ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ผมว่าที่เสียงอธิบายหนะ ไม่ใช่เสียงของร่างกายเราหรอกกระมังครับ
น่าจะเป็นจิตวิญญาณของเรา หรือตัวตนที่สูงกว่าของเรา หรืออะไรแบบนั้น

เพราะผมก็เป็นประจำครับ และจะมีหลายแบบ ทั้งที่มาเฉพาะเสียง
และแบบมีทั้งภาพทั้งเสียง และที่เหมือนกันก็คือ เป็นภาษาอังกฤษครับ
ซึ่งในขณะที่คลื่นสมองอยู่ในระดับลึกๆแบบนั้น ผมก็จะจำได้ดีและเข้าใจดีด้วย
แต่พอตื่นขึ้นมา ข้อมูลหลายส่วน มันก็จะถูกความเข้าใจของ ego ของเรา
และถูกมายาการและม่านพรางของแมทริกซ์กรองออกไปซะเยอะแยะเลยหละครับ

ช่วงนี้ผมเป็นเกือบทุกคืนครับ ได้ไปไหนมาไหนเสมอ
มีการอบรม มีการไปเรียน ไปสอบ อยู่ตลอดเลยหละครับ

และวันนี้ผมก็กำลังป่วยอีกรอบหนึ่งอยู่ด้วยเช่นกันครับ
แต่ก็เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าจะป่วยด้วยนะ เพราะว่าตั้งใจว่า
ช่วงใกล้ๆวันที่ 21/6/13 นี้ ซึ่งเป็นวันย่างเข้าฤดู Solstice
ก็จะงดเที่ยว งดทำสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพตัวเอง
เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรองรับเอาพลังงานระดับสูงอีกระลอก
ที่กำลังจะมาถึงนี้..และนี่เลยครับ..หลายครั้งแล้ว..คือ..
เหมือนมีใครมาช่วยจัดให้ได้ป่วย..ได้นอนพัก..ได้ดูแลตัวเองดีๆ
แล้วก็จะหายป่วย ในช่วงที่ต้องการหายป่วยพอดีซะด้วย..

ต้องขอขอบคุณใครก็ตาม ที่ช่วยดูแลเรา และอยู่กับเรามาตลอดเวลา

thaxxthaxxthaxx

......................................

 

ไม่เคยได้ยินเสียงอะไรค่ะ แต่สังเกตุตัวเองเวลาอธิษฐานหรือต้องการสื่อสารกับเบื้องบน บ่อยครั้งมากที่ใช้ภาษาอังกฤษ มันเป็นไปแบบอัตโนมัติ ทั้งที่ก็เป็นคนไทย อยู่เมืองไทย และไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเลย แปลกเหมือนกัน

 

มีหลายครั้งที่ผมฝันแล้วผมพูดภาษาอังกฤษแบบรัวมาก ทั้งๆที่ความจริงผมพูดไม่ได้ขนาดนั้น

 

ข้อความสื่อสารจากต่างมิติ from Archangel Gabriel channeled byShanta Gabriel
Initiation into Light

Thursday, 13 June, 2013 (posted 14 June, 2013)
แปล อจิตตะ

ตอนที่ ๑

คุณ…คุณ...ที่รัก,

๑. คุณได้ทำสำเร็จแล้ว….พวกคุณได้ผ่านรูหนอน(wormhole )ออกมาสู่แสงสว่างแล้ว
ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่คุณสามารถเข้าสู่ดินแดนสวรรค์
และก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยแสงแห่งการรู้แจ้งในครั้งนี้ ...
นี่เป็นช่วงเวลาอันแสนสุขกับแสงของซีกโลกเหนือ
ที่ได้ส่องสว่างมากกว่าที่คุณได้เคยพบเห็น
และซีกโลกใต้ซึ่งก็ยังคงอยู่กับคลื่นพลังที่ไหลเวียนด้วยแสงแห่งความศักดิ์สิทธ์
ของดินแดนแห่งจิตวิญญาณ
แต่ถ้าดูเผิน ๆ จากภายนอกแล้วก็ยังมองได้ไม่ชัดเจนนัก

อย่างไรก็ตาม... ก็ต้องบอกอีกครั้งว่านั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดี...
และก็จงใช้โอกาสนี้ “ ทำหญ้าให้แห้งยามแสงอาทิตย์ส่อง”...
ดั่งคำพูดของชายชราชาวนาผู้ปลูกข้าวได้กล่าวไว้
ซึ่งหากนำมาใช้ในเวลานี้ ก็จะนำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีสู่คุณ

๒. ขอบอกว่า...การก้าวไปข้างหน้าในครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย
ของการดำเนินการของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในโลกใบนี้
ที่จะมาสนับสนุนคุณในการเลื่อนระดับ
มันก็เหมือนม้าแข่งที่กำลังยืนรอที่ประตูเพื่อฟังเสียงปืนปล่อยสู่ลู่วิ่งนั่นแหละ
ที่ต้องรวบรวมพลังสะสมไว้ตลอดปีเพื่อขบวนการนี้
โดยมีข้อแม้เพียงน้อยนิด

ความรู้สึกทั้งหมดมันจะเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งจะเกิดกับบรรดาผู้ที่มีวิสัยทัศน์และจริงจังกับการพัฒนาตนเอง
จะเกิดการสร้างกรอบการทำงานขึ้นใหม่และทำความเข้าใจในความฝัน
เพื่อให้เป็นรากฐานในสิ่งที่คุณปรารถนาในชีวิต

๓. ส่วนผลตอบแทนในความพยายามของคุณในครั้งนี้ มันจะเกิดขึ้น
ในช่วง Solstice วันที่ 21 มิถุนายน ถึง Equinox วันที่ 21 กันยายน
ซึ่งจะเป็นแค่ตัวอย่างของความเป็นจริงในรูปแบบใหม่
ที่คุณได้สรรค์สร้างความปรารถนาไว้ภายในส่วนลึก(ในจิต =ผู้แปล)

หมายเหตุ(Solstice = ช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด)
( Equinox= ช่วงที่เวลาในตอนกลางวันและกลางคืนเท่ากัน
ซึ่งมักจะเกิดในช่วงวันที่ 21 มีนาคมและ 23 กันยายน)

๔. คุณก็เป็นเหมือนดาวที่เลื่องชื่อ...
ส่วนบางคนก็อาจจะเป็นดาวหางที่ส่องประกายสว่างทั่วท้องฟ้า เพื่อให้ผู้คนได้ติดตามไป
หลายคนรู้สึกได้ถึงเสียงเรียกร้องจากหัวใจสำหรับงานใหม่ ๆ
ที่พร้อมจะตอบสนองการรุกเร้าของจิตวิญญาณ
นี่คือช่วงเวลาที่คุณต้องให้ความสำคัญ
คุณจะพบว่าประตูทางเดินของคุณนั้นได้เปิดแล้ว
และแรงกระตุ้นของคุณนั้นช่างยิ่งใหญ่ตระการตายิ่งนัก
ทั้งพลังของความสำนึกที่ดีซึ่งเต็มเปี่ยมอยู่ในแดนสวรรค์(จิตสำนึก=ผู้แปล)
เพื่อนำมาใช้ในภาระกิจของคุณก็ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

 

ข้อความสื่อสารจากต่างมิติ from Archangel Gabriel channeled byShanta Gabriel
Initiation into Light

Thursday, 13 June, 2013 (posted 14 June, 2013)
แปล อจิตตะ

ตอนที่ ๒

๕. และยิ่งไปกว่านั้น...
ก็ได้รู้ว่า Solstice ที่ผ่านมา คือวันที่ 21ธันวาคม 2012
คุณได้ปลดเปลื้องการทำงานในรูปแบบเก่าออกเสร็จสิ้นแล้ว
และหมดความสงสัยในเรื่องพลังงานที่คุณใช้อยู่ในปัจจุบัน
ว่าทำไมมันช่างแตกต่างกับเมื่อก่อนหน้าปี 2012 ซะเหลือเกิน
ตอนนี้มันไม่ต้องการระบบการควบคุมใด ๆ …และไม่มีข้อสงสัยใด ๆ
หรือต้องไปคว้าสิ่งที่เป็นอดีตมาเป็นฐานข้อมูลใหม่ของคุณอีกต่อไป

๖. และอีกไม่นานเกินรอ พวกที่คอยก่อความวุ่นวายกับงานหรือภาระกิจของคุณ...เขาก็จะเลิกละ

แต่ที่มันจะยังคงสับสนวุ่นวายอยู่ก็คงเป็นเรื่องเก่า ๆ นิสัยเก่า ๆ
ที่คุณยังนำมาเชื่อมโยง หรือนำมาใช้กับความเป็นจริงใหม่ที่ได้เกิดขึ้นกับคุณเท่านั้น...


การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของการรู้แจ้ง...

๗. หลายต่อหลายครั้งที่เราได้พูดในเรื่องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของผู้รู้แจ้ง
เพื่อเป็นมาตราฐานในการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทุกเพศทุกวัย...

“ปัจจุบันขณะ” (present moment) เท่านั้น
ที่จะนำไปสู่ความมุ่งมั่นเพื่อให้คุณได้สัมผัสกับสัจจะความจริงที่คุณปรารถนา
เหมือนการขยายตัวอย่างไม่หยุดนิ่งของพลังความตื่นรู้ที่อยู่ในดินแดนนั้น
ซึ่งขณะนี้คุณก็กำลังอยู่ในช่วงจุดเริ่มต้นของแสง
ที่จะเริ่มเปิดใช้งานในวันที่ในวันที่ 21 มิถุนายน 2012
นี่เป็นช่วงเวลาที่จะได้ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในจิตวิญญาณลึก ๆของคุณ...
ไม่ว่าเรื่อง พรสวรรค์ ทักษะ ความสามารถ ที่เป็นฐานที่ตั้งของคุณตั้งแต่คุณเกิดมา...
เมื่อ Solstice เริ่มเคลื่อน
ปฏิบัติการของพลังที่เกิดขึ้นจะทำการปลดปล่อยสิ่งที่ได้รับจากจิตวิญญาณคุณ
สู่จิตอันบริสุทธิ์ของพระเจ้า ...ทั้งหมดก็แค่นั้น

๘. คุณลองจินตนาการว่ากำลังอยู่ในความฝัน
และคุณได้ส่งความปรารถนาด้วยพลังแสงบริสุทธิ์จากจิตวิญญาณของคุณ
ไปกระตุ้นและยกระดับเขาเหล่านั้นให้ขึ้นมารวมอยู่ใน”ประภาคาร”ร่วมกัน
นี่เลย...”ประภาคารแห่งสากลจักรวาล”
ที่จะดึงดูดความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถให้ตามความปรารถนาของคุณ...

คุณจะโยนความรักที่ฝันหาและความสนุกสนานที่อยู่ในจิตวิญญาณของคุณทิ้งไป
เพื่อเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นที่รัก (น่าจะหมายถึงพระเจ้า=ผู้แปล)
และผลของการกระทำอันบริสุทธิ์นี้...
แสงในรูปแบบใหม่ก็จะแผ่รังสีส่งตรงถึงคุณทันที...

 

ข้อความสื่อสารจากต่างมิติ from Archangel Gabriel channeled byShanta Gabriel
Initiation into Light

Thursday, 13 June, 2013 (posted 14 June, 2013)
แปล อจิตตะ

ตอนที่ ๓ (จบ)

๙. การที่คุณกำลังสร้างประภาคารนี้ขึ้นก็เพื่อเป็นการเตือน
และสร้างแรงบันดาลใจให้กับความปรารถนาที่แท้จริงของคุณ
เพื่อให้มีขีดความสามารถเพิ่มมากพอ
ที่จะดึงดูดความรักของจักรวาลมาเป็นกำลังสนับสนุนคุณ...

ก็รู้อยู่นะ...ว่านี่เป็นการแสดงความศักดิ์สิทธิ์ที่มีทั้งความรักและความเมตตา
ซึ่งก็เพื่อช่วยให้คุณ ๆ ที่กำลังมุ่งมั่นอยู่กับการนำเอาความผิดบาป
ออกจากก้นบึ้งของหัวใจเพื่อบรรลุ(ธรรม=ผู้แปล) ก็เท่านั้น...
และทั้งหมดนี้ก็คือแรงผลักดันจากไฟประภาคารที่คุณได้ให้ความสำคัญอยู่นี่แหละ...

วิสัยทัศน์ชนของโลกใหม่นี้คือ “คุณ”...

๑๐. นี่คือการปฏิบัติการของเหล่าวิสัยทัศน์ชนของโลกใหม่นี้
คุณเป็นผู้ที่กำลังกรุยทางให้ผู้อื่น...และไม่เพียงแค่ให้เขาทำตามนะ
แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อยู่ในระดับสูงด้วย
เมื่อคุณส่องดวงไฟศักดิ์สิทธิ์อันเจิดจ้า...โชติช่วงชัชวาล ออกไป
ให้ซึมซาบเข้าสู่เซลล์ทุกเซลล์ ทุกเส้นใยของกายเนื้อ
ทั้งจิตใจ และ อารมณ์ แก่ผู้คนเดี๋ยวนี้
คุณจะสามารถตั้งค่าได้เองอย่างอิสระ
กับความจริงที่เผยออกมาจากจิตวิญญาณของคุณสู่การกระทำ...

ดังนั้นทุกกิจกรรมของคุณในตอนนี้มันได้รับแรงบันดาลใจจากที่นี้แหละ...
ไม่มีอะไรที่ต้องตามเช็คบิลหรือคิดอะไร ๆ ที่เป็นเรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป
เพราะมันเป็นแรงบันดาลใจที่บริสุทธิ์จากส่วนลึกของหัวใจ
ที่คุณได้เรียกร้องให้มันแสดงออกมา...

๑๑. เหมือนเราย้ายตัวเองเข้าสู่ the “ Solstice “
และปล่อยพลังแสงแห่งดวงไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ออกไป
มันจะเกิดการรวมตัวของแสงทั้งสองที่บรรเจิดจ้าและยิ่งใหญ่ที่สุด
(แสงของคุณและแสงของ Solstice=ผู้แปล)...
ซึ่งคุณไม่เคยได้ประสบพบเห็นมาก่อน
และเกินกว่าที่คุณเคยจินตนาการซะอีก
ขีดความสามารถของคุณมันจะถูกเติมเต็มที่กับสภาพที่คุณเป็นอยู่จนรู้สึกได้...

ดังนั้น บางทีคุณอาจจะยุ่งกับเรื่องของความรักแบบกระจุ๋มกระจิ๋มน้อยลง
เพื่อเพิ่มศักยภาพแสงที่ได้รับมอบจากดินแดนแห่งการตื่นรู้
ที่ได้รับการเรียกร้องจากจิตวิญญาณของคุณ

คุณคือ “ความรัก” ที่เหนือกว่าความเป็นที่สุดของความเข้าใจในจิตคุณ...

และจะมีแต่”ความบริสุทธิ์ใจ”และ”หัวใจที่กำลังเปิดอยู่” ของคุณเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์นี้
อีกทั้งคุณ...ก็พร้อมที่จะปรากฏตัวและแสดงออกมาอย่างเต็มที่กับโลกใหม่นี้อย่างเต็มภาคภูมิ...

แสงสว่างแห่งประสบการณ์... แสงสว่างแห่งลมหายใจ...ทั้งหมดล้วนเป็นแสงทั้งนั้น ...
และทั้งหลายทั้งปวง มันก็เป็น”เช่นนั้นเอง”แหละ...( And so it is.)
.........................................................

Copyright © Shanta Gabriel. These messages can be shared as long as they are used in their entirety and proper credit is given for the work. I love people to be able to share the work with others. Messages From Archangel Gabriel - With Shanta Gabriel.

 

อ่านข้อความที่คุณ อจิตตะ แปล ทำไมรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ

 

Hosanna to the Light!

 

ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ใหม่ๆมากมาย

 

ข้อความจาก KRYON (บางส่วน)

ก่อนหน้านี้ ขณะที่คุณได้มาอยู่บนโลกใบนี้
มันเป็นการเสี่ยงอันตรายสำหรับเราเกินไปที่จะก้าวเข้าเข้ามาและเตือนคุณว่า "คุณเป็นใคร"จนกว่ามันจะถึงเวลา ...
เรารอคอยให้คุณพบหนทางเช่นเดียวกับเราก่อน .. และเราจะอยู่เบื้องหลังม่านเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือคุณอย่างจริงจัง

ขณะนี้ถึงกำหนดแล้ว ที่พวกคุณกับความพยายามของคุณทั้งหมดในการช่วยเหลือโลกและมนุษยชาติ ..
ถึงเวลาที่จะต่อสู้กับอุปสรรคทั้งหมดที่พวกคุณได้ผ่านทะลุเข้ามา
คุณแต่ละคนได้ตื่นขึ้นมาและทำลายผ้าคลุมหน้าออกไปด้วยตัวเองตามกำหนด
ขณะนี้ มันเป็นไปได้ ที่เราจะพบกับเด็กน้อยแห่งปัจจุบันได้อย่างใกล้ชิด..
และช่วยพวกเขา .. ช่วยคุณทุกคน !

เรารักคุณ เราอยู่กับคุณ ลาก่อนสำหรับตอนนี้...
KRYON

The Key of Life - Ascension - Secrets of the Universe : KRYON - The process has began - The CHILDREN of NOW are meeting the TEACHERS of NOW - 6/6/13

ข้อความจาก Sheldan Nidle - June 18, 2013 (บางส่วน)
Kayab 11 Cauac, 9 Eb

เราขอแนะนำว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จะเป็นประโยชน์สำหรับการสะท้อนกลับของคุณ:
มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและการเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความจริงและความรักด้วยตัวคุณเอง
คุณจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่...นานมาแล้ว....ที่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าถึงได้เพียงทางอ้อมกับคุณ ขณะที่คุณตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางจิตสำนึก
นานนับพันปีแล้ว ที่สมาชิกในครอบครัวของเราได้รับอนุญาตเพียงเล็กน้อยในการมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับคุณ
และนี่คือช่วงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง และคุณจะสามารถเห็นพวกเขาผ่านสื่อต่างๆ และบางครั้งในแบบส่วนบุคคล

คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักและความอุดมสมบูรณ์ในทุกสิ่งที่เป็นธรรมชาติของจักรวาล
คุณจะได้เรียนรู้วิธีการเจริญเติบโตของโลกที่ปราศจากความต้องการ ความขัดแย้งและกฎระเบียบที่หยาบกระด้าง
คุณจะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงบนพื้นผิวอาณาจักรของคุณ ที่จะกลายเป็นจริง! และลึกลงไปสู่แผ่นดินแม่ที่เคารพบูชาของคุณด้วย
คุณสามารถกลับไปสู่การมีจิตสำนึกที่เต็มรูปแบบ และเรียนรู้เกี่ยวกับชะตาขีวิตของคุณ.....

Sheldan Nidle - June 18, 2013

แปลข้อความมาฝากเล็กๆน้อยๆนะครับ
และขอบคุณมากๆสำหรับทุกบทความที่แปลให้อ่านครับ

 

ตัด..."ความกลัว "
สู่..."การเปลี่ยนแปลง"

หลายสำนักอ่านแล้วดูจะสื่อคล้าย ๆ กันทำนองว่า...

ได้ให้เราลับมีดมานานแล้ว...
ตอนนี้มีดก็คมมากแล้ว...
และนี่ก็ถึงเวลาแล้ว...
ที่ทุกคนต้องตัดสินใจว่าจะใช้มีดนั้น "ตัด"(อย่างสิ้นเชิง) หรือไม่เท่านั้น...

.............It's up to you............

 

ครับถ้าเรายอมรับอีกด้านที่ไม่ใช่วิทย์กันมากขึ้น การเลื่อนระดับก็จะไปอีกขั้นแต่เพราะมนุษย์ยังปิดกันความเชื่อพลังจิต และยังมีความเชื่อที่เบียดเบียนผู้อื่นอย่างไก่ชน เป็นต้น มนุษย์คงได้แค่นี้คงหยุดแค่นี้แต่มีคนอีกหลายคนที่เลื่อนระดับไปแล้วแต่บางคนก็ยังหาทางออกและปรับสภาพไม่ได้กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงกับตัวเอง จึงไม่กล้าใช้สิ่งที่เลื่อนระดับให้เกิดประโยชน์ ใครที่อ่านถูกถ้าเจอคนที่ไม่กล้ากลุ่มนี้จงใช้ธรรมะและความเข้าใจพูดกับเขาให้เขายอมรับและใช้มันให้เกิดประโยชน์ให้ได้ ผมเชื่อวา่ายังมีคนมีหลายคนที่ไม่กล้าและไม่แน่ใจ

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น และไม่แน่ใจลองมาปรึกษาผมก็ได้นะครับ ที่https://www.facebook.com/supergjit มาคุยกันหรืออีเมล์supergjit@hotmail.com หรือเบอร์ผม(ใช้ของทรู) 0889326596 โทรมาบอกก่อนนะเพราะบางทีนึกว่าโทรมาผิดผมจึงตัดสายไป
พูดว่า

นั่นใช่เบียร์รึเปล่า

ผมชื่อเบียร์ครับมีสัมผัสที่6และรับดูดวงผ่านนิมิตฟรีจุดประสงค์ไม่ใช่เงินทองถ้าจะจ่ายจริงแนะให้เอาเงินนั้นไปทำบุญกับคนในบ้านหรือวัดใกล้ๆของคุณแล้วก็แล้ว เน้นเรื่องบุญครับแต่แนะถ้าจะคุยผมจะสะดวกคุยแชทในเฟสมากกว่าเพราะผมเล่นในมือถือ ไม่ก็โทรมาครับ


การแผ่บุญให้เทพ อย่าคิดว่าบุญของเทพมีมากกว่าแล้วจะแผ่ไม่ได้การแผ่บุญให้เทพก็เหมือนการแผ่ความเคารพต่อเทพทุกองค์แล้วจะได้รับการคุ้มครองและบุญกุศลกลับมามากยิ่งขึ้น ยิ่งให้ยิ่งได้นะ

 

หลายวันก่อนผมอ่อนล้ามากๆ ทั้งกายและใจ หรืออาจจะเรียกได้ว่า
เป็นโรคซึมเศร้าก็ว่าได้ ทั้งๆที่เฝ้าดู เฝ้าถามอารมณ์ตัวเองอยู่ว่า
แกเป็นอะไรของแกเนี่ย..แกจะหดจะหู่ไปถึงไหนกัน..แต่มันก็ไม่ตอบ
และก็ไม่ยอมหายด้วย อิอิ..ก็เลยต้องปล่อยให้มันเป็นของมันอยู่แบบนั้นแหละ

แต่บทมันจะหาย มันก็หายเอาง่ายๆ ภายใน 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
ทั้งนี้ต้องขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่คอยช่วยเหลือผมอยู่ และก็ช่วยมาตลอดด้วย..
ซึ่งหมายถึงทั้งท่านที่เป็นมนุษย์ และที่ไม่ใช่มนุษย์หนะนะครับ..

แต่ที่อยากจะยกตัวอย่างความช่วยเหลือจากต่างมิติให้ทุกๆท่านได้รู้ด้วย
และจะได้นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วยก็คือ..คำแนะนำของท่าน Hilarion ครับ
ที่ข้อความเมื่อเร็วๆนี้ ที่ท่านแนะนำให้เราออกไปตากแดดวันละ 20 นาทีนั่นแหละครับ

และก็ข้อความจากใครอีกนะ ไม่แน่ใจว่าชาว Arcturian หรือเปล่า
ที่ผมบังเอิญอ่านมาเจอเรื่องของ "อารมณ์" พอดีเลย
ก็เลยอยากจะเอามาเล่าต่อด้วยหนะครับ

คือท่านบอกว่า "อารมณ์" คือ "สัญญาณเตือนภัย" ที่แจ้งให้เราทราบว่า
เวลาใดที่เราหดหู่ เศร้า โกรธ เกลียด หรืออะไรก็ตามแต่ ที่เป็นด้านลบ
ให้คิดว่ามันคือสัญญาณเตือนภัยให้เราทราบว่า ในขณะนั้นๆ
"ระดับความสั่นสะเทือนของเราลดต่ำลงไปจนถึงขีดอันตรายแล้ว ให้รีบแก้ไขด่วน"

และวิธีแก้ไข ก็คือ การยกระดับความสั่นสะเทือนของตัวเองขึ้น ด้วยวิธีการต่างๆ
เช่น นั่งสมาธิ สวดมนต์ ฟังเพลง ทำกิจกรรมที่สนุกสนาน และ สร้างสรรค์ เป็นต้น

แต่ท่านบอกว่า เคล็ดลับก็คือ ถ้าเพียงแต่พวกเราไม่ลืมว่าเราเป็นใครแล้ว
เราจะไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์เลย

คือหมายความว่า ตัวตนที่แท้จริงของพวกเราหนะ คือ จิตวิญญาณ
และจิตวิญญาณ ก็คือสิ่งที่อยู่ในมิติที่ 5 ซึ่งมีความสมดุลอยู่ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น จึงไม่มีเลยที่จิตวิญญาณจะมามีอารมณ์ด้านลบเหล่านี้
เพราะว่าในมิติที่ 5 ปราศจากความเป็นขั้ว และรวมถึงปราศจากเพศด้วย

ดังนั้น ผู้ที่กำลังเป็นทุกข์อยู่ หรือ มีอารมณ์ด้านลบอยู่นี้ จึงไม่ใช่เราเลย
แต่คือร่างกายนี้ และ จิตมนุษย์นี้ (ego) ของเราต่างหากหละ
ดังนั้น จึงให้แค่สังเกตการณ์ดูมันเฉยๆ แบบไม่ตัดสินชี้ถูกผิดใดๆทั้งสิ้น
และให้เข้าใจมัน เพราะว่ามันอยู่ในมิติที่ 3 มันอยู่ในแมตริกซ์ของความเป็นขั้ว
ดังนั้น มันจึงกำลังหลงมายาการอยู่ มันจึงมีข้อจำกัด และมีการแบ่งแยก เป็นธรรมดา

ก็สรุปว่า ให้แยกตัวตนที่แท้จริงของเราออกมาจากตัวตนที่กำลังมีอารมณ์ด้านลบอยู่นั้น
แล้วพอเราทำได้จริงๆแล้ว เราก็จะรู้สึกรักและเห็นใจมันด้วยซ้ำไป
ดังนั้น การยอมรับแบบไม่มีเงื่อนไข, การรักแบบไม่มีเงื่อนไข และ
การให้อภัยแบบไม่มีเงื่อนไขแก่มัน จึงสามารถเกิดขึ้นได้ แบบไม่ยากเย็นนัก

และด้วยข้อมูลที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ผมก็ได้ลองนำไปใช้แล้ว เมื่อวานนี้เองครับ
ปรากฎว่า..อาการโรคซึมเศร้า โรคย้ำคิดย้ำทำอยู่กับแต่เรื่องที่ตัวเองกำลังทุกข์อยู่นั้น
หายไปภายใน 1 ชั่วโมงที่ผมนั่งสมาธิเลยทีเดียว

คือเมื่อวานนี้ ตอนบ่ายโมงกว่าๆ ผมแอบหลบไปนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้บนสนามหญ้าคนเดียว
โดยเลือกจุดที่มีแสงอาทิตย์ส่องลงมาโดนตัวได้ด้วย
โอ..มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากครับ มันเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก

เพราะว่า ถ้าเรามีระดับความสั่นสะเทือนสูงอยู่แล้ว
แล้วนั่งสมาธิเพื่อยกระดับขึ้นอีกนิดหน่อย สมมุติว่า ได้อีกคืบหนึ่งนะ
มันก็จะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากมายอะไรเลยใช่ไหมหละครับ
แต่เวลาที่เรากำลังมีระดับความสั่นสะเทือนที่ต่ำจนถึงขีดอันตรายอยู่หละก็
พอยกขึ้นมาได้ สมมุติว่าขึ้นมาได้เท่ากับระดับ ที่กรณีแรกทำได้
ความต่า่งของมันก็อาจจะเป็นวา หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป
ดังนั้น อาการต่างๆมันก็จะวูบวาบ ซู่ซ่า กระปรี้กะเปร่า และแตกต่าง
แบบเห็นได้ชัดเจนมากๆ..จนเกิดปิติน้ำตาเกือบไหลพรากเลยทีเดียวครับ

(และมีกระแสความคิดเข้ามาบอกด้วยว่า บทเรียนเรื่องนี้
ผมได้เรียนมามากพอแล้วหละ วันนี้ มันจะจบสิ้นแล้วหละ
และผมก็จะไม่ต้องเรียนมันอีกต่อไปแล้ว..พอความคิดนี้จบลง
น้ำตาก็เกือบจะไหลพรากเลยหละครับ อิอิ..)

และในขณะที่นั่งสมาธิตากแดดอยู่นั้น ถ้าใครยังจำข้อความ
ในกระทู้อีกกระทู้หนึ่งของผมได้อยู่ ที่บอกว่า
ในแสงแดดนั้น มี "พลังปราณ" อยู่ ซึ่งก็คือพลังชีวิตนั่นเอง
ตอนเรานั่งสมาธิตากแดดอยู่ เราก็จะรู้สึกชื่นชมยินดี และรู้สึกขอบคุณพระอาทิตย์
แทนที่จะรู้สึกกลัวดำ กลัวผิวเสีย หรืออะไรก็ตามแต่ที่เป็นด้านลบ
ดังนั้น เมื่อเรารู้สึกเป็นบวกกับพระอาทิตย์และกับแสงอาทิตย์แล้ว
เราก็จะใช้จิตของเราดึงเอาพลังปราณเข้ามาได้อย่างเต็มที่ และ อย่างเต็มใจ

พลังแสงอาทิตย์ช่วยได้มากจริงๆครับ อยากให้ท่านอื่นๆลองดูบ้าง
โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนนี้ นับตั้งแต่วันที่ 21/6/13 นี้เป็นต้นไป
ระดับพลังงานของโลกจะสูงกว่าในช่วงเวลาอื่นๆทั้งหมดที่ผ่านมาของปีนี้
ต่างมิติบอกว่าอย่างนั้นหนะนะครับ..เพราะฉะนั้น นี่คือโอกาสที่พิเศษสุดๆจริงๆ

แล้วก็ อย่าลืม ground ตัวเองไว้กับพระแม่โลกด้วยทุกๆวันนะครับ
โดยการจินตนาการเห็นลำแสงสว่างส่องจากดวงอาทิตย์ใจกลางกาแล็กซี่
ส่องตรงลงมาสู่จักระที่ 7 ของเรา แล้วทะลุผ่านลงไปยังทุกๆจักระของเรา
ออกไปสู่จักระที่ 1 แล้วทะลุผ่านลงไปถึงใจกลางโลก ที่เป็นผลึกเพชรขนาดมหึมานั้นด้วย

เวลาหายใจเข้า ก็ดึงพลังงานลงมาจากเบื้องบน มาอยู่ที่จักระที่ 4 ของเรา
คือตรงกลางทรวงอกหนะนะครับ แล้วจากนั้น เวลาหายใจออก
และด้วยเจตจำนงค์อันบริสุทธิ์ของเรา เราก็ถ่ายทอดลงไปสู่พระแม่ธรณีต่อไป
ให้พระแม่เอาไปใช้ในจุดที่จำเป็นต่อไป

แล้วจากนั้น พอทำไปได้สักพัก เราก็อาจจะเปลี่ยนวิธีบ้าง
โดยการหายใจเข้า สูดเอาพลังงานจากทั้งสองทิศทาง
คือทั้งจากเบื้องบนและเบื้องล่าง เข้ามาที่จักระที่ 4 ของเรา
แล้วจากนั้น ตอนหายใจออก ด้วยเจตจำนงค์อันบริสุทธิ์ของเราเช่นกัน
เราก็นึกแผ่พลังงานอันวิเศษอันนี้ ออกไปจากตัวเรา ทุกทิศทุกทาง
ออกไปสู่ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา และที่อยู่ในโลกใบนี้
จนครอบคลุมสว่างไสวไปทั้งโลกเลยทีเดียว
และอาจจะนึกให้สว่างไสวไกลออกไปถึงทั่วทั้งจักรวาลก็สามารถทำได้ด้วย
แล้วแต่เราหนะนะครับ..

มันมีอีกข้อความหนึ่ง จากไกอา ที่ผมอ่านเจอ และก็กะว่าจะแปลให้ท่านได้อ่านด้วย
ที่พูดถึงธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และพูดถึง "จิตวิญญาณของธาตุ" ทั้ง 4 นี้ด้วย
สรุปคร่าวๆก็ประมาณว่า ธาตุเหล่านี้มีจิตวิญญาณคอยควบคุมอยู่ในมิติที่ 4
ดังนั้น ถ้าเรารู้แบบนี้แล้ว และถ้าเราสื่อสารไปถึงจิตวิญญาณของธาตุเหล่านี้อยู่เสมอๆแล้ว
พวกเขาก็จะช่วยในเรื่องสุขภาพอนามัยของเราได้ด้วย

และเมื่อใดก็ตาม ที่ระบบภายในของเรา คือธาตุทั้ง 4 ของเรา
ทำงานกันอย่างสอดประสานกลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ระบบต่างๆภายนอกตัวเรา ก็จะได้รับอิทธิพลในด้านบวกไปด้วย โดยอัตโนมัติ
เพราะว่าจิตวิญญาณของธาตุทั้ง 4 นั้น นอกจากจะควบคุมธาตุในกายเราแล้ว
ยังควบคุมธาตุนอกกายเราด้วย..

ท่านบอกว่า "คุณจะสามารถควบคุมอะไรได้ ก็ต่อเมื่อคุณรู้ว่ามันมีอยู่เท่านั้น"
ซึ่หมายความว่า ถ้าเราไม่รู้เลยว่าธาตุทั้ง 4 ก็มีจิตวิญญาณครองอยู่
แล้วเราจะไปสื่อสาร หรือ ควบคุมพวกมันได้อย่างไร

ไกอาบอกว่า ถ้าระบบภายในเราสมบูรณ์แบบแล้ว เราเดินบนดิน ดินก็ตอบสนอง
เราไปใกล้น้ำ น้ำก็จะเงียบสงบ เราไปตรงไหน ธาตุที่อยู่ตรงนั้น
ก็จะตอบสนองในด้านบวกเสมอ สัตว์ต่างๆก็จะอยากเข้ามาใกล้เรา
ต้นไม้ใบหญ้าที่เราปลูก ก็จะเจริญงอกงามเป็นอย่างดี ซึ่งจะตรงข้ามกันคนที่ไม่สมดุล

และที่ผมเล่ามาถึงตรงนี้ ก็เพราะว่า เมื่อวานนี้ ด้วยข้อมูลความรู้ที่ผมยกขึ้นมานี้
ทำให้ตอนที่ผมนั่งสมาธิอยู่นั้น ผมรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง
และรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของทุกสรรพสิ่งได้มากกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา
เพราะว่าผมรู้ว่า ภายในกายของผมนี้ มีจิตวิญญาณของธาตุทั้ง 4 คอยช่วยดูแลอยู่
และมีตัวตนส่วนที่อยู่ในมิติที่ 1 และ 2 ของเราคอยทำงานกันอย่างขมักขเม้นอยู่
รวมถึงตรงพื้นที่ผมนั่ง ก็มีพระแม่ธรณีดูแลอยู่ บนท้องฟ้า ก็มีพระอาทิตย์
คอยส่องแสงส่งพลังชีวิตมาให้อยู่ตลอดเวลา แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น

ดังนั้น ผมถึงบอกว่า ผมรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของทุกสรรพสิ่งจริงๆ
มีแต่ความรู้สึกขอบคุณ และปลาบปลื้มใจ ที่รู้และเห็นละอองแห่งความรัก
กระจายอยู่ในทุกอณูของกาศแบบนั้น..อย่างที่ฟรั่งบอกว่า Love is in the air

และก็ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ด้วย คือไม่ว่าผมจะก้าวย่างไปที่ไหน
ผมก็ยังรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของทุกสรรพสิ่งอยู่เลยหละครับ
รวมถึงรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองด้วย..อย่างที่บอกไปแล้ว
คือรู้ว่าในกายเรานี้ มีแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เต็มไปหมดเลย

นี่หรือเปล่า..คือสิ่งที่เรียกว่า "การรักตัวเอง" หนะ
เพราะผมก็อาจจะเหมือนกับหลายๆท่านในที่นี้ ที่ก็แปลและอ่านมาเยอะแยะแล้วหละ
ว่า เราต้องรักตัวเองแบบไม่มีเงื่อนไขก่อน เราถึงจะไปรักคนอื่นแบบไม่มีเงื่อนไขได้
แต่ว่า..โทษทีเถอะครับ..แล้วมันเป็นยังไงหนอ ไอ้การรักตัวเองแบบไม่มีเงื่อนไขเนี่ย?

แต่พอมีบทเรียนเกี่ยวกับสัมพันธภาพเกิดขึ้น ก็เลยได้มีโอกาสเป็นทุกข์
และก็เลยได้มีโอกาสเรียนรู้จากทุกข์นั้น เพื่อที่จะกลับมารักตัวเองให้ได้อีกครั้งหนึ่ง

ต้องขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง และรวมถึงขอขอบคุณผู้ที่ทำให้ผมทุกข์นั้นด้วย
เพราะว่าเขาก็คงทำหน้าที่ "ครูฝึก" ให้กับผมอยู่ ตามพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณ
ที่ผมกับเขาอาจจะเคยทำไว้ต่อกัน ตั้งแต่ก่อนถือกำเนิดกระมังครับ..

นี่แหละท่านถึงว่า มันไม่มีเหตุการณ์อะไรเลย แม้แต่เหตุการณ์เดียว
ที่จะเกิดขึ้นมาโดยความบังเอิญหนะ..มันต้องมีวัตถุประสงค์อะไรบางอย่างอยู่แน่นอน

โอ..วันนี้เล่ายาวเป็นพิเศษเลยนะครับ..ขอพอแค่นี้ก่อนนะครับ
เดี๋ยว 2 ข้อความที่พูดถึงไปแล้วนั้น ผมจะทะยอยแปลให้อ่านนะครับ

...............................................

 

ตามมาอ่าน
เพื่อ save ข้อมูลไปอ่านยามว่างเช่นเคยค่ะ

 

ขอเล่าต่ออีกนิดหนึ่งนะครับ เพื่อจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ
ที่อาจจะกำลังมีปัญหาด้านสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นอยู่บ้าง
เพราะว่า การมีปัญหาด้านสัมพันธภาพนี้
เป็นหนึ่งในอาการแห่งการเลื่อนระดับขึ้นด้วยนะครับ
เพราะว่าเมื่อใดก็ตาม ที่ระดับความสั่นสะเทือนของเราและ "เขา"
ไม่เท่ากันแล้ว มันก็จะดึงให้เราออกห่างจากเขามากขึ้นๆตามไปด้วย
และนี่จึงเป็นที่มาของปัญหาด้านสัมพันธภาพหละครับ

ต่างมิติเคยบอกไว้ว่า ความรักใดๆก็ตาม ที่เป็นไปโดยไม่สมดุล
เช่น เป็นไปเพื่อการครอบครอง เป็นไปเพื่อการมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่าย เป็นต้น
เมื่อเข้าสู่ระดับความสั่นสะเทือนที่สูงขึ้นแล้ว..มันก็จะไปต่อไม่ได้
..แล้วมันก็จะต้องจบลง..

ดังนั้น สิ่งที่เรา ผู้ซึ่งกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณทั้งหลาย
จะต้องทราบไว้ก็คือ "ให้ไหลไปตามกระแส" อย่าไปฝืนกระแส
ซึ่งกระแสในที่นี้ ผมเองก็ไม่เคลียร์นัก แต่ต่างมิติเขาบอกแบบนี้แหละครับ
และเขาก็อธิบายต่อประมาณว่า กระแสที่ว่านี้
ก็คือกระแสพลังงานที่โอบล้อมทุกสรรพสิ่งอยู่ อะไรราวๆนั้นแหละครับ
ถ้าทางพุทธเรา จะเรียกว่ากระแสธรรมได้ไหมนะ?

และเราจะต้องรู้อีกว่า "การเปลี่ยนแปลง คือสัจธรรมอย่างหนึ่งของจักรวาลนี้"
ไม่มีที่ไหนเลย ไม่มีอะไรเลย ที่จะไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้น ถ้ามันถึงเวลาแล้ว เขาใช้คำว่า ถ้ามันถึงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ซึ่งหมายถึง เราจะต้องก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
เราก็จะต้องปล่อยสิ่งเก่าๆ ที่ไม่เป็นไปเพื่อความสูงส่งดีงามของเราเอง ให้จากไป
แม้ว่าสิ่งนั้น จะเป็นบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งยวดของเราก็ตาม (cry)(cry)(cry)

เพราะว่าคนๆนั้น เขาก็จะต้องเดินไปบนเส้นทางของเขาต่อด้วยเช่นกัน
ผู้อยู่เบื้องบนโน้น คือผู้ที่รู้ดีกว่าเราซะอีก ว่าตอนไหน มันจึงจะถึงเวลาทำอะไรแล้ว
ว่าตอนไหน เราจะต้อง "เจอ" หรือ "จาก" ใครไปแล้ว..
ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์สูงสุดด้านวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของตัวเราเอง
และทั้งนี้ ก็เพราะว่า มีสิ่งที่ดีกว่า ยิ่งใหญ่กว่า มีระดับพลังงานสูงกว่า
กำลังรอคอยอยู่ข้างหน้าโน่นแล้ว

..ซึ่งสิ่งที่ดีกว่าที่ว่านี้ อาจจะหมายถึง สัมพันธภาพใหม่ที่ดีกว่าเดิมก็ได้นะ อิอิ..


...ดังนั้น จงตัดอกตัดใจซะเถอะที่รัก...(cry)(cry)(cry)


เพราะว่าถ้าเธอไม่ยอมปล่อยมือจากสิ่งที่กำลังยึดติดอยู่นั่นไป
แล้วเธอจะมีมือที่ไหนไปรับเอาของใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาหละ?
นี่แหละต่างมิติถึงบอกว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกมนุษย์ก็คือ
"ความกลัว" และ "การยึดมั่นถือมั่น"

แต่ว่า..อย่างไรก็ตาม..ในฐานะที่ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญมาก ถึงมากที่สุด
ด้านการอกหักเนี่ย..ก็มีเทคนิกดีๆ ที่อยากจะเอามาเล่าให้ฟังอยู่
เผื่อว่ามันจะช่วยให้ท่านตัดใจได้ง่ายขึ้นบ้าง
ซึ่งเทคนิกที่ว่านี้ ก็ได้มาจากท่านมิคาเอลนั่นแหละ

ท่านมิคาเอลเคยบอกไว้ว่า เวลาเราไปมีสัมพันธภาพกับใครเขาไว้
เราก็มักจะส่งสายป่านพลังงานจากจักระที่ 4 ของเรา
ออกไปเชื่อมโยงกับจักระที่ 3 ของคนผู้นั้น
ดังนั้น ถ้าเมื่อใดที่เราอยากจะให้มันจบลง ก็ให้เราจินตนาการไปว่า
เห็นสายป่านแห่งแสงสว่างอันนั้น เชื่อมโยงอยู่ระหว่างเรากับเขา
แล้วจากนั้น ก็ให้จินตนาการว่า เราจับกรรไกรมาตัดสายใยรักนั้น ให้ขาดหลุดลอยไป
แล้วเขาหรือเธอผู้นั้น ก็หลุดลอยห่างหายไปจากเราไกลลิบตา ในบัดดล

ผมก็ใช้วิธีนี้อยู่ครับ วันนี้ก็ใช้ไปหลายครั้งแล้ว
คือทุกครั้งที่มีความคิด-ความทรงจำอะไรเกี่ยวกับสัมพันธภาพที่ว่านี้
โผล่ขึ้นมาหละก็ ผมก็จะตัดฉับทันที

ไม่เพียงแค่นั้นนะครับ ผมยังนึกจินตนาการว่า ผมใช้มือผักคนๆนั้น
ให้กระเด็นไกลห่างออกไปจากผมเองด้วยซ้ำไป..อิอิ..
แต่ว่านับตั้งแต่นั่งสมาธิตากแดดเคลียร์พลังงานอันนี้ไปได้แล้ว
ความรู้สึกห่วงหาอาวรณ์ หรือ เจ็บปวด โศกเศร้าเสียใจ ที่เคยเป็นอยู่นั้น
มันก็หายไปยังกะปริดทิ้งเลยนะ..ผมเองก็ยังแปลกใจเลยว่า ผมทำได้ยังไง

สรุปว่า โผล่มาเมื่อไหร่ตัดฉับทันทีครับ..อิอิ..ง่ายดายปานนั้นเลยหละ
เพราะว่าบางที ไม่ใช่เราเพียงฝ่ายเดียว ที่ไปสร้างสายใยเชื่อมกับเขา
เขาเองก็ส่งสายใยมาเชื่อมกับเราอยู่ด้วย และปกติ ก็ส่งมาบ่อยๆด้วย
และเราเองก็ด้วย ก็จะส่งสายใยไปหาเขาบ่อยๆด้วย จากความคิดถึงของเรา
เพราะฉะนั้น ตัดฉับ ทันทีครับ อย่าได้อาลับอาวรณ์อีกต่อไปเลย

แล้วเราก็จะเป็นอิสระจากสัมพันธภาพที่เอาแต่เหนี่ยวรั้งเราเอาไว้
หรือที่เอาแต่สูบพลังงานของเราไปแบบนี้ซะที
แล้วจากนั้น เราก็จะรู้สึกเบาสบาย และพร้อมแล้วที่จะก้าวต่อไป

เมื่อเร็วๆนี้ มีข้อความจากต่างมิติพูดถึงเรื่องความรักไว้เหมือนกันครับ
ท่านบอกว่า "รักแบบไม่มีเงื่อนไข" บางทีก็ต้องพูดคำว่า "ไม่" ด้วย
หรือบางทีก็ต้อง "หยุด" ด้วย หรือบางทีก็ต้อง "เลิกช่วยเหลือ" ด้วยก็มี
ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่เป็นไปเพื่อความสูงส่งดีงามของใครเลย
เราก็ต้องรู้จักปฏิเสธด้วย แต่ไม่ใช่ไม่รักนะ ยังรักอยู่แบบไม่มีเงื่อนไขไง
แต่ไม่ตามใจ หรือไม่ช่วยเหลือจนเขาไม่ได้เรียนรู้บทเรียนอะไรของตัวเองเลย


....................................................

 

ขอบคุณ คุณชยุต

ดิฉันเฝ้าคอยอ่านข้อความจากต่างมิติ มานานแล้ว แต่ไม่เคยโพส ขอบคุณ ซึ่งพยามมาหลายครั้งก็ไม่สามารถทำได้ ครั้งจะตอบก็จำ user ไม่ได้มั่ง จำ password ไม่ได้มั่งจนมาวันนี้สามารถตอบกระทู้ของท่านได้
ดิฉันพยามนำทุกสิ่งที่คุณถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือมาแล้วนำไปปฏิบัติ ได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็พยามอ่าน และก็ save file ไว้ตลอด มันทำให้ดิฉันเริ่มบ่อยวางที่ยึดติดได้เยอะ เพราะดิฉันก็ปฏิบัตธรรมมาค่อนข้างจะนาน แต่โดนทดสอบค่อนข้างจะเยอะ และเยอะกว่าบุคคลอื่นๆทั่วไป พอได้มาอ่านข้อความที่ท่านแปล อ่านไปๆ ผ่านมานาน เอาไปรวมกันกับครูบาอาจารย์ได้สั่งสอนมา ลักษณะคล้ายๆกัน รู้ว่าร่างกายเรามีแต่พลังงาน สัมผัสได้ และก็รับข้อความสื่อสารได้บ้างบางครั้ง ถ้าช่วงที่เราคุยกะจิตบ่อย แต่พักหลังจะขี้เกียจ พลังก็จะอ่อนลงไม่สามารถได้ยินเสียง แต่ก็รู้ว่าท่านรับรู้ทุกอย่าง จนวันนี้รู้สึกซาบซึ้งกับข้อความที่ท่านชยุตได้แปล ขอบอกว่ามันสุดยอดจริงๆ ขอบคุณที่ได้มาเจอที่แสนวิเศษสุดแห่งนี้ ขอบคุณจริงๆ

 

เมื่อคืนฝันแปลกอีกแล้วครับประมาณว่า " ฝันถึงพี่คนหนึ่งที่เป็นทหาร แล้วร่างกายทรุดโทรมจนต้องรักษาร่างกาย ทีนีก็ได้เห็นแผนภาพประกอบบรรยาย คือ ใช้พลังการรักษาจาก ดวงตาที่3 ทั้ง2 ที่ออกมาจากกลางฝ่ามือสองข้างทำการรักษาตัวเอง ประมาณว่านั่งสมาธิแล้วเอาฝ่ามือไปวางตามจุดต่างๆ (มั้งครับ อิอิ) จากนั้นก็จะเห็นร่างกายในแผนภาพรวมตัวกับแสงสีต่างๆ ตามลำดับเป็นเลเย่อๆ แล้วจะค่อยๆโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ" ตืนมาก็งง มากครับ แล้วมันจะเอาไปใช้ยังไงนิ อิอิ.

 

อืม..ข้อความนี้มาได้ถูกที่ ถูกเวลาสำหรับเราอีกแล้ว

 

Chayutt : แต่ว่า..อย่างไรก็ตาม..ในฐานะที่ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญมาก ถึงมากที่สุด
ด้านการอกหัก..........

ตามปรกติผมจะคล้อยตามคุณChayutt นะแต่ข้อความข้างบนเนี่ย
"อมรถมาพูดเค้าก็ไม่เชื่อ" ....... 5555555
สวัสดีครับ

 

555 เพราะว่าผมอกหักบ่อยมากนั่นเองครับ

...............................................