เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    คัดลอก
    อ่านเอาเพลินไปก่อน ประเดี๋ยวจะเข้ามาเล่าในส่วนของเรา
    ........................

    หากย้อนอดีตราวปี 2,510 เป็นต้นมาได้มีการเปรียบเทียบว่า "ชลบุรี" ว่าเป็น "เมืองอิทธิพลแดนเถื่อน"

    การฆ่ากันด้วยอาวุธสงครามถือเป็นเรื่องธรรมดาเนื่องจากหาซื้อได้ง่ายยิ่งกว่าไปซื้อขนมตามร้านค้าเนื่องจากสภาพของจ. ชลบุรีติดต่อมีอาณาเขตกับแนวชายแดนทางด้านทิศตะวันออก

    อาวุธสงครามนานาชนิดทะลักเข้ามาด้วยราคาถูกแสนถูกอาทิอาก้าเอ็ม 16 ระเบิดมือรวมทั้งลูก สนนราคาเพียง 2,000-2,500 บาทก็ได้ปืนเอ็ม 16 แล้วหรืออาก้ามาครอบครองในย่านห่างไกลความเจริญตามป่าเขาลำเนาไพรโดยเฉพาะ "หลงจู๊" ไร่อ้อยไร่มันสำปะหลังแทบจะมีทุกหลักคาเรือน

    การครองตัวเพื่อความอยู่รอดของเหล่าหลงจู๊เหล่านั้นจะต้องสร้างอิทธิพลด้วยการเลี้ยงลูกน้องไว้คอยดูแลเก็บเกี่ยวผลประโยชน์รวมทั้งคุ้มครองป้องกันตนเองหรือเรียกง่ายๆว่า "มือปืน" เนื่องจากผลประโยชน์อาจจะกระทบกระทั่งจากฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายและหากขยายผลออกไปก็จะกลายเป็นความขัดแย้งการที่จะอยู่รอดในยุทธจักรผู้มีอิทธิพลได้จะต้องหูตากว้างไกลประสานมิตรมากกว่าศัตรูการครองตัวต้องระมัดระวังตลอดเวลาหากพลาดเพียงก้าวเดียวชีวิตอาจสู่ยมโลกง่ายดายได้อย่าง

    หากพลิกตำนานของต้นตระกูลโหดเลวดีจะพบว่าส่วนใหญ่จะเกิดจากอาถรรพ์ "แร่พลวง" ซึ่งอยู่ในพื้นที่ต. บ่อทองอ. พนัสนิคมจ. ชลบุรี (ในสมัยนั้นต. บ่อทองขึ้นกับอ. พนัสนิคม) การฆ่ากันตายคล้ายดังผักปลาเกิดจากการแย่งชิงผลประโยชน์ในพื้นที่ต. บ่อทองกันอย่างมากหากไม่พอใจก็ใช้อาวุธปืนยิงกันให้ดับดิ้นแล้วถีบลงหลุมแร่ทำการฝังกลบให้เรียบร้อย

    ในปี 2512 จากการตรวจสอบของกรมทรัพยากรธรณีพบว่ามีสายแร่พลวงซึ่งเป็นสายแร่ขนาดใหญ่มีพื้นที่ติดกันหลายจังหวัดคือชลบุรีระยองจันทบุรีและฉะเชิงเทราจึงทำให้ผู้มีอิทธิพลในสมัยนั้นได้เข้ามากอบโกยผลประโยชน์กันอย่างมากมายพร้อมกับเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆชีวิตผู้คนที่ล้มหายตายจากลงเป็นจำนวนมาก

    ประเดิมศพแรกคือนายประจักษ์สุรกิจบวรกำนันตำบลบ่อทองอดีตพ่อค้าสังเวยด้วยคมกระสุนปืนจากการขัดแย้งผลประโยชน์ในพื้นที่แร่พลวงหลังจากนั้นได้มีนายกวยพันธุ์สนิทนายสุชาติสุขพันธุ์ถาวรหรือผู้ใหญ่ย้งได้เข้ามากว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ต. บ่อทองเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากแร่พลวง พร้อมกับการก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อบ่อทองของนายเกียงจึงประเสริฐหรือหลงจู๊เกียงซึ่งทำธุรกิจจำนวนมากมายทั้งโรงสีโรงเรื่อยในขณะนั้นมีความสนิทสนมกับจอมพลประภาสจารุเสถียรการสร้างอิทธิพลจึงทำได้ง่ายประกอบกับในสมัยนั้นจะเป็นเจ้าพ่อหรือผู้มีอิทธิพลต้องพึ่งบารมีทางด้านสายทหารถึงจะก้าวมาเป็นใหญ่ได้

    ช่วงนั้นเสี่ยจิวหรือนายจุมพลสุขภารังษีคนดังในตัวเมืองชลบุรีได้เริ่มเข้าไปมีบทบาทในการทำเหมืองแร่พลวงและเริ่มกว้างซื้อที่ดินด้วยเช่นกันโดยมีนายปานบุตรชายเสี่ยจิวเข้าไปคุมกิจการพร้อมกับมีเรื่องระหองระแหงในกลุ่มของหลงจู๊เกียงมาตลอดจนถึงขั้นต้องเคลียร์กันหลงจู๊เกียงจึงหลีกทางให้เพื่อความสงบสุขในพื้นที่ต. บ่อทอง

    ต่อมาไม่นานหลงจู๊เกียงไม่สามารถเบ่งบารมีได้เต็มที่เนื่องจากประสบอุบัติเหตุขณะขับรถเบ็นซ์มาตามถนนสายเก่าชลบุรี - กรุงเทพฯช่วงบางปูเพื่อกลับจ. ชลบุรีคนขับหลับในโดยหลงจู๊เกียงได้นั่งด้านหน้าซ้ายพุ่งชนรถจี๊บ 6 ล้อที่จอดอยู่ข้างทางเสียชีวิตที่โรงพยาบาลและทิ้งทายาทไว้ 2 คนคือนายประเสริฐจึงประเสริฐและนายนครจึงประเสริฐ

    หลังจากนั้นนายนครได้ลาออกจากปลัดอำเภอแม่ฮ่องสอนแล้วลงมาดูแลกิจการของพ่อเกือบทั้งหมดและได้แรงสนับสนุนจากกลุ่มมือปืนในซุ้มป่าแดงและทุ่งเหียงในการสร้างอำนาจบารมีพร้อมทั้งจับมือกับนายสุชาติสุขพันธุ์ถาวรนายเฉลิมชัยเจริญสุขหรือเอี๊ยกนายแสวงจันทรวงษ์หรือเสือแหวงสานต่อการทำแร่พลวงด้วยการเร่งของสัมปทานกับกลุ่มประชาชนในพื้นที่ด้วยการขอตั้งเป็นบริษัทสหบ่อทองพัฒนาจำกัด

    แล้วเหตุการณ์ไม่คาดขวัญก็เกิดเมื่อปลัดนครได้เดินทางมาติดต่อราชการที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรีขณะนั้นนายสมพรธนสถิตย์ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีกำลังประชุมรักษาความสงบเรียบร้อยของจังหวัดช่วงใกล้เที่ยงปลัดนครเดินมาที่หลังศาลากลางจังหวัดชลบุรีได้มีคนร้ายเข้าประกบประชิดตัวพร้อมทั้งใช้อาวุธปืนยิงเข้าใต้ตาซ้ายล้มทั้งยืนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที พร้อมทั้งข่าวคราวแพร่กระจายถึงความโหดเหี้ยมของมือปืนที่ลงมืออุกอาจทั้งที่เป็นสถานที่ราชการกระแสข่าวระบุว่าชัยดำมีส่วนรู้เห็นในการลงมือของคนร้ายในครั้งนี้จึงทำให้คนในตระกูลจึงประเสริฐขัดแย้งกับเสี่ยจิวอย่างรุนแรงท่ามกลางความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนในซุ้มป่าแดงที่ต้องการล้างแค้นให้กับลูกพี่ก็กระพือความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

    หลังจากการเสียชีวิตของปลัดนครกระแสการแย่งชิงพื้นที่เพื่อเข้าไปทำผลประโยชน์เกี่ยวกับแร่พลวงก็ระอุขึ้นอีกมีการยิงกันตายเป็นว่าเล่นระหว่าง 2 กลุ่มที่มีความขัดแย้งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างมากมายหลังจากนั้นนายประเสริฐจึงประเสริฐได้ถูกมือปืนดังถล่มกลางดึกที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าการุณย์นิเวศต. ห้วยกะปิอ. เมืองชลบุรีขณะกลับจากการเที่ยวบาร์โรมิโอในช่วง 100 วันของศพปลัดนครพร้อมกระแสข่าวชัยขาวและชัยดำเดิมเป็นผู้รู้เห็นเช่น

    ทางด้านตัวเมืองชลบุรีก็เริ่มมีความรุนแรงในเรื่องการขัดแย้งในผลประโยชน์คดีเขย่าขวัญคนเมืองชลจึงเริ่มขึ้นเมื่อนายเจตน์ศรีรุ่งสุขจินดาหรือเสี่ยง้ำหัวคะแนนใหญ่ของพล.ต. ศิริสิริโยธินถูกกลุ่มคนร้ายถล่มด้วยอาวุธนานาชนิดทั้งอาก้าเอ็ม 16 ขณะนั่งนักรับโทรศัพท์อยู่ที่คิวรถคอนซูล (ซึ่งเป็นรถเก๋งวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ - ชลบุรี) ในเขตตัวเมืองชลบุรีโดยขาดสมุนคู่ใจดูแลเนื่องจากไปเที่ยวงานประจำปีที่วัดเนินสุทธาวาสพรุนไปทั้งร่างเสียชีวิตคาทีส่วนนายเต็กเซ็งแซ่จึงพ่อตาเสี่ยง้ำขาขาดท่ามกลางความตกตะลึงของคนทั้งเมืองชล

    หลังจากนั้นพ.ต.ต. อนันต์เสนาขันธ์เจ้าของหนังสือพิมพ์ "ชนวน" ได้เดินทางมาอภิปรายเพื่อแฉอิทธิพลในจ. ชลบุรีรวมทั้งการทุจริตคอรัปชั่นครั้งแรกที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรีส่งผลให้ถูกกลุ่มต่อต้านรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บแต่พ.ต.ต. อนันต์ไม่ย่อท้อพยายามเปิดการอภิปรายอีกครั้งที่เทศบาลเมืองชลบุรีไม่ประสบผลสำเร็จเช่นเคยโดน "อึ" ขว้างจึงได้ล้มเลิกการอภิปรายไป

    ย้อนเข้าเขตพื้นที่บ่อทองการลักลอบขุดแร่เถื่อนเริ่มมีการขยายตัวพร้อมทั้งสร้างอิทธิพลมีการเข่นฆ่ากันตายเป็นเบือหลังจากนั้นทางกรมทรัพยากรธรณีจึงได้เปิดโอกาสให้ประชาชนยื่นขอสัมปทานเหมืองแร่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมาณ 29 รายอาทิบริษัทเขาชะอางค์ช่วยคนยากจำกัดของนางชุติมาวรรณภรรยาของนายทรงชัยเบญจศิริวรรณหรือเท่งซ้งเจ้าพ่อวงการค้าไม้ (ต่อมาถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตที่เวทีมวยราชดำเนิน) บริษัทเหมืองชลจำกัดของนายประโยชน์เนื่องจำนงค์คนดังบ้านบึง (อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม) นอกจากนี้ทางด้านประชาชนในบ่อทองเริ่มเรียกร้องพร้อมทั้งเดินขบวนให้ทางภาครัฐอนุมัติให้บริษัทสหบ่อทองพัฒนาจำกัดได้รับการอนุมัติสัมปทานแต่นายสมหวังจูตะกานนท์รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีในสมัยนั้นได้มาระงับเหตุพร้อมทั้งสลายตัวการชุมนุมของประชาชนได้ แต่ปัญหาการลักลอบขุนแร่พลวงก็ทวีความรุนแรงในช่วงรัฐบาลของพล.อ. เกรียงศักดิ์ชมะนันท์จึงได้ให้พลตรีสุดสายหัสดินซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการพิจารณากรณีข้อพิพาทเหมืองแร่ทั่วประเทศเดินทางมาที่กิ่งอ. บ่อทองช่วงนั้นนายประกิตอุตตะโมตเป็นผู้ว่าราชการชลบุรีจังหวัด

    พลตรีสุดสายได้พยายามตีสนิทกับคณะกรรมการบริหารของบริษัทสหบ่อทองพัฒนาจำกัดพร้อมทั้งพักพิงที่บ้านของผู้ใหญ่ย้งหรือนายสุชาติสุขพันธุ์ถาวรในที่สุดผลการพิจารณาบริษัทสหบ่อทองพัฒนาจำกัดเป็นผู้รับสัมปทานสำหรับผู้บริหารประกอบไปด้วยนายสุชาติสุขพันธุ์ถาวรกรรมการผู้จัดการนายเฉลิมเจริญสุขชัย (ผู้ใหญ่เอี๊ยก) กำนันหลีประสมทรัพย์นายประสิทธิ์กาญจนบัตรนายเชาว์บุญรอดผลการประกอบการปรากฏว่าประสบความล้มเหลวเพราะต่างฝ่ายต่างกอบโกยผลประโยชน์ให้ตนเองกับ

    แววแห่งการนองเลือดเริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการลักลอบค้าแร่พลวงเถื่อนเกิดขึ้นทำให้คณะกรรมการของบริษัทสหบ่อทองพัฒนาจำกัดเริ่มเกิดรอยร้าวส่งผลให้นายเฉลิมเจริญสุขชัย (ผู้ใหญ่เอี๊ยก) ถูกลุ่มคนร้ายถล่มด้วยอาวุธนานาชนิดที่บริเวณถนนทางเข้ากิ่งอ. บ่อทองในสมัยนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องหนีไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯทำให้มือปืนเริ่มมีความเคลื่อนไหวในกิ่งอ. บ่อทองกันอย่างคึกคักทางกองบังคับการตำรวจภูธรเขต 2 ต้องส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาระงับเหตุพร้อมทั้งตรวจค้นยึดอาวุธและกระสุนได้จำนวนมากมาย

    หลังจากนั้นเสี่ยจิวหรือนายจุมพลสุขภารังษีได้เริ่มเข้าไปมีบทบาทโดยประสานงานกับนายสุชาติสุขพันธุ์ถาวรเพื่อเตรียมยื่นเรื่องขอสัมปทานบัตรต่อจากบริษัทสหบ่อทองพัฒนาจำกัดซึ่งกำลังจะหมดอายุและยืดอายุสัมปทานการทำเหมืองแร่โดยมีนายเฉลิมชัยเจริญสุขนายเชาว์บุญรอดนายประสิทธิ์กาญจนบัตรและนายบรรทมเจริญสุขช่วยกันประสานงานจนประสบความสำเร็จในการต่อสัมปทานในราคา 10 ล้านบาท

    ต่อมานายเชาว์บุญรอดถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตที่หน้าบริษัทสหบ่อทองพัฒนาจำกัด หลังจากนั้นมาไม่นานนายประสิทธิ์กาญจนบัตรขณะนั้นได้สัมปทานจำหน่ายสุราในพื้นที่อ. พนัสนิคมได้พยายามประกาศตัวเพื่อลงสมัครส.ส. ปรากฏว่าถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตไปอีกท่ามกลางความไม่พอใจของเสี่ยจิว

    นายบรรทมเจริญสุขถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน

    ทางด้านนายสุชาติสุขพันธุ์ถาวรในช่วงปี 2524 ก่อนทำบุญขึ้นบ้านใหม่ 7 วันได้ถูกคนร้ายยิงด้วยอาวุธสงครามถนนสายบ่อทอง - หนองเกตุแต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมมาด้วยจึงปลอดภัยและในปีเดียวกันนั้นเองช่วงปลายปีกลุ่มคนร้ายประมาณ 10 คนใช้รถบรรทุกพาหนะพร้อมอาวุธสงครามครบมือทั้งปืนเอ็ม 16 อาก้าจรวจต่อสู้รถถังรวมทั้งปืนเอ็ม 79 บุกห้างหุ้นส่วนเจริญวัฒนาเอเย่นต์สุราและเบียร์เลขที่ 460/19 ตลาดกิ่งอ. บ่อทองขณะที่กำนันย้งกำลังทำงานที่โต๊ะบัญชีกลุ่มคนร้ายได้ยิงจรวดตู่สู้รถถังใส่โต๊ะบัญชีเผอิญกำนันย้งได้ทำบังเกอร์หลบภัยไว้ใต้โต๊ะจึงรอดจากอาวุธสงครามนานาชนิดที่ยิงถล่มและในปี 2531 ถูกคนร้ายดักยิงด้วยอาวุธสงครามขณะเปิดประตูบ้านเสียลูกอัณฑะไป 1 ข้าง

    ย้อนกลับมาในอ. เมืองชลบุรีได้เกิดเหตุการณ์ช็อกความรู้สึกของคนทั้งจ. ชลบุรีเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 มิถุนายน 2,524 เมื่อกลุ่มมือปืนใช้อาวุธสงครามนานาชนิดถล่มนายจุมพลสุขภารังษีเสียชีวิตในรถเบ็นซ์สีเขียว 280 เอสหมายเลขทะเบียน 8888 ชลบุรีขณะกลับจากดูที่ดินบริเวณถนนบายพาสต. หนองไม้แดงอ. เมืองชลบุรีเพื่อสร้างศูนย์ประชุมขนาดใหญ่เพื่อรองรับนักการเมืองทั่วประเทศพร้อมกับนายเฉลิมฉันทภักดีคนขับนายสมศักดิ์มิตรเกตุคนสนิทที่ถนนสายบายพาสขณะจะเดินทางกลับบ้านพักโดยตำรวจมุ่งประเด็นการค้าแร่พลวงและการขัดแย้งการค้าหมูเถื่อนในอ. ซึ่งเมืองชลบุรีก่อนหน้านี้ได้มีการการแย้งกันอย่างรุนแรงทำให้เจ้าของเขียงหมูรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องถูกยิงกันแทบไม่เว้นสัปดาห์

    พร้อมทั้งการประกาศล้างแค้นของนายปานบุตรชาย

    หลังจากนั้นความโดดเด่นของกำนันเป๊าะและเสี่ยฮวดนักธุรกิจชื่อดังในอ. บ้านบึงเริ่มแข่งรัศมีเพื่อจะก้าวมาเป็นผู้มีอิทธิพลในจ. ชลบุรี

    19 กุมภาพันธ์ 2527 นายปานสุขภารังษีได้ขับรถเบ็นซ์คันที่เสี่ยจิวถูกยิงเสียชีวิตมุ่งหน้าไปทางพัทยาถูกคนร้ายใช้อาวุธนานาชนิดปะกบยิงจนนายปานเสียชีวิตส่วนนางปัทมาภรรยาและลูกๆได้สาหัสรับบาดเจ็บ

    สภาพของเมืองชลบุรีชลบุรีคล้ายกับว่าสงบนิ่งแต่ว่าสถานการณ์ภายในกลับเริ่มทวีความรุนแรงเนื่องจากเสี่ยฮวดเริ่มเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจพร้อมทั้งมีการขัดแย้งตลอดเวลาจึงทำให้เสี่ยฮวดรู้ตัวว่ามีคนจะลอบทำร้ายจึงได้ระวังตัวตลอดเวลาแต่แล้วก็ไปไม่รอด

    ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนจ้าวันที่ 5 เมษายน 2532 ช่วงเทศกาลเช็งเม้งเสียงปืนนานาชนิดแผดเสียงขึ้นนับไม่ถ้วนจากมือปืนล่าสังหารนับสิบคนที่รายล้อมรถเบ็นซ์สีครีมรุ่น 300 อีทะเบียน 8 ฉ -1034 กทม. ที่บริเวณถนนสายเศรษฐกิจ (ชลบุรี - บ้านบึง). ที่ 3 ตกม. หนองรีอ. เมืองจ. ชลบุรี

    ภายหลังจากเสียงปืนสงบกลิ่นควันปืนจางหายภายในรถพบร่างของนายพิพัฒน์โรจนวนิชชากรหรือเสี่ยฮวดอายุ 50 ปีคนดังอ. บ้านบึงและเป็นผู้กว้างขวางในภาคตะวันออกซึ่งกุมธุรกิจนับล้านพันในขณะนั้นถูกกระสุนปืนเข้าที่บริเวณลำตัวและใบหน้าหลายแห่งนอนเสียชีวิตภายในที่นั่งหลังรถด้านซ้ายพร้อมกับร.ต.อ. อุทัยปักษานนท์อายุ 37 ปีรองสว.สภ.อ. ปลวดแดงจ. ระยองนายตำรวจคุ้มกันและนายธงชัยหรือไฮ้คนขับรถขณะกลับจากคาราวะสุสานบรรพบุรุษที่สุสานหงษ์ซัวต. หนองรีอ. เมืองชลบุรี

    จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุนปืนอาก้าและปืนเอ็ม 16 จำนวนกว่า 50 นัดตกในที่เกิดเหตุ สร้างความตกตะลึงให้กับวงการนักเลงเนื่องจากเสี่ยฮวดได้พยายามไต่เต้าขึ้นมาดำรงตำแหน่งเจ้าพ่อภาคตะวันออกในขณะเกิดช่องว่างขาดผู้นำทางวงการนักเลง

    ในสมัยนั้นพล.ต.อ. แสวงธีระสวัสดิ์ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจได้สั่งการให้พล.ต.ต. ชลอเกิดเทศตั้งทีมสอบสวนเฉพาะกิจขึ้นเพื่อคลีคลายคดีซึ่งประกอบไปด้วยพล.ต. ต . ธรรมนิตย์ปิตะนีละบุตรผกก.ภ. 2 พ.ต.อ. พงศ์สันต์วัชราธรผกก. ชลบุรีพ.ต.ท. ราเมศร์สุริยะโชติสวญ.สภ.อ. ชลบุรีและพ.ต.อ. มนตรีผดุงสิทธิ์ผกก .4 ป.

    ในชั้นสอบสวนเบื้องต้นพบว่าเสี่ยฮวดเคยเป็นนายทุนในการทำแร่พลวงที่อ. บ่อทองการประมูลซื้อขายที่ดินในพื้นที่ภาคตะวันออกหลายสิบล้านบาทรวมทั้งการกว้านซื้อที่ดินทำให้ขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จ . ชลบุรีจุดสำคัญคือโครงการสร้างศูนย์การค้าขนาดใหญ่ "ศรีราชาคอมเพล็กซ์" ปัจจุบันคือศูนย์การค้าโรบินสันศรีราชาและการขัดแย้งกับนายตำรวจในขณะนั้น

    ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกขอหมายจับนายปรีชาสถาวรหรือแดงสิงห์ป่าซุงและนายเอนกหรือเด๋อไม่ทราบนามสกุลหลังจากนั้นจึงเข้ามอบตัวที่กองบัญชาการศึกษาถ. วิภาวดีรังสิตกรุงเทพฯพร้อมทั้งขอสู้คดีว่าไม่ได้ร่วมสังหารเสี่ยฮวดแต่มีการซัดทอดว่าในการวางแผนสังหารนั้นมีนายตำรวจร่วมอยู่ด้วย

    หลังจากนั้นจึงมีหมายจับของตำรวจ 10 คนประกอบไปด้วยร.ต.อ. ไชยันต์วิชัยดิษฐหน.นปพ.กก.ภ. ชลบุรีร.ต.อ. จักรกริชทรงศิริหน.สภ. ต. บ้านขอดอ. สัตหีบจ. ชลบุรีส.ต.ต. สมยศชุ่มเตส.ต.ต. สุพจน์วงศ์จำปาส.ต.ต. เอกธนะธีระพงษ์นายสุพจน์ธนาวรรณนายดำอ่างศิลานายยุทธบางแสนนายห้างและไม่ทราบชื่ออีก 1 คนนอกจากนี้ยังมีสิบโทสมเกียรติหรือโน้ตน้อยเล็กถูกตั้งข้อหาร่วมลงมือสังหารเสี่ยฮวดด้วยซึ่งต่อมาถูกลวงไปฆ่าทิ้งที่จ. สระบุรี

    โดยมีการระบุในการสอบสวนว่าร.ต.อ. ไชยันต์ทำหน้าที่ดูต้นทางที่สุสานหงษ์ซัวส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆได้มีการตระเตรียมในเรื่องอาวุธพร้อมทั้งลงมือสังหาร

    ซึ่งต่อมาอัยการจังหวัดชลบุรีได้ส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนแต่ศาลชั้นต้นได้มีการยกฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดโดยไม่มีการอุทธรณ์แต่อย่างใดสร้างความฮือฮาในหมู่นักเลงเป็นอย่างมาก

    จึงทำให้ผู้ต้องหาทั้งหมดพ้นมลทินในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถกลับเข้ามารับราชการรวมทั้งร.ต.อ. ไชยันตซึ่งได้ไต่ตำแหน่งในชีวิตราชการตำรวจมาจนกระทั่งได้ตำแหน่งสุดท้ายเป็นพ.ต.ท. ไชยันต์วิชัยดิษฐรองผกก .5 บก.อก.ภ. 2 ก่อนได้ถูกนายโยธินสิทธิโชติและนายเลิศชายการะกิจหรือผู้ใหญ่อ้นใช้ปืนขนาด 11 มม. สาดเข้าประตูข้างรถจนถึงกระจกด้านหน้าทั้งหมด 5 นัดมีเพียงนัดเดียวเท่านั้นที่เจาะเข้าต้นแขนขวาทะลุปอดฝังในปลิดชีวิตพ.ต.ท. ไชยันต์โดยไม่สามารถเยียวยาได้ขณะติดตามลูกชายคือนายฐานพัฒนวิชัยดิษฐ์ที่ออกไปก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นที่บริเวณถนนลงชายหาดบางแสนเยื้องกับผับเบอร์ด็อกเทศบาลเมืองแสนสุขอ. เมืองจ. ชลบุรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2545

    ส่วนทางด้านแดงสิงห์ป่าซุงหรือนายปรีชาสถาวรมือปืนระดับพระกาฬของภาคตะวันออกซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งในการฆ่าเสี่ยฮวดก็ถูกกลุ่มคนร้ายดักยิงด้วยอาวุธสงครามพรุนทั้งร่างขณะนั่งรถกระบะโตโยต้าสีเปลือกมังคุดหมายเลขทะเบียนบ -7870 อุบลราชธานีเสียชีวิตพร้อมกับพวกอีก 2 คนคือนายปรีชารอดดีอายุ 33 ปีนายปรีชาโชติรัตน์ที่บริเวณถนนสายลูกรังพนัสนิคม - ทุ่งเหียงหมู่ที่ 3 ต. หมอนนางอ. พนัสนิคมจ. ชลบุรีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2,533 พร้อมทิ้งศพปริศนาของนายนิคมชาญวิทย์ธรรมสารวัตรกำนันหมอนนางอ. พนัสนิคมถูกฝังอยู่ที่สุสานเม่งเอ็งหมู่ 4 ต. หมอนนางซึ่งถูกยิงที่หน้าอกด้านซ้ายด้วยปืนขนาด 9 มมจำนวน 2. นัดเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าอาจจะถูกกลุ่มของแดงสิงห์ป่าซุงยิงต่อสู้แล้วเสียชีวิตหรือไม่ก็ถูกฆ่าปิดปาก

    ความขัดแย้งในจ. ชลบุรีเริ่มมีความรุนแรงอีกครั้งเมื่อกลุ่มมือปืนได้ใช้อาวุธปืนยิงนายสังคมพิณรังสฤษดิ์สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านบึงคนสนิทของพล.อ. ชวลิตยงใจยุทธเสียชีวิตพร้อมกับอีกพวก 2 คนคือนายชาญชัยสาครนายบรรเจิดแววรวีวงศ์ส่วนนายพิชัยพิรัตติกุลชัยได้รับบาดเจ็บกลางดึกวันที่ 26 มิถุนายน 2,535 โดยตำรวจได้พุ่งเป้าไปที่นายสุชัยธนาวรรณ (ขาวชัย) อดีตมือขวาของเสี่ยจิวนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านบึงที่มีความขัดแย้งในเรื่องการเมืองท้องถิ่น

    สมัยนั้นพ.ต.อ. วีระอนันตกูลเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรชลบุรีได้ลั่นวาจาจะต้องคลี่คลายคดีนี้ภายใน 1 เดือน

    แล้วประกาศิตก็เป็นจริงเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2535 ท่ามกลางฝนโปรยปรายลงมาบางๆขณะนี้นายสุชัยธนาวรรณได้ขับรถเก๋งฮอนด้าพรีลูดสีบรอนซ์ตะกั่วทะเบียนป้ายแดงก -9,898 กทม. ขณะติดไฟแดงถนนสายเศรษฐกิจหมู่ที่ 6 ต. บ้านสวนอ. เมืองจ. ชลบุรีกลุ่มคนร้ายได้ใช้รถกระบะสีเทาดำโดยมือสังหารได้นั่งอยู่กระบะหลังรถได้ใช้อาวุธสงครามนานาชนิดถล่มจนศีรษะหายไปแถบหนึ่งเสียชีวิตคารถเก๋งคันดังกล่าว

    เหตุการณ์ในจ. ชลบุรีได้เงียบสงบมาจนกระทั่งปี 36 คนร้าย 2 คนใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะใช้ปืนโตกาแล็บดักยิงนายกำพลคุปตะวณิชย์เจริญหรือเสี่ยเก๊าคนดังเมืองพัทยาและคนสนิทของนายสมชายคุณปลื้มขณะออกกำลังในช่วงเช้าเสียชีวิตโดยตำรวจได้มุ่งประเด็นการขัดแย้งที่ดินหาดทรายทองอ. สัตหีบพร้อมทั้งได้จับกุมนายประมวลนาสวนไชยหรือไอ้ตาแดงซึ่งเป็นมือขวาของจ่าสิบตำรวจสมัยวงศ์ชัยคนลงมือและนายสมบูรณ์มีอบคนขี่รถจักรยานยนต์ต่อมาจ่าสิบตำรวจสมัยได้ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามถล่มเสียชีวิตในพื้นที่จ. ฉะเชิงเทราหลังจากที่เดินทางมาเป็นพยานเกี่ยวกับคดีกล่าวที่ศาลจังหวัดชลบุรี

    ผ่านมาอีก 2 ปีเมื่อเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2538 ช่วงที่บรรยากาศกำลังมือครึ้มนายสุชาติสุขพันธุ์ถาวรหรือกำนันย้งนายกสมาคมเพื่อเกษตรกรภาคตะวันออกได้เดินทางไปดูการประมูลงานที่บ้านทับสูงหมู่ที่ 6 ตใน . บ่อทองอ. บ่อทองจ. ชลบุรีด้วยรถอีซูซุกระบะแวนสีเลือดหมูหมายเลขทะเบียนย -3,486 ชลบุรีไปเพียงลำพังได้ถูกคนร้ายดักถล่มด้วยอาวุธสงครามเอ็ม 16 และลูกซองจนสิ้นใจคารถรถกระบะคันดังกล่าวพร้อมทิ้งข้อสงสัยในกรณีดับนายสุรพลพรวัฒนาเจ้าพ่อแร่พลวงที่กำลังจะเดินทางเข้าไปทำเหมืองแร่หลังจากถูกปล่อยทิ้งไว้นานถูกยิงเสียชีวิตในตลาดบ่อทองพร้อมด้วยลูกน้องคนสนิทและเด็กกระเป๋ารถรวมทั้งสิ้น 4 คนซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เจ้าพ่อบ่อทองถูกยิงเสียชีวิต

    วันที่ 13 กันยายน 2,544 ได้มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 4 คนใช้รถเก๋งสีดำไม่ทราบหมายเลขทะเบียนและยี่ห้อมาจอดที่บริเวณหน้าบ้านฟาร์มกุ้ง 1 / 4 ซอย 2 หมู่ที่ 3 ถ. เทศบาลพัฒนาต. เหมืองอ. เมืองจ. ชลบุรีหลังจากนั้นคนร้าย 2 คนได้เดินลงจากรถโดยมีคนร้ายถือปืนเอ็ม 16 ยืนคุ้มกัน 1 คนส่วนอีกคนหนึ่งได้เดินมาหานายนุชบุญทนาวงศ์ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต. เหมืองอ. เมืองจ . ชลบุรี 1 ใน 10 ผู้มีอิทธิพลที่กระทรวงมหาดไทยขนานนามให้คนขับรถของนายสมชายคุณปลื้มหรือกำนันเป๊าะซึ่งกำลังนั่งดื่มสุรากับเพื่อนบ้านที่บริเวณโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านหลังดังกล่าวพร้อมใช้อาวุธปืน 11 มม. ยิงเข้าที่บริเวณท้ายทอยทะลุหน้าผาก 1 นัดและบริเวณหน้าอก 2 นัดและตามลำตัวอีก 3 นัดล้มคว่ำเสียชีวิตทันทีหลังจากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไปปัจจุบันยังหาตัวคนร้ายไม่ได้

    นายวิสุทธิ์ทองระอาหรือทิศแอ๋คนสนิทของกำนันเป๊าะเสียชีวิตด้วยมะเร็งในลำไส้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2547

    นี่คือเส้นทางคนดังในพื้นที่จ. ชลบุรีหรือที่มีผู้ขนานนามว่า "ผู้มีอิทธิพล"
     
  2. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    กำนันแสวง หรือนายแสวง จันทรวงษ์ หรือเสือแหวง รักพี่นิ่มมากพอๆกับรักไก่ชน
    อายุอานามห่างกันอยู่ 20 ปี เรียกว่าพี่นิ่มเป็นเด็กตัวเท่าลูกไก่ แต่เป็นที่รักและเอ็นดูเป็นลูกเป็นหลาน

    พี่นิ่มไปเฝ้าดูเสือแหวงทดสอบปืนหรือทดสอบเครื่องรางอยู่เสมอ และเป็นจุดเริ่มต้นของความหลงใหลในศาสตร์ด้านนี้
    เริ่มจากที่เสือแหวงได้ของที่เชื่อว่าเป็นของทนสิทธิ์มาพร้อมกับปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ
    บ้านเสือแหวงเลี้ยงไก่ไว้มาก เพราะชอบเข้าบ่อนชนไก่เสมอ จึงอุ้มไก่แล้วเอาปลัดขิกแขวนคอ
    พี่นิ่มก็ดูด้วยความสงสัย เสือแหวงเลยอธิบายตามความเข้าใจ ประสาสอนเ็ด็กว่า ของที่จะเชื่อให้ได้ว่าคุ้มตัวได้จริง ต้องวัดกันด้วยวิธีนี้
    ไก่ตัวนั้นรอดตายด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของผู้เสก พี่นิ่มเล่าด้วยความตื่นเต้นเหมือนเรื่องผ่านมาใหม่ๆ ว่ายิงยังไงปืนก็ไม่ลั่น
    แต่พอเปลี่ยนเป็นของทนสิทธิ์ กับไก่ตัวเดิม ปรากฎว่าไก่เป็นรูตั้งแต่นัดแรก!

    ปัจจุบันปลัดตัวนั้นก็อยู่กับพี่นิ่มด้วยความรักที่เสือแหวงมีให้ พี่นิ่มคุยว่าใครถูกผีเข้า แค่เอาปลักขิดหลวงพ่ออี๋เข้าใกล้ก็ร้องซะเสียงหลง

    เสือแหวงมีของดีอยู่ทั้งตัว รวมทั้งปรอทลูกสะกด เป็นของทนสิทธิ์ที่หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ พิจารณาแล้วฟันธงว่าไม่ใช่พระยุคนี้เสกหรือทำขึ้นมา
    มั่นใจได้ว่าอยู่ปืนจริงก็เมื่อเสือบุญ ที่บุกขึ้นไปยิงเสือแหวงถึงบนบ้าน แต่ยิงอย่างไรปืนก็ไม่ทำงาน ท้ายที่สุดก็ขอขมาด้วยการกราบเท้าขออโหสิกรรม

    เสือบุญ เป็นบิดาของทิดนำ คนเดียวกับที่เอาปืนของ อบต.จู๋ ไปทดสอบพระปิดตาทรงเมตตา นั้นแหละ ปัจจุบันห้อยแต่ของพี่นิ่ม โดยเฉพาะเหรียญกรมหลวงชุมพร ใช้สร้อยแขวนเดี่ยวเลย

    ย้อนมาที่เสือแสวง ก่อนจบชีวิต ได้ขับรถเอาไก่ไปที่บ่อน ไม่คิดว่าจะมีอะไรแล้ว ก็ลืมถอดสร้อยลูกสะกดแขวนไว้กับที่บังแดด อุ้มไก่ลงจากรถ
    เสือแสวง โดนฝ่ายตรงข้ามระดมยิงหลายต่อหลายนัด เสียงปืนปานเสียงประทัด ดังทุกนัด ตามเนื้อตัวมีแต่รอยลูกปืน ไม่เข้า! แต่มีเพียงนัดเดียวที่เจาะทะลุเบ้าตา...เสียชีวิตพร้อมไก่ที่อุ้ม

    เสือแสวง เป็นจุดเริ่มต้นของหนุ่มนิ่มนับแต่นั้นมา ว่าต้องเหนียวให้ได้ และจะไม่หาเรื่องให้ใครมายิงเด็ดขาด
    ใครอยากรู้ว่าคดีไหนที่กำนันแสวง ปิดตำนานเจ้าพ่อตะวันออก ก็ไปถามพี่นิ่มได้ เพราะคดีนั้นยังเป็นปริศนาที่รู้แต่พูดไม่ได้จนบัดนี้

    ถ้าชอบ จะมาเล่าต่อเรื่อยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2013
  3. เติบโต

    เติบโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    819
    ค่าพลัง:
    +5,298
    พี่ทิพย์ ผมขอจอง พระสมเด็จมหาบารมี 1 องค์ และ กรมหลวงชุมพรเนื่อชนวน 1 เหรียญ +หมูทองแดงเนื้อผง 1 ตน จะโอนเงินให้ภายใน 7 พ.ค.56 นะครับ
     
  4. เติบโต

    เติบโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    819
    ค่าพลัง:
    +5,298
    คนทางขวา ถ้าหากใส่แว่นตา เติมหนวดและเครา ทำหัวส่ายไปส่ายมา นึกว่าพี่เป้า (อิๆๆ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. yod_pruksa

    yod_pruksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +478

    กดไลท์เลยพี่ :cool::cool::cool:
    คอยติดตามคั๊บ
     
  6. yod_pruksa

    yod_pruksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +478
    ขอบคุณครับลุง "พ่อประดู่"
    ไว้ผมจะลองเป่าให้ป้าๆ เคี้ยวดูมั่ง:cool::cool::cool:
     
  7. jomaker

    jomaker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2012
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +2,264
    ว่าจะถามเรื่องลูกอมพอดีครับ คุณnumthipเปิดจองเลยไหมครับ
    ถ้าจองได้ ขอจอง2ลูกครับ
     
  8. New Collector

    New Collector เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +801
    เล่าต่อ ตำนานนักเลง ใครพลาดดับ
     
  9. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    คัดลอกจาก "ทัพคนแดง" โดย คงเจตน์ พร้อมนำพล -
    เขียนไว้ได้บรรยากาศมาก คัดลอกบทที่10 ให้พอรู้จักบรรยากาศ และตัวบุคคล

    .............................

    10/....มือปืน
    ชีวิตใหม่บนเขตงานใหม่ ไม่ได้ทำให้ผมและพรรคพวกมีความสุขสนุกใจเหมือนเมื่อครั้งอยู่เขต 11 ความยากลำบากของเขตงานนี้ เทียบไม่ได้เลยกับเขตเก่าที่เคยอยู่มา ที่ดูเหมือนว่าจะมีความยากลำบากกว่า ก็จะไปอยู่ที่สภาพของป่าซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างกับทางภาคอีสานโดยสิ้นเชิง

    ป่าแถบนี้ตลอดทั้งผืนเป็นป่าโปร่ง ยิ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ใบไม้ทั่วทั้งป่าก็พากันเดินพาเหรดสลัดใบร่วงหล่นเป็นทิวแถว จนยากที่จะหาร่มเงาหลบแดดนอนผูกเปลเล่นในเวลากลางวัน

    ช่วงฤดูนี้นอกจากอากาศจะแห้งแล้งด้วยแล้ว แสงแดดก็ยังกลายเป็นศัตรูตัวสำคัญอีกตัวหนึ่ง โดนเฉพาะความร้อนที่แผดเผาลงมายังราวป่า ดูเหมือนว่าจะแสบร้อนเป็นพิเศษกว่าช่วงฤดูอื่น ห้วย หนอง คลอง บึง ก็พากันตื้นเขินแห้งขอด ชีวิตคนอยู่ป่าที่ฝากชีวิตส่วนหนึ่งไว้กับน้ำ จึงยากลำบากกว่าฤดูอื่นๆ

    หน่วยงานมวลชนบางหน่วย ที่ชอบเอาข้าวของเครื่องใช้ไปซุกซ่อนไว้ตามสุมทุมพุ่มไม้ ที่เผลอแผลบเดียวเจ้าพุ่มไม้ที่ว่านั้นก็พากันผลัดใบร่วงโกร๋น จนมองเห็นสิ่งที่ซุกซ่อนไว้มาแต่ไกล บางคนพาลหาไม่เจอเลยก็มี เพราะภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไปจนจำอะไรไม่ได้

    ครึ่งปีกว่ามาแล้ว ที่อดีตกองทหารเดนตายจากเขต11 เวียนเฝ้ากุมสภาพเหมืองศรีกมล ตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะต้องเผด็จศึกเหมืองนี้ให้ได้ จากการสืบสภาพของเหมืองนี้พบว่า เจ้าของเหมืองเป็นนายทหารสังกัดกองทัพอากาศ ที่ดอนเมือง กรุงเทพ มีหุ้นส่วนคนสำคัญเป็นนายตำรวจใหญ่ ในกรมตำรวจ มีลูกสาวชื่อ"ก้อย" กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนลูกชายนั้นชื่อ"ศักดา" ซึ่งผู้เป็นพ่อส่งมาเป็นตัวแทน ให้มาควบคุมดูแลผลประโยชน์จากการขุดแร่อยู่ที่เหมืองนี้

    ตัวประกอบสำคัญอีกกลุ่มหนึ่งคือพวกเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งจะถูกส่งมาอยู่ประจำสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันที่เหมืองนี้ ชุดละหนึ่งเดือน แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นขาใหญ่ เข้านอกออกในกับเหมืองนี้ได้เป็นอย่างดี และมักจะไม่ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปไหนเหมือนกับคนอื่นๆ พวกมือปืนที่เหมืองนี้เรียกเขาว่า"พี่หมู"

    เจ้าคนที่ชื่อ"หมู"นี้ รู้เห็นเป็นใจกับพวกนายทุน เหมืองศรีกมล ในการขุดแร่นอกเขตสัมปทาน เอาเข้ามาในเหมืองสัมปทาน โดยได้รับการแบ่งปันผลประโยชน์คิดเป็นกิโลต่อเที่ยว เช่น ได้รับส่วนแบ่งกิโลละ 1 บาท ถ้าวันไหนมีแร่วิ่งออกไปส่ง 10 ตัน ก็หมายความว่า วันนั้นเจ้าคนที่ชื่อ"หมู"จะมีรายได้ทันที 1 หมื่นบาท

    พี่หมูของพวกน้องๆมือปืน จึงมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากเจ้าของเหมือง เพียงแต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เท่านั้น ก็จะได้เงินใช้อย่างสบายๆมือ เส้นทางที่รถบรรทุกแร่จากเหมืองศรีกมล ใช้วิ่งเข้าตัวจังหวัดชลบุรีนั้น ใช้เส้นทางผ่านออกไปทางอำเภอบ่อทอง โดยทุกๆเที่ยวนั้น จะมีมือปืนคุ้มกันอย่างแน่นหนา จนกว่าจะออกพ้นมาจากป่าชายดง

    คนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีบทบาทและเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดของเหมืองนี้คือ กลุ่มมือปืน และ เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ
    ต้องขออนุญาตขยายความให้ผู้อ่านเข้าใจดังต่อไปนี้………….

    กลุ่มในเครื่องแบบ มีอยู่ราว 12 คน(หนึ่งหมู่) ทั้งหมดเป็นทหารเกณฑ์ สังกัดค่ายทหารเสือราชินี ร.21(กรมทหารราบที 21) จังหวัดชลบุรี ทำหน้าที่เป็นหน่วยซุ่มยิง จะมีหน้าที่ดูแลอยู่ตรงบริเวณก่อนถึงทางเข้าเหมือง

    ภาระหน้าที่ของทหารรับจ้างกลุ่มนี้คือ ป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกจากคนแปลกหน้า ที่จะเข้ามาในเหมืองศรีกมล
    ส่วนกลุ่มนอกเครื่องแบบอีกกลุ่มหนึ่งนั้นมีอยู่ราว 15 คน ทุกคนมีอาวุธทั้งปืนสั้นและปืนยาว(เอ็ม 16 ปืนลูกซอง หรือ เอชเค 33)

    คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีคอกสังกัดทั้งสิ้น อาทิ สังกัดเสี่ยจิว เสี่ยประโยชน์ เป็นต้น
    มือปืนบางกลุ่มก็หากินกับพวกบริษัททำไม้หรือโรงเลื่อย เช่นพวกสิงห์ป่าซุง บางพวกก็เป็นมือปืนสังกัดกลุ่มอิทธิพลจากบ้านบึง พานทองและหนองกาน้ำ บางพวกก็เป็นมือปืนจากเพชรบุรีและนครศรีธรรมราช ที่พากันหลบหนีคดีมากบดานอยู่ที่นี่

    พวกอาชญากรที่มาฝังตัวอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่จะมีรายได้จากการดูแลควบคุมสินค้า(แร่)ไปส่งยังลูกค้า ไม่ให้เกิดความเสียหายระหว่างการขนส่ง แต่ที่สำคัญคือการทำหน้าที่คุ้มกันขบวนรถแร่ไม่ให้ถูกดักปล้นกลางทาง
    นี่....ต่างหากคืองานสำคัญ ของคนกลุ่มนี้

    จึงไม่แปลกที่เหมืองศรีกมลหรือแคมป์ศรีกมล จะมีสภาพทั่วๆไปเหมือนกับในหนังไทย ที่มีผู้ร้ายหน้าตาบอกบุญไม่รับ คาดปืนเดินส่ายอาดๆ แบบบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป เมื่อมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย ก็จะชักปืนออกมาตัดสินกันง่ายๆ
    แทบทุกวันจะได้ยินเสียงปืนดังไม่ขาดสาย เดี๋ยวโป้งตรงนั้น เดี๋ยวปังตรงนี้ โดยเฉพาะ"เดชา"ลูกชายนายตำรวจใหญ่ ที่ถูกส่งตัวมาอยู่ประจำที่เหมืองนี้ ค่อนข้างจะกร่างสุดแสบสันต์ พอๆกับลูกนักการเมืองบางคน ย่านบางขุนเทียน

    .......................
    อีกตอนหนึ่ง

    เหมืองพลวงที่ว่านี้คือเมืองพลวงที่ผมระบุในหนังสือชื่อว่าเหมืองศรีกมล ช่วงที่ทหารปลดแอกควบคุมบริเวณแถบนั้นผู้ยิ่งใหญ่ที่สหายดวงกล่าวมาทั้งหมด ยังไม่มีใครกล้าสยายปีกลงมา แต่หลังจากที่พวกเราออกมาจากป่าบริเวณนั้นหลังการประชุมสมัชชา4 พวกเจ้าพ่อเหล่านั้นจึงเข้าไปแทนที่พวกเราแทน ช่วงปลายๆตอนที่พวกเรายังอยู่ผมได้มีโอกาสพบพวกกำนันย้ง พวกมือปืนของเสี่ยจิว มือปืนของเสี่ยประโยชน์ เนื่องจำนง(ผู้ที่มีบ้านไม้แผ่นใหญ่มากๆ) พวกมือปืนเหล่านี้ในช่วงนั้นมีเสี่ยคนหนึ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้วอยู่แถวๆบ้านบึงคอยควบคุมดูแลพวกมือปืน บริเวณจุดที่พวกมือปืนไปซ่องสุมมากที่สุดคือหนองกาน้ำ มือปืนพวกนี้ประสานกันกับพวกอิทธิพลมาเฟียหน้ารามคำแหง พวกนี้พอรู้ว่าผมกับสหายฝนเป็นเด็กรามจึงค่อนข้างเกรงใจ แต่ดูจริงแล้วๆผมว่าพวกมันเกรงใจอาร์พีจี เอ็ม 79 และอาก้ามากกว่า

    ผมกับสหายฝนเคยบุกเข้าไปในรังของแดง สิงห์ป่าซุง ที่มันแอบมากบดานอยู่ที่โรงเลื่อย รู้ไหมพอผมเปิดประตูรั้วสังกะสีออกเท่านั้นกระบอกดำมะเมี่ยมร่วมสิบกระบอกโผล่ออกมาพร้อมกัน เดชะบุญมันเห็นชุดทหารป่าของผมและสหายพลัง ปืนมันเลยค่อยๆลดลง โดยมีนักเลงใหญ่คนหนึ่งที่พวกมันเรียกว่าอาจารย์คอยเป็นพี่เลี้ยงพูดคุยกับพวกผม

    จะเล่าบรรยากาศในอำเภอบ่อทองช่วงที่พวกเราเคลื่อนไหวอยู่แถบนั้น จุดที่พวกเราต้องเดินผ่านเขาเรียกว่าเขาใหญ่ และจะมีทางทอดตัวยาวเข้าสู่อำเภอบ่อทอง มีบางจุดเรียกว่าหลุมมะนาว(จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ตรงไหนรู้แต่ว่าอยู่แถบๆนั้น) ถ้าเคยดูหนังคาวบอยยุคตื่นทองแล้วนำมาเปรียบเทียบกับอำเภอบ่อทองแทบจะคล้ายคลึงกัน ตลาดสดกลางอำเภอไม่ใหญ่มากนัก แต่เป็นจุดสำคัญเพราะจะมีพวกมือปืนที่ออกมาจากเหมืองเดินกันเป็นกลุ่มมาหาซื้อสะเบียงอาหาร พวกทหารป่าก็จะออกมาเดินหาซื้อสะเบียงอาหารเช่นกัน พวกมือปืนกับพวกทหารป่าจะรู้จักกันเพราะเห็นกันบ่อย ส่วนพวกตำรวจที่บ่อทองมันก็รู้ว่าใครเป็นมือปืน ใครเป็นพวกป่า แต่มันไม่อยากยุ่งด้วย มันบอกว่าต่างคนต่างอยู่ไม่เกี่ยวกัน ไอ้พวกตำรวจที่บ่อทองนี้มันกวนชะมัดชอบพกปืนสองกระบอกเหมือนในหนังคาวบอย ถ้ามันเห็นพวกเรามามันก็จะจับกลุ่มยืนดูอยู่บนโรงพักไม่ลงมาเดินเกร่เพราะกลัวจะมีเรื่อง ส่วนที่ข้างๆตลาดก็จะมีพวกบ่อนไฮโลเล็กและร้านเหล้าโรงขาย ตำรวจที่นี่กับโจรหรือพวกมือปืนต่างกันแค่เครื่องแบบเท่านั้น นิสัยใจคอเหมือนกันเปี๊ยบเลย และที่สำคัญบริเวณตลาดและโรงพักอยู่ติดๆกันและมักจะมีเรื่องยิงกันแทบทุกวัน ข่าวเรื่องคนถูกยิงตายเป็นเรื่องปกติของคนแถวนี้

    อีกเรื่องหนึ่งคือจุดที่เสี่ยจิวถูกยิงตายนั้นเป็นถนนที่เปลี่ยวและเข้าออกได้ทางเดียว สองข้างทางอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอ้อย ถนนเส้นนี้พวกมือปืนและทหารป่าไม่ใช้เดินทางเพราะเปลี่ยวและเข้าออกได้ทางเดียว จึงไม่เหมาะต่อการเคลื่อนไหวไปมา

    ..........................

    เมื่อคราวที่แดงสิงห์ป่าซุง ถึงคราวขัดสน พี่นิ่มก็ช่วยเหลือ
    และได้ของรักของหวงมา 1 ชิ้น เป็นของที่ได้มาอย่างพิศดารเหลือ
    ขอพักโฆษณา แล้วจะเล่าให้ฟัง
     
  10. AKE369

    AKE369 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ถ้าไม่สังเกตุดีๆ จะไม่เห็นของดีวางอยู่บนกล่องหนุมาน องค์นี้สุดยอด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่มีเขี้ยว อาทิเช่น งู เจอองค์นี้เข้าไปอ้าปากไม่ขึ้นเลย แม้กระทั่งปืน อาวุธหนักหรือระเบิดก็ไม่ได้กินองค์นี้แน่ พี่นิ่มมั่นใจมาก ได้ไปให้เลี่ยมทองเลย และให้มั่นใจได้ทุกรุ่นที่พี่ทำกว่าจะออกมาถวายวัดหรือให้เช่าบูชากันพี่ต้องมั่นใจก่อน ไม่อย่างนั้นพี่จะยังไม่เอาออกมา เป็นคำพูดของพี่นิ่มที่พูดกับผม พี่จู๋ และพี่บุญนำ
     
  11. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]
    ภาพประกอบโดย : สุภี ปสุตนาวิน
    ที่มา: oknation.net

    มาทำความเข้าใจกับเขากวางคุดกันก่อน ความว่า

    ..............

    ผมพาพรรคพวกบ่ายหน้าเข้าหาโป่งแหว่ง ซึ่งอยู่ติดกับลำห้วยเล็ก ๆ กลางป่า ผมเคยไปที่นั่น เห็นว่าเป็นที่เหมาะสำหรับพักนอน
    เมื่อไปถึง ลำห้วยแห่งนั้น น้ำแห้งขอดไปนานแล้ว ที่โป่งแหว่งเมื่อเอาไฟส่องดูก็เห็นรอยสัตว์ป่าเข้ากินดินโป่งเป็นประจำ ดินโป่งมีลักษณะเป็นจอมปลวกใหญ่เว้าแหว่งลึกเข้าไปประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ พวกบ้านป่าจึงพากันเรียกว่าโป่งแหว่ง คือแหว่งเข้าไปเกือบครึ่งซีก
    และที่โป่งแหว่งนี้เอง พวกพรานเก่า ๆ เคยเตือนผมว่า ไม่จำเป็นแล้วอย่าเข้าใกล้ เพราะโป่งนี้มัน ?แรง? ความหมายของคำว่า ?แรง? ก็คือ มันเฮี้ยนมีผีดุนั่นเอง ใครไปซุ่มยิงสัตว์ตรงนี้อาจเป็นอันตรายถึงตายได้ โดยเฉพาะอาจถูกไอ้ลายพาดกลอนลากเอาไปกิน ส่วนมากก็เชื่อกันอย่างนั้น
    เท่าที่ผมทราบมา โป่งแห่งนี้ สัตว์เข้ากินดินโป่งมาก แต่ยังไม่เคยมีพรานคนใดยิงสัตว์ได้แม้แต่ตัวเดียว ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ผมเองก็ สงสัยอยู่เหมือนกัน
    การที่ผมพาพรรคพวกมุ่งมาที่โป่งแหว่ง ไม่ได้หมายความว่าจะลองดีกับโป่ง ว่ามันแรงอย่างเขาว่าจริงหรือ ผมเพียงแต่เห็นว่าเป็นทำเลเหมาะสำหรับการพักผ่อน เรื่องนี้ใครก็รู้ เพราะตอนกลางวัน เมื่อมีโอกาสผ่านไปทางนั้น เราก็พากันแวะนอนพักผ่อนเสมอ
    อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเราโชคดีบางทีอาจจะมีกวางลงมากินดินโป่ง แล้วเราจะได้ยิงบ้าง ก็เท่านั้นเองสำหรับความคิดของผม
    เมื่อเราไปถึงโป่งแหว่งเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ เราเลือกเอาลำห้วยตรงข้ามกับโป่งซึ่งเป็นหาดทรายอ่อนนุ่มถูกน้ำพัดไหลมาตกตะกอนตั้งแต่ครั้งฤดูฝน
    เราเลืกเอาจุดนี้เป็นที่พัก ด้านหลังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มหมอนทอดไปตามลำห้วยเหมือนกำแพงขวางกั้นป้องกันไอ้ลายเข้ามาถลกหนังหัวได้อย่างดี ด้านหน้าสูงขึ้นไปเล็กน้อยคือโป่งแหว่ง ห่างจากที่เรานั่ง ๆ นอน ๆ กันอยู่ราวสามสิบก้าว
    ผมปลดไฟฉายและเข็มขัดกล่องถ่านออกจากเอวเอาวางไว้ข้าง ๆ ตัว ตาสุ่ยไปหักกิ่งไม้มาปูให้ผมนอน ไอ้ช่วยถือปืนระวังภัย
    เป็นกฏธรรมดาของการนอนป่าใครคนหนึ่งจะต้องเป็นผู้ระวังภัย เราไม่ทราบว่าอันตรายจะเกิดขึ้นกับเราเวลาไหน อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่เพื่อความไม่ประมาทจะต้องเคารพกฏเกณฑ์ของป่า ถ้าพูดถึงหลักการไปนอนในป่า ทำเช่นนั้นผิดมากไม่ปลอดภัยสำหรับเราเลย แต่ถ้าจะขัดห้างนอนก็เป็นการลำบากเพราะดึกมากแล้ว แต่เราก็ไม่ประมาท ต้องจัดให้ใครคนใดคนหนึ่งเฝ้ายาม จะนอนหลับหมดทุกคนไม่ได้เป็นอันขาด
    ผมถอดมีดเหน็บออกจากฝักปักไว้กับพื้นทรายใกล้ ๆ กับตัว เมื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้หยิบง่าย ๆ ส่วนปืนพิงไว้กับขอนไม้ขนาดใหญ่บนหัวนอน เพื่อจะคว้าได้ง่าย ๆ เช่นกัน
    ส่วนเป้สนามที่ใส่ผ้าห่มและของใช้บางอย่าง เป็นของกระจุกกระจิกหลายอย่างกลายเป็นหมอนอย่างดี แล้วผมก็เอนตัวลงนอน
    ตาสุ่ยนั่งยามผลัดแรก ส่วนไอ้ช่วยจะให้อยู่ผลัดหลัง ไอ้ช่วยก็หาที่นอนไม่ไกลจากผมนัก
    ผมนอนหงายบนพื้นทราย ข้างล่างมีกิ่งไม้ใบไม้ปูนอน เหยียดตัวตรงในท่าสบายที่สุด มองดูหมู่ดาวบนท้องฟ้าความเมื่อยล้าผ่อนคลายลงผมทำใจให้สบายพักผ่อนเต็มที่ ไม่กังวลสิ่งรอบข้าง ลมดึกพัดโชยมาไม่ขาดสาย มีความสงัดวังเวงของป่า ไม่ช้าผมก็ผล็อยหลับ
    ผมมาตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ผมรีบยันกายขึ้นมือคว้าหาปืนเป็นอันดับแรก กระชากลูกเลื่อนพร้อมที่จะเหนี่ยวไก พอเสียงปืนสงบลงผมก็ถามตาสุ่ย ?อะไร??
    ?ผมเห็นเงาตะคุ่ม ๆ เข้ามาที่โป่งนึกว่าก็ต้องเป็นกวางแน่ ๆ ผมว่าจะเอาไฟฉายส่องดูก็กลัวมันจะตื่นเลยกดเข้าไปหนึ่งนัด?
    ?ทำไมตาสุ่ยไม่ปลุกฉัน? ผมตำหนิ
    ?ผมเห็นนายกำลังหลับสบายก็ไม่อยากปลุก และคิดว่าระยะขนาดนี้ยิงไม่พลาดแน่?
    ผมกดสวิทช์ไฟส่องดูก็พบแต่ความว่างเปล่า
    แต่เสียงนั้นได้ยินชัดเจนและมีน้ำหนัก กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะเสียงฝีเท้านั่นเอง ผมยังมองไม่เห็นอะไรแม้จะเปิดไฟฉายส่องไปรอบ ๆ บริเวณโป่งเป็นพงรกมีไม้ยืนต้นประเภทไม้เบญจพรรณขึ้นหนาทึบ
    ผมรีบดับไฟฉาย ตอนนั้นไม่ได้สังเกตด้วยว่าอยู่เหนือลมหรือใต้ลม ฟัง ๆ ดูเจ้าของเสียงไม่ตื่นเต้นกับเสียงของเราเลย เพราะเสียงเดินของมันไม่มีทีท่ารีรอ หรือหวาดระแวงอะไร คงก้าวเป็นจังหวะตรงมาเรื่อย ๆ เราทั้งสามคอยเงี่ยหูฟัง ไอ้ช่วยกระซิบถามเบา ๆ
    ?กวางใช่ไหม??
    ?กูก็ว่าอย่างนั้น? ตาสุ่ยตอบเบาเช่นกัน
    จริงอย่างตาสุ่ยว่า อีกสักครู่เจ้าของเสียงก็มาปรากฏตัวให้เห็นทางด้านหนึ่งของโป่ง เป็นกวางตัวผู้ขนาดใหญ่ ผมมองฝ่าความมืดออกไปเห็นกวางพอตะคุ่ม ผมสั่งทุกคน ?อย่าเพิ่งยิง ใจเย็น ๆ?
    อันที่จริงผมควรจะเตรียมยิงได้ทันเหตุการณ ์แต่เพราะคิดขึ้นได้ถึงคำแนะนำของพรานเก่า ๆ ที่เคยบอกว่า ?โป่งนี้มันแรง? ทำให้ผมลังเล อีกอย่างหนึ่งปืนตาสุ่ยยิงออกไปหนึ่งนัดเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่เห็นโดนสัตว์สักตัว
    ที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทั้ง ๆ ที่มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดกวางตัวนี้มันจะเดินดุ่มเข้ามาทำไม ทั้ง ๆ ที่สัตว์มีกีบประเภทนี้มีสัญชาตญาณระวังภัยสูง กว่าจะลงกินน้ำหรือดินโป่งแต่ละครั้ง มันจะหยุดรอดูเหตุการณ์วนเวียนดูลาดเลาเสียก่อนเมื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตรายจึงจะลงกิน
    ดังนั้น ผมจึงรอดูท่าทีว่ามันจะยังไงกันแน่ ผมคาดไฟฉายติดไว้กับหน้าผากช้า ๆ หยิบเอากล่องแบตเตอรี่จากถ่านไฟฉายที่ติดกับเข็มขัดมาคาดเอว เสร็จแล้วหยิบปืนลูกซองห้านัดคู่มือมากระชับไว้มั่น ทุกอย่างผมทำโดยไม่รีบร้อน
    กวางตัวนั้นลงกินดินโป่งเสียงดังถนัดหู เพราะห่างจากที่เรานั่งอยู่ไม่กี่วา ผมตัดสินใจกดสวิทช์ไฟฉาย ในชั่วพริบตานั้นเอง จะเป็นกวางหรืออะไรกันแน่ก็ได้เห็นกันบัดนี้แหละ
    ผมกราดไฟฉายไปรอบ ๆ ดินโป่งแล้วไปหยุดนิ่งตรงวัตถุเคลื่อนไหว ที่นั่น! กวางตัวใหญ่กำลังก้มหน้าและเล็มกินดินโป่งอยู่ พอกระทบแสงไฟฉาย มันสะบัดหน้าขึ้นมอง จ้องแสงไฟเขม็งดวงตาลุกวาวก่อนที่จะเอี้ยวตัวหลบ
    ผมรีบดับสวิทช์ไฟฉายอย่างฉับพลัน ขออย่างเดียวอย่าให้มันตื่นแสงไฟเมื่อกี้นี้เลย เสียงมันลุยดงหญ้าห่างออกไป เสียงฝีเท้าที่ได้ยินนั้นไม่แสดงว่าตื่นตกใจแล้วเตลิดหนีแม้แต่น้อย มันเดินสม่ำเสมอเหมือนเมื่อตอนขามา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ขอให้มันเดินไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ผมภาวนาในใจ ขอให้มันเดินห่างออกไปจากโป่งแห่งนี้ที่เชื่อกันว่า ?ผีแรง? จะอยู่ที่ไหนก็ตาม นอกจากโป่งแห่งนี้ ผมจะตามไปยิง โอกาสของเรายังมี
    ผมชวนพรรคพวกให้ลุกตาม กำกับไอ้ช่วยกับตาสุ่ยไม่ให้ยิงจนกว่าจะได้รับคำสั่งจากผม เรารีบออกจากหาดทรายที่ท้องห้วย บุกป่าตามเสียงมันไป ซึ่งมันคงจะเดินตามด่านสัตว์อันคดเคี้ยว จนกระทั่งไปถึงเชิงเขา
    ตอนนั้น ความเหนื่อยและความง่วงนอนไม่มีเหลืออยู่สักนิด จิตใจของผมจดจ่ออยู่ที่กวางใหญ่ตัวนั้นเพียงจุดเดียว ถ้าล้มมันได้เขาของมันคงจะขายได้ราคางาม
    ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ทันได้สังเกตว่า กวางตัวนั้นเขามันหด ไม่ยาวเหมือนกวางทั่ว ๆ ไป และเขาหดอันนี้แหละทำให้ปืนยิงไม่เข้า แม้ว่าผมกับตาสุ่ยและไอ้ช่วยจะตามล่ามันตลอดคืน กว่าจะรู้ว่ามันเป็นกวางเขาหด มันก็ได้สร้างบทเรียนให้เราทั้งสามผู้ตามล่า ยากที่จะมีวันลืมพื้นที่ที่เราพากันเดินบุกมานี้ เป็นป่าที่เราเคยลุยมาเสียจนทั่วหลายครั้งหลายหน ทั้งกลางวันและกลางคืน จนเกือบจะพูดได้ว่าให้หลับตาเดินก็ไม่หลงทาง
    ผมรู้ว่ากวางตัวนั้นมันมุ่งหน้าไปทางไหน จึงพาตาสุ่ยกับไอ้ช่วยหาทางลัดเพื่อไปสกัดมัน ก่อนที่มันจะไปจนถึงเชิงเขา
    บริเวณดังกล่าวเหมาะที่สุด สำหรับดักซุ่มยิง เพราะพื้นที่มีต้นไม้ห่าง ๆ เป็นระยะสลับกันไป ผมกับพรรคพวกไปถึงบริเวณนั้นในราวยี่สิบนาทีต่อมา
    ที่นั่นมีกอไผ่ป่าขึ้นอยู่โดดเดี่ยวริมทางผ่าน ตรงนี้แหละเรายึดเป็นที่ซุ่มยิง ผมพยายามผ่อนลมหายใจเพราะความเหนื่อย เราทั้งสามต้องเดินทางมาอย่างรีบร้อนชนิดแข่งกับเวลา กลัวว่ามันจะเลยไปก่อน
    เหงื่อซึมเต็มใบหน้าและลำตัว ต้องใช้ชายผ้าขาวม้าเช็ดตามใบหน้าและอุ้งมือ บัดนี้เราพร้อมแล้วที่จะส่งกระสุนไปเด็ดชีพมัน เพราะอยู่ห่างโป่งที่ว่าผีแรงออกมาแล้ว ไม่ต้องกังวลสิ่งใด
    อีกประมาณสิบนาทีต่อมา เสียงฝีเท้าลุยพงหญ้าแห้งก็แว่วเข้ามาเสียงฝีเท้านั้นย่ำเข้ามาทุกขณะ แสดงว่ากวางตัวที่เรารอคอยอยู่กำลังเดินมาตามที่ผมคาดคะเนไว้ไม่มีผิด
    ขณะนี้ความมืดครอบคลุมไปทั่ว มองไปทางไหนก็พบแต่ความมืดประกอบกับมีทิวเขาเป็นฉากกำบังขวางอยู่ จึงทำให้มองออกไปไม่เห็นอะไรเลย นอกจากใช้ประสาทหูคอยจับสำเนียงการเคลื่อนไหวแต่เพียงอย่างเดียว
    ท่ามกลางความมืด เสียงฝีเท้ากวางตัวนั้นหยุดชะงัก คงประมาณยี่สิบเมตร มันคงจะรีรอด้วยความหวาดระแวงตามสัญชาตญาณของมัน
    ผมภาวนาขออย่าให้มันเปลี่ยนทางเดิน เพราะอันที่จริงระยะแค่นี้ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับปืนสามกระบอกของเรา ปืนที่กระชับอยู่ในมือของแต่ละคน
    แต่บริเวณที่กวางตัวนั้นหยุดยืนมีพุ่มข่อยบังอยู่ ต้นข่อยสลับซับซ้อนสูงเลยหัวเราเล็กน้อย ถ้าผมเปิดไฟเดี๋ยวนั้นก็จะเห็นเป้าไม่ชัด เพราะมีสิ่งกำบัง ถ้ามันตื่นหลบไปเสียก่อนก็เป็นอันว่าเลิกกัน เรื่องยิงไล่หลังนั้นอย่าได้คิดดีกว่า
    ขณะที่ผมใจระทึกอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีก มันกำลังบ่ายหน้าตรงมาหาเรา โดยไม่ระแวงว่าความตายกำลังรอมันอยู่ข้างหน้า ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามา ระยะทางหดสั้นเข้าทุกที จนกระทั่งมันหลุดออกมาจากดงข่อย และอยู่ห่างจากพวกเราไม่เกินสิบเมตร ผมกระซิบบอกให้ทุกคนเตรียมตัวบอกว่า ?พอฉันเปิดไฟก็ยิงเลย ไม่ต้องรอ?
    ผมกลั้นใจเปิดสวิทช์ไฟฉายขึ้น ไฟฉายส่องสัตว์พุ่งเป็นลำแสงยาวสว่างโร่ แสงไฟพุ่งเข้าจับร่างเปรียวอย่างเหมาะเจาะ กวางตัวนั้นหยุดชะงัก
    มันยืนเบิ่งมองแสงจ้า ซึ่งพุ่งสวนเข้าหาอย่างกะทันหัน บนซอกขาหน้าตรงหัวใจเด่นชัดอยู่ท่ามกลางแสงไฟ เพียงสอง-สามวินาทเสียงปืนทั้งสามกระบอกก็คำรามขึ้น ราวกับนัดกันไว้
    พอเสียงปืนสงบลง แทนที่จะเห็นกวางทรุดฮวบอยู่กับที่ กวางที่เห็นชัดเจนอยู่ท่ามกลางแสงไฟกลับเบนหน้าเหยาะย่างเข้าข้างทาง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่มันอะไรกัน! เราทั้งสามต่างพิศวง ไม่น่าจะเป็นไปได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าอัศจรรย์
    เรามัวแต่มุ่งจะยิงกวางตัวนั้นให้ได้ จนลืมดูเขาที่บนหัวของมัน ต่อมาจึงรู้ว่ามันเป็นกวางเขาหด เขาของมันมีอานุภาพป้องกันกระสุนปืนได้
    เราทั้งสามต่างตกตะลึงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันไม่น่าจะยิงพลาดระยะไม่ถึงสิบเมตร แล้วก็ปืนตั้งสามกระบอก น่าจะถูกเข้าสักนัด ระยะแค่นี้เท่าที่เคยยิง อย่าว่าแต่กวางเลย ต่อให้กระต่ายหรืออีเห็นก็ยิงไม่พลาด เป็นไปได้อย่างไร?
    ไอ้ช่วยด่าตัวเอง
    ?ไอ้ห่า แค่นี้ก็ยิงไม่ถูก? มันก็หมายความว่าด่าผมและตาสุ่ยด้วย แต่พวกเราไม่ถือสา มันจริงอย่างไอ้ช่วยว่า ?แค่นี้ก็ยิงไม่ถูก?
    หรือจะเป็นกวางเจ้าป่าที่มีอำนาจลึกลับคุ้มครอง ลูกปืนทำอะไรมันไม่ได้
    เสียงฝีเท้าของกวางตัวนั้นลุยหญ้ามุ่งหน้าสู่ตีนเขาไปเรื่อย ๆ ดูทีท่าของมันไม่ได้เร่งร้อนหรือตื่นเต้นตกใจกับเสียงปืน ที่พวกเราประเคนเข้าใส่ทั้งสามกระบอกเมื่อสักครู่
    เราตามเสียงฝีเท้าโดยไม่ยอมใช้ไฟฉาย หลายครั้งที่เราสะดุดรากไม้ที่โผล่ขึ้นเหนือดินและเหยียบลงลงไปในหลุมบ่อเล็ก ๆ ที่มีน้ำขัง บางครั้งก็เซถลาแทบล้มเพราะลื่น
    และบางคราวต้องแหวกพงรก เพื่อหาทางลัดอ้อมไปสกัดหน้ามันไว้ให้ทัน บางครั้งก็ดูทุลักทุเล เสียงฝีเท้านำหน้าเราไปนั้นมันดังถนัดหูราวกับว่าไอ้กวางตัวนั้นจงใจจะเย้ยหยันเราอยู่ในตัว
    เพราะมันไม่ได้ทิ้งระยะห่างออกไป แต่หากทอดระยะห่างสม่ำเสมอ คล้ายกับว่าล่อให้พวกเราตามไปเรื่อย ๆ จากชายป่าสู่ทุ่งราบ เสียงฝีเท้าของกวางเดินนำหน้าเราขึ้นสู่ที่ลาดตีนเขา เดินไปเรื่อย ๆ ตามธรรมชาติของสัตว์มีเขาระเกะระกะเช่นกวางทั่ว ๆ ไปมันจะต้องหลีกเลี่ยงเดินเข้าดงที่รกทึบ ซึ่งมีเถาวัลย์พันเกี่ยวระโยงระยาง เขาของมันจะต้องเกี่ยวพันกับต้นไม้และเถาวัลย์
    แต่ปรากฏว่ากวางตัวนี้ ไม่มีอุปสรรคกับการบุกป่า คิด ๆ ก็น่าพิศวงว่าเขาของมันไม่เกะกะหรืออย่างไร
    ตาสุ่ยหยุดคิดนิดหนึ่งเพื่อกำหนดทิศทาง เมื่อแน่ใจแล้วก็บ่ายหน้าตรงไปยังจุดนั้น พยายามไม่ให้เกิดเสียงยิ่งใกล้เข้าไปเราก็ได้ยินเสียงกัดทึ้งยอดไม้ดังชัดเจน
    มันคงกำลังเพลิดเพลินกับการและเล็มใบอ่อน ของต้นไม้ตรงนั้นหรือมันกำลังท้าทายให้เราเข้าไปใกล้ก็ยากที่จะเดาใจมันถูก
    แต่ที่แน่ ๆ ก็คือมันไม่ยอมหนี ทั้ง ๆ ที่ผมและเพื่อนเคลื่อนตัวเข้าไปจนห่างจากจุดที่ได้ยินเสียงราวเจ็ด-แปด เมตร โดยมีพุ่มไม้เตี้ย ๆ เป็นฉากกำบัง
    ?ทุกคนเตรียมพร้อม? ผมกระซิบเบา ๆ ท่ามกลางความมืด ปืนทั้งสามกระบอกประทับไว้ที่ไหล่ในท่าเตรียมยิง วินาทีนั้นผมก็เปิดสวิทช์ไฟฉาย
    สิ่งที่เห็นอยู่ในแสงไฟก็คือ พุ่มไม้ใบหนาขวางหน้าเราอยู่ เราสามคนเคลื่อนไหวเล็กน้อย พร้อมกับวาดปืนตามแสงไฟที่เบนเข้าหาตัวกวาง
    ลำไฟฉายพุ่งเข้าจับเต็มหน้ากวางตัวนั้นพอดี มันเบิ่งมองแสงไฟนิ่งอยู่กับที่หูลู่แนบไปข้างหลัง
    แต่ให้ตายเถอะ เราทั้งสามมองเห็นถนัด กวางผีตัวนี้ไม่มีเขาเลยเขาของมันมีเพียงตูม ๆ อยู่บนหัวทั้งสองข้าง นี่มันอะไรกันเราไม่ได้เสียเวลาคิด จุดตายที่เฉียบขาดที่สุดก็คือ เล็งให้ตรงหัวใจ ไหล่ของผมไหวเยือกเมื่อนิ้วชี้มือขวาน้าวไกปืน กระสุนยิงรัวออกไปทั้งชุด เสียงดังจนแสบแก้วหู ตาสุ่ยกับไอ้ช่วยก็ยิงคนละนัดเช่นกัน
    พอเสียงปืนสงบลง กวางตัวนั้นมันเบิ่งมองพวกเรา มันสะบัดหัวสอง-สามครั้งแล้วก็เดินหายแวบเข้าไปในป่าตรงพุ่มไม้ทึบ หูผมไม่ฝาดเลยได้ยินเสียงกวางตัวนั้นเอาเท้าตะกุยดิน ก่อนมันจะเดินออกจากที่นั่นไป
    ผมเผ่นพรวดออกไปก่อนเพื่อน ใช้ไฟฉายส่องสัตว์ส่องดูจนทั่วก็ไม่พบมัน เสียงฝีเท้าก็พลอยเงียบหายไปราวกับปลิดทิ้ง
    เราได้พิสูจน์ถึงสองครั้งสองคราวแล้ว ไม่มีรอยเลือดแม้สักหยด
    มันเป็นกวางเขาหด เขาของมันมีอานุภาพป้องกันกระสุนปืน...
    ........................

    ผมไม่เล่า(คัดลอก)เรื่องนี้แต่ต้นและจบ เพราะแค่จะให้เข้าใจเรื่องเขากวางคุดเพียงเท่านั้น

    พักโฆษณา ประเดี๋ยวจะกลับมาเล่า ว่าแดงสิงห์ป่าซุงได้มาอย่างไร
     
  12. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,074
    ค่าพลัง:
    +22,254
    สัตว์มันฆ่ากันเพื่อกิน..................


    สะท้อนจากข่าว........................... "เกาเหลาเลือดหมู".......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2013
  13. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ช่วยผมตรวจทานตารางด้วยนะครับ และอย่าเกรงใจที่จะทักท้วงรักษาสิทธิ์

    ของคุณเบเบ้ ผมค้างมาหลายวันแล้ว เพิ่งจะได้มาจากพี่นิ่ม ตัวนี้เสกมาจนหยดสุดท้ายทีเดียว พรุ่งนี้ดำเนินการให้ครับ

    .............................

    วันจันทร์ที่จะถึงนี้ หลวงพี่ฯจากปัตตานี จะขึ้นมาเยี่ยมผมพร้อมส่งหุ่นฯและควายฯและกริชตัวอย่าง รายละเอียดจะนำเสนอต่อไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2013
  14. NEWESTTSEWEN

    NEWESTTSEWEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,661
    พี่ทิพย์ครับ รบกวนแก้ตารางให้ด้วยนะครับ หรือหากเช็คในสมุดบัญชีแล้วไม่พบยอดโอนของผม รบกวนแจ้งผมด้วยนะครับ จะได้เอาสลิปมายืนยันการโอนครับ

    ขอบคุณครับ
     
  15. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ดึกหน่อยนะครับ จะแก้ให้ ตอนนี้อยู่ที่ทำงาน
     
  16. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    แดง สิงห์ป่าซุง เคยเป็นเด็กคุมวินรถมาก่อน แล้วค่อยเขยิบมาเป็นมือปืนมีสังกัด
    ในยุคนั้นที่ชลบุรีมีซุ้มมือปืนอยู่หลายซุ้ม ซุ้มป่าแดง ซุ้มทุ่งเหียง และซุ้มเจ้าพ่อฯที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทดแทนคนที่ล้ม

    สมัยแดง ยังอยู่ในเหมือง พบเห็นกวางลักษณะประหลาด เขาที่หัวมันกุด และไม่มีใครจับหรือยิงมันได้ แม้แต่แดงเองก็หมดกระสุนกับเวลาในการล่าและดักอยู่หลายครั้ง

    จนท้ายสุดแล้ว ต้องใช้รถแมคโครที่ใช้งานในเหมือง มาขุดหลุมกว้างและลึกในจุดที่ใกล้กับจุดพบเห็น แล้วทำการตีล้อมให้กวางเขาคุดตัวนั้นวิ่งเข้าหาหลุมดัก จึงได้ตัวมา

    มีพรานที่เรียนวิชาอาคมบางคนเรียกเขากวางหด และพูดถึงมันเอาไว้
    "เขากวางหดมันเป็นของดี เป็นเครื่องรางป้องกันกระสุนปืน แต่ถึงวันที่ต้องชดใช้หนี้กรรม แม้จะมีเครื่องรางของขลังก็ช่วยอะไรบ่ได้ ตัวกวางเขาหดเองก็ย่อมมีวันตายของมัน วันตายของมัน เขาที่หดของมันก็คุ้มครองมันบ่ได้ ใครได้ครอบครอง เขาก็จำวันตายของกวางไว้"
    "เครื่องรางของขลังเป็นแต่เพียงสิ่งสมมุติ ย่อมมีวันเสื่อม อย่าลืมว่าฤทธิ์แพ้กรรม คนเราถ้ากรรมตามทันต้องเผลอเข้าจนได้"


    แดงสิงห์ป่าซุง เมื่อถึงคราวขัดสน(อาชีพมือปืนไม่มีสวัสดิการ เป็นขอทานที่วัดไร่ขิงยังรวยกว่า) ก็แวะมาเยี่ยมพี่นิ่ม
    พี่นิ่มรู้ทันก็เอ่ยปากช่วยเหลือ เงิน4หมื่นบาทเมื่อสมัย 20 ปีก่อน ทำให้ได้หัวกวางตัวนั้นมาทั้งหัว

    เขากวางคุดของพี่นิ่มได้มาล่าสุด ก็เมื่อหลวงพ่อสมบุญ วัดปอแดง ให้มาเมื่อปีที่แล้ว และก็แบบเดิม ทดสอบ! .38 ของพี่นิ่มไม่ลั่นเลย

    เคยได้ยินว่า หลวงปู่บุญท่านเคยเอาเขากวางคุดมาแกะเป็นองค์พระฯเหมือนกัน ก็พกพาสะดวกดี แต่ผมเห็นพี่นิ่มแกสะพายเขากวางแล้วนึกไม่ออก เวลาจะออกรบต้องเลี่ยมอย่างไร

    แต่พี่นิ่มก็พูดกับผมอย่างจริงจังว่า "ถ้าพี่ฯไม่เผลอหรือประมาท ไม่ต้องแขวนอะไร ก็ไม่มีใครทำพี่ฯได้"
    อย่างพี่นิ่มคงไม่มีใครมาทำอะไร แต่เรื่องเผลอหรือประมาทว่ากันไม่ได้ อย่าว่าแต่มือปืนเลยต่อให้เป็นเจ้าพ่อฯ ถ้าไม่นอนป่วยในคุก ก็นอนเปลวีไอพีบนรถปอเต็กตึ้งกันทั้งนั้น

    แล้วก็อย่าไปเสียเวลาเสียเงินซื้อของปลอมนะครับ ตอนนี้มีขายเกลื่อนเวปฯเลย

    ถ้าชอบจะมาเล่าอีก ยังเหลือมือปืนคนไหนบ้างในตำนาน เดี๋ยวจะไปสัมภาษณ์พี่นิ่มเพิ่ม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2013
  17. romegat

    romegat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,509
    ค่าพลัง:
    +9,414
    `ชอบครับ..ตามอ่านอยู่ครับ :)
     
  18. plamp256

    plamp256 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,308
    ค่าพลัง:
    +6,725
    จองกริช 1 เล่มครับ ถ้าทัน
     
  19. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ej990090528th

    ....................................

    กำลังจะจัดส่งพัสดุของเพื่อนสมาชิกท่านอื่นที่เหลือ ก็พอดีได้รับการติดต่อจากหลวงพี่ที่วัดบ้านตรัง ว่าจะนำหุ่นและควายเข้ากรุงเทพฯ ในวันอังคารนี้ ก็เลยจะขอล่าช้าไปอีกวันสองวัน เพื่อจัดซื้อกล่องพัสดุที่ใหญ่ขึ้นและปลอดภัยขึ้นให้เพื่อนสมาชิก (ขอดูตัวอย่างกริชด้วย)
     
  20. 5000

    5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,491
    ค่าพลัง:
    +7,121
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...