ข่าวด่วน "พระอาจารย์มิตซูโอะ ลาสิกขาแล้ว"

ข่าวการลาสิกขาของท่านไม่ต่างจากการมรณกรรมในทางโลกเลยครับ ขุนพลในทางธรรมพ่ายแพ้ไปแล้วลิ่วล้อทั้งหลายจะทำอย่างไร ยังเอาตัวไม่รอดแล้วจะไปถามใครละทีนี้ สรุปให้นะครับการไม่ยึดมั่นถือมั่นในทุกสิ่งคือหนทางแห่งพุทธแม้เราจะเสียดายอย่างไรแต่คำสอนของพระพุทธเจ้ามีมา 2600 ปีแล้วศึกษาและปฏิบัติพึ่งเห็นรู้ได้ด้วยตนเอง ธรรมสวัสดี

 

ทุกบุคคลต่างก็มีกรรมเป็นของตน เมื่อกุศลกรรมให้ผลอยู่ก็ย่อมได้รับผลดี เมื่ออกุศลกรรมให้ผลก็ย่อมได้รับทุกข์บ้างเป็นธรรมดา ถูกแล้วครับการเป็นพระเป็นได้ด้วยใจ มิใช่เป็นที่แค่โกนผมแล้วห่มเหลือง พระที่อยู่ในเพศฆราวาสมีอยู่มากมาย การทำใจเราให้เป็นพระสำคัญที่สุด และที่สุดเมื่อใจเป็นพระแล้ว หากยังมีภาระที่จะเผยแพร่พระพุทธศาสนาเพศบรรพชิต จึงเป็นเพศที่เหมาะสมที่สุด

 

เหมือนกันเลยค่ะ กำลังคิดอยู่ว่า ปิดช่วงตุลานี้ จะพาลูกไปนะค่ะ ไม่ได้ปฎิบัติธรรมแต่ขอไปกราบก็ยังดี
แต่ได้ข่าวตกใจเล็กน้อย แล้วบอกตัวเองว่า อย่ายึดติดนะค่ะ เลยหายตกใจ

 

เสียดาย บทความการทำสามาธิของท่านอ่านง่ายเข้าใจดี และนำมาปฏิบัติก็เห็นผลได้จริง ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใด รู้สึกเสียดาย ตัวท่านเองก็คงไม่ยิ่งหย่อนกว่าเรา ฝากด้วยครับหากอาจารย์ได้มาแถลง ชี้แจง เชื่อว่าแม้ท่านจะเป็นฆาราวาส แต่แนวทางการปฏิบัติของท่าน ผมก็ยังเลื่อมใสอยู่ อนุโมทนาครับ

 

อริยบุคคลทุกขั้นมีร่างกายไม่ต่างจากปุถุชน อายุยืน อายุสั้นแล้วแต่กรรมของแต่ละท่าน ไม่ได้เกี่ยวกับว่าพระอรหันต์ครองเพศฆราวาสไม่ได้ การบรรลุขั้นต่างๆของอริยบุคคลก็คือการได้ปัญญาเพิ่มขึ้น จนกระทั่งปัญญาเต็มที่สุดคือพระอรหันต์ เป็นแต่ตัวปัญญานะ ร่างกายก็เหมือนเดิม ส่วนเครื่องนุ่งห่ม ห่มอย่างไรก็ได้ เป็นแค่เรื่องภายนอก สำคัญที่ใจท่านเป็นอย่างไร

หลวงพ่อมิตซูโอะ ถ้าท่านอยู่แบบนี้ ลาภสักการะ ชื่อเสียงมีมากมาย อยู่ได้อย่างสบายๆแต่ท่านกลับไม่ยึดติด สละไปแบบนี้ ท่านอายุ 62ปี บวชได้37พรรษา ถ้าเป็นธรรมดาก็ไม่น่าจะสละละไปแบบนี้ พระอาจารย์ท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง ออกจากญี่ปุ่นมาคนเดียวตั้งแต่อายุยังน้อย ท่านเป็นผู้ที่ไม่ยึดติดอะไร ทิ้งไว้แต่คุณงามความดี

 

ทุกคนมีทางเดินของตนเอง ตามแต่กรรมที่กำหนด การตัดสินใจของท่านบางเรื่องอาจเป็นสิ่งที่บอกกล่าวกับทุกคนไม่ได้ พวกคณะศิษย์ที่อยู่ก็ต้องปฏิบัติตามปฏิปทาพ่อแม่ครูบาอาจารย์กันต่อไปกว่าจะพ้นทุกข์ พิจารณาใจเราดีกว่า

 

หนังสือก็เคยอ่านอยู่นะ อธิบายก็ละเอียดดี ถ้าเข้าถึงอริยะบุคคลทำไมถึงยังต้องสึกด้วยนะ

 

ช็อค ใจหาย และ เศร้ามากๆๆๆๆค่ะ
ติดตามอ่านหนังสือของท่านเกือบทุกเล่ม
อ่านแล้วสบายใจ เย็นใจดีจริงๆ
ท่านเป็นพระที่อยู่ในใจเราเสมอ.....

 

มีพบมีจาก สัจธรรม

 

อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ โทรข้ามประเทศหาลูกศิษย์

จากกรณีที่ พระอาจารย์ มิตซูโอะ อเวสโก อายุ 63 ปีชาวญี่ปุ่น เจ้าอาวาสวัด สุนันทวนาราม สาขาวัดป่าพง ที่ 117 หมู่ 8 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้ลาสิกขาบทที่วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร กทม.แล้วเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดคือประเทศญี่ปุ่นในทันที

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 11 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแม่ชี พิณพรรณ เนียมมุณี ที่ปฏิบัติธรรมภายในวัดนานกว่า 8 ปี ว่า เวลาประมาณ 11.00 น.ที่ผ่านมา อาจารย์ลัดดา สุวรรณกุล อายุ 71 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตอาจารย์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิภายในวัด ได้รับสายโทรศัพท์จากอดีตพระอาจารย์ มิตซูโอะ อเวสโก ที่โทร.ทางไกลมาจากประเทศญี่ปุ่น และแจ้งให้ทราบว่า เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิด ก็ได้ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ที่เคยให้ความช่วยเหลือท่านอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการเปิดคอร์สอบรมฝึกกรรมฐาน ให้แก่ชาวญี่ปุ่นและคนไทยขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้ รวม 3 วัน โดยกำหนดการฝึกอบรมกรรมฐานในวันที่ 21 กันยายน ที่เมืองคุมาโมโตะ วันที่ 22 กันยายน ที่เมืองโอกีนาวา และวันที่ 23 กันยายน ที่เมือง นาโกยา ซึ่งในระยะเวลาทั้ง 3 วันที่ทำการฝึกอบรมกรรมฐาน จะเปิดโอกาสให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อคลายความสงสัยในช่วงเวลาระหว่าง 11.00 น.ถึงเวลา 13 น.ทุกวัน จึงแจ้งมาเพื่อให้ทราบ แต่อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยถึงเมืองที่อยู่อาศัยของอดีตพระอาจารย์ มิตซูโอะ อเวสโก แต่อย่างใด

สำหรับบรรยากาศภายในวัดเป็นไปอย่างเงียบเหงา แต่มีความร่มรื่นจากต้นไม้นานาพันธุ์ที่ขึ้นอยู่ริมถนนทั้งสองฟากฝั่ง บริเวณศาลาพบชีพราหมณ์ จำนวนหนึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งทำความสะอาดลานวัด พร้อมทั้งล้างภาชนะต่างๆเช่นที่เคยปฏิบัติมาทุกวัน

อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ โทรข้ามประเทศหาลูกศิษย์

 

เรื่องธุดงค์ญี่ปุ่น โดยหลวงพ่อมิตซูโอะเควสโก
PANTIP.COM : Y11996011

 

ท่านมีเหตุผลของท่าน เราควรเคารพการตัดสินใจของท่านครับ

 

เคารพการตัดสินใจของท่าน ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่พระสงฆ์
พระสงฆ์ หน้าที่ นำเอาธรรมะขององค์สมเด็จฯ มาปฏิบัติ และเผยแผ่คำสอน ประกอบกฏ 3 ประการ สัพพะปาปัสสะ อะกระณัง, กุสละสูละ สัมปทา, สะจิตตะปริโยทะ ปันนัง และทรงยืนยันว่า พระพุทธเจ้าทุกองค์ เทศน์ตรัสเช่นนี้ทั้งสิ้น
ควรที่พุทธบริษัท อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลาย จะรับเลือกเอาธรรมะที่เหมาะกับตนเอง ไม่ติดกับครูบา อาจารย์ เพียงอย่างเดียว โดยพิจารณาอย่างแยบคาย ว่าสอดคล้องกับคำสอนของสมเด็จฯ แต่เดิมด้วยหรือไม่ (โยนิโสมนัสิการ) ไม่ควรปักใจเชื่อ โดยฝ่ายเดียว
ใครจะทรงความเป็นอริยะหรือไม่ มิใช่เราจะตัดสินเอาเอง ตามปัญญาของเรา ต้องทำตนให้เข้าถึงเสียก่อนจึงจะรู้ได้เอง ผ่านการสนทนาธรรม หรือผลงานของท่าน

 

ทำไมเหตุผลที่สึกถึงขัดแย้งกันเองด้วยละ สาเหตุที่สึกเพราะ เป็นโรคเบาหวาน จึงต้องการพักรักษาตัว กับ ไปช่วยงานธุรกิจทางบ้าน ทางวัดเหมือนสรุปให้งงเหมือนกัน ทางที่ดีท่านน่าจะแจงเหตุผลก่อนค่อยไปยังจะดูดีจะได้ไม่ต้องตีความไปต่างๆ นาๆ ( เดาไม่ถูกเลย )

 

อย่าไปซีเรียสกันให้มากเลย ตัวท่านก็ไม่ได้เป็นของใคร
ท่านจะสึกหรือไม่สึก ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน
ที่ผ่านมา ท่านก็ทำอะไรให้แก่วงการพระพุทธศาสนาในบ้านเรามาเยอะแล้ว

อย่าไปยึดติดกันให้มากเลย

ถ้าจะยึดติดล่ะก็ ขอให้ยึดติดแต่คำสอนของท่านเถอะครับ

 

สาเหตุเพราะเรื่องโรคเบาหวานเป็นข้อสันนิฐานที่ทางวัดและพระรักษาการเจ้าอาวาสท่านอาจจะเป็น1ในเหตุผลที่ ณ ตอนนี้เป็นข้อมูลเพียงอย่างเดียวที่ทางวัดรู้ เพราะท่านรักษาการเจ้าอาวาสผู้ไกล้ชิดเองยังงงและใจหายกับการที่ท่านลาสิกขาบทไปซะเฉยๆ ไม่มีใครเดาเหตุผลหรือล่วงรู้การตัดสินใจของท่านได้เลย...เอ๊ะ!!! หรือว่าท่านได้ค้นพบอะไรบางอย่างรึเปล่า เพราะท่านเป็นพระในทางสายปฏิบัติ นี่นา อาจจะค้นพบเหตุและผลบางอย่าง...........

 

ความคิดของคนญี่ปุ่น กับ คนไทยอาจจะคิดต่างกันนะ ชีวิตเป็นของเค้าๆ เค้าก็คงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดทางเดินที่ดีที่สุดให้กับตัวเองแล้วหละ อย่างคุณมิตซูโอะ สึกคิดว่าไม่แปลก แต่ถ้าเป็นท่านอื่นๆอย่างหลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื่อ หลวงปู่ชอบ หรือท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน เกิดสึกขึ้นมาคงคิดไม่ออกจริงๆ (ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้)

 

เคารพในการตัดสินใจของท่านค่ะ ถึงจะเป็นฆราวาสท่านก็เผยแผ่ศาสนาได้ และกลับไปสอนคนชาติเดียวกันคือญี่ปุ่นอีก ที่ผ่านมาท่านได้ทำประโยชน์ให้กับคนไทยมาพอสมควรแล้ว สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เราคิดเสมอไป

 

ขออนุโมนาบุญกับท่านด้วยครับกับสิ่งดี ดี ที่ท่านปฏิบัติมาทั้งในอดีต และิในอนาคตที่ท่านตั้งเจตนาไว้ แล้วอย่าลืมเมืองไทยนะครับ

 

ท่านหลวงพ่อเทียน บรรลุแล้วแต่ยังคงเพศฆารวาส2ปีก่อนจะเข้ามาบวช เพราะเหตที่ว่าผู้คนศรัทธาเพศของสงฆ์มากกว่า ดังนั้นการที่จะสงเคราะห์ผู้ใดก็ยากคนไม่ค่อยเชื่อท่านเลยบวช และท่านได้เทศน์ไว้เช่นกันว่าการสอนที่ว่า ต้องตายภายในเจ็ดวันหลังจากที่บรรลุแล้วเป็นการสอนที่ผิดและนำความเข้าใจผิดมาสู่ศาสนาด้วย ทำให้ศาสนาเสื่อมถอย พระสังฆราชจีนองค์ ที่หนีไปอยู่ป่า7ปีกับนายพราน ท่านอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่บรรลุธรรมแล้วตั้งแต่เป็นฆารวาส ในยุคสมัยนี้ข้าพเจ้ายอมรับว่ายังไม่เคยเห็นด้วยตาว่าที่บรรลุแล้วต้องตายภายในเจ็ดวัน แต่ที่เข้าใจคือกิเลสตาย
ดังนั้นในส่วนของท่นอาจารย์มิสุโอะ หลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้ว่าเป็นพระที่ปฏิบัตีปฏิบัติชอบ และสร้างประโยชน์แก่ประเทศไทย ที่ท่านได้อาศัยอยู่ ข้าพเจ้าไม่มีความสงสัยได ที่มีก็แต่เสียดายพระอย่างท่านที่จากประเทศไป และสังคมยังไม่ได้ตอบแทนคืนท่านบ้าง ซึ่งก็คิดว่าท่านคงไม่ต้องการหรอก
และไม่สงสัยที่ท่านไป โดยพิจารณาจากสภาพสังคมประเทศแม่ของท่าน คนทุกข์มากสถิติฆ่าตัวตายเป็นที่หนึ่งของโลกแทบทุกปี ที่ท่านไปคงเป็นเพราะพิจารณาแล้วว่าสมควรกลับไปทำประโยชน์ให้แผ่นดินเกิด ขอให้พวกเรา เข้าใจท่านด้วยเถิด คิดซะว่าท่านไปโปรดสัตว์ที่อื่น เป็นการทำประโยชน์เช่นกันน่ะ พระไม่ได้อยู่ที่สบง จีวร อันนี้ได้พบมาหลายองค์แล้วที่เป็นฆารวาส และเชื่อว่าอย่างท่านมิสุโอะอยู่ตรงไหนก็สร้างแต่ประโยชน์แน่นอน