จับตามอง สงคราม"นิวเคลียร์" โรงงานพลังงาน "นิวเคลียร์" การรั่วไหลของกัมมันตรังสี

ปชป.ประกาศนโยบายไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์


<table style="width: 480px;"><tbody><tr><td valign="top">
</td> <td valign="top"> นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์จะปรับปรุงแผนพัฒนากำลังไฟฟ้า 2550 หรือ พีดีพี 2007 โดยจะถอดแผนโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ออกจากพีดีพี.2007 และจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนสำหรับแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นใน15 ปีข้างหน้าเพราะในแผนพีดีพี. 2007 กำหนดให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4,000 เมกะวัตต์ ในขณะที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพียง 1.700 เมกะวัตต์ ทั้งที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า9 พันเมกะวัตต์และไม่มีความจำเป็นจะต้องเลือกนิวเคลียร์เป็นพลังงานทางเลือก
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า แนวโน้มการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลกลดลงหลังจากเกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลของรัสเซียระเบิดซึ่งมีผู้เสียชีวิตและทุพลภาพจากกัมมันตภาพรังสี เช่นในประเทศเดนมาร์ก นอร์เว ออสเตรียและเนเธอร์แลนด์ไม่ใช้นิวเคลียร์แต่ใช้พลังงานหมุนเวียนถึง 20% แม้แต่เยอรมันที่ผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 35 % ของกำลังไฟฟ้าทั้งหมดก็จะเริ่มปิดโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในเร็วๆนี้
สำหรับพลังงานหมุนเวียนที่จะใช้ในการผลิตไฟฟ้าได้แก่ ไบโอแก๊ซ ไบโอแมส พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมพลังงานความร้อนใต้พิภพและพลังงานน้ำ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคฯ.มีนโยบายในการส่งเสริมให้มีโรงไฟฟ้าแก๊ซชีวภาพและชีวมวลขนาด1 เมกะวัตต์700 แห่งกระจายใน 700 อำเภอทั่วประเทศโดยใช้เชื้อเพลิงหมุนเวียนในท้องถิ่นเป็นวัตถุดิบจะทำให้มีไฟฟ้าเข้าระบบ700 เมกะวัตต์หรือครึ่งหนึ่งของปริมาณความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี นอกจากนี้จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนและลดการนำเข้าเชื้อเพลิงรวมทั้งการพึ่งพาเทคโนโลยีของต่างประเทศหันมาสู่การยืนบนขาของตัวเองและถือเป็น การปฏิรูปยุทธศาสตร์พลังงานครั้งใหญ่ของประเทศไทย

http://www.dailynews.co.th</td></tr></tbody></table>

 

สหรัฐฯ ช่วยเวียดนามทำเตาปฏิกรณ์ 8 แห่ง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">18 กันยายน 2550 20:56 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">
กรุงเทพฯ-- แท่งยูเรเนียมความเข้มข้นสูงระดับที่ใช้เป็นอาวุธได้ถูกถอดออกจากเตาปฏิกรณ์สำหรับการวิจัยในเวียดนามแล้วเมื่อวันเสาร์ (15 ก.ย.) ภายใต้ข้อตกลงเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างเวียดนาม สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เวียดนามได้เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้ตกลงจะช่วยเหลือเวียดนาม สร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์รวมทั้งหมด 8 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2568 รวมทั้ง 3 แห่งสำหรับโรงไฟฟ้ากับอีกส่วนหนึ่งเพื่อศึกษาวิจัยและทดลอง

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="300"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center> โทรทัศน์ CNN ที่ติดตามทำข่าวประวัติศาสตร์นี้อย่างใกล้ นักวิทยาศาสตร์อเมริกันกับนักวิทยาศาสตร์เวียดนามร่วมเก็บแท่งยูเรเนียม เพื่อส่งคืนให้แก่รัสเซีย (ภาพ: www.CNN.com) </center> </td></tr> </tbody></table></td> <td width="5"></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> ต่อไปนี้เตาปฏิกรณ์ที่เมืองดาลัด (Dalat) จ.เลิมด่ง (Lam Dong) ในเขตที่ราบสูงภาคกลางของประเทศ จะใช้ยูเรเนียมเสริมแรงต่ำ 20% เปลี่ยนจากเดิมที่มีความเข้มข้นสูง 36% ทั้งนี้เพื่อป้องกันการนำไปใช้ทำเป็นระเบิดนิวเคลียร์ในอนาคต

หน่วยงานควบคุมและรักษาความปลอดภัยกัมมันตภาพรังสีและนิวเคลียร์ของเวียดนาม (Vietnam Agency for Radiation and Nuclear Safety & Control) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นผลสำเร็จจากความร่วมมือ 3 ฝ่ายระหว่างเวียดนาม รัสเซีย และสหรัฐฯ

สหรัฐฯ กับเวียดนามเซ็นความตกลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา "เพื่อเป็นการป้องกันการนำสิ่งของดังกล่าวไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตราย"

ในเดือนเดียวกัน คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูของเวียดนาม (Vietnam's Atomic Energy Commission) ตกลงกับองค์การการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency) หรือ IAEA ซึ่งควบคุมดูแลด้านนิวเคลียร์ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อส่งยูเรเนียมความเข้มข้นสูงคืนไปยังรัสเซีย

หน่วยงานด้านความปลอดภัยของเวียดนามกล่าวว่า แท่งยูเรเนียมความเข้มข้นต่ำจำนวน 36 มัด จะถูกส่งไปยังเวียดนามภายในปีนี้ เพื่อทดแทนแท่งยูเรเนียมความเข้มข้นสูง 34 มัด ซึ่งถูกส่งกลับไปยังรัสเซีย

สัญญาการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว เมื่อประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐฯ เดินทางเยือนกรุงฮานอย ซึ่งเป็นผู้นำคนที่ 2 ที่เดินทางไปเยือน ตั้งแต่อดีตประเทศคู่แค้นทั้งสองเริ่มสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2538

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5"></td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="250"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="250"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"> <center> อาณาบริเวณที่ตั้งเตาปฏิกรณ์ในเขตใกล้ๆ กับเมืองดาลัทในที่ราบสูงภาคกลางเวียดนาม </center> </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> สหรัฐฯ ได้สร้างเตาปฏิกรณ์เมืองดาลัท ให้แก่อดีตสาธารณรัฐเวียดนามหรือเวียดนามใต้ในปี 2506 ต่อมาอดีตสหภาพโซเวียตได้พัฒนายกระดับให้เตาปฏิกรณ์ดังกล่าวมีพลังขนาด 500 กิโลวัตต์ เพื่อใช้ประโยชน์ด้านการฝึกและการวิจัย

เวียดนามร่วมลงนามในสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ในปี 2525 และวางแผนเริ่มการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในปี 2558 เพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศที่มีความต้องการใช้พลังงานมากขึ้น

นายเวืองหือว์เติ่น (Vuong Huu Tan) ผู้อำนวยการสถาบันพลังงานปรมาณูแห่งเวียดนาม (Nuclear Energy Institute of Vietnam) กล่าวว่าแผนการจัดสร้างเตาปฏิกรณ์ทั้ง 8 แห่งเป็นความตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนาม

เตาปฏิกรณ์จำนวน 8 แห่งซึ่งรวมทั้งที่จะใช้ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาดว่าจะใช้เงินทุนทั้งสิ้น 16,000 ล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ รับปากจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้

เจ้าหน้าที่เวียดนามเปิดเผยก่อนหน้านี้เกี่ยวกับแผนแม่บทของรัฐบาลที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวน 4 แห่ง มีกำลังผลิตรวมกัน 8,000 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าแห่งแรกกำลัง 2,000 เมกะวัตต์มีกำหนดจะเปิดในปี 2560 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า.
</td></tr></tbody></table>

 

เกาหลีเหนือตกลงจะปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ยองเบียนสิ้นปีนี้

ปักกิ่ง 3 ต.ค. – สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เกาหลีเหนือตกลงที่จะปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เมืองยองเบียน และโรงงานนิวเคลียร์อื่นๆ ภายในวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ ตามข้อตกลง 6 ฝ่าย

การเจรจาอันมีเป้าหมายเพื่อระงับโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือเสร็จสิ้นลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้คณะผู้แทนเจรจาเดินทางกับประเทศเพื่อหารือการออกแถลงการณ์ร่วมกับรัฐบาลของแต่ละประเทศ ข้อตกลงได้รับการเปิดเผยที่กรุงปักกิ่ง ของจีนในวันพุธนี้ และได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ โดยข้อตกลงระบุว่า เกาหลีเหนือจะได้รับน้ำมันเชื้อเพลิง 1 ล้านตัน เป็นการตอบแทน และสหรัฐจะถอนชื่อเกาหลีเหนือออกจากบัญชีก่อการร้าย

สหรัฐเตรียมจะนำคณะผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปยังเกาหลีเหนือภายในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อเตรียมการปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์. -สำนักข่าวไทย


[ 2007-10-03 : 19:48:06 ]

 

โลกอีก 40 ปีควรเพิ่มนิวเคลียร์ 600 โรง ต้องลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่ง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 ตุลาคม 2550 10:09 น.



ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ เผยผลการประชุมเวทีวิทยาศาสตร์นานาชาติ นายกฯ ญี่ปุ่นชี้ ปี 2593 ทั่วโลกต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่ง พลังงานลมจะได้รับความนิยมมากขึ้น ขณะที่ต้องเพิ่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกอย่างน้อย 600 แห่ง ยันประเทศจี 8 ต้องเริ่มแก้ปัญหาเป็นตัวอย่าง แต่ไทยเองก็ต้องไม่หยุดนิ่ง

ภายหลังเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำด้านนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “STS Annual Meeting” ซึ่งเป็นการประชุมประจำปี จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 มีประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 7 -9 ต.ค. ณ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยมีผู้นำระดับรัฐมนตรีกว่า 25 ประเทศ และนักวิทยาศาสตร์จากหลายชาติในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา และแอฟริกา เข้าร่วมการประชุม

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมว่า ได้มีการหยิบยกปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อนมากล่าวถึงด้วย โดยเมื่อทศวรรษที่ผ่านมาได้มีการจัดทำพิธีสารเกียวโตขึ้นเพื่อควบคุมการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่บรรยากาศโลก อันเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีพิธีสารดังกล่าวแล้ว แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหาโลกร้อนก็ไม่ได้ทุเลาลง แต่กลับจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในพิธีเปิดการประชุมดังกล่าว นายยาซูโอะ ฟูกูดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้กล่าวว่า ในอีก 43 ปีข้างหน้าหรือปี พ.ศ.2593 ทั่วโลกควรลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศลงครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน และควรมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานลมให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อให้มีปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30 เท่าของปัจจุบัน โดยอาจต้องมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 600 แห่งทั่วโลก หรืออีกราวๆ 1 เท่าของเวลานี้

อย่างไรก็ดี ต่อความกังวลถึงความพยายามสานต่อพิธีสารเกียวโตที่จะสิ้นสุดลงในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า ศ.ดร.ยงยุทธ เผยว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีการพูดคุยกัน ทว่าคงทำอะไรมากไม่ได้เนื่องจากความพยายามดังกล่าวต้องริเริ่มโดยกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม (จี 8) ซึ่งเป็นผู้ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศกว่า 80% ของโลกเป็นผู้ทำให้นานาชาติได้เห็นเป็นตัวอย่างก่อน จึงจะทำให้ประเทศอื่นๆ เริ่มทำตามได้

“ตรงนี้ ถ้าจะพูดกันตามภาษาเทนนิสแล้ว คงต้องบอกว่าลูกเทนนิสยังอยู่ในคอร์ดของฝ่ายจี 8 รอให้เขาตีลูกกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นประเทศไทยเราเองก็ต้องมีมาตรการของเราเพื่อจัดการกับปัญหานี้เองด้วย” ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าวทิ้งท้าย

 

อังกฤษประเมินผลไฟไหม้ปฏิกรณ์นิวเคลียร์ "วินสเกล" ต่ำไป

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 ตุลาคม 2550 16:09 น.


บีบีซีนิวส์/เดอะการ์เดียนท์ - ไฟไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "วินสเกล" ในอังกฤษเมื่อ 50 ปีก่อนส่งผลให้เกิดรังสีรั่วปกคลุมทั่วอังกฤษและยุโรป ซึ่งการวิจัยล่าสุดพบว่าอุบัติเหตุดังกล่าวส่งกระทบรุนแรงกว่าที่เคยประเมินโดยทำให้เกิดสารรังสีรั่วสูงกว่าที่คิด 2 เท่าและเป็นปัจจัยให้เกิดผู้ป่วยมะเร็งสูงกว่าที่คิดหลายสิบราย

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ปี 2500 เกิดไฟไหม้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วินสเกล (Winscale) สหราชอาณาจักร โดยเครื่องปฏิกรณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องแรกของอังกฤษซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อผลิตพลูโตเนียมและธาตุอื่นๆ เพื่อใช้ในโครงการนิวเคลียร์ของอังกฤษ แต่การเร่งรีบที่จะสร้างในช่วงเวลาที่ความเข้าใจเกี่ยวกับนิวเคลียร์ยังน้อยอยู่นั้นได้นำไปสู่หายะที่ส่งผลกระทบทั่วยุโรป

อุบัติเหตุครั้งนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากแท่งควบคุมแกร์ไฟต์ในแกนเครื่องปฏิกรณ์เกิดปะทุและทำให้เกิดไฟล้างพลาญอันเป็นสาเหตุของการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่ฟุ้งกระจายสู่ชั้นบรรยากาศ แม้ว่าจะใช้น้ำดับไฟในครั้งนั้นได้แต่ละอองกัมมันตรังสีก็ได้กระจายออกไปในวงกว้างและไกล แต่ในเวลานั้นประเมินกันว่ามีการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีเพียงเล็กน้อย เบื้องต้นทางการประกาศให้พลเมืองงดดื่มนมวัวที่เลี้ยงในรัศมีประมาณ 300 กิโลเมตรห่างจากโรงงานนิวเคลียร์วินสเกล

ล่าสุดการศึกษาของจอห์น การ์แลนด์ (John Garland) อดีตนักวิจัยผู้มีอำนวจในหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานนิวเคลียร์สหราชอาณาจักร (UK Atomic Energy Authority) และ ริชาร์ด เวกฟอร์ด (Richard Wakeford) ศาสตราจารย์พิเศษจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester) เผยว่าการปนเปื้อนของสารกันมันตรังสีน่าจะสูงกว่าที่เคยคาดไว้มาก

"เราประเมินว่ามีการปลดปล่อยสารกัมมันตรังสีออกมาเป็น 2 เท่าของที่เคยคาดไว้" จอห์นกล่าว โดยผลจากการประเมินผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุไฟฟ้าโรงงานนิวเคลียร์อีกครั้งพบว่า ไฟไหม้ซึ่งทำให้เกิดพวยควันสารกัมมันตรังสีของซีเซียม ไอโอดีนและโพโลเนียมกระจายไปทั่วอังกฤษและตอนเหนือของยุโรปนั้นอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งมากกว่า 40 รายของที่คาดไว้ โดยกว่า 200 รายของผู้ป่วยมะเร็งที่รวมทั้งมะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งทรวงอกและมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคิเมีย (leukaemia ) นั้นอาจมีสาเหตุจากสารกันมันตรังสีที่หลุดรั่วออกมา

ทั้งนี้ทีมวิจัยได้นำข้อมูลการตรวจตราสภาพอากาศ หญ้าและผักมาวิเคราะห์ใหม่ด้วยแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ซึ่งเผยให้เห็นว่าฝุ่นควันของสารกัมมันตรังสีได้ฟุ้งกระจายจากเครื่องปฏิกรณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุอย่างไร โดยใช้ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาในเวลานั้นเป็นตัวแปร พวกเขายืนยันว่าสารกันมันตรังสีของซีเซียม ไอโอดีน โพโลเนียม รวมทั้งพลูโตเนียมจำนวนเล็กน้อยได้รั่วออกมาจริงแต่พบในระดับที่สูงกว่าที่เคยคิดไว้มาก

"การประเมินใหม่อีกครั้งแสดงให้เห็นอย่างหยาบๆ ว่ามีปริมาณการปนเปื้อนเป็น 2 เท่าของที่เคยประเมินไว้" จอห์นกล่าวซึ่งปริมาณดังกล่าวย่อมกระทบต่อจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ โดยก่อนหน้านี้คาดว่ามีผู้ป่วยมะเร้งที่ได้รับสารกัมมันตรังสีจากไฟฟ้าเครื่องปฏฺกรณ์วินสเกล 200 ราย แต่การศึกษาล่าสุดแสดงให้ว่าน่าจะมีผู้ป่วยจากสาเหตุดังกล่าวกว่า 240 ราย ทีมวิจัยเผยอีกว่าตอนนี้สารกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ที่ปลดปล่อยออกมานั้นไม่ปลดปล่อยรังสีที่อันตรายแล้ว เพียงแต่ยังคงเหลือซีเซียมและพลูโตเนียมปนเปื้อนอยู่เล็กน้อย

 

เมื่อเช้าเห็นว่า บูช จะมอบรางวัลให้ ดาไล ลามะ ด้วยตนเอง แต่จีนไม่พอใจเป็นอย่างมาก เหมือนจะเริ่มทำสงครามจิตวิทยากันแล้ว

 

กรีนพีชต้าน

 

พลังงานนิวเคลียร์: สภาพการณ์ปัจจุบันและในอนาคต

พลังงานนิวเคลียร์จะยังคงเป็นหนึ่งในพลังงานหลักของโลกต่อไปอีกหลายทศวรรษ ตามการคาดการณ์ของ IAEA (องค์กร IAEA ย่อมาจาก International Atomic Energy Agency ในบ้านเรา เรียกกันว่า “สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ”)

ในปีค.ศ.1960 พลังงานนิวเคลียร์มีบทบาทในการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกแค่1% แต่ก็เพิ่มเป็น16%ในปี1986 และยังคงตัวเลขไว้ที่16%จนถึงปัจจุบัน เป็นตัวบ่งชี้ว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วพอๆกับการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก

IAEA ได้ค้นพบว่ามีโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลียร์กว่า435โรงทั่วโลก และมีอีก29โรงที่อยู่ในระหว่างการสร้าง สหรัฐมีมากที่สุดถึง103โรง ตามมาด้วยฝรั่งเศสที่59 ญี่ปุ่55 และรัสเซียมี31โรง

จากทั้งหมด 30 ประเทศที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ ฝรั่งเศสพึ่งพลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตไฟฟ้ามากที่สุด โดย78%ของไฟฟ้าในฝรั่งเศสมาจากพลังงานนิวเคลียร์ สำหรับประเทศอื่นๆ 54%ของไฟฟ้าในเบลเยี่ยม 39%ของไฟฟ้าในเกาหลีใต้ และ37%ของไฟฟ้าในสวิตเซอร์แลนด์มาจากพลังงานนิวเคลียร์ จีนใช้แค่2%

จุดที่น่าสนใจคือ การขยับขยายโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลียร์จะอยู่ในเอเชียซะส่วนใหญ่ จากโรงงานนิวเคลียร์ที่อยู่ในระหว่างการสร้าง29โรง 15โรงอยู่ในเอเชีย จากโรงงาน36โรงที่เพิ่งเริ่มปฏิบัติการ 26โรงอยู่ในเอเชีย

3%ของไฟฟ้าที่ใช้ในอินเดียมาจากพลังงานนิวเคลียร์ แต่จากโรงงานนิวเคลียร์7โรงที่กำลังอยู่ระหว่างการสร้าง บวกกับที่กำลังจะวางแผนสร้างอีกในอนาคต คาดว่าในอีก15ปี 10%ของไฟฟ้าในอินเดียจะมาจากพลังงานนิวเคลียร์

จีน ยักษ์ใหญ่ที่กำลังทำทุกวิถีทางในการสรรหาพลังงาน ก็กำลังสร้างโรงงานนิวเคลียร์ถึง4โรงด้วยกัน แต่เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานที่มากขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งคู่ ในอนาคต ไฟฟ้าที่กำเนิดในจีนก็ยังจะมาจากพลังงานนิวเคลียร์แค่ 2-4% อย่างเช่นในขณะนี้

รัสเซียก็ขยับขยายพลังงานนิวเคลียร์เหมือนกัน ที่ยิ่งไปกว่านั้น รัสเซียกำลังพัฒนาตนเองให้เป็นผู้บริการด้านพลังงานนิวเคลียร์ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นบริการเช่าเชื้อเพลิง บริการจัดการกับเชื้อเพลิงที่ใช้แล้ว หรือแม้กระทั่งบริการเช่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แก่ประเทศต่างๆ

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ ที่มีพลังงานนิวเคลียร์เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็กำลังขยับขยายการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เช่นกัน

ส่วนสภาพการณ์ในยุโรป เป็นตัวอย่างที่ดีของคำว่า“นานาจิตตัง”ก็ว่าได้ มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อยู่ถึง166โรงทั่วยุโรป อย่างไรก็ตาม มีประเทศที่ห้ามใช้พลังงานนิวเคลียร์มากมาย เช่น เดนมาร์ก อิตาลี ออสเตรีย และ ไอร์แลนด์

ประเทศที่เคยใช้และกำลังเลิกใช้พลังงานนิวเคียร์ก็เช่น เยอรมัน กับ เบลเยี่ยม

ประเทศที่ขยับขยายเพิ่มเติม ก็เช่น ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ บัลแกเรีย

ส่วนอังกฤษ กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาถึงแผนการขยับขยายในอนาคต

ท้ายสุด ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ สหรัฐอเมริกา ที่พึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตไฟฟ้าถึง19% การขยับขยายพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา เน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและพลังการผลิตของโรงงานมากกว่าการสร้างใหม่ โรงงานนิวเคลียร์48โรงจากทั้งหมด103โรงได้รับการซ่อมแซมให้มีอายุการใช้งานต่อไปอีก20ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แหล่งข่าว: IAEA
ข่าววันที่: 24 ตุลาคม 2550
เวบไซต์: http://www.sciencedaily.com/releases/2007/10/071023103052.htm

 

2007-10-29 19:40:21 - Nuclear Event - Russia

<CODE>GLIDE CODE: NC-20071029-13932-RUS
Date & Time: 2007-10-29 19:40:21 [UTC]
Area: Russia, Orenburgskaya Oblast\' , Urแl , Mayak

Description:

Russia says there has been a radiation leak at a nuclear reprocessing plant in the Ural mountains east of Moscow, but that it has not harmed anyone.Local emergency officials say a faulty tap allowed radioactive waste to leak from a tank onto a stretch of road at the Mayak plant last Thursday.Radiation levels inside and outside the plant are normal, the officials say.The plant was a top secret Soviet atomic weapons facility. In 1957 it was the scene of a major nuclear accident.In the latest incident, a violation of safety rules was blamed for the leak.Russian prosecutors are considering whether to open a criminal case. </CODE>