม่ได้ จะไม่เรียก แดนทิพย์ ก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะมันอยู่เหนือ แดนทิพย์ทั้งปวง เขาเรียก แดนทิพย์ พิเศษ อยู่เหนือการเกิด และการตาย ไม่ต้องเคลื่อนย้าย ไปเกิด ในแดนใดๆอีก เพราะหมด อาสวะ กิเลส ตัณหาทั้งปวง ย่อๆ คือ ตัดโลภ โกรธ หลงได้ลงอย่างสิ้นเชิง อยู่เหนือ บุญ และบาป ไม่มีอะไรใยดีแล้ว ไม่อาลัย ในโลกทั้งปวง


    อย่างพระอรหันต์ ที่ตัดกิเลส เป็นสมุทเฉทประหาร ที่ยังมีกายอยู่ เขาเรียก ว่า นิพพานดิบ อยู่ด้วยธรรมปิติ ที่พระองค์ ละได้แล้ว จิตเป็นสุข และอยู่เพื่อ สืบพระศาสนา และโปรด สัตว์โลก ที่ผมสัมผัสมา ที่ครูบาอาจารย์ท่านบอก ตัวอย่างเช่น เห็นผู้หญิง สาวสวยๆ ท่านก็ปรง จิตท่านไม่ยึดติด อาหารอร่อย รู้ ว่าอร่อย แต่จิตท่านไม่ติด ฉันเพื่อ สังขารให้ทรงอยู่เท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่รู้ ท่านรู้ทุกอย่าง แต่จิตท่านไม่ปรุงแต่ง ไม่ยินดียินร้าย เห็นคนเห็นสัตว์เป็นของธรรมดาหมด เป็นเพื่อน เกิดแก่ เจ็บตาย


    อย่างพวกเรา ท่านๆ ทั้งหลาย นี่เวลาเห็น สาวๆ ลูก เมียใคร มันจะเอาดะ ปรุงแต่งไปทั่ว โลภ โกรธ หลง มีครบทุกอย่าง พระอรหันต์ มันจะตรงข้าม กับจิตปุถุชนอย่างเราๆ ท่านเห็นแล้ว ตัดละวาง ท่านไม่ยึดไม่ติด ว่าเป็นเราเป็นเขา เมื่อ ร่างกาย ท่านละดับขันธ์ ลง จิตท่านก็เข้าสู่ แดนอันเกษม คือพระนิพพาน เป็นที่ไป ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก นี่เขาเรียก นิพพานสุข พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง อย่างเทวดา หรือพรหม เป็นสุขจริง เกิดด้วยอำนาจ ของบุญ และกำลังฌาณ สมาบัติ เมื่อหมดบุญ หรือกำลังฌาณปุ๊บ โน่น พรุ่งหลาว ลงไปเกิด


    เป็นสัตว์ นรกบ้าง เปรต บ้าง อสูรกาย บ้าง สัตว์เดรัชฉานบ้าง เกิดเป็นคน บ้าง ก็อำนาจ ของกรรมต่างๆ ไปรับวิบาก ที่สัตว์ต่างๆ ทำมา แค่ฅนนี่ บ้างก็เกิด เป็น ฅน หูหนวก ตาบอด บ้าใบ้ คนจน คนรวย เศรษฐี ยาจก ง่อย เปลี้ย เสียขา ก็เพราะกรรม ที่ตนทำกันมานั่นเอง เมื่อ ฅนเรารู้กรรมต่างๆ ก็ย่อมสร้างบารมี หนี กรรมชั่ว หาทางพ้นทุกข์ ใครได้ ก่อนก็ไปก่อน ตัดได้ทีหลังไปที หลัง นั่นคือ แดนพระนิพพาน ไม่ต้อเคลื่อนย้าย ไปเกิดแดนใดๆอีก ก็พอแค่นี้ก่อนครับ
     
  16. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    ไม่มีอะไรเลย....ไม่ใช่ว่าง....ไม่ใช่สงบ....ไม่สุข..ไม่ทุกข์...ไม่มีบุญ..ไม่มีบาป..แต่ไม่มีอะไรเลย...มันก็เป็นเช่นนั้นใช่ใมคะ
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    พ้นออกไปเยอะๆ ให้หายเงี่ยน ให้คนเขารู้ว่าตัวคุณนะเป็นอย่างไร เที่ยวไปพิมพ์สั่งสอนคนอื่น ว่า ให้ปฏิบัติที่ตัวเองก่อน แล้วคุณละปัญญาแค่ไม่เถียงยังทำไม่ได้เลย ขนาดฉันไม่ได้พิมพ์ในกระทู้นี้ยังมิวายพาดพิงถึง
     
  18. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    จุดสูงสุดของพระพุทธศาสนาคือ "พระพุทธเจ้า",พระมหาโพธิ์สัตว์,พระโพธิ์สัตว์,"พระอรหันต์"

    ขออนุญาตครับ

    จุดสูงสุดของพระพุทธศาสนาคือ "พระพุทธเจ้า","พระมหาโพธิ์สัตว์","พระโพธิ์สัตว์","พระอรหันต์"

    น่าเสียดายที่ชาวพุทธ แม้รู้เรื่องศาสนามากมาย กลับไม่เข้าใจในหลายๆเรื่องเช่น

    เมื่อพระสอนแต่ ความดี การสร้างคุณงามความดี
    แต่พระกลับไม่มีความรู้เรื่องความชั่ว, เรื่องพญามาร, เรื่องพระพุทธเจ้าที่มาจากสายมาร

    หรือ พระกลับไม่แตกฉานเรื่องพุทธประวัติ เรื่องพระโพธิสัตว์ ก็เลยสอนผิดสอนถูก

    ก็เลยนำพาผู้คนคิดว่า พระโพธิ์สัตว์ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้

    ทั้งๆที่พระประวัติของพระพุทธองค์ ก่อนการตรัสรู้พระองค์ท่าน ก็ไม่ต่างจาก คนธรรมดาสามัญเท่าใดนัก

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
    ลุงมหา
     
  19. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    ก้อ ง่ายๆ ปลอดจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน จึงพ้นจากอกุศลกรรม กุศลกรรม เอ๊ะ งง ไหมนี่ เหมือนอย่างท่านว่า "จริงๆ ไปนิพพาน นี่ง่าย ปราถนาไปเป็นอย่างอื่นยากกว่า"
    แต่อีตอนหาทางนี่ เหงื่อหยด ใกล้บ้าเลย ^^
     
  20. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    จุดสูงสุดของพุทธศาสนาคือ นิพพาน ครับ ลุงมหา
    พระพุทธเจ้า, พระอรหันต์ เป็นจุดเช็คพ้อยท์ครับ เพื่อบ่งชี้ว่ากำลังจะเข้านิพพาน


     

แชร์หน้านี้

Loading...