พอใจรูม

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ppojai, 3 ตุลาคม 2010.

  1. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    เตือนตัวเอง.......ว่า.......

    เก่งได้ แต่ อย่ากร่าง
    รับรู้ฟัง...ไม่ใช่พล่าม เป็นน้ำไหล
    อย่า....หลงตน ให้คนเขา เหนื่อยหน่ายใจ

    ... เจอบันใด.............................ขึ้นได้..ต้องลงเป็น


    (ยืมมาจากเฟสบุ๊ค เพื่อเตือน....สติ......กันและกันจ๊ะ)


    --------------------------------------------------------------------------
    Prapas Satapongsat 555...ตรงเป๊ะๆเลยย

    เมื่อก่อนนี้นะ เราเป็นเอามากเลยเรื่อง"หลงตัวเอง"นี่
    คือแบบว่ามันดันเก่งมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว จึงเสียนิสัย เหลง ผยอง ลืมตัว..
    ดูถูกเพื่อน ก็ข้ามันเก่งกว่านี่หว่า.. จนกระทั่งผ่านปสก.ชีวิตตกต่ำมาหลายๆอย่าง
    เริ่มเข้าใจผู้คนมากยิ่งๆขึ้น เจ้าอีโก้พวกนี้มันก็ถูกชำระสะสางเหลือน้อยลงๆ
    มันก็เป็นเพียงละครหรือลิเกหรือสมมุติบัญญัติของตัวเองในกลุ่มชนนั้นๆ แค่นั้นเอง
    ยิ่งมาปฎิบัติธรรมด้วยแล้ว เติม"เมตตา"เข้าไปอีก ก็ยิ่งเบื่อหน่าย"พฤติกรรมแย่ๆของตนเอง"ในอดีต
    ที่ทำกับชาวบ้านชาวเมืองไปทั่ว ยิ่งพอเห็นคนอื่นกร่างมาก เราก็นึกถึงความทุเรศของตัวเองในอดีต
    จึงต้องหมั่นมีสติ หาทางลงบันไดให้เจอ
    เล่าสู่กันฟัง ไม่อาย ไม่เขิน แต่ก็ไม่หน้าด้าน..

    สาธุครับ

    -------------------------------------------------------------------
    .Pporjai Apichai โดน โด้น โดน..
    13 minutes ago · Like..Pporjai Apichai กิเลสเขย่า ๆ สะท้านยุทธจักร ขอบคุณค่ะครูดัช
    12 minutes ago · Like · 1..Pporjai Apichai ยิ่งรู้ ตรู..นี่ โง่ เจง ๆ
    12 minutes ago · Like · 1..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 พฤษภาคม 2013
  2. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]
     
  3. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]
     
  4. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]
     
  5. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]
     
  6. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]
     
  7. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    ความทุกข์ทั้งมวลมีมูลรากมาจากตัณหาอุปาทานความทะยานอยากดิ้นรน และความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราเป็นของเรา รวมถึงความเพลินใจในอารมณ์ต่าง ๆ

    สิ่งที่เข้าไปเกาะเกี่ยวย...ึดถือไว้โดยความเป็นตนเป็นของตนที่จะไม่ก่อทุกข์ก่อโทษให้นั้นไม่มี หาไม่ได้ในโลกนี้

    เมื่อใดบุคคลเห็นสักแต่ว่าได้เห็น ฟังสักแต่ว่าได้ฟัง รู้สึกสักแต่ว่าได้รู้สึก เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เพียงสักแต่ว่า

    ไม่หลงใหล พัวพัน มัวเมา เมื่อนั้นจิตก็จะว่างจากความยึดถือต่าง ๆ ปลอดโปร่งแจ่มใสเบิกบานอยู่

    เธอจงมองดูโลกนี้ โดยความเป็นของว่างเปล่า (ไม่มีสาระแก่นสารอันใด) มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิคือ ความยึดมั่นถือมั่นเรื่องตัวตนเสีย

    ด้วยประการฉะนั้น เธอจะเบาสบายคลายทุกข์คลายกังวล ไม่มีความสุขใดยิ่งไปกว่าการปล่อยวาง และการสำรวมตนอยู่ในธรรม.
     
  8. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    องค์ใดพระสัมพุทธ (Homage to the Buddha) - YouTube
    (นำ) องค์ใดพระสัมพุทธ (รับพร้อมกัน) สุวิสุทธสันดาน
    ตัดมูลเกลสมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
    หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบาน คือดอกบัว
    ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร
    องค์ใดประกอบด้วย พระกรุณาดังสาคร
    โปรดหมู่ประชากร มละโอฆกันดาร
    ชี้ทางบรรเทาทุกข์ และชี้สุขเกษมศานต์
    ชี้ทางพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยคภัย
    พร้อมเบญจพิธจัก- ษุ จรัสวิมลใส
    เห็นเหตุที่ใกล้ไกล ก็เจนจบประจักษ์จริง
    กำจัดน้ำใจหยาบ สันดานบาปทั้งชายหญิง
    สัตว์โลกได้พึ่งพิง มละบาปบำเพ็ญบุญ
    ข้าฯ ขอประณตน้อม ศิรเกล้าบังคมคุณ
    สัมพุทธการุญ- ญ ภาพนั้นนิรันดร ฯ (กราบ)
     
  9. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    บทสวดสรรเสริญพระรัตนตรัย

    พระพุทธคุณ

    (นำ) องค์ใดพระสัมพุทธ (รับพร้อมกัน) สุวิสุทธสันดาน
    ตัดมูลเกลสมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
    หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบาน คือดอกบัว
    ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร
    องค์ใดประกอบด้วย พระกรุณาดังสาคร
    โปรดหมู่ประชากร มละโอฆกันดาร
    ชี้ทางบรรเทาทุกข์ และชี้สุขเกษมศานต์
    ชี้ทางพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยคภัย
    พร้อมเบญจพิธจัก- ษุ จรัสวิมลใส
    เห็นเหตุที่ใกล้ไกล ก็เจนจบประจักษ์จริง
    กำจัดน้ำใจหยาบ สันดานบาปทั้งชายหญิง
    สัตว์โลกได้พึ่งพิง มละบาปบำเพ็ญบุญ
    ข้าฯ ขอประณตน้อม ศิรเกล้าบังคมคุณ
    สัมพุทธการุญ- ญ ภาพนั้นนิรันดร ฯ (กราบ)

    พระธรรมคุณ



    (นำ) ธรรมะคือคุณากร (รับพร้อมกัน) ส่วนชอบสาทร
    ดุจดวงประทีปชัชวาล
    แห่งองค์พระศาสดาจารย์ ส่องสัตว์สันดาน
    สว่างกระจ่างใจมล
    ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล
    และเก้ากับทั้งนฤพาน
    สมญาโลกอุดรพิสดาร อันลึกโอฬาร
    พิสุทธิ์พิเศษสุกใส
    อีกธรรมต้นทางครรไล นามขนานขานไข
    ปฏิบัติปริยัติเป็นสอง
    คือทางดำเนินดุจคลอง ให้ล่วงลุปอง
    ยังโลกอุดรโดยตรง
    ข้าฯ ขอโอนอ่อนอุตมงค์ นบธรรมจำนง
    ด้วยจิตและกายวาจา ฯ (กราบ)

    พระสังฆคุณ


    (นำ) สงฆ์ใดสาวกศาสดา (รับพร้อมกัน) รับปฏิบัติมา
    แต่องค์สมเด็จภควันต์
    เห็นแจ้งจตุสัจเสร็จบรร- ลุทางที่อัน
    ระงับและดับทุกข์ภัย
    โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร ปัญญาผ่องใส
    สะอาดและปราศมัวหมอง
    เหินห่างทางข้าศึกปอง บ มิลำพอง
    ด้วยกายและวาจาใจ
    เป็นเนื้อนาบุญอันไพ- ศาลแด่โลกัย
    และเกิดพิบูลย์พูนผล
    สมญาเอารสทศพล มีคุณอนนต์
    อเนกจะนับเหลือตรา
    ข้าฯ ขอนบหมู่พระศรา- พกทรงคุณา-
    นุคุณประดุจรำพัน
    ด้วยเดชบุญข้าอภิวันท์ พระไตรรัตน์อัน
    อุดมดิเรกนิรัติศัย
    จงช่วยขจัดโพยภัย อันตรายใดใด
    จงดับและกลับเสื่อมสูญ ฯ (กราบ)
     
  10. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    การเคารพนับถือพระพุทธเจ้า

    เคารพด้วยใจที่ตั้งมั่น มีจิตศรัทธา
    ไม่สงสัยในพระธรรมคำสอนของพระองค์ อันเป็นตัวแทนของพระศาสดา
    เปรียบประดุจพระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แม้เสด็จปรินิพพานไปนานแล้ว

    ตั้ง "นะโม" ขึ้นมาคราวใดขอให้มีจิตศรัทธา นอบน้อม
    ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยใจโดยแท้จริง

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

    ท่านสอนลูกหลานไว้ว่า....

    นิพพานถ้าฉลาดพอ ไปได้ทุกคน ไปได้ในชาตินี้

    การไปนิพพาน เป็นเรื่อง ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย

    ไปด้วย "กำลังใจ" อย่างเดียว แค่เราทำจิตเช่นนี้ไว้เสมอ

    คิดถึงแต่พระพุทธเจ้าเสมอ อย่าให้จิตห่างพระพุทธเจ้า

    คิดถึงแล้วเราจะไม่อยากทำชั่ว ท่านจะคอยช่วยจริงๆ

    ท่านจะคอยช่วยบังคับกระแสจิตเรา ให้ห่างจากความชั่วทุกชนิด

    ให้อยากทำแต่ความดี ให้มีใจเบิกบาน
    จริงๆ เราสามารถบอกตัวเองได้ ณ บัดนี้เลย ว่าเมื่อเราตายแล้ว เราจะไปไหน
    ด้วยความรู้สึกของเราเอง ขณะนี้ เราจะรู้ดีกว่าใคร ไม่ต้องไปหา อาจารย์ที่ไหน
    บอกเราว่าเราจะไปนิพพานได้หรือไม่ เราตอบตัวเราเองได้เลยนะ
    ว่าเราเป็นคนอย่างไร ถ้า...

    1.ใครด่า ว่า นินทา ตำหนิ ไม่รู้สึกโกรธ
    ไม่เดือดร้อน ไม่แค้น เฉยๆ คิดว่า
    คนก็เป็นอย่างนี้แหละ ถ้าไม่อยากเจอ สภาพนี้ เราก็ต้องหนีไปนิพพาน

    2.ไม่ว่าจะเจอมรสุมใด ก็ไม่ทุกข์
    มีหนี้ ลูกดื้อ ผัวบ้า เมียบอ ก็ไม่ทุกข์
    คิดว่าเขากับเรา ต่างคนต่างมา
    ต่างคนต่างไป ช่วยได้แค่ไหนก็แค่นั้น
    เราเห็นคนตายจากกัน
    ก็ไม่เห็นกลับมาช่วยอะไรกันได้อีก
    ดังนั้นเมื่อเราอยู่ หรือ ตาย ก็ไม่กังวล
    ไม่ทุกข์กับการที่ใครจะนิสัยอย่างไร
    ไม่ใช่นิสัยเราก็แล้วกัน
    แต่นิสัยเรา เราต้องแก้ ไม่ต้องแก้คนอื่น

    3.จิตทรงอุเบกขา เป็นอารมณ์
    จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง ไม่ตื่นเต้น
    ไม่ตกใจ ไม่ฟูมฟาย นิ่ง เข้าไว้ก่อน
    เห็นคนใกล้ชิดตาย หรือ มีเคราะห์กรรม
    ก็ให้คิดว่า คนในโลกนี้เขาก็มีให้เราเห็น
    อยู่ทุกวัน ไอ้เคราะห์กรรมแบบนี้
    แล้วทำไมมันจะเกิดกับเราไม่ได้
    กรรมแต่ละคน ต้องทำมากันทั้งนั้น

    อารมณ์นี้ หลวงพระราชพรหมยาน (พ่อฤาษีลิงดำ) ท่านบอกว่า
    " เป็นอารมณ์พระนิพพาน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 พฤษภาคม 2013
  11. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    Phu Bodin
    อยู่ก็เ็จ็บ! จบก็เหงา!

    ไม่อยากเจ็บ(อกหักหรือไม่ได้ดั่งใจ)
    ไม่อยากจบ(ไม่อยากตายหรือพลัดพรากจากคนที่เรารัก) เป็นต้น

    เพราะฉะนั้น พอจะมีทางรอดอยู่ทางเดียว นั่นก็คือ หันหน้าเข้าธรรม หรือหันหน้าเข้าหาความจริง
    เราจะเข้าใจชีวิตนี้เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาเพื่อใคร เกิดมาแล้วจะเกิดอีกไหมหน๋อ เป็นต้น
    เราจะหาคำตอบ หรือคลายความสงสัยของตนเองได้ ก็ต่อเมื่อหลังจากเราปฎิบัติไปได้สักพักหนึ่ง
    แล้วเกิดพบเจอจิต/ดวงจิตตนเอง แล้วต่อมาไม่นานนัก เราก็จะพบธรรมภายในจิตตนเอง
    นั่นแหล่ะ จะเป็นคำตอบสุดท้าย และเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับตัวของเราเองด้วย
    ในเมื่อเราสามารถตอบตนเองได้ เราก็ต้องตอบผู้อื่นได้ด้วย
    ในเมื่อเราเข้าใจตนเอง เราก็ต้องเข้าใจผู้อื่นได้ด้วย
    แต่ถ้าเรายังไม่เข้าใจตนเอง เราย่อมไม่เข้าใจผู้อื่นไปด้วย
    เพราะความจริงของเรา ก็คือ ความจริงของผู้อื่นด้วยเช่นกัน

    เราจะเข้าใจธรรมของเราเอง แต่ผู้อื่นไม่เข้าใจธรรมะของเรา
    แต่ถ้าเราไม่มีธรรมะเป็นของตน เราก็ไม่เข้าใจธรรมะของผู้อื่นด้วยเช่นกัน
    เพราะตราบใดธรรมะยังไม่เกิดที่จิตของผู้นั้น
    มนุษย์ในโลกนี้ถึงได้พากันวุ่นวาย เบียดเบียนกัน เดือดร้อน เป็นทุกข์แสนสาหัสกันไปทั่วหล้า

    สรุปว่า..เพียงแค่คนเราไม่มีศีล ไม่มีธรรมกันนี่เอง
     
  12. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    สังคหวัตถุ 4

    สังคหวัตถุ 4 หมายถึง หลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่น ผูกไมตรี เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล หรือเป็นหลักการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน มีอยู่ 4 ประการ ได้แก่
    1. ทาน คือ การให้ การเสียสละ หรือการเอื้อเฟื้อแบ่งปันของๆตนเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่เป็นคนเห็นแก่ได้ฝ่ายเดียว คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้ไม่เป็นคนละโมบ ไม่เห็นแก่ตัว เราควรคำนึงอยู่เสมอว่า ทรัพย์สิ่งของที่เราหามาได้ มิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน เมื่อเราสิ้นชีวิตไปแล้วก็ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้

    2. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน พูดด้วยความจริงใจ ไม่พูดหยาบคายก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมาะสำหรับกาลเทศะ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการพูดเป็นอย่างยิ่ง เพราะการพูดเป็นบันไดขั้นแรกที่จะสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น วิธีการที่จะพูดให้เป็นปิยวาจานั้น จะต้องพูดโดยยึดถือหลักเกณฑ์
    ดังต่อไปนี้

    เว้นจากการพูดเท็จ
    เว้นจากการพูดส่อเสียด
    เว้นจากการพูดคำหยาบ
    เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

    3. อัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ทุกชนิดหรือการประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

    4. สมานัตตา คือ การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ หรือมีความประพฤติเสมอต้นเสมอปลาย คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้เราเป็นคนมีจิตใจหนักแน่นไม่โลเล รวมทั้งยังเป็นการสร้างความนิยม และไว้วางใจให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย


    หน้าแรก
    สังคหวัตถุ 4 พรหมวิหาร 4 อิทธิบาท 4 อริยสัจ 4
    โลกธรรม 8 มรรค 8 ทิศ 6 ความกตัญญู

    http://www.learntripitaka.com/scruple/sank4.html
     
  13. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ต้องผิดหวังตั้งใจจะมาฟังเพลง....เพราะกาลเวลาเปลี่ยนไป
    สาธุครับ
     
  14. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k):cool:ยังร้องอยู่เสมอ ๆ ล่ะค่ะ คุณลุงหมาน ขอบพระคุณที่แวะมาเยี่ยมเยีนนะคะ..ร้องมานาน มันก็ใกล้จะหมดเพลงร้องได้แล้วค่ะ....ลุงหมานแวะไปฟังเพลงพอใจที่คลังเก็บเพลงพอใจได้เลยนะคะ..คุณลุง..คงสบายใจดีใช่ไหมคะ ก็ระลึกถึงอยู่เสมอ ๆ ค่ะ
     
  15. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    1.ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง 2.มีเหตุผล(ใฝ่ใจ)ที่ถูกต้อง(ปัญญา) 3.ก็จะทำให้พูดถูกต้อง 4.มีการกระทำที่ถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเอง และผู้อื่น 5.มีการดำรงชีพถูกต้อง (ศีล) 6.สัมมาวายามะ
    มีความพากเพียรถูกต้อง เป็นส่วนของใจที่บากบั่นในอันที่จะก้าวหน้า ไม่ถอยหลัง 7.มีสติ การคิดที่ถูกต้อง 8.มีสมาธิตั้งใจมั่นถูกต้อง(สมาธิ)
     
  16. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
  17. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ศีล ในแก่นแท้ของพุทธองค์ ก็มีอยู่แค่ ๓ อย่าง คือ

    ๑.อะไรที่เราทำแล้ว เบียดเบียนผู้อื่นไม่ควรทำ
    ๒.อะไรที่เราทำแล้ว เบียดเบียนตนเองไม่ควรทำ
    ๓.อะไรที่เราทำแล้ว เบียดเบียนตนเองด้วย ผู้อื่นด้วย ยิ่งไม่ควรทำ
     
  18. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    วิธีระงับความโกรธ
    "การที่เราเฝ้าแต่สร้างความโกรธต่อผู้อื่นอยู่เสมอนั้น เปรียบเสมือนกับบุคคลที่แบกขยะ เขาย่อมดมกลิ่นของขยะอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกโกรธคนอื่นอยู่ตลอดเวลาก็เช่นเดียวกัน หากเธอยึดมั่นถือมั่น โดยไม่รู้จักปล่อยวางความรู้สึกเกลียดชังนั้นเสีย เธอเองก็เปรียบเหมือนคนที่คอยแบกขยะ ต้องดมกลิ่นอันโสโครกนั้นอยู่ตลอดเวลา มิหนำซ้ำถึงเธอจะมีความคิดว่า คนอื่นจะเหม็นด้วย แต่คนอื่นก็หาเป็นเช่นเธอคิดไม่ มีแต่เธอผู้แบกขยะคนเดียวเท่านั้นที่ต้องดมกลิ่นนั้น โดยที่คนอื่นจะไม่รับรู้กับเธอแม้เพียงนิด"
    ข้อคิด
    ถ้าเรารู้จักพิจารณาหรือแยกแยะอย่างมีเหตุผลความโกรธจัดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นในชีวิตของคนเราแม้เพียงนิด เพราะความรู้สึกที่ก่อให้เกิดความฉุนเฉียวถือว่าเป็นบ่อเกิดของความด้อยค่าอย่างน่าอาย เป็นความหม่นหมองทางอารมณ์ที่ไม่ควรให้เข้ามาใกล้ชิด ดังนั้นเมื่อจะทำอะไรลงไป โปรดอย่าให้ความโกรธมาเป็นนายบังคับตัวเราให้ทำตามแรงสะท้อนของความเกรี้ยวกราดเหล่านั้น เพราะสิ่งที่ได้รับจากความดุร้ายของจิต ย่อมนำมาซึ่งความทุกข์ระทมเสมอ

    ทุกวันนี้เรายังขยันแบกขยะกันอยู่หรือเปล่าเอ่ย?
     
  19. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=-VYfMwKFkYs]ชีวิตสัมพันธ์ รวมศิลปินเพื่อชีวิต - YouTube[/ame]​
     
  20. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ชีวิตสัมพันธ์ - คาราบาว

    เจ้านกเอย เจ้าเคยอยู่บนกอไผ่
    กู่ขันบทเพลงจากใจ ชมไพรชมพฤกษ์พนา
    ส่งสำเนียง เสียงธรรมชาติสร้างมา
    ผสมเสียงเพลง พฤกษา ที่มาของเสียงดนตรี

    * กู่เรื่องราวบอกกล่าวถึงความรู้สึก
    ....เป็นเพียงสามัญสำนึกและการห่วงหาอาทร
    ตอนนี้เราสิ้นเงาไม้ไม่เหมือนก่อน
    ...ชุ่มชื่นกลับกลายเป็นร้อนเป็นแล้งระแหงระเหิด

    ** ความแห้งแล้งความชุ่มชื้นอย่างไหนที่เราชอบใจ
    ความร่ำรวยความยากจนอย่างไหนที่คนชอบกัน
    มันอยู่ที่ความสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้ต้นสายต้นน้ำลำธาร(นะ)
    มาจากป่าสู่เมืองจากเขาทะมึนหล่อเลี้ยงผู้คนในแท่งคอนกรีต

    *** ยามนี้เราจึงมาร้องเพลง...ร่วมร้องบรรเลงเสียงเพลงจากใจ
    เมืองนั้นมีความศิวิไลซ์เมื่อมีป่าไม้ต้นน้ำลำธาร
    มีนกกาหากินบินว่อนเหลือแม่ลูกอ่อนมีนมให้ลูกกิน
    คนหากิน
    สัตว์ก็หากิน
    เราไม่เบียดเบียนกันและกัน
    ต้นไม้งาม
    คนก็งดงาม
    งามน้ำใจไหลเป็นสายธาร
    ชุบชีวิตทุกฝ่ายเบิกบาน...มีคนมีต้นไม้
    มีสัตว์ป่า

    ความสมดุลย์คือคุณตามธรรมชาติ
    ดินน้ำลมฟ้าอากาศเติมวาดชุบชีวิตชน
    หมู่ไม้พรรณอยู่กันมาหลายชั่วคน
    ให้ใบให้ดอกให้ผลให้คนได้ผลประโยชน์

    * กู่เรื่องราวบอกกล่าวถึงความรู้สึก
    ....เป็นเพียงสามัญสำนึกและการห่วงหาอาทร
    ตอนนี้เราสิ้นเงาไม้ไม่เหมือนก่อน
    ...ชุ่มชื่นกลับกลายเป็นร้อนเป็นแล้งระแหงระเหิด

    ** ความแห้งแล้งความชุ่มชื้นอย่างไหนที่เราชอบใจ
    ความร่ำรวยความยากจนอย่างไหนที่คนชอบกัน
    มันอยู่ที่ความสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้ต้นสายต้นน้ำลำธาร(นะ)
    มาจากป่าสู่เมืองจากเขาทะมึนหล่อเลี้ยงผู้คนในแท่งคอนกรีต

    *** ยามนี้เราจึงมาร้องเพลง...ร่วมร้องบรรเลงเสียงเพลงจากใจ
    เมืองนั้นมีความศิวิไลซ์เมื่อมีป่าไม้ต้นน้ำลำธาร
    มีนกกาหากินบินว่อนเหลือแม่ลูกอ่อนมีนมให้ลูกกิน
    คนหากิน
    สัตว์ก็หากิน
    เราไม่เบียดเบียนกันและกัน
    ต้นไม้งาม
    คนก็งดงาม
    งามน้ำใจไหลเป็นสายธาร
    ชุบชีวิตทุกฝ่ายเบิกบาน...มีคนมีต้นไม้
    มีสัตว์ป่า....

    ** ความแห้งแล้งความชุ่มชื้นอย่างไหนที่เราชอบใจ
    ความร่ำรวยความยากจนอย่างไหนที่คนชอบกัน
    มันอยู่ที่ความสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้ต้นสายต้นน้ำลำธาร(นะ)
    มาจากป่าสู่เมืองจากเขาทะมึนหล่อเลี้ยงผู้คนในแท่งคอนกรีต
    ชุบชีวิตทุกฝ่ายเบิกบาน...มีคนมีต้นไม้ มีสัตว์ป่า
    ...............
    คนหากิน
    สัตว์ก็หากิน
    เราไม่เบียดเบียนกันและกัน
    ต้นไม้งาม
    คนก็งดงาม
    งามน้ำใจไหลเป็นสายธาร
    ชุบชีวิตทุกฝ่ายเบิกบาน...มีคนมีต้นไม้
    มีสัตว์ป่า
    ..............
    เราไม่เบียดเบียนกันและกัน
    ต้นไม้งาม
    คนก็งดงาม
    งามน้ำใจไหลเป็นสายธาร
    ชุบชีวิตทุกฝ่ายเบิกบาน...
    มีคนมีต้นไม้
    มีสัตว์ป่า
    .............................................................
    [MUSIC][/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มิถุนายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...